Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1678-1681

 ตอนที่ 1678 ออกจากเขาแห่งถงเทียน

เย่หยวนเก็บแหวนทั้งหลายมาไว้กับตัวและสั่งให้พวกเขาทั้งหมดสาบานต่อยอดเต๋าอีกครั้งเขาจึงวางใจได้


ไม่ต้องตรวจสอบดูก็รู้ว่าแหวนกว่ารอยวงนี้มันคงมีค่าที่มากมายมหาศาลอย่างแน่นอน


คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากเมืองจักรพรรดิ พวกเขาย่อมีทรัพย์สินแตกต่างจากยอดอัจฉริยะทั่วๆ ไปมาก


เมื่อตอนนี้เย่หยวนบรรลุขึ้นมาอยู่ในอาณาจักรวายุพระเจ้าแล้ว เขาจึงต้องการเงินทองติดตัวเพิ่มไว้อีกสักหน่อย


เมื่อเก็บพวกมันไว้เย่หยวนก็ลอบออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าไปทำความเข้าใจยอดเต๋าต่อเถอะ ข้าไม่กวนแล้ว หากโชคชะตาต้องกันเราคงได้พบกันใหม่”


พูดจบเย่หยวนก็หันหลังเดินจากไปทันที


“อ-เอาเป็นว่าตามนั้นแล้วกัน” ทุกคนตอบกลับมาด้วยท่าทางตื่นตระหนกไม่หาย


เขาแห่งถงเทียนนั้นหาใช่สถานที่ที่พวกเขาคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปได้ง่ายๆ ไม่ ทุกครั้งที่พวกเขาได้ขึ้นมาบนเขาแห่งถงเทียนนี้ ร่างของเหล่านักยุทธนั้นจะรับคลื่นยอดเต๋าไปด้วย


และหลังจากพวกเขาสามารถซับคลื่นพลังนั้นได้จนหมดแล้วเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นมาได้อีก


สำหรับอัจฉริยะระดับเล้งชิวหลิงหรือซัวหานนั้นพวกเขาสามารถกลืนยอดเต๋าทั้งหมดไปได้ด้วยเวลาเพียงร้อยปี


แต่กับนักยุทธที่ไม่ค่อยมีพรสวรรค์นักแล้ว พวกเขาต้องใช้เวลานับพันปีจนไปถึงหมื่นปีเพื่อที่จะกลืนย่อยคลื่นยอดเต๋าที่ติดตัวเหล่านั้นให้หมด


เพราะฉะนั้นการมาในเขาแห่งถงเทียนแต่ละครั้งมันจึงเป็นโอกาสที่แสนล่ำค่าต่อพวกเขาทั้งหลาย มันเป็นโอกาสที่พวกเขาล้วนมองว่าสำคัญอย่างยิ่ง


แต่ดูจากท่าทางของเย่หยวนในตอนนี้เขากลับคิดที่จะออกไปก่อนจะถึงเวลา


เพราะเป้าหมายของการมาเขาแห่งถงเทียนของเย่หยวนในครั้งนี้ได้ลุล่วงไปแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่นี้อีกต่อไป


สร้างวรยุทธบ่มเพาะระดับสี่ ก่อนที่เย่หยวนจะไปถึงระดับห้าเขาก็ไม่มีทางจะไปติดคอขวดที่ไหนอีกแน่


ตอนนี้ปัญหาที่เหลือย่อมแก้ไขได้ด้วยโอสถทั้งสิ้น


ที่สำคัญกว่านั้นด้วยเขาน้อยแห่งถงเทียนในตัว หากไม่ได้เจอคอขวดที่ยิ่งใหญ่เหมือนครานี้เย่หยวนอาจจะไม่จำเป็นต้องมาที่เขาแห่งถงเทียนอีกก็ได้


การพาเขาน้อยแห่งถงเทียนไปไหนมาไหนด้วยนั้นมันเป็นเรื่องเยี่ยมยอด


เมื่อได้เห็นแผ่นหลังของเย่หยวนค่อย ๆ เล็กลงไป เล้งชิวหลิงก็รู้สึกถึงอารมณ์เศร้าโศกที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ


นางนั้นตกใจกับอารมณ์นี้ของตัวเองมากเพราะนางไม่เคยจะมีอารมณ์แบบนี้ต่อชายหนุ่มมาก่อนเลย


เรื่องแบบนี้… มันเป็นไปไม่ได้!


แต่เล้งชิวหลิงนั้นเป็นคนที่เย็นชาโดยสัญชาตญาณจึงสามารถเรียกความคิดกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มทำความเข้าใจในยอดเต๋าต่อทันที


เพราะนางนั้นมาที่เขาแห่งถงเทียนนี้เพื่อที่จะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ในคราเดียว


แต่ตอนนี้กลับต้องเสียเวลาไปมากแล้ว จะชักช้าไปกว่านี้เห็นทีคงไม่ได้


เย่หยวนเดินมาถึงส่วนตีนเขาและพบกับหนิงเทียนปิงที่กำลังนั่งสมาธิพินิจยอดเต๋าอยู่ไม่ไกลจึงเข้าไปทักทันที


เมื่อหนิงเทียนปิงเห็นเย่หยวนดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น “นายใหญ่ ท่าน… ท่านบรรลุแล้ว!”


หนิงเทียนปิงนั้นตื่นตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่ค่อยจะเข้าใจมันนัก ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้เขากลับไม่สามารถที่จะมองหยั่งพลังของเย่หยวนได้เลย


เขารู้แค่ว่าคลื่นพลังจากตัวเย่หยวนนั้นมันพุ่งสูงขึ้นมา เขาต้องผ่านขึ้นมาถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าได้แล้วแน่ๆ


เย่หยวนยิ้ม “การเดินทางครั้งนี้มันไม่สูญเปล่าจริงๆ ไปกันเถอะ ลงเขากัน!”


หนิงเทียนปิงไม่คิดจะลังเลและพยักหน้ารับทันที “ขอรับ!”


แต่ทว่าโม่ลี่เฟยกลับทักขึ้น “โอกาสในการมาถึงเขาแห่งถงเทียนนั้นมิใช่จะหาได้ง่ายๆ เจ้าจะยอมแพ้ไปครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ได้อย่างไร?”


เย่หยวนหันไปมองหนิงเทียนปิงและยิ้มโดยไม่ตอบอะไร


หนิงเทียนปิงก็ยิ้มขึ้น “อาจารย์ ท่านยังไม่เข้าใจความเก่งกาจของนายใหญ่มากพอ ตอนนี้เมื่อเขาสามารถบรรลุระดับสี่ได้แล้วมันก็หมายความว่าการบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ของศิษย์นั้นอยู่แค่เอื้อมแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาให้กับเขาแห่งถงเทียนอีก”


โม่ลี่เฟยนั้นทั้งมึนงงและสับสนอย่างถึงที่สุด


หนิงเทียนปิงจึงบอกต่อ “ท่านอาจารย์นั้นยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตอนนี้นายใหญ่นั้นเป็นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาวแล้ว!”


โม่ลี่เฟยคิดขึ้นมาว่าเย่หยวนมีพรสวรรค์ที่แสนอัศจรรย์จริงๆ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นต่อ “จอมเทพโอสถสี่ดาวนั้นมันมีมากมายในโลกใบนี้! ก็จริงที่ว่าเขานั้นเก่งกาจมากที่ทำแบบนั้นได้แต่ความเก่งกาจของเขามันก็ไม่สามารถถ่ายทอดให้เจ้าได้นี่! จอมเทพโอสถสี่ดาวจะช่วยให้เจ้าบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงอาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงไร้ค่าไปแล้ว!”


หนิงเทียนปิงไม่รู้ต้องตอบยังไง เพราะเขานั้นรู้ดีกับตัวว่าหากไม่เห็นพลังฝีมือด้านโอสถของเย่หยวนกับตา เป็นใครก็คงไม่มีทางเชื่อมันได้แน่


หนิงเทียนปิงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะบอกต่อโม่ลี่เฟยในแหวนวิญญาณโมฆะ “ท่านอาจารย์ สักวันท่านจะได้รู้เองว่าเขามีความสามารถด้านการโอสถที่เหนือล้ำแค่ไหน บางทีเขาอาจจะได้กลายเป็นโอสถบรรพกาลคนที่สองก็ได้!”


โม่ลี่เฟยแทบจะกระโดดออกมาจากแหวนวิญญาณโมฆะด้วยความตื่นตกใจ


หนิงเทียนปิงจะประเมินเขาสูงเกินไปหน่อยล่ะมั้ง?


แต่ว่าหากเย่หยวนนั้นมีความรู้ความสามารถที่เทียบเคียงโอสถบรรพกาลจริง ๆ การช่วยให้หนิงเทียนปิงบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงมิใช่เรื่องยากเย็นใดๆ


ระหว่างที่โม่ลี่เฟยยังตกใจไม่หาย หนิงเทียนปิงก็เริ่มเดินลงเขาตามเย่หยวนมาแล้ว


ที่ด้านล่างของแต่ละระดับในเขาแห่งถงเทียนมันจะมีเส้นทางเปิดอยู่


และหากใครก็ตามที่เขาผ่านเส้นทางนี้ไป พวกเขาก็จะออกไปจากเขาแห่งถงเทียนได้ทุกเมื่อที่ต้องการ


คนทั้งสองเดินผ่านเส้นทางออกมาและกลับมายังมหาพิภพถงเทียนอีกครั้ง


เย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะรีบกลับไปเลย ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะแวะไปยังเมืองตีนใต้ก่อน


เพราะทั้งบุณคุณและความสัมพันธ์ที่มี เขาจึงต้องมาบอกลาเฒ่าขี้เมาเสียหน่อย


เมื่อเฒ่าขี้เมาเห็นเย่หยวนเขาก็ตื่นตระหนกขึ้นทันที


“เจ้า… เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย! ไม่สิเดี๋ยวนะ เจ้าถึงกับบรรลุได้เลยด้วย! แต่ทำไม… ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าข้าหยั่งพลังของเจ้าไม่ได้เลย?”


เมื่อได้เห็นเย่หยวนเฒ่าขี้เมาก็ได้ค้นพบถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนร่างกายของเย่หยวนทันที


การเปลี่ยนแปลงแบบนี้มันยากมากที่จะใช้คำพูดใดๆ มาอธิบาย


แต่แน่นอนว่าเย่หยวนสามารถบรรลุมาถึงระดับสี่ได้จริง!


เป็นตอนนี้เองที่เขาได้เข้าใจว่าทำไมหวู่เฉินถึงได้ประเมินเย่หยวนไว้สูงนัก


เข้าเขาแห่งถงเทียนไปด้วยพลังของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแต่กลับออกมาได้อย่างปลอดภัยและยังบรรลุอาณาจักร


แค่เรื่องนี้มันก็มากเกินกว่าที่จะมีคนธรรมดาใดๆ จะทำได้แล้ว


เย่หยวนยิ้มตอบ “วรยุทธบ่มเพาะของผู้น้อยนั้นค่อนข้างพิเศษ มันจึงดูเหมือนเป็นหมอกเมฆเช่นนี้”


เฒ่าขี้เมาเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “เจ้าได้รับสืบทอดสมบัติจากท่านจอมเทพนิรันดร์มาแท้ๆ แต่เจ้ากลับไม่ได้ใช้วรยุทธบ่มเพาะของท่านรึ?”


เฒ่าขี้เมานั้นเข้าใจดีว่าวรยุทธบ่มเพาะของจอมเทพนิรันดร์มันดีล้ำแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนวรยุทธบ่มเพาะที่เย่หยวนใช้ได้


เย่หยวนยิ้ม “ผู้น้อยมิได้ใช้วรยุทธบ่มเพาะของจอมเทพนิรันดร์”


เฒ่าขี้เมาเปลี่ยนสีหน้าไปด้วยความตื่นตกใจกว่าเก่า


เพราะวรยุทธบ่มเพาะของจอมเทพนิรันดร์นั้นเป็นหนึ่งในยอดวรยุทธบ่มเพาะในมหาพิภพถงเทียน


ตราบเท่าที่บ่มเพาะมันดีพอ อย่าว่าแต่อาณาจักรเทพสวรรค์ ต่อให้เป็นอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ยังสามารถไปถึงได้


แต่เย่หยวนกลับเลือกที่จะไม่บ่มเพาะมัน!


แล้วเช่นนั้นวรยุทธบ่มเพาะนี้มันมาจากที่ใดกัน?


หวู่เฉินปรากฏตัวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่ต้องคาดเดาแล้ว วรยุทธบ่มเพาะนี้ตัวเย่หยวนนั้นสร้างมันขึ้นมาเอง! และเย่หยวนก็ไปเจอทางตันเข้าเขาจึงได้มาที่เขาแห่งถงเทียนนี้เพื่อหาโอกาสในการบรรลุ ตอนนี้เมื่อเขาสามารถบรรลุได้เรียบร้อยแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่ออีก เฒ่าขี้เมา เจ้ารออย่างใจเย็นเถอะ ความแค้นของจอมเทพนิรันดร์นั้นเย่หยวนจะสามารถชำระมันได้ในเร็ววันนี้แล้ว!”


ร่างของเฒ่าขี้เมาสั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับเกิดคลื่นมรสุมพัดขึ้นมากลางจิตใจ


การที่หวู่เฉินจะพูดแบบนี้ออกมา มันก็หมายความว่าเขามั่นใจในตัวเย่หยวนอย่างมาก


เมื่อได้มาเห็นสภาพในตอนนี้แล้วเด็กคนนี้มันคงไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิดแต่แรกแน่ๆ


หลังจากความตื่นเต้นจากหายไป เฒ่าขี้เมาก็หันไปมองเย่หยวนอย่างล้ำลึก “เอาล่ะ เฒ่าคนนี้จะรอฟังข่าวดีจากเจ้า! หากเจ้าสามารถล้างแค้นให้ท่านจอมเทพนิรันดร์ได้จริง เฒ่าคนนี้จะคอยอยู่รับใช้เจ้าไปตลอดชีวิตเลย!”


เย่หยวนจึงกล่าวขึ้นมา “ท่านผู้อาวุโสนั้นจริงจังเกินไปแล้ว จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางผู้นั้นเองก็มี่เรื่องราวทิ้งไว้ให้ผู้น้อยสะสางเช่นกัน ต่อให้ไม่ใช่เพราะความแค้นเก่าก่อนของท่านจอมเทพนิรันดร์ ผู้น้อยก็ยังคงจะไปจัดการมันลงให้ได้”


หวู่เฉินหัวเราะออกมา “เจ้าเฒ่าเอ๋ย เจ้านี่มันคิดว่าตัวเองสำคัญนัก! อนาคตของเด็กคนนี้มันยิ่งใหญ่จนเกินกว่าที่เจ้าจะคาดเดาได้! เจี่ยวชางมันเป็นได้แค่หินรองเท้าให้เย่หยวนเท่านั้น!”


ตอนที่ 1679 ค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพ

หลังจากคนทั้งสองออกมาจากเมืองตีนใต้แล้วพวกเขาก็ขึ้นโถงบัลลังก์ม่วงและกลับไปยังเส้นทางที่จากมาในทันทีด้วยความเร็วสูงสุด


หลังผ่านไปได้หลายวัน ในที่สุดโถงบัลลังก์ม่วงก็มาถึงหุบเขาหนึ่ง


แต่จู่ๆ โถงบัลลังก์ม่วงกลับเหมือนเข้าไปติดอะไรสักอย่างและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้แม้แต่คืบเดียว


“นายใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกัน?” หนิงเทียนปิงถามอย่างตื่นตระหนก


เย่หยวนจึงขมวดคิ้วแน่น “เหมือนว่ามันจะมีตัวอะไรที่เรากำจัดไม่สิ้นซากเลยวกกลับมาไล่กัดเราอีกนะ มาเถอะ ออกไปดูมันหน่อย”


ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!


เมื่อคนทั้งสองเผยร่างออกมาก็มีลูกศรธนูจำนวนนับสิบพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว


หนิงเทียนปิงหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่เห็นมัน “นายใหญ่ระวัง!”


ปกติแล้วพวกเขาคงสามารถหลบลูกศรอันคมกริบเหล่านี้ได้ไม่ยาก


แต่ตอนนี้มันเหมือนกับพวกเขากำลังยืนอยู่ในหล่มโคลนที่ลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขาลงอย่างมาก


เย่หยวนรู้สึกได้ว่าแม้แต่แนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาเองก็ไม่สามารถใช้ออกมาได้เช่นกัน!


ตอนนี้พวกเขากำลังติดอยู่ในค่ายกลอันทรงพลัง


แต่สิ่งที่อันตรายเสียยิ่งกว่าสิ่งใดก็คือเมื่อเหล่าลูกศรเหล่านั้นมันเข้ามาในเขตของค่ายกลแล้ว มันกลับไม่ช้าลงเหมือนผู้คนด้านใน แต่กลับยิ่งเร่งความเร็วขึ้นแทน


มันเป็นจังหวะเวลาที่พอดิบพอดีจนไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้เข้าไปในโถงบัลลังก์ม่วงอีกครั้ง


ในเวลานั้น เย่หยวนจึงร้องคำรามขึ้น


แสงสีทองสาดออกมาจากร่างของเขาและลายสีฟ้านั้นเองก็ราวกับลุกขึ้นมามีชีวิตก่อนจะพุ่งออกไปวนรอบตัวเย่หยวน


ตอนนี้ร่างทั้งร่างของเย่หยวนรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาล


เสียงมังกรคำรามของเขาดังทะลุฟ้า!


มันคือเสียงแห่งเทพมังกรที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน!


ที่ด้านข้างหนิงเทียนปิงนั้นตื่นตกใจกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้ามาก


เขาไม่เคยรู้เลยว่านายใหญ่ของเขายังมีไม้เด็ดแบบนี้เก็บซ่อนไว้อยู่


คลื่นเสียงอันรุนแรงกระแทกออกมาจากร่างของเขาและทำลายลูกศรเหล่านั้นลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี


เรื่องพลังของเสียงแห่งเทพมังกรนี้ เย่หยวนเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะรุนแรงได้ถึงขั้นนั้น


เหล่าลูกศรเหล่านี้ดูท่าแล้วคงเป็นเครื่องรางนภาสวรรค์ชั้นสูงแน่ มันถึงได้ดูอันตรายได้ปานนั้น


ที่สำคัญนอกจากนี้แล้วมันยังมีค่ายกลที่เสริมพลังให้ลูกศรอีก พวกมันสามารถเข้ามาด้านในได้โดยไม่ถูกพลังของค่ายกลขัดขวางเลย


เดิมทีเย่หยวนคิดแค่ว่าจะคำรามและเบี่ยงวิธีของลูกศรเหล่านั้นไปด้วยเสียงแห่งเทพมังกร แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะถึงขั้นทำให้ลูกศรเหล่านั้นแหลกเละเป็นชิ้นๆ แบบนี้ได้


เสียงคำรามที่ทำลายเครื่องรางนภาสวรรค์ได้ เจ้าเสียงแห่งเทพมังกรนี้มันจะต้องทรงพลังแค่ไหนกัน?


เย่หยวนนั้นตื่นเต้นในหัวใจมาก เพราะเขารู้ได้เลยว่าทุกอย่างมันต้องเกิดขึ้นเพราะเจ้าลายสีฟ้านี้แน่ๆ


หลังจากหลบรอดวินาทีสังหารนั้นได้ หนิงเทียนปิงก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลท่วมกาย


เขารู้ดีว่าเมื่อสักครู่นี้พวกเขาถูกล้อมและทางข้างหน้ามันมีแต่ประตูนรกที่รออยู่


หากไม่ได้เย่หยวนช่วย ตัวเขาคงมีรูเพิ่มขึ้นอีกหลายรู


และที่ด้านนอกค่ายกลนั้นก็มีกลุ่มคนที่ปรากฏตัวขึ้นบนเนินเขา


เซียงหยุนเฟยถาม “หัวหน้าเหอ ไหนเจ้าอวดนักอวดหนาว่าศรตัดวายุของเจ้ามันดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ทำได้แค่นี้รึ? แค่เสียงคำรามครั้งเดียวจากเจ้าเด็กคนนั้นศรของเจ้ากลับกลายเป็นผุยผงไป! เป็นผุยผงเลยนะ! ข้าอุตส่าห์เอาทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมดมาให้แล้วแท้ๆ แต่เจ้าตอบแทนมันได้แค่นี้หรือ?”


ที่ด้านนอกค่ายกลใหญ่นี้พวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังของเสียงแห่งเทพมังกรของเย่หยวนเลย


เพราะฉะนั้นเซียงหยุนเฟยจึงคิดว่าศรของหัวหน้าเหอคนนี้มันมีดีแต่ปาก พลังจริงๆ นั้นไม่เท่าไหร่


หัวหน้าเหอนั้นคือหัวหน้ากลุ่มโจรที่อยู่รอบเมืองหลวงลาภสายน้ำ


แน่นอนว่าพวกเขานั้นเป็นกลุ่มมหาโจรด้วย


พวกเขาไปไหนมาไหนไร้ร่องรอย ทำการดักปล้นฆ่าพ่อค้าและนักยุทธตามทางหลวง เหล่ายอดฝีมือที่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะพวกเขานั้นก็มีจำนวนไม่น้อยเลย


ว่ากันว่าพวกเขาสังหารมาแล้วแม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาว!


คนเหล่านี้ พวกเขานั้นมีพลังอำนาจที่ไม่ด้อยไปกว่าสามขั้วอำนาจใหญ่เลย


เซียงหยุนเฟยนั้นเป็นคนมากเส้นสาย เขาจึงสามารถใช้ความพยายามที่สุดท้ายช่วยให้เขาติดต่อกับโจรกลุ่มนี้ได้


เขายกสมบัติที่ตัวเองมีทั้งหมดให้หัวหน้า เหอเทียนเซียงเพื่อจ้างให้คนเหล่านี้มาดักลอบสังหารเย่หยวน


แน่นอนว่าด้วยทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมด มันไม่มีทางที่เหอเทียนเซียงจะสนใจมากมาย


แต่เมื่อเซียงหยุนเฟยบอกออกมาว่าเย่หยวนนั้นมีโถงบัลลังก์ม่วงด้วย เขาก็เริ่มสนใจ


เพราะสมบัติประเภทห้วงมิติบินแบบนี้แถมอย่างน้อยๆ ยังเป็นถึงสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำด้วย มีหรือที่เขาจะยังไม่สนใจได้


เพราะฉะนั้นโจรกลุ่มนี้จึงได้ตามติดไปรอดูเย่หยวนถึงบริเวณรอบๆ เขาแห่งถงเทียนและสุดท้ายมาดักโจมตียังหุบเขาแห่งนี้


เพราะหุบเขาแห่งนี้คือเส้นทางที่ผู้คนต้องผ่านหากอยากกลับไปยังเมืองหลวงลาภสายน้ำ และหากเย่หยวนคิดจะกลับเขาก็ต้องผ่านมาทางนี้


จริงๆ แล้วหากนับแค่พลังบ่มเพาะของหัวหน้ากลุ่มหัวหน้าเหอคนนี้ กลุ่มโจรกลุ่มนี้ก็ไม่ได้เก่งกาจมากมาย แต่สิ่งที่พวกโจรเหล่านี้ถนัดก็คือการวางค่ายกลและใช้ศรตัดวายุสังหารเป้าหมาย


ค่ายกลที่พวกเขาใช้มันคือค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นสูง ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าขั้นสุดหากติดอยู่ภายในก็ไม่สามารถจะออกมาได้ง่ายๆ นัก


พวกเขาเคยสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวมาแล้วจริงๆ และที่ทำสำเร็จมาได้ก็เพราะค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพนี้!


เซียงหยุนเฟยคิดจะใช้โจรกลุ่มนี้ก็เพราะค่ายกลนี้ของพวกเขา เขาจึงได้ไปหาลาทำข้อตกลงด้วยกันมา


แต่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าท่าสังหารนี้จะถูกเย่หยวนทำลายลงอย่างง่ายดาย มีหรือที่เขาจะยังใจเย็นได้?


หัวหน้าเหอหันมามองเซียงหยุนเฟย “เซียงหยุนเฟย เจ้ายังกล้าจะตะโกนใส่ข้าผู้นี้อีกรึ? เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวอีกรึ?”


เซียงหยุนเฟยหน้าถอดสีทันที ความโกรธเคืองของเขาลงลดอย่างทันท่วงที แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะว่าออกไป “ก็เจ้าทำพลาด จะเอายังไงต่อเล่าทีนี้!”


หัวหน้าเหอขมวดคิ้วแน่นและหัวเราะออกมา “นี่คือค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพผสานกับศรตัดวายุ ถ้าไม่ใช่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาวมันก็คงไม่มีทางจะแก้ไขได้แน่! เจ้าคิดว่าการคำรามของมันเมื่อกี้นี้ธรรมดารึ? ศรตัดวายุของพ่อเจ้านี้แต่ละดอกล้วนแต่เป็นเครื่องรางนภาสวรรค์ชั้นสูง หัวของมันตีขึ้นมาจากเหล็กน้ำแข็งพันอุกกาบาต! แถมยังปล่อยออกไปพร้อมๆ กันนับสิบดอกต่อให้เป็นยอดคนมาจากไหนก็คงปัดป้องมันได้ยาก เด็กคนนี้มันไม่ธรรมดา!”


เซียงหยุนเฟยเริ่มใจเย็นลงหลังได้รู้ว่าเป็นตัวเขาเองที่คิดอะไรง่ายเกินไป


เครื่องรางนภาสวรรค์ชั้นสูง ต่อให้เป็นเขาเองตอนที่ยังสมบูรณ์พร้อมก็ยังทำลายมันอันเดียวลงแทบไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงสิบเลย


แต่เย่หยวนกลับทำลายมันนับสิบลงได้ในคราเดียว แน่นอนเลยว่าการคำรามนั้นมันคงไม่ธรรมดาแน่


“แล้วจะเอายังไงต่อ?” เซียงหยุนเฟยถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี


หัวหน้าเหอจึงบอก “ใจเย็น! ด้วยพลังของมันแค่นั้นไม่มีทางจะออกมาจากค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพได้แน่! ค่ายกลนี้มันทรงพลังและยังดูดกลืนปราณเทวะของเหยื่อด้วย เจ้าบอกว่ามันไม่มีผลึกปราณเทวะติดตัวมากแล้วนี่? ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะทนไปได้ถึงเมื่อไหร่! เมื่อติดอยู่ในค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพแล้ว ต่อให้มันมีปีกก็คงบินออกไปไม่ได้หรอก!”


ได้ยินแบบนั้นเซียงหยุนเฟยก็ค่อยโล่งใจขึ้นมา


“เซียงหยุนเฟย ดีมาก! ไหนๆ เจ้าก็ไปหาผู้ช่วยมาดักโจมตีเย่ผู้นี้เช่นนี้แล้ว เจ้าก็เตรียมรับความพิโรธของเย่ผู้นี้ไว้ให้ดี!”


จังหวะนั้นเองที่เสียงของเย่หยวนก็ถูกส่งออกมานอกค่ายกล


เซียงหยุนเฟยหน้าเปลี่ยนสีทันที เขาไม่คิดว่าเย่หยวนจะเดาถูกในคราเดียวว่าเป็นตัวเขา


แต่ทว่าด้วยความที่เย่หยวนติดอยู่ในค่ายกล เขาจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีและตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย นี่คือค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพแม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวก็ยังไม่มีปัญญาจะหนีออกมาหากติดอยู่ภายใน! ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าความพิโรธของเจ้ามันเป็นยังไง! อยากใช้สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำระเบิดอีกหรือ? ข้าล่ะอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะมีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมันสักกี่ชิ้น!”


เมื่อหัวหน้าเหอได้ยินแบบนั้นเขาก็ยิ้มออกมาตาม “เด็กน้อยเจ้าติดในค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพแล้ว จงรอความตายอย่างสบายใจได้เลย! แนวคิดแห่งห้วงมิติของเจ้ามันอ่อนแอเกินกว่าที่จะเจาะค่ายกลนี้เข้า”


“เรอะ? งั้น… ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นเองว่าความพิโรธของนายน้อยคนนี้มันเป็นเช่นไร!”


เสียงของเย่หยวนส่งออกมาเบาๆ


ตอนที่ 1680 ทุบตีระดับสี่อย่างไม่ยั้ง

“ไอ้โง่ขี้อวดอ้าง! ค่ายกลนี้ของพ่อเจ้านี่ถูกใช้งานมานับหมื่นปี แต่ยังไม่เคย…”


หัวหน้าเหอนั้นมั่นใจในค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพของตัวเองมาก เขาใช้ค่ายกลนี้ดักปล้นมานับครั้งไม่ถ้วน มียอดฝีมือตายเถอะมันไม่รู้กี่คน และมันก็ไม่เคยที่จะพลาดเลย


แต่เขายังพูดไม่ทันจบประโยคก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นจากในหุบเขา


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


เสียงระเบิดหลายลูกรวมกันแทบจะกลายเป็นเสียงเดียว จากนั้นก็มีแสงหนึ่งพุ่งออกมาจากค่ายกลและออกจากค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพได้ในที่สุด


หัวหน้าเหอตัวสั่นด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง


โถงบัลลังก์ม่วงหยุดอยู่กลางอากาศ พร้อมๆ กับร่างของเย่หยวนและหนิงเทียนปิง โดยที่สายตาของเย่หยวนที่มองมานั้นมันเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอย่างถึงที่สุด


‘ไม่เคยมีใครหลุดรอดออกมาได้’ คำพูดต่อท้ายเหล่านั้นเขาต้องกลืนมันคงคอไปอย่างรวดเร็ว


ตอนนี้เขามีสีหน้าที่ราวกับได้เห็นผีมองดูเย่หยวนและร้องขึ้น “บ้าน่า! ออก… ออกมาได้ยังไงกัน? ค่ายกลวารีมายาทุลักกักเทพนั้นเป็นค่ายกลที่ไร้ช่องว่าง! ทำไม… เจ้าทำมันได้ยังไง?”


เย่หยวนหัวเราะเย้ยขึ้น “ไม่มีช่องว่าง? มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีค่ายกลไหนไม่มีช่องว่าง? ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งเพียงใดแต่นี่ก็เป็นแค่ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ แค่ระเบิดมันสักทีก็รู้เรื่องแล้ว!”


“ร-ระเบิดมัน?” หัวหน้าเหอพูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ


เมื่อสักครู่นี้เขาเห็นจริงๆ ว่ามีการระเบิดเกิดขึ้นในค่ายกล แต่เขาไม่สามารถที่จะนึกได้เลยว่าต้องเป็นระเบิดประเภทใดที่จะระเบิดค่ายกลของเขาทิ้งได้


เย่หยวนมองดูเขาและกล่าว “ใช่ สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางระเบิดพร้อมกันกว่าสามสิบชิ้น มันจะพังไหมล่ะ?”


ได้ยินแบบนั้นทั้งเซียงหยุนเฟยและหัวหน้าเหอก็ต้องตัวสั่นเทา


“ส-สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางกว่าสามสิบชิ้น! เจ้าบ้า! จ-เจ้าไปมีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางจากไหนมาตั้งเยอะแยะขนาดนั้น?”


เรื่องนี้มันทำให้หัวใจของหัวหน้าเหอและเซียงหยุนเฟยต้องหลั่งเลือด สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางกว่าสามสิบชิ้นกลับหายไปง่ายๆ แบบนี้!


เจ้าหมอนี่มันไม่ใช่แค่บ้า แต่เป็นอัจฉริยะบ้าเลย


เย่หยวนนั้นเดิมทีก็ไม่ได้มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางมากมายนัก แต่ตอนที่เขาชิงของจากพวกซัวหานและศิษย์น้องมา เขาก็ได้สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมาอีกหลายชิ้น และในจำนวนนั้นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางเองก็ไม่ได้มีน้อยๆ


อย่างแหวนของซัวหานเองก็มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางถึงเจ็ดหรือแปดชิ้น


อัจฉริยะจากเมืองจักรพรรดินี่รวยกันเสียจริงๆ


หากไม่ใช่เพราะสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางเหล่านี้ การที่เย่หยวนจะออกมามันก็คงไม่ง่ายนัก


เย่หยวนรู้ตัวมาตั้งแต่เริ่มแล้วว่าปราณเทวะของเขามันต่างจากคนอื่นๆ และหลังจากลองอัดมันเข้าไปในสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลาง มันก็ระเบิดขึ้นได้จริงๆ


แต่มันยังไม่มีผลใดๆ กับสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นสูง


การระเบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำกว่าสามสิบชิ้นพร้อมๆ กันมันก็เหมือนการโจมตีสุดแรงเกิดของยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางสามสิบคนพร้อมๆ


และเมื่อนำแรงระเบิดนั้นมารวมไว้ที่จุดเดียว มันจึงได้พลังที่เทียบเท่ากับการโจมตีสุดตัวของยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นสูงเลยทีเดียว


ไม่แปลกหรอกหากค่ายกลนั้นมันจะแตกบ้างด้วยการโจมตีแบบนั้น


และแค่รอยแตกมันก็มากพอ!


เย่หยวนมองดูหัวหน้าเหอและยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็น “อืม เพราะเจ้าตอนนี้ข้าจึงไม่เหลือสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางติดตัวอีกแล้ว! ให้พูดตรงๆ มันเป็นเพราะเจ้าแท้ๆ”


เมื่อเห็นสายตานั้นของเย่หยวน หัวหน้าเหอก็อดไม่ได้ที่จะต้องตัวสั่น


สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางกว่าสามสิบชิ้น มันเป็นมูลค่าที่มหาศาลอย่างนับไม่ได้


ต่อให้เป็นเย่หยวนมันก็ยังเจ็บปวดไม่น้อย


แต่เมื่อเซียงหยุนเฟยได้ยินเช่นนั้นเขากลับหัวเราะออกมาลั่น “เย่หยวน เจ้าบอกว่าตัวเองไม่มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำขั้นกลางติดตัวแล้วอย่างนั้นหรือ? ฮ่าๆๆ … ไอ้เจ้าโง่ ไม่รู้จักวิธีการตีหน้าขู่สินะถึงได้มาบอกเรื่องราวแบบนี้กับข้า!”


เพราะสิ่งที่เขากลับที่สุดจากเย่หยวนก็คือการระเบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ


เพราะโดนแบบนั้นพลังบ่มเพาะของเขาถึงได้ตกลงมาระดับหนึ่ง ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะเพียงแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเท่านั้น และคงกลับไปสู่ห้าดาวได้ยากแล้วในชีวิตนี้


แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับบอกออกมาว่าเขาไม่มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นกลางติดตัวแล้ว เขาจึงไม่คิดที่จะเกรงกลัวอีก


แม้ว่าเซียงหยุนเฟยจะไม่สามารถหยั่งพลังของเย่หยวนได้มากมาย แต่ต่อให้เขาจะบรรลุอาณาจักรมาได้ มันก็คงไม่พ้นแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว


ด้วยพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวขั้นสุดของเขา การสังหารเย่หยวนนั้นมันเกินพอ!


เย่หยวนมองดูที่เซียงหยุนเฟยราวกับมองศพคนตายก่อนจะหันไปสั่งหนิงเทียนปิง “เจ้าไปจัดการพวกนั้นเสีย หมอนี่ข้าจะจัดการมันเอง!”


หนิงเทียนปิงพยักหน้ารับ “นายใหญ่โปรดระวัง!”


หัวหน้าเหอเองก็เป็นเพียงแค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเช่นกัน ส่วนลูกน้องที่เหลือนั้นอยู่แค่อาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นต้น


การต่อสู้ระหว่างอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลาง พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่มีปัญญาที่จะยื่นมือมายุ่งได้เลย


เมื่อเซียงหยุนเฟยได้ยินเขาก็หัวเราะลั่น “เจ้าว่าเจ้าจะจัดการข้าคนเดียว? ไอ้โง่เอ๊ย เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าแค่บรรลุอาณาจักรมาได้ใหม่ๆ เจ้าจะสามารถชนะได้ทุกผู้คนน่ะ? ต่อให้พ่อเจ้าคนนี้พลังบ่มเพาะตกลงมันก็ยังอยู่ในอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลาง สังหารเจ้า… มันลำบากก็แค่ขยับนิ้วเท่านั้น!”


เย่หยวนมองหน้าอีกฝ่ายและตอบไปอย่างไม่แยแส “เรอะ? งั้นเรอะ?”


ฟุบ!


พูดจบร่างของเย่หยวนก็จางหายไปจากจุดที่เขายืนทันที


เซียงหยุนเฟยหรี่ตาลงทันที “เร็วมาก!”


“กรงเล็บมังกรเอกภพ!”


เย่หยวนตะโกนลั่น ลายสีฟ้าบนร่างเปล่งแสงพร้อมปล่อยกรงเล็บออกมาพุ่งเข้าใส่เซียงหยุนเฟยอย่างรวดเร็ว


เมื่อกรงเล็บมังกรพุ่งเข้ามา อีกฝ่ายก็ต้องตื่นตระหนก!


เพราะกรงเล็บนี้มันเร็วมาก เร็วจนเซียงหยุนเฟยไม่ทันที่จะตอบโต้ใดๆ เลย


บัง!


“อ่อก!”


เซียงหยุนเฟยถูกกรงเล็บซัดจนปลิวไป พร้อมกระอักเลือดออกมาคำโต


แต่ทว่าเย่หยวนไม่ได้คิดที่จะหยุดมือลงแม้แต่น้อย หลังปล่อยกรงเล็บแรกออกไป กรงเล็บที่สองก็ตามมาติดๆ


บัง!


บัง!


บัง!



บนท้องฟ้ามีภาพเล็บมังกรปรากฏขึ้นและจางหายไป


ตอนนี้เย่หยวนนั้นพิโรธมาก มากจนต้องปลดปล่อยมันออกมาอย่างบ้าคลั่งใส่ร่างของเซียงหยุนเฟย


ส่วนการต่อสู้ของทางนี้ยังไม่ทันได้เริ่มเสียด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาได้แต่มองไปที่อีกฝั่งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา


การต่อสู้ของฝั่งนั้นมันเป็นการกระทืบฝ่ายเดียวอย่างที่พวกเขาคาดคิด แต่มันกลับไม่เหมือนกับที่พวกเขาจินตนาการไว้แม้แต่น้อย!


เพราะฝ่ายเดียว แต่ฝ่ายนั้นกลับเป็นเย่หยวนที่โจมตีใส่เซียงหยุนเฟยอย่างไม่ยั้งมือ


ที่บนท้องฟ้าเซียงหยุนเฟยพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถรับกรงเล็บอันรุนแรงนี้ได้เลยแม้แต่น้อย


ตอนนี้เย่หยวนใช้เพียงแค่กำลังกายในการกดดันเขา!


เซียงหยุนเฟยนั้นสั่นสะท้านไปถึงแก่น เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรมาใหม่ๆ คนนี้จะมีพลังที่เหนือล้ำได้ถึงขั้นนี้


มุมมองที่เขาเคยมีต่อเย่หยวนนั้นคือเขาเป็นนักระเบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ แต่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าแม้แต่พลังฝีมือของเย่หยวนเองเขาก็ไม่มีทางที่จะต่อต้านได้เลยแม้แต่นิด!


เย่หยวนเองก็ตื่นเต้นดีใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะเขาได้รู้ว่าตอนนี้วรยุทธเผ่ามังกรของเขามันแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ ด้าน


เขารู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่เขาใช้มันออกมา มันจะมีพลังลึกลับบางอย่างผสานเข้ามาในวรยุทธเหล่านั้นด้วยทำให้พลังของมันเพิ่งพูนขึ้นเป็นเท่าตัว


เย่หยวนรู้ได้ทันทีว่านี่คือพลังจากลายสีฟ้าแปลกๆ นั้น


เมื่อเห็นแบบนี้ลายสีฟ้าที่ว่ามันก็คงเป็นของดีมากกว่าของเสียแล้ว


เพราะต่อให้วรยุทธเผ่ามังกรจะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็ไม่มีทางที่จะแกร่งพอที่จะกดดันเซียงหยุนเฟยไว้ในทุกด้านแบบนี้


เซียงหยุนเฟยนั้นคืออดีตยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว แม้ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาจะตกลงมา แต่มันก็ยังไม่ใช่ในระดับที่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวทั่วๆ ไปจะเทียบเคียงได้


พลังฝีมือของเขาในตอนนี้คงสามารถชนะนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวได้ทั่วหล้า


เพราะฉะนั้นเขาจึงมั่นใจมากและกล้าไปขอร้องให้โจรอย่างหัวหน้าเหอช่วยเหลือ


แต่ตอนนี้ด้วยพลังจากลายสีฟ้า เย่หยวนกลับสามารถกดดันเซียงหยุนเฟยได้ด้วยแค่พลังจากกายทองคำเท่านั้น


แน่นอนแล้วว่าเสียงแห่งเทพมังกรเมื่อสักครู่เองก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


เซียงหยุนเฟยมีความคิดเดียวเหลืออยู่ในหัวตอนนี้ คือหนี!


จู่ๆ ร่างของเซียงหยุนเฟยก็เปล่งแสงสว่างออกมาก่อนที่ร่างนั้นจะมุ่งหน้าออกไปห่างไกลในเวลาแค่พริบตา


เห็นแบบนั้นเย่หยวนก็แอบหัวเราะและยกมือขึ้นมาวาดตราทันที!


ตอนที่ 1681 ไม่ปรานีผู้ใด!

“ตรานิพพาน!”


เย่หยวนคำรามร้องพร้อมปล่อยตรานิพพานพุ่งออกไปอย่างรุนแรง ด้วยความเร็วที่มากมายนั้นมันจึงพุ่งเข้าปะทะร่างของเซียงหยุนเฟยในทันที


ภายใต้สายตาของทุกผู้คนที่จับจ้องมา ตาสีดำสนิทนั้นพุ่งพวยผ่านท้องนภาและปะทะเข้ากับร่างของเซียงหยุนเฟย


ตู้ม!


ตรานิพพานเข้าถึงตัวของเซียงหยุนเฟยก่อนทั้งๆ ที่ถูกปล่อยออกมาทีหลัง มันเข้าปะทะกับร่างนั้นอย่างแรกจนแหลกเละไม่เหลือชิ้นดีไป


ตอนนั้น ตอนที่เย่หยวนยังอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เขาสามารถที่จะใช้ตรานิพพานนี้สังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวอย่างจิงลู่ลงได้ในการโจมตีเดียว


ตอนนี้เมื่อเขาบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรวายุพระเจ้า พลังของการโจมตีนี้มันจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่รู้กี่เท่าตัว


หากเซียงหยุนเฟยไม่ได้ใช้วิชานั้นในการหนี เขาก็อาจจะยังพอมีทางป้องกันตัวเองได้อยู่บ้าง แต่เมื่อเขาใช้มันออกมามันก็เท่ากับปิดทางรอดของตัวเองลง มันทำให้สภาพร่างกายของเขาแย่ลงอย่างมากและกลายเป็นได้แค่เป้าขยับได้ให้เย่หยวน


เย่หยวนนั้นเคยเห็นวิชาหลบหนีนั้นของศัตรูมาก่อนแล้ว มีหรือที่เขาจะยังไม่หาวิธีรับมือไว้และปล่อยให้เขาหนีไปได้อีก?


หัวหน้าเหอกับคนของเขาได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง


ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วอึดใจ เย่หยวนกลับสามารถสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวลงได้อย่างเรียบร้อยไร้บาดแผล


พลังฝีมือขนาดนี้มันย่อมทำให้ผู้คนตื่นกลัว


“เจ้า… เจ้าบ้าเซียงหยุนเฟยมันไปทำให้สัตว์ประหลาดประเภทไหนโกรธกันล่ะเนี่ย?!”


หัวหน้าเหอนั้นตื่นกลัวอย่างถึงที่สุด เขานั้นทำการปล้นฆ่ารอบเมืองหลวงลาภสายน้ำมานานจนไม่สามารถนับได้แล้วว่ากี่ปี แต่เขาเองก็ยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย


ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่ขี้กลัวอะไรมากมาย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าพอที่จะสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวลงแน่ๆ


สำหรับคนอื่นๆ ที่เดินทางผ่านไปมา ตัวตนของเขาคนนี้คือฝันร้ายดีๆ นี่เอง


แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฝันร้ายได้เห็นฝันร้ายที่แท้จริง


การที่เย่หยวนสังหารเซียงหยุนเฟยลงได้ด้วยกระบวนท่าเดียวแบบนั้น พร้อมกับที่เย่หยวนยังคงลอยตัวอยู่บนฟ้าพร้อมมือที่ไขว้หลัง มันเป็นภาพที่ดูราวกับเทพเห็นสงครามจุติลงมาเอง


ร่างของหัวหน้าเหอสั่นเทา ไม่กล้าที่จะมองสบตากับเย่หยวนแม้แต่น้อย


“น-นายใหญ่ ข้า… ข้าผิดไปแล้ว! ขอร้องล่ะอย่าสังหารข้าเลย!”


หัวหน้าเหอนั้นคือคนที่ชอบวางแผนดักทำร้ายผู้คน แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นเป็นคนที่ขี้กลัวไม่น้อย


การโจมตีฝ่ายเดียวของเย่หยวนนั้นได้ฝังภาพจำอันน่ากลัวลงในหัวของเขาทำให้เขาเสียความมั่นใจไปจนสิ้น ทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ยงคงกระพัน


เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะยอมแพ้ทันที


เย่หยวนหัวเราะเย้ยและสั่งออกมา “เทียนปิง จัดการ! อย่าได้ปรานีผู้ใด!”


เขานั้นโกรธมาก เพราะหากไม่ใช่เพราะเจ้าลายที่เขาได้มาจากสายฟ้าในหมอกนั้น ป่านนี้ตัวเย่หยวนเองก็คงได้ลงไปนอนกองเป็นศพไปแล้วเช่นกัน


คนพวกนี้เป็นคนที่ร่วมมือกับเซียงหยุนเฟยเพื่อดักปล้นเขา ดูยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นคนดีไปได้


หากไม่สังหารลงให้สิ้นความโกรธนี้ของเขาคงไม่มีทางดับหาย


หนิงเทียนปิงนั้นก็ไม่ต่างกันนัก หากก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เสียงคำรามของเย่หยวนช่วยไว้จากลูกศรเหล่านั้น ป่านนี้เขาเองก็คงถูกยิงจนพรุนไปแล้ว


ความโกรธเคืองของเขาในตอนนี้นั้นไม่ได้น้อยไปกว่าเย่หยวนเลย


แต่เมื่อได้เห็นพลังที่เย่หยวนแสดงออกมา เขาก็ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่


รุนแรงมาก!


เมื่อได้เห็นความพิโรธนั้นของเย่หยวน มีหรือที่หัวหน้าเหอจะยังกล้าอยู่ต่อ? เขาร้องเสียงดังก่อนจะพุ่งตัวหนีไปในทันที!


แต่เขานั้นเอาจริงๆ แล้วมีพลังต่อสู้ที่ต่ำกว่าเซียงหยุนเฟยเสียอีก มีหรือที่จะหนีรอด?


คนทั้งสิบกว่านั้นแยกกระจายไปกันคนละทิศละทาง เย่หยวนหัวเราะเย้ยก่อนจะขยับร่างผ่านห้วงมิติและไปหยุดอยู่ตรงหน้าเหล่าคนที่กำลังหนีทั้งหลายนั้น


“โฮ่ก!”


เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นสนั่นฟ้า ทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าที่กำลังคิดจะหนีต้องหยุดร่างลงทันที


พวกที่อ่อนแอหน่อยถึงขั้นถูกคลื่นเสียงแห่งเทพมังกรนั้นป่นทำลายจนแหลกเป็นผุยผง


หัวหน้าเหอนั้นสั่นไปทั้งร่าง ดวงตานั้นเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด


เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ถึงความน่ากลัวของเสียงคำรามที่เย่หยวนใช้!


เขา ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว กลับไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้เมื่อถูกเสียงคำรามนี้เข้าไปจนแทบล้มลง


ต่อให้ร่างกายของเย่หยวนจะพัฒนาขึ้นสู่ระดับสี่ยังไงมันก็ไม่มีทางที่จะตามยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวได้ทันแบบนี้


แต่แค่การคำรามเดียวนี้ เขากลับสามารถทำให้หัวหน้าเหอ ผู้มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวไม่สามารถขยับตัวได้!


เป็นเวลานั้นเองที่เย่หยวนหยุดเสียงแห่งเทพมังกรลง


หนิงเทียนปิงเข้าใจในทันที เขาชักดาบยาวออกมาและเปลี่ยนร่างเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาหัวหน้าเหอ


ฉัวะ!


หนิงเทียนปิงไม่คิดจะมอบโอกาสใดๆ ให้หัวหน้าเหอและสังหารเขาลงในทันที


คนที่เหลือนั้นยังคงโดนผลข้างเคียงจากเสียงคำรามของเย่หยวนจนมึนงงและสับสนทำอะไรไม่ถูก ไม่สามารถจะแยกออกได้ด้วยซ้ำว่าทางไหนทิศเหนือ ใต้ ออก ตก


หนิงเทียนปิงนั้นด้วยดาบหนึ่งเล่มในมือ เข้าสังหารล้างบางโจรกลุ่มนี้จนสิ้น


หลังจากนั้นเย่หยวนก็ต้องร่วงลงมายังพื้นดินด้วยความเหนื่อยอ่อนที่สะสม


แม้การต่อสู้ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นี้มันจะดูเหมือนเขาควบคุมทุกอย่างไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่เอาจริงๆ เย่หยวนเองก็ต้องแบกรับภาระร่างกายไว้ไม่น้อยเช่นกัน


การคำรามเสียงแห่งเทพมังกรออกมาสองครั้งติดๆ พร้อมการกระหน่ำใช้กรงเล็บมังกรเอกภพแถมยังปิดท้ายด้วยการใช้ตรานิพพานออกมาอีก มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนทั่วไปจะสามารถทำได้เลยแม้แต่น้อย


เพราะยังไงเสียเย่หยวนเองก็เพิ่งจะบรรลุอาณาจักรวายุพระเจ้ามาได้ไม่นาน


หนิงเทียนปิงหน้าถอดสีและร้องขึ้นทันที “นายใหญ่ ท่านเป็นอะไรมากไหม?”


เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัดไป “ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงข้า ไปจัดการเก็บแหวนของพวกมันมาเสีย ค่ายกลอันนี้มันแข็งแกร่งมากจริงๆ หัวหน้าเหอคงไม่มีปัญญาจะตั้งมันด้วยตัวเองได้แน่ มันน่าจะมีธงค่ายอยู่ที่ไหนสักแห่ง หากได้ค่ายกลนี้มาไว้ในมือมันก็จะช่วยเพิ่มไพ่ตายให้ข้าได้อีกอย่างด้วย”


ดวงตาของหนิงเทียนปิงเบิกกว้างขึ้นทันทีก่อนจะทำตามสั่ง


และแน่นอนว่าไม่นานหนิงเทียนปิงก็เก็บกองแหวนออกมาได้และพบว่าธงค่ายนั้นอยู่ในแหวนของหัวหน้าเหอจริงๆ


เย่หยวนพักร่างกายและฟื้นพลังไปนิดหน่อย จนตอนนี้สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมากแล้ว


เขาหยิบธงค่ายที่ว่าขึ้นมามองดูและพยักหน้ารับ “นี่แหละ! ค่ายกลนี้มันเป็นของดีจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหัวหน้าเหอคนนี้ถึงได้สังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวลงได้ หากถูกดักโจมตีทีเผลอ ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวเองก็คงไม่สามารถจะรอดจากค่ายและนี้พร้อมๆ กับชุดการโจมตีจากศรตัดวายุแน่!”


หากไม่ใช่เพราะว่าเสียงแห่งเทพมังกรนั้นรุนแรงขึ้นกว่าก่อนมาก ตอนนี้พวกเขาเองก็คงพบชะตาที่ไม่ต่างจากยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวคนที่ว่านั้น


ค่ายกลอันนี้หัวหน้าเหอเคยได้มาจากแดนมายาสักแห่งในสมัยหนุ่มๆ และแม้แต่ตอนนั้นมันก็ยังถูกเรียกว่าเป็นสมบัติล้ำค่า


แน่นอนว่าในช่วงหลายหมื่นปีมานี้ เขาได้ทำการดักปล้นทำร้ายผู้คนด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลนี้มาตลอด


ที่สำคัญเขานั้นเป็นคนที่ปกปิดตัวตนและไปไหนมาไหนไร้ร่องรอยจนแทบไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน เป็นตัวตนที่แสนลึกลับ


เพราะฉะนั้นแม้พลังบ่มเพาะของเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย แต่ผู้คนก็ยังต้องหน้าถอดสีเมื่อได้ยินชื่อของเขา


เมื่อเห็นธงค่ายและศรตัดวายุตรงหน้า หนิงเทียนปิงเองก็อดไม่ได้ที่จะสั่นกลัวขึ้นมาในใจ


ของพวกนี้มันแสนที่จะอันตรายจริงๆ


ที่สำคัญหัวหน้าเหอผู้นี้ยังทำการฝึกฝนกับมันจนคุ้นชิน เวลาและจังหวะต่างๆ ถูกวางลงอย่างเหมาะสม ไม่มีโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้ใดๆ เลย


โชคยังดีที่นายใหญ่ของเขานั้นตอบสนองได้เร็วกว่าและทำลายศรตัดวายุเหล่านี้ได้ด้วยเสียงคำราม ไม่เช่นนั้นเรื่องราวที่ตามมามันคงจบไม่สวยแน่


“นายใหญ่ วันนี้ท่านเก่งกล้ามากจริงๆ หัวหน้าเหอคนนั้นได้แต่ยืนมองอย่างมึนงงไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าเองก็เคยคิดว่าข้าบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวมาได้แล้วจะช่วยเป็นผู้คุ้มกันให้นายใหญ่ได้สักระยะ ใครจะไปคิดว่าแม้แต่ตอนนี้ข้าก็ยังกลายเป็นตัวถ่วงท่านไปจนได้” หนิงเทียนปิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น


ความตื่นตะลึงในหัวใจของหนิงเทียนปิงนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าหัวหน้าเหอเลย


หลังจากที่เย่หยวนบรรลุมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้แสดงฝีมือออกมาจริงๆ จังๆ


นี่คือพลังที่แท้จริงอย่างไม่มีกลยุทธ์และอุบายใดๆ


พลังของเซียงหยุนเฟยนั้นเก่งกาจแค่ไหนคงไม่ต้องบอก


แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน เขากลับไม่สามารถที่จะตอบโต้กลับมาได้แม้แต่กระบวนท่า!


นายใหญ่ของเขายังคงยิ่งใหญ่อย่างเช่นเคยจริงๆ


ด้วยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เขากลับสังหารอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวลงได้


หลังจากบรรลุขึ้นมาได้ หนิงเทียนปิงไม่คิดจะสงสัยแม้แต่น้อยว่านายใหญ่ของเขาต้องสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวลงได้แน่ แต่เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าเย่หยวนจะเป็นยิ่งกว่านั้นและสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวลงได้


เพราะระยะห่างของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าและอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวนั้นมันแตกต่างจากอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวและอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวมาก


เย่หยวนเดินเข้ามาตบบ่าของหนิงเทียนปิงก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าโชคดีได้ไปเจอของดีเข้าที่เขาแห่งถงเทียนน่ะ พลังฝีมือของเขาจึงเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก เอาล่ะ ตอนนี้ได้เวลากลับไปยังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเราแล้ว!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)