Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1654-1655
ตอนที่ 1654 กลิ้งให้ข้าดูหน่อย
ที่ด้านหน้าหอหลักของกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ มีคนมากมายกำลังค่อยๆ ทยอยกันเดินเข้าไปด้านใน
ผู้ที่เข้ามาในนี้ได้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าแทบทั้งสิ้น
สำหรับนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั้น พวกเขาไม่มีเงินทองมากพอที่จะซื้อได้แม้แต่เศษฝุ่นในการประมูลนี้
หากอยากเข้าร่วมงานประมูลของเมืองหลวงลาภสายน้ำ คนๆ นั้นก็ต้องรับการตรวจสอบก่อนว่ามีสินทรัพย์มากกว่าหมื่นล้านไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางเข้ามาได้เลย
ยามเฝ้าทางเข้าหยุดเย่หยวนไว้และถามขึ้น “ขอตรวจบัตรเชิญด้วย”
เย่หยวนกำลังจะล้วนมือไปหยิบเหรียญตราสูงสุดออกมา ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ไปไกลๆ ไป! เป็นแค่เด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับอยากจะเข้ามาในงานประมูล จะประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!”
คนที่พูดเรื่องนั้นออกมาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาคือยักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว
แต่ที่ด้านหลังของเขานั้นมีชายแก่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวตามมาด้วย
การที่สามารถมีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเป็นผู้ติดตามแบบนี้ ดูท่าภูมิหลังของเด็กหนุ่มคนนี้เองก็ไม่น่าจะธรรมดา
เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้น คนแบบนี้ ไปที่ไหน ก็เจอทุกที่จริงๆ
เจ้าเข้างานของเจ้าไป ข้าก็เข้างานของข้า มีอะไรให้ต้องมาขัดขวางกันด้วย?
เด็กหนุ่มคนนั้นยื่นบัตรเชิญออกมาและบอกยามเฝ้าประตูคนนั้น “พวกเจ้ากลุ่มเครือข่ายสวรรค์นี่มันหละหลวมกันจริงๆ นี่คิดจะให้ใครเข้าไปก็ได้อย่างนั้นรึ? แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าก็เข้ามาได้รึ?”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะสร้างเรื่องโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะจนโด่งดังไปทั่วทั้งเมือง แต่คนที่ได้เจอเย่หยวนต่อหน้าจริงๆ ก็ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น
และยามคนนี้ก็ดูท่าจะไม่รู้จักเย่หยวนเลย
ยามที่รับบัตรเชิญไปก้มลงมองมันก่อนจะรีบก้มหัวลงทันที “กลายเป็นว่านี่คือนายน้อยจิงลู่แห่งเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะ ต้องขออภัย ต้องขออภัย ส่วนเรื่องที่นายน้อยจิงลู่ถามนั้น ตราบเท่าที่คนๆ นั้นมีบัตรเชิญจากกลุ่มเครือข่ายสวรรค์เขาก็สามารถเข้าร่วมงานประมูลได้ไม่มีข้อจำกัดเรื่องพลังบ่มเพาะขอรับ”
คำพูดของยามคนนี้ทำให้ทุกผู้คนรอบๆ แตกตื่นทันที
“นั่นหรือคือนายน้อยจิงลู่แห่งเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะ? ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นยอดอัจฉริยะไร้เปรียบ ตอนที่เขาเกิดออกมาเขาก็มีพลังบ่มเพาะระดับอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางแล้ว และสามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้ตอนที่อายุแค่ห้าร้อยปี!”
“ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ว่ากันว่าวันข้างหน้าเขาจะต้องได้กลายเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อย่างแน่นอน”
และก็มีอีกเสียงกระซิบขึ้น “แต่ข้าได้ยินว่านายน้อยจิงลู่นั้นมีนิสัยที่เกินจะทนชอบใช้อำนาจสถานะในการข่มขู่ผู้คน”
…
ชัดเจนเลยว่าชื่อเสียงของจิงลู่นั้นโด่งดังมากแค่ไหน ตอนนี้ผู้คนรอบๆ หลายเคยก็เริ่มพูดถึงเขาขึ้นมาแล้ว
เมื่อจิงลู่ได้ยินเสียงชื่นชมจากรอบตัว เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาในใจ เพราะเขานั้นชอบสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยาแบบนี้มาก
“พวกเจ้าคงเบื่อจนถึงขั้นเชิญเด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแบบนี้ใช่ไหม? เด็กน้อย เจ้ามีบัตรเชิญหรือไม่?” จิงลู่ถามเย่หยวน
เย่หยวนต้องกลั้นขำและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “บัตรเชิญ? ข้าไม่มีหรอก”
จิงลู่จึงยิ่งแสดงท่าทีอวดเก่งออกมาหนักกว่าเก่า “ไม่มีบัตรเชิญงั้นทำไมยังไม่รีบไสหัวไปอีก? อยากให้นายน้อยคนนี้ส่งเจ้ากลิ้งหลุนๆ ไปให้ไหม?”
เย่หยวนตอบกลับไป “กลิ้งยังไง? เจ้าลองกลิ้งให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”
จิงลู่เห็นว่าเย่หยวนดูถูกเขาเต็มประดาแบบนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีก่อนจะกล่าวขึ้น “พวกโง่ไร้สมองตาไม่มีแวว เป็นแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับกล้ามาปากดีใส่นายน้อยคนนี้! เอาล่ะ นายน้อยคนนี้จะสอนเจ้าเองว่าการกลิ้งหลุนๆ มันเป็นยังไง!”
คนรอบๆ ต่างคิดว่าเย่หยวนนั้นไม่ฉลาดเอาเสียเลย
ทั้งๆ ที่พลังไม่เพียงพอแต่กลับกล้าต่อต้าน นี่มันไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่มันคือความโง่งม
พูดจบจิงลู่ก็เตะเท้าใส่เย่หยวนทันที
ที่ด้านหลังจิงลู่ ชายแก่คนนั้นกำลังจ้องมองดูหนิงเทียนปิงอย่างไม่กระพริบตา
หากหนิงเทียนปิงคิดจะลงมือทำอะไร เขาก็จะเข้าไปหยุดไว้ในทันที
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตกใจมากที่สุดคือหนิงเทียนปิงไม่คิดที่จะขยับเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน
เท้านี้มันแฝงไปด้วยพลังโลก มีหรือที่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะรับมันไว้ได้?
คนรอบๆ ต่างนึกภาพเท้านี้สังหารเย่หยวนลงในใจไปแล้ว
แต่ทว่าก่อนที่เท้านั้นจะเตะมาถึงเย่หยวน ร่างของเย่หยวนกลับหายไปจากที่ที่เขายืน
บึก!
หมัดหนักๆ มุ่งตรงเข้าหน้าจิงลู่!
หมัดนี้มันถูกซัดออกมาอย่างไม่ทันเห็น จิงลู่จึงลอยลิ่วออกไปไกลพร้อมกลิ้งไถลไปอีกหลายตลบก่อนจะหยุดลงในที่สุด
เรื่องราวนี้มันทำให้ทุกคนตื่นตกใจจนไม่รู้ต้องตอบสนองอย่างไร
“อะไรเนี่ย? อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าต่อยอาณาจักรราชันพระเจ้าปลิวได้?”
“ไม่นะ เดี๋ยว! ตาข้าต้องฝาดไปแน่ๆ เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“ไหนเขาว่าจิงลู่เป็นอัจฉริยะในรอบแสนปีไง? ทำไมมันอ่อนแอจัง?”
“เด็กคนนั้นเหมือนว่า… แนวคิดแห่งห้วงมิติ! พระเจ้าช่วย แนวคิดแห่งห้วงมิติจริงๆ ด้วย!”
…
ภาพนี้หนิงเทียนปิงได้เห็นมันจนชินชา แต่สำหรับคนอื่นๆ มันคงแปลกตาน่าตื่นเต้นมาก
อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าต่อยอาณาจักรราชันพระเจ้าจนปลิว ภาพนี้มันเกินความเข้าใจของทุกผู้คนไปมาก
“นี่เองรึวิธีกลิ้งน่ะ! ท่าทางดูไม่ได้เลยจริงๆ ข้าขอผ่านดีกว่า” เย่หยวนยิ้มกว้าง
จิงลู่พยายามลุกขึ้นมาก่อนที่จะใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปแทบทั้งหมด ตอนนี้เขามีหน้าตาเหมือนเด็กที่กำลังจะร้องไห้ออกมา เป็นภาพที่น่าสมเพชอย่างบอกไม่ถูก
เขาตะโกนลั่น “ลุงหวง ฆ่ามันให้ข้า! ข้าอยากให้มันตาย!”
ชายแก่คึนนั้นหันมากล่าวใส่เย่หยวน “เด็กน้อย เจ้ารนหาที่ตายเองนะ!”
เย่หยวนไม่คิดจะสนใจชายแก่และหยิบเหรียญตราสูงสุดออกมายื่นให้ยาม “ข้าไม่มีบัตรเชิญใดๆ แต่ข้ามีสิ่งนี้ พอจะเข้าไปได้ไหม?”
ยามคนนั้นเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก “เหรียญตราสูงสุด! น-นายใหญ่ ข้าน้อยผู้นี้มีตาหามีแววไม่ หากทำให้ท่านไม่พอใจต้องขออภัยเป็นอย่างสูง!”
เหรียญตราสูงสุดนี้เป็นบัตรเชิญระดับสูงสุดในการประมูลครั้งนี้ เหล่าคนที่ถูกเชิญล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโต
ด้วยตำแหน่งแค่ยามอย่างเขา เขาไม่มีทางกล้าไปลบหลู่คนเช่นนั้นได้เลย
เมื่อได้เห็นเหรียญตรานี้ หัวใจของเขาก็แทบจะร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ลุงหวงคนนั้นพุ่งตัวเข้ามาแต่เป็นยามที่พูดขึ้นมาขัดก่อน “หยุด! นายท่านผู้นี้นี่คือหนึ่งในแขกคนสำคัญของเมืองหลวงลาภสายน้ำ! หากพวกเจ้าคิดจะทำร้ายเขา เจ้าจะได้กลายเป็นศัตรูของสามขั้วอำนาจใหญ่ของเรา!”
ลุงหวงคนนั้นและจิงลู่ของเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองหลังได้ยิน
เพราะแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนหนึ่งแต่กลับเป็นถึงแขกสำคัญของเมืองหลวงลาภสายน้ำ?
จิงลู่จึงกล่าวขึ้นขู่ “เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้เลยรึ?”
แต่ยามคนนั้นไม่คิดจะถอยแม้แต่น้อย “ต้องขออภัย นายน้อยจิงลู่เองก็เป็นแขกคนสำคัญของเรา แต่เบื้องบนท่านสั่งกำชับมาไว้ว่าหากเห็นใครถือเหรียญตราสูงสุดนี้มาก็จงต้อนรับเขาด้วยมาตรฐานสูงสุด! หากนายกล้าทำร้ายนายท่านผู้นี้ ข้าก็คงได้แต่พูดว่าขออภัยแล้ว!”
ตอนนี้ไม่ใช่แค่จิงลู่ แม้แต่ผู้คนรอบๆ เองก็หันมามองเย่หยวนด้วยสายตาอันไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนหนึ่งกลับสามารถเป็นแขกผู้ทรงเกียรติได้?
“ฮึ่ม! แค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวอย่างเจ้าจะทำอะไรได้? ลุงหวงท่านรออะไรอยู่ดี? จัดการมันสิ!”
ยามคนนี้เป็นแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวจริง จิงลู่จึงไม่คิดจะสนใจเขาเลยแม้แต่น้อยและหันไปสั่งให้ลุงหวงของเขาโจมตี
แต่ลุงหวงกลับลังเล
เพราะก่อนที่จะมาผู้อาวุโสใหญ่ได้สั่งการกำชับไว้อย่างดีว่าอย่าได้ไปสร้างเรื่องกับสามขั้วอำนาจใหญ่
เมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นเป็นแค่เมืองหลวงกลางเขตความขัดแย้ง หากพวกเขาไม่มีเบื้องหลังที่ลึกล้ำมีหรือที่จะยืนยงมาได้จนทุกวันนี้?
รอบๆ เมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นมีเมืองจักรพรรดิอยู่ทั้งหมดสามเมือง และหนึ่งในนั้นเองก็คือเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะ
แต่เมืองจักรพรรดิทั้งสามนั้นกลับมีอำนาจน้อยมากในเมืองหลวงลาภสายน้ำนี้
อาจจะเรียกได้ว่าเมืองหลวงลาภสายน้ำนี้เป็นจักรวรรดิย่อมๆ ของตัวเองเลย
ลุงหวงเองก็ไม่ใช่เด็กใจร้อนโง่งมเหมือนจิงลู่ เขารู้ดีว่าเรื่องราวเหล่านี้มันตึงเครียดมากแค่ไหน
การสังหารนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั้นไม่ยาก แต่อีกฝ่ายนั้นได้พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
เย่หยวนเป็นแขกคนสำคัญ!
เพราะแม้แต่พวกเขาที่มีสถานะแบบนี้ ก็ยังไม่มีปัญญาจะได้รับเกียรตินั้นเลย
เห็นก็รู้ได้เลยว่าเหรียญตรานี้มันมีความสำคัญมากแค่ไหน
ลุงหวงจึงพูดขึ้น “นายน้อย ช่างมันเถอะ! ไม่มีเรื่องไว้จะดีกว่า เราเข้าไปกันเถอะ!”
ตอนที่ 1655 จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้
“ว-ว่ายังไงนะ?”
จิงลู่ถามขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะฟังผิดไป
ลุงหวง… เลือกที่จะถอย?
ที่นี่มันก็แค่เมืองหลวงเล็กๆ แห่งหนึ่งมิใช่หรือ? เขาจะกลัวอะไรนักหนา?
ลุงหวงคนนั้นดึงตัวจิงลู่ไปกระซิบบอก “มันมีเรื่องอะไรเดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง ที่นี่ไม่เหมาะจะคุย”
พูดจบเขาก็ลากตัวจิงลู่ไปด้านในหอจัดงานประมูลทันที
เมื่อทุกคนเห็นภาพนั้นพวกเขาต่างก็เริ่มคาดเดาถึงภูมิหลังของเย่หยวนกันไปต่างๆ นาๆ
ชัดเจนว่าเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะไม่กล้าท้าทายเมืองหลวงลาภสายน้ำ และเมืองหลวงลาภสายน้ำเองก็ไม่กล้าที่จะลบหลู่เย่หยวน
เมื่อคิดได้แบบนี้พวกเขาก็คาดเดาได้ทันทีว่าตัวตนของเย่หยวนมันยิ่งใหญ่เพียงใด
เด็กหนุ่มอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนี้มันเป็นใครกันแน่?
ในฝูงชน จู่ๆ ก็เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เอ๋? นั่นมันเถ้าแก่เย่หยวนนี่? ทำไมยังไม่เข้ามาด้านในอีกเล่า? เดี๋ยวที่นั่งด้านในก็เต็มหมดหรอก”
เย่หยวนหันไปมองใบหน้าที่คุ้นตานั้น เขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่มาแวะซื้อโอสถของเย่หยวนไป
และดูท่าเขาคนนี้จะไม่รู้เลยว่าเมื่อสักครู่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เย่หยวนยิ้มตอบ “เข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ เมื่อกี้มันมีเรื่องนิดๆ หน่อยๆ น่ะ”
อีกฝ่ายจึงกล่าวชวน “งั้นเข้าไปด้วยกันไหม?”
เย่หยวนตอบ “ได้สิ!”
“ฮ่าฮ่า ได้เดินเข้าไปคู่กับเถ้าแก่เย่หยวนแบบนี้ หลิวคนนี้ช่างโชคดีนัก!”
พูดจบคนทั้งสองก็เดินเข้าไปพร้อมๆ กันปล่อยให้คนที่อยู่ด้านหลังได้แต่ยืนงง
“นั่นมันหัวหน้าแก๊งสวรรค์เหิน หลิวฉางเทียนไม่ใช่รึ? เขาเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ทำตัวสุภาพกับเด็กน้อยคนนั้นมากขนาดนั้นกัน!”
“ข้าจำได้แล้ว! เมื่อหลายวันก่อนมีร้านขายโอสถที่โด่งดังไปทั่วเมืองอยู่ ถ้าจำไม่ผิดเจ้าของร้านนั้นจะมีนามว่าเย่หยวนนะ!”
“เป็นเขาจริงๆ รึ! ไม่แปลกใจเลย ไม่แปลกใจเลย เพราะต่อให้เป็นสามขั้วอำนาจใหญ่ก็ยังต้องไปต่อแถวอย่างเป็นระเบียบหน้าร้านเขา!”
“เฮอะ เฮอะ นายน้อยจิงดูท่าจะเตะท่อนเหล็กเข้าเสียแล้ว”
…
เย่หยวนและหลิวฉางเทียนเดินเข้ามาด้านในหอก่อนจะมีชายกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายทักคู่
เมื่อหลิวฉางเทียนได้เห็นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ไม่นึกเลยว่าผู้นำหลี่แห่งพันธมิตรจะมาด้วยตัวเองแบบนี้!” หลิวฉางเทียนก้มลงทำความเคารพทันที
ผู้นำหลี่แห่งพันธมิตรนั้นย่อมเป็นผู้นำแห่งพันธมิตรดาบดวงดาว หลี่ซิง
หลิวฉางเทียนไม่เคยคิดเลยว่าเพราะแค่เรื่องงานประมูลแค่นี้ หลี่ซิงจะถึงขั้นออกมาด้วยตัวเองแบบนี้
หลี่ซิงยิ้มรับ “วันนี้เรามีแขกคนสำคัญมาไม่น้อย หลี่คนนี้เองจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมาด้วยตัวเอง เถ้าแก่เย่หยวน เรื่องราวไม่น่าพึงประสงค์เมื่อสักครู่นี้มันเกิดขึ้นเพราะพันธมิตรดาบดวงดาวของเราจัดการได้ไม่ดีพอ ขอเถ้าแก่เย่โปรดอย่าใส่ใจมันให้มากเลย”
ได้ยินแบบนั้นหลิวฉางเทียนก็ยิ่งเบิกตากว้าง
หลี่ซิงนั้นเป็นคนระดับไหน? แต่เขากลับทำตัวแสนสุภาพอ่อนน้อมต่อนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนี้!
ดูท่าภูมิหลังของเย่หยวนคนนี้จะไม่ธรรมดากว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก!
เย่หยวนเองนั้นไม่เคยเจอกับหลี่ซิงมาก่อน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของคนทั้งสองเขาก็คาดเดาได้ทันทีว่านี่คือผู้นำแห่งพันธมิตรดาบดวงดาว
“แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ข้าไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจอยู่แล้ว” เย่หยวนตอบไปด้วยท่าทางสบายๆ
เพราะทางหลิวฉางเทียนเองก็ไม่รู้เลยว่าในใจของหลี่ซิงเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อยเช่นกัน
เย่หยวนคนนี้มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแต่กลับสามารถต่อยจิงลู่ที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวปลิวได้ด้วยหมัดเดียว! มีหรือที่เขาจะไม่ตระหนก?
บางทีเขาคนนี้นี่แหละที่จะเป็นยอดอัจฉริยะของจริง!
เมื่อเทียบกับเย่หยวนแล้ว จิงลู่ที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะนั้นก็เป็นได้แค่กบในกะลาที่ไม่รู้จำคำว่าผืนฟ้าอันกว้างใหญ่!
นภาสวรรค์?
นภาสวรรค์แล้วมันจะทำไม?
ในสายตาของยอดฝีมืออาณาจักรเทพสวรรค์หรืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้น อาณาจักรนภาสวรรค์เป็นไม่ได้แม้แต่มดปลวกเสียด้วยซ้ำ
หลี่ซิงกล่าว “น้องหลิว ข้าคงไปส่งเจ้าต่อไม่ได้ต้องขอเชิญเจ้าเข้าไปก่อนเลย เถ้าแก่เย่หยวน ข้าจะนำทางท่านไปยังห้องรับรองสูงสุดเอง ที่นั่นมันคงไม่มีใครสามารถมากวนใจท่านได้แน่”
หลิวฉางเทียนหน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “เชิญพวกท่านตามสบาย!”
งานประมูลนี้มีจะการจัดที่นั่งแบ่งเป็นสี่เขต เขตสวรรค์ เขตปฐพี เขตคน สามระดับ และก็อีกหนึ่งเขตที่ปกติแล้วจะไม่มีการเปิดใช้นั่นคือเขตสูงสุด
แต่คราวนี้พวกเขากลับเปิดใช้งานเขตนั้นขึ้นมา
และสิ่งที่ทำให้หลิวฉางเทียนตกตะลึงที่สุดก็คือผู้ที่ได้เข้าไปยังเขตนั้นกลับเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า!
แม้แต่คนระดับตำแหน่งและฝีมืออย่างหลิวฉางเทียนยังได้เข้าแค่เขตปฐพี
หลี่ซิงนำเย่หยวนมาถึงห้องรับรองสูงสุด พื้นที่ด้านในนั้นเป็นห้วงส่วนตัวที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยสิ่งของประดับประดาสวยงาม
ที่ตรงกลางห้องมีโต๊ะไม้โบราณเรียบๆ วางอยู่ตัวหนึ่ง แค่มองครั้งเดียวเย่หยวนก็รู้ได้ทันทีว่ามันทำมาจากไม้วิญญาณเก้าสวรรค์ มีราคาที่ไม่สามารถประเมินได้เลย
ส่วนบนโต๊ะตัวนั้นมันก็มีขนมและเครื่องดื่มจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย
ที่ด้านข้างเองก็มีสาวรับใช้ใบหน้างดงามยืนเรียงแถวกันอยู่ถึงสี่คน
ส่วนที่ด้านหน้าเป็นจอแสงที่แสดงให้เห็นถึงงานประมูลที่ด้านล่างอย่างชัดเจน
เรียกได้ว่ามันเป็นทุกสิ่งที่สะท้อนออกมาว่าผู้ใช้ห้องนี้นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน
“เถ้าแก่เย่หยวน ในงานครั้งนี้ข้าคงหาจัดเตรียมให้ท่านได้แค่นี้ ต้องขอให้ท่านลำบากใช้ห้องที่สี่นี้ไปก่อน” หลี่ซิงกล่าว
เย่หยวนทำหน้าเหมือนคนแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานแสนนาน ไม่แสดงอารมณ์อาการใดๆ ออกมาแม้แต่น้อยและตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย “ข้าคงทำให้ท่านผู้นำพันธมิตรหลี่ลำบากแล้ว ท่านกลับไปทำธุระของตัวเองต่อเถิด”
หลี่ซิงตอบกลับมา “ขอรับ เช่นนั้นหลี่คนนี้ขอตัวลา หากเถ้าแก่เย่หยวนต้องการสิ่งใด โปรดบอกให้เหล่าสาวใช้ออกไปเรียกข้าได้”
พูดจบหลี่ซิงก็จากไป
เมื่อออกมาได้ตู้หมิงเหลียงก็เดินเข้ามาหาหลี่ซิงและถาม “ว่ายังไงบ้างท่านผู้นำพันธมิตร?”
หลี่ซิงมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ “ไม่สนใจไม่ว่าจะถูกกล่าวว่าหรือได้รับคำชื่นชม คำพูดเรียบเฉยตลอดเวลา มีความอดทนอันสูงส่ง ภูมิหลังของเขาไม่มีทางเลยที่จะเล็กน้อย! คนเช่นนี้ไม่ใช่คนที่เราจะหวังเชื่อมสายสัมพันธ์ได้ แค่ส่งเขากลับได้อย่างดีก็พอแล้วตอนนี้”
ตู้หมิงเหลียงนั้นตื่นตระหนกมาก เขาไม่คิดเลยว่าผู้นำพันธมิตรจะประเมินเย่หยวนไปสูงถึงขั้นนั้น
…
สิ่งที่หลี่ซิงได้เห็นทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เย่หยวนต้องการจะแสดง
การแสดงพลังฝีมือที่หน้าประตูนั้นไม่ใช่เพื่อระบายอารมณ์ส่วนตัว แต่เป็นการแสดงเพื่อบอกสามขั้วอำนาจว่าตัวเขานั้นมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา
มีหรือที่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะข้ามอาณาจักรขึ้นไปชนะอาณาจักรราชันพระเจ้าได้?
เป้าหมายของเขานั้นเรียบง่ายมาก มันคือศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุด
เพราะหากผู้คนรู้ว่าเขาแค่มาจากเมืองจักรพรรดิไร้ชื่อเมืองหนึ่ง ด้วยตัวเขาตอนนี้เขาคงต้องถูกจ้องมองด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความโลภแน่
ถึงแม้ตัวเย่หยวนเองจะไม่กลัว แต่เขาก็คงต้องลืมเรื่องศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดไปได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงเลือกที่จะสร้างตัวตนที่แสนยิ่งใหญ่ขึ้น เขาจะประกาศออกมาให้ทุกคนคิดว่าภูมิหลังของเขานั้นมันยิ่งใหญ่จนเกินต้านทาน
หากทำเช่นนี้ ก็จะไม่มีใครคิดกล้าทำอะไรต่อเขา
แต่เย่หยวนเองก็สัมผัสได้ถึงความยุ่งเหยิงที่แท้จริงของเมืองหลวงลาภสายน้ำบ้างแล้ว
สิ่งที่อยู่หลังขั้วอำนาจทั้งสามนั้นมันคงเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แน่
ที่สำคัญมันไม่น่าจะใช่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ธรรมดาๆ ด้วย
ไม่เช่นนั้นนายน้อยของเมืองจักรพรรดิทำนองสุริยะคงไม่ทำตัวว่าง่ายขนาดนั้นแน่
ไม่นานนักแสงหน้าจอก็สว่างขึ้น ก่อนจะเผยให้เห็นชายแก่คนหนึ่งเดินออกมาบนเวที “ทุกท่าน เฒ่าคนนี้มีนามว่าเจียงเจิ้นเทา ข้าได้รับเชิญจากเมืองหลวงลาภสายน้ำให้มาเป็นผู้จัดการประมูลในวันนี้ ทุกท่านโปรดจงวางใจได้ สิ่งของทุกชิ้นที่ขึ้นประมูลในครานี้เฒ่าคนนี้ได้ตรวจสอบมันมาจนหมดแล้ว พวกมันทุกชิ้นเป็นของจริงไม่มีปลอมแปลง ที่สำคัญเฒ่าคนนี้เชื่อเลยว่าของทุกชิ้นที่ขึ้นประมูลวันนี้มันจะไม่ทำให้ท่านทั้งหลายผิดหวังแน่”
ชายชราคนนั้นแนะนำตัวจบก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นทัก “เจียงเจิ้นเทา! หรือจะเป็นคนตระกูลเจียง?”
เจียงเจิ้นเทายกมือขึ้นมาลูบหนวดของตัวเองด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว เฒ่าคนนี้คือทายาทจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ ศิษย์แห่งตระกูลเจียง!”
พูดจบเขาก็ปล่อยคลื่นพลังปราณออกมาจากร่าง ส่งผลให้พลังลึกลับปกคลุมไปทั่วหอ
“ปราณเทวะเฉียนจี้! นี่มันคนตระกูลเจียงจริงๆ ด้วย!”
“เมื่อปราณเทวะเฉียนจี้ปรากฏออกมาเช่นนี้ของจริงก็ย่อมแยกจากของปลอมได้อย่างง่ายดาย! กลายเป็นว่าเฒ่าเจียงคนนี้เป็นคนตระกูลเจียงอย่างแท้จริง ต้องขออภัย! ต้องขออภัย!”
“ฮ่าฮ่า เมื่อมีผู้อาวุโสเจียงพวกเราก็วางใจได้เลย!”
เมื่อทุกคนได้เห็นปราณเทวะเฉียนจี้นั้นพวกเขาก็เริ่มทำความเคารพคารวะชายชราทันที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น