Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1696-1697
ตอนที่ 1696 เสกมาให้หนึ่งคน
“ขอเรียนท่านผู้ตรวจการ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้สังหารผู้อาวุโสใหญ่ของเมืองจักรพรรดิยอดสันติในมิติวิเศษอย่างหน้าไม่อายและแย่งชิงเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป! ผู้อาวุโสใหญ่เกาหยุนนั้นเป็นคนที่ใกล้จะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ที่สุดในเมืองจักรพรรดิยอดสันติเรา ครานี้เมืองจักรพรรดิยอดสันติจึงสูญเสียไปอย่างมาก เพราะฉะนั้นข้าน้อยจึงขอทำการเปิดใช้ตราดาบทองคำเพื่อระบายความแค้นนี้”
“ท่านผู้ตรวจการ เฉียวอันชานนั้นแค่พูดจาหน้าไม่อาย! เกาหยุนนั้นวางแผนทำร้ายสังหารคนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของข้าไว้มากมายในมิติวิเศษนั้น มันสมควรแล้วที่จะถูกสังหารลง!”
…
เมื่อชายคนนี้มาถึงทั้งเฉียวอันชานทั้งโซชูเจียต่างก็เริ่มสงครามน้ำลายกันทันที
ต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าตนนั้นถูก และต่างก็มีข้ออ้างมาใช้
แต่เรื่องเช่นนี้มันจะมาแยกว่าเรื่องใดจริงหรือปลอมก็คงยาก
เมื่อชายชุดครามคนนั้นได้ยินคำว่า ‘เขาหน่วงเทพบรรพกาล’ เขาก็ขมวดคิ้วทันทีด้วยท่าทางที่ตื่นตกใจไม่น้อย
“พอ!”
เมื่อชายวัยกลางคนในชุดครามได้เห็นท่าว่าทั้งสองคงไม่หยุดกันง่ายๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมา
แน่นอนว่าทั้งสองหุบปากเงียบลงทันที
ชายชุดครามกล่าวต่อ “ข้าไม่นึกเลยว่าเขตบ้านนอกอย่างสิบเมืองสันเขาใต้จะให้กำเนิดสมบัติอย่างเขาหน่วงเทพบรรพกาลมาได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเจ้าถึงได้กล้าคิดเปิดใช้ตราดาบทองคำกัน! ไหนๆ ตอนนี้ตราดาบทองคำมันก็ถูกเปิดใช้แล้ว เรื่องที่เหลือก็ว่ากันตามกฎ ผู้ชนะย่อมมีสิทธิครองเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป!”
ชายคนนี้มองและเข้าใจมันได้อย่างชัดเจน เรื่องราวการถกเถียงแบบนี้ ปล่อยให้เถียงกันไปเป็นหมื่นปีก็คงยังไม่จบ
ต้นปัญหาคือเขาหน่วงเทพบรรพกาล ที่เฉียวอันชานเปิดใช้ตราดาบทองคำครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาแย่งชิงเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปอย่างแน่นอน
ตอนนี้ทำสงครามน้ำลายไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์ใด เหลือแค่ให้แสดงพลังฝีมือที่แท้จริงออกมาเท่านั้น
เป็นตอนนั้นที่จู่ๆ เฉียวอันชานก็พูดขึ้นมา “ท่านผู้ตรวจการ เรานั้นไม่ได้เปิดใช้ตราดาบทองคำเพียงเพื่อเขาหน่วงเทพบรรพกาลเท่านั้น เรายังตามล่าคนผู้หนึ่งด้วย!”
ผู้ตรวจการทำหน้าตื่นตกใจเล็กน้อยก่อนถาม “โอ? ผู้ใดเล่า?”
เฉียวอันชานบอก “เขามีนามว่าเย่หยวน คนร้ายที่ฆ่าสังหารผู้อาวุโสใหญ่เกาหยุน! หากเราชนะพันธะดาบทองคำครั้งนี้เราอยากให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ส่งมอบตัวเด็กคนนั้นมา!”
ผู้ตรวจการหยักหน้าเมื่อได้ยิน “หากเจ้าชนะ ทุกอย่างล้วนย่อมเป็นไปตามที่เจ้าว่ามา”
ในสายตาของผู้ตรวจการแล้วเขานั้นสนใจแค่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้น ความเป็นอยู่ของราชันพระเจ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะสนใจแม้แต่น้อยเลย
หากต้องเสียเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ยังจะมาสนใจคนแค่คนเดียวอีก?
แต่โซชูเจียกลับมีสีหน้าที่โกรธแค้น “เฉียวอันชานเจ้ามันช่างหน้าไม่อายจริงๆ”
เฉียวอันชานหัวเราะ “แล้วเย่หยวนอยู่ที่ไหนแล้ว? ต่อหน้าท่านผู้ตรวจการเจ้าคงไม่ได้คิดจะซ่อนมันไว้ใช่ไหม? หรือว่าจริงๆ เจ้าเด็กคนนั้นมันจะกลัวข้าจนหัวหดไม่กล้าออกมาแล้ว?”
“ใช่เลย เจ้ามันหน้าตาทุเรศเกินไป ทำให้ผู้อาวุโสคนนี้กลัวเจ้าจนไม่กล้าออกมาแล้ว”
ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างของเย่หยวนเดินบนอากาศมาถึง
คำพูดนั้นของเย่หยวนมันทำให้คนรอบข้างต่างหัวเราะลั่น
เฉียวอันชานนั้นเตี้ยและมีใบหน้าที่ไม่สวยงามนัก เรียกว่าทุเรศจนน่ากลัวเลยก็คงไม่ผิด
เฉียวอันชานนั้นตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นทันทีที่ได้ยิน “เด็กน้อยเจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
เย่หยวนนั้นยังคงรักษาใบหน้าแสนเฉื่อยชาไว้ “พันธะดาบทองคำยังไม่ทันเริ่มเจ้าก็จะมาอวดอ้างแสดงพลังอำนาจแล้ว? นี่เจ้าไม่มีความเคารพต่อท่านผู้ตรวจการเลยหรือ?”
เฉียวอันชานเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีและไม่กล้าที่จะลงมือ
เย่หยวนหันไปคำนับให้กับผู้ตรวจการและคารวะ “เย่หยวนแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ขอคารวะท่านผู้ตรวจการ”
ในดวงตาคู่นั้นของผู้ตรวจการมีแววตาแห่งความสงสัยปนอยู่ไม่น้อย เพราะเขาได้รับรู้ว่าแม้ด้วยพลังของเขา เขากลับไม่สามารถมองหยั่งพลังของเด็กน้อยคนนี้ได้มากมายนัก!
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา!
แค่มองครั้งเดียวผู้ตรวจการนั้นก็แยกเย่หยวนออกได้
ผู้ตรวจการนั้นจึงถาม “เจ้าคือเย่หยวน? เฉียวอันชานว่าเจ้าสังหารผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติ เกาหยุน?”
พูดกันตามตรง ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสังหารเกาหยุนลง
แต่เย่หยวนกลับพยักหน้ารับอย่างไม่อาย “เจ้าเฒ่าเกาหยุนนั้นวางแผนลอบสังหารข้าครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายกลับเป็นตัวมันที่ไม่มีพลังมากพอและถูกข้าที่เพิ่งได้เขาหน่วงเทพบรรพกาลมาไว้ในมือสังหารลงแทน ในมิติวิเศษเช่นนั้นการฆ่าสังหารแย่งชิงสมบัติกันล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ จะมีปัญหาอะไรกันนักหนา? เฉียวอันชานหากเจ้าอยากได้เขาหน่วงเทพบรรพกาลไปครองก็พูดออกมาตรงๆ อย่างลูกผู้ชายสิ ทำมาเป็นหาข้ออ้างนู่นนี่ในการกระทำเช่นโจร ใจของเจ้ามันก็ทรามไม่ต่างจากใบหน้าหรอก!”
เฉียวอันชานโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง เขาได้รู้ตัวแล้วว่าตัวเขานั้นไม่สามารถที่จะเถียงสู้เย่หยวนได้เลย
เป็นแบบนี้ต่อไปเย่หยวนคงปั่นหัวเขาจนอกแตกตายแน่
เฉียวอันชานหันไปมองหน้าเย่หยวน “เด็กน้อยปากดี! รอให้จบพันธะดาบทองคำก่อนเถอะ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าตอนนั้นเจ้าจะยังปากดีได้ไหม!”
เย่หยวนบอก “แค่มีอาณาจักรนภาสวรรค์มากกว่าสองคน ดูเจ้าทำวางท่าเข้าสิ!”
เมื่อพูดถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ เฉียวอันชานก็เริ่มเจอเหตุผลที่จะทำตัวอวดดีได้อีกครั้งก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา “แล้วทำไมข้าจะวางท่าไม่ได้? ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่เหนือกว่า! มดปลวกเช่นพวกเจ้านั้นมันมีแต่รอวันให้ข้าผู้นี้เหยียบย่ำ! หากเจ้ามีปัญญาจริงก็ลองเสกยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นมาอีกสองคนให้ข้าดูหน่อยสิ! ฮ่าๆ”
เย่หยวนมองดูที่เฉียวอันชานราวกับเป็นคนโง่และยื่นมือชี้ไปออกไปยังหอยุทธ “เจ้าทุเรศ ดูให้ดี ข้าจะเสกออกมาให้เจ้าดูคนหนึ่งเดี๋ยวนี้!”
เฉียวอันชานหน้าถอดสีทันทีก่อนจะหันไปมองยังเป้าหมายที่เย่หยวนชี้ไป แต่มันกลับไม่มีปรากฏการณ์ใดๆ เกิดขึ้นทำให้เขาหันหน้ากลับมาด้วยความโกรธ “เด็กเวร เจ้ากล้าล้อข้าเล่นรึ?”
เย่หยวนยิ้ม “ล้อเจ้าเล่น? เจ้าลองดูอีกสักทีสิ”
เฉียวอันชานหันไปมองอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ
เขาแทบจะระเบิดความโกรธออกมา!
เฉียวอันชานนั้นรอไม่ไหวแล้วที่จะได้สังหารเย่หยวนคนนี้ลงเสียที
เฉียวอันชานกัดฟันแน่นด้วยความแค้นและหันไปมองเย่หยวนอีกครา “เด็กน้อย ดีมาก! เจ้าทำดีจริงๆ! หลังจากพันธะดาบทองคำจบลงข้าจะให้เจ้าได้รู้จักสิ่งที่แย่เสียยิ่งกว่าความตาย!”
เย่หยวนนั้นยิ้มกว้างและหันไปมองเฉียวอันชาน “เจ้ามองดีๆ ข้าจะเสกออกมาแล้ว!”
“เด็กเวร ยังไม่เลิกอีก? ท่านผู้ตรวจการข้าน้อยขอให้เริ่มทำพันธะดาบทองคำเดี๋ยวนี้เลย!” เฉียวอันชานที่แทบคลั่งหันไปหาผู้ตรวจการ
แต่ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนผู้ตรวจการคนนั้นก็ไม่ขยับ
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เฉียวอันชานจึงได้เห็นว่าผู้ตรวจการกำลังมีสีหน้าที่จับจ้อง กำลังมองไปยังสถานที่ที่เย่หยวนชี้ไปเมื่อครู่นี้ หันไปมองทางหอยุทธอยู่
เฉียวอันชานนั้นตื่นตกใจไม่น้อยก่อนจะหันไปมองตามสัญชาตญาณและภาพตรงหน้ามันทำให้เขาต้องหน้าถอดสีทันที
เป็นตอนนี้เองที่เขาได้เห็นว่าคลื่นพลังอันสงบในหอยุทธกำลังเกิดความโกลาหลขึ้น
พลังอันบ้าคลั่งนั้นถูกปล่อยออกมาจนรอบทิศ
ความโกลาหลเช่นนี้ มันต้องมีใครกำลังบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์อยู่แน่นอน!
ส-เสกออกมาจริงๆ?
เป็นตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นร่างหนึ่งบินออกมาจากหอยุทธ ลอยอยู่บนนภาสูงและดูดกลืนพลังวิญญาณเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
มันเป็นความรุนแรงที่มากอย่างถึงที่สุด
“นั่นมัน…นั่นมันเล่งหยู! เป็น…เป็นไปได้อย่างไร? เขา…เขาบรรลุแล้ว!” เหวินอี้หลินตะโกนออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เหวินอี้หลินนั้นคุ้นเคยกับเล่งหยูดี เพราะยังไงเสียพวกเขาก็เป็นอัจฉริยะจากยุคเดียวกันและแข่งขันกันมาในอดีต
เพียงแค่ว่าเหวินอี้หลินนั้นได้บรรลุเข้าสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ แต่เล่งหยูกลับหายตัวไปจากโลกหล้า
แม้ว่าเล่งหยูจะกลับมาได้ไม่นานนี้ แต่เขาก็ไม่มีพิษภัยใดๆ ต่อเหวินอี้หลินแล้ว
ระยะห่างการฝึกฝนกว่าแสนปีมันจะหาอะไรมาทดแทนได้ง่ายดายปานนั้น?
เหวินอี้หลินมาในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาจัดการเล่งหยูให้สิ้นซากไปด้วย
แต่ใครจะไปคิดว่าผลลัพธ์ที่เขารอคอยมันจะกลับตาลปัตรเช่นนี้!
ตอนที่ 1697 สี่นภาสวรรค์รวมตัว
เฉียวอันชานเบิกตาโพลงจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า หัวใจของเขาสั่นระรัวจนแทบระเบิด
ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อีกคน!
เท่านี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็จะมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เท่ากับเมืองจักรพรรดิยอดสันติแล้ว?
เฉียวอันชานได้แต่จ้องมองเล่งหยูบนยอดหอยุทธด้วยสภาพไม่อยากเชื่อสายตา
อาณาจักรนภาสวรรค์มันเป็นกันได้ง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ในเวลาข้ามคืนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์กลับสามารถให้กำเนิดสองยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นมาได้!
“นี่มัน…บ้าน่า! เขาเสียเวลากว่าแสนปีไปและอายุก็ผ่านเลยช่วงหนุ่มมานานแล้ว! จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้อีก?”
“หากว่าคนหนึ่งโชคดี แล้วคนที่สองจะว่าอย่างไรดีเล่า? นี่มัน…มันจะบ้าเกินไปแล้วใช่ไหม?”
“ใครก็ได้ช่วยบอกหน่อยว่ามันเกิดขึ้นอะไรกันแน่?”
…
ในฝั่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติ ทุกคนต่างตื่นตะลึงจนหุบปากที่อ้าค้างไม่ลง
เรื่องการบรรลุของเล่งหยูนี้มันจะเกินกว่าที่พวกเขาจะทำใจรับได้ไป
ในสิบเมืองสันเขาใต้ที่เปี่ยมไปด้วยนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้านี้ อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นเป็นเหมือนยอดสวรรค์ที่พวกเขาไม่มีทางไปถึงได้เลยแม้แต่น้อย
มีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าในสิบเมืองสันเขาใต้นี้กี่คนกัน!
นับไม่ถ้วน!
แต่ว่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ในสิบเมืองสันเขาใต้นี้มีจำนวนแค่ยี่สิบหรืออย่างมากก็แค่สามสิบ!
โอกาสในการบรรลุระดับนี้มันทำให้ผู้คนต้องสิ้นหวัง
ดูอย่างเช่นเหล่ายอดฝีมือเช่นเจิ่งชีหรือหนิงเทียนปิง พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนมากพรสวรรค์ แต่หากไปถึงฐานของอาณาจักรนภาสวรรค์ พวกเขาก็ต้องพบกับเขาสูงที่ไม่มีทางปีนได้อยู่ดี!
ที่ผ่านมานั้นในสิบเมืองสันเขาใต้จะมีคนบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้แค่ประมาณหมื่นปีครั้งเท่านั้น
แต่วันนี้กลับมีผู้บรรลุขึ้นมาได้ถึงสองคน!
สายตาของผู้ตรวจการสั่นคลอนทันที ตอนนี้จิตใจของเขาเองก็อยู่ไม่สุขเช่นกัน
ด้วยสายตาของเขา เขาย่อมมองออกว่าเจิ่งชีเองก็เพิ่งจะบรรลุมาได้ไม่นานนักเช่นกัน
ตอนนี้ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์กลับมีอีกผู้คนที่บรรลุขึ้นมาได้!
วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
หรือว่า…จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?
“ผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวนจงเจริญ!”
“ผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวนจงเจริญ!”
“ผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวนจงเจริญ!”
…
ระหว่างที่ผู้ตรวจการและคนจากเมืองจักรพรรดิยอดสันติต่างกำลังตกตะลึงก็เกิดเสียงดังขึ้นเป็นคลื่นที่ด้านล่าง
บังเอิญ?
จะเป็นไปได้ยังไง!
เมื่อหายจากอาการตื่นตกใจ เหล่ายอดฝีมือในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็รับรู้ถึงความเป็นจริงได้แทบจะในทันที
การบรรลุของเจิ่งชีและเล่งหยูนั้นต้องมิใช่ความบังเอิญใดๆ แน่!
ทั้งหมดนี้คงเป็นฝีมือของผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวน!
หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาคงคิดว่าเรื่องราวแบบนี้มันไร้สาระ
แค่จอมเทพโอสถชั้นต้น จะมีปัญญาไปช่วยอะไรการบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้?
มันเป็นเรื่องที่สุดไร้สาระ!
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีใครสงสัยเลย!
เพราะเวลาสิบปีมานี้เย่หยวนได้สร้างปาฏิหาริย์ไว้มากมายด้วยน้ำมือของเขาเอง
คนเฒ่าคนแก่ที่วันๆ ได้แต่รอความตายกลับสามารถบรรลุขึ้นสู่ระดับใหม่ได้เพราะโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ของเย่หยวน
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเชื่อว่าปาฏิหาริย์ในวันนี้เองก็เกิดขึ้นมาด้วยน้ำมือของเย่หยวนเช่นกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้ตรวจกายนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่างพร้อมหันไปมองเย่หยวนอย่างตื่นตกใจ
เป็นตอนนี้นี่เองที่เขาได้รู้ว่าเด็กน้อยคนนี้ที่เพิ่งจะมีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวกลับได้เป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์!
นี่มันเรื่องบ้าบอใดกัน?
หากสมองของโซชูเจียไม่เพี้ยน มันก็ต้องหมายความว่าเด็กคนนี้เก่งกาจไปทุกด้าน!
และดูท่าสมองของโซชูเจียจะยังอยู่ดี หมายความว่า…คำตอบคือความแข็งแกร่ง
แต่ไม่ว่าจะใช้สมองคิดตามแค่ไหนผู้ตรวจการคนนี้ก็ไม่สามารถจะนึกให้ออกได้ว่าเย่หยวนไปทำยังไงถึงช่วยให้สองผู้คนบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้
เขาไม่ได้นึกถึงโอสถเลยแม้แต่น้อย เพราะการที่ราชันพระเจ้าหนึ่งดาวจะหลอมโอสถยอดหยกโมฆะ?
จะล้อเล่นรึไง?
“ฮ่าๆๆ เฉียวอันชาน เท่านี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของข้าเองก็มียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สี่คนบ้างแล้ว! ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะยังอวดเก่งได้อีกไหม!” โซชูเจียหัวเราะลั่น
ในหมู่สิบเมืองสันเขาใต้ด้วยกันนี่ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นับว่าเป็นเมืองที่อ่อนแอมากเมืองหนึ่ง
เขาในฐานะเจ้าเมืองต้องทนเก็บกดเรื่องนี้ไว้นานแสนนาน
แต่วันนี้จะเป็นวันที่เขาได้เชิดหน้าชูตากับเขาบ้าง
การให้กำเนิดยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สองคนเช่นนี้ในวันเดียว มันจะทำให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ขึ้นสู่การเป็นเมืองระดับแนวหน้าในทันที
เฉียวอันชานนั้นหน้าเสียจนไร้คำบรรยาย การเปลี่ยนแปลงนี้มันทำให้เขาตื่นตกใจมาก
เมื่อได้ยินคำตะโกนจากด้านล่างมาก เขาก็รู้สึกตื่นตกใจอย่างบอกไม่ถูก
หรือว่าเจิ่งชีและเล่งหยูจะสามารถบรรลุได้เพราะเย่หยวนจริงๆ?
แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และกล่าวขึ้น “โซชูเจีย อย่าเพิ่งได้ใจไป! พันธะดาบทองคำนั้นคือการต่อสู้ด้วยชีวิต แค่อาณาจักรนภาสวรรค์ที่เพิ่งบรรลุมาหมาดๆ สองคนจะมาเปลี่ยนอะไรได้?”
โซชูเจียไม่คิดจะสนใจเขาและหันหน้าไปหาเย่หยวนแทนพร้อมหัวเราะเสียงดัง “เย่หยวน เจ้าทำได้จริงๆ! เรื่องราวครั้งนี้ต้องขอยกความดีความชอบให้เจ้าเลย!”
เย่หยวนยิ้ม “จัดเตรียมแผนการเพื่อเข้าหอยุทธและถ่วงเวลาไว้ โชคดีที่มันทันการ”
โซชูเจียหรี่ตามองทันที เพราะคำพูดนี้ของเย่หยวนมันมีอะไรบางอย่างแฝงออกมาด้วย
ทำไมเล่งหยูต้องไปบรรลุที่ด้านในหอยุทธ?
เหมือนว่า…มันจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง!
เฉียวอันชานนั้นยืมอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ เขากัดฟันแน่นและหันไปบอกผู้ตรวจการด้วยท่าทางสุดทน “ท่านผู้ตรวจการ ข้าน้อยผู้นี้ขอให้ท่านโปรดเริ่มพันธะดาบทองคำเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด!”
แม้ว่าเล่งหยูและเจิ่งชีจะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มาได้ แต่อาณาจักรนภาสวรรค์ก็ยังเป็นอาณาจักรนภาสวรรค์!
หากเป็นสี่ต่อสี่จริงเรื่องราวมันคงเปลี่ยนไปได้มาก
แต่ว่าผู้ตรวจการกลับทำหน้าเย็นชาและกล่าวขึ้น “เจ้ากล้าสั่งข้าผู้นี้อย่างนั้นรึ?”
เฉียวอันชานตื่นตกใจทันทีที่ได้ยินและรีบตอบ “ข้า…ข้าน้อยมิกล้า!”
ผู้ตรวจการบอก “ดีแล้วที่ไม่กล้า! เมื่อเขาเริ่มการบรรลุแล้วมันก็หมายความว่าเขาคือคนระดับเดียวกับพวกเรา! จะให้พันธะดาบทองคำ เรื่องราวยิ่งใหญ่แบบนั้นถูกทำราวกับเป็นเรื่องเด็กเล่นได้อย่างไร? บอกให้เริ่มพันธะดาบทองคำทันที นี่เจ้าคิดอยากให้ผู้คนนินทาข้าลับหลังรึ? หืม?”
เหงื่อเย็นเหยียบไหลท่วมกายเฉียวอันชานและเอาแต่พูดซ้ำๆ ว่าเขามิกล้า
ผู้ตรวจการบอกต่อ “หากเรื่องนี้มันไปถึงหูของเมืองหลวงจักรพรรดิเจ้ายังคิดว่าข้าจะเป็นผู้ตรวจการต่อได้รึ? หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าเข้าข้างเมืองจักรพรรดิยอดสันติของเจ้าในการทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ลงกัน?”
เฉียวอันชานนั้นเหงื่อตกราวสายน้ำ แต่เขาก็ไม่เวลาแม้แต่ที่จะเช็ดมัน “ข-ข้าน้อยทำพลาดไปแล้ว! ข้าน้อยแค่…แค่ไม่คิดว่าคำพูดนั้นมันจะเป็นการลบหลู่ท่านผู้ตรวจการ ขอท่านผู้ตรวจการอย่าได้ลงโทษข้าเลย!”
ผู้ตรวจการตอบ “ถอยไป! หลังจากเขาบรรลุได้แล้วพันธะดาบทองคำจะเริ่มขึ้นทันที!”
มีหรือที่เฉียวอันชานยังจะกล้าพูดอะไร? ตอนนี้เขาได้แต่ถอยกลับไปโดยไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหายใจ
เวลาค่อยๆ เดินผ่านไป พลังคลื่นวิญญาณในเมืองก็ค่อยๆ จางเบาบางลง
แต่พลังจากตัวของเล่งหยูกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่หยุด
“ฮ่าๆๆ ไม่นึกเลย! ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าเฒ่าคนนี้จะยังมีปัญญาบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์กับเขาได้!”
หลังจากบรรลุแล้วเล่งหยูก็หัวเราะลั่นที่สั่นสะท้านไปทั่วฟ้าดิน
เมื่อสี่ร้อยปีก่อน เขานั้นยังติดอยู่ในห้วงมิติสืบทอดและไม่มีปัญญาที่จะออกมาโลกภายนอกเสียด้วยซ้ำ
ตอนนั้นเขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะได้มาบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์แบบนี้ได้
นี่มันคือสิ่งที่เขาไม่เคยนึกเลยฝันเลยตลอดช่วงแสนกว่าปีที่ผ่านมา
แต่วันนี้เย่หยวนกลับช่วยทำให้มันเกิดขึ้น
ฟุบ!
เล่งหยูพุ่งตัวมาในระยะหลายกิโลเมตรด้วยเวลาแค่ชั่วพริบตาก่อนจะมาถึงข้างกายเย่หยวนอย่างทันควัน
“โอสถยอดหยกโมฆะนั้นช่างยอดเยี่ยม! เย่หยวน บุญคุณครั้งนี้ต่อให้ชดใช้ไปทั้งชีวิตมันก็คงไม่มีทางใช้หมดแน่!” เล่งหยูบอกเย่หยวนด้วยเสียงหัวเราะลั่น
และเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่เหนือล้ำจากร่างของผู้ตรวจการได้ เล่งหยูจึงเปลี่ยนสีหน้าและหันไปคารวะ “เล่งหยูแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ขอคารวะท่านผู้ตรวจการ!”
ผู้ตรวจการพยักหน้ารับ “อืม ไหนๆ เจ้าก็บรรลุได้แล้ว เรามาเริ่มพันธะดาบทองคำกันเลย!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น