Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1661-1667
ตอนที่ 1661 เขาทำได้แน่
ที่ส่วนลึกสุดของนภาฤกษ์นั้นมีแต่ความมืดมิดสนิท
และภายในก็เปี่ยมไปด้วยพลังงานอันมหาศาล
เย่หยวนไม่คิดจะลังเลและเริ่มก้าวเดินออกไปทันที
เมื่อเข้าไปด้านในความมืดมิดนั้นเย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่เข้ามาปะทะอย่างแรง ราวกับว่ามันต้องการจะผลักเขาออกไปจากความมืดมิดนี้
เย่หยวนเดินมาจนสุดทางนี้ เขาไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากหวู่เฉินเลย
เขาใช้พลังของตัวเองล้วนๆ ในการก้าวเดินมาจนถึงตรงนี้!
แต่พลังของเขานั้นมันยังไม่มากพอจะเทียบเคียงกับเทพถ่องแท้
แต่เมื่อพลังงานวิญญาณมหาศาลถูกปล่อยออกมา เย่หยวนก็รู้สึกว่าร่างของตัวเองกลับมาเบาหวิวอีกครั้ง
การเข้ามาในที่แห่งนี้นั้น นักยุทธจะเข้ามาได้แค่จิตวิญญาณ เพราะฉะนั้นพลังงานนี้เองมันก็ถูกปล่อยออกมากดแค่จิตวิญญาณของนักยุทธ
แต่พลังของไข่มุกสยบวิญญาณมันรุนแรงจนเกินไปในเรื่องนี้
ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ก็ต้องคุกเข่าเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน!
ด้วยเหตุนั้นเย่หยวนจึงค่อยๆ เดินหน้าเข้าไปเรื่อยๆ ในห้วงความมืดอันไร้สิ้นสุด
“เรื่องนี้มันเพราะว่าเจ้ายังไม่สามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้หรอกนะ ไม่เช่นนั้นชายแก่คนนี้คงไม่ต้องช่วยอะไรเจ้าเลยแม้แต่น้อย เจ้าจะสามารถผ่านเข้ามาได้สบายๆ” หวู่เฉินยิ้มบอก
เย่หยวนเองก็ยิ้มรับ “ยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้ผู้นั้นคงกำลังตามหาทายาทในอาณาจักรราชันพระเจ้า ถึงได้ทำแบบนี้ล่ะมั้ง? เขาคงไม่เคยคิดว่าจะมีใครในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามาถึงได้ขนาดนี้”
หวู่เฉินพยักหน้ารับ “แน่นอน อาณาจักรราชันพระเจ้านั้นมีพลังสร้างโลก ถึงจะเป็นพระเจ้าที่แท้จริง ก่อนจะถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าแล้วนั้นอาจจะเรียกได้ว่าพวกเขาทั้งหลายเป็นได้แค่ครึ่งพระเจ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแม้แต่น้อย”
เย่หยวนตอบกลับไปอย่างเหนื่อยใจ “น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเปิดโลกของตนเองได้จนทำให้เขาต้องผิดหวัง”
หวู่เฉินยิ้มออกมา “สมบัติสืบทอดจากยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้มันช่วยอะไรเจ้าได้ไม่มากหรอก คงมีแต่สมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำเท่านั้นที่จะพอช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”
ระหว่างที่คุยไปเดินไป จู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างขึ้นกลางความมืดของนภาฤกษ์ เป็นแสงที่สว่างจนแทบไม่กล้ามองตรงๆ
“นี่หรือคือสมบัติที่สืบทอดมาจริงๆ สินะ?”
เย่หยวนเดินเข้าไปจนถึงหน้าดวงแสงนั้นในทันที
แต่ทว่าตอนนั้นเองที่จู่ๆ ก็เกิดคลื่นพลังอันน่าเกรงขามกระแทกออกมาจนทำให้เย่หยวนหน้าเสียไปไม่น้อย
คลื่นพลังอันน่าเกรงขามนี้มันรุนแรงจนเกินไป ทำให้เย่หยวนแทบจะต้องหมดสติลง!
และก็เกิดเงาร่างยักษ์ขึ้นมาบนท้องฟ้าสีดำ เขาก้มลงมองมายังเย่หยวนอย่างเย็นชา
สายตานั้นมันผสมผสานไปด้วยความโกรธและความผิดหวัง
ก่อนที่ร่างยักษ์นั้นจะพูดขึ้น “ไม่นึกเลยว่าผู้ที่มาถึงที่นี่ได้เป็นคนแรกจะเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า ข้าผู้นี้ผิดหวังนัก”
พลังอันอ่อนนุ่มค่อยๆ ห่อหุ้มตัวเย่หยวนไว้ ทำให้เย่หยวนกลับมาสู่สภาพสมบูรณ์ได้อีกครั้ง
เขาหันหน้าไปมองยังร่างใหญ่นั้นก่อนจะบอก “ประตูกดสวรรค์โบราณแห่งนี้คงเป็นท่านผู้อาวุโสใช่หรือไม่ที่ทิ้งมันไว้”
เย่หยวนนั้นหน้ามืดไปแค่ไม่กี่วินาทีก่อนจะกลับมาเป็นปกติได้ เรื่องนี้มันทำให้อีกฝ่ายตกตะลึงไม่น้อย
แต่หลังจากหายตื่นตะลึง ร่างนั้นก็ส่ายหัวออกมา “เจ้ามีฝีมือไม่น้อย แต่พรสวรรค์ของเจ้ามันช่างต้อยต่ำ! อายุขัยกว่า 500 ปีแล้วแต่กลับยังไม่สามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้! เจ้าไม่เหมาะจะรับการสืบทอดจากข้า!”
ดูท่ายอดฝีมือคนนี้จะมีเงื่อนไขในการรับผู้สืบทอดที่สูงไม่น้อย เขาจึงปฏิเสธเย่หยวนตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
เพราะขนาดจิงลู่อายุห้าร้อยปีนั้นยังสามารถไปถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ แต่คนระดับนั้นก็ยังไม่ตรงเงื่อนไขของเขาอยู่ดี
ต่อให้เย่หยวนจะเดินมาจนถึงตรงนี้ได้ เขาเองก็มีพลังบ่มเพาะที่ต่ำจนเกินไป เขาจึงเลือกที่จะไม่สนใจเช่นกัน
แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้โกรธเคืองใดๆ เขาแค่ยิ้มตอบกลับไป “เย่ผู้นี้เดินมาจนถึงที่นี่แล้ว ข้าจะเอาสมบัติไปหรือไม่ท่านก็คงห้ามไม่ได้”
“โอหัง!”
ยอดฝีมือคนนี้เดือดดาลทันทีที่ได้ยิน เขาชี้นิ้วออกมาและส่งพลังที่ทำให้แม้แต่ท้องฟ้ายังต้องเปลี่ยนสี
พลังอันรุนแรงและหนักหน่วงนั้นพุ่งลงมายังร่างของเย่หยวนทันที
แต่สิ่งที่เข้ามาในนี้นั้นเป็นเพียงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน เพราะฉะนั้นเป้าหมายของพลังนี้เองก็เล็งมาที่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนเช่นกัน
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงไม่เกรงกลัวมันแม้แต่นิด เขาไม่คิดที่จะต่อต้านมันเลยแม้แต่น้อย
ถึงยอดฝีมือผู้นี้ทิ้งไว้แค่เสี้ยวแห่งจิต แต่เขาเองก็เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้ การทำลายจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสักคนมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย
แต่ทว่าตอนที่คลื่นพลังมหาศาลเคลื่อนตัวเข้ามาถึงด้านหน้าของเย่หยวน ก็มีคลื่นพลังงานอีกอันปรากฏออกมา
และพลังที่พุ่งเข้าโจมตีเย่หยวนนั้นก็ถูกคลื่นพลังอันใหม่นี้กลืนกินไปจนหมด
เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นเขาก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที ดวงตาของเขาเบิดกว้างและกล่าวขึ้นอย่างตื่นตะลึง “นี่มัน… นี่มันสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!”
ยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้ย่อมมีความรู้ที่แตกต่างจากนักยุทธทั่วๆ ไปอย่างเทียบเคียงกันไม่ได้
พลังงานอันรุนแรงนั้น มีแค่สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เท่านั้นที่จะปล่อยออกมาได้
หมายความว่าเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนี้มีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ติดตัว!
แถมยังเป็นสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทจิตวิญญาณที่หาได้ยากด้วย!
เย่หยวนหันไปถามอีกครั้ง “ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าข้ามีคุณสมบัติพอหรือไม่?”
ยอดฝีมือคนนั้นหน้าถอดสีทันที เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาถูกเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าข่มขู่เช่นนี้
ไม่สิ ไม่ใช่แค่ขู่!
สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทจิตวิญญาณนั้นมันคือศัตรูโดยธรรมชาติของเขา!
ตราบเท่าที่เย่หยวนคิดจะทำ เขาก็สามารถลบล้างตัวตนของเขาได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือ
ต่อให้ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่เศษเสี้ยวของจิต ต่อให้เป็นตัวตนจริงแท้ของเขา เขาก็ไม่ใช่คู่มือของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เลย
ยอดฝีมือคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและกล่าว “ช่างเป็นเสือเจ็บโดนหมาขย้ำเสียจริงๆ ดูท่าความแค้นของโม่ลี่เฟยผู้นี้คงไม่มีโอกาสได้แก้คืนเสียแล้ว! เด็กน้อย เอาสิ! เจ้าทำลายตัวข้าลงและเอาสมบัติไปได้เลย!”
เย่หยวนเองก็ตกใจไม่น้อยกับท่าทางนั้นของโม่ลี่เฟย ดูท่าเขาจะมีความแค้นที่ลึกล้ำไม่น้อย เพราะเช่นนั้นเขาถึงได้สร้างประตูกดสวรรค์โบราณขึ้นมาเพื่อหาผู้สืบทอดของตน เพื่อจะได้ฝากต่อช่วยสะสางความแค้น
“ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจผิดแล้ว จริงๆ ข้านั้นไม่ได้สนใจในสมบัติหรือการสืบทอดของท่านเลย ข้าแค่เข้ามาแวะดูเท่านั้น แต่หากท่านต้องการให้มีผู้สืบทอดจริงๆ ข้าก็พอจะแนะนำท่านได้” เย่หยวนบอก
โม่ลี่เฟยนั้นประหลาดใจไม่น้อย แต่ไม่นานนักเขาก็ได้แต่หัวเราะเยาะหัวเอง “อ่า เจ้านั้นมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทจิตวิญญาณอยู่กับตัว มีหรือที่จะยังหันมาเหลียวแลสมบัติน้อยๆ ของข้า? แต่คนที่เจ้าจะแนะนำนี่คือใครกัน?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “ในนภาฤกษ์อันกว้างใหญ่นี้ ท่านผู้อาวุโสเองก็น่าจะพอสัมผัสถึงเขาได้ใช่ไหม? ตอนนี้เขาคือผู้ที่อยู่ใกล้ที่แห่งนี้มากที่สุด!”
แน่นอนว่าคนที่เย่หยวนพูดถึงนี้คือหนิงเทียนปิง
โม่ลี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะส่งจิตออกไปดู และได้เห็นว่าตอนนี้หนิงเทียนปิงกำลังดิ้นรนอยู่อย่างยากลำบาก
“เขาหรือ? แม้ว่าเขาจะมากพรสวรรค์ไม่เลว แต่ก็ยังขาดไปหน่อยสำหรับข้าผู้นี้” โม่ลี่เฟยส่ายหัวบอกเย่หยวน
เย่หยวนจึงยิ้มตอบไป “ผู้อาวุโสไม่น่าจะมีทางเลือกอื่นแล้ว! แต่ข้าขอรับรองได้เลยว่าเขาจะต้องเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดอย่างแน่นอน! หากผู้อาวุโสมีความแค้นใดที่ไม่ได้สะสาง ข้าขอให้ท่านฝากฝังมันไว้กับเขาได้เลย เขาจะต้องสามารถช่วยผู้อาวุโสได้แน่ๆ”
เมื่อได้มาอยู่ต่อหน้าคนอย่างเย่หยวน โม่ลี่เฟยไม่คิดที่จะโกรธเคืองใดๆ อีก
ภายใต้สภานการณ์เช่นนี้ การที่เย่หยวนหาผู้สืบทอดให้เขามันก็เป็นการไว้หน้าเขามากพอแล้ว
เพราะต่อให้เย่หยวนแค่ทำลายตัวตนของเขาทิ้งเสีย เขาเองก็คงบ่มว่าอะไรไม่ได้
แต่โม่ลี่เฟยนั้นยังคงส่ายหัว “เจ้าไม่รู้หรอกว่าศัตรูของข้าผู้นี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน! ตอนนี้มันอาจจะขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้วก็ได้! ต่อให้ได้สมบัติจากข้าไปทั้งหมด เขาก็ยังอ่อนแอเกินไป เกินกว่าที่จะรับความแค้นนี้ไว้ไหว!”
เย่หยวนยังคงยิ้ม “เขาทำได้แน่! เพราะเขามีข้าเป็นเพื่อนยังไงล่ะ!”
โม่ลี่เฟยหรี่ตาลงมองเย่หยวนด้วยความสงสัยทันที
เด็กคนนี้มันให้ความรู้สึกประหลาดๆ ออกมาในทุกด้าน
ที่สำคัญ การที่เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ในครอบครองนั้น แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวมันก็เป็นความประหลาดที่ยิ่งกว่าแปลกแล้ว
ตอนที่ 1662 ตราประทับชีวาสามนิพพาน
เมื่อตัดสินใจได้แน่วแน่แล้วโม่ลี่เฟยก็ยื่นมือออกไปยังช่องว่างในทันที
หนิงเทียนปิงที่อยู่ด้านนอกนั้นกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะคว้าดาวตรงหน้ามา แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของตัวเองถูกดูดเข้าไปในหลุมดำอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อเขารู้ตัวอีกทีหนิงเทียนปิงก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ต่อหน้าโม่ลี่เฟยและเย่หยวนแล้ว
“น-นายใหญ่! เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน?” หนิงเทียนปิงถามออกไปด้วยสีหน้าสุดมึนงง
เพราะตัวตนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมันส่งพลังอันรุนแรงออกมาจนทำให้จิตวิญญาณของเขาต้องสั่นไหวไปหมด
เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสท่านนี้ท่านรู้สึกว่าเจ้าช่างมีความสามารถและอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ ท่านจึงเรียกเจ้าเข้ามา”
หนิงเทียนปิงนั้นตอบกลับมาอย่างตื่นตกใจ “รับข้าเป็นศิษย์? ไม่ใช่ว่าต้องเป็นนายใหญ่หรอกเหรอ?”
“เจานั้นมีอาจารย์อยู่แล้วและจึงไม่เหมาจะมาเป็นศิษย์ของข้าอีกต่อไป! ข้าผู้นี้ต้องการรับเจ้าเข้าเป็นศิษย์ เจ้าจะยอมรับไหม?” โม่ลี่เฟยถาม
“น-แน่นอนสิครับ!” หนิงเทียนปิงตอบกลับไปอย่างไม่คิด
จะบ้าหรือไร? นี่คือยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้เชียวนะที่ต้องการรับเขาเป็นศิษย์ เป็นโอกาสที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว! มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ?
โม่ลี่เฟยจึงตอบกลับมา “การรับสืบทอดวิชาจากข้า มันหมายความว่าเจ้าต้องจัดการความแค้นให้ข้าด้วย เจ้าจะยอมรับไหม?”
หนิงเทียนปิงทำหน้าเคร่งเครียดหันไปมองเย่หยวนทันที หลังได้เห็นเย่หยวนพยักหน้ารับแล้วเขาจึงกล้าที่จะบอก “ศิษย์น้อมรับ!”
โม่ลี่เฟยยื่นมือออกไปในห้วงอากาศอีกครั้งก่อนจะปรากฏแสงดาวสว่างจ้าออกมาอีกหลายจุด
“ของพวกนี้ล้วนเป็นมรดกจากอาจารย์สู่เจ้า!” โม่ลี่เฟยบอก
เย่หยวนเองก็หันไปมองตามมันก่อนจะค่อยๆ เห็นดวงดาวเหล่านั้นกลายรูปร่างเป็นสมบัติหลายต่อหลายชิ้น
วรยุทธ์บ่มเพาะ สองวิชาวรยุทธ์ต่อสู้ และเม็ดโอสถอีกหลายต่อหลายเม็ด!
เย่หยวนต้องยักคิ้วขึ้นด้วยความสนใจทันทีที่เห็นวิชายุทธ์หนึ่งในนั้น
โม่ลี่เฟยบอก “นี่คือวรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรีเป็นวรยุทธ์บ่มเพาะระดับหกสูงสุด มันดีพอที่จะพาเจ้าไปสู่อาณาจักรเทพถ่องแท้ชั้นสูงได้ สองวิชายุทธนี้ หนึ่งเรียกว่าดาบชีวามรณาจันทราดารา อีกหนึ่งชื่อตราประทับชีวาสามนิพพาน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าตราประทับชีวาสามนิพพานนี้มันมีความลึกลับและยากที่จะศึกษานัก แม้แต่ตัวอาจารย์เองก็ยังศึกษาไปได้แค่ระดับที่สองโดยที่วิชานี้จะแบ่งออกเป็นสามตรา โดยมีตรานิพพาน ตราชีวิตและความตาย และตราจุติหกมรรค หากบ่มเพาะไปจนถึงที่สุดแล้วคนผู้นั้นจะสามารถต่อสู้ในระดับเดียวกันอย่างไร้ต้านและถึงกับสามารถชนะข้ามขั้นได้อย่างไม่ยากเย็น!”
เมื่อได้ยินคำบอกของโม่ลี่เฟย หนิงเทียนปิงก็ดีใจจนเนื้อเต้น
เพราะแม้เขาจะยังไม่ได้ทำการบ่มเพาะพวกมัน แต่เขาก็สามารถรับรู้ถึงพลังของสิ่งของเหล่านี้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าตราประทับชีวาสามนิพพานที่ว่านี้ มันมีพลังในระดับเทพถ่องแท้อย่างแท้จริง เป็นพลังที่ไร้จำกัด
ด้วยวรยุทธ์บ่มเพาะและวิชายุทธ์เหล่านี้ สถานที่ของเขาจะไม่ใช่แค่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เล็กๆ อีกต่อไป
เขาจะสามารถกางปีกท่องโลกกว้างได้อย่างเต็มที่!
“ผู้อาวุโส ชุดวิชาตราประทับชีวาสามนิพพานทั้งสามนี้ขอข้าน้อยดูมันเสียหน่อยจะได้หรือไม่?” เย่หยวนถาม
เพราะเขารู้สึกได้เลยว่าชุดวิชานี้มันแข็งแกร่งจนเกิดสนใจขึ้นมาอย่างมาก
โม่ลี่เฟยทำหน้าไม่ค่อยอยาก แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับไว้ “เช่นนั้นก็จงเอามันไปดูเถิด”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะขอบคุณทันที “ขอบพระคุณมากผู้เอาวุโส!”
เมื่อต่อหน้าหนิงเทียนปิงแล้ว เย่หยวนก็เริ่มทำตัวอ่อนน้อมต่อโม่ลี่เฟยขึ้นอย่างมาก
เพราะยังไงเสียตอนนี้โม่ลี่เฟยก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งของหนิงเทียนปิง เขาไม่อยากจะให้หนิงเทียนปิงรู้สึกสับสนหรือเข้าใจอะไรผิดไป
แต่ว่าโม่ลี่เฟยนั้นมีท่าทางระแวงเย่หยวนอย่างมาก
ส่วนเรื่องที่เย่หยวนขอ เขาเองก็ไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลใดให้ปฏิเสธ
โม่ลี่เฟยยื่นมือออกไปก่อนจะส่งตราประทับชีวาสามนิพพานไปยังตรงหน้าเย่หยวน
เย่หยวนมีสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็น เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ส่งจิตศักดิ์สิทธิ์เข้าไปด้านใน
โม่ลี่เฟยเลิกสนใจเย่หยวนและหันกลับมาหาหนิงเทียนปิง “เจ้ามีพรสวรรค์ที่ไม่เลว แต่วรยุทธ์ที่เจ้าใช้บ่มเพาะมันเป็นของระดับต่ำไปเสียหน่อย อาจารย์จะช่วยเจ้าหลอมวรยุทธ์บ่มเพาะใหม่และเปลี่ยนให้เจ้าได้ใช้วรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรีเดี๋ยวนี้เลย”
หนิงเทียนปิงตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “ขอบพระคุณท่านอาจารย์!”
แม้ว่าตอนนี้โม่ลี่เฟยจะเป็นแค่เศษเสี้ยววิญญาณ แต่เขาก็ยังมีพลังมากพอ
เขาเริ่มทำการชี้นำหนิงเทียนปิงไปทีละน้อยๆ และค่อยๆ ทำการหลอมจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสียใหม่ตามวิธีการของวรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรี
ระหว่างที่หลอมไป โม่ลี่เฟยก็พยักหน้าออกมาไม่หยุด
ศิษย์คนนี้ที่เย่หยวนแนะนำมา แม้จะแทบไม่ผ่านมาตรฐานของเขา แต่กลับมีพรสวรรค์ที่ไม่เลวเลย
…
เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าตัวเองตกอยู่ในนรก ทั้งร่างของเขาสูญเสียพลังชีวิตไปเรื่อยๆ
“นี่หรือคือตรานิพพาน? ทำให้สงบและก้าวหน้า การเกิดใหม่แบบวิโมกข์! วิชาชุดนี้ช่างลึกลับนัก!” เย่หยวนกล่าว
เย่หยวนนั้นจมลึกลงในตราชุดนี้มาก นึกถึงชาติก่อนหน้าและชาตินี้ของตัวเอง เวลากว่าพันปีมานี้ เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงการรับรู้อะไรสักอย่างที่ยิ่งใหญ่
ชีวิตของเขาเองนั้นคือการเกิดใหม่แบบวิโมกข์มิใช่หรือ?
กี่ครั้งที่ต้องเผชิญความสิ้นหวัง กี่ครั้งที่ต้องเฝ้าพยายามลำบากด้วยตนเอง การเกิดใหม่แบบวิโมกข์
ระหว่างที่ใช้จิตศักดิ์สิทธิ์ตรวจดูมันไป สติของเย่หยวนก็ค่อยๆ เบาบางลง เบาบางลงจนกลายเป็นความสงบ
“หืม?” โม่ลี่เฟยนั้นกำลังทำการชี้นำหนิงเทียนปิงหลอมปราณเทวะใหม่อยู่ แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของเย่หยวนกำลังค่อยๆ จางหายไป
“เด็กคนนี้มันอยากจะบรรลุตรานิพพาน รนหาที่ตายแท้ๆ”
โม่ลี่เฟยหน้าเสียลงและกำลังจะลุกขึ้นไปขัดเย่หยวนไว้
“ท่านอาจารย์!” แต่เป็นหนิงเทียนปิงที่เรียกไว้ก่อน
“หืม?” โม่ลี่เฟยหันมามองหนิงเทียนปิงอย่างสงสัย
หนิงเทียนปิงบอก “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ นายใหญ่นั้นทำทุกอย่างมีแผนการเสมอ! พรสวรรค์ของเขานั้นดีกว่าศิษย์ร้อยเท่าพันเท่า ต่อให้เขาจะไม่สามารถบรรลุได้แต่มันก็ไม่มีอะไรอันตรายถึงชีวิตแน่ ปล่อยเขาไปเถอะ”
โม่ลี่เฟยหัวเราะออกมา “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าทักษะของอาณาจักรเทพถ่องแท้มันง่ายดายปานนั้น? หากมันง่ายปานนั้นทุกคนก็คงสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้กันหมดแล้ว”
แต่หนิงเทียนปิงยังยืนยันคำเดิม “ข้าไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร แต่… นายใหญ่นั้นสามารถ! แนวคิดแห่งห้วงมิติที่ว่ากันว่าเป็นแนวคิดที่ยากเย็นสูงส่งที่สุดในโลก แต่นายใหญ่กลับสามารถใช้เวลาแค่ร้อยปีในการบรรลุถึงระดับสองดาว!”
โม่ลี่เฟยหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินด้วยความตื่นตระหนกในหัวใจ
ในฐานะยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้ เขานั้นรู้ดีกว่าใครๆ ว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติมันยากเย็นแค่ไหน
แต่จะบอกว่าเด็กคนนี้ใช้เวลาแค่ร้อยปีก็สามารถเข้าใจมันได้ถึงระดับสองดาวแล้ว?
ล้อกันเล่นรึ?
ระหว่างที่เขายังคงตื่นตกใจไม่หาย เย่หยวนที่เดิมทีเข้าสู่ภาวะสงบก็เริ่มปล่อยคลื่นพลังอันรุนแรงออกมาจากร่าง
จู่ๆ เย่หยวนก็เบิกตากว้างและปล่อยตราออกมาด้านหน้า!
ตู้ม…
พื้นที่ในนภาฤกษ์ทั้งหมดสั่นไหวทันที ดวงดาวที่อยู่ไกลๆ หลายดวงค่อยๆ ดับแสงลง
“ก-เกิดอะไรขึ้น?”
“หรือมิติแห่งนี้กำลังจะถล่มลงมากัน?”
“ห-หนีเร็ว! วิ่ง!”
…
เมื่อเหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่อยู่ด้านนอกผู้กำลังเลือกสมบัติของตัวเองกันอยู่ได้เห็นภาพนี้ พวกเขาทั้งหลายก็เกิดหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือดไปตามๆ กัน
เพราะหากมิติพังทลายลง พวกเขาจะไม่มีทางหนีออกไปได้เลย
ต่อให้ตอนนี้พวกเขาจะเป็นแค่จิตศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็คงสร้างความเสียหายต่อร่างภายนอกไม่น้อย อย่างน้อยๆ พวกเขาก็คงไม่สามารถบรรลุขั้นได้อีกแล้วหากตายในนี้
โม่ลี่เฟยมีสีหน้าแสนตื่นตระหนกก่อนจะตะโกนลั่น “บ-บรรลุ! ข้าใช้เวลาตั้งหลายพันปีกว่าจะสามารถเข้าใจและบรรลุตราแรกได้ แต่เจ้าหมอนี่กลับใช้เวลาแค่นี้ก็สามารถบรรลุไปถึงขั้นสุดได้แล้ว?”
ใช่แล้ว นี่คือตรานิพพาน ตราแรกของตราประทับชีวาสามนิพพาน เย่หยวนสามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้และบรรลุถึงขั้นสุดได้ในคราเดียว
ตอนที่ 1663 ดักทำร้าย
ด้วยการเกิดใหม่ของชีวิตและความตาย เย่หยวนจึงสามารถบรรลุตรานี้ได้ในคราเดียว
ชุดตรานี้มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเย่หยวนโดยแท้
เย่หยวนนั้นมีความสามารถในการทำความเข้าใจที่มากเหลืออยู่เป็นทุนเดิม เมื่อได้มารวมกับการเดินและชีวิตอันแปลกประหลาดของเขาแล้ว เย่หยวนจึงมีประสบการณ์ชีวิตที่น้อยคงนักจะเปรียบได้
ตรานิพพานนี้ เย่หยวนจึงสามารถบรรลุมันได้ในคราเดียว
เมื่อหนิงเทียนปิงเห็นว่าเย่หยวนเข้าใจมันได้ในทันทีเช่นนั้น เขาก็ได้แต่พูดขึ้นอย่างดีใจ “ดีใจด้วยนายใหญ่! ท่านอาจารย์ ข้าบอกท่านแล้วใชไหม? นายใหญ่นั้นไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมล่ะ?”
โม่ลี่เฟยเสียหน้าเล็กน้อยจึงยิ้มแห้งๆ ออกมา แต่ในใจของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึง
เมื่อสักครู่นี้เขาพยายามจะไล่เย่หยวนไปเพราะคิดว่าเย่หยวนนั้นไม่มีพรสวรรค์มากพอ
แต่เป็นตอนนี้นี่เองที่เขาได้รู้ว่าตัวเขาเข้าใจมันผิดอย่างมหัน!
ความสามารถในการเข้าใจระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าใครๆ
“หึหึ เพื่อนตัวน้อยเย่หยวนนั้นช่างมีความสามารถในการทำความเข้าใจที่ลึกล้ำ การที่อาจารย์คนนี้ได้ศิษย์อย่างเจ้ามานั้นช่างเป็นโชคเสียจริงๆ” โม่ลี่เฟยบอกด้วยอารมณ์ที่อธิบายได้ยาก
เย่หยวนยิ้ม “ข้าแค่บังเอิญเข้าสู่การบรรลุได้โดยบังเอิญจึงสามารถใช้ตรานิพพานได้ พวกท่านต่อกันเถอะ ข้าจะทำความเข้าใจมันเพิ่มอีกหน่อย”
ด้วยการนำของโม่ลี่เฟย หนิงเทียนปิงจึงเปลี่ยนวรยุทธ์บ่มเพาะที่ใช้ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเปลี่ยนวรยุทธ์บ่มเพาะที่ใช้ได้เสร็จ เขาก็เริ่มทำการศึกษาวรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรีอีกครั้ง ตอนนี้การบ่มเพาะในอนาคตของเขาคงใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวแต่จะส่งผลออกมาดีกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“อาจารย์ ท่านบอกว่าท่านมีความแค้นฝังลึก แต่ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าใครกันคือศัตรูของท่าน” หนิงเทียนปิงถาม
โม่ลี่เฟยจึงตอบพร้อมด้วยการถอนหายใจ “รอให้เจ้าแข็งแกร่งพอก่อนแล้วอาจารย์คนนี้จะบอกให้”
หนิงเทียนปิงพยักหน้ารับ เขารู้ดีว่าด้วยพลังของเขาเองในตอนนี้มันยังอ่อนแอจนเกินกว่าที่จะมาพูดเรื่องการแก้แค้นใดๆ ทั้งสิ้น
“อาจารย์ ศิษย์และนายใหญ่จะไปยังเขาแห่งถงเทียนต่อจากนี้ทันที ท่านมากับเราด้วยสิ!” หนิงเทียนปิงกล่าวชวน
เพราะหนิงเทียนปิงผู้ใสซื่อนั้นรู้สึกได้ว่าโม่ลี่เฟยนั้นดีกับตัวเองมาก ในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมานี้พวกเขาทั้งสองได้สร้างสายสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว
ตอนนี้โม่ลี่เฟยค่อยๆ ยอมรับในตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างที่เย่หยวนว่า ศิษย์คนนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย
แต่ที่สำคัญกว่าคือความเชื่อใจของเขาต่อตัวเย่หยวน!
เมื่อได้ยินคำชวนของหนิงเทียนปิง โม่ลี่เฟยเองก็รู้สึกอยากทำตามไม่น้อย แต่ก็ต้องส่ายหัวออกมาในที่สุด “อาจารย์ของเจ้าคงไปด้วยไม่ได้หรอก พวกเจ้าไปกันเถอะ”
เย่หยวนดูเหมือนจะมองออกถึงเหตุผลของโม่ลี่เฟยเขาจึงยกแหวนวงหนึ่งขึ้นมา “ผู้อาวุโส ข้านั้นมีแหวนวิญญาณโมฆะติดตัวมาพอดี ท่านสามารถอยู่ด้านในนี้ได้ พวกท่านศิษย์อาจารย์เพิ่งจะเริ่มทำการสั่งสอนเรียนรู้กัน การต้องแยกจากกันตรงนี้มันคงโหดร้ายเกินไป ที่สำคัญเทียนปิงยังต้องรับคำแนะนำเรื่องการบ่มเพาะจากท่านอีกมาก”
โม่ลี่เฟยนั้นหรี่ตาลงทันทีที่ได้เห็นมัน “เจ้า… เจ้ายังมีสมบัติประเภทจิตวิญญาณอยู่อีกรึ?”
แหวนนี้แท้จริงแล้วเป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำประเภทวิญญาณเช่นกัน
แม้มันจะไม่สามารถเทียบเคียงกับไข่มุกสยบวิญญาณได้เลยแม้แต่น้อย แต่มันก็ยังดีพอที่จะให้โม่ลี่เฟยใช้เป็นที่พักอาศัย
โม่ลี่เฟยนั้นเป็นแค่เศษดวงจิตที่ไม่เหลือพลังชีวิตมากมาย
ในประตูกดสวรรค์โบราณนี้เขาสามารถรักษาเสี้ยววิญญาณนี้ไว้ได้ แต่หากต้องออกไปด้านนอกพลังชีวิตที่เหลืออันน้อยนิดนี้มันก็จะค่อยๆ จางหายไป
แต่แหวนวิญญาณโมฆะนี้เป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำประเภทวิญญาณจากโถงบัลลังก์ม่วง
ไม่ว่ายังไงเย่หยวนก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้มันแล้ว จึงเหมาะสมที่จะมอบมันให้หนิงเทียนปิงไป
เมื่อหนิงเทียนปิงเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเขาก็โห่ร้องขึ้นมาอย่างดีใจ “ฮ่าฮ่า เยี่ยม! อาจารย์เท่านี้เราก็สามารถออกไปจากที่แห่งนี้ด้วยกันได้แล้ว! ขอท่านอย่ากังวล! ศิษย์ผู้นี้จะต้องตั้งหน้าฝึกตัวเพื่อช่วยท่านอาจารย์แก้แค้นแน่นอน!”
โม่ลี่เฟยเองก็ดีใจไม่น้อยก่อนจะพยักหน้ารับ “ได้ งั้นข้าจะเข้าไปอยู่ในแหวนวิญญาณโมฆะนี้เอง!”
เขานั้นตื่นตกใจไม่น้อย ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเด็กน้อยเย่หยวนคนนี้มีความลับอยู่มากมาย
เพราะต่อให้มันจะเป็นแค่สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ แต่สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำประเภทวิญญาณมันก็ยังคงหายาก
เขาไม่คิดเลยว่าเย่หยวนจะมีสมบัติประเภทวิญญาณชิ้นที่สองอยู่ติดตัวแบบนี้
…
ที่ทุ่งร้างทางเหนือด้านนอกประตูกดสวรรค์โบราณ พลังงานอันรุนแรงค่อยๆ เบาบางลงเรื่อยๆ
จิงลู่นั้นดีใจอย่างถึงที่สุด เขานั้นสามารถเอาวรยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แสงชาดเก้าสว่างมาครองได้ หลังจากออกมาได้เขาก็เริ่มเปลี่ยนวรยุทธ์ที่ตัวเองใช้บ่มเพาะและสามารถขึ้นแตะคอขวดของอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวได้ทันที ก่อนที่จะบรรลุได้ในที่สุด
“ช่างสมเป็นนายน้อยจิงลู่จริงๆ พรสวรรค์ระดับนี้มันหายากยิ่งในโลกหล้า!”
“ว่ากันว่าเขาเพิ่งจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวมาได้ไม่ถึงห้าสิบปีเองแต่ตอนนี้กลับสามารถบรรลุสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวได้แล้ว!”
“การได้วรยุทธ์บ่มเพาะระดับห้ามาในครั้งนี้มันคงทำให้เขากลายเป็นยอดฝีมือไร้ค้านในวันข้างหน้าแน่!”
…
.
ผู้คนต่างชื่นชมจิงลู่ในความสามารถที่เหลือล้นของเขานั้น ความเร็วในการบ่มเพาะของเขามันรวดเร็วมาก มากจนทำให้ผู้คนต้องอดชื่นชมไม่ได้
ตอนนั้นเองที่เกิดแสงสองสายพุ่งออกมาจากประตูกดสวรรค์โบราณและกลับมายังวงแสงสองวง
“เถ้าแก่เย่หยวนล่ะ!”
“ข้าได้ยินว่าเขาเข้าไปถึงส่วนลึกสุดของนภาฤกษ์เลยนี่ สงสัยจริงๆ ว่าเขาจะได้สมบัติระดับหกสักชิ้นติดตัวออกมาไหม!”
“อาจจะไม่! สมบัติระดับหกนั้นเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง ต่อให้เป็นส่วนลึกของนภาฤกษ์ ก็ไม่แน่หรอกว่าจะมีมัน”
…
ตอนนี้ผู้คนมากมายต่างกำลังเดากันไปต่างๆ นานาว่าเย่หยวนได้อะไรกลับออกมา
แต่ใบหน้าของจิงลู่นั้นไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก เขาเดินเข้ามาทักทายคนทั้งสอง
“เย่หยวน เจ้าทำวางท่าอวดดีบอกว่าวรยุทธ์บ่มเพาะระดับห้ามันไม่ดี ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วเจ้าได้อะไรออกมา?” จิงลู่ถามไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เมื่อต้องมาเจอเจ้าคนโง่อวดเก่งคนนี้ เย่หยวนก็ถึงกับไม่รู้ต้องจัดการมันยังไง เขาจึงตอบกลับไป “ข้าได้อะไรมามันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”
จิงลู่นั้นไม่ได้โกรธใดๆ เขาแค่ถามพร้อมยิ้มต่อ “เย่หยวน ข้าขอท้าประลองเจ้า! หากเจ้าแพ้เจ้า ข้าจะไม่เอาสมบัติของเจ้าเสียด้วยซ้ำ เจ้าแค่ต้องนำสมบัติที่ได้ออกมาให้ผู้คนดู! เจ้ากล้ารับคำท้าไหม?”
จิงลู่นั้นคาดเดาว่าเย่หยวนต้องได้สมบัติล้ำค่าอะไรออกมาสักอย่างและไม่อยากจะนำมันออกมาแสดงต่อหน้าผู้คน
และสิ่งที่เขาต้องการจะทำตอนนี้คือการให้เย่หยวนนำสมบัติออกมาล่อตาล่อใจทุกผู้คนที่เห็น
เขาไม่เชื่อว่าทุกคนในที่นี้จะเป็นคนดีขนาดที่จะไม่ขยับตัวใดๆ แน่
และแผนการน้อยๆ ของจิงลู่นี้ มีหรือที่เย่หยวนจะมองไม่ออก?
เขาหันไปมองจิงลู่ด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น “เจ้านั้นบรรลุสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวแล้วแท้ๆ แต่ยังกลับมาท้าข้า นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าดวล ช่างมีหนังหน้าที่หนาเสียจริงๆ”
ด้วยคำพูดนี้ของเย่หยวน ทำให้ผู้คนรอบๆ เริ่มหันมาด่าจิงลู่กันไม่น้อยจากการกระทำนี้
เพราะดูยังไงนี่มันก็คือการกลั่นแกล้งชัดๆ
แต่ว่าจิงลู่เองก็เตรียมการรับมือมันไว้ก่อนหน้าแล้ว “เจ้าหาใช่แค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เจ้ามีพลังฝีมือที่เหนือกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวทั่วๆ ไปเสียอีก ตอนนี้เมื่อเจ้าได้สมบัติออกมาจากประตูกดสวรรค์โบราณแล้วด้วย การจะต่อสู้ข้ามอีกสักระดับมันคงไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถนัก!”
“นี่มัน… หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”
“ใช่! ต่อให้เราจะสงสัยว่าเย่หยวนได้สมบัติแบบไหนออกมามากแค่ไหน การกระทำนี้มันก็หน้าไม่อายอย่างถึงที่สุดจริงๆ”
“แค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าข้ามขั้นล้มนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้มันก็เก่งกาจจนถึงที่สุดแล้ว แต่การจะล้มนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวนี่ มันจะเป็นไปได้หรือ?”
…
เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินและถามออกมา “เจ้าอยากรู้จริงๆ ว่าข้าได้อะไร?”
จิงลู่ยิ้ม “แน่นอน! ข้าอยากรู้ ข้าคิดว่าทุกผู้คนเองก็คงอยากรู้เช่นกัน ข้าแค่ช่วยพูดความคิดของพวกเขาออกมาก็เท่านั้น”
เย่หยวนพยักหน้า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะรับคำท้าเจ้าไว้เอง!”
เมื่อจิงลู่ได้ยินเขาก็ยิ้มออกมาอย่างผู้มีชัย
เขาไม่เชื่อว่าด้วยพลังฝีมือของตนเองในตอนนี้ เขาจะยังแพ้ให้เย่หยวนอีก!
“เริ่มได้เลย!” จิงลู่บอกอย่างมั่นใจ
เย่หยวนก็ยิ้มรับก่อนจะค่อยๆ ปล่อยปราณเทวะในกายออกมาจนเกิดเป็นตราที่ดูน่าเกรงขามและลึกลับปรากฏขึ้น!
เมื่อได้เห็นพลังงานอันมากล้นนั้น จิงลู่ก็หน้าถอดสีทันที
“ตรานิพพาน!”
เย่หยวนปล่อยปราณเทวะของตัวเองออกมาจนหมดพร้อมๆ กับตรานั้นที่พุ่งตรงออกมา!
ตอนที่ 1664 เปิดเผย
“ระวังนายน้อย!”
เมื่อลุงหวงที่อยู่ไกลออกไปเห็นตราของเย่หยวนเขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาในทันที
ร่างของเขาพุ่งออกไปทันทีด้วยความคิดที่อยากจะช่วยจิงลู่
แต่ทว่ามันไกลจนเกินไป ตรานิพพานของเย่หยวนนั้นไปถึงจิงลู่เสียก่อน
“ดาบแสงตัดวิญญาณ!”
เมื่อวรยุทธ์ตราประทับที่รุนแรงขนาดนั้น เขาก็รู้ได้ถึงกลิ่นแห่งความตายที่คืบคลานเข้ามา มีหรือที่จิงลู่จะยังมีเวลาออมมือ? เมื่อเขาเห็นเขาก็ใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดออกมาในทันที
เขาเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อที่จะป้องกันมันไว้!
การที่เขาสามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวมาได้ มันก็หมายความว่าพลังดาบของเขาเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเช่นกัน
แต่ต่อหน้าตรานิพพานของเย่หยวน มันก็ยังไม่พอที่จะเทียบ
ตรานิพพานนี้มันให้ความรู้สึกแปลกประหลาดออกมาต่อผู้เห็น ราวกับพวกเขากำลังจะถูกยมทูตเกี่ยววิญญาณออกไป น่ากลัวจนเกินทน
ตู้ม!
พลังโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างแรง!
“อ่อก!”
“อุ่ก!”
ทั้งเย่หยวนและจิงลู่ต่างกระเด็นออกไปพร้อมๆ กัน
หนิงเทียนปิงหน้าเปลี่ยนสีไปในทันทีก่อนจะรีบเข้ามารับร่างของเย่หยวนไว้ “นายใหญ่ ท่านบาดเจ็บมากหรือไหม?”
เย่หยวนกัดฟันตอบไป “ข้าไม่เป็นไรมาก รีบไป!”
หนิงเทียนปิงนั้นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแต่ก็ไม่กล้าคิดที่จะอยู่ต่อ เขาอุ้มร่างของเย่หยวนและพุ่งตัวออกไปราวกับลำแสง
“นายน้อย!”
ลุงหวงนั้นก็รีบรุดเข้ามาดูอาการของจิงลู่เหมือนกัน แต่สภาพของเขาในตอนนี้มันไม่ดีเอามากๆ พลังชีวิตค่อยๆ จางหายไป ดูท่าคงไม่มีโอกาสรอดอีกต่อไปแล้ว
ทุกคนที่ได้เห็นนั้นต่างตื่นตะลึง
“ต-ตาย?”
“ตาข้าไม่ได้ฝาดไปใช้หรือไม่? นายน้อยจิงลู่ตายลงง่ายๆ แบบนี้เลย?”
“วรยุทธ์ตราประทับใดกัน? ถึงขนาดสังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวลงได้ด้วยการโจมตีเดียวเช่นนี้?”
“หรือว่า… วรยุทธ์ตราประทับนั้นจะเป็นสิ่งที่เขาได้ออกมาจากประตูกดสวรรค์โบราณ?”
…
ลุงหวงนั้นมีตาสีแดงก่ำ สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารก่อนจะตะโกนขึ้นอย่างโกรธแค้น “เย่หยวน หากข้าไม่สังหารเจ้าลงจงอย่ามาเรียกข้าว่าคน!”
พูดจบเขาก็เก็บศพของจิงลู่ไว้และพุ่งตัวเป็นลำแสงตามออกไปในทันที
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว แน่นอนว่าพลังของเขานั้นต้องเหนือล้ำกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวมาก เพราะพวกเขาห่างกันด้วยขั้นต้นและขั้นกลางของอาณาจักรราชันพระเจ้า
ความเร็วของเขานั้นเร็วจนหนิงเทียนปิงไม่สามารถเทียบเคียงได้
หนิงเทียนปิงออกมาวิ่งอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็รู้สึกได้ถึงตัวตนอันน่ากลัวที่ตามมาด้านหลังติดๆ จนหน้าเริ่มถอดสี
“นายใหญ่ คนๆ นั้นตามมาแล้ว!”
เย่หยวนเองก็มีใบหน้าที่ซีดเซียวไม่น้อย แต่ไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บ แต่เป็นเพราะว่าตรานิพพานนั้นใช้ปราณเทวะของเขาไปมากจนเกินไป
ตอนนี้ทั้งร่างของเขานั้นแห้งสนิท!
เย่หยวนนั้นเป็นผู้ที่มีปราณเทวะมากกว่าคนธรรมดามากมายหลายเท่า ต่อให้เทียบกับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว เขาก็มีมันมากกว่าคนพวกนั้นเสียด้วยซ้ำ
แต่การใช้ตรานิพพานนี้แค่ครั้งเดียวมันกลับทำให้เขากลายเป็นง่อยได้!
วิชานี้มันคงต้องเก็บไว้เป็นไม้ตายสุดท้ายเท่านั้น
ไม่เช่นนั้นหากใช้ออกไปก่อน รับรองได้เลยว่าเขาเองก็คงทำอะไรต่อไม่ได้เช่นกัน
แต่พลังของมันก็มากเกินกว่าจินตนาการไปมาก มันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเพลงดาบเมฆาลับแลเสียด้วยซ้ำ
“ช่างมัน! ตอนนี้ให้ข้าฟื้นฟูปราณเทวะให้ได้ก่อน!” เย่หยวนบอก
“เด็กน้อย เจ้ามันจะบ้าบิ่นเกินไปแล้ว! ด้วยพลังฝีมือของเจ้าการไปยั่วยอดฝีมือแบบนั้นมันเท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ” โม่ลี่เฟยแทรกขึ้นมา
เย่หยวนได้แต่ยิ้มฝืนๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เป็นหนิงเทียนปิงที่ตอบออกมาแทน “แค่ราชันพระเจ้าสี่ดาว นายใหญ่แค่ยังไม่ได้เอาจริงก็เท่านั้น”
โม่ลี่เฟยแทบสำลักออกมา หรือว่าเด็กคนนี้จะยังมีวิธีการใดเก็บซ่อนไว้อีก?
ตอนที่เย่หยวนใช้ตรานิพพานออกไปนั้น แม้แต่โม่ลี่เฟยก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตา
เพราะเขาไม่คาดคิดว่าเย่หยวนจะมีปราณเทวะมากพอที่จะใช้ตรานิพพานออกมา
พลังแบบนี้มันช่างเหนือล้ำจริงๆ
คนทั้งสาม หนึ่งไล่ หนึ่งหนีจนระยะทางกว่าหมื่นกิโลเมตรได้ผ่านไป เมืองหลวงลาภสายน้ำค่อยๆ เล็กลงและเล็กลงเรื่อยๆ
ตอนนั้นเองที่มีเงาร่างอีกหลายเงาปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า
เมื่อลุงหวงได้เห็น เขาก็ร้องเรียกออกไปอย่างใจชื่น “เซียงหยุนเฟย ซุนชิง เจิ้งซาน หยุดเจ้าเด็กคนนั้นไว้! มันฆ่านายน้อย!”
แน่นอนว่าคนทั้งสามนี้ย่อมเป็นกำลังเสริมของเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะ!
เมื่อคนทั้งสามได้เห็นลุงหวงตะโกนออกมาแบบนั้น พวกเขาก็ตัวสั่นเทิ้มในทันทีก่อนจะรีบเข้ามาหยุดหนิงเทียนปิง
เมื่อถูกล้อมหน้าล้อมหลังแบบนี้ หนิงเทียนปิงก็ไม่มีทางจะหนีได้อีก
ในที่สุดคนทั้งสี่ก็มาล้อมเขาจนสำเร็จ
“หวงไห เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าพูดเรื่องจริงรึ?” เซียงหยุนเฟยหันไปมองหน้าลุงหวงและถามขึ้น
ลีหน้าของหวงไหตอนนี้ไม่สู้ดีนักก่อนที่เขาจะกัดฟันตอบกลับมา “จบเรื่องแล้วค่อยคุยกัน หากฆ่าวายร้ายทั้งสองนี้ลงได้ ข้าเองก็จะปลิดชีวิตตัวเองเป็นการไถ่โทษเช่นกัน!”
พวกเซียงหยุนเฟยใจหายวับทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ดูท่านายน้อยจิงลู่จะตายลงแล้วจริงๆ
สถานะของจิงลู่ในเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะนั้นสูงส่ง การตายของเขาจะส่งผลต่อเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะอย่างมาก จะเรียกว่ามันเป็นคลื่นสะท้านไปทั้งเมืองก็คงว่าได้
สายตาของพวกเซียงหยุนเฟยหรี่ลงมองหนิงเทียนปิงก่อนจะถาม “เจ้ารึสังหารนายน้อย? เจ้าไม่รู้รึว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไร?”
“ไม่ใช่มัน เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนั้น!” หวงไหแทรก
คนทั้งสามกระตุกคิ้วขึ้นทันที และเป็นซุนชิงที่ตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “หวงไห เจ้าคิดว่าเราทั้งสามเป็นแค่เด็กอมมือหรือ? เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะสังหารนายน้อยลงได้อย่างไร?”
หวงไหตอบกลับ “หากไม่ใช่มันมีหรือที่ข้าจะไม่ทันระวัง? เพราะว่าข้าเองก็ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันนั่นแหละ ชายแก่คนนี้จึงไปช่วยนายน้อยไว้ไม่ทัน! ที่สำคัญนายน้อยยังถูกเจ้าเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนี้สังหารจากการปะทะโดยตรงหลังขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวได้แล้วด้วย!”
“หะ?!”
คนทั้งสามร้องออกมาพร้อมๆ กันด้วยดวงตาที่แทบถลนออกมาจากเบ้า
พวกอยากจะคิดว่าหวงไหกำลังหลอกลวงตัวเองอยู่
เพราะอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า อย่าว่าแต่การปะทะกันตรงๆ ต่อให้เป็นการลอบสังหารก็ยังไม่มีทางจะจัดการนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวลงได้!
หวงไหรู้ดีว่าคนทั้งสามคงไม่เชื่อเขาอย่างสนิทใจ “เรื่องนี้มีคนนับพันเป็นพยาน มีหรือที่ชายแก่คนนี้จะมาหลอกลวงพวกเจ้า? ช่างมันก่อน หลังจับมันทั้งสองได้แล้วค่อยว่ากันอีกที”
คนทั้งสามนั้นตื่นตกใจยังไม่หาย แต่ก็รีบกลับมาตั้งสติกับหนิงเทียนปิงและเย่หยวนต่อทันที
“เด็กน้อย ทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองเสียแล้วพวกข้าจะไม่ทำให้เจ็บมาก!” เซียงหยุนเฟยบอก
เย่หยวนนั้นกลืนโอสถฟื้นปราณเทวะไปนานแล้ว ตอนนี้จึงพอจะกลับมามีปราณเทวะในร่างแล้วบ้าง
เมื่อได้ยินคำของเซียงหยุนเฟย เย่หยวนจึงตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “นี่หัวเจ้าไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่า? เหตุใดข้าต้องทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนด้วย? จิงลู่นั้นมันมาท้าทายข้าหลายต่อหลายครั้ง แถมยังคิดที่จะสังหารข้าอีก หากไม่สังหารมันลง ข้าต้องรอให้มันมาสังหารข้าหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทางของเซียงหยุนเฟยทั้งสามคน มีหรือที่เย่หยวนจะยังไม่เข้าใจอีก?
พวกนี้คือคนที่จิงลู่เรียกมาเพื่อดักฆ่าสังหารเขา!
เซียงหยุนเฟยตอบกลับมา “ปากดี! เช่นนั้นข้าก็จะทำให้มันเป็นความตายที่เจ็บปวดอย่างหาไม่ได้อีกแล้วในโลกหล้านี้ เผื่อว่ามันจะช่วยคลายแค้นให้วิญญาณของนายน้อยบนสรวงสวรรค์!”
พลังของเซียงหยุนเฟยคนนี้มันแข็งแกร่งจริงๆ เพราะเขาเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว!
ตอนนี้เขาโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่งด้วยพลังที่รุนแรงอย่างถึงที่สุด
เมื่อฝ่ามือนั้นถูกดันออกมา พลังโลกอันหนาแน่นราวกับเขาทั้งลูก็ถูกส่งออกมา
“ให้ตายสิ! เด็กน้อยเจ้าช่างสร้างเรื่องเก่งเสียจริงๆ เป็นแค่บรรพชนพระเจ้าแต่กลับเรียกศัตรูที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ออกมา! ช่างเถอะ พวกเจ้าจงหนีไปเสีย ข้าผู้นี้จะขอเสี่ยงชีวิตเปิดโอกาสให้พวกเจ้าได้หนีออกไปเอง!” โม่ลี่เฟยถอนหายใจยาวก่อนจะเตรียมท่าใช้พลังชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดช่วยให้ทั้งสองหนีรอดออกไปได้
แต่เย่หยวนกลับทักขึ้นก่อน “ผู้อาวุโส อย่าได้ลงมือ ตอนนี้มันยังไม่ถึงตายตันเสียหน่อย! เทียนปิง ไปกัน!”
ตู้ม!
หลังเสียงดังนั้น ร่างของเย่หยวนและหนิงเทียนปิงกลับ… หายไป!
เซียงหยุนเฟยหน้าถอดสีทันทีก่อนจะถามขึ้น “หืม? มันหายไปไหนแล้ว?”
ฟุบ!
ลำแสงหนึ่งพุ่งออกมาและผ่านหน้าเซียงหยุนเฟยไป
ตอนที่ 1665 มั่นคงอย่างเหลือเชื่อ
“สมบัติประเภทห้วงมิติบิน! ตามมันไป! เราจะปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้!”
สีหน้าของเซียงหยุนเฟยเปลี่ยนไปอยากมากในทันทีที่ได้เห็น เขายกมือขึ้นมาใช้ฝ่ามือโจมตีไปยังโถงบัลลังก์ม่วงทันที
แต่ทว่าโถงบัลลังก์ม่วงนั้นกลับไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย!
สีหน้าของหวงไหเองก็ซีดลงไม่น้อย ร่างของเขาขยับพุ่งเข้ามาพร้อมพลังโลกเข้าโจมตีใส่โถงบัลลังก์ม่วงอย่างบ้าคลั่ง
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางสี่คนกำลังรุมโจมตี พลังของมันจะรุนแรงได้แค่ไหน?
พลังโลกอันบ้าคลั่งเข้าโจมตีโถงบัลลังก์ม่วงอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก ทำให้ความเร็วของมันช้าลงไม่น้อย
“ทำลายมันให้ราบคาบ! หากผลึกปราณเทวะของพวกมันหมดลงเมื่อใด มันก็คงไม่พ้นต้องออกมา!” เซียงหยุนเฟยสั่ง
จากนั้นคนทั้งสี่ก็ใช้ทุกวิถีทางเพื่อโจมตีกระหน่ำใส่โถงบัลลังก์ม่วงอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนที่ด้านในโถงบัลลังก์ม่วงนั้นเย่หยวนกำลังนั่งสบายใจอย่างไม่รู้ร้อนหนาว ค่อยๆ ฟื้นฟูปราณเทวะของตัวเองไปเรื่อยๆ
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นจากการโจมตีด้านนอกยังคงมีให้ได้ยินเป็นระยะๆ ทำให้แม้แต่หนิงเทียนปิงก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นใจ
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางสี่คน คนหนึ่งถึงขั้นอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว การโจมตีของพวกเขานั้นมันจึงน่ากลัวไม่น้อย
ผลึกปราณเทวะที่ใช้ในการป้องกันของโถงบัลลังก์ม่วงเองก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
เรื่องในตอนนี้มันต่างจากตอนเหวอัญเชิญปีศาจ เพราะตอนนั้นแม้ผู้โจมตีมาจะเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ แต่พวกเขาก็ดูถูกและไม่คิดจะตรวจสอบผลอย่างละเอียดจนทำให้เย่หยวนสามารถเนียนหลบหนีออกไปได้
แต่ตอนนี้โถงบัลลังก์ม่วงนั้นอยู่ต่อหน้าต่อตาของพวกเซียงหยุนเฟย ต่อให้มันจะกลายเป็นแค่เศษฝุ่นแต่พวกนั้นก็คงไม่ปล่อยให้มันคลาดสายตาไปง่ายๆ
โม่ลี่เฟยมองดูรอบๆ โถงอันใหญ่โตนี้ด้วยความตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด “นี่มัน… หรือว่าจะเป็นสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำ?”
หนิงเทียนปิงพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! นี่คือสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำประเภทห้วงมิติบิน แต่นายใหญ่นั้นยังไม่สามารถหลอมมันได้หมดจึงยังไม่สามารถใช้งานมันได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่เช่นนั้นพวกขยะข้างนอกคงไม่มีทางทำอะไรได้มากมายขนาดนี้”
โม่ลี่เฟยพูดอะไรไม่ออก เขาได้รู้อีกครั้งแล้วว่าตัวเองไม่สามารถมองเย่หยวนคนนี้ได้ออกเลย
เด็กหนุ่มคนนี้มันช่างมีไม้เด็ดมากมายนัก
ทุกครั้งที่เขาเจอเข้ากับปัญหาแสนอันตราย เย่หยวนก็จะมีแผนสำรองไว้เสมอ
โม่ลี่เฟยถามขึ้น “แต่ด้วยพลังโจมตีที่รุนแรงของพวกมันนี้ ผลึกปราณเทวะที่เรามีมันจะพอหรือ?”
หนิงเทียนปิงยิ้ม “อาจารย์ท่านอย่าได้กังวลไป ที่เมืองหลวงลาภสายน้ำนายใหญ่นั้นหาผลึกปราณเทวะมาได้ถึงสี่แสนล้าน แม้ว่าเราจะใช้ไปแล้วกว่าสองแสนล้านแต่มันก็ยังเหลืออีกกว่าสองแสนล้าน หากพวกมันอยากให้เราใช้ผลึกปราณเทวะเหล่านั้นจนหมด ก็ให้พวกมันได้ลองดู”
โม่ลี่เฟยได้แต่อ้าปากค้าง เขาตกใจจนไม่รู้จะต้องพูดอะไร
เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนหนึ่งกลับสามารถหาผลึกปราณเทวะมาไว้ได้ถึงสี่แสนล้าน เรื่องแบบนี้… มันจะหลุดโลกจนเกินไปแล้ว!
…
หลังจากโจมตีมาอย่างรุนแรงและยาวนาน คนทั้งสี่เองก็เหนื่อยจนแทบจะล้มหน้าคว่ำลงได้ทุกเมื่อ แต่โถงบัลลังก์ม่วงกลับยังดูมั่นคงไม่สั่นไหว
“ให้ตายสิ! พวกมันมีผลึกปราณเทวะมากแค่ไหนกัน? ถึงกับสามารถรับการโจมตีของพวกเราได้มากขนาดนี้!” เซียงหยุนเฟยบ่น
หวงไหจึงตอบ “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าพวกมันจะมีผลึกปราณเทวะมากแค่ไหน แต่มันไม่น้อย! เพราะคราวนี้นายน้อยมาเพื่อประมูลซื้อศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดแต่กลับถูกเจ้าเด็กคนนี้แย่งซื้อไป มันซื้อศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดไปในราคากว่าหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นล้าน”
เมื่อซุนชิงได้ยินดังนั้นเขาก็ตะโกนกลับมา “ทำไมเจ้าไม่บอกเราก่อนเล่า?”
หวงไหจึงตอบ “บอกแล้วจะได้อะไร? สมบัติประเภทห้วงมิติบินชินนี้ดูยังไงมันก็ไม่ธรรมดา ข้าคิดว่ามันอย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ เราจึงไม่สามารถทำความเสียดายใดๆ ให้มันได้เลย! ตอนนี้เรามีแต่ต้องบังคับให้มันใช้ผลึกปราณเทวะจนหมดแล้วค่อยโจมตีมันให้ตาย!”
เซียงหยุนเฟยพยักหน้ารับทันที “ที่เฒ่าหวงพูดมามันก็ถูก! วิธีเดียวที่เราทำได้ก็คือการลากพวกมันออกมาเท่านั้น เด็กคนนี้มันสังหารนายน้อย เราต้องจับตัวมันให้ได้! ที่สำคัญสมบัตินี้เองมันก็ไม่ธรรมดา ตราบเท่าที่เราเอากลับมันไปได้เราอาจจะพอชดใช้เรื่องนายน้อยได้บ้าง ไม่ว่ายังไงตอนนี้เราก็จะปล่อยมันหนีไปไม่ได้ เราต้องจับตามองสมบัติห้วงมิติบินชิ้นนี้ไว้ให้ดีและอย่าได้ปล่อยมันคลาดสายตา!”
คนทั้งสี่ต่างพยักหน้ารับคำนั้น เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาคลาดสายตาจากโถงบัลลังก์ม่วงไปแม้แต่วินาทีเดียว มันก็คงหนีหายลับไปได้ทันที
คนทั้งสี่พักการโจมตีไประยะหนึ่งเพื่อทำให้พักฟื้นปราณเทวะของตนก่อนที่จะเริ่มกระหน่ำโจมตีโถงบัลลังก์ม่วงอีกครั้ง
แต่ทว่าฝั่งโถงบัลลังก์ม่วงเองก็ไม่สั่นไหวแม้สักนิด มันทำให้พวกเขาสิ้นหวังไม่น้อย
พวกเขาใช้ความสามารถทั้งหมดออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้ผลึกปราณเทวะในโถงบัลลังก์ม่วงหมดลงได้
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดเย่หยวนก็ฟื้นฟูปราณเทวะของตัวเองกลับมาได้จนสมบูรณ์
“นายใหญ่ นายฟื้นตัวแล้ว! เจ้าพวกคนเหล่านั้นมันยังตามเรามาไม่หยุดเลย เราหนีมันไม่ได้!” หนิงเทียนปิงบอก
เย่หยวนยิ้ม “หากมันอยากตามก็ให้มันตาม เจ้าอยากลองเป็นเศรษฐีดูหน่อยไหม?”
หนิงเทียนปิงเปิดตากว้างตอบกลับไปทันที “แน่นอนสิ!”
เย่หยวนจึงบอก “หากเจ้าอยากก็จงบ่มเพาะให้บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเสีย!”
หนิงเทียนปิงตอบกลับมาด้วยท่าทางสุดตื่นเต้น “ได้เลย!”
หลังจากเปลี่ยนมาใช้วรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรี หนิงเทียนปิงก็ขึ้นไปแตะพื้นของอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวแล้ว
การจะบรรลุได้หรือไม่นั้นมันก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลา
เมื่อเย่หยวนบอกเช่นนั้น หนิงเทียนปิงจึงเข้าใจความหมายที่เย่หยวนแฝงมาในทันที
เขาเองก็สงสัยไม่น้อยว่าเย่หยวนแท้จริงแล้วจะมีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำติดตัวอยู่กี่ชิ้นกันแน่
การระบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นต้นนั้น เย่หยวนแทบจะมีปราณเทวะไม่พอใช้ทำ
แต่หากอยากระเบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นกลางแล้ว ไม่ว่าจะเย่หยวนหรือหนิงเทียนปิงก็ไม่สามารถที่จะทำได้
แต่ตราบเท่าที่หนิงเทียนปิงสามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวได้ ทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นมาก
เพราะฉะนั้นหนิงเทียนปิงจึงเริ่มทำการเก็บตัวบ่มเพาะพยายามจู่โจมฐานอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวทันที
ที่ด้านนอกคนทั้งสี่ก็ตัดสินใจที่จะทำสงครามระยะยาวกับเย่หยวนเช่นกัน พวกเขาต่างผลัดกันเข้ามาโจมตีโถงบัลลังก์ม่วงเรื่อยๆ
ผลึกปราณเทวะที่เย่หยวนมีนั้นถูกใช้งานไปอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยจำนวนถึงสองแสนล้านนั้นมันก็มากพอที่จะให้พวกเขาอยู่ได้นานแสนนาน
พริบตาเดียวเวลากว่าครึ่งปีก็ได้ผ่านพ้นไป
ในวงันนี้หนิงเทียนปิงเปิดตาขึ้นพร้อมดึงพลังงานวิญญาณรอบๆ ตัวเข้าไปหา
และที่รอบข้างของเขานั้นล้วนแล้วแต่เป็นผลึกปราณเทวะที่มากพอจะส่งเขาขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวได้สบายๆ
“ฮ่าๆๆ บรรลุแล้ว!” หนิงเทียนปิงกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น
เย่หยวนยิ้ม “ใช่แล้ว แถมยังเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้ด้วย!”
หนิงเทียนปิงหัวเราะลั่น “นายใหญ่เตรียมของทรัพยากรมาให้ตั้งมากมาย แถมยังได้วรยุทธ์บ่มเพาะที่อาจารย์ให้ข้ามาอีก หากข้ายังไม่สามารถบรรลุได้ข้าก็คงต้องเอาหัวไปโขกหินตายแล้ว! เอาล่ะ เจ้าพวกนั้นมันรอเรามาถึงครึ่งปีแล้ว ออกไประบายอารมณ์เสียหน่อยดีกว่า”
เย่หยวนหยิบสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำโยนให้หนิงเทียนปิงด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ไปเถอะ ระเบิดมันให้เต็มที่ ข้าจะช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยของเจ้าเอง!”
หนิงเทียนปิงเองก็มีรอยยิ้มที่ไม่ต่างกัน “ได้เลย!”
…
พวกเซียงหยุนเฟยนั้นแทบอยากจะล้มเลิกความคิดลง
แต่การจากไปเสียตอนนี้ พวกเขาเองก็ยิ่งไม่อยากกว่า
“ไอ้เด็กสองคนนั้นมันจะเป็นเต่ามุดหัวในนั้นไปทั้งชีวิตเลยหรืออย่างไร?” ซุนชิงกัดฟันแน่น
“พวกมันมีผลึกปราณเทวะมากเพียงใดกัน? เมื่อไหร่มันจะหมดเสียที?!” เจิ้งซานพูดออกมาอย่างหมดแรง
เซียงหยุนเฟยเองก็หน้าตาไม่ค่อยสู้ดี “ช่างบัดซบเสียจริงๆ ด้วยการโจมตีอันต่อเนื่องของพวกเราต่อให้มีผลึกปราณเทวะเป็นแสนล้านมันก็น่าจะหมดไปแล้วแท้ๆ”
จู่ๆ สายตาของหวงไหก็หรี่เล็กลงราวกับว่าได้เห็นโลกใบใหม่พร้อมตะโกนขึ้น “ออกมาแล้ว! พวกมันออกมาแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า พวกมันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
คนทั้งสามหันมามองตามในทันทีด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ไม่แพ้กัน!
ใช่แล้ว ตอนนี้หนิงเทียนปิงออกมาด้านนอกแล้ว
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อย ผลึกปราณเทวะคงหมดแล้วสิท่า? ครึ่งปีมานี้พวกเราพี่น้องช่วยกันโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง พี่น้อง วันนี้เราต้องดูแลเจ้าเด็กคนนี้เป็นพิเศษเสียหน่อยแล้ว!” เซียงหยุนเฟยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ตอนที่ 1666 เจ้าสิเป็นจุลไป!
“งั้นเรอะ? หากวันนี้ข้าไม่ระบายมันเสียหน่อยคงได้กลายเป็นคนบ้าเข้าสักวันแน่ๆ” ซุนชิงบอก
“โอ้ เด็กคนนี้มันบรรลุได้ด้วย! น่าสนใจนะ แบบนี้คงแกล้งสนุกหนักกว่าเก่าแน่” เจิ้งซานพูดด้วยรอยยิ้ม
อาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวหนึ่งคนและอาณาจักรราชันพระเจ้าสามคน ด้วยกำลังขนาดนี้มีหรือที่พวกเขายังจะต้องกลัวเด็กอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวแค่คนเดียว
แต่หวงไหนั้นมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนักก่อนจถามขึ้น “เย่หยวนอยู่ที่ใด? เจ้าเด็กคนนั้นมันไม่กล้าออกมาจึงส่งเจ้าออกมาตายแทนรึ?”
“เฮอะ ออกมาตาย? เจ้าสิตาย! แค่จัดการขยะอย่างพวกเจ้า แค่ข้าคนนี้มันก็มากพอแล้ว มีหรือที่ต้องให้นายใหญ่ออกมาจัดการเอง?” หนิงเทียนปิงบอกด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา
คำพูดนั้นของหนิงเทียนปิงมันทำให้คนทั้งสี่หัวเราะลั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ข้าหูฝาดไปรึ? มันจะจัดการกับเราสี่คนด้วยตัวคนเดียว? ข้าล่ะกลั๊วกลัว!” ซุนชิงพูดพร้อมหัวเราะลั่น
คนทั้งสามเองก็มีใบหน้าที่เย้ยหยันไม่น้อย ราวกับว่าตัวเองได้ฟังเรื่องสุดแสนจะตลกมา
เด็กอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวคนหนึ่ง การจะจัดการมันลงนั้นง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย แต่มันกลับพูดเรื่องจะชนะหนึ่งต่อสี่แบบนี้ ไม่ขำแล้วจะให้ทำอะไรได้อีก
เซียงหยุนเฟยบอกด้วยรอยยิ้ม “งั้นมาลองดูกันว่าเด็กคนนี้มันจะมีปัญญาแค่ไหน!”
เซียงหยุนเฟยส่งสัญญาณบอกคนทั้งสามให้ไปล้อมหนิงเทียนปิงไว้ตรงกลางทันที
เท่านี้หนิงเทียนปิงก็จะถูกล้อมอย่างไม่มีทางหนีแล้ว ต่อให้มีปีกก็ไม่มีทางหนีได้
ส่วนหนิงเทียนปิงนั้นไม่ได้คิดเรื่องหนีเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้อีกฝ่ายล้อมตัวเองไว้อย่างผ่อนคลาย
เซียงหยุนเฟยหัวเราะร่าและพุ่งเข้ามาใช้ฝ่ามือโจมตีหนิงเทียนปิง
เวลานั้นคนทั้งสามเองก็กำลังจัดตั้งค่ายกลปิดล้อมเพื่อไม่ให้หนิงเทียนปิงได้มีโอกาสหลบหนีใดๆ
พวกเขาบังคับให้หนิงเทียนปิงรับมือเซียงหยุนเฟยต่อหน้า!
อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวและอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว เรื่องแบบนี้มันถึงตายได้ง่ายๆ
แต่ว่าหนิงเทียนปิงกลับหัวเราะและเดินหน้าเข้าไปแทน!
พร้อมด้วยกำไลที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนมือของเขา มันคือสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นกลาง
เซียงหยุนเฟยหรี่ตาลงทันทีและกล่าวขึ้นอย่างแตกตื่น “สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นกลาง!”
เพราะแม้แต่เซียงหยุนเฟยเองก็ยังใช้แค่สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นต้น การได้เห็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำกลางตรงหน้ามันจึงทำให้เขาตื่นตกใจไม่น้อย
หนิงเทียนปิงยิ้มเย้ยออกมา “เจ้าชอบมันหรือ? งั้นข้ายกให้! จงระเบิด!”
ตอนนั้นเองที่หนิงเทียนปิงได้เดินปราณเทวะของตัวเองยัดลงในกำไลอย่างบ้าคลั่งจนทำให้เกิดคลื่นพลังงานอันน่าขนลุกแตกออกมา!
เซียงหยุนเฟยที่มีท่าทีสุดสบายใจก่อนหน้านี้ แต่ในวินาทีนี้เขากลับต้องขนลุกตั้งทั้งร่าง
“ไอ้บ้า เจ้าจะตายไปด้วย!” เซียงหยุนเฟยตะโกนลั่น
แต่ว่ามันสายไปแล้ว
ตู้ม!
กำไลนั้นแตกออกจากการระเบิดของหนิงเทียนปิง ทำให้ท้องฟ้าเกือบครึ่งผืนต้องสั่นสะเทือน
พลังงานอันมหาศาลนี้มันมากพอจะลบภูเขาทั้งลูกลงได้
เซียงหยุนเฟยนั้นถูกแรงระเบิดซัดจนกระเด็นไปไกลจนไม่สามารถรักษาสมดุลร่างกายบนอากาศได้เลย
คนทั้งสามเองก็ถูกแรงระเบิดทีเผลอไปไม่น้อย ทำให้บาดเจ็บไปตามๆ กัน
“เด็กคนนี้มันบ้าไปแล้ว! มันคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะระเบิดชายแก่คนนี้ให้ตายได้รึ?” เซียงหยุนเฟยกระอักเลือดคำโตออกมาและร้องขึ้นอย่างโกรธแค้น
เขาไม่นึกไม่ฝันว่าหนิงเทียนปิงจะแน่วแน่มากขนาดนี้ ถึงกับยอมสละชีพเพื่อแลกกับการสร้างแผลให้เขา
การระเบิดสมบัตินั้นมันเรียกได้ว่าเป็นไม้ตายสุดท้ายอย่างแท้จริง
เพราะหากอยากระเบิดให้โดนอีกฝ่าย ตัวผู้ระเบิดก็ต้องเข้าไปแลกด้วยร่างกายของตนเอง
หากทำการระเบิดแล้วโยนจากระยะไกล กว่าที่ระเบิดจะทำการระเบิด อีกฝ่ายคงหนีหายไปจนไม่เหลือร่องรอยแล้ว
เพราะฉะนั้นนี่มันคือการโจมตีฆ่าตัวตาย หาใช่การลากไปลงนรกด้วยกันไม่
เมื่อหนิงเทียนปิงระเบิดสมบัติไปแล้วในตอนนี้ เซียงหยุนเฟยจึงคิดว่าหนิงเทียนปิงก็ไม่น่าจะรอดแล้ว
แต่ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังมาเข้าหูของเขา
“โดนระเบิดก็ยังไม่ตาย? งั้นเอาอีกรอบ!”
น้ำเสียงของหนิงเทียนปิงนั้นตื่นเต้นมาก เขาระเบิดเมื่อสักครู่อย่างสะใจ
ไม่ต้องใช้วิชาเท่ๆ ไม่ต้องฝึกฝนวรยุทธ์ใดๆ แค่ระเบิด ระเบิด แล้วก็ระเบิด!
มีสตางค์นี่มันช่างดีเหลือเกิน!
ตู้ม!
สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอีกชิ้นระเบิดออก ส่งร่างของเซียงหยุนเฟยลอยปลิวไปไกลอีกครา
ร่างนั้นลอยเคว้งกลางอากาศก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรงจนไม่ได้สติ
ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวถูกล้มลงได้ด้วยระเบิดสองครั้งอย่างง่ายดาย
คนทั้งสามเองก็ไม่คิดที่จะสู้อีกต่อไปพร้อมหันหลังหนีทันที
แต่ว่าพวกเขานั้นก็บาดเจ็บกันไปไม่น้อยกับระเบิดลูกแรก มีหรือจะยังหนีหนิงเทียนปิงได้?
“ระเบิด!”
“ข้าจะระเบิดพวกเจ้าให้เป็นจุล!”
“ชอบไล่นักไม่ใช่รึ? รู้สึกดีขึ้นยัง? หา?”
…
พลังงานอันมหาศาลสะท้านฟ้าเกิดขึ้นเป็นครั้งครา ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับเป็นพายุที่โหมกระหน่ำ
ไม่นานนักพวกหวงไหเองก็ถูกระเบิดจนแหลกเละไปตามๆ กัน ไม่เหลือแม้แต่เศษผงใดๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เยี่ยมสุดๆ ไปเลย! นายใหญ่ การเป็นคนรวยนี่มันดีจริงๆ ไม่ต้องสนใจว่าจะมีวรยุทธบ่มเพาะแบบไหน ไม่ต้องสนว่าจะฝึกวิชายุทธใดมา แต่ระเบิดไปเรื่อยๆ จนทุกสิ่งอย่างราบเป็นหน้ากลอง!”
หนิงเทียนปิงนั้นก็อยู่มานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่เขาได้ทำตัวเป็นเศรษฐีอย่างแท้จริง
เพราะแม้แต่ตอนที่อยู่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เขาเองก็ไม่สามารถจะใช้อะไรให้มันฟุ่มเฟือยได้มากปานนี้!
สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนั้นต่อให้มีเงินเป็นแสนล้านก็ใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่ายๆ มีหรือที่เขาจะมีปัญญาใช้มันทิ้งๆ ขว้างๆ อย่างนี้?
แต่แน่นอนว่าหากไร้ซึ่งความช่วยเหลือจากเย่หยวนที่ช่วยเขาไว้ด้วยแนวคิดแห่งห้วงมิติแล้ว แค่การระเบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชิ้นเดียวมันก็มากพอที่จะสังหารเขาลงได้แล้ว มีหรือที่จะยังมายืนสะใจอยู่แบบนี้ได้?
การระเบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำห้าถึงหกชิ้นติดๆ กันแบบนี้มันทำให้กลุ่มนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าแตกพ่ายลงในพริบตา
เย่หยวนยิ้มตอบ “หากไม่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางแล้วเจ้าก็คงไม่สามารถระเบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำชั้นกลางได้หรอก เพราะฉะนั้นวรยุทธ์บ่มเพาะนั้นยังจำเป็น!”
หนิงเทียนปิงยิ้มตอบ “ฮ่าฮ่า เรื่องที่นายใหญ่ว่ามามันก็ถูก ข้าเองก็แค่พูดล้อเล่นเท่านั้น ตอนที่ได้เห็นท่านใช้วิธีการนี้ระเบิดผู้คนเมื่อคราก่อน ข้ารู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก พอวันนี้ได้มาใช้เองแล้วมันก็ยิ่งสะใจอย่างยิ่งจริงๆ ฮ่าๆๆ”
ต่อสู้ข้ามอาณาจักร? ต่อหน้าการระเบิดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนี้ การต่อสู้ข้ามอาณาจักรมันก็เป็นได้เพียงเรื่องตลก!
สำหรับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าแล้ว สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนั้นเปรียบได้เหมือนชีวิตของพวกเขา
แต่ทว่าเย่หยวนกลับใช้มันเพื่อเป็นระเบิด ช่างเป็นความฟุ่มเฟือยอย่างถึงที่สุด
ฟุบ!
หนิงเทียนปิงนั้นกำลังดีใจกับฝีมือของตัวเองอยู่ แต่ตอนนั้นเองที่ร่างหนึ่งบนพื้นกลับพุ่งตัวออกไปไกลด้วยความเร็วที่สูงส่ง
หนิงเทียนปิงหน้าเปลี่ยนสีทันทีก่อนจะกล่าวขึ้นมาแค้นเคือง “ไอ้หมอนั่นมันยังไม่ตาย! มันแค่แกล้งตายหรอกรึ!”
ร่างนั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากเซียงหยุนเฟย
เขาถูกพลังระเบิดเข้าไปสองครั้งติด จึงไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ
เมื่อได้เห็นว่าหนิงเทียนปิงประมาทเขาจึงใช้โอกาสนั้นใช้วิชาลับหนีไปทันที
ระหว่างที่พูดไปหนิงเทียนปิงก็พยายามจะออกวิ่งตาม แต่เย่หยวนก็หยุดเขาไว้ก่อน “มันใช้วิชาลับ เจ้าตามมันไม่ทันหรอก ปล่อยมันไปเถอะ”
หนิงเทียนปิงนั้นมีท่าทางเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดและโกรธ “มันเป็นความผิดข้าเอง ข้าประมาทเกินไป!”
เย่หยวนยิ้ม “มันเองก็บาดเจ็บไปไม่น้อย แถมยังใช้วิชาลับออกมาอีก ต่อให้มันจะรักษาตัวจนหายดีมันก็คงไม่สามารถกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดได้อีกแล้ว ไม่ต่างอะไรจากคนเป็นง่อย ตอนนี้ปัญหาของเราก็คลี่คลายแล้วด้วย ออกเดินทางต่อกันเถอะ!”
หนิงเทียนปิงพยักหน้ารับและเดินกลับเข้ามาในโถงบัลลังก์ม่วงอย่างคอตก
โถงบัลลังก์ม่วงเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกไปยังพื้นที่แสนห่างไกล
เมื่อไม่มีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้ามาคอบรังควาน โถงบัลลังก์ม่วงก็ได้กลับมาเดินทางอย่างเต็มความเร็วเหมือนก่อน ทำให้หายลับไปกับเส้นขอบฟ้าในพริบตา
สายตาหนึ่งคู่จ้องมองไปยังโถงบัลลังก์ม่วงที่หายไปกับเส้นขอบฟ้าอย่างโกรธแค้น “ดูจากทิศแล้วพวกมันน่าจะมุ่งไปที่เขาแห่งถงเทียน? มาผิดพลาดในเรื่องเล็กๆ แบบนี้จนได้! ไม่นึกเลยว่ามันจะยังมีไม้ตายแบบนั้นซ่อนไว้อยู่! แต่ว่าหากไม่แก้แค้นเรื่องในครานี้ เซียงหยุนเฟยผู้นี้ก็คงมิใช่คนอีกต่อไปแล้ว!”
ตอนที่ 1667 เล้งชิวหลิง
“นี่หรือคือเขาแห่งถงเทียน?”
เย่หยวนจ้องมองไปยังยอดเขายักษ์ใหญ่ที่ปกคลุมด้วยม่านเมฆตรงหน้าด้วยความรู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองกำลังค่อยๆ หลุดลอยออกจากร่าง
อย่างที่โบราณว่าไว้ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ชื่อเขาแห่งถงเทียนนั้นมันโด่งดังไปทั่วฟ้าอย่างที่ไม่มีใครจะไม่รู้จัก
ก่อนหน้านี้เย่หยวนได้คิดถึงภาพของเขาแห่งถงเทียนแห่งนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่เมื่อได้เห็นมันจริงๆ ตอนนี้ เขาก็ยังต้องสั่นสะท้านไปถึงทรวงใน
ทุกคนว่าเขาแห่งถงเทียนนั้นเป็นเขาที่มีทุกแนวคิดบนมหาพิภพถงเทียนรวบรวมไว้ที่เดียวนี้ และดูท่ามันคงไม่ผิดเสียแล้ว!
เขาลูกนั้นตั้งอยู่ไม่ไกลออกไปมาก แต่เย่หยวนกลับรู้สึกว่าตัวเขามองเห็นมันได้ไม่ชัดเจนนัก ราวกับว่ามีม่านหมอกบางอย่างมาบดบังสายตาไว้อย่างลึกลับ
เขารู้สึกได้ถึงกระแสลม คลื่นของยอดเต๋า รู้สึกว่าร่างกายทั้งร่างกำลังค่อยๆ ไกลเข้าสู่ยอดเขานั้น
“เย่หยวน! หยุดมองมันได้แล้ว!”
เย่หยวนนั้นรู้สึกราวกับตัวเองหลุดจากมนต์สะกดเมื่อได้ยินเสียนั้น ทำให้เขากลับมาได้สติในทันที
ร่างของเย่หยวนสั่นเทา เสื้อผ้าที่ใส่มาชุ่มเหงื่อไปจนเกือบทั่ว
“ก-เกิดอะไรขึ้น?” เย่หยวนถามด้วยความกลัว
“เจ้าช่วยเด็กคนนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมันกำลังแยกออกจากร่างแล้ว!” หวู่เฉินบอก
เย่หยวนนั้นตื่นตระหนกไม่น้อยก่อนจะหันหน้าออกไปมองและพบว่าหนิงเทียนปิงกำลังค่อยๆ มีจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หลุดไหลออกไปจากร่าง
“เทียนปิง! กลับมา!”
เย่หยวนจะโกนลั่นทำให้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหนิงเทียนปิงดีดกลับเข้าร่างได้ทัน
“น-นายใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” หนิงเทียนปิงถาม
หวู่เฉินบอก “พวกเจ้านั้นไม่มีพลังมากพอและกำลังจะพ่ายต่อพลังของยอดเต๋า! การมองเขาแห่งถงเทียนตรงๆ แบบนั้นมันจึงทำให้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าหลุดลอยออกจากร่าง หากถูกกลืนเข้าไปในพายุยอดเต๋าแล้วคงถูกปานจนแหลกเป็นผงแน่!”
เย่หยวนตื่นตระหนกไม่น้อยเมื่อได้ยิน ก่อนจะหันไปบอกหนิงเทียนปิงอีกครั้ง ทำให้คนทั้งสองเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจ
สมชื่อเขาแห่งถงเทียนจริงๆ แค่มองนิดเดียวก็มากพอจะพรากวิญญาณผู้คนไป
โม่ลี่เฟยเองก็พูดตามขึ้นมา “เฮ้อ เด็กน้อย ข้ายังไม่ทันได้พูดอะไรจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าก็หลุดออกจากร่างไปเสียก่อนแล้ว!”
เพราะเขานั้นไม่ได้มีปราณเทวะที่รุนแรงดั่งหวู่เฉิน เขาจึงได้แต่ตะโกนออกไปอย่างไม่หยุดยั้งแต่หนิงเทียนปิงก็ไม่ได้ยินมันแม้แต่น้อย
หนิงเทียนปิงหายใจเข้าลึกก่อนจะบอก “เขาแห่งถงเทียนช่างยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือ เรื่องที่ว่ามหาพิภพถงเทียนทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากมันก็คงไม่ผิดนัก!”
จู่ๆ เย่หยวนก็เกิดตัวสั่นสะท้านขึ้นมาราวกับว่ามีสายฟ้าฟาดลงกลางตัว เหมือนว่าจะนึกอะไรบางอย่างออกได้!
แต่ทว่ามันก็เหมือนเขาไม่อาจจะเข้าใจมันได้
นี่เป็นความเข้าใจที่ผ่านมาและผ่านไปราวสายฟ้า เร็วจนเย่หยวนจับความคิดนั้นไว้ไม่ทัน
มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับถูกมดทั้งรังรุมกัดกินหัวใจ ความคันในอกในใจนี้มันยากเกินกว่าที่จะทนทานได้
“นายใหญ่ เป็นอะไรไป?” หนิงเทียนปิงเห็นท่าทางแปลกๆ ของเย่หยวนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“เด็กน้อย เงียบปากก่อน! ดูท่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว อย่าได้ไปกวนเขา” โม่ลี่เฟยบอก
หนิงเทียนปิงนั้นไม่ค่อยเข้าใจความหมายนั้นสักเท่าใด แต่ก็เงียบปากลงตามที่อาจารย์สั่ง
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นพยายามนึกย้อนกลับไปถึงเสี้ยววินาทีนั้น แต่ก็ยังไม่สามารถจำความคิดที่แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้นได้
สุดท้ายเขาจึงได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา
“เด็กน้อย เจ้าเข้าใจอะไรแล้วหรือ?” หวู่เฉินถาม
แต่เย่หยวนกลับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “มันรู้สึกเหมือนข้าจะใกล้จะเจาะกระดาษนี้ขาดแล้ว ขาดอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถที่จะผ่านมันไปได้”
หวู่เฉินเบิกตากว้าง “ไม่ต้องรีบไป ดูท่าการเดินทางมาครั้งนี้จะไม่พลาดแล้ว! เมื่อเจ้าได้เข้าเขาแห่งถงเทียนไป บางทีความคาใจใดๆ ทั้งหลายมันอาจจะคลี่คลายลงทันทีเลยก็ได้”
เย่หยวนพยักหน้ารับเมื่อได้ยินและพยายามบอกตัวเองว่าเช่นนั้นด้วย
“นายใหญ่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
หนิงเทียนปิงนั้นเห็นท่าทางของเย่หยวนเมื่อสักครู่นี้เขาก็พอรู้ได้ว่าเย่หยวนน่าจะจับความคิดที่แล่นผ่านมาไว้ไม่ได้
แต่เย่หยวนนั้นปรับอารมณ์กลับมาได้แล้วจึงเดินเข้าไปตบบ่าหนิงเทียนปิงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากข้าสามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้จริง เจ้านี่แหละจะเป็นคนแรกที่ข้าจะช่วยหลอมโอสถให้!”
หนิงเทียนปิงหันมามองและกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ “นายใหญ่ ท่าน… เจอโอกาสในการบรรลุแล้วเช่นนั้นหรือ?”
เย่หยวนพยักหน้ารับและตอบไปด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่ามันจะเป็นแค่เสี้ยววินาที แต่ข้าก็รู้ได้ว่ามันเป็นทางที่ถูกต้อง”
หนิงเทียนปิงหัวเราะร่า “ฮ่าๆๆ เมื่อใดก็ตามที่นายใหญ่บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ เรามากลับไปแสดงให้คนพวกนั้นมันได้รู้กันเถอะ!”
เขานั้นรู้ว่าเย่หยวนทรมานมามากแค่ไหนช่วงหลายร้อยปีหลังๆ มานี้ และเขาก็ยังชื่นชมในความคิดของเย่หยวนไปด้วยในเวลาเดียวกัน
เพราะหากเป็นอัจฉริยะคนอื่น พวกเขาคงได้แต่ทิ้งตัวเองไว้ในห้วงแห่งความสิ้นหวังแล้ว
ตอนนั้นเองที่พวกเขาได้เห็นกลุ่มนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้ากลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางอยู่ไม่ห่างไกลไปนัก
ในกลุ่มนั้นมีชายหนุ่มเสื้อขาว เขากล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าดูถูกดูแคลน “เอ๋ ศิษย์พี่หญิงท่านดูนั่น มีเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคิดจะเข้าไปในเขาแห่งถงเทียนด้วย! ช่างประเมินตัวเองสูงเกินจริงเสียแท้ๆ”
คนที่นำหน้ามานั้นเป็นหญิงสาวรูปงาม
หญิงสาวคนนั้นเองก็สวมใส่ชุดสีขาวสะอาด มีท่าทางที่ผ่าเผยและสง่ามาก ผิวของนางนั้นสวยงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์
เพียงแค่ว่าพลังกดดันที่ออกมาจากร่างงามๆ นั้นมันทำให้ผู้คนที่อยู่ห่างไปนับหมื่นกิโลเมตรต้องเหงื่อตก
หญิงสาวคนนั้นหันมามองเย่หยวนด้วยคิ้วขมวดแน่น “เขาแห่งถงเทียนนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับผู้มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าเจ้ารู้หรือไม่? นี่มันมิใช่สถานที่สำหรับเจ้าหรอกนะ”
เย่หยวนหันไปมองหญิงสาวคนนั้นด้วยความตื่นตกใจไม่น้อย
เพราะหญิงสาวคนนี้มีอายุแทบไม่ต่างไปจากตัวเขาเลย แต่กลับมีพลังบ่มเพาะถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว
พรสวรรค์ระดับนี้มันมากพอที่จะชนะทุกคนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย!
แม้แต่หนิงเทียนปิงที่ว่าเป็นยอดอัจฉริยะแล้ว เขาก็ยังต้องรู้สึกอับอายและไร้ค่าเมื่อมาเจอแม่นางคนนี้
ความแตกต่างมันห่างชั้นเกินไป!
หลังจากหายตกใจแล้วเย่หยวนก็ยกมือขึ้นคารวะอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระคุณที่ตักเตือน แต่ทว่า… เย่ผู้นี้มีเรื่องสำคัญมากที่จำเป็นต้องเข้าไปจริงๆ”
แม้ว่าคำพูดของแม่นางคนนี้มันจะไม่ค่อยรื่นหูนัก แต่เย่หยวนก็ไม่ได้คิดอะไรกับมันมากมาย
เพราะยังไงเสียนางคนนี้ก็เตือนออกมาด้วยความหวังดี ไม่ได้มีท่าทางจะเย้ยหยันใดๆ
ตรงกันข้ามกับชายหนุ่มชุดขาวที่มาด้วย
แต่พลังของคนกลุ่มนี้มันก็เหนือล้ำมากจริงๆ
พวกเขาทั้งหลายล้วนแล้วต่างเป็นคนหนุ่มสาว แต่ว่าแต่ละคนกลับมีพลังบ่มเพาะที่เหนือล้ำกว่าหนิงเทียนปิงทั้งสิ้น
แต่หนิงเทียนปิงนั้นมีอายุกว่าพันปีเข้ามาแล้ว
ในเรื่องของพรสวรรค์ ความต่างของทั้งสองฝ่ายนั้นมันมากจนมองไม่เห็นฝุ่นเลย
“เฮอะ มีเหตุผลใดกันที่ต้องขึ้นไป? คงเพราะว่าตัวเจ้าไม่มีปัญญาจะบรรลุถึงได้มาเสี่ยงโชคที่เขาแห่งถงเทียนนี้ล่ะสิ อายุตั้งกว่าห้าร้อยปีแล้วแต่กลับไม่สามารถบรรลุสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ช่างไร้พรสวรรค์เสียจริงๆ ข้าไม่รู้เลยว่ามันมีพวกบ้านนอกอย่างเจ้ามาที่นี่กันปีละกี่คน และสุดท้ายคนพวกนั้นก็ได้แต่ต้องถูกเขาแห่งถงเทียนนี้บดขยี้ลง หากเจ้ายังอยากเข้าไปรนหาที่ตายก็จงไปเถอะ พวกเราเองก็ไม่มีหน้าที่ต้องห้ามเจ้า” ชายชุดขาวว่า
เมื่อหนิงเทียนปิงได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตะโกนลั่นกลับไปอย่างโกรธเคือง “เจ้าจะไปรู้อะไร? หากไม่ใช่ว่าเพราะเหตุผลบางอย่างนายใหญ่คงบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าไปได้ตั้งแต่สามร้อยปีก่อนแล้ว!”
ตอนไม่พูดก็ยังดี แต่พอได้ยินคำนั้นของหนิงเทียนปิงชายชุดขาวกลับยิ่งมีสีหน้าแสนจะดูถูกหนักกว่าเก่า “กลายเป็นว่าหมอนี่ติดอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามาเกือบสามร้อยปีแล้ว! สามร้อยปีแต่กลับไม่มีปัญญาจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าแล้วยังจะมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะอีกหรือ? เฮอะ เฮอะ ช่างเป็นกบในกะลาเสียจริงๆ เห็นศิษย์พี่ชิวหลิงของเราหรือไม่? นางบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ตั้งแต่อายุแค่ร้อยปี ตอนนี้เวลาผ่านไปสี่ร้อยปีนางก็สามารถกลายเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว! ที่นางมาเขาแห่งถงเทียนในครานี้ก็เพื่อจะหาโอกาสในการบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ เจ้าน่าจะ… รู้สึกได้ถึงความต่างนี้ใช่ไหม?”
หนิงเทียนปิงแทบจะกระอักเมื่อได้ยิน เพราะเขาไม่มีอะไรจะเถียงกลับอีกฝ่ายไปได้เลย
อัจฉริยะแบบนี้เขาคงได้แต่จ้องมองไปชั่วชีวิต
ด้วยเวลาแค่สี่ร้อยปีกลับสามารถบรรลุจากอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว มันช่างเป็นความเร็วการบ่มเพาะที่เหนือล้ำ
หญิงชุดขาวคนนั้นร้องขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ไป๋ชิง!”
ชายชุดขาวได้เห็นว่าแม่นางเล้งชิวหลิงโกรธแบบนั้นเขาจึงเลือกที่จะหุบปากลงทันที
เล้งชิวหลิงหันมามองเย่หยวนอีกครั้ง “ข้าแค่จะมาเตือนเท่านี้ ลาก่อน!”
พูดจบนางก็นำพากลุ่มศิษย์น้องทั้งหลายมุ่งหน้าเข้าสู่เขาแห่งถงเทียนไป
“นายใหญ่ พวกนั้นมันจะอวดดีเกินไปแล้ว!” หนิงเทียนปิงบอก
แต่เย่หยวนกลับทำแค่ยิ้มรับ “พวกเขานั้นมีประสงค์ดี ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น