Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1672-1677
ตอนที่ 1672 วรยุทธบ่มเพาะที่เหมาะสม
ซัวหาน เล้งชิวหลิง และเหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าคนอื่นๆ ต่างสงสัยในดวงตาของดวงเองกันทั้งสิ้น
เย่หยวนนั้นมีท่าทางแสนจะสบายในตอนนี้ ทำไมมันถึงไม่มีอาการเหมือนคนกำลังโดนกดดันอยู่เลยล่ะ?
เพราะพวกเขาเองก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงมหาศาล
“ท-ท-ท-ทำไม… ไม่เป็นอะไรเลย? เจ้า… เจ้าดูท่าตัวสั่นเมื่อกี้แท้ๆ“ ซัวหานพูดออกมาด้วยสีหน้าราวกับไปเห็นผีที่ไหนมา
เย่หยวนมองดูเขาราวกับเป็นแค่คนโง่คนหนึ่งและตอบไปด้วยรอยยิ้ม “อะไรแท้? ข้าปลอมให้เจ้าดูหรอก นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นจริงรึ? ข้าก็เคยว่าเจ้าโง่นะ และดูท่าข้าจะมองไม่ผิดจริงๆ”
ซัวหานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ “เป็นไปไม่ได้! เขาแห่งถงเทียนนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามของเหล่าอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า! ไม่เคยมีใครรอดในที่นี้ได้! ไม่มีทางที่เจ้าจะสบายตัวได้ขนาดนั้นแน่!”
เย่หยวนไม่อยากจะสนใจเขาอีกต่อไปจึงเดินออกไปอย่างสบายตัว มุ่งหน้าขึ้นยอดเขา
แม้ภายนอกของเย่หยวนจะดูสงบ แต่ภายในของเขานั้นคล้ายกับเจอมรสุมพัดกระหน่ำ
เขาน้อยแห่งถงเทียนในตัวของเขามันกำลังขานรับพลังจากเขาแห่งถงเทียน ส่งพลังงานอันมากล้นออกมาในร่างกายของเขา
พร้อมๆ กันนั้นแบบร่างของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับสี่ก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในหัวของเย่หยวน
การบ่มเพาะระดับสี่นี้มันต่างจากสามระดับแรกอย่างสิ้นเชิง
หากพูดถึงความซับซ้อนแล้ว การบ่มเพาะระดับสี่นี้มันยากเสียยิ่งกว่าการเอาสามระดับแรกมารวมกันเสียอีก
แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เย่หยวนไม่สามารถสร้างการบ่มเพาะระดับสี่นี้ขึ้นมาได้เสียที
ดูท่าการมาเขาแห่งถงเทียนในครั้งนี้มันจะถูกต้องจริงๆ เพราะหากไม่มาเย่หยวนก็คงไม่สามารถที่จะสร้างการบ่มเพาะระดับสี่ไปได้ทั้งชีวิต! ที่แห่งนี้คือยอดของโลก! ทำให้เย่หยวนถึงกับต้องถอนหายใจยาวในใจ
คำของหนิงเทียนปิงก่อนหน้าที่ว่า ‘เขาแห่งถงเทียนนั้นคือจุดกำเนิดของมหาพิภพถงเทียนทั้งหมด’ มันเริ่มดูเป็นจริงขึ้นมาในสายตาของเย่หยวนและทำให้เขาจับใจความอะไรบางอย่างได้
เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่มาถึงตีนเขาแห่งถงเทียนเย่หยวนไม่ค่อยจะเข้าใจว่าประโยคนั้นมันมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่
แต่เป็นตอนนี้ที่ได้ขึ้นมาแล้วเย่หยวนถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองเดินทางผิดมาตลอด!
เขาพยายามที่จะเปิดโลกใบเล็กของตัวเองและทำตามแนวทางที่ผู้คนบนโลกหล้านี้ทำกันมา
เพียงแต่ว่าบัญญัติเทพแห่งถงเทียนนั้นมันยังไม่ถึงขั้นที่จะเปิดโลกใบเล็กได้เลย!
ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขามันยังสามารถที่จะพัฒนาไปได้อีกมาก!
เพราะฉะนั้นสำหรับเย่หยวน อาณาจักรที่สี่ของเขานั้น… จะมิใช่อาณาจักรราชันพระเจ้า!
หากนักยุทธคนอื่นได้มารู้วิธีการบ่มเพาะของเย่หยวนพวกเขาคงตื่นตกใจจนถึงที่สุด อาจจะถึงขั้นเย้ยหยันดูถูกเรียกเย่หยวนว่าเป็นตัวประหลาด
เพราะเส้นทางนี้คือเส้นทางที่ทุกคนในมหาพิภพถงเทียนบ่มเพาะพลังกันมา มันจะมีอะไรมาล้มล้างได้?
แต่ความเป็นจริงก็คือเย่หยวนคนนี้นี่แหละที่จะล้มล้างมัน!
ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นนั้นจะก่อตัวแน่นอนเมื่อมาถึงอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจากข้อจำกัดของวรยุทธบ่มเพาะ ทำให้ไม่สามารถบรรลุไปได้อีกต่อไป
เมื่อมาถึงตรงนี้ นักยุทธก็จะเปิดโลกใบเล็กของตัวเองออกมาก่อนจะสามารถก้าวหน้าไปได้อีกครั้ง
แต่ทว่าเส้นทางของเย่หยวนไม่ใช่แบบนั้น!
บัญญัติเทพแห่งถงเทียนของเขามันทำให้เขาแข็งแกร่งกว่านักยุทธในระดับเดียวกันไปมาก สุดท้ายเขาจึงถึงขั้นมีพลังต่อสู้เทียบเคียงอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้ และอาจจะถึงขั้นอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวเสียด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เขายังอยู่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า
คนอื่นๆ ไม่มีใครสามารถทำแบบนี้ได้
สิ่งที่เย่หยวนต้องทำในเวลานี้ก็คือการกลืนกินพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่งไปเรื่อยๆ เพื่อพัฒนาทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง
จนกว่าที่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะเต็ม จนไปในระดับที่ไม่สามารถบรรลุได้ต่อไปแล้ว ตอนนั้นมันถึงจะเป็นเวลาที่เย่หยวนต้องเปิดโลกใบเล็กในคราเดียว
ทำแบบนี้มันจะช่วยให้เย่หยวนมีพลังมากมายกว่าคนอื่นๆ หลายต่อหลายเท่าตัว!
ยิ่งเขาเปิดช้า พลังของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง!
เพราะเมื่อถึงตอนนั้นเมือ่เขาเปิดโลกใบเล็กออก คนอื่นๆ คงไม่สามารถคาดคำนวณได้เลยว่าพลังมันจะออกมาระดับไหน
ถึงตอนนั้นโลกใบเล็กของเขาจะมีพลังที่มากมายแค่ไหน เย่หยวนในตอนนี้เองก็คาดเดาไม่ได้เช่นกัน แต่เขารู้สึกว่ามันอาจจะไปถึงอาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้!
นี่คือเส้นทางที่เขาต้องเดิน!
“เทียนปิง เจ้าไปทำความเข้าใจของเจ้าเถอะ ไม่ต้องมาสนใจข้าแล้ว” เย่หยวนบอกออกมา
หนิงเทียนปิงเองก็มีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเย่หยวนสามารถหาจุดที่จะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้เจอเสียที
เวลากว่าสามร้อยปีในความล้มเหลว ในที่สุดวันนี้มันก็มาถึง
ขนาดตัวเขาเองยังรู้สึกได้เลยว่ามันไม่ง่ายดาย
เล้งชิวหลิงมองดูเย่หยวนเดินจากไปอย่างไม่อยากเชื่อสายตา นางรู้สึกเหลือเชื่ออย่างบอกไม่ถูก
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นางได้ยินว่ามีนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสามารถรอดชีวิตบนเขาแห่งถงเทียนได้
หากแค่รอด มันก็อาจจะไม่ทำให้นางตื่นตกใจปานนี้
แต่ท่าทางของเย่หยวนในตอนนี้มันดูแสนจะสบายราวกับว่าได้กลับบ้านเก่า!
“เจ้าหมอนี่มันเป็นใครกันแน่? ทำยังไงถึงได้ทำแบบนี้ได้” เล้งชิวหลิงพูดออกมาด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
แต่นางก็รีบส่ายหัวไล่ความคิดนั้นและหันไปบอกไป๋ชิง “ไปกันเถอะ การจะมาเขาแห่งถงเทียนได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราควรใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่าเพื่อการเข้าใจยอดเต๋า!”
การมาที่เขาแห่งถงเทียนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดาย พวกนางจะอยู่ได้แค่ไม่นานเมื่อหมดเวลาพวกนางก็จะถูกดีดลงจากเขาแห่งถงเทียนทันที
เพราะฉะนั้นเวลาทุกวินาทีจึงมีค่าในเขาแห่งถงเทียนนี้ พวกนางจะมาทำตัวเอ้อระเหยลอยชายไม่ได้
ซัวหานกัดฟันแน่นด้วยสายตาที่เคียดแค้นมองไปยังเย่หยวน “ไปกัน! ครานี้ข้าต้องบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ให้ได้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าเด็กเวรนี้มันได้ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!”
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นสามารถปีนเขาแห่งถงเทียนนี้ได้ประมาณห้ากิโลเมตร
หากเกินกว่านั้นไปมันก็จะเป็นระยะที่เกินกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าจะทนทานได้
ต่อให้ก้าวขึ้นไปแค่ก้าวเดียวมันก็มากพอจะป่นพวกเขาให้เป็นผงได้โดยยอดเต๋า1
คนอย่างซัวหานหรือเล้งชิวหลิงนั้นสามารถปีนขึ้นไปได้ถึงระยะใกล้ๆ 5 กิโลเมตร
และเมื่อพวกเขาทั้งสองสามารถบรรลุถึงความสูงใหม่ได้พวกเขาก็จะบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้ทันที
แต่ในเขาแห่งถงเทียนนี้ เรื่องแบบนั้นมันไม่ง่ายเลย
คนเราจะเข้าใจยอดเต๋าได้มากแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและพรสวรรค์ของแต่ละคน
การที่ได้อยู่ใกล้ยอดเต๋าเช่นนี้ คนอย่างเล้งชิวหลิงจะสามารถบรรลุได้แน่นอนขอแค่ต้องใช้เวลา
เพราะสำหรับอัจฉริยะระดับนี้ อาณาจักรนภาสวรรค์มันไม่เคยจะเป็นคอขวดที่ยากเย็นอยู่แล้ว
เย่หยวนค่อยๆ ปีนขึ้นมาอย่างเชื่องช้า กล่าวได้ว่าเขาค่อยๆ ก้าวขึ้นมาแค่ทีละก้าวก็ว่าได้
ในสายตาคนอื่น การก้าวแต่ละก้าวของเขาคงดูยากลำบากมาก
แต่จริงๆ แล้วเขากำลังค่อยๆ สัมผัสถึงเขาแห่งถงเทียน รู้สึกถึงพลังที่สะท้อนระหว่างเขาน้อยแห่งถงเทียนและเขาแห่งถงเทียนของจริง
การมาที่เขาแห่งถงเทียนในครานี้ มันช่วยให้เย่หยวนเข้าใจบัญญัติเทพแห่งถงเทียนได้อย่างแจ่มแจ้ง
ตอนนี้เขากำลังค่อยๆ สร้างแบบการบ่มเพาะระดับสี่ขึ้นในหัวอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป
เหมือนการสร้างบ้าน ค่อยๆ ประกอบโครง จากนั้นก็วางอิฐก่อบล็อก จนได้บ้านที่แสนทนทานขึ้นมาใช้งาน
ในจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน หวู่เฉินเองก็ตะลึงจนถึงทรวงเช่นกัน!
“ข้าไม่รู้เลยว่าการบ่มเพาะระดับสี่นี้มันจะเป็นยังไงเมื่อสร้างออกมาเสร็จแล้ว แต่ดูท่าจากตอนนี้ มันคงต่างจากการบ่มเพาะธรรมดาอย่างสิ้นเชิง! เด็กคนนี้มันจริงๆ เลย ยิ่งอยู่ด้วยกันนานข้ายิ่งมองเจ้าไปออกเข้าไปทุกที”
…
ซัวหานนั้นก้าวเดินขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนตามเล้งชิวหลิงทัน
“น้องเล้ง เจ้ายังไม่เข้าใจความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าอีกรึ?” ซัวหานถามอย่างไม่ยอมแพ้
เดิมทีเขานั้นเหยียดหยามเย่หยวน คิดว่าเล้งชิวหลิงต้องการแค่เอาเย่หยวนมาล้อตัวเขาเล่น
แต่ตอนนี้เขารู้สึกถึงความคุกคามจริงๆ แล้ว
เย่หยวนคนนี้มันไม่ธรรมดา ไม่เหมือนรูปร่างภายนอกที่แสดงออกมา
เล้งชิวหลิงหันไปมองอย่างไม่ใยดี “ซัวหาน เลิกเสียที! เจ้ากับข้ามันเป็นไปไม่ได้! ตอนนี้เราก็อยู่ในเขาแห่งถงเทียนแล้ว หวังว่าเจ้าคงไม่ได้คิดมากวนข้าฝึกตนหรอกนะ!”
สีหน้าของซัวหานเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินก่อนจะบอก “เจ้าเด็กเวรนั่นมันยังปีนเขาขึ้นมาไม่หยุด ข้าล่ะรอเห็นมันถูกยอดเต๋าบดขยี้ตายไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ตอนที่ 1673 ตีร่างใหม่ด้วยยอดเต๋า
หลังจากได้เห็นเรื่องสุดตื่นเต้นนั้นไปแล้ว เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าทั้งหลายก็เริ่มหาที่ของตัวเองเพื่อทำความเข้าใจยอดเต๋า
เย่หยวนนั้นเดินไปสามก้าวหยุด ห้าก้าวพัก แต่สมองของเขานั้นกำลังทำงานอย่างไม่มีหยุดพัก
เขาต้องเดินไปจนสุดทางให้ได้ก่อน ถึงจะสามารถสร้างวรยุทธบ่มเพาะที่สมบูรณ์ได้!
และเวลาก็ผ่านไปเช่นนั้น วันแล้ววันเล่า ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดเย่หยวนก็เดินมาจนถึงช่วงความสูง ห้า กิโลเมตร
ส่วนที่รอบๆ นั้นมักจะมีภาพของนักยุทธกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำความเข้าใจในวิชายุทธของตัวเองอยู่
ไม่มีใครสนใจและรู้ว่าเย่หยวนได้เดินผ่านหน้าพวกเขาไปแล้วจนขึ้นไปถึงจุดยอดของอาณาจักรราชันพระเจ้า
จู่ๆ ใจของเย่เยวนก็เต้นแรง เขามีความคิดที่อยากจะลองขึ้นไปดูที่ระดับต่อไป
ที่ด้านหน้าของเขาตอนนี้มันเป็นม่านหมอกหนา ต่อให้เย่หยวนจะยืนอยู่ตรงหน้ามันก็ยังไม่สามารถที่จะมองทะลุเข้าไปเห็นได้เลยว่าด้านบนนั้นมีอะไรบ้าง
แต่เย่หยวนก็ก้าวเข้าไปอย่างไม่คิดที่จะลังเลแม้แต่น้อยเช่นกัน เขาเดินหน้าเข้าไปในม่านหมอกหนานั้น
ครึก!
แรงกดดันมหาศาลจากยอดเต๋ากดลงบนร่างของเย่หยวนในทันที
ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของเขาแห่งถงเทียนอย่างแท้จริง
คลื่นกดดันจากยอดเต๋านั้นมันรุนแรงจนสามารถทำลายล้างโลกได้ทั้งใบ เพียงพอที่จะกดทำลายร่างกายของผู้คนได้สบายๆ
เรื่องนี้ทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าที่อยู่บนยอดห้ากิโลเมตรนั้นตื่นตระหนกขึ้นทันที
เมื่อเล้งชิวหลิงเย่หยวนเดินเข้าไปในม่านหมอกเช่นนั้นนางก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที สายตาของนางเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็น
หลังจากเริ่มตั้งสติได้ เล้งชิวหลิงก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนจะพูด “เขา… เขามาถึงยอดห้ากิโลเมตรได้! ไม่ เดี๋ยวนะ เขาคิดจะทำอะไรกัน?”
ซัวหานเองก็เห็นภาพตรงหน้านั้นและมีอาการไม่ต่างจากเล้งชิวหลิงสักเท่าไหร่
“เด็กคนนี้… เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับสามารถมาถึงยอดห้ากิโลเมตรได้! นี่… นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ทำไม… เหตุใดยอดเต๋าถึงไม่ลงทัณฑ์มัน?” ซัวหานกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
แต่ไม่นานนัก เขาเองก็ได้พบสิ่งผิดปกติด้วยเช่นกันก่อนจะยิ่งทำหน้าตาท่าทางตกใจหนักกว่าเก่าออกมา
“ฮ่าๆๆ … เด็กน้อย สวรรค์ท่านมีทางดีๆ ไว้ให้แต่เจ้ากลับเลือกที่จะไม่เดิน ประตูนรกท่านปิดไว้แน่นหนาเจ้ากลับคิดจะพังเข้าไป! แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับอยากเข้าอาณาเขตหมอก เจ้ามันช่างรนหาที่ตายเสียจริงๆ”
ซัวหานหัวเราะลั่นรอดูภาพของเย่หยวนถูกบนขยี้จนกลายเป็นผุยผง
แต่ตอนนั้นเองที่เย่หยวนผู้ที่ก้าวเข้าไปในหมอกได้ครึ่งตัวก็ยื่นหน้ากลับออกมา บอกซัวหานด้วยรอยยิ้ม “ไอ้โง่ เจ้านี่มันช่างน่ารำคาญเสียจริงๆ ถ้าแน่จริงก็อย่าหนีไปไหนก่อนล่ะ รอให้นายท่านผู้นี้กลับมาสั่งสอนวิธีการปฏิบัติตัวให้เจ้าดู!”
แม้จะถูกเย่หยวนขู่แบบนั้น ซัวหานก็ไม่คิดจะใส่ใจและตอบไป “เจ้าสิโง่ เจ้าคิดว่าเขาแห่งถงเทียนนี้เป็นร้านขายของชำของบ้านเจ้าหรืออย่างไร? ถึงได้กล้าคิดจะเดินเข้าไปในอาณาเขตหมอกเช่นนี้ เจ้าต้องตายแน่นอน! นายน้อยคนนี้จะรออยู่ที่นี่เอง มีปัญญาก็กลับออกมาให้ได้เถอะ!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “มีแน่ เจ้ารอก่อนเถอะ!”
พูดจบเย่หยวนก็หันหน้ากลับเข้าไปและก้าวท้าวเข้าไปอีกก้าว ส่งร่างของเขาจางหายไปในม่านหมอกทันที
เมื่อเล้งชิวหลิงได้เห็น นางก็หน้าซีดเผือดก่อนจะร้องตะโกนออกมา “เย่หยวนอย่าเข้าไป!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องนั้นของเล้งชิวหลิง ซัวหานก็หนี้เสียทันที
เพราะความห่วงใยนี้มันอยู่เหนือการควบคุมของนาง!
ทำไมเจ้าหญิงแสนเย็นชาอย่างนางผู้ที่แสนจะเย็นชาต่อเขากลับแสดงท่าทางแบบนั้นออกมาเมื่อเป็นเรื่องของเจ้าหนุ่มนั่น?
ซัวหานยิ้มขึ้น “ไม่ต้องตะโกนแล้ว! ผู้ที่เข้าไปในม่านหมอกย่อมต้องตาย ต่อให้จะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้เจ้าก็ยังผ่านม่านหมอกไปไม่ได้! เรื่องนี้เจ้าเองน่าจะรู้ดีกว่าข้าเสียด้วยซ้ำจริงหรือไม่? มันตายลงแล้ว”
เล้งชิวหลิงนั้นไม่คิดที่จะหันไปสนใจซัวหานแม้แต่น้อย เพราะนางรู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้อย่างถึงที่สุด
แต่นางเองก็รู้ว่าคำพูดนั้นของซัวหานมันไม่ผิด ต่อให้เป็นอัจฉริยะอาณาจักรนภาสวรรค์ก็ยังไม่กล้าผ่านม่านหมอกขึ้นไปเช่นนี้ พวกเขาต้องไปเข้าเขาแห่งถงเทียนที่ทางเข้าของอาณาจักรนภาสวรรค์ที่อีกเมืองแทน
แต่เย่หยวนกลับกล้าทำ!
หากจะบอกว่าการที่เย่หยวนที่อยู่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเข้ามาในเขาแห่งถงเทียนแล้วไม่ตายนั้นมันเป็นปาฏิหาริย์ก็คงไม่ผิดนัก
แต่เรื่องในครานี้มันไม่มีทางใดเลยที่จะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้!
เมื่อใครก็ตามบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ที่ยอด ห้า กิโลเมตรนี้ พวกเขาจะถูกดีดออกจากเขาแห่งถงเทียนไปในไม่ช้า
และครั้งต่อไปพวกเขาก็จะต้องไปเข้าที่ทางเข้าของอาณาจักรนภาสวรรค์เพื่อจะไปยังส่วนที่สูงกว่า ห้า กิโลเมตร
แต่ทว่าเย่หยวนกลับเดินดุ่มๆ เข้าไปทั้งอย่างนั้น!
ไม่มีใครทราบว่าในม่านหมอกนั้นมีอะไร แต่มันเป็นสถานที่แสนอันตรายที่ไม่เคยมีใครกลับออกมาได้ แม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่สงสัยจนลองเข้าไปดูด้านใน
…
และก็อย่างที่พวกซัวหานว่า หลังเข้ามาในม่านหมอกแล้วเย่หยวนก็รู้สึกลำบากมากที่จะเดินหน้าต่อ
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ในหมอกนั้นมีเส้นสายฟ้าลอยไปมาทั่วไปหมด
พลังงานอันน่าสยองนี้ ต่อให้เป็นเย่หยวนก็ยังใจเต้นรัวไม่น้อย
แต่ทว่าสายฟ้าเหล่านั้นแค่ลอยไปมา ไม่ได้เข้ามาหาเย่หยวนเลยแม้แต่เส้นเดียว
ตอนนี้เขาน้อยแห่งถงเทียนนั้นค่อยๆ ปล่อยพลังแห่งยอดเต๋าออกมาจากกลางหน้าผากของเย่หยวน
มันเป็นเพราะเจ้าเขาน้องแห่งถงเทียนนี้นี่เองที่ช่วยให้เย่หยวนสามารถเข้ามาในม่านหมอกนี้ได้
“เด็กน้อย เจ้ามันบ้าอย่างไม่สิ้นสุดจริงๆ” หวู่เฉินบอกพร้อมถอนหายใจยาว
เขาย่อมรู้ดีว่าม่านหมอกนี้มันมีพลังแค่ไหน แต่เย่หยวนก็ยังเดินหน้าเข้ามาดุ่มๆ
เย่หยวนยิ้มตอบ “เขาน้อยแห่งถงเทียนและเขาแห่งถงเทียนนั้นเดิมทีก็มีที่มาเดียวกัน และในเมื่อเขาน้อยแห่งถงเทียนยอมรับข้าเป็นนาย ยอดเต๋าของเขาแห่งถงเทียนเองก็คงยอมรับในตัวตนของข้าเช่นกัน การเข้ามาด้านในนี้มันอาจจะฟังดูอันตราย แต่จริงๆ แล้วมันมิได้อันตรายอย่างที่ทุกคนกลัวหรอก”
หวู่เฉินได้แต่ยิ้มน้อยๆ ออกมา “เด็กน้อย เจ้ามันบ้าบิ่นแต่ก็ระมัดระวัง เจ้านั้นกล้าที่จะทำอะไรทุกอย่างจริงๆ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะคิดถูก!”
เย่หยวนยิ้มรับ “เหล่าเส้นสายฟ้าพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดเต๋าอย่างแท้จริง! พวกมันน่าจะเป็นสิ่งที่ควบคุมกฎของเขาแห่งถงเทียนใต้ระยะห้ากิโลเมตรนี้ใช่ไหม? ข้าว่า… หากข้าใช้พวกมันในการช่วยตีสร้างร่างกายใหม่มันน่าจะช่วยได้มากเลย”
หวู่เฉินที่ใจเย็นลงแล้วต้องกลับมาตื่นตระหนกอีกครั้งเพราะความคิดที่แสนบ้าคลั่งของเย่หยวน
“เจ้า… เจ้ามันบ้าไปแล้ว! สายฟ้าพวกนี้มันคือตัวตนของทัณฑ์สวรรค์เลยนะ!” หวู่เฉินบอก
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนร่างกายตัวเองเป็นลูกวิญญาณก่อนจะหลบเข้าไปในไข่มุกสยบวิญญาณและไม่คิดจะออกมาอีก
เขารู้ดีว่าเรื่องราวต่อจากนี้ไปมันจะน่าหวาดหวั่นเพียงใด
แต่เขาเองก็เข้าใจว่าตัวเขาไม่สามารถหยุดเย่หยวนได้แน่ๆ
เพราะเด็กคนนี้มันบ้าขึ้นมาเป็นครั้งคราว!
มุมปากของเย่หยวนขยับขึ้น ก่อนจะส่งสัญญาณบอกเขาน้อยแห่งถงเทียนไปพร้อมๆ กัน
เขาน้อยแห่งถงเทียนหายไปและกลับออกมาปรากฏใหม่ที่กลางหน้าผากพร้อมปล่อยแสงเจิดจ้า
จากนั้นเย่หยวนก็ยื่นมือออกไปจับยังเส้นสายฟ้าเส้นหนึ่งที่ลอยมาใกล้ๆ
ชี่…
ในวินาทีนั้น ร่างของเย่หยวนทั้งร่างก็ต้องสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
พลังงานดิบอันมหาศาลนี้มันสามารถที่จะเผาไหม้ร่างของเย่หยวนให้เป็นจุลได้เลย
แต่ว่าแสงที่เขาน้องแห่งถงเทียนปล่อยออกมามันทำหน้าที่เหมือนเป็นเกราะให้กับเขา ช่วยปกป้องเย่หยวนไว้อย่างดี
พลังงานอันน่าเกรงขามทั้งสองเข้าปะทะค้ำยันกันไว้
จากนั้นคลื่นพลังงานที่เหลือก็ได้เข้ามายังร่างของเย่หยวน
ซู่!
ขนของเย่หยวนลุกตั้งไปทั้งร่าง
เย่หยวนจึงรีบใช้วรยุทธมังกรทรราชออกมาอย่างบ้าคลั่งจนคลื่นมังกรจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมา
คลื่นพลังงานนั้นมันทำให้สายเลือดมังกรที่หลับไหลในตัวเย่หยวนตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เย่หยวนกัดฟันแน่น ตอนนี้ทั้งร่างของเขามันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างสาหัส
เวลากว่าสามร้อยปีมานี้ เขาได้ฝึกฝนร่างของตัวเองจนถึงขีดสุดระดับสาม
แต่การแปลงระดับสี่นั้น เย่หยวนกลับไม่สามารถหาเส้นทางที่จะทำมันได้เลย
วันนี้เขาจึงคิดที่จะใช้พลังของยอดเต๋าในการช่วยปลดปล่อยภาระนี้ให้เขาในคราเดียว!
ตอนที่ 1674 บรรลุเหนือยอดห้ากิโลเมตร
พลังงานจากสายฟ้าเส้นนั้นค่อยๆ ถูกกลืนกินเข้ามาทีละนิด ทีละนิด
ร่างกายของเย่หยวนค่อยๆ ดูพลังงานนั้นมาอย่างต่อเนื่อง!
ระหว่างที่ทนรับความเจ็บปวดมหาศาลไว้ ร่างกายของเย่หยวนก็เกิดส่งแสงสว่างจ้าขึ้นมา
วิ้ง!
กายทองคำของเย่หยวนส่องแสงที่สว่างเจิดจ้าจนทำให้พื้นที่ในม่านหมอกรอบๆ แทบจะได้กลายเป็นเวลากลางวัน
การแปลงกายทองคำเก้าอหัตถ์ระดับสี่สำเร็จลงได้ในที่สุด!
ตอนนี้ร่างกายของเย่หยวนสามารถบรรลุระดับมาได้อย่างไม่มีข้อขัดข้องใดๆ
เท่านี้เย่หยวนก็สามารถรับมือกับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ด้วยแค่ร่างกายของเขาเพียงเท่านั้นแล้ว
แต่ทว่ามันยังไม่จบ!
เพราะเย่หยวนยังคงดูดกลืนพลังงานนั้นมาตีร่างกายต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดยั้ง
เขากำลังท้าทายขีดจำกัดของตนเอง!
พลังอันรุนแรงนั้นมุ่งหน้าสู่ร่างของเย่หยวนอย่างบ้าคลั่ง
ในที่สุดแล้วเย่หยวนก็ไม่สามารถทนมันได้อีกจนต้องปล่อยเจ้าเส้นสายฟ้าไป
ส่วนตอนนี้กายทองคำของเขาก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของระดับสี่แล้วเรียบร้อย!
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สุดยอด! เจ้าสายฟ้านี้มันช่างมีพลังที่สุดแข็งแกร่ง! ข้าแค่ใช้มันไปนิดเดียวแต่กลับสามารถช่วยข้าบรรลุระดับสี่ได้!”
หลังจากหายเจ็บแล้วเย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงพลังอันล้นปรี่ในร่างกาย
อารมณ์ในตอนนี้ของเขามันทำให้เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นกู่ร้องอย่างสะใจ
หวู่เฉินได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับภาพตรงหน้า “เจ้าทำได้จริงๆ เด็กคนนี้! ช่างเป็นสัตว์ประหลาดโดยแท้! ตอนนี้เจ้าก็สามารถสังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวได้ด้วยหมัดเดียวแล้ว!”
ร่างกายระดับสี่ขั้นสูงนั้นมันมีพลังเทียบเท่ากับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวได้เลย
แต่ยอดฝีมือที่ฝึกฝนร่างกายด้วยนั้นจะสามารถจัดการผู้คนในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย!
พลังวิชายุทธเผ่ามังกรของเย่หยวนนั้นมันเหนือล้ำกว่าร่างกายของนักยุทธธรรมดาๆ นัก การจะสังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวลงตอนนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเลย
ต่อให้เป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว เขาก็มีปัญญาพอที่จะต่อต้าน!
เย่หยวนหัวเราะ “หลังจากบรรลุได้ในครานี้ ฤทัยแห่งฟานจู้หลงของข้าก็ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้ว! ตอนนี้ร่างกายของข้าจึงสามารถใช้ในการต่อสู้ได้อย่างเต็มที่!”
วิชาการต่อสู้เผ่ามังกรของเย่หยวนนั้นถูกศึกษาบ่มเพาะมาอย่างดี พลังการต่อสู้ของเขาในตอนนี้จึงพุ่งขึ้นไปสู่มากกว่าแค่ระดับเดียว
“หืม? เย่หยวน ดูที่กายทองคำของเจ้าสิ เหมือนว่ามันจะลายแปลกๆ ปรากฏขึ้น!” หวู่เฉินร้องบอก
เย่หยวนหรี่ตาเล็กลงทันทีก่อนจะก้มหน้าลงมองที่ร่างกายของตัวเอง
หลังจากใช้พลังงานของเส้นสายฟ้าอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ร่างกายของเขาจึงมีสภาพที่เละไม่เป็นท่า
และเย่หยวนก็ได้เห็นว่าบนร่างนั้นมันมีลายเส้นสีฟ้าที่ไม่เคยมีมาก่อนปรากฏขึ้นจริงๆ
ลายสีฟ้าอันน่าพิศวงนี้มันฝังตัวในกายทองคำของเขา หากไม่มองดีๆ ก็จะไม่มีทางเห็นได้เลย
“นี่มัน… นี่มันลายบ้าอะไรกัน?” เย่หยวนตื่นตกใจ
หวู่เฉินส่ายหัวและตอบมาด้วยท่าทางงงไม่แพ้กัน “กายทองคำเก้าอหัตถ์นั้นไม่มีลวดลายแบบนี้แน่ๆ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า… สีของมันดูคล้ายๆ กับเจ้าเส้นสายฟ้านั้นไม่ผิดเพี้ยน เป็นไปได้ไหมว่า… พลังงานที่เจ้าดูดกลืนเข้ามามันจะมีคุณสมบัติบางอย่างของเจ้าสายฟ้านั้นถูกดูดกลืนเข้ามาด้วย?”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ขนลุกตั้งชันทันที
เพราะเจ้าสายฟ้านั้นมันมีพลังที่แสนจะรุนแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงไม่มีทางทนทานรับไว้ได้ ต้องเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงในทันทีแน่
ตอนนี้เมื่อมันเข้ามาในร่างของเขาแล้ว เย่หยวนจึงไม่ทราบได้เลยว่ามันจะเป็นพรหรือเป็นคำสาป!
“ช่างมันเถอะ อย่าได้กังวลกับมันเลย! มันคงเป็นได้แค่พรหรือคำสาป และหากมันเป็นคำสาปข้าก็คงเลี่ยงมันไม่ได้แล้ว!”
พูดจบเย่หยวนก็กดแสงที่ส่องสว่างออกมาจากร่างไว้และนำผ้าคลุมชุดสีฟ้าออกมาใส่ทับแทนเสื้อผ้าที่ขาดและมุ่งหน้าต่อไป
ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหน แต่ในที่สุดเย่หยวนก็เห็นแสงสว่างตรงหน้าจนได้
เป็นเวลานั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขามีแรงกดดันเข้ามาหนักกว่าเก่า
เขารู้แล้วว่าตัวเองคงไปต่อทั้งๆ แบบนี้ไม่ได้
เย่หยวนในตอนนี้นั้นสามารถควบคุมเขาน้อยแห่งถงเทียนได้แค่ถึงระดับสี่เท่านั้น
ยิ่งขึ้นเขาแห่งถงเทียนมาสูง พลังกดดันจากยอดเต๋ามันก็จะยิ่งรุนแรง
ตอนนี้มันเป็นจุดสุดยอดที่เขาน้อยแห่งถงเทียนจะพาเขาขึ้นมาได้แล้ว
เส้นทางข้างหน้ามันจะเป็นเส้นทางที่เย่หยวนไม่สามารถขึ้นไปได้ ต่อให้มีเขาน้อยแห่งถงเทียนเขาก็คงยังถูกพลังจากยอดเต๋าบดทำลายอยู่ดี
แต่ว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้คิดจะหันหลังกลับเช่นกัน
เพราะเขารู้สึกได้ถึงพลังงานวิญญาณที่อยู่รอบกาย จนทำให้เขารู้สึกโปร่งโล่งอย่างที่บอกไม่ถูก
“ช่างเป็นพลังงานวิญญาณที่หนาแน่นนัก! การบรรลุในที่แห่งนี้คงเหมาะสมที่สุดแล้ว!” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็ลงมือทันที เย่หยวนไม่รอช้านั่งลงขัดสมาธิและเริ่มทำความเข้าใจสิ่งที่เขาได้รับรู้จากเส้นทางห้ากิโลเมตรนั้นอีกครั้ง
ตอนนี้โครงของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับสี่นั้นถูกร่างสมบูรณ์แล้ว ที่เหลือตอนนี้ก็แค่เข้าใจมันให้ได้อย่างถ่องแท้
เมื่อเขาเข้าใจบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับสี่ได้จนทะลุปรุโปร่งเขาก็จะสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรระดับสี่ได้ในคราเดียว!
เย่หยวนหลับตาและเริ่มนั่งสมาธิ ตัดขาดตนเองจากโลกภายนอก
ไม่ว่ายังไง ก็ไม่มีใครกล้าที่จะโจมตีกันบนยอดเขาแห่งถงเทียนอยู่แล้ว เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาลอบตลบหลังเขาระหว่างที่กำลังทำสมาธิอยู่
หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป… สิบวันผ่านไป สิบห้าวันผ่านไป!
ในเวลาแค่พริบตา เวลากว่าสิบห้าวันก็ผ่านพ้นไป
ในวันนี้จู่ๆ ก็เกิดกระแสลมแรงขึ้น!
ลมเหล่านั้นพัดเข้าหาตัวของเย่หยวนและค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นพายุพลังงานวิญญาณ
จากนั้นพายุก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทุกหนแห่ง
ตู้ม!
คลื่นพลังรุนแรงพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า
ตอนนี้ร่างของเย่หยวนกำลังปล่อยแสงที่ราวสายฟ้าออกมา ดูดกลืนพลังงานวิญญาณเหนือยอดห้ากิโลเมตรมาหาตัวอย่างบ้าคลั่ง
เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่กำลังนั่งสมาธิของตัวเองอยู่ต้องเบิกตาขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เพราะคลื่นพลังงานอันรุนแรงมหาศาลนี้
“เกิดอะไรขึ้นกัน? มีใครบรรลุอย่างนั้นรึ?”
“ใครกันที่บรรลุ? ความโกลาหลขนาดนี้มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว”
“หะ! นี่ตาข้าฝาดไปรึเปล่า? นั่นมัน… นั่นมันนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เขา… เขากำลังบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้า?”
“เป็นอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจริงๆ ด้วย พระเจ้าช่วย นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนี้มันโผล่ออกมาจากที่ไหนกัน?”
…
ที่บนยอดเหนือห้ากิโลเมตรขึ้นไปนั้นเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ต่างแตกตื่นกันยกใหญ่
เขาแห่งถงเทียนนั้นมันสงบมาก สงบจนไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็ไม่มีทางสั่นไหว
เพราะในที่นี้มันไม่มีใครกล้าก่อเรื่องร้ายแรง
แต่ตอนนี้สถานการณ์มันกลับโกลาหลอย่างที่สุด!
ความโกลาหลจากการบรรลุของเย่หยวนนั้นมันเหนือล้ำมาก ทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ใกล้ๆ ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะไม่สามารถที่จะตั้งสมาธิกับตัวเองได้อีกต่อไป
ยอดเต๋าบนเขาแห่งถงเทียนที่ว่าสงบนิ่งกลับถูกเย่หยวนโยนเข้าสู่ความโกลาหล
ตอนที่เย่หยวนออกมาจากหอยุทธ์ในครานั้น เขาก็เองสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นมาเช่นกัน
แต่หากนำมาเทียบกัน มันไม่สามารถที่จะเทียบได้แม้แต่เศษเสี้ยวของความโกลาหลในครานี้
เพราะว่าเขาแห่งถงเทียนนี้คือต้นกำเนิดของมหาพิภพถงเทียนทั้งหมด มันจึงมีพลังงานวิญญาณหนาแน่นที่สุดในมหาพิภพถงเทียนด้วย
พายุพลังวิญญาณนี้มันจึงรุนแรงกว่าที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นับร้อยเท่า
ตอนนั้นที่เย่หยวนสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนขึ้นมา สวรรค์ได้ทรงโปรดทำให้พลังวิญญาณบนเขาแห่งถงเทียนพุ่งขึ้นสูงหลายต่อหลายครั้ง และจนตอนนี้มันก็ยังไม่ถูกใช้ไปจนหมด
พลังวิญญาณในเขาแห่งถงเทียนตอนนี้มันจึงเรียกได้ว่าน่าเกรงขามมาก
ที่สำคัญที่นี่คือเขตแดนของอาณาจักรนภาสวรรค์ จึงมีพลังงานวิญญาณมากกว่าเขตแดนของอาณาจักรราชันพระเจ้านัก
ภายใต้สภาพแบบนั้น เย่หยวนกลับยังสามารถสร้างความโกลาหลได้ถึงขั้นนี้ มันแสดงให้เห็นได้เลยว่าการบรรลุของเขาในครานี้มันรุนแรงมากแค่ไหน
ที่สำคัญการบรรลุของเขานี้มันยังต่างจากคนทั่วไป เพราะมีแสงสายฟ้าผ่าลงมาเป็นระยะ เมฆหมอกสีดำสนิทลอยอยู่ด้านบน มันเป็นภาพที่ราวกับจะเกิดวันสิ้นโลกขึ้นตรงหน้า
ร่างของเย่หยวนทั้งหมดถูกห่อหุ้มไว้ด้วยหมอกดำ ดำจนทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งหลายมองด้านในได้ไม่ชัดเจนนัก
ความโกลาหลระดับนี้มันจะเป็นการบรรลุของนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าไปได้อย่างไร?
พวกเขามองดูและชี้ที่เย่หยวนด้วยใบหน้าที่ไม่เข้าใจว่าภาพตรงหน้าคืออะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาพแบบนี้มันเกิดขึ้นมาเพราะอะไร
เพราะขนาดเป็นพวกเขา การบรรลุของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ พวกเขาก็คงไม่สามารถสร้างความโกลาหลได้มากมายขนาดนี้!
ตอนที่ 1675 อาณาจักรใหม่!
“นี่พวกเจ้าว่า เจ้าหมอนี่มันคงไม่ได้เดินออกมาจากม่านหมอกหรอกใช่หรือไม่?”
“เป็นไปได้! ตำแหน่งที่เขานั่งเองก็อยู่ที่ชายขอบหมอกเช่นกัน แถมตอนนี้เส้นทางก็ยังไม่เปิด ไม่มีทางเลยที่จะเข้ามาจากด้านนอกได้”
“อืม แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าไม่มีทางหรอกที่จะซ่อนตัวเข้ามาในหมู่เราได้”
“แล้วอัจฉริยะแบบนี้มันโผล่ออกมาจากที่ไหนกัน? ฟ้าของมหาพิภพถงเทียนจะเปลี่ยนสีแล้วหรือ? การบรรลุของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าถึงได้สร้างความโกลาหลได้มากมายขนาดนี้!”
“ใช่ไหมล่ะ? ต่อให้เจ้ากับข้าบรรลุพร้อมๆ กันมันก็ไม่มีทางเลยที่เราจะสร้างความโกลาหลที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้! ดูท่าทางของเขาตอนนี้สิ ดูท่าคงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จนกว่าจะกลืนพลังวิญญาณของพื้นที่นี้ทั้งหมดไป!”
…
เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ต่างมองดูเย่หยวนในพายุนั้นด้วยความแปลกใจสงสัยอย่างถึงที่สุด
ลึกลับเกินไป แปลกประหลาดเกินไป มันทำให้หัวใจคนคันยิก อยากจะรู้เสียเหลือเกินว่าใครกันแน่ที่กำลังบรรลุอยู่ตรงหน้านี้
และในเวลาเดียวกันนี้ภายในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนเองก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นกัน
พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลกำลังหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเขาจากทุกทิศทางจนเข้ามารวมกับทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์
ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นเป็นเหมือนกับหลุมที่ไร้ก้น ไม่ว่าจะดูดซับพลังเข้ามามากแค่ไหนมันก็ไม่เต็มเสียที
เดิมทีทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นมันคงที่ไปแล้ว พูดตรงๆ คือมันไม่น่าจะรับปราณเทวะใดๆ ได้อีก
แต่ทว่าในครานี้ปราณเทวะในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขากลับค่อยๆ หนืดขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวรยุทธการบ่มเพาะระดับ 4
การเปลี่ยนแปลงนี้มันเหมือนกับกังหันน้ำที่ค่อยๆ หมุนเปลี่ยนให้ปราณเทวะหนืดขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายหลังจากเย่หยวนทำการหลอมรวมปราณเทวะจำนวนมหาศาล มันจึงได้รวมกันกลางเป็นน้ำวน
น้ำวนนี้มันเหมือนกันหลุมดำที่จะดูดกลืนปราณเทวะเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้ที่ด้านในตัวของเย่หยวนเองก็ค่อยๆ เกิดพายุหนืดขึ้นมา
หากพูดเรื่องขนาดแล้ว พายุหนืดนี้มันเล็กกว่าก่อน แต่กลับมีความหนาแน่นของปราณเทวะมากกว่าเก่านับร้อยเท่า
ตู้ม…
คลื่นพลังอันน่าเกรงขามถูกปลดปล่อยออกมาจากพายุ พุ่งขึ้นสู่ท้องนภาในทันที
พลังของเย่หยวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในพายุนั้น
ในที่สุดเขาก็ผ่านช่วงคอขวดของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าและเข้าสู่เส้นทางอาณาจักรพระเจ้าอันใหม่!
เย่หยวนเบิกตาโพลงด้วยนัยน์ตาที่ส่องแสงสว่างแห่งการบรรลุ
แต่ดวงตานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจ
ตอนนี้พายุดำค่อยๆ จางหายไป เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งหลายจึงเบิกตากว้าง จะรอดูว่าคนที่ก่อเรื่องได้ขนาดนี้มันเป็นใครมาจากไหนมีหน้าตาอย่างไร
ฟุบ!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เห็นว่าร่างนั้นคือใคร ร่างนั้นก็กลับพุ่งตัวถอยหลังกลับเข้าไปในม่านหมอกทันที
นั่นทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่มารอดูต้องร่ำร้องออกมาอย่างสุดจะทน
“เด็กคนนี้มันเจ้าเล่ห์นัก หนีไปแล้ว!”
“บ้าเอ้ย เด็กคนนี้มันเจ้าเล่ห์เกินไป! มาทำให้คนสงสัยแล้วก็จากไปทั้งๆ อย่างนั้น!”
“เด็กเวร เจ้ากลับมาหาพ่อเจ้าเดี๋ยวนี้นะ! นี่เจ้าจะไม่รับผิดชอบอะไรหน่อยรึ! ขอให้เจ้าไม่ได้ตายดี!”
“เจ้าบ้านี่ มันกลับเข้าไปในม่านหมอกจริงๆ ด้วย มันทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
“เด็กคนนี้มันจะลึกลับเกินไปแล้ว! อ้า ข้าไม่ไหวแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่ามันเป็นใครกันแน่?!”
…
ตอนนี้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งหลายต่างรู้สึกเหมือนเวลาได้ดูหนังสุดลุ้นระทึก คิดว่าความลับทั้งหมดจะเปิดเผยตอนท้ายเรื่อง
แต่ก่อนที่หนังจะทันได้เฉลยเรื่องราว ไฟดันมาดับไปต่อหน้าต่อตา
ความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้คนแทบคลั่ง มีแต่คนที่เคยเจอมันมาเท่านั้นที่จะเข้าใจได้
หากเย่หยวนปรากฏตัวออกไปตอนนี้เขาคงถูกเหล่าอาณาจักรนภาสวรรค์จับตัวไปถามไถ่อะไรต่อมิอะไร
แต่ว่าเย่หยวนนั้นไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สักเท่าไหร่ในตอนนี้
เขารู้ดีว่าเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ที่สำคัญเขายังผ่านม่านหมอกขึ้นมาอีก มันคงทำให้คนสงสัยและสนใจอย่างมาก
เมื่อใดก็ตามที่เขาเปิดเผยตัว มันจะมีปัญหาตามมามากมาย
พวกเขาทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ เย่หยวนในตอนนี้ไม่พอที่จะรับมือกับพวกเขาได้เลย
หากมีคนคิดไม่ดีปะปนอยู่แค่คนเดียว อยากเอาเขาไปทำเป็นหนูทดลองหรืออย่างเปลี่ยนเขาให้เป็นสมบัติ เรื่องนั้นมันคงไม่ดีนัก
ส่วนเรื่องความคาใจของพวกเขาทั้งหลายนั้นเย่หยวนไม่สนใจแม้แต่น้อย
ช่างแม่งสิ!
แน่นอนว่าที่เย่หยวนระวังตัวขนาดนี้มันเป็นเพราะเขาเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่เหมือนกัน
เพราะตอนนี้เขาได้บรรลุขึ้นสู่อาณาจักรใหม่เอี่ยม ต่างจากที่เคยมีมาอย่างสิ้นเชิง!
เย่หยวนต้องการจะรู้เสียก่อนว่าตัวเองนั้นบรรลุเข้ามาในอาณาจักรแบบไหนกันแน่
การสร้างวรยุทธบ่มเพาะขึ้นมาเองนั้นทุกอย่างมันช่างว่างเปล่า
หลังจากบรรลุแล้วจะเป็นยังไง แม้แต่ตัวผู้สร้างอย่างเย่หยวนก็ไม่สามารถรู้แน่ชัดได้
ทุกอย่างมันมีแต่ต้องให้เขาไปลุยดูเอาเอง
เมื่อเข้ามาในม่านหมอกแล้วเย่หยวนก็หากที่โล่งเพื่อจะได้ตรวจสอบร่างกายของตัวเองในตอนนี้
ในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขา มันมีพายุหนืดกำลังหมุนอยู่อย่างเป็นระบบ เหมือนเป็นกลุ่มหมู่ดาว
แต่เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าปราณเทวะของเขาในตอนนี้มันต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
ส่วนเรื่องที่ว่าต่างยังไงนั้น เย่หยวนเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
ตอนนี้ขนาดของปราณเทวะหนืดเหล่านั้นมันเล็กลงมาก แค่ประมาณหนึ่งในสี่ของขนาดเดิม
แต่ปริมาณที่มันเก็บไว้กลับมากกว่าเก่านับร้อยเท่า!
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าพายุหยืดนี้มันช่างลึกลับ มันกำลังค่อยๆ นวดรวมปราณเทวะหนืดเข้าไปเรื่อยๆ
เขานั้นดูดกลืนพลังวิญญาณมาเป็นปราณเทวะอย่างมากมาย แต่ขนาดของมันกลับน้อยลงเสียอย่างนั้น
ที่สำคัญตอนนี้เย่หยวนรู้สึกด้วยซ้ำว่าทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองก็มีขนาดเล็กลงด้วย!
การบรรลุขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าของคนอื่นๆ นั้นคือการเปลี่ยนทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นโลกใบเล็ก
แต่ส่วนตัวเขานั้น ไม่ใช่แค่ทะเลจะไม่ใหญ่ขึ้น มันกลับหดเล็กลงเสียอย่างนั้น
“หืม? นี่มันอะไรกัน?”
เย่หยวนรู้สึกได้ว่ามีลายแปลกๆ กำลังล้อมรอบพายุหนืดนั้นไว้
“ลายพวกนี้… เหมือนกับลายที่มันอยู่บนกายเจ้าเลยนี่!” หวู่เฉินบอก
เย่หยวนเองก็ลองพิจารณาดูดีๆ ก่อนจะพบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง!
แต่การจะศึกษามันคงต้องใช้เวลาอีกมาก และเขาเองก็ไม่รู้ด้วยว่าลายพวกนี้มันมีประโยชน์หรือความหมายอะไร
“อะไร… ข้าอยู่ในอาณาจักรอะไรกัน? เหมือนว่า… เรียกมันว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าคงไม่ถูกนักใช่ไหม?” เย่หยวนยิ้มแห้งๆ ออกมา
การเปิดโลกใบเล็กและปกครองโลกหล้า นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าราชันพระเจ้า
แต่เย่หยวนนั้นไม่มีโลกใบเล็กใดๆ จึงไม่สามารถจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้า
หวู่เฉินมองดูอย่างไม่รู้ต้องตอบอย่างไร “เส้นทางของเจ้ามันมีแต่ความไม่แน่นอนคาดเดาไม่เคยได้ แต่ข้ารู้สึกได้เลยว่าอาณาจักรนี้ของเจ้ามันยิ่งใหญ่! บางที… เส้นทางที่เจ้าเดินนี้อาจจะถูกและคนอื่น… ช่างเถอะ เจ้าตั้งชื่อมันเสียสิ”
เย่หยวนยิ้มแห้งๆ ออกมาเพราะความคิดที่ว่าคนทั้งโลกผิดและตัวเองถูกอยู่คนเดียว
เขาคิดไปพักหนึ่งก่อนจะบอก “ตอนนี้มันมีพายุเกิดขึ้นในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของข้า งั้นมาเรียกมันว่าอาณาจักรวายุพระเจ้าก็แล้วกัน!”
หวู่เฉินพยักหน้าออกมาเมื่อได้ยิน “อาณาจักรวายุพระเจ้า ชื่อดี หึๆ ชายแก่คนนี้ล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเส้นทางนี้มันจะพาเจ้าเดินไปจนถึงที่แห่งใดกันแน่!”
เย่หยวนหัวเราะร่า “ข้าบอกไม่ได้หรอกว่าจะเดินไปถึงไหน แต่ตอนนี้ข้าชักอยากจะลองดูเสียแล้วสิ อยากลองดูจริงๆ ว่าอาณาจักรวายุพระเจ้ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน!”
หวู่เฉินเงียบไปทันทีที่ได้ยินก่อนจะถามขึ้น “อยากลอง?”
เย่หยวนยิ้มและตอบ “เรามีเป้าเดินได้รออยู่แล้วนี่? หึๆ กลับกันเถอะ”
หวู่เฉินนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรู้ความหมาย
เมื่อคนพวกนั้นได้เห็นเย่หยวนกลับไป พวกเขาคงต้องตื่นเต้นตกใจอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆ
ตอนที่ 1676 ต่อยเข้าที่หน้า
“ไม่ต้องมองแล้ว เจ้าคงไม่คิดว่ามันจะออกมาได้จริงๆ ใช่ไหม?”
ที่ยอดห้ากิโลเมตรนั้น เล้งชิวหลิงนั้นมีท่าทางเหม่อลอยไม่น้อย ในเวลากว่าเดือนมานี้นางไม่สามารถจะนั่งทำสมาธิได้อย่างจริงจังเลย นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองยังม่านหมอกที่เย่หยวนเข้าไปอยู่เป็นระยะๆ
เมื่อซัวหานเห็นแบบนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าไฟริษยามันปะทุขึ้นในใจ จึงกล่าวว่านางออกมา
เล้งชิวหลิงหันไปมองหน้าซัวหานอย่างไม่คิดจะสนใจ “บางทีเขาอาจจะออกมาได้ก็ได้?”
ซัวหานหัวเราะลั่นกับตัวเอง “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่บางเรื่องทำครั้งแรกอาจจะไม่เป็นไร ครั้งที่สองอาจจะยังพอทน แต่มันคงไม่มีครั้งที่สามอีกแล้ว! เจ้าคิดจริงๆ หรือว่ามันเป็นอัจฉริยะยอดคนมาจากที่ไหน? เป็นแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับคิดเข้าไปในม่านหมอก มันไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตายหรอก!”
เล้งชิวหลิงพยายามเปิดปากพูดแต่ก็ไม่รู้ต้องพูดอะไร
เพราะคำพูดของซัวหานนั้นมันมีเหตุผล ต่อให้นางจะรู้ว่าเย่หยวนเป็นคนที่ลึกลับมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ม่านหมอกนี้มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม ไม่ว่าคนเราจะมีวิธีการที่เก่งกาจหรือแยบยลแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่จะกลับออกมาได้เลย
เล้งชิวหลิงเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมนางถึงเป็นเช่นนี้ อาจจะเพราะว่าเขาเข้ามาช่วยเหลือนางไว้อย่างไม่คิดอะไรมากมาย
และเขาก็ต่างจากคนอื่นๆ ที่มักช่วยเหลือนางและพยายามหาโอกาสพูดคุย แต่เย่หยวนนั้นแค่ช่วยนางวไว้เฉยๆ
เล้งชิวหลิงพอจะมองออกว่าตอนที่นางหยิบดาบหยกออกมา เย่หยวนมีท่าทางเหมือนจะปฏิเสธในวินาทีนั้น
ดูท่าเขาเองก็ไม่ได้อยากจะรับมันไว้
ซัวหานหันไปมองเล้งชิวหลิงอีกครา “น้องเล้ง ข้ายอมรับนะว่าเด็กคนนั้นมันมีดี แต่คนแบบมันไม่ตายวันก็ต้องตายพรุ่ง คนแบบนี้มันไม่มีอะไรให้เจ้าคิดถึงหาหรอก”
เป็นเวลานี้เองที่มีเสียงเรียบๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้ทุกคนถึงกับต้องหันไปมอง “โอ้? หมายความว่าไอ้โง่อย่างเจ้ามันมีค่าให้คิดถึงเหรอ?”
ก่อนที่พวเขาทั้งหลายจะเห็นร่างของเย่หยวนค่อยๆ เดินกลับออกมาจากม่านหมอกด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
การปรากฏตัวของเย่หยวนนี้มันทำให้ผู้คนตื่นตระหนกทันที
“น-นี่ตาข้าฝาดไปรึ? ทำไมมันถึงกลับออกมาจากม่านหมอกได้อย่างปลอดภัยกัน?”
“เดี๋ยวนะ! พลังของมันดูจะเปลี่ยนไป! มันไม่ใช่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอีกต่อไปแล้ว!”
“จริงด้วย! พลังของมันรุนแรงขึ้นมา แต่… ข้ากลับมองไม่ออกเลย!”
“มันไปเจออะไรมาในม่านหมอกนั้นกัน? หรือว่าจริงๆ แล้วในม่านหมอกนั้นมันจะมีสมบัติหลบซ่อนอยู่?”
…
ทุกคนต่างมองไปด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อสายตา การที่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเข้ามาในเขาแห่งถงเทียนได้นั้นมันก็ยังพอทน เดินขึ้นมาถึงยอดห้ากิโลเมตรได้มันก็ยังพอเชื่อ
แต่การที่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะเข้าไปในม่านหมอกและออกมาได้อย่างนี้ จะมีใครเชื่อมันลงกัน?
หรือว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นอมตะ?
“จ-จ-จ-เจ้า… ออกมาได้อย่างไร? บ้าน่า! ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ก็ยังออกมาไม่ได้เลยแท้ๆ เจ้าจะออกมาได้อย่างไรกัน?”
เมื่อซัวหานเห็นเย่หยวน เขาก็มีใบหน้าที่ราวกับได้เห็นผีก่อนจะพูดถามออกมาอย่างติดขัด
“ออกมาได้ยังไง? เดินแน่นอนอยู่แล้วสิ!” เย่หยวนบอกด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
ซัวหานมีใบหน้าที่แสนตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก ทำไมเจ้าหมอนี่มันถึงได้ตายยากตายเย็น?
แดนที่ถูกเรียกว่าพื้นที่ต้องห้าม มันกลับเข้าไปเดินเล่นได้อย่างหน้าตาเฉย
โลกใบนี้มันมีตัวประหลาดขนาดนี้ด้วยหรือ?
ไม่ไกลไปนักเล้งชิวหลิงเองก็มองดูเย่หยวนเช่นกัน ด้วยใบหน้าที่ทั้งโล่งใจและตื่นตระหนกไม่น้อย
นางไม่คิดจริงๆ ว่าเย่หยวนจะออกมาจากม่านหมอกนั้นได้
ชายคนนี้มันช่างเป็นตัวตนที่แสนพิศวง!
ในเวลาหนึ่งเดือนมานี้ เขาได้ไปเจออะไรมาด้านในบ้าง?
เย่หยวนค่อยๆ เดินไปยังซัวหานและบอกด้วยรอยยิ้ม “จำที่ข้าบอกไว้ก่อนไปได้ไหม?”
แม้ว่าเย่หยวนจะมีพลังที่เหนือฟ้ากว่าเก่า แต่ด้วยพลังของอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวของเขา มีหรือที่เขาจะกลัวเย่หยวน?
เมื่อนึกถึงคำของเย่หยวนได้เขาก็ยิ้มรับ “ที่นี่คือเขาแห่งถงเทียน ต่อให้ข้าไม่กล้าโจมตีเจ้า แล้วเจ้าจะกล้าโจมตีข้าไหมล่ะ?”
เย่หยวนแอบหัวเราะพร้อมมองไปทางซัวหาน “งั้น… ลองดูไหม?”
พูดจบเย่หยวนก็ต่อยหมัดออกมาใส่ที่หน้าของซัวหานทันที
ซัวหานไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะกล้าโจมตีเขาเข้าจริงๆ
เมื่อไม่ทันตั้งตัว เขาก็ถูกส่งลอยไปด้วยหมัดเดียวนั้น
เวลาดวลห้ามเล็งใบหน้า นี่คือมารยาทที่ดีของนักยุทธ แต่หมัดนี้ของเย่หยวนกลับเล็งเข้าที่ใบหน้าของซัวหานอย่างจังจนเลือดของเขาออกมาจากทั้งปากและจมูก
ซัวหานพยายามประคองตัวลุกราวกับคนเมา ตอนนี้เขามึนงงและตื่นตกใจมากจนไม่สามารถเดินไปให้ถูกทิศได้
“ข-แข็งแกร่ง หมัดเบาๆ หมัดเดียวกลับทะลุม่านปราณเทวะของซัวหานได้!” เล้งชิวหลิงร้องด้วยความตื่นตกใจ
เย่หยวนเองก็ก้มลงมองที่หมัดของตัวเอง เขาเองก็ตื่นตกใจกับพลังของมันไม่น้อย
พลังต่อยหมัดนี้มันเหนือกว่าที่เขาคาดไปมาก
หมัดนี้ เขาไม่ได้ใช้พลังของกายทองคำเลย แต่นี่เป็นพลังของปราณเทวะล้วนๆ
เขาได้รู้แล้วว่าปราณเทวะของเขามันต่างจากก่อนหน้านี้มากจริงๆ
ต่อให้หมัดของเขานี้ไม่มีพลังโลก แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันมีพลังอีกแบบแฝงอยู่ภายใน ทำให้การโจมตีนี้สุดจะรุนแรง!
เย่หยวนไม่รู้ว่าพลังนี้เรียกว่าอะไร แต่มันคงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังโลกแน่ๆ
ไม่สิ หากให้เทียบจริงๆ มันอาจจะอยู่เหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ!
ซัวหานสะบัดหัวอย่างแรงก่อนจะเริ่มกลับมาตั้งหลักได้
เขามองดูเย่หยวนด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
“เจ้า… เจ้ากล้าโจมตีข้าจริงๆ รึ! ข้า… ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ซัวหานนั้นก็อยู่มานานมากแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาต้องเสียหน้าหนักขนาดนี้ ถึงกับโดนต่อยโดยเด็กน้อยที่เพิ่งจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้ามาได้หมาดๆ
ตอนนี้สมองของเขาเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นจนลืมไปว่าตอนนี้พวกเขาทั้งหลายกำลังอยู่บนเขาแห่งถงเทียน
พลังของนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวถูกปลดปล่อยออกมา มันเป็นพลังปราณเทวะที่ทำให้ผู้คนที่ได้พบต้องใจสั่นระรัว
พลังของซัวหานนั้นไม่ได้มีดีแค่ชื่อ
เย่หยวนมองดูซัวหานด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชา เขามีท่าทางที่ไม่กังวลเลยสักนิด
จู่ๆ ก็เกิดคลื่นพลังอันน่าเกรงขามกดลงมาจากฟากฟ้า
เมฆสีดำสนิทก่อตัวขึ้นทันที
คลื่นพลังอันน่ากลัวนั้นมันกลบคลื่นพลังของซัวหานไปจนสิ้น
ซันหานนึกได้ทันที เขารู้สึกได้ถึงความตายที่มาเยือนตรงหน้า ทำเอาแทบหายใจไม่ออก
โดยไม่ต้องคิดอะไรอีก ซัวหานเก็บพลังปราณเทวะของตัวเองกลับเข้าไปในร่างทันที
เมื่อทำเช่นนั้นแล้วเมฆสีดำจึงค่อยๆ จางหายไป
แต่ต่อให้เมฆจะจางหายไป แต่ตัวของซัวหานก็มีเหงื่อไหลจนท่วมไปแล้ว
เป็นตอนนี้นี่เองที่เขาเพิ่มจะกลับมาได้สติจริงๆ ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนเขาแห่งถงเทียน
หากมีใครคิดกล้าจะลงมือ พวกมันก็จะถูกลงทัณฑ์อย่างไม่เว้นหน้า!
โชคยังดีที่เมื่อสักครู่นี้เขายั้งมือทัน ไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงได้กลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว
และจู่ๆ ร่างของเขาก็สั่นเทาก่อนจะหันไปมองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
งั้นทำไมหมอนี่ไม่โดน?
ไม่ใช่แค่เขา แต่ตอนนี้ทุกผู้คนต่างมองเย่หยวนด้วยใบหน้าที่แสนตื่นกลัว
แม้ว่าพลังที่ออกมามันจะต่างจากซัวหานมาก แต่เขาเองก็ใช้ปราณเทวะและแนวคิดในการโจมตีเมื่อครู่เหมือนกัน
งั้นทำไมทัณฑ์สวรรค์ถึงไม่ลงทัณฑ์เขา?
“เจ้าจะสังหารข้าไม่ใช่เรอะ? ข้าอยู่นี่ไง มาสิ!” เย่หยวนมองซัวหานด้วยรอยยิ้มเยาะ
ซัวหานหน้าเสียอย่างมาก ในสายตาของเขาตอนนี้เย่หยวนนั้นคือสัตว์ประหลาดที่ยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดตัวใดๆ ที่เขาเคยพบ
“หากเจ้าไม่เข้ามา งั้นข้าไปเอง! หมัดเมื่อกี้ข้ายังไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่เลย!”
เย่หยวนค่อยๆ เดินเข้ามาหาซัวหาน นั่นทำให้ซัวหานกลัวจนหัวหด เขาค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ พร้อมกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก “อ-อย่าเข้ามานะ! อย่าเข้ามา! ทำไม ทำไมทัณฑ์สวรรค์ไม่โจมตีเจ้ากัน?!”
ตู้ม!
เย่หยวนไม่คิดจะอธิบายอะไรให้เขาฟังก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากจุดที่ยืนและกระแทกอีกหมัดเข้าที่หน้าของซัวหานทันที!
ตอนที่ 1677 กวาดเรียบ
พลังบ่มเพาะของเย่หยวนในตอนนี้นั้นมันไม่ได้แตกต่างจากอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวนัก
หากให้พูดกันตามหลักการ เย่หยวนไม่มีทางสร้างความเสียหายที่รุนแรงแก่ซัวหานได้เลย
แต่หมัดของเขาแต่ละหมัดมันกลับพุ่งเข้าที่หน้าซัวหานอย่างรุนแรง
ปราณเทวะของซัวหานนั้นไม่สามารถรับการโจมตีของเย่หยวนได้เลยแม้แต่น้อย
หลังถูกต่อยไปได้หลายหมัด ซัวหานก็รู้สึกได้ถึงความกระทบกระเทือนที่สมองได้รับจนเริ่มแยกทิศเหนือ ใต้ ออก ตก ไม่ออกแล้ว
ตอนนี้เรื่องที่เดียวที่เขายังมีในหัวก็คือ หนี!
“อ-อย่าต่อยข้าอีกเลย!”
ตอนนี้ทุกอย่างตรงหน้าซัวหานนั้นมันเริ่มมืดดับ หัวของเขาหมุนไปหมด ได้แต่ตะโกนไปวิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง
สภาพนั้นมันช่างดูน่าขบขัน
บนเขาแห่งถงเทียนลูกนี้ คงเรียกภาพของทั้งสองได้ว่าเป็นภาพของ ‘คนหนึ่งไล่ คนหนึ่งหนี’
เว้นแต่ว่าผู้ที่ไล่จะเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว ส่วนผู้หนีเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวที่ถูกทำร้ายจนยับเยิน ภาพนี้มันจึงยิ่งน่าเหลือเชื่อกว่าเก่า
แต่ถึงแม้ว่าผู้คนจะไม่สามารถบินบนเขาแห่งถงเทียนได้ แต่เย่หยวนนั้นรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติ จึงก้าวเดินได้ราวกับมีปีก
ไม่ว่าซัวหานจะวิ่งไปมากเพียงใด เย่หยวนก็จะตามไปได้ในเวลาแค่สองถึงสามก้าว ก่อนจะต่อยลงไปอีกหมัดหนึ่ง
ที่ด้านข้างเหล่าผู้คนที่มองเห็นเรื่องราวได้แต่ยืนนิ่ง
“หมอนี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปไหม?”
“ที่แปลกคือทำไมมันไม่โดนทัณฑ์สวรรค์นี่สิ?”
“เด็กคนนี้มันลึกลับเสียจริงๆ ตั้งแต่เจอมันมันก็สร้างเรื่องราวที่เหนือความเข้าใจของเรามานักต่อนัก!”
“ชิชิ ซัวหานคงสูญเสียครั้งใหญ่แน่ครานี้ เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวแต่กลับได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำอย่างไม่สามารถตอบโต้ได้ คงเจ็บแค้นไปจนตายแน่ๆ”
…
เหล่าศิษย์น้องของซัวหานไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยศิษย์พี่เลยสักคน เพราะพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะลงมือบนเขาแห่งถงเทียนนี้ ได้แต่มองดูซัวหานถูกทำร้ายอย่างน่าสมเพช
ในที่สุดซัวหานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปจนร้องขึ้นมาทั้งน้ำตา “ข้าขอร้องเจ้าล่ะ อย่าได้ทำร้ายข้าอีกเลย หากยังโดนต่อไปหน้าข้าคงเสียรูปหมดแน่! หากเจ้าสัญญาว่าจะไม่ต่อยข้าอีก ข้าจะยอมรับข้อเสนอของเจ้าทุกอย่างเลย!”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงหยุดมือลงทันทีและถามขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เย็นเหยียบ “อะไรได้ก็ได้จริงๆ รึ?”
“ใช่! ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม! ตราบเท่าที่เจ้าจะยอมหยุดโจมตีข้า!”
ซัวหานนั้นกลัวจนหัวหดจริงๆ ในตอนนี้ เพราะนี่มันคือการทรมานอันไม่สิ้นสุดชัดๆ
ชายคนตรงหน้าของเขาคนนี้มันคือปีศาจโดยแท้!
ซัวหานเริ่มรู้สึกขึ้นมาได้ในว่าเขาแห่งถงเทียนนี้ เย่หยวนนั้นเป็นอมตะ
กฎเกณฑ์ต่างๆ บนเขาแห่งถงเทียนนี้ที่พันธนาการเหล่านักยุทธไว้กลับไม่มีผลใดๆ ต่อตัวเขาเลยแม้แต่นิด
เจ้าโจมตีไม่ได้ แต่เขาทำได้!
เจ้าเข้าม่านหมอกไม่ได้ แต่เขาทำได้!
โลกใบนี้มันยังมีอะไรที่ไร้เหตุไร้ผลแบบนี้อยู่ด้วยรึ?
ระดับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว หากไปอยู่ในโลกข้างนอกคงกลายเป็นยอดคนที่สูงส่ง!
แต่ตอนนี้เขากลับถูกเจ้าเด็กที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้ามาใหม่ๆ ต่อยเอาจนหน้าเสียรูป เรื่องแบบนี้จะยังไปหาเหตุผลใดๆ มารองรับได้อีก?!
เย่หยวนพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าขอสองอย่าง ตราบเท่าที่เจ้าทำตามข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก”
“เจ้าว่ามาเลย ว่ามา! ไม่ว่าเจ้าจะอยากได้อะไรข้าก็ยอม!”
เขาเองก็ไม่ได้โง่นักและรู้ดีว่าราคาที่เย่หยวนจะเรียกนั้นมันคงสูงส่งอย่างไร้ที่เปรียบ
แต่ตอนนี้เขานั้นไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!
เมื่อได้เจอกับศัตรูที่ไร้ทางต้านแบบนี้ นอกจากยอมแพ้มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
เย่หยวนบอก “ก่อนอื่นก็ไปขอโทษแม่นางเล้งและสาบานต่อหน้ายอดเต๋าว่าจะไม่ไปยุ่งย่ามกับนางอีกในอนาคต!”
ซัวหานเพิ่งกลับมาได้สติหลังได้ยิน ได้ยินแบบนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเย่หยวน “เย่หยวน เจ้า… เจ้าคนน่ารังเกียจ!”
เย่หยวนเองก็ไม่ได้โกรธเคืองใดๆ และยกหมัดขึ้นมาแทน
ซัวหานแทบสำลักเมื่อเห็นหมัดนั้น เขาได้แต่กัดฟันแน่นและตอบ “ได้ ข้าสัญญา!”
ในความคิดของซัวหานแล้ว เย่หยวนนั้นคิดอยากจะครอบครองคนที่เกินกว่าตัวเองจะเอื้อมถึงจึงได้ใช้กำลังบังคับให้เขาต้องถอนตัวออกมาเช่นนี้
แต่จริงๆ เย่หยวนไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับเล้งชิวหลิงแม้แต่น้อย เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่จินตนาการอันเลิศล้ำของซัวหาน
แต่เย่หยวนก็ไม่ได้คิดที่จะอธิบายใดๆ ออกไป เพราะยังไงเสียเมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ชื่อเสียงของผู้หญิงก็ยังสำคัญกว่าเสมอ
การปล่อยให้ผู้คนเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ มันไม่ได้ส่งผลกระทบใดกับเขาเลย
เล้งชิวหลิงมองดูใบหน้าของเย่หยวนด้วยท่าทางที่ตกตะลึงไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าคำขอแรกของเย่หยวนจะเป็นเพื่อนช่วยนาง
เพราะหากให้บอกตามตรงนางเองก็รำคาญเจ้าขี้หมาติดฝ่าเท้าอย่างซัวหานคนนี้มาก แต่นางก็ไม่สามารถจะสลัดมันให้หลุดได้เสียที
แถมผู้ใหญ่ในตระกูลทั้งสองฝั่งเองก็ค่อนข้างเห็นดีเห็นงามกับเรื่องของทั้งสองด้วย
ตอนนี้เมื่อได้แก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด มันย่อมเป็นเรื่องที่ดีต่อนางอย่างมาก
เมื่อคิดได้แบบนั้น ทางก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณเย่หยวนขึ้นในใจ
ตอนนี้ซัวหานค่อยๆ เดินเข้ามาอยู่ต่อหน้าเล้งชิวหลิงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะใช้ดวงตาที่แสนไม่พอใจมองไปยังนางและเปิดปากขึ้น แต่กลับไม่พูดเสียงใดๆ ออกมา
ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งผู้หญิงเล่นตัวมาก ยิ่งได้ยากเย็นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งน่าลุ่มหลงมากเท่านั้น
การชนะในราชินีน้ำแข็งอย่างนางนั้นเป็นสุดยอดเป้าหมายหนึ่งของซัวหานเลย
เขานั้นเชื่อว่าด้วยความสามารถของเขา สักวันน้ำแข็งก้อนนี้จะต้องละลายลงจนได้
แต่ตอนนี้เพราะคำสาบานนี้ ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของเขามันจะจางหายไปราวกับหมอกควัน
“อะไร? ตอนนี้เจ้ายังกลับคำได้นะ!”
เย่หวนมองดูซัวหานด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายพร้อมยกหมัดขึ้นมาอีกครั้ง
ซัวหานนั้นเกรงกลัวสภาพในตอนนี้ของเย่หยวนมากจนได้แต่กัดฟันและก้มหน้าลงต่อเล้งชิวหลิง “น้องเล้ง อดีตที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น ข้าไม่ควรไปตามตื๊อเจ้าเลย! ซัวหานผู้นี้ขอสาบานต่อหน้ายอดเต๋าว่าจากนี้ไปข้าจะไม่ตามรังควานเจ้าอีกต่อไปแล้ว! หากข้าผิดคำสาบานขอให้ข้าไม่ได้ตายดี!”
ซัวหานเกลียดชังเย่หยวนขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ!
แต่เขากลับไม่สามารถที่จะทำอะไรกับมันได้เลย!
ตอนนี้เขาคิดไว้แล้วว่าเมื่อออกไปจากเขาแห่งถงเทียนเมื่อใด เขาจะต้องหาทางสังหารเย่หยวนลงให้ได้
ความแค้นนี้ต้องรับการชำระ!
ได้ยินคำสาบานของซัวหาน เล้งชิวหลิงก็รู้สึกได้ราวกับว่ามีภูเขาหนักหายไปจากบ่า
นางหันไปหาเย่หยวนและบอก “ขอบคุณมาก!”
แม้ว่าน้ำเสียงมันยังยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม แต่เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจในคำขอบคุณนี้และยิ้มตอบกลับมา “เรื่องเล็กน้อย แม่นางเล้งอย่าได้ใส่ใจเลย”
การสนทนาของคนทั้งสองนั้นช่างฟังดูแสนธรรมดา แต่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังกลับรู้สึกว่ามันช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน
ซัวหานสาบานว่าจะไม่ตามตื๊อเล้งชิวหลิง แต่เล้งชิวหลิงกลับหันมาขอบคุณเย่หยวน
ภาพนี้มันยิ่งเสียกว่าการลากไปตบหน้ากลางฝูงชน!
นางต้องโกรธแค้นซัวหานถึงขั้นใดที่จะพูดจาแบบนี้ออกมาต่อหน้าผู้คนได้?
ซัวหานนั้นหน้าเสียหนักกว่าเก่า ราวกับว่าได้กลืนแมลงวันตัวยักษ์ไป
แต่แน่นอนว่าด้วยใบหน้าเหมือนหัวหมูของเขาในตอนนี้ คนอื่นๆ คงแยกสีหน้าของเขาไม่ออก
ตอนนี้หลายต่อหลายคนพยายามทำแค่แอบดูเพราะภาพตรงหน้านี้มันน่าอับอายจนเกินกว่าที่จะมองตรงๆ ได้
เล้งชิวหลิงนั้นยังใจเย็นได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ดูแล้วความฉลาดทางด้านอารมณ์ของนางคงไม่ได้สูงมากนัก จนตอนนี้นางก็ยังไม่รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองมันผิดปกติใดๆ
แต่เมื่อเห็นคนรอบๆ แอบหัวเราะ นางก็จึงเกิดสงสัยขึ้นมาว่าพวกเขาหัวเราะเรื่องอะไรกัน
ซัวหานนั้นทนสภาพในตอนนี้ไม่ไหวอีกต่อไปจึงหันหน้าไปถามเย่หยวน “ข้าทำเรื่องแรกแล้ว ว่าเรื่องที่สองมา!”
เย่หยวนตอบกลับไป “ส่งแหวนเก็บของทั้งหมดของเจ้าและศิษย์น้องของเจ้ามา!”
เมื่อซัวหานได้ยินเขาก็แทบจะกู่ร้องออกมา แต่เมื่อได้เห็นเย่หยวนยกหมัดขึ้นอีกครั้งเขาก็ได้แต่กลืนความโกรธแค้นนั้นลงคอไป
“จ-จำไว้เลยนะ!” ซัวหานนั้นโกรธจนเรียกได้ว่าแทบจะระเบิดออก แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อเย่หยวนได้
นอกจากยอมแล้วมันยังมีทางเลือกอื่นใดอีก?
ซัวหานหันไปสั่งกลุ่มศิษย์น้อง “ส่งแหวนเก็บของของพวกเจ้ามาให้หมด!”
พูดจบเขาเองก็หยิบแหวนออกมาหลายต่อหลายวง หลังสละความเป็นเจ้าของแล้วเขาก็โยนมันทั้งหมดไปให้เย่หยวนพร้อมๆ กัน
เย่หยวนมองดูซัวหานด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชา “ทุกคนจงสาบานต่อยอดเต๋าว่าพวกเจ้าไม่ได้แอบซ่อนใดๆ ไว้อีก!”
ซัวหานแทบจะกระอักเมื่อได้ยินเย่หยวนและหยิบแหวนอีกวงขึ้นมา
ดูท่าแล้วสิ่งที่อยู่ในแหวนนี้คงเป็นของที่สำคัญกับตัวเขามาก
เขามองดูเย่หยวนอย่างโกรธแค้น อยากจะด่ากราดออกไป แต่เมื่อคำพูดด่าเหล่านั้นมันขึ้นมาถึงปาก เขาก็ต้องกลืนมันกลับลงไป
หากปล่อยให้คำพูดด่าทอเหล่านั้นมันหลุดออกมาตอนนี้มันก็เท่ากับว่ารนหาที่ชัดๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น