Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1692-1695

 ตอนทื่ 1692 พันธะดาบทองคำ

ที่คฤหาสน์เย่มีเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาจากด้านใน


“ฮ่าๆ สะใจดีจริง! เฒ่าคนนี้ต่อสู้กับเจ้าเด็กน้อยหรงซูนั้นมาก็ตั้งหลายปี แต่ก็ทำอะไรให้มันไม่ได้ แต่เจ้ากลับใช้เวลาแค่สามเดือนก็สามารถจัดการมันไปได้อย่างหมดจดแล้ว” เล่งหยูบอกออกมาพร้อมหัวเราะร่า


เจิ่งชีเองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน “ไอ้เฒ่านั้น ช่วงเวลาหลายต่อหลายปีที่ข้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่หอยุทธมาก็ต้องลำบากเพราะมันไม่น้อย ตอนนี้มันรู้สึกโล่งดีเสียจริง”


หอยุทธนั้นต้องพึ่งพาหอโอสถ นี่คือเรื่องที่เลี่ยงมิได้ ไม่ว่าใครจะขึ้นมารับตำแหน่งก็ตาม


เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเล่งหยูหรือเจิ่งชีที่ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่มา พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก


ต่อให้ทั้งสองจะมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าหรงซูก็ตาม


เวลาสามเดือนผ่านไป หรงซูได้ออกมาจากนรกฟอกเทพและพบว่าเรื่องราวทุกสิ่งอย่างมันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ


เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นไม่มีใครคิดต้อนรับเขาอีกแล้ว


ต่อให้เป็นเหล่าผู้อาวุโสหอโอสถที่เคยมาขอคำแนะนำปรึกษาเรื่องต่างๆ กับเขาก็ยังหันหน้าไปหาเย่หยวนแทน


หากให้มองจากมุมของหรงซู เขาคงคิดว่าคนพวกนี้มันเข้าไปเลียนเท้าเหม็นๆ ของเย่หยวน


ทั้งๆ อย่างนั้นทุกคนกลับเลือกที่จะทนกลิ่นของมัน


พวกเล่งหยูทั้งสามคนนั้นแสดงความชื่นชมต่อตัวเย่หยวนอย่างมาก


เย่หยวนนั้นต่างจากพวกเขา ทั้งเรื่องวิชายุทธและวิชาโอสถ ฝีมือของเขานั้นมันเหนือล้ำมากกว่าใครๆ


ต่อยหน้า แล้วยื่นขนม


ต่อยไปอีกหมัด แล้วยื่นขนมอีก


เขาไม่คิดที่จะผลักไสผู้คน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เข้ามาใกล้เช่นกัน เขาแค่ปล่อยให้คนเหล่านั้นรออยู่หน้าทางเข้า


เหล่าผู้อาวุโสและอาจารย์ทั้งหลายต่างทำตามคำสั่งของเย่หยวนทุกอย่างแล้วตอนนี้


เย่หยวนสั่งไปตะวันออก ก็จะไม่มีใครกล้าเดินไปทางตะวันตกเด็ดขาด


ในหมากการเมืองนี้เย่หยวนสามารถเล่นมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ


เล่งหยูเองก็ได้แต่มองภาพเหล่านั้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตาในช่วงเวลาหลายวันมานี้


เด็กคนนี้มันเพิ่งจะอายุไม่กี่ร้อยปีจริงๆ หรือ?


ดูยังไงก็เป็นปีศาจเฒ่าเจ้าเล่ห์ชัดๆ!


เย่หยวนยิ้มออกมา “หรงซูนั้นปรารถนาในพลังอำนาจมากเกินไป หากคนแบบนี้ได้อำนาจภายในคงแตกระแหง ข้าเองก็ไม่อยากจะเข้ามายุ่งกับเรื่องราวยุ่งยากแบบนี้ แต่ไหนๆ ข้าก็สัญญากับท่านเจ้าเมืองไว้แล้ว ข้าย่อมต้องทำตามให้ถึงที่สุด”


ซวนอี้พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทำดีเกินพอแล้ว! ตอนนี้หอโอสถนั้นกลับเข้าร่องเข้ารอยได้ก็เพราะการจัดการดูแลของเจ้า เจ้าทำการอย่างเที่ยงตรง ไม่แสดงความลำเอียงต่อฝ่ายใด แม้ว่ามันจะยังเป็นเวลาไม่นานนักแต่เจ้าก็ชนะใจผู้คนไปได้แล้ว”


เล่งหยูพยักหน้ารับบ้าง “เจ้าเด็กคนนี้มีฝีมือไม่เลวจริงๆ เก่งกาจกว่าคนแก่คนเฒ่าอย่างเราๆ นัก ไม่ว่าจะเป็นหอยุทธหรือหอโอสถต่างก็ยอมรับในตัวเจ้ากันหมด ผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวน! ฮ่าๆ ดีจริงๆ เฒ่าคนนี้จะได้ถอนตัวอย่างไร้กังวลใดๆ”


การตัดสินเรื่องราวในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ของเย่หยวนนั้นมันไม่มีความลำเอียงใดๆ


ไม่กี่วันก่อน มีคนหยิ่งผยองที่อวดอ้างว่าตัวเองดีเด่นกว่าคนอื่นเพราะตัวเองได้รับความชอบมากกว่า จนสุดท้ายโดนเย่หยวนลงโทษไป


ตั้งแต่นั้นมาเย่หยวนก็ตัดสินเรื่องราวต่างๆ ด้วยความยุติธรรม


เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ในตอนนี้คงเรียกได้ว่ามันแข็งแกร่งเป็นปึกแผ่น


เย่หยวนหันไปมองเล่งหยู “พี่เล่ง เวลาก็ผ่านไปหลายต่อหลายปีแล้วท่านยังไม่แตะฐานมันเสียทีหรือ?”


เล่งหยูได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “จะไปง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร? การเดินครึ่งก้าวนี้มันยากเหมือนการเดินขึ้นสวรรค์เลย!”


เพราะแม้ว่าเล่งหยูจะถูกเรียกว่าเป็นยอดอัจฉริยะแค่ไหน การจะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มันก็ยังไม่ใช่เรื่องราวที่เขาจะทำได้สำเร็จง่ายๆ เลย


หลายร้อยปีมานี้ แม้ว่าพลังบ่มเพาะก็เขาจะพัฒนาขึ้นอย่างเหนือล้ำ แต่หลายร้อยปีมานี้เขาก็ได้ใช้ความรู้ที่สั่งสมมาไว้จนหมดแล้ว


เพราะการบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่พื้นฐานของคน


เย่หยวนยิ้มออกมา “ว่ามันยาก มันก็ยาก แต่หากว่ามันไม่ยาก มันก็อาจจะไม่ยากเลย!”


คำพูดนี้ทำให้ทั้งเล่งหยูและเจิ่งชีร่างสั่นสะท้านไปทันที


คำพูดของเย่หยวนนี้มันมีความแฝง!


ซวนอี้ที่อยู่ด้านข้างหันมามองที่เขาอย่างตื่นตกใจ “เย่หยวน เจ้าจะ…เจ้า…หลอมโอสถยอดหยกโมฆะได้แล้วรึ?”


“โอสถยอดหยกโมฆะ! นี่มัน…เย่หยวน ไม่จริงใช่ไหม?” เล่งหยูถามด้วยดวงตาที่ไม่อยากจะเชื่อเรื่องตรงหน้า


โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามนั้นมีโอสถสุริยันจักรวาล ส่วนโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ก็มีโอสถยอดหยกโมฆะ!


นี่คือโอสถที่จะช่วยพานักยุทธให้สามารถบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้


เว้นเสียแต่ว่ามันเหมือนกับที่จอมเทพโอสถสามดาวไม่สามารถจะหลอมโอสถสุริยันจักรวาลได้ จอมเทพโอสถสี่ดาวเองก็ไม่มีใครจะหลอมโอสถยอดหยกโมฆะได้ง่ายๆ เช่นกัน


ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ ไม่เคยมีใครคิดที่จะอยากหลอมโอสถตัวนี้เสียด้วยซ้ำ


เพราะฉะนั้นเมื่อซวนอี้บอกชื่อนั้นออกมา เล่งหยูและเจิ่งชีจึงตัวสั่นสะท้าน


เย่หยวนยิ้มตอบ “ตอนนี้มันยังเร็วไป แต่…วันนั้นคงไม่ไกลเกินรอ”


หลังจากขึ้นอาณาจักรวายุพระเจ้ามาได้แล้ว เวลาที่เย่หยวนมีส่วนใหญ่ก็จะใช้ไปกับการเรียนรู้วิชาโอสถ


การที่เขาสามารถจะหลอมโอสถทะยานสมุทรแยกมิติที่แสนยากเย็นนั้นได้รวดเร็วปานนี้มันล้วนแล้วแต่มาจากความพยายามอันหนักหนาสาหัสของเขาทั้งสิ้น


เว้นเสียแต่ว่าวิชาโอสถระดับสี่นั้นมันยากเย็นและลึกล้ำอย่างที่ยากหยั่งถึง ความยากของมันนั้นเหนือกว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์สามดาวอย่างที่เทียบกันไม่ติด


ต่อให้เป็นเย่หยวน การที่จะไปหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ความยากระดับเก้าให้ได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้มันก็ยังเกินมือเขาไป


แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับพูดเรื่องนั้นออกมาด้วยท่าทางแสนสบาย เมื่อมันไปถึงหูคนอื่นมันย่อมเหมือนมีฟ้าผ่าลงกลางใจ


ซวนอี้ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “เด็กน้อย ข้าไม่รู้เลยว่าจะพูดยังไงดี! เฒ่าคนนี้ศึกษาวิชาโอสถมานับแสนปีแต่ก็ยังไปไม่ถึงระดับความยากแปดเลย เจ้าที่เพิ่งบรรลุมาได้ไม่กี่สิบปีกลับเกือบจะหลอมโอสถยอดหยกโมฆะได้แล้ว หากเฒ่าคนนี้หน้าบางกว่านี้หน่อยข้าคงได้เอาหัวทุบดินตายไปแล้ว!”


เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนั้น คนทั้งกลุ่มก็หัวเราะกันลั่นขึ้นมา


แม้ว่ามันจะเป็นแค่การพูดล้อเล่น แต่มันก็แสดงอย่างชัดเจนว่าความสามารถของเย่หยวนเหนือกว่าเขาแค่ไหน


“แต่ว่า…ยาสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมโอสถยอดหยกโมฆะนั้นมันล้วนแต่เป็นยอดสมบัติยากจะหาได้ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราคงไม่มีปัญญาจะหามันมาได้ง่ายๆ ใช่ไหม?” เล่งหยูบอก


ไม่ว่าจะเป็นยอดพ่อครัวที่ไหนก็ทำข้าวผัดไม่ได้หากขาดข้าว แม้ว่าเย่หยวนจะมีฝีมือในการหลอมโอสถ แต่หากไม่มียาสมุนไพรวัตถุดิบ เขาก็ไม่มีทางที่จะหลอมได้อยู่ดี


เย่หยวนยิ้มรับ “พวกท่านวางใจเถอะ ในการเดินทางครั้งนี้เย่ผู้นี้ได้เก็บรวบรวมสมุนไพรมานาๆ ชนิด หากคัดๆ แยกๆ ดูมันก็น่าจะพอช่วยพวกท่านสองคนบรรลุได้อย่างไร้กังวล”


เมื่อพวกเล่งหยูได้ยินเขาก็ตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่


เล่งหยูบอก “เย่หยวน หากเฒ่าคนนี้บรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้จริงข้าจะขอมอบชีวิตนี้ให้เจ้าเลย!”


เจิ่งชียิ้มออกมาตาม “อาจารย์ปู่ ชีวิตของข้านั้นถูกเขาช่วยมาตั้งแต่แรกแล้ว บุญคุณนี้ต่อให้ตายนับหมื่นครั้งก็ยังไม่มีทางชดใช้หมด”


คนทั้งหลายกำลังพูดคุยกันไปแต่จู่ๆ ก็เกิดรอยแยกขึ้นบนอากาศ ก่อนที่จะเผยให้เห็นสองร่างเดินออกมา พวกเขาคือเจ้าเมืองโซชูเจียและเหอชง


“ขอคารวะท่านเจ้าเมือง! ขอคารวะยอดผู้อาวุโส!” พวกเล่งหยูทั้งหลายรีบลุกขึ้นทำความเคารพ


โซชูเจียนั้นมีสีหน้าไม่ค่อยดีนักและบอก “พวกเจ้านั่งลง เจ้าเมืองคนนี้มีเรื่องมาบอกเจ้าทั้งหลาย”


ได้เห็นใบหน้านั้นของโซชูเจีย เล่งหยูก็เริ่มใจไม่ดีขึ้นมาตาม


เพราะดูท่าแล้วมันคงมิใช่ข่าวดีเป็นแน่!


โซชูเจียยื่นมือออกมา เผยให้เห็นตราดาบสีทองในมือ


“ตราดาบทองคำ! นี่มัน…นี่มันตราดาบทองคำของเมืองจักรพรรดิยอดสันติ! พวกมันคิดที่จะเปิดพันธะดาบทองคำ!” เจิ่งชีหน้าถอดสีทันทีที่เห็นมัน


โซชูเจียพยักหน้ารับ “ข้าผู้นี้เพิ่งได้รับตราดาบทองคำจากเมืองจักรพรรดิยอดสันติมา พวกมันคิดลงคำว่าจะเปิดพันธะดาบทองคำในอีกสิบปีข้างหน้า! ดูท่าครานี้พวกมันจะไม่หยุดจนกว่าจะมีคนตาย!”


พวกเล่งหยูหน้าเสียไปอย่างถึงที่สุดในทันทีที่ได้ยิน


“พวกมัน…พวกมันจะรังแกผู้คนจนเกินไปแล้ว!” เล่งหยูกัดฟันแน่น


“เมืองจักรพรรดิยอดสันติ ในหมู่เมืองจักรพรรดิระดับล่างนั้นมันนับว่ามีพลังสูงส่ง! เมื่อมันเปิดใช้พันธะดาบทองคำเช่นนี้จะยังมีใครหยุดพวกมันได้?” เจิ่งชีบอกออกมาด้วยใบหน้าที่แสนขื่นขม


โซชูเจียถอนหายใจยาวและหันไปหาเย่หยวน “เย่หยวน เมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นมันหมายหัวเจ้าไว้! ข้าว่าเจ้า…เจ้าลี้ภัยออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราไปก่อนดีไหมเล่า?”


ตอนที่ 1693 ใครสั่ง?

“พวกมันคิดจะมาเอาเขาหน่วงเทพบรรพกาล?”


เย่หยวนนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปออกมาแม้แต่น้อย ตอนนี้เขายังดูใจเย็นได้อย่างถึงที่สุด


เขานั้นไม่เข้าใจแน่ชัดว่าเจ้าพันธะดาบทองคำนี้มันคืออะไร แต่เขารู้ว่าเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นมาหาเรื่องพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า นอกไปเสียจากเขาหน่วงเทพบรรพกาลแล้วเขาก็นึกถึงความเป็นไปได้อื่นไม่ออก


โซชูเจียพยักหน้ารับ “พวกมันเปิดพันธะดาบทองคำและบอกข้อเรียกร้องมาว่าให้เราส่งเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปให้! หากไม่ใช่เพราะเขาหน่วงเทพบรรพกาลเมืองจักรพรรดิยอดสันติเองก็คงไม่กล้าทำเรื่องราวถึงขั้นนี้”


แม้พวกเขาจะอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์เดียวกันแต่ความสัมพันธ์ของเหล่าเมืองจักรพรรดิทั้งหลายก็ไม่ได้ดีงามนัก


เมืองจักรพรรดินั้นต่างจากเมืองหลวง เพราะในด้านภูมิศาสตร์นั้นพวกเขาเหล่าเมืองจักรพรรดิจะตั้งอยู่ห่างไกลกันมาก มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จักรพรรดิเทพสวรรค์จะปกครองดูแลเมืองจักรพรรดิในปกครองได้ทั้งหมด


เพราะฉะนั้นเหล่าเมืองจักรพรรดิทั้งหลายจึงมีความเป็นอิสระไม่น้อย


มันจึงทำให้เกิดเรื่องราวการปะทะระหองระแหงกันบ่อยๆ


แต่ไม่ว่าจะมีเหตุผลที่ดีแค่ไหน เวลาปกติแล้วมันก็จะไม่มีเรื่องอย่างว่าเมืองจักรพรรดิหนึ่งถล่มทำลายอีกเมืองจักรพรรดิลง


หากให้เทียบแล้วเมืองจักรพรรดิมันก็คงคล้ายๆ กับเมืองขึ้นดีๆ นี่เอง


การที่เมืองจักรพรรดิหนึ่งจะเข้ามาทำอะไรกับอีกเมืองจักรพรรดิได้นั้นพวกเขาต้องทำผ่านตราดาบทองคำกับอีกฝ่ายเท่านั้น


พันธะดาบทองคำที่เมืองจักรพรรดิยอดสันติใช้นั้นคือวิธีแรกของตราดาบทองคำ มันเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่เน้นความสงบมากกว่า


นี่คือวิธีที่จะนำเบื้องบนของเมืองทั้งสองมาเข้าปะทะกัน และผู้แพ้ต้องส่งของที่ผู้ชนะร้องขอออกมาให้อีกฝ่ายอย่างไม่เว้น!


ส่วนวิธีการที่สองนั้นคือการทำลายดาบทองคำนี้ เพื่อเป็นการแสดงถึงการสู้จนตัวตายของทั้งสองฝ่าย


เมื่อถึงเวลานั้นเมืองจักรพรรดิทั้งสองจะเข้าสู่การทำสงครามทันที


เย่หยวนเริ่มเข้าใจถึงเจ้าพันธะดาบทองคำนี้และหันไปถามโซชูเจีย “ท่านเจ้าเมือง ท่านกับเจ้าเมืองของเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นไม่ทราบว่าผู้ใดที่เหนือกว่ากัน?”


โซชูเจียหรี่ตาลงทันทีด้วยความตื่นตกใจในหัวใจ


หรือว่าเย่หยวนคนนี้จะคิดเสนอให้พวกเขาเสี่ยงชีวิตแลกความตายกับเมืองจักรพรรดิยอดสันติ?


เขาส่ายหัวออกมา “เย่หยวน ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ยอมง่ายๆ แต่เมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นเป็นเมืองระดับกลางค่อนไปทางสูงในหมู่สิบเมืองสันเขาใต้ของเรา เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเราไม่มีทางใดที่จะต่อต้านพวกมันได้เลย ส่วนเรื่องของเฉียวอันชาน แม้ว่าเขาคนนั้นจะมีพลังบ่มเพาะเท่ากับข้า เป็นนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาวเหมือนๆ กัน แต่เขา…เขานั้นอยู่บนจุดสูงสุดของระดับสองดาวแล้ว ข้านั้นไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้”


เย่หยวนยิ้มตอบ “งั้นหาก…หากข้าให้ท่านยืมเขาหน่วงเทพบรรพกาลใช้ล่ะ?”


โซชูเจียสั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อได้ยินและตอบออกมาอย่างดีอกดีใจ “หากข้ามีเขาหน่วงเทพบรรพกาลในมือข้ามั่นใจว่าอย่างน้อยๆ ข้าก็มีโอกาสชนะเจ็ดในสิบ!”


แต่ว่าเขาก็กลับมามีท่าทีหม่นหมองแทบจะทันที “ไม่ได้การหรอก เมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นมีนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ถึงสี่คน ต่อให้สามคนในนั้นจะเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาว แต่ลำพังแค่เหอชงคนเดียวมันก็ไม่มีทางรับมือได้เลย”


เย่หยวนผายมือออกมาแสดงให้เห็นเขาสีดำสนิท


“ท่านเจ้าเมือง เย่หยวนคนนี้ไม่ใช่คนขี้เหนียวขี้งก แต่เขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้มันยังมีประโยชน์ต่อข้ามากมายนัก แต่มอบให้ท่านไปตอนนี้มันก็ไม่มีปัญหานัก สิบปีจากนี้ไป เขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้จะขอมอบให้ท่านเจ้าเมืองดูแล ข้าหวังว่าท่านเจ้าเมืองจำใช้มันนำชัยมาสู่เมืองของเรา!”


พูดจบเย่หยวนก็ดันมือออกมาส่งเขาหน่วงเทพบรรพกาลลงบนมือของโซชูเจีย


โซชูเจียนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะมีน้ำใจงามเช่นนี้ เขายอมที่จะปล่อยให้เขายืมใช้เขาหน่วงเทพบรรพกาลโดยไม่ปริปากบ่นใดๆ


แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หายตกใจ เย่หยวนก็นำเชือกสีทองเข้มออกมาอีกเส้น


โซชูเจียและเหอชงเปิดตากว้างทันที “เชือกมัดเซียน!”


เย่หยวนโยนเชือกมัดเซียนให้แก่เหอชงไปและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ยอดผู้อาวุโส เชือกมัดเซียนนี้มันไม่เป็นประโยชน์ใดแก่ข้า ขอมอบมันให้แก่ท่าน”


ได้ยินแบบนั้นเหอชงก็ได้แต่นั่งนิ่ง


เขาไม่เคยคิดเคยฝันว่าตัวเองจะได้ครอบครองสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำเข้าจนได้!


นี่คือสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ! แต่เย่หยวนจะมอบให้เขาแบบนี้เลยน่ะรึ?


“นี่…มัน…จริง…ให้ข้ารึ?” เหอชงยังคงมึนๆ งงๆ กับเรื่องราวตรงหน้าและถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา


เย่หยวนยิ้มตอบ “จะยังมาล้อเล่นได้อย่างไร? ต่อให้ข้ามียาวิเศษที่ไหนมาข้าก็ไม่มีทางกล้าล้อเล่นกับยอดผู้อาวุโสหรอก”


ได้เห็นสายตานั้นของเย่หยวน เหอชงก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดล้อเล่นแน่ๆ แล้ว


เหอชงนั้นหายใจเข้าลึกและบอกเย่หยวน “เอาล่ะ งั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว! เย่หยวน หากเจ้ามีเรื่องอะไรต้องการในวันหน้าขอจงอย่าได้เกรงใจและมาบอกข้าได้เลย!”


เย่หยวนยิ้มออกมา “ต่อให้ยอดผู้อาวุโสท่านไม่บอก เย่หยวนคนนี้ก็มีเรื่องที่อยากจะไหว้วานท่านทั้งสองอยู่แล้ว”


โซชูเจียและเหอชงหันมองหน้ากันทันที พวกเขาทั้งสองต่างมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตกใจ


ดูเหมือนว่าเย่หยวนคนนี้จะมีแผนรอคอยมาก่อนแล้ว!


เย่หยวนบอก “ในเวลาสิบปีนี้ ข้าอยากให้พวกท่านทั้งสองพยายามเก็บยาสมุนไพรระดับสี่กลับเมืองมาให้มาก ยิ่งเยอะยิ่งดี! ส่วนเรื่องพันธะดาบทองคำนั้นพวกท่านทั้งสองวางใจได้ พวกมันจะได้รู้ซึ้งในอีกไม่นาน!”


โซชูเจียและเหอชงรู้สึกได้ในตอนนี้ว่าโลกใบนี้มันไม่ได้เป็นโลกที่พวกเขารู้จักอีกต่อไปแล้ว


พวกเขามาเพื่อบอกให้เย่หยวนรีบหนี แต่เย่หยวนกลับตะโกนสวนมาว่า สู้!


จะบอกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวคนหนึ่งนี้จะมาหยุดการแก่งแย่งของนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์อย่างนั้นหรือ?


พอคิดดู คนทั้งสองก็ไม่อยากจะเชื่อ


ซวนอี้นั้นมีใบหน้าที่กังวลไม่น้อย “เย่หยวน มันเป็นเวลาแค่สิบปีเองนะ เจ้า…เจ้ามั่นใจหรือว่าจะหลอมโอสถยอดหยกโมฆะออกมาได้?”


“หะ? โอสถยอดหยกโมฆะ?”


แม้ว่าคนทั้งสองจะเป็นนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ไปแล้ว แต่ทั้งโซชูเจียและเหอชงต่างมีสภาพไม่ต่างจากเล่งหยูและคนอื่นๆ มาก่อน


โอสถยอดหยกโมฆะนั้นมันเป็นเรื่องที่ไกลเกินตัวพวกเขามาก


แต่ตอนนี้มันก็ทำให้คนทั้งสองเข้าใจแล้วว่าความมั่นใจของเย่หยวนมันมาจากที่ใด


เย่หยวนตอบ “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ก็จะพยายามให้ถึงที่สุด! เพราะยังไงเสียการหนีมันก็ไม่ใช่ทางเลือก เมื่อมันคิดเปิดใช้พันธะดาบทองคำเช่นนี้แล้วมันก็หมายความว่าพวกมันจะมาหาเรื่องเรา ต่อให้ข้าหนีจากไป พวกมันก็คงไม่มีทางปล่อยเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปง่ายๆ แน่”


พูดจบเย่หยวนก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังอย่างถึงที่สุด “ในเมื่อมันกล้าจะแหย่มือเข้ามา มันก็ต้องเตรียมตัวโดนกัดมือขาดไว้ด้วย!”


เย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะออกไปไหนทั้งสิ้น เพราะตอนนี้เวลาใกล้ถึงสี่ร้อยปีได้ผ่านไปแล้ว อีกประมาณแค่ร้อยปีก็จะครบสัญญาห้าร้อยปี


หากออกไปตอนนี้และพลาดจากพวกลี่เอ้ออีก มันคงเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นมามากมายแน่


เย่หยวนนั้นตัดสินใจได้นานแล้วว่าในเมื่อมันเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องปะทะด้วยทุกอย่างที่มี!


เขาจะใช้พลังของตัวเองนี้เพื่อทำให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์กลายเป็นมหาอำนาจ!



ที่ฝั่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติ เฉียวอันชานก็กำลังประชุมเหล่ายอดฝีมืออยู่ “ครานี้เราต้องเอาเขาหน่วงเทพบรรพกาลกลับมาให้ได้! หากคนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันคุยไม่รู้เรื่องก็จงสังหารให้สิ้น!”


เหวินอี้หลินตอบ “เด็กชื่อเย่หยวนคนนี้มันหลบหนีภัยมาได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เราจะไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดรอดไปได้แน่!”


เฉียวอันชานบอก “ใจเย็น ข้าผู้นี้เตรียมวางตาข่ายดักไว้หมดแล้ว รอให้มันหนีออกมาเถอะ! ด้วยนิสัยขี้ขลาดอย่างโซชูเจีย หลังได้รับตราดาบทองคำมันจะต้องไล่ให้เย่หยวนหนีออกมาแน่ๆ”


เมื่อเหวินอี้หลินได้ยินเขาก็ยกมือขึ้นมาชื่นชมทันที “ท่านเจ้าเมืองช่างหลักแหลมคำนวณทุกสิ่งอย่างไว้หมด! เด็กน้อยเย่หยวนคนนี้มันคงเบื่อที่จะอยู่ต่อแล้วจึงได้กล้ามาแหย่รังเสือเช่นนี้! นอกจากมันจะสังหารเกาหยุนแล้วมันยังแย่งเขาหน่วงเทพบรรพกาลและเชือกมัดเซียนไปอีก หากมันไม่ตายชายแก่คนนี้ก็คงไม่มีทางสงบจิตสงบใจลงได้แน่!”


เฉียวอันชานยิ้ม “ใจเย็น คราวนี้แหละมันตายแน่! แล้วก็เจ้าไปเรียกหยางฟานมาด้วย ครานี้แหละข้าจะให้เขาได้แก้แค้นให้เกาหยุนจริงๆ!”


ตอนที่ 1694 ตัวตลก

เฉียวอันชานไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่มียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แค่สองคนจะกล้าทำการต่อสู้กับพวกเขาจริงๆ


หลังจากรอคอยมายาวนานนับสิบปี เส้นทางติดต่อสื่อสารใดๆ กับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างเงียบกริบ ทำให้เฉียวอันชานปวดใจไม่น้อย


เขานั้นจ่ายไปอย่างมากเพื่อที่จะปิดขาดเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไว้


เพราะยังไงเขาก็เป็นยอดฝีมือจากเมืองจักรพรรดิยอดสันติ แค่เขานั้นไม่มีทางใดเลยที่จะปกคลุมเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้ทั้งหมด


แต่ผลที่ออกมามันกลับเสียเวลาเปล่าไปสิบปี


“ท่านเจ้าเมือง วันพันธะดาบทองคำนั้นใกล้เข้ามาถึงทุกทีแล้ว เจ้าโซชูเจียนั่นคงไม่ได้คิดที่จะต่อสู้จนตัวตายกับเราหรอกใช่ไหม?” เหวินอี้หลินถาม


เฉียวอันชานนั้นรู้สึกเหมือนมีเลือดออกกลางใจ ได้ยินแบบนั้นเขาจึงตอบกลับไป “ในเมืองโซชูเจียมันอยากรนหาที่ตายเองก็ให้มันได้สมหวังไป! คราวนี้เราจะจัดการเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ให้สิ้นซากไปด้วยเลย ทำให้มันตกอยู่ในมือเราอย่างสมบูรณ์!”


เหวินอี้หลินพยักหน้าเมื่อได้ยิน “พวกมันรนหาที่ตายเอง จะมาว่าเราคงไม่ได้!”


ระหว่างเมืองจักรพรรดิด้วยกันนั้นหากมันไม่จนมุมจริงๆ พวกเขาก็ไม่อยากจะทำลายกันให้สิ้นซากลง


เพราะแม้ฆ่าสังหารศัตรูได้พันคน แต่ต้องเสียคนของตัวเองไปแปดร้อยมันจะยังมีประโยชน์ใด แม้ว่าพลังฝีมือของเฉียวอันชานนั้นจะสูงส่ง แต่หากเขาอยากสังหารโซชูเจียลงจริงๆ มันก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงลิบ


เหล่าผู้อ่อนแอที่แท้จริงนั้นจะถูกลบล้างไปตั้งแต่แรกแล้ว


ตอนนี้ผู้ที่เหลือรอดมาได้ย่อมมีแต่ผู้ที่ไม่อ่อนแอทั้งสิ้น


เพียงแค่ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นอ่อนแอกว่าพวกเขาไปหน่อยก็เท่านั้น


ส่วนโวชูเจียก็เป็นเข็มหมุดที่ปักให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นสามารถคงอยู่มาได้จนทุกวันนี้


แต่เรื่องราวในครั้งนี้มันต่างจากปกติ ตอนนี้เฉียวอันชานไม่มีทางใดที่จะถอยได้อีกแล้ว


“ตราบเท่าที่ข้าคนนี้ได้หลอมเขาหน่วงเทพบรรพกาล ข้าก็จะสามารถบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวได้! ถึงตอนนั้นเมืองจักรพรรดิยอดสันติเราคงขึ้นอยู่ในสามอันดับแรกของสิบเมืองสันเขาใต้ได้! เพราะฉะนั้นไม่ว่าต้องบาดเจ็บเพียงใด เราก็ต้องนำเขาหน่วงเทพบรรพกาลกลับมาให้ได้!” เฉียวอันชานกล่าวอย่างหนักแน่น



ในวันนี้ ท้องฟ้ากระแสลมเหนือเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นปั่นป่วนไปอย่างเห็นได้ชัด


เหล่ายอดฝีมือหลายต่อหลายคนยืนอยู่บนท้องฟ้า ทำให้เกิดความแตกตื่นไปทั่วเมือง!


ใบหน้าของเหล่านักยุทธในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นต่างเปลี่ยนสีไปทันทีที่เห็น นี่เป็นช่วงเวลาที่ความเป็นความตายได้คืนคลานมาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว!


เมื่อได้รับตราดาบทองคำ ผู้รับย่อมต้องประกาศมันออกมา


ทุกคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นรู้ดีว่าเมืองจักรพรรดิยอดสันติจะเปิดใช้พันธะดาบทองคำ


เหล่ายอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า กองกำลังอันแข็งแกร่งตรงหน้านี้มันทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ


“ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สี่คน! นี่มัน… มาถึงจนได้เหรอ?”


“ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะสามารถรอดพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้หรือไม่!”


“สู้สองต่อสี่ นี่มัน… ไม่มีความหวังเลยสักนิด!”


“เฮ้อ! เมืองจักรพรรดิยอดสันติเองก็เร็วเหลือเกิน! หากให้เวลาผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวนอีกหน่อยเรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้แน่!”



เวลาสิบปีที่ผ่านมานี้ทุกคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างรับรู้ได้ถึงภัยอันตราย


แต่สิบปีที่ผ่านมามันก็เป็นสิบปีที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ปรองดองกันมากที่สุด


เหล่าตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างเลิกที่จะทะเลาะกันภายในและหันมาเริ่มเก็บตัวฝึกฝน


ด้วยโอสถมหาศาลจากเย่หยวน มันจึงทำให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มียอดฝีมือเกิดขึ้นมากมาย


ในเวลาปัจจุบัน ในเมืองนั้นมียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวมากมาย


เพียงแต่ว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวนั้นมันไร้ค่าเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าอาณาจักรนภาสวรรค์!


ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เหล่านี้ อย่าว่าแต่อาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว แม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวก็ยังเป็นได้แค่มดปลวก


“โซชูเจีย ออกมาบัดเดี๋ยวนี้!”


เสียงคำรามลั่นสะท้านไปทั่วทั้งเมือง


เมื่อเฉียวอันชานตะโกนขึ้น ความแตกตื่นโกลาหลก็เกิดขึ้นทันที


เขานั้นกำลังอวดอ้างพลังบ่มเพาะของตนจนทำให้นักยุทธทั้งหลายในเมืองต้องสั่นกลัว


เป็นตอนนั้นเองที่มีสองเงาร่างปรากฏกายขึ้น พวกเขาย่อมเป็นโซชูเจียและเหอชง


โซชูเจียมองดูหน้าของเฉียวอันชานและพูดขึ้น “เฉียวอันชาน มันยังไม่ถึงเวลาที่ว่ากันไว้ ท่านผู้ตรวจการเองก็ยังมาไม่ถึงเช่นกัน มาอวดอ้างพลังเช่นนี้มันจะไม่รังแกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เกินไปหน่อยรึ?”


เฉียวอันชานตอบกลับมาด้วยเสียงดังหลังได้ยิน “โซชูเจีย ตราดาบทองคำได้ออกไปแล้ว เราย่อมมีแค้นใดกันย่อมต้องสะสางให้มันจบสิ้น! ท่านผู้ตรวจการยังมาไม่ถึงจริง แต่เราก็มาจบเรื่องราวกเก่าก่อนกันได้!”


โซชูเจียหรี่ตามองทันที “เจ้าจะก่อเรื่องใดอีกเล่า?”


ตอนนั้นเองที่มีอีกเงาร่างเดินขึ้นมาแถวหน้าจากฝั่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าเอง! ความแค้นที่อาจารย์ถูกสังหารนั้นข้าจะไม่ทน! คราก่อนท่านเจ้าเมืองข้าเข้าสู่การเก็บตัวพวกเจ้าถึงหนีรอดไปได้! วันนี้แหละที่ข้าจะกลับมาแก้แค้นแทนอาจารย์ให้ได้! รีบไปเรียกเจ้าเจิ่งชีนั่นออกมาตายด้วยมือข้าเสีย!”


คนๆ นี้หาใช่ใครอื่นนอกจากศิษย์ของเกาหยุนนามหยางฟาน!


ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อย่างเหวินอี้หลินนั้นคืออาจารย์ของเกาหยุน ส่วนเกาหยุนนั้นก็เป็นอาจารย์ของหยางฟาน


จะให้พูดไป เหวินอี้หลินก็คงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเล่งหยูนั่นเอง


แต่หยางฟานคนนี้มีพรสวรรค์จำกัด จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเป็นได้แค่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาว อ่อนแอกว่าเจิ่งชีไปมาก


หากไม่คิดว่าเจิ่งชีเสียพลังชีวิตไปมาก ต่อให้อาจารย์ปู่พามาแบบนี้มีหรือที่เขาจะยังกล้าออกมาท้าทายเจิ่งชีอีก


แต่หลังจากเจิ่งชีหายดีนั้นเขาก็ไม่ได้ออกไปพบปะผู้คนมากมาย ในเมืองจักรพรรดิยอดสันติจึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเจิ่งชีนั้นหายดีมานานแล้วและยังบรรลุได้อีกด้วย


ท่าทางนี้ของเขามันจึงดูน่าขันยิ่ง!


ตอนนี้สายตาที่ทุกคนมีนั้นกำลังจ้องมองดูหยางฟานราวกับเขานั้นเป็นตัวตลกที่มาแสดงก่อนเปิดงาน


ดูท่าก็รู้แล้วว่าคนๆ นี้มันเป็นพวกรังแกคนอ่อนแอแต่กลัวคนแข็งแกร่ง ทั้งๆ อย่างนั้นยังจะมีหน้ามาพูดเรื่องการแก้แค้นให้อาจารย์


เทียบกับใคร?


ตอนนั้นที่เจิ่งชีคิดจะไปแก้แค้นเกาหยุนนั้น เขาออกเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิยอดสันติด้วยตัวคนเดียว!


โซชูเจียนั้นไม่รู้มาก่อน และเมื่อได้รู้เรื่องราวเขาก็มุ่งหน้าไปยังเมืองจักรพรรดิยอดสันติในทันที จึงสามารถที่จะช่วยเจิ่งชีที่บาดเจ็บสาหัสกลับมาได้


แต่เจ้าหยางฟานคนนี้เล่า?


ดูยังไงก็คือเหวินอี้หลินที่นำเขามาชัดๆ!


เมื่อมีเหวินอี้หลินอยู่ มีหรือที่ยอดคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะยังกล้าทำอะไรต่อตัวเขา?


เขาจึงทำออกมาพูดพล่ามเรื่องการแก้แค้น ดูยังไงมันก็ไม่มีความจริงอยู่เลย


ให้พูดง่ายๆ ก็คือเขาคิดที่จะรังแกคนป่วยอีกครั้ง!


เมื่อการต่อสู้ครั้งใหญ่ใกล้ปะทุ การได้เห็นตัวตลกเช่นนี้ออกมาเต้นแร้งเต้นกามันก็ทำให้เหล่ายอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์รู้สึกสบายใจขึ้นมาได้หน่อย


โซชูเจียเองก็คิดที่จะปั่นประสาทเฉียวอันชานเขาจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดและตอบไป “หยางฟาน เจ้ามาขอเรื่องที่เกินบรรยายแล้ว! คราก่อนเจิ่งชีก็ต้องบาดเจ็บหนักไปเพราะเจ้า คราวนี้ยังจะมาไม้เดิมอีก?”


หยางฟานหัวเราะ “เจิ่งชีนั้นคือคนที่อยากทำร้ายอาจารย์ข้ามานาน! จนในที่สุดมันก็ทำสำเร็จ! หึ หากไม่สังหารมันลงข้าเองก็คงมิใช่ลูกผู้ชายแล้ว!”


โซชูเจียได้แต่หัวเราะในใจแต่ก็หันไปสะบัดแขนเสื้อ “เจิ่งชีนั้นตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเก็บตัวและไม่สะดวกที่จะรับคำท้าใดๆ”


เป็นตอนนั้นเองที่เฉียวอันชานยิ้มกว้างออกมา “โซชูเจีย ตอนนั้นเจิ่งชีมาหาเกาหยุนเพื่อแก้แค้น ข้าผู้นี้เองก็ไม่ได้เข้าไปห้ามใดๆ ทั้งสิ้น! แล้วเจ้ามาทำอะไรอย่างนี้? หยางฟานและเจิ่งชีนั้นล้วนเป็นคนรุ่นเดียวกัน และคงเรียกได้ว่าเป็นคู่แค้นกันมานาน! ความแค้นเช่นนี้ยังจะมีใครมายุ่มย่ามได้? หากเจ้าไม่เรียกเขาออกมาข้าผู้นี้นี่แหละที่จะไปทำลายคฤหาสน์เจิ่งทิ้งก่อนเลย! ต่อให้ท่านผู้ตรวจการมาเห็นท่านก็คงไม่ว่าอะไรมากหรอก!”


โซชูเจียรู้สึกดีในใจแต่เขาก็แกล้งทำหน้าโกรธออกมา “เฉียวอันชาน เจ้ามันบังคับผู้คนจนเกินไปแล้ว!”


เฉียวอันชานยิ้ม “เลือดย่อมต้องล้างด้วยเลือด ยังจะมาบังคับผู้คนเรื่องใดกันอีก?”


โซชูเจียเปลี่ยนสีหน้าไปมาหลายครั้งก่อนที่จะหันไปสั่งคนเบื้องล่าง “ส่งคนไป! ไปเชิญผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชีมา!”


“ครับท่านเจ้าเมือง!” อาจารย์หนึ่งวิ่งหายไปทันที


เพราะจริงๆ เจิ่งชีนั้นกำลังเก็บตัวอยู่จริงๆ แม้แต่โซชูเจียก็ไม่รู้สภาพในตอนนี้ของเขาเช่นกัน


อารมณ์ของเขาในตอนนี้มันก็ไม่ดีนัก เพราะจะสำเร็จหรือล้มเหลวมันก็ขึ้นอยู่กับเรื่องในครั้งนี้


หากเจิ่งชีไม่สามารถบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงได้พบความฉิบหายในวันนี้แล้ว!


ตอนที่ 1695 ไม่รู้เอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“เชิญมา? ฮ่าๆ! ในสายตาข้า ข้าว่าต้องเรียกมันว่าหามมามากกว่ามั้ง!” หยางฟานหัวเราะลั่นด้วยท่าทางเย้ยเยาะ


เสียงหัวเราะดังขึ้นมาตามๆ กันจากด้านเมืองจักรพรรดิยอดสันติ


พวกเขาทั้งหลายรู้ดีว่าเพราะเจิ่งชีใช้ดาบคลั่งเลือนสลายออกมา ตอนนี้เขาจึงมีพลังชีวิตที่เหลืออยู่ไม่มาก คงอยู่บนโลกนี้ต่อได้อีกไม่นาน


สภาพของเขาตอนนี้คงเรียกได้ว่ากึ่งเป็นกึ่งตาย


แล้วขยะแบบนั้นยังจะให้ต้องไปเชิญ?


หยางฟานมีใบหน้าที่เย้ยหยันหนักกว่าเก่า การได้มาเหยียบหน้าเจิ่งชีแบบนี้มันช่างเป็นความรู้สึกที่แสนจะดีเยี่ยม


เขาและเกาหยุนนั้นจะเรียกว่าเป็นศิษย์อาจารย์ที่สนิทสนมคงไม่ได้


ด้วยนิสัยของคนอย่างเกาหยุน มีหรือที่เขาจะสั่งสอนทุกอย่างที่ตัวเองมีออกมาแก่ศิษย์?


แต่ว่าเรื่องที่หยางฟานไม่มีความสามารถพอนั้นมันก็เกี่ยวด้วย ที่เขาได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นมาก็เพราะเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน


ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน เจิ่งชีนั้นเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ แต่เขานั้นเป็นได้แค่ผู้อาวุโสตัวน้อยคนหนึ่ง


ความแตกต่างของทั้งคู่มันยิ่งใหญ่มาก


เพราะฉะนั้นการมาล้างแค้นให้อาจารย์ในครั้งนี้จึงเป็นแค่ข้ออ้าง และเหตุผลจริงๆ ก็คือเขาอยากจะสะสางความขุ่นเคืองในใจที่มีมาตลอดชีวิตนี้


หยางฟานเข้าใจดีว่าการที่ให้เขาออกมาทำหน้าที่นี้มันก็เพื่อที่จะไม่ให้ฝ่ายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์สามารถจะมีข้ออ้างปฏิเสธได้


แต่แล้วทำไม?


โดนกดขี่มานานขนาดนี้เขาย่อมต้องหาทางระบาย!


นั่นจึงทำให้หยางฟานทำท่าทางเหมือนตัวตลก ด่าว่าเจิ่งชีเสียๆ หายๆ อย่างไม่ขาดปาก


“นี่ เจิ่งชีนี่มันช่างเป็นคนขี้ขลาดเสียจริงๆ ทำไมยังไม่ออกมาอีกเล่า? คงไม่ใช่ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของพวกเจ้าอยากจะปกป้องซ่อนมันเอาไว้หรอกนะ? ไหนๆ ก็ใกล้จะตายแล้ว ออกมาให้หยางผู้นี้ได้ส่งมันไปโลกหน้าเองเถอะ!”


หยางฟานพูดออกมาอย่างเริงรื่น แต่กลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดแปลกในบรรยากาศตอนนี้เลย


ฝั่งพวกเฉียวอันชานนั้นเป็นยอดฝีมือที่สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายจึงเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยแล้ว


เป็นเวลานั้นเองที่มีร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมา ทำให้เฉียวอันชานและพวกต้องหันมองในทันที


หยางฟานที่กำลังหัวเราะลั่นต้องหยุดกลางอากาศ พร้อมปล่อยเสียงแหลมแปลกๆ เหมือนเป็ดยางที่ถูกบีบคอออกมา


“จ-จ-เจิ่งชี…จ-เจ้า…บ้าน่า! ข้า…ตาข้าคงฝาดแน่แล้ว!”


หยางฟานนั้นตื่นกลัวกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวม่วง


เขาขยี้ตาอย่างไม่ยั้ง เพราะเจิ่งชีกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยคลื่นพลังที่เหนือฟ้า!


ตอนนี้สายตาของเจิ่งชีนั้นเปี่ยมพลัง พลังที่ปล่อยออกมารอบตัวนั้นสูงล้ำ ยังจะมีร่องรอยของคนใกล้ตายที่จะอยู่บนโลกได้อีกไม่นานไหนให้เห็นอีก?


แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาตื่นตะลึงนั้นมันไม่ใช่แค่เรื่องนี้!


เพราะแม้เจิ่งชีจะไม่ได้ตั้งใจปล่อยพลังกดดันออกมา แต่แค่คลื่นพลังที่ไหลออกมาตอนนี้มันก็แข็งแกร่งกว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าไม่รู้ตั้งกี่ร้อยเท่าแล้ว


ต่อให้เป็นคนโง่แค่ไหนก็มองออกว่าตอนนี้เจิ่งชีบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้อย่างเต็มตัวแล้ว!


ฝั่งเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นทุกผู้คนต่างมีใบหน้าที่ตื่นตกใจจนแทบหุบปากที่อ้าค้างไม่ได้


พวกเขาทั้งหลายได้แต่เกาหัวคิดหาสาเหตุว่าทำไมชายแก่ใกล้ตายคนหนึ่งถึงได้กลายมาเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ได้?


ตอนนั้นหยางฟานจัดการเจิ่งชีลงด้วยฝ่ามือเดียว เหวินอี้หลินเห็นเรื่องนั้นมากับตา


แต่นี่ผ่านไปแค่ไม่กี่ปี ไม่ใช่แค่เจิ่งชีจะยังไม่ตายแต่กลับมาสมบูรณ์พร้อมและบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้?


สีหน้าของเหอชงและโซชูเจียนั้นมีสภาพที่น่าดูชมมาเมื่อได้เห็นว่าเจิ่งชีสามารถบรรลุได้


เย่หยวนคนนี้ช่างเปลี่ยนเรื่องราวร้ายๆ ให้กลายเป็นความมหัศจรรย์ได้จริงๆ


แต่จะไปว่าพวกเฉียวอันชานที่อ้าปากค้างไม่อยากเชื่อก็คงไม่ได้ เพราะขนาดพวกเขาเองที่รู้เรื่องมาก่อนก็ยังอดไม่ได้ที่จะคิดว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า?


“ท่านเจ้าเมือง ข้าได้ยินว่า…มีคนอยากมาแก้แค้นข้า?” เจิ่งชีถาม


แค่คำพูดเดียวนี้หยางฟานก็หน้าซีดเผือดทันที


แก้แค้น?


ไปสู้กับยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เพื่อแก้แค้น?


หัวก็คงขาดกันพอดีสิใช่ไหม?


หยางฟานแทบจะอยากขุดมุดดินหนีไปในเวลานี้


เขาได้รู้แล้วว่าที่ผ่านมานี้เขาเป็นได้เพียงแค่ตัวตลกที่ออกมาเต้นแร้งเต้นกา


อยากส่งเจิ่งชีไปโลกหน้า?


เจิ่งชีสิจะส่งเขาไป!


โซชูเจียยิ้มกว้างออกมาและพูดขึ้น “เอานั่น เจ้านั่นน่ะ ศิษย์ของเกาหยุน! มันว่าเจ้าเป็นศัตรูแค้นของอาจารย์มันและจะไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน มันถึงขั้นบอกว่าจะให้ทุกผู้คนได้เป็นพยานให้ว่ามันได้ช่วยแก้แค้นให้เกาหยุน อาจารย์ของมันแก้แค้นแล้ว ไม่ไปสงเคราะห์ให้มันหน่อยเล่า?”


“ฮ่าๆ”


เหล่ายอดฝีมือในเมืองต่างกลั้นขำกันไม่ไหวในที่สุดและระเบิดเสียงหัวเราะลั่นออกมาตามๆ กัน


ภาพตรงหน้านี้มันคือเรื่องตลกอย่างแท้จริง


“ไม่ไหวแล้ว! นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าคิดอยากแก้แค้นกับยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์! นี่หัวมันไปกระแทกอะไรมาเนี่ย?”


“เจ้าดูสภาพของมันก่อนหน้านี้สิ มันคงคิดว่าตัวเองจะได้รังแกคนเฒ่าพิการที่อ่อนแอและบาดเจ็บหนักสินะ?”


“ไอ้หมอนี่คือผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิยอดสันติจริงๆ รึ? ดูยังไงก็ตัวตลกชัดๆ ฮ่าๆ”



คนทั้งเมืองระเบิดหัวเราะออกมาตามๆ กัน ภาพตรงหน้านี้มันช่างน่าขนขันอย่างถึงที่สุด


หยางฟานนั้นไม่มีหน้าจะไปไว้ที่ไหนแล้ว


“ท่านเจ้าเมือง ข้า…” หยางฟานมีสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนจะหันไปมองเฉียวอันชานอย่างกังวล


เฉียวอันชานเองก็มีสีหน้าไม่ได้ดีไปกว่าหยางฟานมากนัก


นี่คือหยางฟานที่เสียหน้า แล้วมีหรือที่เขาจะไม่ได้รับผลไปด้วย?


“หลบไป! เจ้าคนน่าอับอาย!” เฉียวอันชานบอก


หยางฟานรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รับการปลดปล่อยและรีบวิ่งกลับเข้ากลุ่มคนไปทันที


แต่มีหรือที่โซชูเจียจะยอมเรื่องนั้นง่ายๆ?


“อย่าเพิ่งไป! เมื่อกี้เจ้ายังบอกตะโกนเสียงดังลั่นอยู่เลยว่าให้เจิ่งชีออกมาหา บอกว่าจะแก้แค้นนี้ ตอนนี้ข้าเรียกเขาออกมาให้แล้ว เจ้ายังไม่ออกมาสู้อีก! หยางฟาน คำพูดของเจ้ามันไม่มีน้ำหนักเลยรึ?”


โซชูเจียนั้นไม่คิดจะปล่อยเรื่องไปง่ายๆ เมื่ออีกฝ่ายสวนกลับมาแบบนี้แม้แต่เฉียวอันชานก็ไม่รู้ว่าต้องตอบโต้ไปว่าอย่างไร


เฉียวอันชานกัดฟันแน่นและตอบออกมาเบาๆ “มีใครพอบอกข้าได้บ้างว่ามันเรื่องอะไรกัน?”


เหวินอี้หลินนั้นยังตั้งสติกลับมาไม่ได้จนถึงตอนนี้ เมื่อได้ยินคำถามนั้นของเฉียวอันชานเขาจึงรีบตอบ “เรื่องนี้…คงเพราะว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้สมบัติล้ำค่าเหนือฟ้ามาไม่นานนี้แน่ๆ และเจ้าเด็กคนนี้มันก็โชคดีใช้สิ่งนั้นช่วยการบรรลุไป!”


ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อีกคน เผิงจื่อบอก “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะไปถึงได้ อยากบรรลุเมื่อไหร่ก็บรรลุได้เสียเมื่อไหร่ เจิ่งชีมันต้องมีโชคสักอย่างแน่ๆ! แต่แค่นักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาวที่เพิ่งบรรลุมาหมาดๆ มันไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกท่าน!”


เฉียวอันชานพยักหน้ารับ เขาเองก็คิดว่ามันคงเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นเหมือนกัน


เพราะฉะนั้นเขาจึงยิ้มขึ้น “โซชูเจีย เจ้ายังอยากมีหน้าสู้ผู้คนไหม? บังคับให้อาณาจักรราชันพระเจ้าแก้แค้นต่ออาณาจักรนภาสวรรค์? เจิ่งชีนั้นบรรลุมาได้แล้วเช่นนี้ เขาก็นับเป็นคนรุ่นเราแล้ว จะยังให้เขาไปยุ่มย่ามเรื่องของนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าได้อย่างไร?”


เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมา ผู้คนทั้งหลายก็ต่างไม่พอใจอย่างมาก


เพราะความหน้าไม่อายของเขานี้มันเกินที่จะรับไหว


เดิมทีเป็นฝ่ายตัวเองแท้ๆ ที่บังคับผู้คน แต่ตอนนี้กลับมาโทษคนอื่น บอกว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์หน้าไม่อายเสียอย่างนั้น


โซชูเจียยกมือขึ้นคารวะด้วยสีหน้าสุดชื่นชม “เฉียวอันชาน โซผู้นี้ขอยอมรับเจ้าเลยจริงๆ! หน้าเจ้านี่มันหนาเสียยิ่งกว่ากำแพงชั้นนอกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราอีก! ต่อให้โซผู้นี้ใช้พลังที่มีทั้งหมดออกมามันก็คงไม่มีทางทำให้หนังหน้าหนาได้ครึ่งเจ้าแน่!”


เฉียวอันชานโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่ตอนที่กำลังจะตะโกนกลับมานั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันรุนแรงประทับลงมาจากฟากฟ้า


ชายวัยกลางคนในชุดสีครามค่อยๆ ปรากฏกายออกมาจากความว่างเปล่า


คลื่นพลังที่เหนือล้ำจากร่างกายของเขานั้นมันทำให้สีหน้าของคนจากทั้งสองเมืองเปลี่ยนไปในทันที


มันเป็นคลื่นพลังที่เหนือล้ำยิ่งกว่าเจ้าเมืองเสียอีก!


โซชูเจียและเฉียวอันชานหันหน้าไปพร้อมกันและกล่าวทักทายชายวัยกลางคนในชุดฟ้านั้นด้วยความเคารพ “ขอคารวะท่านผู้ตรวจการ!”


ชายคนนั้นพยักหน้ารับและถามขึ้น “สิบเมืองสันเขาใต้นั้นมิได้เปิดใช้ตราดาบทองคำมานับหมื่นๆ ปี เรื่องในครานี้มันมีอะไรกัน?”


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)