Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1700-1703

 ตอนที่ 1700 ไฟสงครามมอดดับ อินทรีสวรรค์รื่นเริง

เมื่อเหล่านักยุทธได้บรรลุขึ้นอาณาจักรใหม่ เวลานั้นมันคือเวลาที่พวกเขาจะได้เข้าใกล้ยอดเต๋าที่สุด เป็นเวลาที่เหมาะสมแก่การทำความเข้าใจแนวคิดเป็นอย่างมาก


เล่งหยูนั้นมีพื้นฐานความเข้าใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติบ้าง และเขาเองก็ไม่ได้เป็นคนที่โง่งมนัก


เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้ทำการเปลี่ยนแปลงตั้งค่าห้วงมิติสิบทอดใหม่เพื่อให้มันเหมาะกับเล่งหยูมากขึ้น เพื่อที่จะช่วยให้เขาคนนี้สามารถเข้าใจและบรรลุแนวคิกแห่งห้วงมิติได้


และแน่นอนว่าเล่งหยูไม่ได้ทำให้เย่หยวนผิดหวังเช่นกัน เขาสามารถบรรลุได้และกลายมาเป็นผู้ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติหนึ่งดาวได้ในคราเดียว


ในเวลาปกติ ต่อให้มีเวลาเป็นหมื่นปีมันก็อาจจะไม่สามารถที่จะเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้


แต่พลังความโกลาหลในโอสถยอดหยกโมฆะของเย่หยวนนั้นมันไม่ธรรมดามาแต่แรกแล้ว


บวกเข้ากับจิตใจที่สงบและหนักแน่นของเขา มันจึงทำให้ตอนนี้เล่งหยูสามารถบรรลุมาได้สำเร็จ


คราวนี้มันได้เวลาที่เล่งหยูจะทำการแสดงความสามารถออกมาแล้ว


แม้ว่าเล่งหยูจะไม่ได้รวมแนวคิดแห่งดาบเข้าไปกับแนวคิดแห่งห้วงมิติเหมือนเย่หยวน แต่เมื่อใช้ออกมามันก็ยังสร้างความแตกต่างที่มหาศาลได้


ถึงเหวินอี้หลินจะมีพลังที่ไม่ด้อย แต่เขาก็ยังนับว่าเป็นแค่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์หน้าใหม่คนหนึ่ง การบรรลุของเขานั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้แค่ไม่กี่หมื่นปี


ในชั่ววินาทีนั้นเขาจึงถูกกดดันเข้าทันที


ในหมู่คนทั้งสี่ มีแค่เจิ่งชีเท่านั้นที่ดูจะอ่อนแอกว่าอีกฝั่ง แต่ศัตรูของเขาก็ไม่ได้เก่งกาจมากมาย เขาจึงพอที่จะรับมือได้ไม่ยาก


ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่ได้ใช้ไม้เด็ดออกมา มันจึงทำให้สถานการณ์เปลี่ยนพลิกกลับทันควัน!


ซุบ!


แสงแห่งดาบพุ่งผ่านตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นว่าบนร่างของเหวินอี้หลินมีรูเพิ่มขึ้นมาอีกรู


เล่งหยูยังคงกดดันอย่างต่อเนื่อง ปล่อยดาบออกมารวดเร็วกว่าอีกฝ่าย


เหวินอี้หลินโดนถล่มจนราบ มีหรือที่เขาจะยังเหลือแรงไปสวนกลับใดๆ?


ปัง!


ดาบแสงอีกลำพุ่งผ่านความว่างเปล่าและตรงเข้าร่างของเหวินอี้หลินจนส่งเขาตกลงสู่พื้นดินทันที


เล่งหยูยกดาบยาวขึ้นพร้อมมองดูร่างใกล้ตายของเหวินอี้หลิน “ข้าเสียเวลาไปนับแสนปีจริงๆ แต่ชีวิตข้าก็ยังดีกว่าเจ้านัก! เพราะว่าตอนที่ข้าหมดหวังในชีวิต ข้ากลับได้เจอคนที่ทำให้ชีวิตข้ามีความหวังอีกครั้งยังไงล่ะ”


เหวินอี้หลินนั้นบาดเจ็บหนักมากแล้ว เขากำลังใกล้ตายเต็มที ดวงตาของเขาก็แฝงไปด้วยความกลัวและความรู้สึกอยากรอดชีวิต


เขาแพ้ลงง่ายๆ เช่นนี้!


เล่งหยูไม่คิดที่จะสงสารแม้แต่น้อยและแกว่งดาบตัดลง จบชีวิตของเหวินอี้หลิน


เมื่อผู้ตรวจการได้เห็นภาพนี้ เขาก็พูดอะไรไม่ออก


ในวินาทีที่ผ่านมานี้ เรื่องราวมันได้กลับตาลปัตรไปหมด


เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์สามารถพลิกกลับมาได้!


เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะมีอะไรเก็บซ่อนไว้มากมายขนาดนี้!


ผู้ตรวจการเปิดปากกว้าง อยากจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะพูดอะไร


บนท้องฟ้าการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป


โซชูเจียควบคุมเขาหน่วงเทพบรรพกาลไว้และเดินหน้ารุกเอาชัยชนะมาจนทำให้เฉียวอันชานแทบทนทานไม่ไหว


พลังฝีมือของพวกเขาเดิมทีมันไม่ห่างไกลกันมาก โซชูเจียที่มีพลังของสมบัติในมือจึงได้เปรียบอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด


ปัง!


แค่ประมาทนิดเดียวเฉียวอันชานก็ถูกส่งกระเด็นไปอีกครา


แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเฉียวอันชานกลับเลือกที่จะเปลี่ยนร่างเป็นลำแสงพุ่งหนีไปทั้งๆ อย่างนั้น!


เรื่องนี้มันทำให้ทุกผู้คนตื่นตกใจมาก


ผู้ตรวจการได้แต่ถอนหายใจก่อนจะพุ่งร่างออกมาบ้าง


คลื่นพลังงานอันรุนแรงพุ่งผ่านเส้นขอบฟ้า


เงาร่างหนึ่งผ่านหน้าเฉียวอันชานไป ผู้ตรวจการนั้นไปถึงด้านหน้าของเขาก่อนได้ทั้งๆ ที่พุ่งตัวออกมาทีหลังหยุดเฉียวอันชานไว้กับที่


ผู้ตรวจการถาม “เจ้าจะไปไหน?”


เฉียวอันชานนั้นมีสภาพเหมือนคนเสียสติและตะโกนลั่นออกมา “จะรู้ไปทำไมว่าพ่อเจ้าอยากไปไหน? พ่อเจ้าไม่อยากตาย เจ้าจงถอยไปให้ไกล!”


พูดจบเฉียวอันชานก็พุ่งเข้าโจมตีผู้ตรวจการด้วยขวานอย่างบ้าคลั่ง


“รนหาที่ตาย!”


ผู้ตรวจการนั้นคือตัวตนอันยิ่งใหญ่ในสิบเมืองสันเขาใต้


แต่เฉียวอันชานนั้นขาดสติไปด้วยความพ่ายแพ้ จึงกล้าที่จะโจมตีใส่เขา


คลื่นพลังของผู้ตรวจการพุ่งสูงสะท้านฟ้า มันคือพลังโลก และตามมาด้วยหมัดที่ต่อยตรงออกมา!


ปัง!


เสียงดังสนั่นดังขึ้น


หลังจากนั้นมันก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก


ผู้ตรวจการเก็บขวานยักษ์ของเฉียวอันชานไปและพูด “เจ้าโง่ตาบอดแสนบ้าบิ่น! ถึงขั้นกล้าที่จะลงมือต่อข้าผู้นี้!”


แค่พริบตา สองยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ก็ได้ตายตกลง


นั่นทำให้เล่งหยูและโซชูเจียได้เข้าร่วมการต่อสู่ที่เหลือ และเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็กวาดล้างยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิยอดสันติลงได้อย่างงดงาม


เมื่อตราดาบทองคำปรากฏขึ้น มันก็จะไม่มีการหยุดพักใดๆ จนกว่าฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะตายตกลง


เพียงแค่ว่าเฉียวอันชานคงนึกไม่ถึงว่าเมืองจักรพรรดิยอดสันติจะต้องมาจบลงด้วยชะตากรรมแบบนี้


“เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จงเจริญ!”


“ท่านเจ้าเมืองจงเจริญ!”


“ผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวนจงเจริญ!”



เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทั้งเมืองต่างลั่นไปด้วยเสียงโห่ร้องดีใจ จากสิ้นหวังสู่ความหวัง และพุ่งตรงเข้าสู่ชัยชนะ


การต่อสู้นี้มันเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง แต่กลับนำพาเรื่องที่แสนน่าตกใจมาสู่พวกเขามากมาย


ไม่มีใครคิดว่ายอดฝีมือแห่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติจะถูกกวาดล้างลงง่ายๆ เช่นนี้


และคนที่คิดโจมตีมาก่อนก็ยังเป็นฝ่ายเมืองจักรพรรดิยอดสันติเองอีกต่างหาก


โซชูเจียนั้นมีใบหน้าที่แสนเปี่ยมสุข


การต่อสู้นี่เป็นการต่อสู้ที่เขาได้ลงมืออย่างสุดสะใจ


ในฐานะเมืองจักรพรรดิที่อ่อนแอที่สุดในสิบเมืองสันเขาใต้ โซชูเจียในฐานะเจ้าเมืองจึงต้องทำตัวนอบน้อมก้มหัวมาตลอด


แต่วันนี้เขาได้ประกาศศักดาให้อีกแปดเมืองได้รู้แล้ว!


“ฮ่าๆ เยี่ยมจริงๆ! ข้าจำไม่ได้แล้วจริงๆ ว่าข้าได้รู้สึกสดชื่นขนาดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันแน่!” เหอชงหัวเราะเปี่ยมสุข


โซชูเจียยิ้ม “ใช่! หลังจบศึกนี้ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราคงขึ้นไปอยู่หนึ่งในห้าของสิบเมืองสันเขาใต้แน่! ในอนาคตมันจะไม่มีใครกล้ารังแกเราอีกแล้ว! มาเถอะ เรื่องนี้เราต้องไปขอบคุณเย่หยวนเสียก่อน หากไม่มีเขา ผลลัพธ์ในวันนี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น!”


ทุกคนต่างพยักหน้ารับเมื่อได้ยินและตามโซชูเจียไป


ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งสี่มาถึงพร้อมกัน โดยโซชูเจจียคืนเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปให้เย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “เย่หยวน ศึกนี้ข้าในฐานะตัวแทนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต้องขอขอบคุณเจ้า!”


เย่หยวนยิ้มตอบ “ท่านเจ้าเมืองอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย เย่ผู้นี้เองก็เป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งหอโอสถ เป็นธรรมดาที่ข้าต้องร่วมมือช่วยเหลือเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเรา”


ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งสี่นั้นขอบคุณเย่หยวนอยู่ในใจ


เว้นเสียแต่ว่า พวกเขาตอบแทนอะไรเย่หยวนได้ไม่มากนัก


ที่สำคัญ พวกเขาก็รู้ด้วยว่าการเดินทางของเย่หยวนนั้นมันคงไม่จบลงที่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้แน่ ต่อให้เป็นทั้งสิบเมืองสันเขาใต้ก็คงไม่เพียงพอจะหยุดเขา


ไม่นานจากนี้ สักวันเขาจะจากไป


แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เย่หยวนนำมาสู่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันแสนยิ่งใหญ่อย่างไร้คำบรรยาย


ตอนนี้ผู้ตรวจการได้เดินเข้ามาหันมองเย่หยวนก่อนจะหันไปพูดกับโซชูเจีย “พันธะดาบทองคำจบลงแล้ว ข้าผู้นี้จะกลับเอาเรื่องของสิบเมืองสันเขาใต้นี้ไปรายงานแก่เบื้องบน ตามกฎแล้วจากนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะต้องเข้าครองเมืองจักรพรรดิยอดสันติ พวกเจ้าจงส่งคนไปจัดการเรื่องราวอย่างด่วนที่สุด แต่อย่าได้สร้างปัญญาเชียวล่ะ”


โซชูเจียรีบตอบ “ขอรับท่านผู้ตรวจการ!”


ผู้ตรวจการพยักหน้ารับและหันไปหาเย่หยวน “เย่หยวน เจ้ามากับข้าหน่อย”


ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ผู้ตรวจการได้พาเย่หยวนไปที่ด้านข้าง “เด็กน้อย คราวนี้ให้ถือว่าข้าติดหนี้เจ้าก็ได้! ครั้งนี้ข้ากลับไปเมืองหลวงจักรพรรดิข้าจะไปหายาสมุนไพรมาให้เจ้าหลอมโอสถยอดหยกโมฆะ ถึงตอนนั้นเจ้าจะช่วยหลอมให้ข้าคนนี้ได้หรือไม่?”


เย่หยวนยิ้มตอบ “นายท่านก็พูดเกินไป แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้นายท่านโปรดอย่าได้ใส่ใจกับมันเลย”


ผู้ตรวจการมองดูใบหน้าของเย่หยวนอีกครั้งด้วยความรู้สึกตื่นกลัวอยู่เต็มหัวใจ


ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเด็กคนนี้มันได้วางแผนการรับมือทุกอย่างมาก่อนหน้าแล้ว ถึงจะพูดจะทำอะไรออกมาดูเหลือเชื่อ แต่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นไปตามแผนการ อยู่ใต้การควบคุมของเขาทั้งสิ้น


อย่าได้ใส่ใจ?


ต่อให้เย่หยวนจะไม่ใส่ใจ แต่มีหรือที่เขาจะไม่เอามันมาใส่ใจ?


แต่คำพูดนี้ของเย่หยวนมันช่วยให้เรื่องราวในครั้งนี้เหมือนเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย


แบบนี้มันก็จะช่วยรักษาหน้าเขาและทำให้เขาติดบุญคุณได้


เด็กคนนี้มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!


ตอนที่ 1701 หนึ่งร้อยปีต่อมา

เป็นคนดังทะลุฟ้าด้วยสงครามแค่ครั้งเดียว!


ตอนนี้ชื่อเสียงของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้โด่งดังไปทั่วสิบเมืองสันเขาใต้อย่างหยุดไม่อยู่


ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สี่คน คนทั้งสี่ชนะยอดฝีมืออาณาจักรสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิยอดสันติได้อย่างราบคาบโดยไม่ต้องเสียใครไปเลย


ผลลัพธ์นี้มันช่างเจิดจ้าจนเกินไป!


ในหมู่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของสิบเมืองสันเขาใต้นั้นย่อมมีผู้ที่แข็งแกร่งและผู้ที่อ่อนแอเป็นปกติ แต่ความแตกต่างนั้นมันก็ช่างเล็กน้อยเหลือเกิน


โดยปกติหากเกิดการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องพบเจอความสูญเสียบ้างไม่มากก็น้อย


แต่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์กลับไม่เสียยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คนใดไปเลย


เรื่องนี้มันแสดงถึงอะไร?


มันแสดงว่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นแข็งแกร่งมากพอที่จะทำลายเมืองจักรพรรดิยอดสันติลงได้อย่างง่ายดาย


แต่ทว่าเรื่องนี้ก็ยังมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุดที่สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าเมืองจักรพรรดิอื่นๆ


เรื่องที่พวกเขาทั้งหลายตกตะลึงที่สุดก็คือเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมียอดนักหลอมโอสถ จอมเทพโอสถที่สามารถหลอมโอสถยอดหยกโมฆะได้


นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งหลายอิจฉาริษยามากที่สุด!


ชื่อเสียงของเย่หยวนนั้นโด่งดังไปทั่วทั้งสิบเมืองสันเขาใต้พร้อมๆ กับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์


ยอดอัจฉริยะเทพโอสถที่สามารถหลอมโอสถยอดหยกโมฆะได้ มันจะหมายความว่ายังไง?


มันก็หมายความว่าตราบที่เย่หยวนมียาสมุนไพรพอ เขาก็จะสามารถสร้างยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มาได้อย่างไม่มีจำกัด!


ใช่แล้ว! มันคือการผลิตแบบไร้จำกัด!


ความสามารถนี้มันทำให้ผู้คนต้องแทบคลั่ง


สิ่งใดกันที่สิบเมืองสันเขาใต้ต้องการมากที่สุด?


ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ยังไงล่ะ!


แต่ด้วยความสามารถของเย่หยวน ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์กลับสามารถถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร้จำกัด มันจะเป็นพลังความสามารถที่เหนือล้ำฟ้าอะไรขนาดนี้


สำหรับเมืองจักรพรรดิอื่นๆ แล้ว พวกเขาไม่สามารถจะรู้สึกใดๆ ได้นอกจากความอิจฉา


โชคยังดีที่แม้จะมีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้ามากมาย แต่คนที่ไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้มันก็มีไม่มากนัก


นอกจากนั้นเหล่าสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมโอสถยอดหยกโมฆะนั้นยังเป็นสิ่งของที่หาได้ยากมากในแดนสันเขาใต้นี้ คนที่จะรวมมันได้ครบจริงๆ จึงมีไม่มาก


ไม่เช่นนั้นฟ้าของสิบเมืองสันเขาใต้คนได้เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือแน่


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เมืองจักรพรรดิหยกเมฆาก็ยังเสนอเงินมาถึงสามแสนล้าน เพื่อที่จะเชิญเย่หยวนไปช่วยหลอมโอสถยอดหยกโมฆะให้


เมืองจักรพรรดิหยกเมฆานั้นคือเมืองจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สิบเมืองสันเขาใต้ ด้วยจำนวนยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่มีถึงห้าคนด้วยกัน


มีแค่เมืองจักรพรรดิหยกเมฆาเท่านั้นที่จะสามารถรวบรวมยาสมุนไพรในการหลอมโอสถยอดหยกโมฆะได้


เพราะสมุนไพรทั้งหลายนั้นหาได้ยากยิ่ง หากเย่หยวนไม่ได้ไปซื้อหามาจากเมืองหลวงลาภสายน้ำตอนนั้น การจะมารวบรวมตอนนี้ตามปกติธรรมดามันคงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย


สมุนไพรที่ใช้ในการหลอมโอสถยอดหยกโมฆะนั้นรวมๆ ราคาน่าจะราวสองหมื่นล้าน แค่นี้มันก็มากพอจะแสดงแล้วว่าตัวโอสถจะทรงค่ามากแค่ไหน


แต่ราคาที่เมืองจักรพรรดิหยกเมฆายอมจ่ายถึงสามแสนล้านนั้นมันก็เพื่อที่จะชักจูงให้เย่หยวนชวนไปหลอมให้ก็เท่านั้น


ส่วนตัวยาสมุนไพรพวกเขาเตรียมไว้พร้อมแล้ว


ขอแค่เย่หยวนหลอมมันได้สำเร็จก็เป็นพอ


สามแสนล้านซื้อยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ได้นั้นมันคุ้มจนแสนจะคุ้ม


แต่ว่าเย่หยวนก็ปฏิเสธไป


การไปเพิ่มกำลังให้เมืองจักรพรรดิอื่นนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องที่เย่หยวนอยากจะทำแน่ๆ


ตั้งแต่วันนั้น เหล่าเมืองจักรพรรดิอีกแปดแห่งก็มักจะส่งคนมาที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เพื่อขอซื้อโอสถจากเย่หยวน


มันไม่มีทางเลือกเลย เพราะโอสถระดับสี่ที่เย่หยวนหลอมนั้นมันเปี่ยมคุณภาพ!


เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าจากเมืองจักรพรรดิอื่นๆ ที่ฝึกฝนบ่เพาะมาจนติดคอขวดต่างๆ โอสถใดๆ ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย


หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาคงได้แต่ติดอยู่ตรงนั้นและค่อยๆ นั่งรอความตายที่คืบคลาน


แต่ตอนนี้พวกเขาเกิดมีทางเลือกใหม่ขึ้นมา นั่นคือการขอซื้อโอสถจากเย่หยวน


เหล่ายอดฝีมือต่างๆ จากเมืองจักรพรรดิทั้งแปดนั้น ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถขอซื้อโอสถจากเย่หยวนไปได้ พวกเขาก็จะสามารถบรรลุขึ้นสู่ระดับใหม่ได้อย่างแน่นอน


เพราะแบบนี้นี่เองโอสถของเย่หยวนมันถึงได้โด่งดังนัก แต่ก็ยากที่จะได้มาเช่นกัน


มันเป็นเรื่องที่แน่นอน เพราะแค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ทั่วๆ ไปเย่หยวนยังไม่คิดที่จะหลอมมันให้คนนอกง่ายๆ


ส่วนโอสถที่สำคัญจริงๆ เย่หยวนจะไม่ยอมหลอมให้คนนอกเด็ดขาด นั่นคือหลักการคำมั่นของเขา


ที่สำคัญหากมีใครอยากได้โอสถจากเย่หยวน ราคามันยังสูงลิบลิ่วเลยด้วย


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ที่ประตูหน้าคฤหาสน์เย่ก็ยังมีคนมาไม่ขาดสาย


เพราะฉะนั้นตั้งแต่จบพันธะดาบทองคำลง เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็ได้กลายเป็นตัวตนที่แสนพิเศษไป


ต่อให้เป็นเมืองจักรพรรดิหยกเมฆาก็ไม่อาจจะมาว่ากล่าวลบหลู่ใดๆ ได้


ที่สำคัญมันยังมีข่าวลือหนาหูที่ว่าผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวนนั้นสนิทสนมกับผู้ตรวจการแห่งสิบเมืองสันเขาใต้ เจียงยู่ถัง ไม่น้อย


ข่าวลือนี้มันทำให้ผู้คนยิ่งลังเลที่จะทำอะไรเสียมารยาท ล้มเลิกความคิดเสียมารยาทใดๆ ที่เคยมีต่อเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไป


ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้ ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ เรื่องนี้มันจริงหรือเท็จแค่ไหน?


ส่วนที่ยิ่งทำให้คนเชื่อมากขึ้นก็คือเจียงยู่ถังเจ้าตัวไม่ได้ออกมาปฏิเสธใดๆ เลยด้วย!


ตั้งแต่จบพันธะดาบทองคำลง ตำแหน่งของเย่หยวนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นก็เรียกได้ว่าไม่มีผู้ใดเทียบเคียง


จนตอนนี้เขาไม่ต้องทำการบริหารใดๆ ต่อไปแล้ว


ตอนนี้ทั้งหอโอสถและหอยุทธต่างมีหรงซูและหนิงจื่อหยวนคอยดูแล


แต่หรงซูในตอนนี้จะยังมีความกล้าใดไปขัดขืนเย่หยวนอีก?


ส่วนหนิงจื่อหยวนนั้น ด้วยการที่เจิ่งชีและเล่งหยูบรรลุสู่อาณาจักรใหม่ไปทั้งคู่ มันจึงทำให้เขาได้กลายเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งหอยุทธไปโดยปริยาย


เย่หยวนเองก็จะไปช่วยสอนคนในหอโอสถบ้างเป็นบางที


และเวลาที่เขาไป ทั้งหรงซูและซวนอี้ต่างก็จะมาต้อนรับเขาอย่างดีและคอยรับฟังการบรรยายความรู้ของเขา


จนวันหนึ่ง ขณะที่เย่หยวนกำลังบรรยายอยู่ก็เกิดลมฟ้าแปรปรวน ซวนอี้ได้บรรลุตรัสรู้!


ตอนนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จึงได้ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มาอีกคน


ที่สำคัญเขายังเป็นถึงจอมเทพโอสถห้าดาวด้วย!


นี่คือจอมเทพโอสถห้าดาวคนแรกและคนเดียวของสิบเมืองสันเขาใต้!


แต่น่าเศร้าที่ซวนอี้ผู้นี้เป็นได้แค่จอมเทพโอสถห้าดาวแค่ในนามเท่านั้น


เพราะเหล่าสมุนไพรระดับห้าในเขตแดนสันเขาใต้นั้นมันช่างหาได้ยากยิ่ง ซวนอี้ไม่สามารถที่จะหามันมาศึกษาสร้างโอสถได้เลย


แต่ทว่าจอมเทพโอสถห้าดาวก็ยังเป็นจอมเทพโอสถห้าดาว พลังของเขานั้นมันต่างจากจอมเทพโอสถสี่ดาวอย่างชัดเจน


พริบตาเดียวเวลากว่าร้อยปีก็ได้ผ่านพ้นไป จนวันนี้มีร่างหนึ่งเดินมาหาเย่หยวนที่คฤหาสน์ด้วยเสียงหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ น้องเย่ เฒ่าคนนี้มาขอดื่มกับเจ้าอีกแล้ว!”


เย่หยวนออกมารับด้วยรอยยิ้มกว้าง “พี่เจียง ช่วงนี้ท่านมาบ่อยเหมือนกันนะ! เหล้านางฟ้าร้อยดอกไม้ของข้าคงบ่มไม่ทันกันพอดี!”


เหล้านางฟ้าร้อยดอกไม้นั้นคือสูตรเหล่าที่ใช้สมุนไพรระดับสี่ที่เย่หยวนคิดขึ้นมา เขาใช้สมุนไพรร้อยกว่าตัวในการที่จะบ่มเหล้าตัวนี้ด้วยกรรมวิธีที่ลึกลับ


ไม่ใช่แค่รสชาติที่แสนสุข แต่มันยังมีประโยชน์ช่วยร่างกายเหล่านักยุทธได้ด้วย


แค่เหล้านี้ขวดเดียวมันก็ทรงคุณค่ามากๆ แล้ว


ตั้งแต่เจียงยู่ถังรู้ว่าเย่หยวนมีเหล้านี้ เขาก็จะมาขอดื่มด้วยอยู่เป็นประจำ


จนในที่สุด เขาก็กลายมาเป็นแขกประจำคฤหาสน์เย่


อย่างที่ข่าวลือ ลือกันไปในโลกภายนอก ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ


แน่นอนว่าเหตุผลของเรื่องราวก็คือโอสถยอดหยกโมฆะ


เจียงยู่ถังขอให้เย่หยวนหลอมโอสถขั้นสูงให้ แต่สุดท้ายเย่หยวนกลับทำให้เขาต้องตื่นตกใจด้วยการหลอมโอสถยอดหยกโมฆะขั้นเทวะให้แทน!


โอสถยอดหยกโมฆะขั้นเทวะ นี่มันคือสุดยอดโอสถที่แม้จะมีเงินก็คงหาซื้อไม่ได้ในเมืองหลวงจักรพรรดิ!


แน่นอนว่าผลของโอสถมันย่อมเหนือล้ำเช่นกัน


เจียงยู่ถังนั้นขอโอสถนี้เพื่อจะเอาไปให้หลานสาว หลังจากกินโอสถลงไป นางก็สามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย


ที่สำคัญนางยังได้รับผลเหมือนที่หนิงเทียนปิงได้ คืออาณาจักรนภาสวรรค์ของนางนั้นแตกต่างจากอาณาจักรนภาสวรรค์ทั่วๆ ไป ผลของโอสถนั้นยังคงอยู่ในตัวนางไปอีกหลายต่อหลายปี


ตอนนี้โอสถที่เย่หยวนหลอมออกมาแต่ละครั้งมันจะมีพลังโกลาหลใส่รวมลงไปด้วย โอสถยอดหยกโมฆะขั้นเทวะธรรมดามันก็กลายเป็นโอสถยอดหยกโมฆะที่เทียบเท่าขั้นเทวะโมฆะได้ง่ายๆ!


ตั้งแต่นั้นมาเจียงยู่ถังก็ปฏิบัติกับเย่หยวนราวกับเป็นเพื่อนคนสำคัญ


ที่สำคัญเขายังรู้ตัวด้วยว่านี่ไม่ใช่การที่เย่หยวนอยากจะสร้างสายสัมพันธ์กับคนที่สูงส่งกว่า จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นเขาต่างหากที่อยากสร้างสายสัมพันธ์กับผู้ที่เหนือกว่าตัวเอง


เพราะด้วยความสามารถระดับเย่หยวน แค่สิบเมืองสันเขาใต้นี้คงขังเขาไว้ไม่ได้แน่


สิบเมืองสันเขาใต้นี้เรียกว่าขาดแคลนทรัพยากรไม่น้อย ที่แห่งนี้แทบไม่เหลืออะไรให้เขาสามารถใช้พัฒนาตนเองได้อีกต่อไปแล้ว


หลังดื่มเหล้านางฟ้าร้อยดอกไม้ไปได้แก้ว เจียงยู่ถังก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แสนสดชื่น “น้องข้า เจ้าได้กลับไปคิดเรื่องที่ข้าพูดรึยัง? ด้วยความสามารถของเจ้านั้นการมาอยู่ในเมืองสันเขาใต้แบบนี้มันคงน่าเสียดายเกินไป เมืองหลวงจักรพรรดิต่างหากคือที่ๆ เจ้าจะได้ใช้ความสามารถอย่างแท้จริง!”


เย่หยวนมีสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจยาวและตอบกลับมา “ข้ารู้ดีว่าพี่ท่านหวังดี แต่ตอนนี้ช่วยรออีกหน่อยเถอะ”


ตอนที่ 1702 เมืองจักรพรรดิเลิศประกาย

ในตอนนี้มันเป็นเวลาหลายปีแล้วนับจากสัญญาห้าร้อยปีผ่านไป


แต่ไม่ว่าจะรอเท่าไหร่ก็ไม่มีข่าวคราวของลี่เอ๋อ ลู่เอ๋อหรืออิ้งหมัวหู่เลย


หลายปีมานีเย่หยวนจึงไม่สามารถที่จะตั้งใจบ่มเพาะได้อย่างเต็มที่ ได้แต่นั่งรอข่าวคราวของพวกเขาทุกวี่วัน


เมื่อเวลายิ่งผ่านไป เย่หยวนก็ยิ่งอดรนทนรอไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ


เพราะจริงๆ ตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้วที่เจียงยู่ถังได้เชิญเย่หยวนไปที่เมืองหลวงจักรพรรดิ แต่เย่หยวนนั้นยังมีสัญญาห้าร้อยปีให้ต้องรอจึงได้แต่ปฏิเสธไป


และตอนนี้เขายิ่งไปไม่ได้หนักกว่าเก่า


เจียงยู่ถังนั้นมองดูใบหน้าของเย่หยวนและบอก “วางใจเถอะ เหล่าน้องสะใภ้ต้องปลอดภัยได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์แน่!”


เย่หยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “พี่เจียง คำพูดเหล่านั้น แม้แต่ตัวท่านเองก็ยังไม่เชื่อมันเลยใช่ไหม?”


เจียงยู่ถังได้แต่หัวเราะแห้งๆ ตอบกลับมาหลังถูกดักคอแบบนั้น


มหาพิภพถงเทียนนั้นมันแสนจะยิ่งใหญ่ มีความอันตรายรอคอยอยู่ทุกที่ แถมเหล่าคนที่ออกไปนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายใดๆ จะเกิดอะไรขึ้นด้านนอกมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย


ตอนนั้นเมื่อเห็นพวกลี่เอ๋อจากไป เรื่องที่เย่หยวนกังวลที่สุดก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้นี่เอง แต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าสุดท้ายมันจะมาเกิดขึ้นจนได้


เหตุผลที่เขาตั้งสัญญาไว้ที่ห้าร้อยปีก็เพื่อไม่อยากให้พวกเขาทั้งหลายไปไหนกันไกลมากนัก


เมื่อได้มาเห็นสภาพในตอนนี้ เย่หยวนก็ได้รู้ว่าสุดท้ายเรื่องราวต่างๆ มันก็ไม่เห็นดั่งหวังอยู่ดี


เจียงยู่ถังเห็นเย่หยวนกำลังลำบากเช่นนั้นเลยกล่าว “อย่าได้โทษตัวเองมากไปเลย มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดฝันให้เกิดขึ้น หากมีอะไรให้โทษก็ต้องโทษที่ความเก่งกาจเกินไปของเจ้านั่นแหละ! การได้อยู่เคียงข้างเจ้านั้นมันคงเป็นภาระที่หนักหน่วงไม่น้อยเลยทีเดียว!”


เย่หยวนมองดูเจียงยู่ถังและอดไม่ได้ที่จะต้องหันหน้าหนี


แต่ทว่าสิ่งที่เจียงยู่ถังบอกมามันเป็นสิ่งที่เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ ในหัวใจไม่ใช่คำพูดประจบใดๆ


แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนการประจบแค่ไหนก็ตามแต่


ผ่านมาหลายปีนี้ เจียงยู่ถังและเย่หยวนก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น และเขาก็ย่อมรับรู้ถึงพรสวรรค์ที่เหนือล้ำของเย่หยวนด้วยเช่นกัน


ยอดอัจฉริยะแบบนี้ คนธรรมดาที่ได้อยู่เคียงข้างคงรู้สึกกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว


และนี่เองก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกลี่เอ๋อจากไป


เจียงยู่ถังบอกต่อ “เจ้าต้องลองมองด้านดีๆ บ้างนะ เจ้าลองคิดดูสิ ตอนนี้พวกเขานั้นออกไปฝึกตัวข้างนอก บางทีอาจจะมีโชคดีได้ไปเจอหรือได้รับอะไรที่เหนือคาดมาก็ได้นะ?”


เย่หยวนคิดไปหน่อยและพยักหน้า “คงคิดได้แค่นั้นเรื่องจริงๆ”


เจียงยู่ถังบอก “งั้นต่อไปเจ้าคิดจะทำอย่างไร?”


เย่หยวนตอบ “อีกไม่กี่ปีข้างหน้าหากยังไม่มีข่าวคราว ข้าวางแผนไว้ว่าจะไปที่เมืองจักรพรรดิเลิศประกาย!”


เจียงยู่ถังหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยิน “เมืองจักรพรรดิเลิศประกาย! นั่นมันเขตแดนของตระกูลเจียนนี่!”


ในมหาพิภพถงเทียนนี้มีเมืองจักพรรดิอยู่มากมายนับไม่ถ้วน พวกเขาเหล่านั้นทำการปกครองหล้าโดยที่ไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้ผู้คนภายนอกรับรู้มากมายนัก


แต่เมืองจักรพรรดิบางเมืองนั้นก็จะมีชื่อเสียงที่แสนโด่งดังทะลุฟ้า จนทุกผู้คนในมหาพิภพถงเทียนได้รับรู้ถึงชื่อนั้น


หนึ่งในนั้นคือเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย


เหตุผลที่มันโด่งดังก็เป็นเพราะว่านี่คือเมืองในเขตแดนของตระกูลเจียน


จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นมีลูกหลานกระจายตัวอยู่ทั่วมหาพิภพถงเทียนไปหมด แต่หนึ่งในตระกูลลูกหลานที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้นก็คือตระกูลเจียน


เย่หยวนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! ศาสตร์การดูคลื่นพลังของตระกูลเจียนนั้นหาใครเทียบไม่ติด ข้าเองจึงอยากจะขอเชิญให้พวกเขาได้ลงมือช่วยเหลือ อย่างน้อยๆ ข้าก็อยากแน่ใจว่าพวกลี่เอ๋อยังไม่ตาย”


เจียงยู่ถังหน้าถอดสีทันที “ตระกูลเจียนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ทะนงตน แค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวไปขอเช่นนี้เจ้าคิดหรือว่าจะมีใครมาสนใจเจ้า?”


เย่หยวนบอก “ครั้งก่อนที่ข้าออกเดินทางฝึกฝนตัว ข้าได้ไปรู้จักกับคนจากตระกูลเจียนคนหนึ่ง ข้าจะไปถามขอร้องให้เขาช่วย เพราะสุดท้ายหากไม่ได้รับข่าวของพวกเขาทั้งหลายอย่างนี้ต่อไปข้าเองก็คงบ่มเพาะใดๆ ไม่ได้เช่นกัน”


เจียงยู่ถังนั้นตื่นตะลึงในหัวใจ เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะมีสายสัมพันธ์กับคนตระกูลเจียนแบบนี้!


เพราะคนตระกูลเจียนนั้นชื่อเสียงในเรื่องการดูคลื่นพลัง คนที่พวกเขาทั้งหลายคิดจะคบค้าสมาคมด้วยจึงต้องเป็นยอดคนมากพรสวรรค์เท่านั้น


คนธรรมดาๆ ไม่มีทางเข้าตาพวกเขาได้


แม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อย่างตัวเจียงยู่ถังเอง หากเขาไม่มีความสามารถพรสวรรค์มากพอ เหล่าตระกูลเจียงเองก็คงไม่คิดจะสนใจหันมามองเขาเหมือนกัน


แต่พอลองคิดดู เจียงยู่ถังก็โล่งใจ


เพราะด้วยความสามารถพรสวรรค์ของเย่หยวนนั้นมันไม่แปลกหรอกที่ตระกูลเจียนจะมองประเมินเขาไว้สูง


หากเจียงยู่ถังได้รู้ว่าตอนนั้นเจียนเจิ้นเทาหันมองเย่หยวนแล้วแทบตาบอดเองแบบนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะทำหน้าแบบไหนออกมา


เจียงยู่ถังหยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ก็อาจจะดี เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นแข็งแกร่ง หากเจ้าได้ไปทำความรู้จักกับคนตระกูลเจียนไว้มันก็จะต้องเป็นประโยชน์กับเจ้าได้มากแน่ๆ!”


จู่ๆ เย่หยวนก็หยิบไหใบใหญ่ออกมาและบอก “พี่เจียง หลังจากข้าออกไปแล้วคงต้องให้ท่านช่วยดูแลเรื่องราวในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ นี่คือไหเหล้านางฟ้าร้อยดอกไม้ ท่านจงเอามันไปค่อยๆ จิบดื่มเถอะ”


เจียงยู่ถังหรี่ตาลงทันทีและมองไปยังเย่หยวนด้วยความโกรธ “เด็กน้อย บ่นกับข้าว่าจะหมดๆ แล้ว ทั้งๆ ที่เจ้ากลับเก็บซ่อนมันไว้มากมายขนาดนี้!”


เย่หยวนยิ้มตอบ “ข้านั้นทำมันไว้ทั้งหมดสามไห และนี่คือไหสุดท้ายที่ข้ามีแล้ว สมุนไพรที่ใช้ทำเหล้านางฟ้าร้อยดอกไม้นั้นมันหายากแค่ไหนท่านก็ทราบดี หลังดื่มไหนี้หมดไม่รู้ต้องรออีกนานเพียงใดที่จะได้ดื่มกินมันอีกครั้ง!”


เมื่อเจียงยู่ถังได้ยิน เขาก็ใจเย็นลงทันทีก่อนจะกล่าวมาด้วยรอยยิ้มแฝงนัย “เด็กน้อย เจ้าจะใช้ไหเหล้านี้ติดสินบนข้ารึ?”


เย่หยวนยิ้ม “แล้วท่านจะรับสินบนนี้ไว้ไหมล่ะ?”


เจียงยู่ถังยิ้มกว้างทันทีพร้อมโผเข้ากอดไหเหล้านั้น “รับแน่นอนสิ! เหล้าที่หอมอร่อยขนาดนี้ไม่ดื่มก็โง่แล้ว! เจ้าไปเถอะ เรื่องในเมืองนี้ต่อให้เจ้าไม่ว่าอะไรข้าก็ไม่มีทางจะนั่งนอนดูเฉยได้อยู่แล้ว เพียงแค่ว่าตอนนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นสุดจะแข็งแกร่งจนข้าไม่ต้องทำการยุ่มย่ามใดๆ เลยก็เท่านั้น”


เย่หยวนยิ้ม “ที่แห่งนี้คือฐานใหญ่ข้า หากไม่ดูแลมันให้ดีข้าคงออกไปอย่างสบายใจไม่ได้”


เจียงยู่ถังนั้นเป็นผู้ตรวจการของสิบเมืองสันเขาใต้ พลังอำนาจที่เขามีนั้นเรียกได้ว่าเหนือล้ำใครๆ


เขานั้นมีอำนาจมากพอจะล้อเล่นกับชีวิตใครก็ได้


แต่เจียงยู่ถังนั้นมิใช่คนที่จะทำเรื่องชั่วช้าตามใจอยาก หากไม่เป็นเช่นนี้มีหรือที่สิบเมืองสันเขาใต้จะได้อยู่เป็นสุขกันขนาดนี้


ตราบเท่าที่เจียงยู่ถังคิดอยาก เขาก็ถึงขั้นสามารถจะปลดเจ้าเมืองใดๆ ออกก็ได้ตามต้องการ


เพราะฉะนั้นเมื่อมีเจียงยู่ถังอยู่ด้วย เย่หยวนจึงวางใจไปได้มาก


ตราบเท่าที่เจียงยู่ถังไม่คิดนิ่งนอนใจ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็จะไม่มีทางเกิดเรื่องร้ายใดๆ ขึ้นแน่



“นี่หรือคือเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย? ช่างยิ่งใหญ่เสียจริง!”


หลังจากผ่านไปอีกกว่าสิบปี ในที่สุดเย่หยวนก็ต้องมายังเมืองจักรพรรดิเลิศประกายจนได้


เพราะหลังจากรอไปอีกสิบปีที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เย่หยวนจึงไม่สามารถที่จะอดทนรอได้อีกต่อไป


เพราะฉะนั้นเขาจึงจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่มีเจียงยู่ถังคอยดูแลมาพร้อมๆ กับหนิงเทียนปิง เพื่อเดินทางมายังเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย


เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นเป็นประกายสมชื่อเมือง แสงอาทิตย์สาดส่องรอบฟ้าในเมืองนั้นมันสวยงามราบกับริบบิ้น เป็นภาพที่น่าตื่นตามาก


เป็นเมืองจักรพรรดิเช่นเดียวกัน แต่หากเอาเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มาเทียบแล้วมันคงไม่มีทางเทียบเมืองจักรพรรดิเลิศประกายติดเลย


นั่นคือความเป็นจริงที่หลีกหนีไม่ได้


เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์หวนเจิ้น เป็นคนละคนกับที่ปกครองเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์


ที่ๆ จักรพรรดิเทพสวรรค์หวนเจิ้นอยู่นั้นจึงมีพลังวิญญาณที่ปกคลุมหนาแน่นกว่า


เทียบกับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นมีพลังวิญญาณที่หนาแน่นกว่าไม่รู้กี่เท่า!


ให้เทียบเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงเป็นได้แค่เมืองบ้านนอกแห่งหนึ่ง


“สมชื่อว่าเป็นเมืองของตระกูลเจียนจริงๆ บรรยากาศเช่นนี้ คงมีแต่ตระกูลเทียนเท่านั้นที่ทำได้ใช่ไหม?” หนิงเทียนปิงพูดขึ้นอย่างตื่นตา


เย่หยวนพยักหน้ารับ “ศาสตร์การดูรัศมีนั้นช่างยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือจริงๆ”


หนิงเทียนปิงถาม “นายใหญ่ แล้วเราจะไปหาผู้อาวุโสเจียนได้จากที่ไหนกัน?”


เย่หยวนบอก “คราวก่อนเขาบอกข้าไว้ว่าให้ไปหาเขาที่ศาลามายาล้ำ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ที่ใด มีแต่ต้องลองเข้าเมืองไปดูก่อนล่ะ”


พูดจบคนทั้งสองก็จ่ายค่าผ่านทางและเข้าเมืองจักรพรรดิเลิศประกายไป


ตอนที่ 1703 เพราะตาเจ้ายังไม่บอด!

“น้องชายท่านนี้ข้าเห็นว่ากระดูกของเจ้านั้นเปี่ยมไปด้วยพลังที่เหนือล้ำ แต่เจ้านั้นมีธงพิบัติ! มาเร็ว ให้ข้าได้ช่วยทำนายแก้ไขความหายนะนั้นให้แก่เจ้าเอง!”


“น้องชายท่านนี้ ข้าผู้นี้คือทายาทโดยตรงจากตระกูลเจียน ดูสีหน้าเจ้าหม่นหมอง ดูท่าคงเพิ่งเจอเรื่องเลวร้ายมา! มาเร็ว มาให้ข้าผู้นี้ได้ช่วยบอกหาทางแก้ไขปัญหานั้นให้แก่เจ้าเอง”


“สูงใหญ่ดั่งภูผา ทอดยาวดั่งสายน้ำ เดินทางตากลมฝน น้องชายท่านมาที่นี่เพื่อหาผู้คนใช่หรือไม่?”



ภายในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นมันเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศที่แสนเป็นเอกลักษณ์


เย่หยวนเดินผ่านถนนไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนหลงเข้ามาในดงหมอดูข้างถนน มีแต่คนตะโกนจะมาบอก มาดูดวงชะตาของเขาให้อย่างไม่มีหยุดพัก


บ้างก็พูดอะไรที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ จนทำให้ผู้คนอาจจะหลงเชื่อไปได้หากไม่ได้ลองฟังดีๆ


“คนพวกนี้มันคิดจะมาหลอกลวงต้มตุ๋นผู้คนกันเต็มที่เลยใช่ไหมเนี่ย? มันจะมีใครโง่หลงเชื่อจริงๆ หรือ?” เย่หยวนถามหวู่เฉินด้วยสภาพดูไม่จืด


แต่หวู่เฉินกลับตอบมา “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว นี่ไม่ใช่การหลอกลวงต้มตุ๋นใดๆ ทั้งสิ้น”


เย่หยวนนั้นประหลาดใจกับคำตอบนั้นมาจนต้องถามขึ้น “ไม่ใช่? หรือว่าพวกเขาเหล่านี้จะมองเห็นอนาคตผู้คนได้จริงๆ?”


หวู่เฉินพยักหน้ารับ “ได้สิ! วิชาของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเกี่ยวพันกับดวงชะตา คนเหล่านี้ที่มาเปิดร้านข้างทางนั้นต่างมีสายเลือดของตระกูลเจียนอยู่ มันแค่น้อย หากผู้ที่มีดวงชะตาแข็งแกร่งจริงๆ พวกเขาจะอ่านไม่ออก แต่คนที่ดวงชะตาแข็งแกร่งปานนั้นมันจะมีมากมายได้หรือ? คนส่วนใหญ่นั้นมีแต่คนธรรมดาๆ เหล่านักยุทธเช่นเราๆ นั้นล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตโดยฝากมันไว้กับโชคชะตาเป็นส่วนใหญ่ บ้างอาจจะถึงขั้นมาที่เมืองนี้เพื่อให้หมอดูเหล่านี้ทำนายดวงชะตาก่อนจะเข้ามิติวิเศษไปเสียด้วยซ้ำ แล้วคนเหล่านั้นจะมีสักกี่คนที่ได้พบตระกูลเจียนจริงๆ? นั่นทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นตัวเลือกแรกไปทันที แม้ว่ามันอาจจะไม่แม่นยำนัก แต่มันก็ยังพอช่วยให้พวกเขาทั้งหลายลูบๆ คลำๆ หาทางเดินหลบรอดจากหายนะไปได้”


เย่หยวนเองก็ตื่นตกใจมากเมื่อได้ยิน เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะลึกลับซับซ้อนถึงขนาดนี้


เพราะคนเหล่านี้มันดูเลื่อนลอยจนไม่มีอะไรให้เขารู้สึกเชื่อถือได้เลย


เย่หยวนไม่คิดว่าพวกเขาทั้งหลายนี้จะมีความสามารถใดๆ ด้วยซ้ำ


เย่หยวนเองจึงตื่นตกใจมากเมื่อได้รู้ความจริง ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้จะต้องแข็งแกร่งปานไหนกันถึงขนาดที่ว่าแค่เศษของสายเลือดยังทำให้มีพลังวิเศษสามารถมองดูชะตาผู้คนได้แบบนี้


ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายถึงได้มีนักยุทธอยู่มากมายปานนี้ ดูท่าคนทั้งหลายนี้ล้วนแล้วแต่จะมาเพื่อรับการทำนายดวงชะตาของตน


มันต่างจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เพราะนักยุทธส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนนอกทั้งสิ้น


ตอนนี้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้านั้นมีให้เห็นเกลื่อนกลาดตามถนน


จะพูดว่ามีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าเดินกันเต็มท้องถนนไปหมดก็คงไม่ผิดนัก


“คนพวกนั้นน่าจะพอรู้ว่าศาลามายาล้ำนั้นอยู่ที่ใด ไปถามดูกัน” เย่หยวนบอกหนิงเทียนปิง


แต่จู่ๆ ก็มีเด็กสาวเดินเข้ามากล่าวทักทายเย่หยวนอย่างแผ่วเบา “นายท่าน ดูดวง? มาบ้านข้า พ่อข้ามีวิชาการดูดวงอยู่บ้าง”


เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดที่จะมาดูดวงใดๆ แต่แรกแล้วและแค่คิดที่จะถามทางเท่านั้น แต่เด็กสาวคนนี้มีสภาพร่างกายที่แสนน่าสังเวช เย่หยวนจึงใจไม่แข็งพอที่จะกล่าวปฏิเสธออกไป


“งั้น…ดูดวงหน่อยแล้วกัน! เทียนปิงเจ้าไปสิ” เย่หยวนบอก


หนิงเทียนปิงยืนนิ่งไปพักหนึ่งพร้อมยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าตัวเอง “ข-ข้า?”


เย่หยวนกล่าวดุด้วยรอยยิ้ม “ข้าสั่งให้ไปก็ไปสิ จะมาเรื่องมากอะไรอีก?”


หนิงเทียนปิงจึงรีบพยักหน้าทันที “ขอรับ!”


เหล่าร้านดูดวงข้างทางนั้นมีให้เห็นกันเกลื่อนถนน แค่มองผ่านไปก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่ได้เก่งกาจใดๆ


ไม่ไกลออกไปจะมีร้านที่ป้ายเขียนด้วยลายหวัดพร้อมปล่อยคลื่นพลังออกมา ดูท่าแล้วร้านนั้นคงเป็นร้านระดับสูงไม่ผิดแน่


ที่หน้าร้านทั้งหลายนั้นมีเสียงผู้คนร้องเรียกลูกค้าไม่ขาดสาย พยายามดึงตัวคนที่เดินผ่านไปมาให้เข้ามาดูดวง


พวกที่กล้าจะตะโกนเสียงดังนั้น ค่อนข้างจะมีลูกค้าไม่น้อย


ส่วนบ้านของเด็กสาวคนนี้มันช่างดูรกร้าง ไม่มีใครคิดที่จะสนใจเลยแม้แต่น้อย


ดูท่าเหล่าคนที่ออกมาตั้งร้านริมถนนแบบนี้คงเป็นผู้ที่มีสายเลือดแสนเบาบางจางกว่าสิ่งใด ทำให้แม้แต่ตระกูลเจียนก็ไม่คิดที่จะต้อนรับพวกเขา


พวกเขาจึงต้องออกมาทำมาหากินด้วยวิธีการเช่นนี้แทน


ไม่เช่นนั้นทั้งๆ ที่มีสายเลือดของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้มีหรือที่จะใช้ชีวิตในสภาพทรุดโทรมแบบนี้ได้


เย่หยวนนั้นเดินเข้าไปดูด้านในและพบว่าพ่อของเด็กสาวเองก็มีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกัน แค่เดินยังดูลำบาก ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะให้เด็กสาวตัวน้อยๆ เดินออกไปเรียกหาลูกค้าให้แทน


เมื่อเย่หยวนเห็นเขาก็เดินเข้าไปพร้อมยกมือขึ้นทันที “ท่านผู้เฒ่า ขอให้น้องชายคนนี้ของข้าได้ดูดวงทำนายรัศมีด้วยเถอะ”


คนเฒ่านั้นมองออกมาอย่างหมดแรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่ายในชีวิต เมื่อได้เห็นว่ามีลูกค้าเขาก็จึงพยายามจะฝืนยิ้มออกมาและบอกหนิงเทียนปิง “เชิญนั่งก่อน! ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าน้องชายท่านนี้อยากดูเรื่องใด?”


หนิงเทียนปิงบอก “เรามาที่เมืองจักรพรรดิเลิศประกายเพื่อหาคน ผู้เฒ่า ท่านแค่ช่วยดูให้หน่อยว่าการเดินทางในครั้งนี้มันจะผ่านไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่!”


ชายแก่พยักหน้ารับและหยิบกระดองเต่าเสี่ยงทายออกมาก่อนจะเริ่มใส่ปราณเทวะของตนเข้าไป


ปราณเทวะลึกลับแพร่ออกมา แต่เย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะต้องส่ายหัวออกมา


เพราะปราณเทวะลึกลับนี้มันช่างแสนที่จะอ่อน เทียบกับเจียนเจิ้นเทาแล้วมันต่างกับราวสุดปลายฟ้ากับก้นเหว ไม่แปลกใจเลยที่คนเช่นนี้จะตกต่ำเหลือแค่ซากเช่นนี้


ชายแก่คนนั้นเขย่าไปมาสักพัก ก่อนที่จะขมวดคิ้วแน่น “น้องชายท่านนี้ ขออภัยที่เฒ่าผู้นี้เสียมารยาท แต่การเดินทางของเจ้า…ดูท่าจะไปไม่สวยนัก แต่ว่าด้วยความช่วยเหลือจากผู้สูงส่งท่านหนึ่งปัญหาทั้งหมดมันจะผ่านไปได้ด้วยดี”


หนิงเทียนปิงหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยิน “ฮ่าๆ งั้นก็ดีแล้ว! ท่านผู้เฒ่า เท่าไหร่?”


ระหว่างที่ว่าไป หนิงเทียนปิงก็เตรียมจะควักเงินจ่าย แต่เป็นเย่หยวนที่เกิดสงสัยจนถามขึ้นมาก่อน “ผู้เฒ่า เมื่อท่านรู้ศาสตร์แห่งการดูรัศมีด้วย งั้นท่านจะช่วยดูดวงชะตาข้างหน้าของเขาให้หน่อยได้หรือไม่”


ชายแก่พยักหน้ารับและปล่อยปราณเทวะออกมาอีกครั้งพร้อมๆ กับมองดูที่หนิงเทียนปิง


เมื่อมองดูแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและส่ายหัวออกมาอย่างแรง “น้องชายทั้งสองท่าน ขออภัยในความไร้ความสามารถนี้ด้วยแต่เฒ่าคนนี้ไม่อาจจะมองดูชะตาวันข้างหน้าของพวกเจ้าได้เลยแม้แต่น้อย”


เย่หยวนยิ้ม “ท่านพูดมาเท่าที่เห็นก็พอ ไม่ต้องเกรงใจใดๆ”


ชายแก่มีใบหน้าที่ไม่ค่อยดีนักก่อนจะบอก “งั้น…ก็ได้! น้องชายท่านนี้มีอนาคตที่แสนยิ่งใหญ่ ลำพังพลังของเฒ่าคนนี้ไม่สามารถจะมองมันออกได้เลย แต่ด้วยประสบการณ์ของเฒ่าคนนี้แล้ว สีชะตาของเขาไม่น่าจะต่ำกว่าสีครามเป็นแน่!”


หนิงเทียนปิงนั้นดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น ครามนั้นคือสีดวงชะตาที่นับได้ว่าอยู่ค่อนไปทางสูงมากทีเดียว


เพราะเหล่านักยุทธทั่วๆ ไปจะมีแค่สีเหลืองหรือต่ำกว่านั้น


ดูท่าตั้งแต่ที่เขาได้พบเย่หยวน ชะตาของเขามันจะมีแต่พุ่งสูงพัฒนาขึ้นไปไม่หยุด!


หนิงเทียนปิงบอก “งั้น…นายใหญ่ข้าล่ะ?”


เมื่อหนิงเทียนปิงถาม สีหน้าของชายแก่คนนั้นก็แย่ลงอย่างชัดเจนก่อนจะบอก “น้องชายท่านนี้…ไร้สีใด ดูเหมือนจะ…หลุดจากการจัดอันดับ!”


สิ่งที่ชายแก่เห็นจากตัวเย่หยวนนั้นมันไม่มีอะไรที่โดดเด่น ศาสตร์การดูรัศมีของเขานั้นมันไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย


เขาได้ดูคลื่นพลังผู้คนมาก็มากมาย แต่ยังไม่เคยพบเจอผู้ใดที่มีสภาพเช่นนี้มาก่อนเลย


“ฮ่าๆ! ขยะที่ไม่ติดอันดับกลับกล้ามาคิดดูดวงด้วย! นี่เด็กน้อย เจ้ายังอยากจะมีหน้าเดินในเมืองนี้ไหมเนี่ย?”


จู่ๆ ก็เกิดเสียงหัวเราะลั่นออกมาจากด้านนอก ชายหนุ่มคนหนึ่งพาคนติดตามหลายคนเดินตามมาช้าๆ ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน


เด็กสาวหน้าถอดสีและรีบผลักตัวเย่หยวนไปทันทีด้วยน้ำเสียงสุดสั่นเครือ “ท-ท่านรีบไป ขออภัยแต่ท่านรีบไป!”


เย่หยวนนั้นไม่มีทางขยับเพราะแรงผลักนั้นอยู่แล้ว เขาหันไปมองหน้าของชายหนุ่มด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น “เจ้าเองก็รู้ศาสตร์แห่งการดูรัศมี?”


ชายหนุ่มนั้นเหมือนได้ยินสุดยอดมุขตลกและหัวเราะลั่นออกมาอีกครั้ง “ข้าก็รู้? เจ้าล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย? นายน้อยผู้นี้คือนายน้อยเจียนหยู่ ทายาทสายตรงจากตระกูลเจียน เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้วิชาของตระกูลหรือ?”


เย่หยวนได้รู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายจึงพูดขึ้น “งั้นเจ้าเองก็คิดว่าอนาคตของข้ามันไม่ติดอันดับ?”


เจียนหยู่บอกอย่างดูถูก “บ้าบอ! นายน้อยผู้นี้ได้มองดูรัศมีของเจ้าแล้ว และมันกลับเบาบางเสียยิ่งกว่าน้ำเปล่า! นายน้อยผู้นี้ไม่เคยพบเจอใครที่มีพลังต่ำตมขนาดนี้มาก่อนเลย นี่เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ?”


เย่หยวนยิ้ม “เช่นนั้นวิชาการดูของเจ้ามันก็คงต่ำตมแล้ว ความสามารถของเจ้ามันยังไม่ถึง!”


เจียนหยู่เปลี่ยนสีหน้าไปทันที “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงกล้ามากล่าวว่าศาสตร์การดูรัศมีของข้าเช่นนี้?”


ในฐานะทายาทตรงตระกูลเจียน เจียนหยู่ผู้นี้จึงมั่นใจในศาสตร์การดูของตัวเองมาก ได้ยินเย่หยวนพูดแบบนั้นเขาจึงโกรธขึ้นเป็นฟืนเป็นไฟ


เย่หยวนบอก “แน่นอนว่าข้านั้นมีสิทธิว่า เพราะ…ตาเจ้ายังไม่บอดยังไงล่ะ!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)