Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1668-1671

 ตอนที่ 1668 สงบทันควัน

“ไป๋ชิง ก่อนจะออกมากันท่านอาจารย์ก็ย้ำเตือนเราไว้ตั้งมากมายว่าอย่าทำตัวเด่นนัก! บนมหาพิภพถงเทียนนี้มียอดอัจฉริยะอยู่มากมาย มีหลายต่อหลายคนที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเรา อย่าได้ทำตัวอวดเก่งถือศักดิ์ คำสั่งอาจารย์เจ้าลืมมันไปหมดแล้วรึ?”


เล้งชิวหลิงขมวดคิ้วแน่นพร้อมด่าว่าการกระทำเมื่อสักครู่ของไป๋ชิง


เมื่อไป๋ชิงเห็นว่าเล้งชิวหลิงไม่พอใจมาก เขาก็กล่าวออกมาอย่างสุภาพที่สุด “ไป๋ชิงผู้นี้ทำผิดไปแล้ว! แต่ทุกครั้งที่เรามายังเขาแห่งถงเทียนนี้มันก็มีพวกโง่ไม่รู้จักประมาณตัวอยู่มากมาย เห็นแล้วข้าหงุดหงิดใจมากจริงๆ ท่านเข้าไปบอกเรื่องดีๆ กับเขาแท้ๆ แต่เขากลับไม่คิดสำนึก ช่างรนหาที่ตายเสียจริงๆ”


เล้งชิวหลิงจึงบอก “ทุกคนต่างมีเส้นทางการเดินของตัวเองอยู่ในใจ ชีวิตคนอื่นนั้นมิใช่ชีวิตเรา หากเขาไม่ฟังก็ปล่อยเขาไป จะไปบังคับให้ได้อะไร เราและเขาล้วนแล้วอยู่ต่างกันคนละโลกมาตั้งแต่ต้นแล้ว”


ไป๋ชิงยิ้มตอบ “หึหึ คำพูดของศิษย์พี่หญิงนั้นถูกต้อง เด็กคนนั้นมันบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าไม่ได้มาตั้งสามร้อยปี มันคงใช้ความสามารถพรสวรรค์ของตัวเองไปจนหมดแล้ว และก็คงอยู่ได้แค่นี้ไปชั่วชีวิต ทั้งๆ อย่างนั้นมันกลับไม่ยอมแพ้และมารนหาที่ตายที่เขาแห่งถงเทียนนี้”


เล้งชิวหลิงไม่พูดอะไรอีก เพราะนางเองก็เห็นด้วยอยู่ในใจกับคำของไป๋ชิง


“เอาล่ะ เราจะไม่แวะไปไหนมากกว่านี้แล้ว มุ่งหน้าไปที่เมืองตีนใต้ก่อนจะค่ำเถอะ” เล้งชิวหลิงบอก



ในค่ำวันนั้น เย่หยวนและหนิงเทียนปิงเองก็มาถึงที่เมืองตีนใต้เช่นกัน


เมืองตีนใต้นั้นคือเมืองที่ตั้งอยู่ ณ ตีนเขาแห่งถงเทียน


เขาแห่งถงเทียนนั้นมีพื้นที่มากมายหลายหมื่นกิโลเมตร และสูงหลายหมื่นกิโลเมตรอย่างที่ไม่มีใครวัดได้


เขาแห่งถงเทียนนั้นไม่ใช่สถานที่ที่ใครอยากปีนก็ปีนได้ หลายๆ ปีครั้งจะมีการเปิดทางขึ้นไปยังเขาแห่งถงเทียนขึ้นมา


และนักยุทธก็ต้องผ่านทางขึ้นที่ว่านี้ไปก่อน จึงจะสามารถเริ่มปีนเขาแห่งถงเทียนได้


หากคิดจะขึ้นไปจากทางอื่น พวกเขาก็คงไม่พ้นจะถูกยอดเต๋าบดขยี้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม


เพราะฉะนั้นจึงเกิดเมืองเล็กๆ ขึ้นที่ตีนเขาแห่งถงเทียนเรื่อยๆ อย่างแรกก็คือเพื่อให้ที่พักแก่นักยุทธที่เดินทางมา อย่างที่สองก็คือจะได้บริหารจัดการนักยุทธเพื่อไม่ให้มีใครก่อนเรื่องใดๆ


เพราะนี่คือสถานที่ที่อยู่ใกล้สวรรค์ที่สุด การต่อสู้ในที่แห่งนี้มันจะเป็นการรบกวนยอดเต๋าและทำให้ผู้ก่อเรื่องถูกทัณฑ์สวรรค์จัดการอย่างไม่เลือกหน้า


ตามตำนานว่าไว้ว่ามีนักยุทธผู้หนึ่งเคยมาก่อเรื่องที่นี่เพื่อแย่งศิษย์ในการปีนสวรรค์


และสุดท้ายก็มีทัณฑ์สวรรค์ส่งลงมา ทำลายล้างเหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นจนราบคาบ


ที่ตีนเขานั้นมีเมืองเล็กๆ หลายเมือง แต่ละเมืองจะแบ่งแยกกันไปตามอาณาจักรการบ่มเพาะ เพราะว่าทางที่พวกเขาทั้งหลายจะใช้เข้าเขาแห่งถงเทียนนั้นมันต่างกัน


เมืองตีนใต้นี้คือเมืองของอาณาจักรราชันพระเจ้า


“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องเล้ง เรานั้นคงมีโชคชะตาต้องเกี่ยวกันถึงได้มาเจอกันในที่แบบนี้ได้”


“ซัวหาน ใครมันไปมีชะตาต้องเกี่ยวกับเจ้ากัน? ไปไกลๆ ข้าเลยนะ!”


“น้องเล้ง อย่าได้ผลักไสผู้คนแบบนั้นสิ! ไม่เอาน่า ที่นี่คือเมืองตีนใต้นะ เจ้าเองก็โจมตีใครไม่ได้หรอก!”


“ไปให้พ้น!”



เมื่อเย่หยวนเดินเข้ามาถึงเมือง เขาก็พบว่ามีเสียงชายหญิงกำลังถกเถียงกันดังขึ้นไม่ไกล


หนึ่งในนั้นคือเล้งชิวหลิง


ส่วนอีกคนมีนามว่าซัวหาน มีพลังบ่มเพาะพอๆ กับเล้งชิวหลิง แต่ตอนนี้เขาทำท่าทางเหมือนขี้หมาที่ติดฝ่าเท้า ไม่ยอมออกห่างจากเล้งชิวหลิงเลยแม้แต่น้อย


เย่หยวนมองดูและก็ไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ เขาเดินตรงไปยังหอใหญ่กลางเมืองทันที


เล้งชิวหลิงนั้นรำคาญใจอย่างมาก ก่อนจะหันมาเจอเย่หยวนและรีบเดินเข้ามาหาทันที “สุดท้ายเจ้าก็มาจนได้!”


เย่หยวนหันไปมองและพยักหน้า ก่อนจะตอบไปด้วยรอยยิ้ม “อย่างที่ข้าบอกไป ข้านั้นมีเหตุผลสำคัญจริงๆ”


เล้งชิวหลิงถอนหายใจยาว “เจ้ายังไม่คุ้นเคยกับที่แห่งนี้ใช่หรือไม่? มาเถอะ เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเอาป้ายเอง!”


เย่หยวนกำลังจะเปิดปากปฏิเสธออกไปตามประสาก่อนจะพบว่าตอนนี้เล้งชิวหลิงกำลังส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาอย่างเต็มแรง


เย่หยวนเข้าใจได้ในทันทีว่านางต้องการใช้เขาเป็นข้ออ้างหลบหนี


และเขาเองก็ไม่คาดฝันเลยว่าแม่นางแสนเย็นชาคนนี้จะถึงขั้นทำหน้าแบบนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา


และเมื่อมีสาวงามร้องขอ มันก็เป็นการยากแล้วที่เย่หยวนจะปฏิเสธ


ที่สำคัญก่อนมาถึงที่นี่ เย่หยวนยังรู้ถึงได้ถึงความหวังดีในคำเตือนของแม่นางคนนี้ด้วย


เพราะฉะนั้นสุดท้ายเขาจึงเปลี่ยนใจและยิ้มรับ “เช่นนั้นข้าคงต้องขอให้แม่นางคนงามช่วยแล้ว”


ตอนนั้นเองซัวหานก็ตามมาถึงพร้อมจ้องมองเย่หยวนด้วยสายตาอาฆาต “แค่พวกอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่มารนหาที่ตาย! น้องเล้ง เจ้าคิดจะหาขยะแบบนี้มากวนประสาทข้าหรือ? เปล่าประโยชน์น่า!”


ระหว่างที่พูดจาแบบนั้นออกมา จริงๆ ในใจซัวหานนั้นขึ้นหน้าเย่หยวนในรายชื่อคนที่ต้องสังหารไปแล้ว


เล้งชิวหลิงกำลังจะเปิดปากพูด แต่เย่หยวนกลับตอบออกมาก่อน “หากคิดชอบแม่นางเล้ง เจ้าจะมาใช้วิธีการตามตื๊อไม่หยุดแบบนี้คงมิได้ ทำแบบนี้มันจะมีแต่ทำให้นางเกลียดเจ้าขึ้นไปเรื่อยๆ เท่านั้น!”


ซัวหานหรี่ตาลงทันที “เรื่องที่ข้าผู้นี้ทำมันไม่เกี่ยวใดๆ กับเจ้าเลย เป็นแค่ขยะอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอย่าได้ริอาจมาสั่งสอนผู้คน!”


เย่หยวนได้แต่ส่ายหัวออกมาอย่างอดเสียไม่ได้ ก่อนเขาจะหันไปบอกเล้งชิวหลิง “แม่นางเล้ง ไอ้เจ้าคนโง่แบบนี้อยู่ให้ห่างไว้จะดีกว่า เว้นแต่ว่ามันจะเกะกะลูกตาจริงๆ”


พูดจบเย่หยวนก็เดินพาเล้งชิวหลิงจากไป


ซัวหานนั้นเดินขึ้นมาปิดทางไว้ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ “เด็กน้อย เจ้าลองว่าใหม่อีกครั้งสิ!”


พลังกดดันอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวสู่ตัวเย่หยวน


ด้วยความต่างระดับหนึ่งอาณาจักร พลังกดดันของอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวเช่นนี้มันน่าจะมากพอทำให้เย่หยวนต้องกระอักเลือดได้


เล้งชิวหลิงนั้นก็ตกใจจนไม่ทันทำอะไร นางไม่คิดว่าซัวหานจะโจมตีเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้


แต่เมื่อนางหันไปมอง นางกลับพบว่าเย่หยวนนั้นอยู่สบายดีไม่มีท่าทางใดๆ “อย่าก่อเรื่องให้ขายหน้าไปมากกว่านี้เลย เจ้ากล้าที่จะโจมตีข้าตรงนี้หรือ? คิดว่าแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวมันเก่งมากล่ะมั้ง ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าต่อให้ด่าเจ้าว่าควายข้ายังสงสารควายเลย ไปให้พ้น!”


จู่ๆ ก็มีชายชุดเกราะสองคนเดินเข้ามาอย่างไม่มีร่องรอยมาก่อน ด้วยคลื่นพลังที่น่าเกรงขามอย่างมาก


หนึ่งในนั้นบอก “ตัวปัญหา สังหารอย่างไม่ปรานี!”


คนทั้งสองนั้นอยู่ในชุดเกราะที่ปกคลุมทั้งร่างและใบหน้าจนมิด แต่แค่สายตาที่มองลอดออกมามันก็มาพอจะทำให้ซัวหานต้องขนลุกราวกับนอนแช่ในอ่างน้ำแข็ง ร่างกายของเขามีเหงื่อเย็นเหยียบไหลออกมาทันที


พลังของคนทั้งสองนั้นน่าเกรงขามจนแม้แต่เล้งชิวหลิงก็ต้องหน้าซีดไปไม่น้อย


ซัวหานยิ้มแห้งๆ ออกมา “ข้า… ข้าแค่จะขู่มันเฉยๆ ม-ไม่ได้จะโจมตีใดๆ”


ชายชุดเกราะจึงบอก “เตือนครั้งที่หนึ่ง หากมีเรื่องเกิดขึ้นซ้ำ สังหารอย่างไร้ปรานี!”


พูดจบชายชุดเกราะก็หันมามองเย่หยวนเล็กน้อยก่อนจะจากไป


เล้งชิวหลิงเองก็หันมามองเย่หยวนอย่างประหลาดใจเช่นกัน นางไม่คาดคิดว่าเย่หยวนจะยังวางตัวเฉยได้แม้ต้องเจอกับแรงกดดันของยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวเข้าไปเต็มๆ


แต่นั่นยังไม่สำคัญที่สุด เพราะที่สำคัญที่สุดเลยก็คือแม้จะต้องเจอคลื่นพลังอันน่ากลัวของคนทั้งสองนั้น เย่หยวนก็ยังสามารถยืนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน!


คนทั้งสองนั้นต้องมีพลังบ่มเพาะอย่างน้อยๆ อาณาจักรนภาสวรรค์ แต่เย่หยวนกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย


เย่หยวนหันไปมองซัวหานและกล่าวขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย “ไอ้โง่! แม่นางเล้งไปกันเถอะ”


เล้งชิวหลิงพยักหน้ารับและจากไปกับเย่หยวน


เมื่อได้เห็นคนทั้งสองเดินจากไป ซัวหานก็กล่าวขึ้น “เด็กเวร หากเจ้าออกจากเมืองตีนใต้นี้เมื่อใดข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายดีแน่!”



“เมื่อกี้ต้องขอบคุณมาก!” เล้งชิวหลิงบอกขอบคุณ


เย่หยวนยิ้มตอบ “แม่นางเล้งช่างสุภาพนัก”


เล้งชิวหลิงบอก “ดูเหมือนข้าจะดึงเจ้าเข้ามาเกี่ยวด้วยเสียแล้ว ด้วยนิสัยอย่างซัวหานที่ชอบแก้แค้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นั้น เขาน่าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่”


เย่หยวนตอบ “ข้ากล้าช่วยแม่นางเล้งก็เพราะว่าข้าไม่เกรงกลัวเขานั่นแหละ”


การที่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าพูดอะไรแบบนี้ออกมามันทำให้ภาพนี้ดูน่าตลกไม่น้อย


นางรู้สึกว่าเย่หยวนนั้นรู้ตัวดีว่าตัวเขากำลังทำอะไร แต่นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงรู้สึกแบบนั้น


ตอนที่ 1669 เฒ่าขี้เมา

“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็จะจำไว้ว่าติดหนี้เจ้า! เอาดาบนี้ไป ในวันข้างหน้าหากมีเรื่องใดที่ต้องการก็ให้มาหาข้าที่เมืองจักรพรรดิพันทะยานได้”


เล้งชิวหลิงยื่นดาบหยกขนาดเล็กมาให้เย่หยวน มันดูหรูหราไม่น้อย


ดาบหยกนี้ใสมาก เมื่อจับมันไว้ในมือแล้วจะรู้สึกได้ถึงความเย็นที่ทิ่มแทง ดูท่าแล้วไม่น่าจะเป็นของธรรมดาๆ แน่


เย่หยวนเองก็ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธใดๆ ให้ยุ่งยากออกไป “เอาล่ะงั้นข้าจะรับมันไว้ เจ้าขี้หมานั่นก็หายไปแล้วด้วย แม่นางเล้งท่านกลับไปพักผ่อนเสียเถอะ”


เย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะไปหาเล้งชิวหลิงใดๆ เพียงแค่ว่ารับไว้เพื่อให้เล้งชิวหลิงสบายใจ


ที่ด้านข้างหนิงเทียนปิงเองก็ตื่นตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่คิดว่าสาวงามท่าทางดั่งราชินีน้ำแข็งแบบนี้จะกลับมอบของขวัญให้กับเย่หยวน


และที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าก็คือเย่หยวนกลับไล่สาวงามคนนี้กลับไปอย่างไม่ใยดี


เล้งชิวหลิงนั้นก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะเวลากว่าห้าร้อยปีมานี้นางเพิ่งจะเคยพบเจอคนเช่นนี้เป็นครั้งแรก


ต่อให้คนอื่นๆ จะรู้ว่าไม่มีหวัง แต่พวกเขาก็จะยังตามติดนางไว้เพื่อจะได้อยู่ใกล้นางแม้แต่อีกนิดก็ยังดี


แต่ชายคนนี้กลับไล่เธอกลับเสียอย่างนั้น!


“อืม ขอบคุณ”


ด้วยนิสัยของเล้งชิวหลิง มีหรือที่นางจะกล้าพูดเรื่องที่อยากออกมาตรงๆ นางจึงเลือกที่จะเดินจากไปทันที


แต่ในใจของนางนั้น นางรู้สึกไม่พอใจน้อยๆ


หลังเดินไปได้ครึ่งทางนางก็หันมาหาเย่หยวนอีกครั้ง “อ่า จริงด้วย ข้าว่าเจ้าอย่าขึ้นไปบนเขาแห่งถงเทียนเลยจะดีกว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรมามันไม่เคยมีนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับลงมาได้เลย!”


หยุดไปนิดนางก็พูดขึ้นต่อ “ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะมาจากที่ไหนมันก็ไม่มีทางรอดหรอกนะ!”


เย่หยวนยิ้มกลับไป “ขอบพระคุณแม่นางมากที่เตือน เย่หยวนคนนี้จะระมัดระวัง”


เห็นท่าทางนั้นของเย่หยวนนางก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่คิดจะฟังคำเตือนนี้เลยแม้แต่น้อย เล้งชิวหลิงจึงได้แต่เดินจากไปอย่างหงุดหงิดใจบอกไม่ถูก


เมื่อเห็นว่าเล้งชิวหลิงเดินหายลับไป หนิงเทียนปิงก็กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางสุดเสียดาย “ชิชิ นายใหญ่นะนายใหญ่ เห็นสาวงามขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่หวั่นไหวสักนิด”


เย่หยวนได้แต่หัวเราะและดุหนิงเทียนปิงออกมา “ความสัมพันธ์ที่ข้ามีตอนนี้มันก็ยุ่งเหยิงพอแล้ว จะยังมีหน้าไปหลงสาวที่ไหนได้อีก?”


เมื่อหนิงเทียนปิงได้ยินแบบนั้นจิตใจขี้ซุบซิบนินทาของเขาก็ตื่นขึ้นทันที “โอะ? นายใหญ่ท่านมีคนรักด้วยรึ แถมยังมิใช่คนเดียวอีกด้วย! ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย!”


เย่หยนจึงตอบกลับไป “อย่าถามเรื่องที่ตัวเองไม่ควรรู้!”


คนทั้งสองมองดูเล้งชิวหลิงจากไปด้วยหางตาก่อนจะเดินเข้าไปในหอใหญ่กลางเมือง


เมื่อเข้ามาเขาก็พบว่าด้านในหอนั้นมันว่างเปล่า มีแค่ชายแก่ขี้เมาคนเดียวกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์


“เฮอะ เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามารนหาที่ตายอีกแล้ว! เด็กน้อย ข้าจะแนะนำให้ เขาแห่งถงเทียนนั้นมิใช่สนามเด็กเล่น มาทางไหนก็จงกลับไปทางนั้นเสีย!” คนๆ นั้นบอกเย่หยวนโดยที่ไม่คิดแม้แต่จะหันมอง


ขี้เมาคนนี้คงกำลังเมาอยู่ไม่น้อย แต่เย่หยวนกลับไม่สามารถหยั่งพลังของเขาได้เลย


“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่แนะนำ แต่ว่าเขาแห่งถงเทียนนั้น ผู้น้อยคนนี้จำเป็นต้องขึ้นไปจริงๆ” เย่หยวนตอบกลับไปอย่างหนักแน่น


ขี้เมาคนนั้นหัวเราะขึ้น “เฮอะๆ เด็กน้อยผู้โง่เขลาและบ้าบิ่น! แต่เจ้านั้น… มาช้าไป! ป้ายของปีนี้มันถูกแจกจ่ายออกไปจนหมดก่อนที่เจ้าจะมาถึงแล้ว หากอยากขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปให้ได้จริงๆ ก็คงรอปีหน้าเสียเถอะ”


เย่หยวนนั้นได้แต่นิ่งเงียบ ช่างโชคไม่ดีเสียจริงๆ


เขาเพิ่งจะพลาดรถด่วนขบวนสุดท้ายไปรึ?


เย่หยวนไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ และยกมือขึ้นประกบตรงหน้า “ผู้อาวุโสท่านจะช่วยผ่อนปรนเรื่องนั้นสักนิดได้หรือไม่?”


เสียงของเขานั้นยังไม่ทันจางหายก็มีร่างสองร่างพุ่งตัวออกมาจากที่ไหนไม่ทราบได้ ปิดด้านหน้าของเย่หยวนไว้


จิตสังหารอันเย็นเหยียบถูกปล่อยออกมาจนทำให้เย่หยวนต้องขมวดคิ้วแน่น


“ฮ่าๆๆ เด็กน้อยเจ้าคิดว่าที่นี่เราทำงานกันยังไง? ไปๆ หากยังไม่ไปข้าคงไม่สุภาพด้วยแล้ว” ขี้เมาคนนั้นโบกมือไล่


เย่หยวนได้แต่ถอนหายใจและกำลังคิดจะเดินจากไป ก่อนที่จู่ๆ ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนสีไป


“เฮอะๆ ไม่ได้เจอกันหลายล้านปีแต่เจ้าเฒ่าขี้เมาคนนี้กลับยังทำตัวอวดเก่งไม่หาย!”


จู่ๆ ก็มีเงาร่างอีกร่างปรากฏขึ้นในหอแห่งนี้


แต่ที่เย่หยวนตกใจมากที่สุดก็คือร่างนั้นมันเป็นร่างของหวู่เฉิน


ขี้เมาคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปทันที เขาวางขวดเหล้าลงทันทีพร้อมจ้องมองดูหวู่เฉินอย่างไม่วางตา


ขี้เมาคนนั้นบอกขึ้น “พวกเจ้าออกไป หากไม่ได้รับคำสั่งจงอย่าคิดกลับเข้ามาเด็ดขาด!”


“ขอรับ!” ชายชุดเกราะทั้งสองหายตัวไปต่อหน้าต่อตา


เย่หยวนเองก็หันไปบอก “เทียนปิง เจ้าออกไปเดินเล่นก่อน”


หนิงเทียนปิงตื่นตกใจไม่น้อยแต่ก็ยังทำตามคำสั่งและออกจากหอไปอย่างว่าง่าย


เมื่อทำการจัดการพื้นที่แล้วขี้เมาคนนั้นก็ลุกขึ้นทันทีพร้อมด้วยสายตาที่เหมือนได้เจอผีจ้องมองมายังหวู่เฉิน “ท่าน… ท่านหวู่เฉินจริงๆ ด้วย!”


หวู่เฉินยิ้มตอบ “ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครอีก?”


“”ฮ่าๆๆ …” ขี้เมาคนนั้นเงยหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะลั่น พร้อมด้วยน้ำตาที่ค่อยๆ หลั่งไหลลงมาท่วมใบหน้า “สวรรค์มีตา ท่านหวู่เฉิน ท่านยังไม่ตาย!”


เฒ่าขี้เมาคนนั้นทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กันด้วยสภาพราวกับคนบ้า


เมื่อเย่หยวนได้เห็นภาพนี้เขาก็เกิดตื่นตกใจขึ้นมาในใจไม่น้อย


เพราะเขาไม่คิดว่าเฒ่าขี้เมาคนนี้จะเป็นคนรู้จักเก่าแก่ของหวู่เฉิน


หวู่เฉินมองดูที่เฒ่าคนนั้นด้วยสีหน้าที่แสนเศร้าโศก ดูท่าแล้วภาพวันวานเก่าๆ คงย้อนกลับมาหาเขาไม่น้อย


หลังจากความบ้าคลั่งผ่านไป เฒ่าคนนั้นก็รีบบอก “ท่านหวู่เฉิน โปรดนั่ง!”


หวู่เฉินเองนั้นเป็นแค่ภาพจำแลง แต่ทั้งอย่างนั้นเฒ่าขี้เมาคนนั้นก็ยังสุภาพกับเขามาก


หวู่เฉินนั้นก็ไม่เกรงใจ นั่งลงอย่างสบายใจ


หวู่เฉินมองที่หน้าเฒ่าขี้เมาก่อนจะยิ้มขึ้น “ดูท่าเวลาหลายปีมานี้เจ้าคงสบายดี!”


เฒ่าขี้เมายิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ท่านหวู่เฉิน ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้านั้นเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถทำตามความคาดหวังได้จึงได้มานั่งดื่มเหล้าอยู่ทุกวันเช่นนี้! เวลาหลายล้านปีมานี้ข้าฝึกฝนบ่มเพาะอย่างหนัก คิดอยากแก้แค้นให้ท่านจอมเทพนิรันดร์ แต่… ข้ากลับไม่สามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ได้เสียที! หลายปีมานี้ข้าเองก็ออกไปตามหาโลกใบเล็กของท่านจอมเทพนิรันดร์ แต่เขาช่างซ่อนมันไว้มิดชิด ข้าหาอย่างไรก็ไม่เจอมันแม้แต่เงา!”


หวู่เฉินถอนหายใจ “เจ้านั่นมีจิตใจที่ดี! แต่เจ้าไม่ต้องออกไปตามหามันอีกแล้ว เพราะ… จอมเทพนิรันดร์มีผู้สืบทอดแล้ว”


เฒ่าคนนั้นตัวสั่นไปทั้งร่าง ก่อนจะหันไปมองที่เย่หยวนอย่างตื่นตกใจ


เวลาหลายปีมานี้เฒ่าขี้เมาคนนี้ได้ประจำการอยู่ที่เมืองตีนใต้นี้ เขาได้พบอัจฉริยะมามากมายอย่างที่ไม่อาจจะนับได้


หากเทียบกันแล้วเย่หยวนไม่มีทางเทียบเคียงคนเหล่านั้นได้เลย


เฒ่าขี้เมาจึงถามขึ้นด้วยท่าทางสุดสงสัย “เขาหรือ? ท่านหวู่เฉิน ด้วยความเคารพ ข้ามองยังไงเด็กคนนี้มันก็คนธรรมดา! ไม่มีปัญญาที่จะบรรลุขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าเขาถึงได้คิดจะมาเสี่ยงโชคที่เขาแห่งถงเทียนนี้ใช่หรือไม่? หากไม่มีปัญญาแม้แต่จะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าเองแล้วจะมีปัญญาไปแก้แค้นให้ท่านจอมเทพนิรันดร์ได้รึ?”


หวู่เฉินยิ้มออกมา “ทั้งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพและไข่มุกสยบวิญญาณต่างยอมรับตัวเขาเป็นนาย มันไม่มีทางผิดพลาดไปได้หรอก! ส่วนเรื่องเหตุที่เขาไม่สามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นข้าไม่สะดวกที่จะบอกเล่าออกมาจริงๆ แต่มันไม่ใช่ปัญหาที่แก้ได้ด้วยพรสวรรค์แน่ๆ เจ้าแค่รู้ไว้ก็พอว่าอนาคตของเด็กคนนี้จะยิ่งใหญ่กว่าจอมเทพนิรันดร์เสียอีก!”


เฒ่าขี้เมานั้นตื่นตกใจมากที่ได้ยินแบบนั้น เพราะเย่หยวนนั้นดูธรรมดาในทุกๆ ด้านโดยไม่มีร่องรอยความพิเศษใดๆ เลย


แต่ว่าหวู่เฉินกลับประเมินเด็กคนนี้ไว้อย่างสูงส่ง


ความสามารถระดับจอมเทพนิรันดร์นั้นมีมากมายแค่ไหน เฒ่าขี้เมาคนนี้รู้ซึ้งถึงมันอย่างดี แต่เด็กน้อยที่ไม่สามารถแม้แต่จะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าคนนี้น่ะรึที่จะก้าวข้ามเขาได้?


เฒ่าขี้เมาพยักหน้ารับ “หากเขาคือคนที่ท่านหวู่เฉินเลือก ข้า เฒ่าขี้เมาคนนี้ก็จะไม่ว่ากล่าวใดๆ อีกแล้ว แต่ท่านหวู่เฉิน ท่านเองก็รู้ดีว่าการให้อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขึ้นไปบนเขาแห่งถงเทียนนั้นมันเท่ากับความตาย เรื่องแบบนี้จะมาทำเล่นๆ ไม่ได้!”


หวู่เฉินยิ้มตอบไป “เฒ่าขี้เมา เจ้าคิดว่าชายแก่คนนี้จะปล่อยให้เขาขึ้นไปตายเฉยๆ งั้นรึ? เจ้าวางใจได้ว่าเขารอดแน่!”


เฒ่าขี้เมามองไปยังเย่หยวนอย่างสงสัยใคร่รู้ถึงที่สุด เขาอยากจะรู้ว่าเด็กคนนี้มันมีอะไรดีกันแน่


แต่ไม่ว่าจะมองไปเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถเห็นได้เลยว่าเขาคนนี้มีอะไรเด่นตรงไหน


ตอนที่ 1670 ลัดคิว

หวู่เฉินนั้นไม่คิดที่จะกังวลเรื่องของเย่หยวนแม้แต่น้อย เพราะเย่หยวนนั้นสามารถหลอมเขาน้อยแห่งถงเทียนได้ ตราบเท่าที่เขาไม่ทำอะไรบ้าบิ่นเสียตายจนเกินไป ยอดเต๋าของเขาแห่งถงเทียนเองก็คงไม่บดขยี้เขาเป็นแน่


และต่อให้ไม่มีเขาน้อยแห่งถงเทียน เย่หยวนก็มีพลังเทียบเท่าได้กับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว มันมากพอที่จะรับการกดดันจากเขาแห่งถงเทียนได้สบายๆ


เพียงแค่ว่าพลังฝีมือนี้ หากเย่หยวนไม่แสดงออกมาก็จะไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงมันได้


เมื่อออกมาจากหอของเฒ่าขี้เมาแล้วเย่หยวนก็มีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย หวู่เฉินจึงอธิบายเล่าเรื่องของเฒ่าขี้เมาให้ฟัง


เฒ่าขี้เมาคนนี้เป็นผู้ติดตามของจอมเทพนิรันดร์เมื่อนานมาแล้วในช่วงที่เขายังหนุ่มๆ


จอมเทพนิรันดร์ช่วยชีวิตเขาไว้ จากนั้นเขาจึงตามติดรับใช้จอมเทพนิรันดร์ไปทุกที่อย่างจกรักภักดี


แต่จากนั้นมา ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้เขาเลิกติดตามจอมเทพนิรันดร์และมาประจำการดูแลเมืองตีนใต้นี้


ที่หวู่เฉินแนะนำให้เย่หยวนมาที่เมืองตีนใต้นี้เองก็เพราะเขาคิดถึงเรื่องนี้ไว้บ้างด้วย


ตอนนั้นเฒ่าขี้เมาได้ยินข่าวเรื่องการตายของจอมเทพนิรันดร์ทำให้เขาต้องร้องห่มร้องไห้ยาวนานติดกันไปถึงสามวันสามคืน


จากนั้นเขาก็ตั้งมั่นว่าตัวเองจะต้องล้างแค้นให้จอมเทพนิรันดร์ให้ได้ แต่พลังฝีมือของเขานั้นมันอ่อนแอจนเกินไป จึงได้แต่จมอยู่กับความเศร้าและใช้เหล้าเป็นเครื่องยาใจจวบจนทุกวันนี้


ศัตรูของจอมเทพนิรันดร์นั้นเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์ แล้วการจะไปให้ถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันยากเย็นขนาดไหน?


หลายวันจากนั้นมันก็เป็นวันครบรอบปีพอดิบพอดี


เขาแห่งถงเทียนค่อยๆ ส่องแสงลงมายังพื้นที่ด้านนอกเมือง


นั่นคือที่ๆ เหล่านักยุทธผู้คิดจะขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปรวมตัวกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว


พวกเขาทั้งหลายล้วนแต่มีป้ายไม้ในมือ นี่คือป้ายหมายเลขที่เฒ่าขี้เมาออกให้พวกเขา


คนผู้ใดที่ไม่มีป้าย ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยังเขาแห่งถงเทียน


นี่ไม่ใช่กฎจากเขาแห่งถงเทียน แต่เป็นกฎของเมืองตีนใต้แห่งนี้


ซัวหานหันมองดูรอบกายและพบเย่หยวนอยู่ในกลุ่มคนทั้งๆ ที่ตัวเขาไม่มีป้ายไม้ในมือ เขาจึงเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที


“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย เจ้าไม่มีป้ายไม้เสียด้วยซ้ำแล้วยังจะมาที่นี่ทำไมอีก? ข้าเกือบลืมไป วันนั้นเราเป็นพวกสุดท้ายที่เข้าไปเอาป้ายไม้ชุดสุดท้ายมานี่นะ แล้วพวกเจ้ามาทีหลังเรา หมายความว่า… พวกเจ้าคงต้องรอไปอีกปี! ฮ่าๆๆ” ซัวหานหัวเราะลั่น


วันนั้นสมองของเขาเปี่ยมไปด้วยความโกรธจนนึกเรื่องนี้ไม่ออก


เมื่อลองนึกย้อนไป พวกเขานั้นเป็นคนที่หยิบป้ายไม้ชิ้นสุดท้ายมาจริงๆ เย่หยวนคนนี้จึงไม่มีทางที่จะมีป้ายไม้ไปได้


เล้งชิวหลิงมาถึงก่อนพวกเขา และจากนั้นก็เป็นซัวหานที่ตามมาติดๆ


จากนั้นค่อยเป็นเย่หยวนและหนิงเทียนปิง


ซัวหานหัวเราะลั่นดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนเข้ามาทันที


“อ่อ หรือว่าเจ้าคิดมาหาน้องเล้ง! หึๆ เจ้าคิดจริงๆ เรอะว่าข้าผู้นี้จะมองไม่ออกว่านางแค่ใช้เจ้าเป็นโล่? เจ้าคงไม่คิดว่านางสนใจเจ้าจริงๆ หรอกใช่ไหม? เลิกทำอะไรเกินตัวเถอะ เจ้าและนางนั้นอยู่ต่างกันคนละโลก มดปลวกอย่างเจ้าไม่มีทางจะเข้าใจความต่างที่มีได้หรอก ยอมแพ้ไปเสียเถอะ!” ซัวหานไล่เย่หยวนไปอย่างไม่คิดสนใจ


“ไม่หรอกมั้ง? เป็นแค่บรรพชนพระเจ้าแต่กลับใฝ่ฝันถึงแม่นางเล้ง?”


“ช่างไม่ประมาณตัวเองเสียจริงๆ มันไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบ้างรึ?”


“หึๆ แค่เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามารนหาที่ตาย ขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปครั้งนี้มันคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว ทั้งอย่างนั้นกลับยังอยากจะฝันหาสาวงามอย่างแม่นางเล้งอีก!”



เห็นได้ชัดว่าเล้งชิวหลิงนั้นโด่งดังมาก เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่มาในวันนี้หลายต่อหลายคนรู้จักนาง


ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของซัวหาน พวกเขาทั้งหลายจึงช่วยกันรุมว่าเย่หยวนต่อทันที


คนเรามันก็เป็นกันเสียแบบนี้ ความคิดในหัวมีแต่ข้าไม่ได้ เอ็งก็ต้องไม่ได้เช่นกัน


แม้ว่าเรื่องของเย่หยวนและเล้งชิวหลิงจะไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ซัวหานผู้นี้กลับทำให้เย่หยวนตกเป็นเป้าด่าได้ง่ายๆ


เล้งชิวหลิงได้ยินคำพูดของซัวหานเช่นกันก่อนจะตะโกนกลับมาอย่างโกรธเคือง “ซัวหาน เลิกพูดจาไร้สาระเสียที คิดว่าข้าจะไม่กล้าฉีกปากเจ้ารึ?”


แต่ซัวหานกลับยิ้มตอบ “น้องเล้ง หรือว่าข้าพูดสิ่งใดผิด? เจ้าคงไม่ได้หลงเด็กคนนี้เข้าหรอกใช่ไหม?”


ใบหน้าของเล้งชิวหลิงแข็งทื่อลงก่อนจะบอก “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้าเสียหน่อย!”


เย่หยวนได้แต่แอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ คำพูดนี้ของเล้งชิวหลิงมันยิ่งจะมีแต่ราดน้ำมันเข้ากองไฟ


และตามคาด ตอนนี้สายตาของผู้คนรอบๆ ที่มองมายังเย่หยวนเริ่มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารมากขึ้นแล้ว


หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เย่หยวนก็คงตายไปนับหมื่นคราแล้ว


“ไอ้โง่ เลิกเดาสุ่มเสียที ข้ามาเพื่อจะขึ้นเขาแห่งถงเทียน” เย่หยวนบอก


ซัวหานเปลี่ยนสีหน้าไปและกล่าวขึ้นอย่างขุ่นเคือง “เด็กเวร เจ้าใจกล้าไม่เบานี่! หากเจ้ามีปัญญาก็ซ่อนตัวอยู่ในเมืองตีนใต้นี้ให้ได้ตลอดชีวิตอย่าได้คิดออกไปเชียว! ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะคิดขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปทั้งๆ ที่ไม่มีป้ายไม้ได้อย่างไร เจ้าคิดว่ายามเมืองตีนใต้นี่ไม่มีค่าใดๆ เลยรึ?”


ตอนนั้นเองที่เฒ่าขี้เมาได้เดินมากับยามชุดเกราะสองคนพร้อมเหล้าในมือ


เฒ่าขี้เมาบอกด้วยน้ำเสียงสุดเกียจคร้าน “ผู้ที่มีป้ายไม้ในมือจงมาเข้าแถว!”


นั่นทำให้ผู้คนไม่คิดจะขัดขืนแม้แต่น้อยก่อนจะวิ่งมาเรียงแถวกันตามเลขบนป้ายทันที


ส่วนซัวหานมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน อยากเห็นว่าอีกฝ่ายจะโดนอะไรบ้าง


ทุกคนรู้ดีว่าเฒ่าขี้เมาคนนี้มีพลังฝีมือที่เหนือฟ้าแค่ไหน


หากไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ผลที่ตามมามันคงโหดร้ายอย่างไม่มีทางคาดเดาได้


และก็เป็นไปตามคาดเพราะเฒ่าขี้เมาเดินเข้าไปหาเย่หยวนด้วยท่าทางตุปัดตุเป๋


ซัวหานได้แต่เย้ยในใจ “เจ้าโง่ที่ไม่รู้จักที่ตัวเอง อยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะอวดดีไปได้อีกแค่ไหน! ข้าล่ะอยากให้เจ้าไปทำให้ยามโกรธจะได้ตายๆ ไปเสียสักที เด็กเวร!”


เฒ่าขี้เมาเดินมาถึงเย่หยวนและมองดูเขาด้วยดวงตาเคลิ้มๆ ก่อนจะยิ้มออกมาและพูดกับคนข้างๆ “พวกเจ้าสองคนเอาป้ายไม้มา”


คนทั้งสองนั้นมึนงงมาก ได้แต่คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป


ซันหานเองก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันทีเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร


“น-นายใหญ่ ท่าน… ท่านว่าอย่างไรนะ?”


เฒ่าขี้เมาเปลี่ยนสีหน้าไปจนทำให้คนทั้งสองนั้นรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก มีสีหน้าที่แย่อย่างถึงที่สุด


เฒ่าขี้เมาบอก “ข้าบอกว่า พวกเจ้าทั้งสองคนส่งป้ายไม้มา! ไม่เข้าใจภาษาคนรึ?”


คราวนี้พวกเขาได้ยินมันอย่างชัดเจน


คนทั้งสองนี้คือศิษย์น้องของซัวหาน พวกเขาจึงหันหน้าไปขอร้องให้ซัวหานช่วยทำอะไรสักอย่างให้


ซัวหานเองก็มึนงงจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่


เขาเดินขึ้นมาและยกมือขึ้นประกบถามเฒ่าขี้เมาอย่างเคารพ “นายใหญ่ เรานั้นมาถึงก่อน ทำไมเราต้องมอบป้ายไม้ให้พวกนั้นด้วย?”


เฒ่าขี้เมาตอบ “พ่อเจ้าบอกให้ส่งมา ก็ส่งมา จะพูดมากให้มากความทำไม?”


ที่ด้านข้างคนรอบๆ เองก็มึนงงไม่แพ้กัน พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่


“เกิดอะไรขึ้นกัน? ข้ามาเมืองตีนใต้นี้ก็ตั้งหลายคราทำไมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย”


“ใช่แล้ว ปกติมันต้องใครมาก่อนได้ก่อนสิ ทำไมเด็กสองคนนั้นมันถึงจะลัดคิวแบบนี้ได้?”


“หรือว่าพวกนั้นจะเป็นศิษย์ของท่าน? แต่ก็ดูไม่น่าใช่!”



ดวงตางามๆ ของเล้งชิวหลิงมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตกใจ


นางได้รู้อีกครั้งแล้วว่านางไม่สามารถอ่านเด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ห่างจากตนมากนักคนนี้ออกเลย


ทั้งๆ ที่พรสวรรค์ดูต่ำต้อย แต่กลับมีเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้นเสมอๆ


ซัวหานนั้นตกใจกับคำพูดของเฒ่าขี้เมาจนร่างทั้งร่างแทบร่วงลงไปกองกับพื้น


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเรื่องราวอะไรแบบนี้ มันจึงทำให้สมองของเขาสั่งการไม่ทัน


หากเป็นคนอื่นเขาก็อาจจะพอยอมได้ แต่นี่อีกฝ่ายเป็นเย่หยวน!


เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ยอมแพ้ “นายใหญ่ ข้า… ข้าไม่ยอม มันด้วยเรื่องอะไรกัน?”


เฒ่าขี้เมาจึงบอก “เรื่องอะไร? เรื่องที่ว่าเมืองตีนใต้นี้พ่อเจ้าคนนี้เป็นนดูแลยังไงล่ะ! คำพูดของพ่อเจ้าคนนี้ก็คือกฎของเมืองตีนใต้นี้!”


ตอนที่ 1671 ไม่มีหรอก!

“นายใหญ่ ข้านั้นมาจากเมืองจักรพรรดิสวรรค์นที ปู่ข้ามีนามว่า…”


ซันหานกำลังคิดที่จะร่ายภูมิหลังของตัวเองก่อนที่จะถูกเฒ่าขี้เมาปล่อยคลื่นพลังเข้าใส่ ซัวหานหน้าซีดเผือดลงทันทีที่รับมันไว้จนต้องคุกเข่าลงกับพื้นในทันที


เฒ่าขี้เมาบอก “เจ้ากล้าจะขู่ข้าเรอะ? อย่าว่าแต่ซัวชิหลงเลย ต่อให้จี้ฉุนมาเองข้าก็จะไล่มันให้หางจุกตูด!”


เฒ่าขี้เมาคนนี้มีพลังกดดันที่มหาศาลมาก เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้ารอบๆ เองถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้มไปตามๆ กัน


พวกเขานั้นไม่สามารถทนทานรับแรงกดดันจากเฒ่าขี้เมาคนนี้ได้เลย


“หึ! เก็บความอวดดีของเจ้าไว้ใช้ที่บ้านเถอะเพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเฒ่าคนนี้แล้วมันช่างไร้ค่า! แม้ว่าจะไม่มีใครลงมือได้เมื่ออยู่ใกล้เขาแห่งถงเทียน แต่แค่การกำจัดทารกเช่นเจ้าเฒ่าคนนี้แค่มองครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!”


ตอนนี้พวกเขาจะยังเห็นเฒ่าขี้เมาเป็นแค่คนเมาได้อีกหรือ? ตอนนี้ที่พวกเขาเห็นตรงหน้าคือยอดฝีมือล้ำฟ้าคนหนึ่ง


ขนาดเย่หยวนเองก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนั้น


แน่นอนล่ะว่าการสังหารซัวหานนั้นมันง่ายเสียยิ่งกว่าเหยียบมด เขาไม่ต้องโจมตีใดๆ ออกมาเลยด้วยซ้ำ


“น-นายใหญ่ เรา… เราจะมอบให้แล้ว!”


พูดจบซัวหานก็ทำท่าเหมือนหมดแรงไปทั้งร่าง


เฒ่าขี้เมาดึงพลังกลับมาและกล่าวขึ้น “เด็กน้อยที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง! ซัวชิหลงมันไม่ได้สั่งสอนเจ้าก่อนออกมาหรืออย่างไร?”


พลังกดดันที่ทุกคนสัมผัสได้ค่อยๆ เบาบางลง แต่สายตาแห่งความหวาดกลัวที่มองมายังเฒ่าขี้เมาก็ไม่เสื่อมตาม


นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รู้ว่าเมืองตีนใต้นี้มันแข็งแกร่งมากมายเพียงใด!


ซัวหานกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมาเลยแม้แต่น้อย


เขารู้สึกได้เลยว่าเฒ่าคนนี้คิดจะฆ่าผู้คนจริงๆ


ที่สำคัญอีกฝ่ายยังไม่คิดเกรงกลัวปู่ของเขาอย่างซัวชิหลงเลยแม้แต่น้อย!


และที่สำคัญจี้ฉุนคือใคร?


นั่นคือชื่อของเจ้าเมืองจักรพรรดิสวรรค์นที!


ตำนานจุดกำเนิดของเมืองที่ตีนเขาแห่งถงเทียนนี้มันมีหลายต่อหลายเรื่องเล่า


บ้างว่าพวกเขาดูแลโดยลูกหลานของจักรพรรดิเทพสวรรค์ บ้างว่ามันถูกควบคุมโดยเต๋าบรรพกาล!


แต่ที่แน่ๆ ในทุกเรื่องราวคือพวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่จะไปแตะต้องได้เลย!


ศิษย์ทั้งสองของเมืองจักรพรรดิสวรรค์นทียื่นป้ายไม้ออกมาให้เย่หยวนและหนิงเทียนปิงอย่างไม่เต็มใจนัก


หนิงเทียนปิงรับป้ายไม้มาและนำมันไปโบกตรงหน้าซัวหานด้วยรอยยิ้ม “นี่ๆ เรามีป้ายไม้แล้วนะ”


ซัวหานแทบคลั่ง!


ได้ใจ! ได้ใจไปก่อนเถอะ! อยากรู้จริงๆ ว่าพวกเจ้าจะรอดจากยอดเต๋าของเขาแห่งถงเทียนได้หรือไม่!


ซัวหานใช้วิธีนี้ปลอบใจตัวเองไว้ แต่จริงๆ มันก็ไม่ควรเรียกว่าการปลอบใจนัก เพราะเขารู้สึกได้ว่าเมื่อขึ้นไปถึงเย่หยวนต้องถูกบดขยี้อย่างแน่นอน


เฒ่าขี้เมาหันมามองซัวหานอีกนิดหน่อยก่อนจะสั่ง “พวกเจ้ากล้าท้าทายอำนาจแห่งผู้พิทักษ์ พวกเจ้าสองคนนั้นห้ามปีนเขาแห่งถงเทียนไปอีกสามปี!”


ซัวหานหน้าเสียอีกครั้งก่อนจะพยายามเปิดปากพูดอะไรออกมา แต่เมื่อนึกถึงภาพพลังอันน่าเกรงขามของเฒ่าขี้เมาแล้วเขาก็ได้แต่ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอไป


เพราะยิ่งพูด โทษมันก็จะยิ่งหนัก


ซัวหานนั้นไม่ได้โง่ถึงขั้นนัน เขาพอรู้จักแยกแยะอยู่บ้าง


เขาแค่ไม่เข้าใจว่ายอดฝีมือระดับนี้จะมาสนใจอะไรในเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากัน


คนทั้งสองนั้นหน้าซีดเผือดด้วยท่าทางราวกับกำลังจะร้องไห้


เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ผิดหมางกัน คนผู้น้อยอย่างพวกเขานี่แหละที่จะลำบากแทน


ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางจะพูดอะไรออกมาได้


เฒ่าขี้เมาบอก “ที่นี่ เฒ่าคนนี้คือกฎ! ข้าบอกให้ทำอะไรก็จงทำอย่างว่าง่าย! เอาล่ะเริ่มการขึ้นเขาได้!”


ยามเกราะสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเริ่มปล่อยผู้คนเดินขึ้นไป


แต่ละคนต้องแสดงป้ายไม่ออกมาก่อนที่จะสามารถขึ้นไปได้


เย่หยวนหันมาหาเฒ่าขี้เมาก่อนจะยกมือขึ้น “ขอบพระคุณผู้อาวุโส!”


เฒ่าขี้เมายกเหล้าขึ้นดื่มและโบกมือเป็นการไล่ให้พวกเขารีบๆ ขึ้นไปได้แล้ว


เมื่อเห็นว่าร่างของเย่หยวนหายเข้าไปในเส้นทาง ประกายแห่งความกังวลก็กลับมาปรากฏในดวงตาของเฒ่าขี้เมา


เพราะไม่ว่าหวู่เฉินจะยืนยันยังไงว่าเย่หยวนจะไม่เป็นไร แต่นี่มันคือเขาแห่งถงเทียน มันคือสิ่งที่ทรงพลังและน่ากลัวที่สุดในโลกหล้า


และเย่หยวนนั้นเป็นถึงผู้สืบทอดของจอมเทพนิรันดร์ หากเขาต้องมาตายลงในที่แบบนี้ ความหวังแก้แค้นใดๆ ก็คงดับวูบลงทันที



เมื่อพวกเขาทั้งหลายเข้ามาในเส้นทางขึ้น ทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนร่างกายสูญเสียอะไรบางอย่างจนไม่สามารถบินได้อีกต่อไป


กลุ่มยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าในตอนนี้กลับกลายเป็นแค่คนธรรมดาอีกครั้งแล้ว


เขาแห่งถงเทียนนี้มันเป็นเหมือนกับกรงคุกขนานยักษ์


และพวกเขานั้นก็เป็นนกน้อยที่ติดอยู่ในกรงนี้


ซัวหานมองดูเย่หยวนอย่างเคียดแค้น “เด็กเวร อย่าได้ใจให้มันมากนัก! การเข้ามาในเส้นทางขึ้นนี้มันก็หมายความว่าเจ้าจะถอยไม่ได้แล้ว เจ้าจะต้องถูกพลังกดดันของยอดเต๋าบดทำลายลง!”


เย่หยวนหันไปมอง “ไอ้โง่ เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ วิ่งเต้นไปมาทำตัวอย่างกับตัวตลก ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้นเลย ไม่ชอบใจนักก็เข้ามาโจมตีข้าเลยสิ!”


“เจ้า! ข้าขอบอกเลยนะว่าเหล่ายามนั้นไม่สามารถออกจากเมืองตีนใต้ได้ หากเจ้ามีปัญญาก็ลองเอาชีวิตรอดด้านนอกให้ได้แล้วกัน!” ซัวหานกัดฟันร้องลั่น


เขาจะไปกล้าโจมตีได้อย่างไร?


เพราะตอนนี้พวกเขาได้เข้ามาในเส้นทางขึ้นแล้ว ตอนนี้หากมีการโจมตีเรียกทัณฑ์สวรรค์ขึ้น ร่างของเขาคงไม่เหลือแม้แต่ซาก


ณ ที่แห่งนี้มันไม่ต้องให้ใครมาห้ามเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีใครคนใดคิดกล้าทำร้ายกันเลย


ไม่นานคนทั้งหมดก็มาถึงทางเข้าโดยมีพลังกดดันที่มากมายขึ้นกว่าเก่ามาก


คลื่นยอดเต๋าค่อยๆ หนักขึ้นและหนักขึ้นเรื่อยๆ


คลื่นอันน่ากลัวนี้มันทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนตัวเองติดอยู่กลางคลื่นของยอดเต๋าจนไม่สามารถจะรู้สึกถึงตัวเองได้


แต่ยิ่งเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหมายความว่าพวกเขาทั้งหลายเข้าใกล้ยอดเต๋ามากขึ้น รู้สึกถึงยอดเต๋าได้มากขึ้น และบรรลุได้ง่ายขึ้น


แน่นอนว่าแม้แต่เขาแห่งถงเทียนนี้ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่คับฟ้าใดๆ


หลายคนสามารถบรรลุขั้นแบบติดต่อกันได้ที่นี่ แต่บางคนกลับไม่สามารถบรรลุได้แต่ครึ่งก้าว


เรื่องทั้งหมดมันล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ฝึกตน


เย่หยวนและหนิงเทียนปิงเดินตามหลังกลุ่มมาและเริ่มรู้สึกถึงคลื่นยอดเต๋าที่หนักหน่วงขึ้นเช่นกัน ตอนนี้แม้แต่หนิงเทียนปิงก็เริ่มกังวลใจไม่น้อย


เขากังวลว่าเย่หยวนจะสามารถทนรับคลื่นยอดเต๋าที่หนักหน่วงเช่นนี้ได้จริงๆ ไหม


ทุกคนเดินมาจนถึงสุดทางตามๆ กัน แต่กลับยังไม่มีใครเดินไปต่อ


พวกเขาล้วนแล้วแต่อยากเห็นว่านักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอย่างเย่หยวนจะทนรับแรงกดดันของยอดเต๋านี้ได้หรือไม่


เล้งชิวหลิงกำหมัดแน่นด้วยความกังวลเปี่ยมหัวใจ


ไม่รู้ว่าทำไมแต่นางนั้นห่วงเรื่องของเย่หยวนมาก กลัวว่าจะเกิดฉากนองเลือดแสนสยองขึ้นตรงหน้า


ซัวหานและศิษย์น้องทั้งหลายเองก็หยุดรอเพื่อดูเย่หยวนถูกขยี้จนแหลกเละเหมือนกัน


ซัวหานตะโกนอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าเย่หยวนใกล้พ้นทางออก “ตาย! ตาย! ตาย!”


ศิษย์น้องของเขาเองก็มองเย่หยวนด้วยดวงตาที่เกลียดชังเช่นกัน


“ไอ้โง่บ้าบิ่นเกินตัว ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะตายแบบไหน!”


“รนหาที่ตาย! เดินมาหาที่ตายตัวเองถึงที่ ยังจะมีใครช่วยหยุดเจ่าได้อีก!”


“ขอให้มันตายอย่างไม่เหลือแม้แต่เศษซากเลย!”



ท่ามกลางเสียงของทุกคนนั้นเย่หยวนก็เดินมาจนเหยียบพื้นที่ของเขาแห่งถงเทียนเข้าจนได้ในที่สุด!


จู่ๆ ร่างของเย่หยวนก็สั่นสะท้าน เขาน้อยแห่งถงเทียนที่เขามีค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาอย่างต่อเนื่อง


คลื่นความคิดจำนวนมหาศาลไหลผ่านหัวของเขาไป ทำให้เย่หยวนเกิดตรัสรู้ทันที!


โซ่ที่ล่ามเขาไว้กว่าสามร้อยปีคลี่คลายหายไปในเวลานี้นี่เอง!


ตอนนี้เย่หยวนแทบจะอยากร้องตะโกนออกมาให้สุดเสียง


ความรู้สึกโล่งนี้มันยากนักที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้


แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในหัวของเย่หยวน มีหรือที่คนด้านนอกจะรับรู้ได้


พวกซัวหานเห็นแค่ว่าร่างของเย่หยวนสะท้านขึ้น ราวกับว่าเขาไม่สามารถทนรับแรงกดดันจากยอดเต๋าได้


เขาและตัวศิษย์น้องรอดูมันอย่างตื่นเต้น รอให้เย่หยวนถูกขยี้


แต่ทว่าเย่หยวนกลับยังยืนเฉย


และจู่ๆ เย่หยวนก็เปิดตาออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้ามองอะไรกัน? อยากเห็นข้าโดนยอดเต๋าบดขยี้? ไม่มีหรอก!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)