Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1616-1621
ตอนที่ 1616 สมบัติเชียนเทียน
Ink Stone_Fantasy
“ผู้อาวุโสทุกท่านคงได้ยินเรื่องการมาถึงของหลิงจี้คุนบ้างแล้ว เขาทำเรื่องขนาดนั้นจริง ๆ มันคงไม่มีใครไม่รู้หรอก แต่เหตุผลจริง ๆ ที่เขามาในครั้งนี้มันก็เพื่อจะขอความช่วยเหลือจากเรา…”
หรงซูเริ่มพูดเปิดประชุมด้วยท่าทางมั่นใจและสุขุม ก่อนจะค่อย ๆ บอกเล่าเรื่องราวเป้าหมายที่หลิงจี้คุนเดินทางมาในครั้งนี้ให้เหล่าผู้อาวุโสทุกคนในที่ประชุมฟัง
ดูเหมือนว่าตอนนี้เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์จะเจอเหตุการณ์ประหลาดเข้า เป็นสัญญาณว่าสมบัติล้ำค่ากำลังจะถือกำเนิดขึ้น
แต่สถานที่ที่เกิดปรากฏการณ์นั้นขึ้นมันกลับเป็นชายแดนเชื่อมต่อระหว่างเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์กับเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะ
และแน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มันไม่มีทางหลุดรอดสายตาของเผ่าปีศาจไปได้เลย
สมบัติล้ำค่าที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินเช่นนี้ ฝั่งเผ่าปีศาจเองก็คงต้องการมันแทบขาดใจเช่นกัน
และตอนนี้ก็มีผู้เชี่ยวชาญมากมายหลายคนกำลังเดินทางออกไปสำรวจยังต้นเหตุของปรากฏการณ์นั้น
แต่เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์นั้นกลัวว่าแค่ตัวคนเดียวมันจะไม่มีปัญญาพอสู้กับพวกปีศาจทั้งหมด จึงได้ส่งคนไปยังเมืองจักรพรรดิต่าง ๆ เพื่อขอความร่วมมือ
ที่หลิงจี้คุนมายังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันก็ด้วยเรื่องนี้นี่เอง
เพราะทั้งสองเมืองนั้นเป็นเพื่อนบ้านที่มีชายแดนดินกัน หากเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์อยากจะขอความช่วยเหลือใคร เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็ย่อมต้องเป็นตัวเลือกแรกของพวกเขา
“ผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชี เรื่องนี้คงต้องให้หอยุทธ์ท่านจัดการ ว่ายังไงล่ะ?” หรงซูถามเจิ่งชี
เจิ่งชีเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา “เรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงเผ่าปีศาจ เราต้องไปช่วยแน่นอนอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือหากสมบัติที่ว่ามันมีชิ้นเดียวล่ะ เราจะจัดการเรื่องความเป็นเจ้าของกันยังไง?”
หรงซูตอบกลับมา “เรื่องนี้ข้าเองก็ได้คุยกับหลิงจี้คุนไว้แล้ว ฝั่งนั้นว่าเรื่องนั้นปล่อยให้โชคชะตากำหนด ตราบใดที่มันไม่ตกไปอยู่ในมือของฝั่งปีศาจแค่นั้นก็พอ แต่จากที่ฟังหลิงจี้คุนว่ามาสมบัตินี้มันต้องไม่ธรรมดามาก ๆ แน่ อาจจะถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายส่งยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มาเลย!”
เมื่อคำพูดนั้นลอยเข้าหูทุกคน พวกเขาก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
เพราะหากนี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอาณาจักรนภาสวรรค์มันก็คงยุ่งยากกว่าเดิมขึ้นหลายเท่า
เจิ่งชีตอบกลับมาพร้อมตัดสินใจ “เรื่องนี้ชายแก่จะขอไปจัดการมันด้วยตัวเอง! หากให้คนอื่นออกไปตอนนี้มันคงไม่เพียงพอ เพราะนอกจากยอดฝีมือเผ่าปีศาจแล้วสถานที่ที่จะเกิดสมบัติระดับสูงแบบนั้นมันก็น่าจะอันตรายมากด้วย”
“ไม่นะ! ผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชี ท่านคือผู้นำของหอยุทธ์! จะให้ท่านออกไปเจออันตรายเองได้ยังไงกัน?”
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสเจิ่ง ท่านนั้นคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหอยุทธ์แล้ว หากท่านพลาดพลั้งไปแล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อเล่า?”
เมื่อเจิ่งชีเอ่ยปากว่าจะไปเอง ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ อีกหลายต่อหลายคนก็คัดค้านขึ้น
แต่เจิ่งชีนั้นได้แต่โบกมือปัดไป “มันเป็นเพราะว่าชายแก่คนนี้แข็งแกร่งที่สุดนั้นแหละ ถึงต้องออกไปเอง ไปช่วยเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ก็เรื่องหนึ่ง ไปหาสมบัติล้ำค่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือข้าไม่อยากให้เกิดการสูญเสียให้มากที่สุด! เรื่องนี้ไม่ต้องคุยกันแล้ว ชายแก่คนนี้ได้ตัดสินใจลงไปแล้ว!”
ตอนนี้ผู้อาวุโสของทั้งหอโอสถและหอยุทธ์ต่างเข้าร่วมประชุมกันทั้งสิ้น
เมื่อหอยุทธ์จะออกไปทำการสำรวจ ทางหอโอสถเองก็ต้องเตรียมโอสถต่าง ๆ ไว้ให้มากมาย
เย่หยวนหันไปมองหน้าเจิ่งชีด้วยแววตาที่เปี่ยมความชื่นชม
ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้มันอันตรายแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มันอาจจะมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เข้ามาเกี่ยวข้อง การไปล่าสมบัติในครั้งนี้มันจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องง่ายเลย
และต่อให้เจิ่งชีจะเดินทางไปเอง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปลอดภัยเช่นกัน
แน่นอนว่าเจิ่งชีนั้นรู้ดีว่าการเดินทางนี้มันอันตรายแค่ไหน คงเป็นเพราะแบบนั้นเขาถึงได้คิดจะไปเอง เพื่อที่จะหวังลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
การเสียสละนี้ทำให้เย่หยวนต้องอดชื่นชมเขาอยู่ในใจไม่ได้
หลังจากนั้นเขาก็เลือกผู้อาวุโสที่จะไปกับเขาด้วย และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าคัดค้านใด ๆ
หรงซูนั้นไม่คาดคิดเลยว่าเจิ่งชีจะทำถึงขนาดนี้ เขาจึงเปิดปากถามขึ้น “สหาย เจ้าตัดสินใจแล้วจริง ๆ รึ?”
เจิ่งชีพยักหน้ารับกลับไป “พี่หรงซู คนพวกนั้นวัน ๆ เอาแต่เก็บตัวฝึกฝน หากชายแก่คนนี้ไม่อยู่แล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงต้องฝากให้พี่ดูแล”
หรงซูถอนหายใจยาว “ก็ได้! เรื่องนี้ถือว่าเป็นอันจบไป ชายแก่คนนี้เองก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากมาย หลังจากนี้ไปชายแก่คนนี้จะไปเร่งให้พวกผู้อาวุโสหอโอสถหลอมโอสถไว้ให้”
เจิ่งชียกมือขึ้นมาประคบกันตรงหน้าเป็นท่าทางคารวะ “เช่นนั้นคงต้องขอฝากให้พี่หรงซูจัดการแล้ว”
จากนั้นเจิ่งชีก็ได้เลือกทั้งผู้อาวุโส อาจารย์ ผู้พิทักษ์แห่งหอยุทธ์อีกกว่าสิบคน
คนเหล่านี้คือผู้ที่จะต้องติดตามเขาออกไปด้วย
แต่เพราะว่าแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ยังไปเอง พวกคนที่ถูกเลือกจึงไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลย
ที่สำคัญเรื่องแบบนี้หากใครได้ไป พวกเขาก็จะปลอบใจตัวเองว่ามันอาจเป็นโชคดี
เพราะสมบัติที่ไปล่ากันในครั้งนี้ท้ายที่สุดมันอาจจะตกมายังมือของพวกเขาก็ได้
“เอาล่ะ เรื่องนี้จบแล้ว เลิกประชุม” หรงซูพูดขึ้น
แต่จู่ ๆ เย่หยวนที่เงียบปากมาตลอดการประชุมก็พูดขึ้นขัด “ผู้อาวุโสใหญ่เจิ่ง ข้าขอไปด้วย”
หรงซูขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน “ผู้อาวุโสเย่ พูดเรื่องบ้าบออะไรออกมา?”
เมื่อเจิ่งชีได้ยินแบบนั้นเขาก็ส่ายหัวออกมาในทันที “ผู้อาวุโสเย่ การเดินทางครั้งนี้มันแสนอันตราย แม้แต่ชายแก่คนนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะรอดกลับมาได้ครบ 32 ท่านไม่ควรจะไปดีกว่า เพราะท่านคือความหวังของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราวในวันข้างหน้า หากมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านไปจะทำอย่างไร!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “ทุกท่านขอโปรดใจเย็น ๆ ก่อน ขอให้ข้าได้พูดจนจบก่อนเถิด”
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาหรงซูและถามขึ้น “ผู้อาวุโสใหญ่หรงซู หลิงจี้คุนได้บอกท่านหรือไม่ว่าสมบัติล้ำค่านี้คืออะไร?”
หรงซูขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตอบกลับมา “สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ยังไม่ทันกำเนิดออกมา เขาจะไปรู้ได้อย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มขึ้น “หากให้ข้าเดา สมบัติที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้มันคงอยู่ที่เหวอัญเชิญปีศาจใช่หรือไม่?”
หรงซูกล่าวออกมาด้วยท่าทางตกใจ “เจ้าทราบได้อย่างไร?”
เพราะในการประชุมนี้ไม่ได้มีการระบุจุดที่แน่นอนเลย แต่เย่หยวนกลับสามารถรู้ถึงจุดที่ว่านี้ได้ มีหรือที่หรงซูจะยังใจเย็นได้?
เย่หยวนยิ้มตอบ “ข้าเองก็เคยไปที่เทือกเขาอัญเชิญปีศาจมาก่อน แถมยังเคยลงไปในเหวด้วย ข้าจึงพอจะคุ้นที่คุ้นทางอยู่บ้าง ข้ารู้ว่าพวกท่านห่วงเรื่องที่ข้ามีพลังบ่มเพาะต่ำ แต่การไปในครั้งนี้ต่อให้คนๆ นั้นจะมีพลังบ่มเพาะที่สูงส่งแค่ไหนมันก็คงไม่ช่วยอะไรมาก”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ยินคำของเย่หยวน พวกเขาก็ได้แต่ตื่นตะลึง
พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเย่หยวนจะเคยไปยังเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์มาก่อน และยังถึงขั้นลงไปในเหวอัญเชิญปีศาจอีก
เจิ่งชีขมวดคิ้วแน่นและบอกเย่หยวน “ผู้อาวุโสเย่ โปรดว่าต่อ!”
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหลิงจี้คุนปิดบังอะไรบางอย่างไว้เพราะกลัวว่าเมืองอื่น ๆ จะไม่ยอมไปช่วยพวกตน
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวต่อ
เพราะระหว่างทางที่เย่หยวนกลับมาจากดินแดนปีศาจในครานั้น เขาได้ลงไปในเหวนี้มาครั้งหนึ่ง
ตอนนั้นเขาสัมผัสได้ว่าเหวนี้มันมีความยิ่งใหญ่มากจนเกิดสงสัยและได้ลงไปสำรวจ
แน่นอนว่าคนอื่น ๆ เองก็คงสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพอจะลงไปก็เท่านั้น
เพราะต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าก็ยังต้องระวังระหว่างลงไป พลาดแค่ก้าวเดียวมันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาต้องร่วงลงไปกระแทกพื้นเละกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อลงไปลึกสนามพลังแรงดึงดูดมันยิ่งรุนแรง
ตอนนั้นเย่หยวนที่เพิ่งจะบรรลุอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสามารถลงไปได้โดยใช้ฟ้าหน่วงหยวนฉือเป็นตัวช่วยในการสำรวจ
ตอนนั้นเย่หยวนลงไปได้ราวหมื่นเมตรแต่ก็ยังไม่เห็นก้นเหวสักที
และเย่หยวนยังสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าเกรงขามจากด้านล่าง เขาจึงไม่กล้าที่จะลงไปลึกกว่านั้น
แต่เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่จากด้านล่างเช่นกัน ราวกับว่ากำลังมีสมบัติก่อตัวขึ้น
การที่สถานที่แบบนี้จะให้กำเนิดสมบัติล้ำค่านั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลย
ตอนที่เย่หยวนได้ยินคำบอกเล่าของหรงซู เย่หยวนก็นึกถึงเหวนี้ขึ้นมาทันที
“ตามที่ข้าคาดการณ์ สมบัติที่เกิดขึ้นมาในครานี้อาจจะเป็นสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าหรืออาจจะถึงขั้นเป็นสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์เลยก็เป็นได้!”
คำพูดนี้ของเย่หยวนมันทำให้ผู้ได้ยินแทบลมจับ ทำให้บรรยากาศการประชุมกลับมาจริงจังขึ้นอีกครั้งในทันที
“อะไรนะ? สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้า!”
“พระเจ้าช่วย! ไม่ใช่แค่สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าแต่อาจถึงขั้นสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์ ของแบบนั้นแม้แต่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน!”
“เจ้าหลิงจี้คุนนี่มันต้มเราจนเปื่อยเลยนะ?”
ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสต่างแสดงสีหน้าอันเร่าร้อนออกมา ดูท่าคำว่าสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าจะไปสะกิดใจพวกเขาเข้าอย่างแรง
ตอนที่ 1617 หนี้แค้นแต่เก่าก่อน
Ink Stone_Fantasy
หนงซูและเจิ่งชีนั้นแสดงสีหน้าอันตื่นตะลึงออกมาอย่างชัดเจน สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้า คำๆ นี้มันทำให้พวกเขาพูดแทบไม่ออก
เย่หยวนเองก็ได้ยินต่อมาจากปากของหวู่เฉินมาอีกต่อจากตอนที่เขาลงไปในเหวนั้น
หวู่เฉินได้บอกเย่หยวนในตอนนั้นว่าสนามพลังแรงดึงดูดของที่แห่งนั้นมันรุนแรงมาก ที่ก้นเหวอาจจะมีสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้ากำลังถือกำเนิดขึ้น
โอกาสที่สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าและสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์จะถือกำเนิดขึ้น แค่นั้นมันก็ทำให้เรื่องนี้ใหญ่กว่าการล่าสมบัติใดๆ แล้ว
แม้ว่าสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนั้นจะเป็นสิ่งหายาก แต่เมื่อมาถึงระดับของหรงซูหรือเจิ่งชี พวกเขาก็สามารถมีมันไว้ในครอบครองได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
แต่สมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้านั้นต่างออกไป มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องขนลุกเกรียว
เหตุผลที่มันถูกเรียกว่าสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้านั้นเป็นเพราะว่ามันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่เงื่อนไขในการกำเนิดของพวกมันนั้นแสนจะยากเย็น มีแค่บางสถานที่ที่พิเศษจริงๆ เท่านั้นที่จะสามารถให้กำเนิดมันได้อย่างสมบูรณ์
สมบัติเทียนเซียนราชันพระเจ้านั้นมันมีพลังเหนือล้ำกว่าสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำใดๆ ในระดับเดียวกัน
ไม่เพียงแค่นั้น คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้านั้นคือมันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและในตัวสมบัตินี้มันจะบรรจุแนวคิดแห่งยอดเต๋าไว้ในตัว
เมื่อนักยุทธ์ใช้งานสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าออกมา พวกเขาก็จะสามารถใช้งานแนวคิดแห่งยอดเต๋าและผสานพลังให้เหนือล้ำกว่าก่อนมาก ปลดพันธะความเข้าใจต่างๆ ไปได้อีกมาก
สำหรับอาณาจักรราชันพระเจ้ามันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นอย่างมาก
สมบัติระดับนี้มีใครบ้างที่จะไม่อยากได้?
และหากสมบัติที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์ ค่าของมันคงไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขได้เลย
ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คงต้องไปเพื่อล่ามันมาไว้ในมืออย่างไม่มีลังเล
“ผู้อาวุโสเย่ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ท่านจะมาล้อเล่นไม่ได้นะ!” เจิ่งชีหายใจเข้าออกยาวพร้อมตะโกนเตือนเย่หยวน
แต่เย่หยวนก็ยิ้มตอบกลับไป “เย่คนนี้จะมาล้อเล่นในเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? แต่สิ่งที่อยู่ใต้เหวนั้นเย่คนนี้ก็ไม่ทราบแน่เช่นกัน ที่รู้ๆ คือมันต้องอันตรายมากๆ ที่สำคัญ ยิ่งลงไปในเหวลึกเท่าไหร่ พลังสนามแรงดึงดูดก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น การบ่มเพาะของคนที่ลงไปอาจจะถูกกดลงอย่างมาก และยิ่งมีพลังบ่มเพาะสูงก็จะยิ่งได้รับผลของมันมาก หากผู้อาวุโสใหญ่ไป ข้าเกรงว่าอย่างมากที่สุดท่านคงใช้พลังได้แค่ระดับเดียวกับอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวเท่านั้น”
ได้ยินแบบนั้นทุกคนที่ได้ยินก็ต่างแสดงสีหน้าแฝงความหวาดกลัวออกมา
ใบหน้าของเจิ่งชีแสดงความวิตกออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น เรื่องที่เย่หยวนบอกออกมานี้มันช่วยพวกเขาได้มากจริงๆ
เพราะการรู้ข่าวนี้ก่อนมันจะทำให้พวกเขาได้เตรียมตัวก่อน เตรียมตัวรับกับสถานการณ์ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรรออยู่บ้างตรงหน้า
การกดพลังบ่มเพาะนั้นเป็นปัญหาที่ไม่ใช่แค่พวกเขา แต่รวมไปถึงทุกผู้คนที่ลงไปด้วยต้องเจอ
แต่เมื่อพวกเขาเตรียมความพร้อมไปก่อน มันก็หมายความว่าพวกเขาจะมีเปรียบคนอื่น
เมื่อถึงเวลานั้นการเข้าแย่งชิงสมบัติเซียนเทียนราชันพระเจ้าก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ผู้อาวุโสเย่ หากมันเป็นจริงอย่างที่ท่านว่า เราก็ต้องมีการเตรียมการกันอย่างหนักแน่นมากกว่าเก่าแน่ แต่… ยังไงท่านก็ไปด้วยไม่ได้ ครานี้ผู้ที่จะไปคงมีแต่ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้า ต่อให้พวกเขาจะถูกกดพลังขนาดไหนยังไง แต่พวกเขาก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งของท่านอยู่ดี ที่สำคัญตอนนี้เราอาจจะต้องไปเจอเข้ากับยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ด้วยก็ได้” เจิ่งชีตอบกลับมา
หรงซูจึงเสริมขึ้น “ผู้อาวุโสเย่ สหายเจิ่งชีนั้นพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงในตัวท่าน จงอย่าได้ทำให้เขาต้องลำบากใจอีกเลย”
ตั้งแต่เรื่องของหลิงจี้คุนมา ภาพลักษณ์ที่หรงซูมีต่อเย่หยวนมันก็ดีขึ้นมาก
เพราะหากลองใช้สมองคิดดูดีๆ การที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ได้มียอดอัจฉริยะขนาดนี้อยู่มันจะมีแต่ข้อดี หาได้มีข้อเสียใดๆ ไม่
ที่สำคัญเย่หยวนยังเป็นคนที่ชำระความแค้นด้วยบุญคุณ ช่วยรักษาหน้าของซ่งฉีหยางไว้ แถมยังช่วยแก้แค้นให้อีกด้วย เรื่องนี้มันทำให้จิตใจของหรงซูสดใสขึ้นมาก
เมื่อก่อนนั้นเขาดวงตามืดบอดไปด้วยความเกลียดชัง ฝืนกินยาขมโดยไม่มีความจำเป็นใดๆ ต่อต้านเย่หยวนไปทุกทาง ซึ่งในสายตาของเขาตอนนี้มันดูจะมากเกินความจำเป็นไปหน่อย
หรงซูรู้ดีว่าความแค้นในใจของเขานี้เกิดขึ้นเพื่อคนอื่น ความแค้นที่รับต่อมาจากซวนอี้บวกกับความกลัวที่เขามีต่อเย่หยวน
แต่เย่หยวนกลับตอบกลับมา “ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสอง ไม่นานมานี้ข้าได้พบเจอกับทางตันในการฝึกบ่มเพาะพลัง และยังไม่สามารถแก้มันลงได้ ครานี้ข้าจึงคิดจะออกไปเปิดหูเปิดตาดูโลก พวกท่านจงวางใจเถิด เย่คนนี้ยังมีวิธีที่จะปกป้องตัวเองอยู่บ้าง ที่สำคัญที่พื้นที่เหวอัญเชิญปีศาจนั้นคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าข้าแล้ว”
เมื่อเจิ่งชีเห็นท่าทางสงบนิ่งของเย่หยวนนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ
เพราะคำพูดนี้ของเย่หยวนนั้นมันหมายความว่าเขายังมีไพ่ตายอะไรซ่อนไว้อีก
เจิ่งชีนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา “เอาล่ะ ไหนๆ ผู้อาวุโสเย่ก็พูดมาถึงขนาดนี้ งั้นก็จงมาด้วยกันเถอะ แต่หากมีเรื่องอะไรที่ดูแปลกๆ ผิดหูผิดตาไปท่านจงรีบหนีไปเสีย อย่าได้ทำอะไรอวดเก่งเกินหน้าเกินตาคนอื่น!”
…
เมื่อได้มายังเทือกเขาอัญเชิญปีศาจอีกครั้งเย่หยวนก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้าอย่างแรง
เพราะแสงอันส่องสว่างกำลังส่องขึ้นมาจากก้นเหวลึกหลายหมื่นเมตรนี้ มันเป็นภาพที่สวยงามตราตรึงมากๆ
แม้จะดูอยู่จากระยะไกลเย่หยวนก็สามารถสัมผัสได้ถึงสนามแรงดึงดูดที่ค่อนข้างรุนแรง มันทำให้เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าระดับต่ำๆ หลายคนถึงกับไม่สามารถลอยตัวขึ้นจากพื้นได้
และตอนนี้สันเขาทั้งสองของเขาอัญเชิญปีศาจก็มีผู้คนยอดฝีมือมารวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น พวกเขาทั้งหลายนั้นล้วนเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าขึ้นไปทั้งสิ้น
ตอนนี้แม้ยังไม่เห็นฝั่งปีศาจ แต่แค่ฝั่งมนุษย์ก็มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้ามารวมตัวกันในที่นี้ไม่ต่ำกว่า 100 คนเข้าไปแล้ว
พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้คือกำลังเสริมที่เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ได้ไปขอกำลังมา พร้อมๆ กับเหล่ายอดฝีมืออิสระที่ได้ยินข่าวคราวด้วย
“ว่ายังไงบ้างเย่หยวน?” เจิ่งชีถามเย่หยวนออกมา
เย่หยวนที่กำลังมองดูภาพรอบๆ อยู่ก็กล่าวขึ้น “แรงดึงดูดของมันในตอนนี้น่าจะมากกว่าแต่ก่อนประมาณ 5 เท่าตัวได้ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงเลยด้วย! ข้าไม่นึกเลยว่าในเวลาแค่ร้อยปีมันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ขึ้นที่นี่”
“งั้นจากที่ท่านลองมองดูแล้ว ที่นี่มันจะมีสมบัติแบบใดอยู่กัน?” เจิ่งชีถาม
เย่หยวนเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ยังเดาได้ยาก แต่คาดว่า… ไม่น่าจะเป็นระดับต่ำแน่ๆ”
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้นเองที่จู่ๆ ก็มีคนสองคนเดินเข้ามาหา
“ฮ่าฮ่า เจิ่งชี ไม่ได้เจอกันนานเลยนี่ ยังไม่ตายหรอกเรอะ!” เสียงดังทะลุแก้วหูดังขึ้นไม่ห่างไปนัก
นั้นทำให้เจิ่งสีเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีและตอบสวนกลับไปอย่างเย็นชา “เกาหยุน เจ้าเองก็ยังไม่ตาย ชายแก่คนนี้จะยอมตายไปก่อนเจ้าได้ยังไง?!”
ผู้ที่นำมานั้นคือชายแก่ร่างท้วมที่มีใบหน้าแสนชั่วร้าย แต่พลังที่อยู่รอบตัวเขานั้นรุนแรงไม่เบา ดูท่าอาจจะอยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโสใหญ่เจิ่งชีเลยทีเดียว
เกาหยุนหัวเราะสนั่นพร้อมพูดขึ้น “คนขี้แพ้นี่มันปากเก่งดีจริงๆ นะ?! ฮึฮึ ไม่นึกเลยว่าคราวนี้เจ้าจะยอมมาด้วยตัวเอง เจ้าเองก็คงไม่ต่างจากอาจารย์ของเจ้าหรอกมั้ง ที่จะได้ตายในการออกสำรวจน่ะ”
คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าของเจิ่งชีแดงขึ้นมาทันที แม้แต่เย่หยวนยังรู้สึกได้ถึงอารมณ์โกรธที่เขามี แต่สุดท้ายเจิ่งชีก็ระงับมันไว้ได้
“เกาหยุน อย่าได้ใจไป! ความแค้นของอาจารย์ข้าจะจัดการมันเองในสักวัน!” เจิ่งชีตะโกนกลับไป
แค่ได้เจอหน้าคนทั้งสองก็แทบจะกระโดดกัดคอกันแล้ว
นั่นทำให้เย่หยวนสงสัยจนต้องถามผู้อาวุโสที่มาด้วยกัน “นี่มันเรื่องอะไรกันรึ?”
ผู้อาวุโสคนนั้นจึงพูดขึ้น “หลายหมื่นปีก่อนท่านอาจารย์ของผู้อาวุโสใหญ่ได้ตายลงในมิติลึกลับ แต่เขาว่ากันว่าในครานั้นจริงๆ ท่านอาจารย์ของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ตายลงเอง แต่เป็นเพราะว่ากับดักของเกาหยุนคนนี้ สุดท้ายเกาหยุนก็รอดออกมาอย่างปลอดภัย แถมยังสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวได้ด้วย ผู้อาวุโสใหญ่ที่รู้เรื่องจึงไปตามหาตัวเกาหยุนเพื่อล้างแค้นแทนอาจารย์ แต่ใครจะไปรู้ว่าด้วยโชคที่เกาหยุนได้รับมาจากมิติลึกลับในครานั้นมันจะทำให้เขาก้าวเข้าสู่ฐานของอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ สุดท้ายผู้อาวุโสใหญ่จึงพ่ายแพ้และเกือบถูกเกาหยุนสังหาร หากไม่ใช่เพราะว่าท่านเจ้าเมืองออกมารับหน้าเองในตอนนั้น ผู้อาวุโสใหญ่คงไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้”
เย่หยวนไม่เคยคิดเลยว่าคนนั้นสองจะมีชะตาร่วมกันแบบนี้มาก่อน
ตอนที่เขาพาเล่งหยูกลับออกมา เมื่อเล่งหยูได้ยินว่าอู๋ซิงถังเสียชีวิตลงแล้วเขาก็เศร้าใจไปไม่น้อย
แน่นอนว่าอู๋ซิงถังคนนี้คงเป็นศิษย์รักคนหนึ่งของเล่งหยูไม่ผิดแน่
ตอนที่ 1618 ผู้เคราะห์ร้าย
Ink Stone_Fantasy
“ฮ่าฮ่า! ทำไมข้าจะได้ใจไม่ได้กันเล่า? สมบัติล้ำค่าในครานี้มันอาจจะกลายเป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ของข้าในการบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์! เป็นความสูงส่งที่ทั้งอาจารย์ห่วยๆ และตัวของเจ้าเองไม่มีปัญญาไปให้ถึง มีหรือที่ข้าจะไม่ได้ใจ?” เกาหยุนหัวเราะลั่น
เพราะจริงๆ เกาหยุนนั้นก็เป็นคนรุ่นเหนือกว่าเจิ่งชีไปหนึ่งรุ่น
หากนับกันตามความอาวุโสและความสามารถ เขาไม่น่าจะมาที่แบบนี้ด้วยตัวเองเลย
แต่ที่เขามาในวันนี้มันก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นนอกจากจะมาเสี่ยงโชคด้วย
ตอนนี้เกาหยุนสามารถขึ้นสู่ระดับอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งขั้นไปได้แล้ว แต่กลับไม่สามารถบรรลุได้เสียที
เมื่อมีโอกาสอันหวานหอมแบบนี้เกิดขึ้น แน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยมันไป
เจิ่งชีนั้นโกรธจนควันแทบออกหูแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรคนตรงหน้านี้ได้
เพราะแม้เขาจะสามารถไล่ตามการบ่มเพาะของเกาหยุนทัน แต่ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้โชคที่ได้มาจากการจัดการอาจารย์ของตัวเขา? สุดท้ายกลับสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้สำเร็จ
แม้ความสามารถของเจิ่งชีนั้นจะเหนือล้ำมากมาย แต่เมื่อต้องเจอกับอาณาจักรนภาสวรรค์เขาก็รู้ดีว่าพลังของตัวเองมันไม่พอเลยแม้แต่น้อย
ในเวลาหลายต่อหลายปีมานี้เกาหยุนได้ใช้วิธีต่างๆ นาๆ มากมายอย่างนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่สามารถหาวิธีใดที่จะช่วยให้เขาบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้
“แน่นอนว่าเจ้ามีโอกาสที่จะโชคดีได้สมบัติช่วยบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ แต่เจ้าก็มีโอกาสที่จะตายลงในเหวอัญเชิญปีศาจ กลายเป็นฝุ่นผงอย่างไม่มีใครเหลียวแลเช่นกัน” เย่หยวนพูดขึ้นขัด
เมื่อเกาหยุนได้ยินเขาก็ชักสีหน้าทันที ก่อนจะหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาอาฆาตแค้น
เย่หยวนนั้นไม่กลัวที่จะต้องสบตากับเกาหยุนในสภาพนั้น
“เจ้าเด็กน้อยคนนี้มันมาจากไหน? ผู้ใหญ่กำลังคุยกันอยู่มาสอดไม่เข้าเรื่อง”
ไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ๆ พูดจบเกาหยุนจะยกมือขึ้นมาตบฟาด
ฝ่ามืออันรุนแรงนั้นพุ่งเข้าหาเย่หยวนด้วยความเร็วที่สายฟ้ายังต้องอาย
ฝ่ามือนี้มันกะทันหันจนเกินไป ก่อนหน้านี้เกาหยุนไม่ได้แสดงท่าทางว่าจะลงมือมาก่อนทำให้คนที่ยืนอยู่รอบๆ ไม่มีใครทันจะขยับตัวทำอะไร
เสียกรีดร้องดังขึ้นทั่วด้วยความกลัวว่าเย่หยวนอาจจะถูกบดขยี้จนเละกลายเป็นชิ้นเนื้อไปด้วยฝ่ามือนี้
ฝ่ามือของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวมันรุนแรงแค่ไหน? แค่การตบเบาๆ มันก็เกินกว่าที่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะรับได้แล้ว
แต่ภาพที่ปรากฏในวินาทีต่อมากลับทำให้คนที่ได้เห็นต้องอ้าปากค้าง
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ส่งร่างของนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวข้างกายเกาหยุนลอยออกไปไกล
คนๆ นั้นร่วงตกลงพื้นอย่างไร้สติ ด้วยสภาพร่างกายที่เกือบจะตายอยู่รอมร่อ
นั่นทำให้เกาหยุนหน้าเปลี่ยนสีและตะโกนขึ้นมา “แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”
เย่หยวนยิ้มออกมา “โอ้ ไม่เลวนี่ เจ้าพอมีความรู้อยู่บ้าง”
ตอนนี้ใบหน้าของเกาหยุนนั้นดูไม่ได้เลย เขารีบควักเม็ดโอสถออกมาและส่งให้คนที่อยู่ข้างๆ “เอาไปให้เขากิน!”
แน่นอนว่าคนที่ถูกใช้งานนั้นไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง และรีบวิ่งเอาโอสถเข้าไปป้อนใส่ปากนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าผู้เคราะห์ร้ายทันที
เกาหยุนหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาสุดเย็นเหยียบ
เมื่อสักครู่นี้เขาคิดจะสั่งสอนเด็กน้อยอย่างเย่หยวน ด้วยความคิดที่ว่านี่คงเป็นศิษย์ของเจิ่งชีที่เขาพาออกมาดูโลกภายนอก
ใครจะไปคิดว่าเด็กน้อยแบบนี้จะเป็นยอดคนที่เข้าใจถึงแนวคิดแห่งห้วงมิติกัน!
และเกาหยุนนั้นมีประสบการณ์มากมายแค่ไหน? เขารู้ได้ทันทีว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนนั้นไม่ใช่ของครึ่งๆ กลางๆ อย่างที่เคยเจอ แต่นี่คือแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ผู้ใช้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้
การโจมตีสวนกลับเมื่อสักครู่มันอาจจะดูง่ายดาย แต่การควบคุมห้วงมิติของเย่หยวนนั้นแบ่งแยกย่อยเป็นหลายต่อหลายชั้น เขาต้องทำถึงขนาดนั้นถึงจะส่งพลังทั้งหมดกลับไปยังผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นได้
ความเข้าใจในระดับนี้เป็นสิ่งที่คงไม่มีใครคาดเดาได้
“แนวคิดแห่งห้วงมิติ! เด็กหนุ่มคนนี้ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติได้!”
“พระเจ้า เด็กคนนี้มันเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติจริงๆ ด้วย ทั้งๆ ที่ยังอยู่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแท้ๆ”
“เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มีตัวประหลาดแบบนี้โผล่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
…
ได้ยินถึงแนวคิดแห่งห้วงมิติ พวกเขาทั้งหลายต่างร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึง
แนวคิดที่เหนือฟ้าขนาดนี้มีใครบ้างที่ไม่คิดจะศึกษา?
แต่แม้จะใช้เวลาไปนับพันนับหมื่นปีพวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงแนวคิดนี้ได้แม้แต่น้อย
แม้ว่าเหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าจะสามารถใช้พลังแห่งมิติได้บ้าง แต่ความรู้เรื่องแนวคิดแห่งห้วงมิติของพวกเขานั้นมันก็เรียกได้ว่าสุดจะตื้นเขิน
แต่เย่หยวนผู้นี้ ผู้ที่มีการบ่มเพาะแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่ยังไม่ทันจะได้เปิดโลกของตัวเอง กลับสามารถเข้าใจถึงแนวคิดแห่งห้วงมิติได้
ตอนนี้ทั้งความริษยา อิจฉา และอารมณ์ต่างๆ นานา ต่างปรากฏออกมาให้เห็น
การโจมตีเมื่อสักครู่ของเกาหยุน แม้แต่เจิ่งชีก็ยังต้องตื่นตะลึงจนเขาไม่ทันจะลงมือทำอะไร จึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเย่หยวนในที่สุด
แต่ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ เย่หยวนได้เตรียมรับการโจมตีมาก่อนหน้าที่จะพูดขึ้นแล้ว ทำให้เขาสามารถส่งยาพิษคืนเจ้าของ ทำให้นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าขจองฝั่งนั้นต้องบาดเจ็บสาหัสแทน
ทำให้อารมณ์อันขุ่นเคืองของเจิ่งชีเริ่มมีความสดใสขึ้นมาบ้าง
“เฒ่าเกาหยุน เจ้านั้นเข้าใจผิดเสียแล้ว เย่หยวนนั้นหาใช่เด็กน้อยที่ไหน เขาคนนี้คือผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเรา เขามีสิทธิที่จะพูดแทรกเจ้าเสมอ” เจิ่งชีพูดออกมาอย่างภูมิใจ
นั่นทำให้เกิดคลื่นความโกลาหลขึ้นในใจผู้คนที่มุงดูอีกครั้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาทั้งหลายได้ยินว่าอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโส
แต่หากดูจากแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นแล้ว มันก็คงเพียงพอจริงๆ
เพราะเขาคนนี้แทบจะสังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าลงได้ด้วยการโจมตีเดียว!
ต่อให้มันจะเป็นโอกาสที่มาพร้อมโชค แต่หากคนอื่นได้โอกาสแบบนี้ จะมีใครบ้างที่ทำเช่นนี้ได้?
เกาหยุนมองมาที่เย่หยวนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอย่างรุนแรง ก่อนจะกล่าวขึ้น “ดีมาก พวกเจ้าทั้งหลายคงอยากให้ข้าพิโรธขึ้นจริงๆ สินะ! งั้นก็จงเตรียมรับความพิโรธของชายแก่คนนี้ได้เลย!”
พูดจบเขาก็ปลดปล่อยพลังอันหนักหน่วงออกมารอบตัว
มันเป็นพลังที่ทำให้ผู้ที่อ่อนแอต้องถึงกับนั่งลงคุกเข่า
พลังกดดันของอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวมันแข็งแกร่งมาก!
เจิ่งชีมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาได้แต่คิดในใจว่าพลังของเฒ่าคนนี้มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว
แต่เย่หยวนกลับรับมือสถานการณ์วิกฤตนี้อย่างใจเย็น ไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย
แต่เป็นเวลานั้นเองที่หลิงจี้คุนปรากฏตัวขึ้นมา “ท่านพี่เกาหยุน ถือว่าเห็นแก่หน้าชายแก่คนนี้ท่านทั้งหลายช่วยวางความแค้นแต่เก่าก่อนลงไปก่อนได้หรือไม่? ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามเรานั้นคือเผ่าปีศาจที่พร้อมจะเข้าขย้ำคอเราได้ทุกเมื่อ หากภายในเราแตกแยกกันก่อนใครที่จะได้สมบัติล้ำค่าไปมันก็คงเดาได้ไม่ยาก!”
คำพูดนั้นทำให้เกาหยุนสงบลงทันทีก่อนจะดึงความกดดันกลับเข้าร่างกายตัวเองไป
ก่อนจะพูดแก้ตัวออกมา “หลิงจี้คุน ครั้งนี้ข้าจะถือว่าเห็นแก่หน้าเจ้า ข้าจะปล่อยเจ้าเด็กเวรนี่ไปก่อน! แต่หลังจบเรื่องในครานี้แล้วชายแก่คนนี้จะไปตามทวงถามความยุติธรรมให้ศิษย์ของข้าเอง!”
หลิงจี้คุนจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “พี่เกาหยุนขอท่านโปรดใจเย็นก่อน ทำใจชื่นๆ เข้าไว้! อ่ะ จริงด้วย นี่คือเยี่ยนเสอที่ประจำการอยู่ที่เมืองกระแสพิรุณ เขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแถบนี้มากกว่าข้าจึงขอให้เขาได้ออกมาบอกเล่าให้เราฟัง”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งออกมาจากด้านหลังหลิงจี้คุนและก้มหัวให้เจิ่งชี เกาหยุน และคนที่เหลือก่อนจะพูดขึ้น “ข้าน้อยมีนามว่าเยี่ยนเสอขอคารวะท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย!”
แต่จู่ๆ ใครอีกคนที่ด้านหลังเยี่ยนเสอก็ตะโกนขึ้น “ย-เย่หยวน! เจ้ามันเย่หยวนนี่นา!”
เยี่ยนเสอจึงหันหน้าตามไปมองที่เย่หยวนในทันทีด้วยสีหน้าสุดจริงจัง ก่อนจะเจอเข้ากับใบหน้าที่คุ้นเคยดี
จู่ๆ เขาเองก็ทำท่าเหมือนจะจำอีกฝ่ายขึ้นมาได้พร้อมร้องขึ้น “เจ้า… เจ้ามันเย่หยวน!”
เย่หยวนนั้นเห็นหน้าของทั้งสองคนมาแต่ไกลและเขาก็จำทั้งสองได้ดี เพราะนี่คือคนรู้จักแต่เก่าก่อน เหลียงเฟิง
เย่หยวนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มาเจอพวกเขาอีกในโอกาสเช่นนี้
หลิงจี้คุนหน้าเสียทันทีที่ได้ยินก่อนจะหันไปตำหนิคนทั้งสอง “เย่หยวนอะไรเล่า? พวกเจ้าเรียกท่านห้วนๆ เช่นนั้นได้อย่างไร? เรียกท่านว่าท่านเย่หยวนหรือผู้อาวุโสเย่สิ!”
เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องเล็กๆ เลย แม้เหลียงเฟิงจะไม่เข้าใจ แต่เยี่ยนเสอนั้นเข้าใจถึงคำว่าผู้อาวุโสดี
หากนึกย้อนกลับไป ตอนนั้นเย่หยวนยังเป็นแค่เด็กน้อยที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเท่านั้น
แต่เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ 100 กว่าปี เย่หยวนกลับสามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของเมืองจักรพรรดิได้?
เรื่องนี้… เรื่องแบบนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยอย่างนั้นรึ?
ตอนที่ 1619 ศัตรูของมนุษยชาติ
Ink Stone_Fantasy
“พวกเราล้วนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมา ไม่ต้องเกรงใจกันหรอกเรียกข้าว่าเย่หยวนเช่นเดิมเถิด เหลียงเฟิง ไม่ได้เจอกันเสียนาน ดูท่าเจ้าคงสบายดีสินะ!” เย่หยวนทักทายเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง
เหลียงเฟิงนั้นตกใจจนแทบลืมภาษาคน ในเวลาแค่ 100 ปีมานี้เย่หยวนกลับสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุด
ความเร็วในการบ่มเพาะนี้มันช่างเหนือฟ้า
“ผ-ผู้อาวุโสเย่! ม-ไม่หรอกขอรับ”
เหลียงเฟิงนั้นได้สติกลับมาพร้อมรับรู้ได้ว่าตอนนี้ตัวตนของเย่หยวนมันช่างสูงส่งมากเพียงใด แล้วคนอย่างเขายังจะเรียกเย่หยวนเป็นเหมือนพี่น้องได้อีกหรือ?
เย่หยวนยิ้มกว้างรับอย่างไม่คิดจะบังคับอีกฝ่าย
เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้ตัวคนของเขาและเหลียงเฟิงนั้นมันต่างชั้นกันมากเพียงใด การบังคับให้อีกฝ่ายพูคุยด้วยอย่างเท่าเทียมมันจะมีแต่เป็นการเพิ่มภาระทางใจให้เหลียงเฟิงเสียเปล่า ๆ
การเติบโตของเขามันย่อมต้องมาพร้อม ๆ กับเรื่องแบบนี้เสมอ
ตอนนี้เยี่ยนเสอได้แต่แสดงความตระหนกออกมาในใจ ตอนนั้นเย่หยวนยังเป็นแค่เด็กน้อยในสายตาของเขา
เขาไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่าในเวลาแค่ 100 ปีมานี้เขากลับสามารถไต่เต้าขึ้นเป็นผู้อาวุโสของเมืองจักรพรรดิได้
เรื่องนี้มันทำให้เขาลำบากใจอยู่หน่อย ๆ
แต่ไม่นานนักเขาก็กลับมาได้สติและหันไปบอกเหลียงเฟิง “เหลียงเฟิง เจ้าเข้าใจเรื่องราวความเป็นไปในแถบนี้มากที่สุด จงบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเทือกเขาอัญเชิญปีศาจให้เหล่าผู้ใหญ่ท่านได้ฟังเถอะ”
เหลียงเฟิงก้มหัวรับ “ขอรับนายท่านเยี่ยนเสอ!”
ณ ที่แห่งนี้ในตอนนี้มีเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้ามารวมตัวกันอยู่มากมาย ด้วยพลังกดดันของทุกคนที่รวมกันอยู่ในจุดเดียวมันจึงทำให้ผู้ที่เห็นต้องสั่นกลัว
เมื่อต้องมาเจอเหล่าอาณาจักรราชันพระเจ้ามากมายขนาดนี้ แม้แต่เหลียงเฟิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องหน้าซีดลง
โชคยังดีที่เขาคนนี้ผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน แถมยังเป็นคนที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีมาก เขาจึงพอจะประคองตัวเองให้ใจเย็นไว้ได้
จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ทันที แนะนำถึงพื้นที่และภูมิศาสตร์ของเทือกเขาอัญเชิญปีศาจ รวมไปถึงภัยอันตรายของเหว และความเป็นไปได้ในกองกำลังของฝั่งปีศาจด้วย
เหลียงเฟิงนั้นคุ้นชินกับพื้นที่นี้ดีมากจนรู้รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นเป็นอย่างดี
ส่วนเยี่ยนเสอที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถูกหลิงจี้คุนดึงตัวไปถาม “พวกเจ้าไปรู้จักเย่หยวนได้อย่างไรกัน?”
ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเยี่ยนเสอก็แสดงความหวาดกลัวออกมา พร้อม ๆ กับแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพต่อตัวเย่หยวน
ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเย่หยวนเมืองกระแสพิรุณคงถูกทัพปีศาจโจมตีจนแตกพ่ายไปแล้ว
ตอนนี้มันคงได้กลายเป็นเมืองหนึ่งในการปกครองของปีศาจ
เขานึกย้อนเล่ากลับไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ทำให้สีหน้าของหลิงจี้คุนต้องซีดลงทันที
“เด็กคนนี้มันสัตว์ประหลาดชัด ๆ ตอนที่ยังอยู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้ากลับสามารถต่อกรกับทัพปีศาจได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนนี้เขาถึงได้มีตำแหน่งที่สูงส่งได้ขนาดนี้” หลิงจี้คุนกล่าวขึ้นพร้อมถอนหายใจ
เยี่ยนเสอจึงถามขึ้นบ้าง “ท่านผู้อาวุโสใหญ่ เย่หยวนคนนี้มีพลังแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุด ไม่ว่าจะมีฝีมือเก่งกาจแค่ไหนมันก็คงมีขอบเขตของมันใช่ไหม? ทำไมคนที่พลังบ่มเพาะต่ำเช่นนี้ถึงได้กลายเป็นผู้อาวุโสของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปได้?”
หลิงจี้คุนจึงแอบขำเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา “เด็กคนนี้มีวิชาการโอสถที่เหนือล้ำจนแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ของหอโอสถแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ยังต้องยอมแพ้ เจ้าคิดว่าคนแบบนี้จะเป็นผู้อาวุโสได้ไหมล่ะ? ที่สำคัญเขายังใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติได้ด้วย ช่างเป็นสัตว์ประหลาดโดยแท้!”
นั้นทำให้เยี่ยนเสอเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
เพราะแม้เขาจะเป็นทหารในแนวหน้า แต่พลังฝีมือความรู้ของผู้อาวุโสใหญ่ของหอโอสถแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นสูงส่งมากมายแค่ไหน เขารู้ถึงมันดี
แต่เย่หยวนคนนี้ที่ยังอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดกลับสามารถทำให้ผู้อาวุโสใหญ่คนนั้นยอมรับความพ่ายแพ้ได้
ความสามารถระดับนั้นมันจะน่ากลัวเกินไปหน่อยไหม?
ไม่นานนักเหลียงเฟิงก็บอกเล่าเรื่องราวไปจนหมด สื่อสารให้ทุกคนที่มาได้เข้าใจจนสิ้น
ตอนนี้สมบัติล้ำค่านั้นยังไม่ถือกำเนิดออกมา หลังทุกคนเข้าใจได้แบบนั้นพวกเขาก็ต่างไปหาที่สงบ ๆ ในการรวมสมาธิและกำลัง
แต่เย่หยวนกลับดึงตัวเหลียงเฟิงไปและพูดคุยถึงเรื่องราวในวันเก่า ๆ กับเขา พร้อมมอบโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองให้เขาไป
เหลียงเฟิงนั้นมีพรสวรรค์ที่ไม่แย่ และตอนนี้เขาก็อยู่ในจุดสุดยอดของอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นกลางแล้ว
เมื่อเขาได้เห็นเม็ดโอสถที่เย่หยวนนำออกมา เหลียงเฟิงก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
เขารู้ดีแก่ใจว่าหากเขาใช้โอสถเหล่านี้ไป เขาคงสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ไม่ยาก
เพราะสิ่งที่เย่หยวนมอบให้ล้วนแล้วแต่เป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะทั้งสิ้น!
หลายวันต่อมาทุกคนต่างรอคอยให้ถึงเวลาที่สมบัติจะถือกำเนิดขึ้น
และในที่สุดวันนี้แสงสว่างก็ส่องจ้าขึ้นจากเหวอัญเชิญปีศาจ ความสว่างของมันนั้นเหนือความคาดหมายจนทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต้องแตกตื่น
“นี่มัน… ช่างเป็นคลื่นพลังที่รุนแรงนัก นี่คือคลื่นพลังแห่งแนวคิดยอดเต๋า”
“ในที่สุดสมบัติล้ำค่าก็ถือกำเนิดแล้ว! ดูจากพลังงานนี้มันคงเป็นของระดับสูงไม่มีผิดแน่!”
“รุนแรง! ไม่แปลกใจเลยที่เขาว่าแม้แต่อาณาจักรนภาสวรรค์ยังสนใจ สมบัติชิ้นนี้ ข้าต้องเอามันมาให้ได้!”
…
เมื่อสัมผัสได้ถึงสมบัติอันทรงพลังนี้ พวกเขาทั้งหลายต่างก็ไม่รีรอให้ชักช้า
ตอนนี้ทุกคนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่ขอบเหวและจ้องมองลงไปด้านล่าง
“สมบัติถือกำเนิดแล้ว! ทุกคน รีบลงไปเร็ว!”
มีคนตะโกนขึ้นก่อนจะกระโดดลงไปในเหวลึก
เมื่อมีคนนำ ก็ย่อมมีคนตาม เหล่านักยุทธ์ที่กลัวว่าคนอื่นจะลงไปเจอสมบัติก่อนต่างกระโดดตามกันไปอย่างไม่ยั้งคิด
“อ้ากกก!!”
เมื่อกระโดดพ้นดินไป ก็มีเสียงของใครบางคนร้องขึ้นมาเมื่อพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
คนเหล่านั้นเสียสมดุลจนร่างกายของตนร่วงหล่นลงไปในเหวลึกหลายหมื่นเมตร
เมื่อมีเสียงกรีดร้องนั้นดังขึ้นมา ทุกคนต่างก็เริ่มแตกตื่นขึ้น
เหล่าคนที่มาในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้า มีความสามารถที่จะเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างต้องการ แต่พวกเขาเหล่านี้กลับไม่สามารถทนทานต่อแรงโน้มถ่วงและร่วงตกลงไปในเหวลึกแทน
จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นห้ามทุกคน “ทุกคนอย่าพึ่งกระโดด! สนามแรงโน้มถ่วงของที่นี่มันรุนแรงเกินไป เราไม่สามารถที่จะลอยตัวในอากาศได้เลย!”
นั่นทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนสีไปทันที มาถึงขนาดนี้แล้วแต่พวกเขากลับจะต้องกลับบ้านมือเปล่าอย่างนั้นหรือ?
ตอนนี้คนของทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็เดินมาถึงขอบเหวบ้างแล้ว
เย่หยวนรับรู้ได้เลยว่าสนามแรงโน้มถ่วงที่ด้านหน้านี้มันรุนแรงมากกว่าก่อนหลายต่อหลายเท่าตัวนัก
ด้วยแรงดึงดูดที่รุนแรงขนาดนี้ แม้แต่อาณาจักรราชันพระเจ้าก็คงควบคุมตัวเองไม่ได้ดีนัก
และเขายังรู้อีกด้วยว่ายิ่งลงไปลึก แรงดึงดูดจะยิ่งรุนแรง หากร่วงลงไปร่างคงแหละเละเป็นชิ้น ๆ แน่
“เย่หยวน นี่มัน… เราจะเอายังไงดี?” เจิ่งชีอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เย่หยวนขึงยิ้มออกมา “คงต้องใช้พลังวิญญาณของตัวเองเข้าสู้เท่านั้น! จากที่ข้าคาดการณ์ อาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวน่าจะพอลงไปได้ ส่วนอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวอาจจะพาคนลงไปด้วยได้สักสองหรือสามคน”
เจิ่งชีจึงตอบกลับมาอย่างแตกตื่น “สนามแรงโน้มถ่วงมันรุนแรงขนาดนั้นเลย?”
เย่หยวนจึงพยักหน้ารับ “รุนแรงมาก! แต่สนามแรงโน้มถ่วงที่ด้านล่างจะรุนแรงขนาดไหนนั้นข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน บางทีต่อให้อาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาวจะลงไปจากตรงนี้ได้ แต่พอไปถึงด้านล่างก็อาจจะต้องพบเจอความยากลำบากเข้า”
“ซี้ด…”
ทุกคนได้แต่สูดหายใจเข้าลึกเมื่อต้องรับรู้ว่าสนามแรงโน้มถ่วงตรงหน้ามันช่างรุนแรงจนเกินต้านทาน
การลงไปด้านล่างนั้นไม่มีเทคนิควิธีการใด ๆ เลยนอกเสียจากต้องพึ่งพาพลังโลกของเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าต่อต้านแรงโน้มถ่วง ถึงจะสามารถลงไปในเหวนี้ได้
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาเลย
“นี่มัน… หมายความว่ามีแค่พวกเรา 4 – 5 คนเท่านั้นที่จะลงไปได้รึ?” เจิ่งชีถามขึ้นอย่างสิ้นหวัง
ตอนนี้ทุกคนต่างแสดงสีหน้าท่าทางหมดหวังออกมากันเต็มใบหน้า เพราะการไม่ได้ลงไปมันก็หมายความว่าพวกเขาหมดสิทธิ์ที่จะลุ้นโชคใด ๆ ทั้งสิ้น
เย่หยวนจึงยิ้มตอบไป “ที่ข้าพูดน่ะมันหมายถึงคนอื่น พวกเราย่อมต้องลงไปทั้งหมดอยู่แล้ว”
หลิงจี้คุนที่ได้ยินจึงรีบมุ่งหน้าเข้ามาถามเย่หยวนในทันที “เรื่องนั้น… ผู้อาวุโสเย่ ท่านรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติ หรือว่าท่านสามารถพาคนอื่น ๆ ลงไปได้ด้วย?”
คำพูดนั้นของหลิงจี้คุนทำให้ทุกคนหูตั้งขึ้นทันที ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามากันเรื่อย ๆ
“ผู้อาวุโสเย่ ช่วยพาเราลงไปด้วยเถอะ!”
“ใช่แล้ว เมื่อไปถึงด้านล่างเราอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจ การมีกำลังไปด้วยมากกว่าย่อมได้เปรียบเสมอ!”
“ผู้อาวุโสเย่ ตอนนี้พวกเราควรจะต่อต้านศัตรูจากภายนอกก่อน ใช่ไหมล่ะ?”
…
เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าทั้งหลายต่างจ้องมองดูเย่หยวนด้วยความคาดหวังอย่างจริงใจ กลัวแค่ว่าเย่หยวนจะปฏิเสธออกมา
แต่ตอนนั้นเองที่เกาหยุนเปิดปากพูดขึ้นบ้าง “จะไปก้มหัวขอร้องมันเพื่ออะไร? หากมันไม่พาเราลงไปก็เท่ากับว่ามันนั่นแหละคือศัตรูของมนุษยชาติ!”
ตอนที่ 1620 มิใช่ราคานี้
Ink Stone_Fantasy
เมื่อคำพูดแบบนั้นดังขึ้นทุกเสียงที่กำลังล้อมเย่หยวนอยู่ก็พลันเงียบลง
แต่ไม่นานนักมันก็ดังขึ้นมาใหม่
“ใช่! เรามาในวันนี้ต่างมาเพื่อช่วยเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ทั้งสิ้น แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธไม่พอเราลงไปด้วยกัน?”
“เรามาเพื่อต่อสู้ให้แก่มวลมนุษย์ หากเขาไม่พาเราลงไปด้วย มันย่อมหมายความว่าเขาคิดหักหลังเผ่าพันธุ์!”
“ตอนนี้เผ่าปีศาจจ้องจะกัดกินพวกเราตาเป็นมัน ยิ่งเรามีคนลงไปด้วยมาก มันก็ยิ่งจะเป็นพลังที่ช่วยเหลือกันได้! หากวันนี้เขาไม่พาพวกเราทั้งหลายลงไปด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัว เรื่องแบบนั้นคนในโลกหล้าคงไม่มีใครยอมรับแน่!”
…
คนเหล่านี้ได้พบว่าจู่ๆ เกาหยุนก็ได้ให้เห็นเหตุผลอันดีงามแก่พวกเขา
เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งหลายจึงไม่ลังเลที่จะแสดงความเห็นด้วยออกมา
ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างแสดงเหตุผลอันสวยหรูดีงามออกมา ราวกับว่าตัวเองนั้นเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรม เป็นผู้กล้าจากเรื่องเล่าในตำนานก็ไม่ปาน
พวกเขาต่างเชื่อในใจว่าด้วยการกดดันขนาดนี้ ต่อให้เย่หยวนไม่ยอม ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็คงช่วยพูดอะไรสักอย่างกับเย่หยวนจนเขาต้องยอมเข้าแน่ๆ
ไม่มีเมืองจักรพรรดิที่ไหนกล้าจะรับความผิดเช่นนั้น
แน่นอนว่าทางเจิ่งชีก็มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาพยายามที่จะเปิดปากพูดออกมา แต่กลับไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร
จนในที่สุดผู้อาวุโสที่มาด้วยกันคนหนึ่งก็ทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้นแทน “ผู้อาวุโสเย่ ทำไมเรา… ไม่พาพวกเขาทั้งหมดลงไปด้วยล่ะ! เรื่องแบบนี้… เรื่องแบบนี้มันไม่ตลกเลย”
“ใช่แล้วผู้อาวุโสเย่ ความผิดแบบนั้น เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราไม่มีทางรับมันไว้ได้แน่!”
เกาหยุนที่มองดูภาพนั้นอยู่จึงยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ
ให้เขาเข้าไปขอร้องเย่หยวน?
ไม่มีทาง!
ตอนนี้เกาหยุนรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเพียงแค่ใช้คำพูดเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อได้มีข้ออ้างแบบนั้นแล้วใครจะยังอยากก้มหัวอีก?
เย่หยวนนั้นเงียบไปนานโดยที่ไม่คิดจะตอบโต้อะไร เขาเอาแต่มองดูหน้าของคนที่พูดเสริมเกาหยุน
พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ดูภายนอกอาจจะเหมือนมาเพื่อช่วยเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ต่อต้านเผ่าปีศาจ แต่จริงๆ แล้วพวกเขาต่างก็มาเพื่อหวังจะเสี่ยงโชคกันทั้งนั้น
เรื่องนี้เย่หยวนเข้าใจดีตั้งแต่ก่อนจะมาแล้ว
คนเหล่านี้นั้นแตกแยกกันเป็นก๊กเป็นฝ่าย ไม่มีความสามัคคีเหมือนที่เผ่าปีศาจมี
หากไปเจอเผ่าปีศาจเข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง
ไม่นานนักเสียงเหล่านั้นก็ค่อยๆ เงียบกันลง จนสุดท้ายเมื่อสิ้นเสียงคนลง เย่หยวนก็เป็นฝ่ายที่พูดขึ้น “วางท่ากันเสร็จรึยัง?”
เมื่อผู้คนได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเขาทั้งหลายก็กระตุกขึ้นทันที ก่อนที่เย่หยวนจะค่อยๆ เปิดปากพูดต่อ “อืม… ดูเหมือนว่าจะวางท่ากันจบแล้ว งั้นขอข้าพูดอะไรหน่อย อย่างแรก อย่าคิดจะใช้เรื่องความถูกต้องของเผ่ามนุษย์มากดดันข้าคนนี้ไปหน่อยเลย สิ่งที่ข้าคนนี้ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมันมากมายเกินกว่าที่พวกเจ้าจะเอาตัวเองมาเปรียบเทียบได้ อย่างที่สอง อย่าคิดจะใช้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มากดดันข้าไปหน่อยเลย ข้านั้นมิใช่คนที่อารมณ์เย็นนัก หากพวกเขากดดันข้ามากจริงๆ ข้าก็พร้อมที่จะออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ จากนั้นก็ไม่ต้องมีใครคิดจะลงไปกันแล้วล่ะ!”
เกาหยุนได้ยินแบบนั้นจึงยิ้มกว้างออกมา “หากไร้ซึ่งการปกป้องของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เจ้ายังคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้รึ?”
เย่หยวนหันไปมองและตอบสวนกลับไป “เจ้าเฒ่า หากข้าคนนี้ไม่พาพวกเจ้าลงไป เจ้าอยากมากัดคอข้าก็เข้ามาถ้าคิดว่ามีปัญญา!”
เกาหยุนหน้าเสียและกล่าวขึ้น “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าชายแก่คนนี้จะไม่กล้าแตะต้องเจ้าอย่างนั้นรึ?”
เย่หยวนนั้นไม่มีท่าทีกลัวเลยแม้แต่น้อยและตอบกลับไป “งั้นก็เข้ามาลองสิ!”
หลิงจี้คุนที่เห็นว่าดูท่าไม่ดีแล้วจึงเข้ามาเพื่อห้ามทั้งสองฝ่ายทันที
เพราะหากเรื่องราวมันแตกหักขึ้นจริงๆ คนที่ต้องเสียจริงๆ จะกลายเป็นฝ่ายเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ของเขาแทน
“ให้ตายเถอะ วันนี้เรามารวมตัวกันที่เหวอัญเชิญปีศาจนี้ก็เพราะว่าเห็นแก่หน้าเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์มิใช่รึ พี่เกาหยุน น้องเล็กเย่ มาทำใจร่มๆ กันไว้ก่อนเถอะ ดีไหม?” หลิงจี้คุนกล่าวห้าม
เย่หยวนนั้นไม่สนใจและพูดขึ้นต่อ “สาม ข้าคนนี้สามารถถูกชักนำได้ด้วยเหตุผล แต่จะไม่มีวันหลงคล้อยไปกับกฎหมู่! เมื่อสักครู่นี้ใครที่อ้างเรื่องเผ่ามนุษย์เพื่อมากดดันข้านั้นข้าจำหน้าพวกเจ้าไว้ได้หมดแล้ว! หากพวกเจ้ายังคิดอยากจะลงไปแต่ละคนก็จงจ่ายออกมาหนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะ! ห้ามขาดไปแม้แต่ผลึกเดียว! และอย่าได้อ้างว่าไม่มี และไม่ต้องคิดจะต่อรอง ข้าคนนี้ไม่ใช่เด็กสามขวบ คนที่เหลือข้าสามารถพาลงไปได้ฟรีๆ”
นั้นทำให้คนที่พูดเสริมเกาหยุนเมื่อสักครู่นี้ต้องหน้าเสียไปในทันทีราวกับว่าได้กลืนแมลงตัวยักษ์เข้า
เพราะราคาที่ว่าคือหนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะ!
แต่ทว่าเกาหยุน หลิงจี้คุน เจิ่งชีกลับแสดงอาการตื่นตระหนกขึ้นในใจ
พวกเขานั้นล้วนเป็นยอดคนที่มีพลังอำนาจมากล้น พวกเขาย่อมล้วนเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มามาก
แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่หยวนจะแก้สถานการณ์อันหนักหน่วงนั้นได้ด้วยพลังแห่งเงินตรา
เขาละทิ้งอารมณ์ส่วนตัว พาคนลงไปเสริมกำลังได้ แถมยังสร้างเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
นี่มัน… ช่างเป็นวิธีการที่แยบยลนัก!
อยากไปเหรอ?
ได้ แต่จ่ายมา!
และผู้คนที่กล่าวเสริมเกาหยุนเมื่อสักครู่นั้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางทั้งสิ้น
ด้วยความที่พวกเขาไม่มีปัญญาพอที่จะลงไปเอง แต่ก็ไม่อยากเสียหน้า พร้อมทั้งยังอยากสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับยอดฝีมืออย่างเกาหยุนที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว พวกเขาทั้งหลายจึงกล้าที่จะกล่าวอะไรแบบนั้นออกมา
ส่วนพวกที่อ่อนแอกว่านั้น เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นต้นต่างไม่คิดที่จะพูดอะไรใดๆ ออกมา
เพราะแม้เย่หยวนนั้นจะยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำ แต่เขาก็เป็นผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิตัวจริงเสียงจริง
ด้วยตำแหน่งแบบนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางคิดจะไปลบหลู่เขาอย่างเด็ดขาด จึงไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา
ตอนนี้เหล่าคนที่ไม่กล้าจะพูดออกมานั้นต่างแอบดีใจกันยกใหญ่ โชคดีจริงๆ ที่พวกเขาไม่ได้โยนหินตามลงในบ่อน้ำเมื่อสักครู่
เจ้าเหยียบย่ำข้าแล้วยังคิดจะให้ข้าพาลงไป?
คิดหรือว่าเย่หยวนจะปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบถึงขนาดนั้น?
หากไม่ถึงตาย ข้าก็ขอลอกหนังพวกเจ้าออกมาสักสองสามชั้นล่ะ!
เย่หยวนนั้นกำหนดราคาหนึ่งพันล้านออกมา แน่นอนว่าเขาย่อมมีเป้าหมายในใจ
เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางเหล่านี้ต่างมาจากตระกูลใหญ่ในเมืองจักรพรรดิ มีอำนาจที่ล้นเหลือ จึงร่ำรวยกว่านักยุทธภายนอกทั่วๆ ไปมากมายหลายเท่านัก
หนึ่งพันล้านนั้นสำหรับพวกเขามันเป็นจำนวนที่เอาออกมาได้ไม่ยาก เพียงแต่การทำแบบนั้นมันคงจะเสียหน้าไม่น้อย
“ทำไมล่ะ? ไม่อยากลงไปกันสินะ? ผู้อาวุโสใหญ่หลิง นี่ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้หน้าพวกเขานะ นี่เป็นตัวพวกเขาเองที่ไม่อยากลงไป! ส่วนคนที่ไม่ได้วางท่าไปด้วยเมื่อสักครู่นี้จงมายืนอยู่ฝั่งนี้เถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าทั้งหมดลงไปเอง” เย่หยวนกล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อสิ้นเสียง คนจำนวนมากมายก็วิ่งมาอยู่ข้างกายเย่หยวนในทันทีด้วยความกลัวที่ว่าจะถูกทิ้งไว้
ไม่นานนักคนนับร้อยก็ได้มายืนอยู่ด้านหลังเย่หยวนแล้ว
เพราะสุดท้ายคนที่พูดเสริมเกาหยุนมันก็เป็นแค่คนส่วนน้อย
ตอนนี้พวกเขายืนอยู่อย่างเดียวดายราวกับดอกไม้ที่ไม่มีใครชื่นชม
พูดเสร็จเย่หยวนก็ปล่อยพลังแนวคิดแห่งห้วงมิติออกมา เย่หยวนทำท่าจะพาคนพวกนี้ลงไปแล้วจริงๆ
แล้วคนพวกนั้นจะยังรออยู่ได้อย่างไร? พวกเขาหน้าเสียกันในทันที
“ผู้อาวุโสเย่ หนึ่งพันล้าน ข้าจะจ่าย! เมื่อสักครู่… เมื่อสักครู่ข้าได้กล่าวหาท่านไปต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง”
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพร้อมหยิบแหวนเก็บของยัดใส่มือเย่หยวนไป
เย่หยวนจับแหวนนั้นดูและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อืม เงินมันแก้ปัญหาได้เสมอแหละ ไปอยู่ทางนั้นกับคนอื่นๆ สิ หนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะใช้ซื้อโอกาสดีๆ แบบนี้ เจ้าไม่มีอะไรต้องเสียเลยสักนิด! หึหึ”
คนๆ นั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รับการอภัยโทษแล้วจึงรีบเข้าไปยืนอยู่หลังเย่หยวนทันที
เมื่อมีคนนำ ใครจะยังทนอยู่กับที่ได้? พวกเขาทั้งหลายต่างรีบจ่ายผลึกปราณเทวะออกมาให้แก่เย่หยวนเพราะกลัวว่าเย่หยวนจะกลับคำพูด
เจิ่งชีนั้นได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
แค่ไม่กี่อึดใจ เย่หยวนกลับสามารถหาผลึกปราณเทวะมาได้นับหมื่นล้าน!
นี่มัน… นี่มันยิ่งกว่าไปเปิดเหมืองผลึกปราณเทวะเสียอีก!
หาเงินมันทำได้ง่ายขนาดนี้เลยรึ?
ส่วนเกาหยุนนั้นมีสีหน้าคนละขั้วกับเจิ่งชีอย่างสิ้นเชิง
“ผ-ผู้อาวุโสใหญ่ เราจะทำอย่างไรดี?” ลูกน้องของเกาหยุนถามขึ้น
แน่นอนว่าตอนนี้เขาคงกังวลจนถึงขีดสุดแล้ว
เกาหยุนชักสีหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เย่หยวนได้ไล่ต้อนเขาและทำให้เขาเสียหน้าอย่างกู่ไม่กลับแล้ว
ตอนนี้มีแค่เมืองจักรพรรดิยอดสันติเท่านั้นที่ถูกกีดกันออกจากวง
เกาหยุนจึงกัดฟันแน่นและกล่าว “ไป!”
ยอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นยิ้มร่าออกมาราวกับได้รับการอภัยโทษ พวกเขารีบมุ่งหน้าเข้าไปหาเย่หยวนและพยายามที่จะจ่ายผลึกปราณเทวะออกมา
แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่คิดจะรับมันและหันไปมองหน้าเกาหยุนอย่างเยือกเย็น “เฒ่าเกา หากคนของเจ้าอยากจะลงไป ก็ย่อมลงไปได้ แต่… มิใช่กับราคานี้!”
ตอนที่ 1621 ปล้นคนรวย ช่วยคนจน
Ink Stone_Fantasy
เกาหยุนเปลี่ยนสีหน้าและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นเหยียบว่า “เจ้าว่ายังไงนะ?”
แม้จะต้องเผชิญหน้ากับจิตสังหารของเกาหยุน แต่เย่หยวนก็ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาแค่ตอบกลับไปอย่างเยือกเย็นไม่แพ้กัน “เฒ่าเกา เจ้าคิดว่านายน้อยผู้นี้มีความอดทนสูงมากนักใช่ไหม? เดิมทีมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอันใดเลย แต่เจ้ากลับคิดใช้คำว่า ‘เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์’ มากดดันข้า ดูยังไงก็เป็นฝ่ายเจ้าชัดๆ ที่เป็นคนตอแหลโลภมาก แต่เจ้ากลับยังกล้าใช้คำว่าเพื่อเผ่าพันธุ์มากดดันข้าด้วยสีหน้าไร้ยางอาย เจ้าคิดว่าข้าเป็นแค่เด็กสามขวบหรืออย่างไรที่จะไม่รู้ทันเจ้า? ช่างน่ารังเกียจนัก!”
ทุกคนเงียบและหันมามองหน้าเย่หยวนด้วยสายตาอันตื่นตะลึงทันที
การที่เขากล้าพูดแบบนี้ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว… เย่หยวนคนนี้คงไม่กลัวที่จะตายเสียแล้ว
เพราะแม้ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวจะยังไม่ใช่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่แท้จริง แต่พวกเขาก็ยังเป็นตัวตนที่อยู่เหนือโลกทั้งปวงได้อย่างง่ายดาย
เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายจึงต่างพยายามประจบเกาหยุนและกดดันเย่หยวน
ตอนนี้ใจของเกาหยุนเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้จนทำให้ลมหายใจของเขาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความโกรธ
สีหน้าของเขามืดมนลงมาก ก่อนที่ชายแก่คนนี้จะพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันเย็นยะเยือกที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องขนลุกชัน “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าอย่างนั้นเรอะ?”
พลังปราณของอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้ถูกปลดปล่อยออกมา กลายเป็นพลังงานที่กดดันทุกผู้คนในบริเวณ
แต่เย่หยวนกลับไม่ได้แสดงอาการตื่นกลัวและตอบกลับมาอย่างเรียบเฉย “เจ้าไม่กล้าหรอก ตอนนี้มีคนมากมายต้องการให้ข้าพาลงไป หากเจ้าสังหารข้าลงวันนี้ เจ้านั่นแหละที่จะได้กลายเป็นศัตรูของมนุษยชาติ!”
เมื่อเกาหยุนได้ยินแบบนั้นแรงกดดันที่เคยมีก็ค่อยๆ จางหายไปทันที
เจ้าเด็กคนนี้… เขาสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ภายในเวลาแค่อึดใจเดียว
ตอนนี้เมื่อเขาถูกเหตุผลแบบนี้กดดันทางเกาหยุนจึงไม่สามารถที่จะเถียงอะไรกลับออกไปได้เลย
ภายในจิตใจของเจิ่งชีที่อยู่ด้านข้างกำลังสั่นไหวอย่างอธิบายไม่ถูก
เด็กหนุ่มเย่หยวนคนนี้ เขาไม่ได้มีดีแค่ความสามารถที่เหนือล้น แต่วิธีการที่เขาใช้เองก็เหนือล้ำไม่แพ้ใคร
เดิมทีหากพลาดพลั้งไปเพียงเล็กน้อย ทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์และตัวเขาคงถูกลากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งแน่ ๆ
แต่ในชั่วพริบตานั้นเย่หยวนกลับพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างเหลือเชื่อ
ตอนนี้เมื่อถูกเย่หยวนพลิกเกมใส่แบบนี้ทางเกาหยุนจึงได้แต่ฝืนทนรับความอับอายเหล่านั้นไปเงียบๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ทางเจิ่งชีที่ได้เห็นเกาหยุนในสภาพนั้นก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เกาหยุนนั้นเดือดดาล เขาอยากจะทำลายเย่หยวนลงให้สิ้นซากเสียตรงนี้
แต่เย่หยวนเองก็กล่าวออกมาด้วยเหตุผล เกาหยุนไม่มีทางกล้าทำอะไรเขาได้
เกาหยุนจึงได้แต่กัดฟันแน่นก่อนจะพูดออกมาอีกครา “งั้นจงบอกราคามา!”
เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้
เย่หยวนยิ้มและกล่าวขึ้น “ข้าจะลดให้ถูกๆ หนึ่งสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำต่อสองคน!”
ดวงตาของเกาหยุนเบิกโพลงก่อนที่เขาจะตะโกนขึ้น “เจ้าว่ายังไงนะ? กล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง! เจ้าคิดว่าสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมันหาง่ายมากนักอย่างนั้นรึ?”
ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่หยวนได้แต่หันไปมองหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ
เพราะผู้อาวุโสเย่นั้นเสนอราคาได้สูงลิบ
แต่เย่หยวนก็เพียงแค่ยักไหล่และตอบกลับไป “เจ้านั้นคือยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว คนอย่างเจ้าจะไม่มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำที่เหลือใช้ติดตัวบ้างเลยรึ? นี่คือราคาที่เจ้าจ่ายแลกกับอนาคตของคนรุ่นใหม่ในเมืองจักรพรรดิยอดสันตินะ ไม่มีทางที่จะไม่คุ้มค่าเลย หรือเจ้ามันเห็นแก่ตัวจนเกินกว่าที่จะยอมจ่ายเพื่ออนาคตของเมืองจักรพรรดิยอดสันติ?”
ตอนนี้เกาหยุนนั้นโกรธจนเคราสั่น แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ในสถานการณ์นี้
เจ้าเด็กคนนี้มันช่างเล่นลิ้นเก่งนัก
ตัวเกาหยุนนั้นมีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอยู่ แต่ทำไมเขาถึงต้องเอามันมามอบให้เย่หยวนอย่างไร้เหตุผลด้วย?
“เด็กน้อย เจ้ากล้าที่จะร้องขอของชายแก่คนนี้ จงจำไว้เถอะว่ามันเป็นของที่สามารถฆ่าเจ้าได้ทุกเมื่อ” เกาหยุนบอกออกมาในเชิงขู่
“หึหึ เฒ่าคนนี้ช่างดุร้ายนัก เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้นหรอก จงรีบส่งมันมา มีคนอื่นเขารอข้าอยู่อีกเยอะ” เย่หยวนสวนกลับไปอย่างไม่แยแส
เกาหยุนนำสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำสามชิ้นออกมาอย่างไม่เต็มใจนักก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง “เด็กน้อย เอาของชายแก่คนนี้ไป เจ้าต้องได้คายมันออกมาสักวัน!”
เย่หยวนรับสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมาและโยนดาบให้กับหนิงเทียนปิงทันที “เจ้ายังไม่มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำใช่ไหม? ข้าขอมอบดาบนี้ให้เจ้า อ่า… มีใครอีกบ้างที่ยังไม่มีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำติดตัว?”
หนิงเทียนปิงในฐานะผู้พิทักษ์หอยุทธ์และหนึ่งในผู้ติดตามของเย่หยวนเดินออกมาทันที
ตอนนี้เขาได้รับดาบมาไว้ในมือด้วยจิตใจแสนปลื้มปริ่ม
เพราะแม้ตระกูลหนิงจะเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ แต่มันก็ยังเป็นการยากที่จะหาสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำแจกจ่ายให้ถึงมือสมาชิกตระกูลทุกคน
คงมีแค่เกาหยุนผู้ไม่ตายผู้นี้เท่านั้นที่เดินทางข้ามมิติลึกลับมามากมาย ด้วยวิธีการที่หลากหลายจึงจะสามารถมีสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำติดตัวหลายชิ้น
และแม้หนิงเทียนปิงจะเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถหาสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมาครอบครองได้
แต่ตอนนี้จู่ๆ เขาก็ได้รับมันมา แน่นอนว่าต่อจากนี้ไปเขาคงสามารถจัดการกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวคนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเขาก็ยังมั่นใจว่าพอสู้ได้
หนิงเทียนปิงจึงโค้งตัวลงขอบคุณเย่หยวนในทันที “ขอบพระคุณผู้อาวุโสเย่”
เย่หยวนยิ้มและตอบกลับมา “เจ้านั้นติดตามข้า แน่นอนว่าข้าต้องมอบประโยชน์คืนให้เจ้า”
ไม่นานนักเย่หยวนก็มอบสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอีกสองชิ้นไปให้คนอื่น ทำให้ผู้ได้รับต้องตื้นตันอย่างสุดซึ้ง
ตอนนี้ฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นตื่นเต้นกันอย่างถึงที่สุด และดูจากจำนวนคนอีกฝ่ายแล้ว อย่างน้อยๆ พวกเขาต้องจ่ายสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำออกมาอีกสองชิ้นถึงจะสามารถพาทุกคนไปได้
เพราะวันนี้มีผู้คนจากเมืองจักรพรรดิยอดสันติมาเยอะพอสมควร หากนับรวมๆ แล้วอาจจะถึงยี่สิบคนเลยก็เป็นได้
หากนับรวมเกาหยุนไปด้วย พวกเขาก็มีคนถึงสี่คนที่เป็นยอดคนอาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาว และเมื่อพวกเขาพาผู้ติดตามมาด้วยสามคน ก็นับรวมๆ คนที่เหลือได้กว่าสิบคน
หากพวกเขาอยากจะไปให้หมด ก็ต้องใช้สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอีกหลายชิ้น
เกาหยุนกัดฟันแน่นและหันไปกล่าว “โม่ฮุย จู้หยุนไช้ พวกเจ้าแต่ละคนนำสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำออกมา!”
โม่ฮุยและจู้หยุนไช้ทั้งสองคนนี้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาว เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็แทบกระอักเลือด
เพราะเขาคนนี้สร้างปัญหาเอง แต่ตอนจะแก้กลับคิดจะให้คนอื่นช่วยเหลือ!
แต่เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าคำสั่งของเกาหยุนพวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรกลับไป ทั้งสองจึงนำสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำของตัวเองออกมา
หลังจากเย่หยวนได้รับมันไป เขาก็หันไปแจกจ่ายต่อในทันที
เท่านี้กำลังของฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างมากแล้ว
เจิ่งชีเห็นแบบนั้นจึงถามออกไป “เย่หยวน เจ้าได้สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำมาตั้งหลายชิ้น ทำไมไม่คิดจะเก็บไว้กับตัวบ้าง?”
เย่หยวนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสใหญ่คิดว่าข้าขาดแคลนสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำหรือ?”
“อ่า…” เจิ่งชีถึงกับตอบอะไรกลับไปไม่ถูกหลังได้ยินแบบนั้น
ตอนนี้เย่หยวนนั้นเป็นเหมือนเศรษฐีใหม่ที่ใช้จ่ายอะไรอย่างไม่กลัวมันหมด
ในจำนวนสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำทั้งห้าชิ้นนั้นเขากลับแจกจ่ายมันออกไปอย่างไม่คิดที่จะลังเลแม้แต่น้อย
เมื่อเกาหยุนได้เห็นแบบนั้นเขาก็เลือดขึ้นหน้ามาอีกครั้งจนเกือบจะกระอักเลือดลงตรงนั้น
หากไม่ขาดแคลนสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำแล้วจะมาขูดรีดคนอื่นเขาทำไม?
และดูเหมือนเย่หยวนจะมองออก เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแสนชั่วร้าย “ข้าแค่คิดว่ายอดฝีมืออย่างเฒ่าเกาควรเห็นใจนักยุทธชั้นล่างบ้าง เพราะยังไงเสียของพวกนี้เจ้าก็ไม่ได้ใช้ ทำไมไม่สู้เอาออกมาแจกจ่ายให้คนอื่นได้ใช้เพิ่มความสามารถการต่อสู้กัน ทำแบบนี้จะได้เพิ่มพลังต่อสู้ของเผ่ามนุษย์เราอย่างเห็นได้ชัด พวกเจ้าว่าไหมล่ะ? แม้ตัวข้าเองจะไม่ชอบขี้หน้าเฒ่าเกามากนัก แต่เขาก็ยังทำคุณงามความดีกับมนุษยชาติไว้ด้วยเรื่องครั้งนี้ หากวันใดพวกเจ้าทั้งหลายได้ดีก็จงอย่าลืมบุญคุณในครั้งนี้ของเขาไปล่ะ”
“อ๊อก!”
ในที่สุดเกาหยุนก็ทนความโกรธแค้นที่สุมในใจไม่ไหว จนกระอักเลือดออกมา
เด็กคนนี้มันช่างเลวร้ายเสียจริงๆ
“ตายแล้วผู้อาวุโสเกาที่เคารพ ท่านไม่ควรฝืนตัวเองเลยนะ ท่านคือความหวังของมวลมนุษย์เรา ตัวตนที่จะขึ้นไปเหยียบอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ หากเกิดเรื่องใดๆ ขึ้นกับท่านเราจะทำยังไงกันต่อไปเล่า?” เย่หยวนรีบพูดขึ้นทันทีหลังเห็นเกาหยุนกระอักเลือด
เจิ่งชีที่เห็นท่าทางหยอกล้อนั้นของเย่หยวนก็กลั้นขำไว้ไม่อยู่ ต้องระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา
ในเวลาหลายหมื่นปีมานี้ เขาไม่เคยจะได้หัวเราะอย่างอิ่มอกอิ่มใจเท่าวันนี้เลย
“เอาล่ะ ตอนนี้มันก็ช้ามากแล้ว เราไม่ควรปล่อยให้พวกปีศาจมันได้นำหน้าเราไปก่อน เราต้องรีบไปแล้ว หลังจากนี้พอข้าเริ่มใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วพวกเจ้าจงอย่าขัดขืน ไม่เช่นนั้นหากมีใครติดอยู่ในห้วงมิติก็อย่าได้มาโทษข้าล่ะ” เย่หยวนบอก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น