Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1644-1649
ตอนที่ 1644 ประตูกดสวรรค์โบราณ
“ช่วยไม่ได้น้า นายน้อยคนนี้มันยังขาดอะไรอีกมากมาย เว้นแต่สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ เท่านั้นแหละ เจ้าเองก็ลองมาลิ้มรสของระเบิดจากสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำหน่อยสิ”
เย่หยวนยิ้มและพุ่งร่างออกไปในพริบตา
นั่นทำให้เฮาเหลียงขนลุกขนพองก่อนจะใช้วิชายุทธการเคลื่อนที่ออกมาอย่างเต็มแรงเพื่อจะหนีออกไปจากตรงนี้
แต่มีหรือที่หนิงเทียนปิงจะปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นนั้น?
เมื่อร่างของเขาเริ่มขยับ หนิงเทียนปิงก็มาดักหน้าเขารออยู่แล้ว
เป็นจังหวะนั้นเองที่เย่หยวนได้เข้ามาถึง!
พลังงานอันรุนแรงระเบิดออกมาเฮาเหลียงจึงพยายามเดินปราณเทวะออกมาทั้งร่างเพื่อที่จะกันแรงระเบิดไว้เท่าที่ทำได้
ตู้ม!
พลังงานอันรุนแรงนั้นระเบิดออกส่งร่างของเฮาเหลียงกระเด็นลอยไปไกล
ไม่ไกลนักก็ปรากฏร่างของเย่หยวนและหนิงเทียนปิง
ตอนนี้หนิงเทียนปิงมีสีหน้าที่ซีดไม่น้อย เพราะเมื่อสักครู่นี้เขาคิดแล้วจริงๆ ว่าตัวเองคงต้องตายลง
หากไม่ใช่เพราะเย่หยวนดึงตัวเขาออกมา หนิงเทียนปิงเองก็คงมีสภาพไม่ต่างจากเฮาเหลียงมากมายนัก
แม้ว่าความเร็วของยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวนั้นจะเร็วมาก บวกกับเรื่องที่ว่าเขาเองก็เข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ในระดับพื้นฐาน แต่เย่หยวนกลับสามารถใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติปิดแรงจากระเบิดได้ดีกว่า
“ที่เหลือฝากเจ้าด้วย” เย่หยวนบอก
“ขอรับ!”
หนิงเทียนปิงตอบรับและรีบมุ่งหน้าไปปลิดชีวิตของเฮาเหลียงในทันที ก่อนจะค่อยๆ เก็บสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำของเขาพร้อมแหวนออกมา
หลังเก็บกวาดเรียบร้อยเย่หยวนก็หันมามองหนิงเทียนปิงก่อนจะถามขึ้น “ทำไมเจ้าถึงได้ตามมาล่ะ?”
หนิงเทียนปิงจึงหัวเราะขึ้นเบาๆ “เทียนปิงผู้นี้จะตามนายใหญ่ไปทุกที่ ต่อให้ต้องเป็นแค่เด็กรับใช้นายใหญ่ข้าก็ยอม”
เย่หยวนหันมามองหน้าอีกฝ่าย “ข้านั้นมิใช่ผู้อาวุโสอีกต่อไปแล้ว ที่สำคัญตอนนี้ข้ายังตกอับมันมีโอกาสที่ข้าจะ… ไม่สามารถบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้เลยด้วย! ต่อให้เจ้าตามข้ามามันก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ ให้เจ้าหรอกนะ”
แต่หนิงเทียนปิงกลับยิ้มตอบกลับมา “เฮอะ คนอื่นไม่เชื่อในตัวนายใหญ่ แต่ข้านั้นมั่นใจในตัวนายใหญ่มาก เรื่องที่ว่านายใหญ่จะไม่สามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้นั้นมันเป็นไปได้ยากมาก ข้าจะตามติดนายใหญ่ไปจนกว่านายใหญ่จะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ และจะเป็นคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดเป็นคนแรก”
เย่หยวนนั้นรู้สึกปลาบปลื้มกับท่าทางนั้นอยู่ในใจ แต่ก็หัวเราะออกมาพร้อมคำตักเตือน “เจ้าหนีออกมาเช่นนี้หากตระกูลหนิงรู้เข้าพวกเขาจะโทษข้าจนหมด”
หนิงเทียนปิงจึงตอบกลับมา “นายใหญ่สนใจเรื่องแบบนั้นรึ? หึหึ เรื่องในที่ประชุมผู้อาวุโสข้าเองก็ได้ยินมาบ้าง แต่ขอนายใหญ่อย่าได้โทษว่าท่านผู้นำตระกูลเลย การจัดการตระกูลใหญ่แบบนี้มันต้องนึกถึงประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าสิ่งใดๆ”
เย่หยวนพยักหน้า “แค่เรื่องเล็กน้อยน่า ไม่ต้องจดจำใส่ใจหรอก เอาล่ะ ตอนนี้เราก็จัดการที่ทางเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาออกเดินทางกันจริงๆ เสียที”
เมื่อเย่หยวนผายมือออกมาก็มีปราสาทปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาของหนิงเทียนปิง ภาพตรงหน้ามันทำให้หนิงเทียนปิงต้องตะลึงจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้า “น-น-นายใหญ่ นี่มัน?”
ท่าทางแบบนั้นของหนิงเทียนปิง เย่หยวนคาดเดาไว้ได้ก่อนแล้วจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่เห็นรึไง? นี่คือสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำประเภทห้วงมิติ การเดินทางของเราจากนี้เราจะใช้เจ้านี่กัน”
หนิงเทียนปิงเปิดปากออกกว้างและกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “ส-สมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำ! พระเจ้าช่วย!”
หนิงเทียนปิงพูดออกมาอย่างรวดเร็วจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง นี่คือสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำระดับสูงที่สำคัญมันยังเป็นประเภทห้วงมิติที่แสนหายากด้วย
สมบัติแบบนี้หากรู้ไปถึงหูของเจ้าเมืองเข้า เขาก็คงไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่ใช่ไหม?
ไม่แปลกใจเลยที่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์จะไม่มีปัญญาสังหารนายใหญ่ เพราะจริงๆ แล้วเขาซ่อนตัวอยู่ในนี้นี่เอง!
หนิงเทียนปิงนั้นฉลาดมาก การที่เย่หยวนแสดงสมบัติล้ำค่าแบบนี้ออกมามันก็เท่ากับว่าเย่หยวนยอมรับในตัวเขาแล้ว
เมื่อเดินเข้ามาด้านใน หนิงเทียนปิงกลับรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้เข้ามายังโลกใบใหม่
และจู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะหันมาถามเย่หยวน “นายใหญ่ เราจะไปที่ไหนกันรึ?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “เขา… แห่งถงเทียน!”
ร่างของหนิงเทียนปิงสั่นเทิ้มทันทีที่ได้ยิน ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
…
ในเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาเย่หยวนได้เก็บสะสมเงินตราของมีค่าได้นับพันล้าน จึงสามารถใช้พวกมันช่วยในการบินได้อย่างไม่อยากเย็นใดๆ
เย่หยวนนั้นไม่คุ้นชินกับมหาพิภพถงเทียนนอกเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ แต่ด้วยหวู่เฉิน แผนที่เดินได้ผู้นี้ เขาจึงไม่ต้องกลัวเลยว่าจะหลงทางใดๆ
หลังผ่านมาได้อีกหลายปีในที่สุดคนทั้งสองก็มาจนถึงเมืองหลวงเมืองหนึ่ง
มันเป็นเมืองหลวงที่มีนามว่าเมืองหลวงลาภสายน้ำ เป็นเมืองหลวงระดับสูงเมืองหนึ่ง
เมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นมีพื้นที่ที่ค่อนข้างพิเศษ ด้วยการที่มันตั้งอยู่ในที่รกร้างระหว่างดินแดนใหญ่หลายดินแดน
กองกำลังของเมืองนี้ค่อนข้างจะใกล้ชิดกันไม่น้อย ด้วยจำนวนยอดฝีมือที่มากมาย มันจึงทำให้สถานการณ์ภายในซับซ้อนมาก
เหตุผลที่พวกเขามายังเมืองแห่งนี้ก็เพราะหวู่เฉินบอกเย่หยวนว่าเมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นอาจจะมีศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวขายก็เป็นได้
เพราะเวลา สี่ร้อยปีที่ผ่านมานี้ มันทำให้ศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวค่อยๆ เบาบางลงเช่นกัน
การหาศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวเพิ่มนั้นคือเป้าหมายหนึ่งของเย่หยวนที่เขาตั้งใจมาที่นี่
ระหว่างที่เดินไปบนถนนของเมืองหลวงลาภสายน้ำพวกเขาก็ได้เห็นว่ามันเป็นเมืองที่แสนคับคั่งไปด้วยผู้คนอย่างไม่ขาดสาย
แต่ทว่าในตรอกซอกซอยแทบทุกที่มีการปะทะต่อสู้เกิดขึ้นให้เห็นเสมอๆ
จากที่หวู่เฉินเล่ามา ค่ายกองกำลังเล็กใหญ่ของเมืองนี้มันมีสายสัมพันธ์ที่ซับซ้อนจนยากจะเข้าใจ การเกิดแก่เจ็บตายจึงมีให้เห็นทั่วไปในเมืองนี้
แต่ทว่ากองกำลังที่คุมอำนาจในเมืองนี้ไว้จริงๆ ก็จะมีแค่สามกองกำลัง พวกเขาคือคฤหาสน์จวนเจ้าเมือง พันธมิตรดาบดวงดาวและคฤหาสน์สายรุ้งโลหิต
ว่ากันว่ากองกำลังเหล่านี้มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวปกครองอยู่
ในเมืองหลวงนั้นการที่มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวมันก็เป็นเรื่องที่หายากมากมายแล้ว
สถานที่แบบนี้มันเป็นสวรรค์ของเหล่ายอดฝีมือพเนจร พวกเขามาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนของที่ต้องการแก่กัน ทำให้การค้าขายของเมืองนั้นรุ่งเรืองไปมาก อาจจะมากกว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เสียด้วยซ้ำ
และในสถานที่แบบนี้การที่จะมีของหายากอย่างศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวมาเปิดขายมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“นายใหญ่ มีอะไรแปลกๆ ต่อให้เมืองหลวงลาภสายน้ำจะมียอดฝีมือมากมายแค่ไหนแต่นี่มันจะไม่มากไปหน่อยรึ? บนถนนนี้มันมีแต่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเต็มไปหมด แบบนี้มันจะมากว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เสียด้วยซ้ำ!” หนิงเทียนปิงเข้ามาทักเย่หยวน
เย่หยวนเองก็พยักหน้ารับ เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้เช่นกัน
แม้พวกเขาจะยังเข้าเมืองมาได้ไม่นานนัก แต่พวกเขากลับเห็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าไม่น้อยเลย!
แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายส่วนมากจะเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว แต่จำนวนเท่านี้มันมากเกินไป
หากให้นับจริงๆ จากที่เห็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าในเมืองนี้ มันน่าจะมีหลายพันคนเลย
จำนวนขนาดนี้มันมากกว่าเมืองจักรพรรดิระดับสูงแล้วด้วยซ้ำ
“เจ้าลองไปหาคนถามเรื่องราวดู” เย่หยวนบอก
หนิงเทียนปิงพยักหน้ารับและมุ่งตรงเข้าไปหายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวคนหนึ่งเพื่อถาม “พี่ชาย ตอนนี้เมืองหลวงลาภสายน้ำมีงานใหญ่อะไรกันงั้นรึ? ทำไมถึงได้มีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้ามากันเยอะมากมายขนาดนี้?”
เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นพลังบ่มเพาะของหนิงเทียนปิงเขาก็ไม่กล้าที่จะทำตัวเสียมารยาทด้วย แต่ก็ยังไม่วายตอบกลับมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ เรอะ?”
หนิงเทียนปิงจึงได้แต่หัวเราะแห้ง “เพราะข้าไม่รู้นี่แหละข้าถึงได้มาหาคนถาม!”
เมื่ออีกฝ่ายเห็นแล้วว่าหนิงเทียนปิงไม่ได้คิดจะกวนประสาทเขาจริงๆ เขาจึงตอบกลับมา “ที่รกร้างทางเหนือของเมืองหลวงลาภสายน้ำมีประตูกดสวรรค์โบราณที่จะเปิดออกทุกๆสามพันปี ตอนนี้เวลาสามพันปีที่รอคอยใกล้จะบรรจบกลับมาแล้ว ทำให้นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าจากเมืองจักรพรรดิทั้งสิบ และเมืองหลวงใกล้ๆ เมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นมารวมตัวกันที่นี่ เพื่อที่จะอยากเข้าไปเสี่ยงโชคในประตูกดสวรรค์โบราณ ทำให้ตอนนี้เมืองหลวงลาภสายน้ำมีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าอยู่มากมาย”
“ประตูกดสวรรค์โบราณ?” หนิงเทียนปิงไม่เคยได้ยินมันจึงทำหน้าตาสงสัยสุดใจออกมา
คนๆ นั้นจึงตอบเสริม “ประตูกดสวรรค์โบราณนั้นว่ากันว่าถูกทิ้งไว้โดยยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้ มีสมบัติมากมายหลับไหลให้ผู้คนได้เข้าไปเจอ ทั้งวรยุทธบ่มเพาะ ทั้งวรยุทธต่อสู้ ทั้งโอสถ แม้แต่แนวคิด มันมีทุกอย่างที่คนนึกอยากจะได้ ครั้งหนึ่งมีคนเข้าได้และได้รับวรยุทธบ่มเพาะของยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้คนนั้นและสุดท้ายฝึกฝนตนจนบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้!”
ตอนที่ 1645 ยาจก
เมื่อหนิงเทียนปิงได้ยินคำพูดของนักยุทธคนนั้นดวงตาของเขาก็หรี่เล็กลงในทันที ตอนนี้จิตใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
อาณาจักรเทพถ่องแท้นั้นมันคือความฝันอันสูงสุดของเขา!
แต่แม้เขาจะเป็นผู้มากพรสวรรค์แค่ไหน การขึ้นไปให้ถึงแค่อาณาจักรนภาสวรรค์ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญไม่ต้องไปพูดถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เลย
แม้จะไม่มองตัวเอง แต่ดูอย่างเจิ่งชี เกาหยุนหรือหลิงจี้คุน คนเหล่านั้นล้วนต่างถูกขนานนามว่าเป็นยอดคนมากความสามารถสวรรค์ส่งมาเกิดในรุ่นของตัวเองทั้งสิ้น
แต่หลายหมื่นปีผ่านไป พวกเขาทั้งหลายก็ยังคงติดอยู่ที่ยอดของอาณาจักรราชันพระเจ้า
หนิงเทียนปิงเข้าใจดีว่าหากไม่ใช่เพราะโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะของเย่หยวน เขาคงไม่มีทางที่จะสามารถบ่มเพาะได้รวดเร็วปานนี้แน่
หากเขาอยากขึ้นมาถึงระดับที่ตัวเองยืนอยู่ตอนนี้โดยไม่พึ่งมันคงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยๆ เป็นพันปี
เพราะว่าการบรรลุระดับบ่มเพาะนั้น ยิ่งสูง มันก็ยิ่งยากเย็น
ฉะนั้นในจิตใจของหนิงเทียนปิงเขาถึงได้เคารพในตัวเย่หยวนอย่างมาก
หลังจากวันนั้นเย่หยวนไม่เคยที่จะทำการหลอมโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะขึ้นอีกเลย!
สำหรับคนนอก เย่หยวนจะอ้างบอกว่าครานั้นเป็นเรื่องที่พิเศษจริงๆ และคนนอกก็เชื่อไปอย่างง่ายดาย
เพราะยังไงเสีย โอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะมันก็ไม่ใช่สิ่งของที่หาได้ง่ายๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนอยากหลอมก็จะหลอมได้
แต่หนิงเทียนปิงนั้นติดตามเย่หยวนมานานหลายร้อยปี เขารู้ดีว่าความสามารถด้านการโอสถของเย่หยวนมันน่ากลัวแค่ไหน
“แบบนี้นี่เอง แล้วเมืองหลวงลาภสายน้ำนี้มันมีตลาดค้าขายสมบัติที่ไหนบ้างไหม?” หนิงเทียนปิงถามต่อ
นักยุทธคนนั้นจึงตอบขึ้น “ตลาดของเมืองหลวงลาภสายน้ำนั้นมีมากมาย แต่หากจะให้พูดถึงที่ใหญ่ที่สุดล่ะก็มันคงอยู่ทางตะวันตกของ ตลาดที่อยู่ใต้การดูแลของกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นเป็นกลุ่มการค้าที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของสาม ขั้วอำนาจใหญ่ มันมีสมบัติของหายากมากมาย หากนายใหญ่อยากซื้อขายมันก็ควรจะพาผู้ติดตามไปยังที่แห่งนั้นดู”
หนิงเทียนปิงยิ้มขึ้น “ขอบคุณมากพี่ชาย แต่… เจ้ากล่าวผิดแล้ว ข้านั้นเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามอันต่ำต้อยต่างหาก”
นักยุทธคนนั้นมองดูแผ่นหลังของเขามาอย่างมึนงงหลังได้ยิน พูดเรื่องอะไรกัน?
เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนหนิงเทียนปิงก็ต้องเป็นทายาทศิษย์ตระกูลใหญ่ไม่ผิดแน่ๆ ด้วยอายุเพียงแค่นี้
แต่อัจฉริยะแบบนี้กลับมาเป็นผู้ติดตามนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า?
หลังหนิงเทียนปิงกลับมาเย่หยวนก็พูดขึ้น “เจ้าไม่เห็นต้องไปอธิบายให้เขาฟังเลย ที่สำคัญข้าเองก็ไม่ได้คิดกับเจ้าเหมือนเป็นแค่ผู้ติดตามด้วย”
หนิงเทียนปิงยิ้มออกมา “นายใหญ่ สักวันท่านต้องได้กลับไปสู่ตำแหน่งผู้อาวุโส พลังของข้าคนนี้มันเพียงพอแค่จะเป็นผู้ติดตามท่านเท่านั้น การมาอวดอ้างตัวต่อหน้าท่านในวันนี้มีแต่จะทำให้ข้าลำบากในวันหน้า”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มออกมาหลังได้ยิน
…
กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นเป็นตลาดย่านการค้าที่กินพื้นที่ใหญ่โตมหาศาล มันถูกแบ่งออกเป็น สามส่วนใหญ่ๆ ซึ่งจะขึ้นตรงต่อ สามขั้วอำนาจ
นักยุทธแต่ละคนที่คิดจะเข้ามาในพื้นที่นี้ ไม่ว่าจะมาเพื่อตั้งร้านหรือเพื่อซื้อหาแลกเปลี่ยนสมบัติ พวกเขาต่างต้องจ่ายค่าเข้ามาด้วยผลึกปราณเทวะ
หลังจากเย่หยวนจ่ายผลึกปราณเทวะให้ในราคาของสองคนแล้ว เขาก็พาหนิงเทียนปิงเข้ามายังพื้นที่ค้าขาย
หนิงเทียนปิงกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าไม่ค่อยพอใจ “น่าสงสัยนัก! เราแค่เข้ามาด้านในแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ต้องจ่ายหนึ่งแสนผลึกปราณเทวะเสียแล้ว! คนในนี้มันมีตั้งมากมายแค่ไหน วันๆ หนึ่งคนที่ดูแลที่นี่มันจะได้ผลึกปราณเทวะไปเท่าไหร่กัน?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “นักยุทธหลายต่อหลายคนพยายามที่จะก่อตั้งค่ายสำนักของตัวเองหรือไม่ก็หาค่ายสำนักเข้าอยู่ เพราะว่ามีแค่ค่ายสักนำที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะหาผลึกปราณเทวะมาได้ง่ายๆ ช่วยในการฝึกฝนบ่มเพาะได้มาก เหมือนที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็เช่นกัน ผู้ที่คิดจะเข้าไปในเมืองต้องจ่ายผลึกปราณเทวะมาจำนวนหนึ่ง ตอนนั้นข้าต้องจ่ายไปถึงหนึ่งล้านตอนที่เข้าเมืองมา”
หนิงเทียนปิงนั้นเกิดและเติบโตมาในเมืองชั้นใน ด้วยการปกป้องของตระกูล จึงไม่สามารถเข้าใจโลกของนักยุทธระดับล่างได้เลย
เมื่อเขาได้ยินเย่หยวนพูดแบบนั้น มันก็คงเกิดเรื่องแบบนี้เป็นปกติจริงๆ
ไม่ว่าคนเราจะมีพลังยุทธที่เก่งกาจปานใด มันก็ยังมีขีดจำกัดที่คนๆ หนึ่งจะหาผลึกปราณเทวะมาได้
แต่หากพวกเขารวมตัวกันเป็นค่ายสำนัก เรื่องนั้นมันก็จะง่ายขึ้นมาก
จะบอกว่าคนเหล่านั้นแค่นอนตีพุงรอนับเงินอยู่ในบ้านก็ไม่ผิดนัก
คนทั้งสองเดินไปรอบๆ มองดูสินค้าในร้านรวงต่างๆ หนิงเทียนปิงนั้นมองภาพรอบตัวด้วยความตกใจอย่างสุดขีด
“ยอดขนนกเกลียวดาว บัววิเศษมั่งคั่ง… ของพวกนี้มันคือยอดสมบัติหายากแท้ๆ แต่ที่นี่กลับมีพวกมันทั้งหมด!”
หนิงเทียนปิงนั้นคือผู้ที่ไม่เคยได้ออกมาเปิดหูเปิดตาในโลกกว้าง จนตอนนี้เขาได้แต่มองภาพสมบัติอันหายากรอบกายราวกับเด็กน้อยที่ได้เห็นของเล่นแปลกตา
ของเหล่านี้มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่า ที่แห่งนี้มันมีทุกอย่างที่คนต้องการจริงๆ
เย่หยวนนั้นไม่ได้ตื่นตาตื่นใจถึงขั้นหนิงเทียนปิง แต่เขาเองก็ตกใจกับภาพตรงหน้าไม่น้อย
ไม่แปลกใจเลยที่หวู่เฉินบอกให้เขามายังที่แห่งนี้ เพราะนี่มันคือสวรรค์แห่งนักยุทธและนักหลอมโอสถจริงๆ
มันมีหลายอย่างเลยที่แม้แต่เย่หยวนยังต้องตกตะลึง
“เถ้าแก่ ผลเจ็ดสมบัติวิเศษนี่ขายเท่าไหร่กัน?” หนิงเทียนปิงอดทนไม่ไหวจนในที่สุดก็ได้เข้าไปถามซื้อจากร้านแผงลอยเล็กๆ ร้านหนึ่ง
แต่เราจะดูถูกว่ามันเป็นแค่ร้านแผงลอยเล็กๆ ไม่ได้เลย เพราะของที่วางขายนั้นล้ำค่าไม่น้อย
หนิงเทียนปิงนั้นบ่มเพาะด้วยวรยุทธธาตุน้ำ ส่วนผลเจ็ดสมบัติวิเศษนี้มันก็เป็นยาอายุวัฒนะที่มีธาตุน้ำ ต่อให้กินสดๆ มันก็ยังจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก
เถ้าแก่คนนี้เองก็เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวเช่นกัน เมื่อได้เห็นหนิงเทียนปิงถาม เขาก็หรี่ตาลงและพูดว่า “หนึ่งพันสองร้อยล้าน!”
นั่นทำให้มุมปากของหนิงเทียนปิงต้องกระตุกขึ้นแรงทันที “เถ้าแก่ นี่มันจะไม่แพงไปหน่อยรึ ลดหน่อยได้ไหม?”
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ นั้นมีราคา สองถึงสาม พันล้าน ยาอายุวัฒนะนั้นมันก็มีราคาเกือบ เจ็ดร้อยล้าน หากเอามันไปหลอมเป็นโอสถร่วมกับยาอายุวัฒนะตัวอื่นๆ มันคงมีราคาเริ่มต้นที่ สองพันล้าน
แล้วค่าหลอมโอสถมันราคาเท่าไหร่ล่ะ?
และเจ้าผลเจ็ดสมบัติวิเศษนี่มันก็เป็นยอดของหายากชิ้นหนึ่ง หากนำมันไปหลอมเป็นโอสถแล้วล่ะก็คงไม่ราคาเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า สามพันล้าน
หากมองเช่นนี้ราคาหนึ่งพันสองร้อยล้านนั้นมันก็ไม่ได้แพงจนเกินไปเลย
เพียงแค่ว่าตอนนี้กระเป๋าเงินของเย่หยวนนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ด้วยการใช้โถงบัลลังก์ม่วงบินมานานหลายปี มันจึงทำให้เขาใช้ผลึกปราณเทวะที่มีไปเกือบครึ่งแล้ว
เพราะฉะนั้นตอนนี้ผลึกปราณเทวะที่เหลืออยู่ไม่กี่พันล้านนี้จึงไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เลยแม้แต่น้อย
เถ้าแก่คนนั้นตะโกนใส่หนิงเทียนปิงอย่างไม่ใยดี “อยากซื้อก็จ่าย ไม่มีปัญญาจะจ่ายก็ไสหัวไปเถอะ อย่าได้มากวนเวลาคนทำมาหากินเลย!”
หนิงเทียนปิงนั้นเป็นคนหนุ่มที่มีอารมณ์ร้อนไม่เบา เขาจึงเดือดดาลขึ้นในทันที “ท่าทางแบบนั้นของเจ้ามันหมายความว่ายังไงกัน?!”
เถ้าแก่คนนั้นยิ้มออกมา “ของที่ชายแก่คนนี้ขายมันต้องราคานี้อยู่แล้ว! ในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์นี้หากเจ้าไม่มีปัญญาซื้อก็อย่าได้ทำตัวอวดดี! ยาจก ที่แห่งนี้มันเกินกว่าเจ้าจะเอื้อมถึง!”
หนิงเทียนปิงนั้นโกรธเคืองอย่างมาก “เจ้าว่าใครไม่มีเงินจ่าย? พ่อเจ้าคงรวยมากมั้ง!”
ด้วยความโกรธนั้นเขาก็หยิบแหวนเก็บของตัวเองออกมา แต่เมื่อเขาลองสัมผัสเข้าไปด้านในใบหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอับอาย
เพราะครานี้เขาออกมาอย่างรีบร้อนจึงไม่ได้พกผลึกปราณเทวะติดตัวมาด้วยมากมายนัก
ตอนนี้ทั้งตัวของหนิงเทียนปิงนั้นมีเงินแค่ เจ็ดร้อยถึงแปดร้อยล้าน
และเรื่องนั้นจะรอดพ้นสายตาของเถ้าแก่ไปได้หรือ? เมื่อเห็นสภาพนั้นของหนิงเทียนปิง เขาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่มีเงินและหัวเราะขึ้น “เอาออกมาไม่ได้เรอะ? ถ้าไม่มีตังค์ก็ถอยไป อย่ามายุ่งคนจะค้าจะขาย!”
หนิงเทียนปิงนั้นโกรธแค้นมาก เพราะเถ้าแก่คนนี้จะดูถูกเขามากจนเกินไปแล้ว!
ด้วยตำแหน่งอัจฉริยะตระกูลหนิงอย่างเขามีหรือที่เขาต้องกังวลเรื่องเงินมาก่อน?
ตอนนี้มันเหมือนพยัคฆ์เจ็บแล้วถูกหมาตามซ้ำ!
ตอนนั้นเองที่เย่หยวนหยิบแหวนออกมาและวางมันลงบนแผงลอย “เถ้าแก่ นี่หนึ่งพันสองร้อยล้าน ลองตรวจสอบดู”
เถ้าแก่หรี่ตาเล็กลงทันที เป็นตอนนั้นเองที่เขาคิดสนใจในตัวเย่หยวนขึ้นมา
เพราะเขาคิดว่าเย่หยวนนั้นเป็นแค่ผู้ติดตามของหนิงเทียนปิงเท่านั้น แต่ดูท่ามันคงไม่ใช่เสียแล้ว
นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับสามารถควักเงินหนึ่งพันสองร้อยล้านออกมาจ่ายได้โดยไม่สะทกสะท้าน!
มันมีอะไรแปลกๆ
แต่หนิงเทียนปิงกลับเปลี่ยนสีหน้าไปเมื่อได้เห็น “น้องเย่ ท่านเอาจริงรึ?”
เขารู้ดีว่าผลึกปราณเทวะที่เย่หยวนมีมันก็ไม่ได้มีมากมายนักในตอนนี้ มันน่าจะมีเรื่องสำคัญให้ต้องใช้อีกมาก
การที่จู่ๆ ก็ควักหนึ่งพันสองร้อยล้านออกมาแบบนี้มันคงเป็นเรื่องที่หนักไม่เบา ทำให้หนิงเทียนปิงรู้สึกสับสนขึ้นมาในใจ
ตอนที่ 1646 แผงระดับสุดท้าย
“ทำไมเล่า? เอาไปสิ!”
เย่หยวนหยิบผลเจ็ดสมบัติวิเศษขึ้นมาโยนไปให้หนิงเทียนปิง
หนิงเทียนปิงรับมันไว้ด้วยความรู้สึกเหมือนว่าของชิ้นนี้มันร้อนมากๆ
ของระดับสี่เช่นนี้มันต่างจากระดับสามมาก มันต่างกันในหลักร้อยล้าน
หากไร้ซึ่งการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่แล้วการใช้จ่ายไปกับของแบบนี้มันก็เป็นอะไรที่ยากเย็นมาก
เมื่อรับหนึ่งพันสองร้อยล้านไป เถ้าแก่คนนั้นก็ไม่คิดจะสนใจคนทั้งสองอีกและกลับมาวางท่าเหมือนเดิม
การที่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้านำผลึกปราณเทวะออกมามากมายขนาดนี้ เขารู้ดีว่าเย่หยวนคงต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนไปไม่น้อยแล้ว
แต่ยังดีที่เขามีหนิงเทียนปิงด้วย หากเย่หยวนมาตัวคนเดียวมันคงมีใครคิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของเขาเป็นแน่
“น้องเย่ ข้าจะหาทางนำเงินนี้มาคืนท่านให้ได้!” หนิงเทียนปิงกัดฟันแน่น
เย่หยวนจึงยกมือขึ้นมาโบกปัด “ช่างมันเถอะ! หากเจ้าไม่ได้ออกมามันคงไม่เป็นปัญหากับเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าจะเอาอะไรมาจ่ายข้าได้?”
หนิงเทียนปิงแทบสำลักเมื่อได้ยิน แต่เย่หยวนก็ไม่ได้สนใจและหันไปหาเถ้าแก่คนนั้นต่อ “เถ้าแก่ ข้าอยากถามอะไรท่านหน่อย ในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์นี้มันมีข่าวคราวเรื่องศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวบ้างไหม?”
คำพูดนั้นทำให้เถ้าแก่หรี่ตาลงอีกครั้งด้วยความแปลกใจ “เจ้าอยากได้ศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาว? พอดีเลย ข้าเองก็มีมันอยู่!”
เย่หยวนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “เถ้าแก่ ท่านมีเท่าไหร่ ข้าขอซื้อทั้งหมดเลย!”
เถ้าแก่คนนั้นจึงมองเย่หยวนมาด้วยใบหน้าแปลกๆ “เจ้าคิดว่าศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวมันเป็นผักกาดรึไง? ข้ามีแค่สองชิ้นขนาดเท่ากำปั้น หากเจ้าอยากซื้อจริงข้าก็จะลดให้ถูกๆ เอาเป็นสักหนึ่งพันล้านก็พอ!”
เย่หยวนพยักหน้าและนำผลึกปราณเทวะหนึ่งพันล้านชิ้นออกมาเพื่อซื้อศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวในทันที
เถ้าแก่คนนั้นต้องตกใจเป็นครั้งที่สอง เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่านักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคนนี้จะมีเงินมากมายกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหลายๆ คนเสียด้วยซ้ำ
“เถ้าแก่ ท่านพอจะรู้ไหมว่าในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์นี้ยังมีใครที่ขายศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวอีก?” เย่หยวนถามต่อ
เพราะแค่ศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวสองชิ้นนี้มันไม่พอต่อความต้องการของเย่หยวนเลยแม้แต่น้อย
เถ้าแก่คนนั้นจึงถามขึ้นอย่างมึนงง “เจ้าจะเอาศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวมากมายไปทำอะไร? หากเพื่อการบ่มเพาะแล้วชิ้นใหญ่แบบนี้มันคงไม่เหมาะกับเจ้าหรอก ที่สำคัญต่อให้เจ้าจะร่ำรวยแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีทางรวยพอจะซื้อศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวจำนวนมากมายได้ใช่ไหมล่ะ?”
หลังจากได้ผลึกปราณเทวะไปกว่าสองพันล้าน เถ้าแก่คนนี้จึงเริ่มมีท่าทีเป็นมิตรขึ้น
เย่หยวนยิ้ม “เพราะว่าสถานการณ์บางอย่างทำให้ข้าต้องการศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวจำนวนมาก ช่วยชี้นำให้ข้าสักหน่อยเถอะ ส่วนเรื่องผลึกปราณเทวะนั้นเย่หยวนคนนี้พอจะมีวิธีอยู่บ้าง”
เถ้าแก่จึงบอก “ศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวนั้นเป็นของที่สำคัญมากๆ มันช่วยในการบ่มเพาะพลังของนักยุทธได้อย่างดี ตัวข้าเองหากไม่ร้อนเงินจริงๆ ก็คงไม่คิดจะนำมันออกมาขายหรอก เพราะฉะนั้นจะมีใครบ้างที่ขายศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นข้าไม่รู้ได้ เจ้าคงต้องไปเดินตระเวนถามเอาเองแล้วล่ะ แต่ว่า… ข้าได้ยินมาว่าอีกครึ่งเดือนข้างหน้า สามขั้วอำนาจใหญ่จะจับมือกันจัดงานประมูลขึ้น และของชิ้นหนึ่งที่จะขึ้นประมูลก็คือศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุด!”
เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยิน “เถ้าแก่ นี่เรื่องจริงรึ?”
เถ้าแก่คนนั้นจึงตอบกลับมา “เจ้าลองไปถามๆ ดูเดี๋ยวก็รู้เองว่าจริงไหม เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นความลับอะไร แต่… ศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดนี้มันคงเริ่มจากราคาหมื่นล้านแน่ๆ”
ศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดนั้นเป็นของประเภทเดียวกันที่ระดับสูงกว่าศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาว พลังงานที่มันส่งออกมาจะบริสุทธิ์กว่า และมีพลังงานสะสมไว้ภายในมากกว่าด้วย
แต่หากเทียบความหายากของมันแล้ว ศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดนั้นหายากกว่าศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวหลายต่อหลายเท่านัก
เย่หยวนเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดในที่แบบนี้เช่นกัน
แต่หากเขาอยากจะประมูลศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดให้ชนะ มันก็คงต้องใช้ผลึกปราณเทวะจำนวนมากมายมหาศาลเช่นกัน
ด้วยปริมาณผลึกปราณเทวะที่เขามีติดตัวตอนนี้ เขาคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะจับมัน
“น้องเย่ หมื่นล้านนี่มัน…”
ต่อให้หนิงเทียนปิงจะเกิดมาบนกองเงินกองทองแค่ไหน แต่คำว่าหมื่นล้านมันก็ทำให้เขาไม่สบายใจไม่น้อย
ผลึกปราณเทวะหมื่นล้านชิ้นนั้นมันเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย แม้แต่กับตระกูลหนิงก็ตาม
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับ “เดิมทีข้าคิดจะทำตัวเงียบๆ ซื้อศิลาอายุวิญญาณสวรรค์ยืนยาวนิดหน่อยและจากไป แต่ดูท่าตอนนี้ข้าคงไม่สามารถทำตัวเงียบๆ ได้อีกแล้ว”
ร่างของหนิงเทียนปิงสั่นสะท้านขึ้นทันทีที่ได้ยิน “น้องเย่ หรือว่าท่าน…”
เย่หยวนตอบ “มาตั้งร้านกัน เริ่มอาชีพดั้งเดิมของข้า”
หนิงเทียนปิงหายใจเข้าลึก เขารู้ได้ถึงความหมายนั้นของเย่หยวน
แต่ว่าเถ้าแก่ที่อยู่ข้างๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น “เจ้าเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะมาขายอะไรให้ได้ถึงหมื่นล้านกัน? ที่สำคัญตอนนี้เพราะเรื่องของประตูกดสวรรค์โบราณมันจึงทำให้มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันในเมืองนี้ ตอนนี้ตำแหน่งแผงดีๆ ถูกจับจองไปหมดแล้ว ขนาดแผงระดับสุดท้ายยังไม่เหลือที่ว่างมากขนาดนั้นเลย หากเจ้าคิดจะหาผลึกปราณเทวะทางนั้นมันคงเป็นเรื่องที่ยากเกินไป”
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อยคนนี้มันคงเพิ่งเคยมาถึงกลุ่มเครือข่ายสวรรค์สินะ คิดว่าที่นี่เป็นหลุมสมบัติหรือไง? คิดว่าแค่ตั้งร้านก็จะรวยแล้วหรือ?”
“แค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะมีอะไรมาขายให้มันได้ผลึกปราณเทวะเป็นหมื่นล้าน? เด็กคนนี้มันฝันกลางวันหรือ?”
เมื่อเถ้าแก่แผงข้างๆ ได้ยินว่าเย่หยวนจะตั้งร้านพวกเขาต่างก็หัวเราะเยาะออกมาอย่างเปิดเผย
ของระดับสาม นั้นมันมีราคาที่ไม่สามารถเทียบเคียงกับของระดับสี่ ได้เลย
ต่อให้ขายพวกมันมากมายหลายชิ้นขนาดไหนมันก็ไม่มีทางเทียบกับของระดับสี่ ได้
หากอยากใช้พวกมันเพื่อหาผลึกปราณเทวะถึงหมื่นล้านนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “วางใจได้ แผงร้านของข้าต้องโด่งดังแน่ๆ”
เถ้าแก่คนนั้นจึงหัวเราะออกมา “โด่งดัง? ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กน้อยเจ้ามันช่างไม่รู้จักฟ้าดิน! ช่างเถอะๆ หากเจ้าไม่คิดฟังคำเตือนก็จงไปลองให้มันรู้ด้วยตัวเอง”
…
ในพื้นที่จัดการกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ มีนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวคนหนึ่งกำลังมองหน้าเย่หยวนอย่างไม่สนใจ “แผงระดับหนึ่ง วันละหนึ่งล้าน แผงระดับสอง วันละสิบล้าน แผงระดับสาม วันละห้าล้าน แผงระดับสี่ วันละหนึ่งล้าน แผงระดับสุดท้าย… วันละหนึ่งแสน อ่า แต่ตอนนี้แผงข้างหน้ามันเต็มหมดแล้ว เลยเหลือแค่แผงระดับสุดท้าย เจ้าจะเอาไหม?”
แผงที่เรียกว่าระดับหนึ่งนั้นย่อมเป็นแผงที่มองเห็นได้ง่าย แต่ผู้คนเดินเข้ามาในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์พวกเขาก็จะเห็นร้านที่ตั้งแผงแถวนั้นทันที
ตำแหน่งแบบนี้ ขอแค่ของที่ขายไม่แย่จนเกินไป การจะขายวันละสิบล้านมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
และร้านของเถ้าแก่คนนั้นเองก็เป็นแผงระดับสอง
ส่วนแผงระดับสุดท้ายนั้นมันเป็นแผงที่ตั้งอยู่ในมุมในซอก ปกติแล้วมันคงไม่มีใครคิดจะสนใจร้านที่ตั้งในพื้นที่แบบนั้น แค่หาให้ได้วันละแสนก็คงจะเป็นเรื่องยากไม่น้อย
เพราะแผงระดับสุดท้ายนั้นมันอาจจะขายได้ไม่ถึงวันละแสนเสียด้วยซ้ำ จึงไม่มีใครคิดจะไปตั้งร้านที่นั่น
เย่หยวนกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย “แผงระดับสุดท้ายแล้วกัน ข้าอยากเช่ามันครึ่งเดือน”
เย่หยวนจ่ายผลึกปราณเทวะออกมา และรับเหรียญไปก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “อ่า จริงด้วย ระบบการเก็บส่วนต่างกำไรของแผงระดับสุดท้ายเป็นยังไง?”
เพราะเหรียญนี้มันไม่ใช่เหรียญธรรมดาๆ มันสามารถตรวจจับการไหลของผลึกปราณเทวะในแต่ละแผงร้านได้
และอย่างการที่เย่หยวนจ่ายไปเมื่อสักครู่ เหรียญของเถ้าแก่ร้านคนนั้นสามารถตรวจจับจำนวนผลึกปราณเทวะในแหวนได้ทันที
ในแผงดีๆ หากจำนวนยอดขายขึ้นไปได้ถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็ต้องจ่ายส่วนแบ่งกำไรให้กับกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ด้วย
ยิ่งขายได้เยอะ ก็จะยิ่งโดนหักเยอะ!
เพราะสามขั้วอำนาจทุ่มแรงไปกับการสร้างกลุ่มเครือข่ายสวรรค์มาก ไม่แปลกหรอกที่เขาจะรีดผลึกปราณเทวะจากมันให้ได้มากที่สุด
เพราะการดูแลตลาดแห่งนี้มันไม่ใช่งานง่ายๆ พวกเขาถึงขั้นต้องจ้างยอดฝีมือมารักษาความปลอดภัยเลยด้วย
ในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์นี้ การต่อสู้นั้นเป็นสิ่งต้องห้าม หากไม่เช่นนั้นก็ต้องโทษประหารสถานเดียว
อย่างน้อยๆ ในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์นี้เหล่านักยุทธก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเจอภัยอันตราย
นักยุทธคนนั้นจึงยกมือขึ้นมาโบกปัด “แผงระดับสุดท้ายจะมีการเก็บส่วนต่างกำไรบ้าบออะไร? หากเจ้ามีปัญญาขายได้ก็ขายไปเถอะ ไปๆ ข้ายุ่ง!”
ตอนที่ 1647 ร้านขายโอสถ
หนิงเทียนปิงรับผลึกปราณเทวะทั้งสามพันล้านของเย่หยวนออกไปเพื่อซื้อหาวัตถุดิบระดับสาม
นี่คือผลึกปราณเทวะก้อนสุดท้ายของเย่หยวนแล้ว
แม้แต่ผลึกปราณเทวะที่เก็บไว้ใช้ขับเคลื่อนโถงบัลลังก์ม่วง เย่หยวนก็นำมมันออกมาใช้จนหมดเกลี้ยง
ตอนนี้เย่หยวนนั้นไม่มีเงินติดตัวแม้สักผลึกปราณเทวะเดียว
เมื่อได้มาเห็นหน้าแผงของตัวเองจริงๆ เย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาไม่คิดจะเก็บส่วนต่าง เพราะที่ตั้งของแผงนี้นั้นมันเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครคิดสนใจ
การหาที่ตั้งร้านนั้นมันก็เป็นทักษะอย่างหนึ่งเหมือนกัน นักยุทธที่ชำนานการออกมาเดินตลาดนั้นก็รู้ว่าผู้ที่ไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าเช่าแผงดีๆ มันก็คงไม่มีของดีๆ ขายเช่นกัน
เพราะฉะนั้นร้านในพื้นที่แผงระดับสุดท้ายนี้จึงไม่มีใครคิดจะสนใจ
แน่นอนว่าตอนนี้มันมีนักยุทธมากมายมหาศาลมาที่เมือง ทำให้กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นคึกคักขึ้นมาก ทำให้เหล่าแผงระดับสุดท้ายเองก็ได้จำนวนลูกค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย
เพียงแค่ว่าที่ตั้งแผงของเย่หยวนนั้นมันช่างห่างไกลผู้คนเหลือเกิน จะเรียกมันว่าเป็นแผงระดับสุดท้ายในหมู่แผงระดับสุดท้ายด้วยกันมันก็คงไม่ผิดนัก
เหล่านักยุทธที่มาเดินดูของนั้นแค่เดินมาจนถึงหน้าเขตแผงระดับสุดท้ายพวกเขาก็หมดความสนใจที่จะเข้ามาต่อแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแผงที่อยู่หลังสุดแบบนี้เลย
แต่เย่หยวนก็ไม่ได้ใส่ใจมาก ตราบเท่าที่มีคนมาถึง ชื่อเสียงของเขาจะต้องโด่งดังขึ้นได้แน่
เมื่อเจ้าของแผงข้างๆ เห็นว่าเย่หยวนมาตั้งแผงใกล้ๆ เขาจึงออกมาทักทายเพราะความเบื่อหน่ายที่ต้องนั่งเฝ้าแผงโดยไม่ได้ขายอะไร
“นี่ ทำไมเจ้าถึงคิดเช่าแผงนี้ล่ะ? มันจะไม่ห่วยเกินไปหน่อยรึ?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “ไม่เกี่ยวหรอก ตราบเท่าที่มันยังเป็นแผงข้าก็พอใจแล้ว”
เจ้าของแผงข้างๆ คนนี้เบื่อหน่ายจนถึงขีดสุด เมื่อได้มีเพื่อนคุยอย่างเย่หยวนเขาจึงยิ้มขึ้น “โห ข้าเองก็เหมือนกัน ทีแรกไม่รู้อะไรถึงได้คิดมาเช่าแผงนี้ สุดท้ายข้าก็เพิ่งจะมาขายของชิ้นแรกได้เมื่อกี้นี้เอง นี่ เจ้าขายอะไรรึ?”
เย่หยวนนั้นก็ไม่ได้คิดจะกัดผู้คนออกห่างแต่แรกเขาจึงตอบไป “โอสถ”
เมื่อเจ้าของร้านแผงข้างๆ ได้ยินแบบนั้นเขาก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางดูแคลน “ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นนักหลอมโอสถด้วย! แต่แผงด้านหน้าเองก็มีโอสถขาย หากไม่ถึงพันก็น่าจะสัก แปดร้อยร้านได้ทำไมเจ้าถึงคิดว่าแผงในซอกแบบนี้จะมีคนมาซื้อเล่า?”
เย่หยวนยิ้ม “โอสถของข้านั้นไม่ต้องห่วงเรื่องขายได้ไม่ได้หรอก”
เมื่อเจ้าของร้านแผงข้างๆ ได้ยินแบบนั้นเขาก็หัวเราะขึ้น “เด็กน้อยเจ้ามันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! เจ้าคงเป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาวใช่ไหมเล่า? ที่ด้านนอกนั้นมันมีจอมเทพโอสถสี่ดาวตั้งร้านอยู่ไม่น้อย แถมพวกเขายังขายโอสถระดับสามด้วย ไม่ว่าโอสถของเจ้ามันจะดีแค่ไหนแต่มันจะสู้ของจอมเทพโอสถสี่ดาวได้รึ?”
เย่หยวนยิ้มเบาๆ และตอบออกมา “ได้!”
คำตอบอันหนักแน่นนั้นทำให้เจ้าของร้านแผงข้างๆ เงียบลงทันที เขาได้รับรู้แล้วว่าเด็กคนนี้มันช่างมั่นใจจนเกินกว่าเหตุผลจะเข้าถึง
ระหว่างนั้นเย่หยวนก็หยิบป้ายร้านออกมา บนป้ายนั้นมันเขียนไว้ว่า ‘ร้านขายโอสถ’
ชื่อโคตรสิ้นคิด!
เจ้าของร้านแผงข้างๆ คนนั้นได้แต่ตบมุกอยู่ในใจ
แต่ว่าเย่หยวนกลับไม่นำโอสถออกมาแสดงเลยสักเม็ด เขาแค่วางป้ายต่างๆ ไว้บนแผงร้าน
มันเป็นราคาที่แบ่งจากหนึ่งถึงเก้าตามระดับความยากของโอสถ ระดับหนึ่งราคา หนึ่งร้อยล้าน ส่วนระดับเก้า ราคา สามพันล้าน
ได้เห็นป้ายราคานั้นเจ้าของร้านแผงข้างๆ ก็แทบทรุดลง
เด็กคนนี้มันมาเล่นตลกรึ?
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ราคาสามพันล้าน?
นี่มาปล้นคนรึยังไง?
ร้านขายโอสถปกติแล้วจะต้องตั้งแสดงเม็ดยาที่ตัวเองภาคภูมิใจเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่เย่หยวนกลับไม่ทำ
เพราะโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะนั้นมันต่างจากโอสถศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาๆ เพราะว่ามันบริสุทธิ์มาก จึงง่ายต่อการเสื่อมสภาพ ทำให้คุณภาพของโอสถลดต่ำลงทันที
เพราะฉะนั้นหลังจากเย่หยวนหลอมโอสถเสร็จเขาก็จะใช้เทคนิคพิเศษในการเก็บรักษามันก่อนจะเก็บมันเข้าไปในแหวนอีกที
แหวนเก็บของเหล่านี้มันจะดูด้อยค่าไปทันทีเมื่อต้องมาเจอกับค่าของโอสถเหล่านั้น
หากคิดนำมันออกมาวางแสดง เขาก็ต้องทำลายผนึกนั้นก่อน ทำให้คุณภาพของโอสถจะค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นร้านเล็กๆ นี้ของเย่หยวนจึงไม่มีของใดๆ แสดงให้ผู้คนเห็นเลย
เพราะโอสถที่เขาอยากขายทั้งหมดมันคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ!
…
“ศิษย์น้องหญิง พวกนี้มันแค่แผงระดับสุดท้าย ไม่มีของดีๆ หรอก เราซื้อมาตั้งเยอะแล้ว มันพอแล้วล่ะ กลับไปกันเถอะ”
ที่หน้าเขตแผงระดับสุดท้าย มีชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามา
ฝ่ายหญิงสาวนั้นเดินออกมาอย่างร่าเริง ส่วนฝ่ายชายแทบจะหมดแรงลงแล้ว
คนทั้งสองนี้คือศิษย์ของพันธมิตรดาบดวงดาว ฝ่ายชายมีนามว่าเจาเจี้ยน ฝ่ายหญิงมีนามว่าซูถิง
ซูถิงยิ้มตอบ “ศิษย์พี่ใหญ่ หากท่านเบื่อนักก็กลับไปก่อนได้ ข้าจะลองดูรอบๆ นี้อีกหน่อย บางทีอาจจะไปเจอของดีเข้าก็ได้นะ?”
เมื่อเจาเจี้ยนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ห่อไหล่ขึ้น “ศิษย์น้องหญิง แผงระดับสุดท้ายมันมีแต่พ่อค้าที่ไร้ความสามารถอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า มันจะไปมีของดีๆ อะไรได้อย่างไรกัน?”
ซูถิงจึงสวนขึ้น “อาจจะไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป ครั้งก่อนไม่ใช่ว่าศิษย์พี่สามเองก็ได้เจอวรยุทธดีๆ ที่นี่หรือ? ตอนนี้เขาเอามันไปฝึกฝนและเพิ่มความสามารถตัวเองได้มากมาย ท่านเองก็น่าจะรู้ดี”
เจาเจี้ยนตอบกลับไปไม่ถูกจึงอ้างขึ้น “เขามันก็แค่แมวตาบอดที่บังเอิญไปเจอหนูตายเข้า”
ซูถิงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “บางทีเราก็อาจจะไปเจอหนูตายเข้าบ้างก็ได้นะ? ตอนนี้มันมีนักยุทธมารวมตัวกันในเมืองเรามากมาย ใครจะไปรู้ว่าบางทีที่นี่จะแอบซ่อนอะไรไว้?”
เหมือนว่าการซื้อของนั้นมันจะฝังอยู่ในสัญชาตญาณของผู้หญิง ซูถิงไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อและเดินเลือกดูของไปเรื่อยๆ อย่างเริงร่า
ส่วนเจาเจี้ยนนั้นก็ได้แต่ต้องฝืนใจทนตามซูถิงไป
เพราะเขาเองก็สนใจในตัวศิษย์น้องหญิงคนนี้ไม่น้อยจึงไม่ได้ปฏิเสธออกมาแรงๆ
หลังจากเดินมาได้ประมาณสองชั่วโมง หากพูดกันตามความเป็นจริงมันไม่มีทางเลยที่เจาเจี้ยน นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งก้าวเช่นเขาจะรู้สึกเหนื่อยได้
แต่ตอนนี้ขาของเขากลับหนักหน่วงเหมือนมันมีรากงอก แทบจะยกมันไม่ขึ้นอีกแล้ว
“ศิษย์น้องหญิง เห็นไหม… ข้าก็บอกไปแล้วว่ามันไม่มีของดีๆ หรอก” เจาเจี้ยนพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเขาเดินมาจนเกือบจะสุดแล้ว
ซูถิงเองก็เศร้าใจอยู่นิดหน่อย นางคิดว่าการที่มีนักยุทธมากมายขนาดนี้มารวมตัวกัน มันน่าจะมีของดีอะไรออกมาบ้าง แต่สุดท้ายแผงระดับสุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
แต่เมื่อได้เห็นว่าเกือบเดินมาถึงสุดทางแล้ว นางจึงตัดสินใจที่จะไม่ยอมกลับไปทั้งๆ แบบนี้และกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านน่ะเป็นคนดี ตอนนี้มันเหลืออีกแค่ไม่กี่แผงเอง เรามาเดินดูให้มันจบๆ ไปไหม?”
คำพูดนั้นมันช่างแยบยล สุดท้ายเจาเจี้ยนจึงยอมจำนนและพยักหน้ากล่าวขึ้น “อ่า ได้ๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มีอีกแค่ไม่กี่แผงเท่านั้น”
หลังจากมองดูไปอีกหลายคราพวกเขาก็ยังไม่พบเจออะไรดีๆ จนตอนนี้แม้แต่ซูถิงเองก็แทบจะยอมแพ้แล้ว
แต่จู่ๆ นางก็หันไปเห็นป้ายร้านเล็กๆ ในมุมสุดหนึ่งจนเกิดความสงสัยขึ้น
แผงของร้านนี้มันช่างอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลและยังเล็กจนแทบมองไม่เห็นหากคนไม่สนใจจริงๆ พวกเขาคงไม่มีทางเจอมันได้เลย
แต่สิ่งที่ดึงดูดนางมากที่สุดก็คือการที่ร้านนั้นกลับไม่มีของแสดงแม้สักชิ้น
“ร้านขายโอสถ ชื่อสิ้นคิดดีจริงๆ เถ้าแก่ ท่านขายโอสถแต่ทำไมไม่มีโอสถวางแสดงเลยล่ะ?” ซูถิงเข้ามาถามเย่หยวนด้วยความสงสัย
เย่หยวนจึงตอบกลับไปอย่างเฉยชา “โอสถของข้านั้นไม่เหมาะที่จะนำออกมาแสดง หากเจ้าอยากได้โอสถใด ก็จงบอกข้ามาเถอะ”
ซูถิงเบิกตากว้างเมื่อได้ยินและถามขึ้นอย่างสงสัย “มันมีโอสถใดที่ไม่เหมาะจะนำออกมาแสดงด้วยรึ? ที่ท่านพูดนี่หมายถึงว่าร้านท่านมีโอสถทุกชนิด?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “โอสถทั่วๆ ไปข้ามีมันทั้งหมด ส่วนโอสถที่หายากหน่อยก็พอมีบ้าง แต่ต่อให้ไม่มีข้าก็สามารถหลอมมันให้เจ้าได้ทันที ขอเวลาแค่สามชั่วโมงเท่านั้น”
เจาเจี้ยนยืนฟังอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกที่ว่าเย่หยวนนั้นช่างขี้อวดโม้ดีเสียจริงๆ
ก่อนที่สายตาของเขาจะหรี่ลงทันทีที่ได้เห็นป้ายราคาของเย่หยวนและตะโกนขึ้น “โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามแค่เม็ดเดียวเจ้ากลับคิดขายมันในราคาสามพันล้านผลึกปราณเทวะ? นี่เจ้าคิดจะปล้นผู้คนหรืออย่างไร?”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็หันไปตอบ “การขายราคานี้มันก็หมายความว่าโอสถของข้ามีคุณภาพเท่านี้”
เจาเจี้ยนตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง “โอสถบ้าบออะไรจะราคาถึงสามพันล้าน ไหนเจ้าลองบอกมาหน่อยสิ!”
ตอนที่ 1648 โฆษณาให้ฟรี
“ขั้นเทวะโมฆะ!” เย่หยวนตอบกลับออกมาอย่างเฉื่อยชา
เจาเจี้ยนหัวเราะออกมาเสียงดังทันทีที่ได้ยิน “เด็กน้อยดูท่าแล้วเจ้าคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อขายโอสถเสียแล้ว เจ้ามาเพื่อหลอกลวงต้มตุ๋นผู้คนใช่หรือไม่? อ้างว่ามันเป็นขั้นเทวะโมฆะ เจ้าไม่คิดว่าจะมีใครมาตัดลิ้นเจ้าออกมารึอย่างไร! ในเมืองหลวงลาภสายน้ำนี้ มันยังไม่เคยมีนักหลอมโอสถคนใดกล้าอวดอ้างตัวเองว่าสามารถหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะได้เลย แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
ซูถิงเองไม่ได้พูดจาออกมาเหมือนเจาเจี้ยน แต่นางเองก็ไม่คิดเชื่อเย่หยวนเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน
ในใจของนางตอนนี้เย่หยวนนั้นคือคนโกหกไปแล้วเรียบร้อย
“ช่างเถอะ ศิษย์พี่ใหญ่ ไปกันเถอะ” ซูถิงกล่าว
แต่เจาเจี้ยนกลับพูดขึ้น “ศิษย์น้องหญิง เจ้าคนต้มตุ๋นแบบนี้เราจะปล่อยมันไว้ในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ไม่ได้ ต่อให้มันตั้งร้านในเขตแผงระดับต่ำสุดแต่เราก็ต้องทำลายร้านมันลงเสีย! รอให้ข้าเปิดโปงเจ้าคนขี้โกหกนี่ก่อนเถอะ แล้วข้าจะไปบอกให้ท่านลุงนักยุทธมาไล่มันออกไปจากกลุ่มเครือข่ายสวรรค์!”
ซูถิงนั้นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะรู้สึกว่าคำพูดของเจาเจี้ยนนั้นมีเหตุผล สุดท้ายเลยตัดสินใจเงียบลง
เจาเจี้ยนนั้นตะโกนขึ้นมาเสียงดังมาก มากจนทำให้ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเริ่มเดินตามมาดูต้นเสียง
เดิมทีที่แห่งนี้มันอยู่ไกลหูไกลตาผู้คน แต่เสียงดังๆ ของเขาคนนี้กลับดึงดูดความสนใจของคนมาแทน
ในมุมเล็กๆ นี้ ตอนนี้มีคนมามุงดูเหตุการณ์ไม่น้อยเลย
“เด็กน้อยคนนี้น่ะหรือที่บอกว่าขายโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ? เฮอะ เฮอะ ดูท่าคงเป็นพวกต้มตุ๋นล่ะสิท่า?”
“ข้าเองก็อยู่มานานถึงหมื่นกว่าปีแต่ก็ยังไม่เคยจะได้มีโอกาสเห็นเลยว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะมันหน้าตาเป็นยังไง!”
“มันมีให้เลือกระดับความยากจากหนึ่งถึงเก้าด้วย เป็นแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแท้ๆ หมายความว่ามันน่าจะเป็นแค่จอมเทโอสถสามดาว แต่กลับอวดอ้างว่าตัวเองหลอมโอสถความยากระดับเก้า ได้รึ?”
…
ตอนนี้ท่าทางของทุกคนต่อร้านโอสถของเย่หยวนนั้นไม่ค่อยดีนัก
เพราะยังไงเสียโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะมันก็เป็นของที่หายากจนทำให้ผู้คนขนลุกขนพอง
เจาเจี้ยนมองดูเย่หยวนและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มแสนเย็นชา “เด็กน้อย หนึ่งพันล้านใช่ไหม? ข้าจะจ่ายให้ก็ได้ ไหนลองเอาโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ขั้นเทวะโมฆะออกมาให้ดูหน่อยสิ!”
เขาบอกว่าจะจ่าย แต่ไม่ได้คิดที่จะจ่ายเลยแม้แต่น้อย
เจาเจี้ยนนั้นตัดสินไปแล้วว่าเย่หยวนเป็นแค่พวกต้มตุ๋น มีหรือที่เขาจะยอมเสียเงินให้พวกคนอย่างเย่หยวนเป็นพันล้าน?
แต่มีหรือที่เยน่หยวนจะมองไม่ออก? เขากล่าวตอบกลับมา “เงินมาของไป ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าหรอกนะ”
เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม?
เจาเจี้ยนระเบิดความโกรธขึ้นทันที ดูหน้าเจ้าแล้วไม่น่าจะอายุเท่าข้าเสียด้วยซ้ำใช่ไหม?
“อุ๊บ!”
ท่าทางจริงจังของเย่หยวนมันทำให้ซูถิงอดขำออกมาไม่ได้
แต่เจาเจี้ยนที่ทั้งโกรธและอายในตอนนี้จึงกล่าวขึ้น “เจ้าไม่เอามันออกมาใช่ไหม? ข้าว่าแล้วว่าเจ้ามันก็แค่พวกต้มตุ๋น! ฮึ่ม! เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม? ข้านั้นคือศิษย์ของพันธมิตรดาบดวงดาว! แต่เจ้ากลับกล้ามาหลอกลวงคนในเขตแดนของพันธมิตรดาบดวงดาวเรา ข้าจึงขอเป็นตัวแทนทำร้ายป้ายร้านเจ้าเดี๋ยวนี้!”
คำพูดของเจาเจี้ยนมันทำให้ผู้คนรอบๆ แตกตื่นขึ้น
พวกเขาไม่คิดเลยว่าคนทั้งสองนี้จะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ปานนั้น
ตอนนี้คงมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแล้วจริงๆ
และหลังจากเจาเจี้ยนประกาศออกมา เขาก็ส่งมือออกมาไปยังป้ายร้ายของเย่หยวน
เย่หยวนมีสีหน้าไม่พอใจก่อนจะส่งฝ่ามือของตัวเองออกไปบ้าง และกลับถึงเป้าหมายก่อนทั้งๆ ที่ส่งออกมาทีหลัง
บัง!
ร่างของเจาเจี้ยนลอยออกไปไกล โชคยังดีที่รอบๆ นั้นมีผู้คนมากมาย ยอดฝีมือเองก็ไม่น้อยเช่นกัน
พวกเขาทั้งหลายใช้ฝ่ามือรองรับร่างของเขาไว้ด้วยความเห็นแก่หน้าพันธมิตรดาบดวงดาว ทำให้ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย
แต่ทว่าตอนนี้คนรอบๆ ต่างก็หันมามองเย่หยวนด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก
เด็กคนนี้มีพลังบ่มเพาะเพียงแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดเท่านั้น แต่กลับสามารถส่งร่างของเจาเจี้ยนนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งก้าวลอยไปได้สบายๆ
พลังฝีมือของเขานั้นมันไม่ธรรมดา!
เจาเจี้ยนนั้นตกที่นั่งลำบาก ตอนนี้เขารู้สึกเสียหน้าต่อหน้าศิษย์น้องหญิงและกล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าโจมตีข้าเรอะ?”
เย่หยวนจึงหันไปมองเขาอย่างเย็นเหยียบ “มันไม่ใช่ว่าเจ้าไม่สามารถขอดูสินค้าได้ เจ้าแค่ต้องจ่ายเงินออกมาแล้วเจ้าก็จะได้รู้เองว่ามันจริงหรือปลอม! แต่เจ้ากลับคิดจะทำลายป้ายร้านของข้าทั้งๆ อย่างนั้น! นี่หรือคือวิธีที่พันธมิตรดาบดวงดาวใช้? บอกว่าข้าเป็นพวกต้มตุ๋นและกล่าวหาข้าสั่วๆ ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าว่าข้าไม่ได้ แต่จะว่าอะไรเจ้าต้องมีหลักฐาน! หากยังทำตัวกร่างไม่สนใจใคร คราหน้ามันคงไม่จบแค่นี้แน่ๆ”
เจาเจี้ยนนั้นแทบต้องสำลักด้วยพลังกดดันที่เย่หยวนปล่อยออกมา
หากเป็นก่อนหน้า เขาคงหัวเราใส่คำขู่นั้นได้ง่ายๆ
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเย่หยวนมีฝีมือจริง
และเมื่อสักครู่นี้เขาก็คิดจะโจมตีลงไปจริงๆ
แต่หากต้องถอยไปทั้งอย่างนี้เขาก็คงทนไม่ไหวเช่นกัน จึงตะโกนขึ้นอย่างโกรธแค้น “ได้! ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้ามันขายอะไรกันแน่! นี่หนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะ เอาโอสถออกมา ข้าจะเปิดโปงเจ้าต่อผู้คนเอง!”
พูดจบเขาก็วางแผวนลงบนแผงทันที
เย่หยวนรับแหวนมาและตรวจสอบจำนวนผลึกปราณเทวะข้างใน “เจ้าอยากได้โอสถใด?”
เจาเจี้ยนคิดนิดหน่อยก่อนจะตอบ “ข้าขอสิ่งที่ธรรมดาที่สุด เอาเป็นโอสถมหาปราณ!”
โอสถมหาปราณนั้นเป็นโอสถที่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าใช้เพื่อบ่มเพาะ มีผลคล้ายๆ โอสถปราณเทวะ
โอสถมหาปราณขั้นเทวะนั้นมันก็มีออกขายในเมืองเมืองหลวงลาภสายน้ำบ้างหลายๆ ปีครั้ง แต่ราคามันก็เรียกได้ว่าสูงลิบจนถึงแปดสิบล้านผลึกปราณเทวะเลย
ส่วนขั้นเทวะโมฆะนั้นเป็นอะไรที่ยังไม่เคยปรากฏออกมาก่อน
เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่หยวนก็หยิบเอาโอสถมหาปราณขั้นเทวะโมฆะออกมาจริงๆ หากมองแบบนี้การที่เย่หยวนขายมันในราคาแค่หนึ่งพันล้านคงนับได้ว่าถูก
ทุกคนมองดูตามเย่หยวน ตอนนี้เขาถึงขั้นนำเงินออกมาแล้ว เขาคงไม่คิดที่จะโจมตีทำร้ายผู้คนใช่ไหม?
ภายใต้สายตาของทุกผู้คน เย่หยวนค่อยๆ นำแหวนอีกวงออกมายื่นให้เจาเจี้ยน “นี่โอสถมหาปราณที่เจ้าสั่ง”
เจาเจี้ยนหัวเราะเยาะออกมาในใจ เขาไม่เชื่อเลยแม้สักนิดว่าเย่หยวนจะนำโอสถมหาปราณขั้นเทวะโมฆะออกมา ไม่แม้แต่จะคิดว่าเย่หยวนจะหยิบโอสถมหาปราณออกมาเสียด้วยซ้ำ
แกล้งทำ!
ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะแกล้งทำท่านั้นไปได้อีกนานแค่ไหน!
เขายื่นมือไปหยิบแหวนขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ส่งจิตศักดิ์สิทธิ์เข้าไป และพบว่ามีคลื่นพลังโอสถมหาศาลพุ่งออกมากระแทกจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขา
พลังของโอสถนี้มันอะไรกัน?
หรือว่า… จะเป็นขั้นเทวะโมฆะจริง?
ตอนนี้สายตาทุกผู้คนต่างจ้องมองดูเจาเจี้ยน เมื่อได้เห็นว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ทุกคนก็จดจำมันไว้อย่างดี
ทุกผู้คนที่มามุงดูเริ่มตกใจกันไม่น้อย หรือว่านี่จะเป็นขั้นเทวะโมฆะจริง?
“ฮึ่ม! อย่างน้อยเจ้าก็มีทักษะในการปลอมแปลงไม่เบา ทำให้มันดูเหมือนของจริงได้ขนาดนี้! แต่… ข้าอยากทดสอบผลของมันตรงนี้!” เจาเจี้ยนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
จนถึงตอนนี้เจาเจี้ยนก็ยังไม่คิดว่าเย่หยวนจะส่งโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะออกมาจริงๆ
เหล่าผู้ที่ขายโสถปลอมย่อมมีวิธีปลอมแปลงให้ไม่สามารถตรวจจับได้ง่ายๆ
ทุกคนต่างซื้อขายกันแบบต่อหน้า หากพวกเขาเห็นว่าตัวเองถูกหลอก พวกนักต้มตุ๋นคงไม่มีทางรอดออกไปได้
นั่นทำให้เกิดการปลอมแปลงขึ้นมาในหลายระดับ บ้างก็มีฝีมือที่เหนือชั้นจนทำให้ไม่สามารถแยกได้เลยว่าโอสถเหล่านั้นมันเป็นของจริงหรือปลอม
แต่หากมีคนคิดลองโอสถนั้น เรื่องมันก็จะต่างออกไป
เพราะผลที่ออกมามันจะชัดเจน!
เย่หยวนตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ “แล้วแต่เจ้าเถอะ”
ทองแท้ไม่กลัวไฟ มีหรือที่โอสถของเย่หยวนจะถูกมองว่าเป็นของปลอมไปได้อีก?
ที่สำคัญเย่หยวนในตอนนี้เข้าใจสถานการณ์อย่างดี การกระทำของเจาเจี้ยนนั้นเป็นยอดวิธีการโฆษณาให้กับร้านของเขา เขาจึงไม่คิดที่จะห้ามใดๆ ทั้งสิ้น
เย่หยวนนั้นมั่นใจในความสามารถตัวเองจึงไม่คิดที่จะลำบากออกไปโฆษณาให้ใครๆ รู้
แต่ตอนนี้เจาเจี้ยนคิดจะอาสาช่วยทำการโฆษณาให้ เขาเองก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ต้องปฏิเสธความหวังดีนี้
สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ต่างจากละครสด มีการจัดฉากต่างๆ ไว้อย่างพร้อมเพรียง
เจาเจี้ยนยิ้นแหวนนั้นให้ซูถิงและบอก “ศิษย์น้องหญิง เจ้ามาลองโอสถมันหน่อย!”
ซูถิงเองก็สงสัยไม่น้อยจึงรับแหวนไปอย่างเต็มใจ
เจาเจี้ยนนั้นเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งก้าว ต่อให้เขาจะกินดื่มโอสถไปมากอีกแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มพลังปราณเทวะในร่างไปได้อีกแล้ว
แต่ซูถิงนั้นเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลาง ต่อให้มันจะเป็นโอสถปลอม แต่มันก็ยังน่าจะช่วยนางได้ไม่น้อย
การที่สามารถทำให้โอสถเหมือนจริงได้ขนาดนี้ มันก็หมายความว่าโอสถชนิดนี้ไม่น่าจะส่งผลร้ายใดๆ ได้ มันแค่เป็นเทคนิคในการหลอกตบตาเรื่องคุณภาพเท่านั้น
ตอนที่ 1649 สู่ความโกลาหล
ทุกผู้คนเว้นระยะออกมาจากซูถิงปล่อยให้นางได้ทำการดูดซับโอสถอย่างสะดวก
ซูถิงนั้นไม่ได้หวังอะไรมากมาย โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะนั้นหาใช่ผักปลาที่จะมาหาซื้อได้ง่ายๆ ตามตลาดแบบนี้
หากเย่หยวนบอกว่าตนเองมีโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะอยู่สักเม็ด มันคงพอทำใจเชื่อได้บ้าง
แต่เย่หยวนกลับบอกว่าโอสถทั้งหมดของเขาเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ เรื่องนั้นมันเกินกว่าที่จะรับได้ไปหน่อย
“เด็กคนนี้มันใจเย็นจริงๆ ขนาดคนเขาจะลองโอสถแล้วแท้ๆ แต่มันกลับยังใจเย็นได้ขนาดนี้”
“ฮ่าฮ่า ไม่ยอมจบจนกว่าจะจบจริงๆ”
“ข้าจำได้ว่า สิบกว่าปีก่อนมีคนมาขายโอสถปลอมในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์จนโดนจับได้ หลังจากนั้นมันก็โดนกระทืบจนเละด้วยน้ำมือของ สามขั้วอำนาจ”
“เด็กคนนี้มันมีฝีมืออยู่บ้าง แต่หากไปเทียบกับ สามขั้วอำนาจแล้วมันคงยังไม่พอ”
…
เหล่านักยุทธรอบๆ ต่างรอคอยที่จะได้เห็นเรื่องตลกกัน เรื่องในวันนี้มันใหญ่จนเกินกว่าที่จะมีใครมาปกปิดไว้ให้ไหวแล้ว
กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นเป็นตลาดย่านการค้าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง สามขั้วอำนาจเองก็ใส่ใจในเรื่องของชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
หากมีการค้นพบว่าเกิดการต้มตุ๋นขึ้น รับรองได้เลยว่าเรื่องมันคงจบไม่สวย
ก่อนอื่นพวกเขาก็จะแสดงตัวอย่าง แล้วค่อยทำลายชื่อพวกนั้นทิ้ง
เมื่อผลึกโอสถถูกเปิดออกมา กลิ่นของโอสถอันรุนแรงก็ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่อย่างห้ามไม่ได้
“ช่างเป็นกลิ่นโอสถที่รุนแรงนัก!”
“พลังโอสถจะแรงกล้าอะไรขนาดนี้!”
“โอสถมหาปราณเม็ดนี้คงไม่ได้เห็นขั้นเทวะโมฆะจริงๆ หรอกใช่ไหม?”
…
ทุกคนหน้าถอดสีทันที เพราะยิ่งเป็นโอสถที่มีคุณภาพสูง มันก็จะยิ่งส่งกลิ่นโอสถที่รุนแรงพร้อมๆ กับปล่อยพลังโอสถที่แข็งแกร่งออกมาด้วย
โอสถมหาปราณในมือซูถิงเม็ดนี้มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“จะตื่นตกใจอะไรกันไปเล่า! ทั้งกลิ่นและพลังของโอสถนั้นมันสามารถปลอมแปลงกันได้ แต่ผลของมันจริงๆ ต้องรอให้ผู้คนได้ดูดซับมันไปก่อนถึงจะรู้แน่!” แม้ว่าเจาเจี้ยนจะตื่นตกใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ยังคงรักษาท่าทางนั้นไว้ได้ไม่คลาย
เพราะสิ่งที่เขาพูดมาเองมันก็มีเหตุผล หากมิได้ลองดูดซับโอสถตรงนั้น เรื่องราวอื่นใดมันก็สามารถปลอมแปลงได้
แต่เย่หยวนก็พูดออกมาอย่างไม่แยแสใดๆ “รีบๆ ดูดซับมันเสียที ยิ่งเจ้าชักช้าโอสถมันก็จะยิ่งเสียคุณภาพ”
ซูถิงเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อย ก่อนจะรีบยกโอสถเม็ดนั้นเข้าใส่ปากไป
เป็นตอนนั้นเองที่ซูถิงได้รู้สึกถึงคลื่นพลังจากโอสถระเบิดออกมาภายในร่างตั้งแต่ปากไปจนถึงท้อง
คลื่นพลังปราณเทวะอันหนักหน่วงไหลไปตามแขนขาของนางราวกับแม่น้ำที่เชี่ยวกราก ทำให้ร่างกายของนางรู้สึกสดชื่นขึ้นทันทีที่กลืนโอสถลงไป
ซูถิงรู้สึกราวกับว่าเส้นเอ็นจุดชีพจรในร่างต่างผ่อนคลายขึ้น
ครื้น!
ช่วงคอขวดสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นปลายเปิดออกทันทีด้วยคลื่นโอสถอันรุนแรงนี้
“ช่างเป็นพลังปราณเทวะที่รุนแรงอะไรเช่นนี้! นางกำลังจะบรรลุแล้ว!”
“เป็นพลังโอสถที่รุนแรงเสียจริงๆ นี่มัน… นี่มันโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะของจริง?”
“แค่โอสถมหาปราณเม็ดเดียวแต่กลับทำให้นางบรรลุเข้าสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นปลายได้ นี่มัน… ราคาแค่พันล้านนี้มันจะคุ้มค่าเกินไปแล้ว!”
…
เสียงร้องอันตื่นตระหนกดังขึ้นจากทุกทิศทาง
เพราะโอสถมหาปราณนั้นมันเป็นแค่โอสถที่ช่วยเพิ่มระดับปราณเทวะ หาได้ช่วยในการบรรลุผ่านช่วงคอขวดไม่
สำหรับซูถิงแล้วแม้จะกินโอสถมหาปราณเข้าไปอีกนับร้อยนับพันเม็ดมันก็ไม่น่าจะช่วยการในบรรลุขั้นได้รวดเร็วปานนั้น
แต่ว่าผลของโอสถที่เย่หยวนขายมันกลับรุนแรงมาก ทำให้ซูถิงที่เดิมทีติดคอขวดอยู่ได้พลังของโอสถอันรุนแรงนี้ช่วยให้สามารถบรรลุขึ้นสู่ขั้นปลายได้ในทันที
พลังวิญญาณในกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ถูกดูดกลืนเข้ามารวมกันยังที่เดียว มันจึงทำให้เหล่านักยุทธคนอื่นๆ เริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติมากขึ้น
การมาบรรลุที่กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้น ในสถานที่แบบนี้มันเป็นเรื่องแปลกมากที่จะมีใครมาบรรลุ ทุกผู้คนจึงอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เพราะฉะนั้นตอนนี้เหล่านักยุทธที่สนใจใคร่รู้จึงมุ่งหน้ามาหาต้นทางที่พลังวิญญาณถูกดูดไปอย่างไม่หยุดหย่อน
ฝูงชนเหล่านี้มันทำให้เขตแผงระดับสุดท้ายยิ่งมีคนมากขึ้น และมากขึ้น
ไม่นานนักมันก็เต็มไปด้วยผู้คนจนไม่มีแม้แต่ที่จะหายใจ
แต่ยิ่งเป็นแบบนั้น ผู้คนที่ผ่านไปมาก็ยิ่งสนใจใคร่รู้หนักกว่าเก่า
เหล่าคนที่ไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปได้แล้วต่างก็พยายามถามเรื่องราวจากคนใกล้ๆ อยากรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
นั่นทำให้สภาพของกลุ่มเครือข่ายสวรรค์ในตอนนี้มันยุ่งเหยิงไปหมด
เรื่องราวสุดแปลกประหลาดนี้มันทำให้แม้แต่ สามขั้วอำนาจใหญ่ยังต้องหันมาสนใจ
กลุ่มเครือข่ายสวรรค์นั้นตั้งอยู่มานานหลายต่อหลายปีอย่างที่ไม่เคยมีเรื่องใดๆ แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
สามขั้วอำนาจนั้นกลัวว่าจะเกิดการจลาจลขึ้นจึงรีบส่งยอดฝีมือออกมาจัดการเรื่องราวตามๆ กัน
“อย่าเบียดกันเข้าไป! หากพวกเจ้ายังคิดจะเบียดกันเข้าไปด้านในอีกข้าจะนับว่ามันเป็นการก่อเรื่อง! ผู้ก่อเรื่องต้องโทษประหารสถานเดียว!”
ยอดฝีมืออาณาจักรบรรพชนพระเจ้าหกดาวคนหนึ่งตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมปล่อยพลังกดดันที่มหาศาลออกมา ทำให้ผู้คนเริ่มกลับมาตั้งสติได้
สุดท้ายด้วยการจัดการของ สามขั้วอำนาจใหญ่ เหล่านักยุทธที่อยากรู้อยากเห็นจึงได้ถอยกลับไป
แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นพื้นที่ในเขตแผงระดับสุดท้ายมันก็ยังอัดแน่นไปด้วยผู้คนจนไม่มีที่จะหายใจ
ซูถิงค่อยๆ เปิดตาขึ้น ดวงตานั้นของนางเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวารู้สึกราวกับว่าตนเองมีพลังปราณเทวะใช้อย่างไม่มีหมด
นางรู้ได้เลยว่าตอนนี้โอสถที่นางได้รับไปยังไม่ถูกดูดซับจนหมด
ซูถิงอยากจะรีบไปหาที่เก็บตัวต่อทันทีเพื่อจะได้ดูดซับพลังที่เหลือของโอสถ
เจาเจี้ยนมองดูซูถิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เขาตื่นตกใจจนไม่สามารถที่จะคิดอะไรใดๆ ได้อีก
“ศ-ศิษย์น้องหญิง?” เจาเจี้ยนพูดขึ้นอย่างติดๆ ขัดๆ
ซูถิงหายใจเข้าลึกและกล่าว “ใช่ นี่คือโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะของจริง!”
โอ้!
เหล่านักยุทธรอบๆ ต่างส่งเสียงร้องออกมาพร้อมๆ กัน!
เพราะแม้ในใจของพวกเขาจะพอรู้อยู่แล้ว แต่การได้ยินมันซ้ำจากปากซูถิงอย่างชัดเจนแบบนี้มันยิ่งทำให้เรื่องราวแน่นอนเข้าไปใหญ่
“โอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะจริงๆ ด้วย!”
“พระเจ้า ข้าอยู่มาตั้งนานนมแต่ไม่เคยจะได้เห็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะมาก่อนเลย!”
“แค่โอสถมหาปราณแต่กลับช่วยให้นางบรรลุอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นปลายได้ นี่สิถึงจะสมเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ!”
…
ซูถิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาเย่หยวนพร้อมยกมือขึ้นคารวะ “เถ้าแก่ เมื่อสักครู่เราสองศิษย์พี่น้องกล่าวหาท่านไปมาก ขอให้ท่านช่วยอภัยให้พวกเราด้วย!”
เย่หยวนตอบ “ไม่ต้องคิดมาก”
เย่หยวนรู้ดีว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะมันน่าเหลือเชื่อแค่ไหน เพราะฉะนั้นท่าทางของคนทั้งสองจึงไม่ได้ผิดแปลกไปจากที่เย่หยวนคาดเดานัก เขาจึงไม่คิดจะสนใจอะไรให้มากความ
ซูถิงถาม “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าโอสถที่เถ้าแก่มีทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะหรือ?”
เย่หยวนพยักหน้า “ก็ประมาณนั้น มันก็มีบ้างที่ไม่ได้ขั้นสูงขนาดนั้น แต่หากมีใครอยากได้ข้าจะขายให้ถูกๆ สัก ห้าสิบล้านต่อเม็ดก็แล้วกัน”
“…”
ทุกคนพูดไม่ออก ที่เขาว่าขั้นไม่สูง… หรือเขาจะหมายถึงขั้นเทวะ?
เพราะมันไม่มีทางเลยที่ขั้นสวรรค์จะขายในราคา ห้าสิบล้าน!
แต่เรื่องนั้นมันไม่สำคัญอีกแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือโอสถที่เย่หยวนมี… มันเป็นขั้นเทวะโมฆะทั้งสิ้น!
นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
“เถ้าแก่ ข้าเองก็อยากได้โอสถมหาปราณเช่นกัน! นี่หนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะ!”
“เถ้าแก่ ข้ามีอยู่ ห้าร้อยล้าน ข้าอยากได้โอสถวิญญาณเหิน!”
“เถ้าแก่ ข้ามีอยู่ เจ็ดร้อยล้าน! ข้าขอโอสถสมบัติสวรรค์จันทร์ขาว!”
…
ในเวลาชั่วพริบตานั้นเจาเจี้ยนและซูถิงได้ถูกฝูงชนกลืนกินไปแล้วเรียบร้อย
ตอนนี้ยังจะมีใครสนใจหน้าพันธมิตรดาบดวงดาวอีก? การซื้อโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะให้ได้นั้นคือเรื่องสำคัญที่สุดแล้ว!
เย่หยวนเห็นว่าที่ด้านหน้าตนเองมีมือจำนวนมากมายยื่นเข้ามาจนไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลย
มือเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ถือแหวนเก็บของไว้ แหวนที่ด้านในเปี่ยมล้นไปด้วยผลึกปราณเทวะ!
ในจำนวนเหล่านั้น มีหลายต่อหลายคนที่เป็นถึงนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้า
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นนักยุทธในค่ายสำนักใหญ่โตแค่ไหน จะมีใครบ้างที่ไม่มีเด็กๆ ในการดูแลเลย?
หนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะเพื่อซื้อโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ หากพลาดโอกาสนี้ไปมันคงไม่มีโอกาสแบบนี้ย้อนกลับมาอีกแล้ว!
“หยุด!”
จู่ๆ เย่หยวนก็ใช้พลังปราณเทวะของตัวเองตะโกนลั่น ทำให้ทุกผู้คนต้องเงียบฟังทันที
เมื่อได้เห็นว่าทุกคนตรงหน้าเงียบปากลงแล้วเย่หยวนจึงกล่าวขึ้นต่อ “อยากซื้อโอสถข้าพวกเจ้าต้องต่อแถวเข้ามา! หากยังทำตัวแบบนี้ข้าจะไม่ขายให้ใครทั้งสิ้น!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น