Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1612-1615
ตอนที่ 1612 ก็แค่นี้
แม้กู่ฮั่นจะพูดแบบนั้นออกมาแต่เย่หยวนกลับไม่คิดจะเก็บมันมาใส่ใจ
“ท่านกู่ฮั่นนี่ไม่ใช่ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์หรอกรึ? ทำไมล่ะ? หรือเจ้ากลัวที่จะรับคำท้าของข้ากันนะ? กลัวจอมเทพโอสถสามดาวคนนี้?” เย่หยวนยิ้มเย้ยออกมา
กู่ฮั่นจึงหันมาพูดต่อทันที “ข้าไม่ได้เลือกหมูหมากาไก่ที่ไหนมาท้าดวลก็ได้เสียหน่อย! คนอย่างข้านั้นท้าเฉพาะเหล่ายอดอัจฉริยะของเมืองเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เพียงเท่านั้น แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกัน?”
กู่ฮั่นคนนี้เป็นคนที่หยิ่งยโสทะนงตนมาก เป้าหมายของเขาแต่ละคนไม่ใช่หมุหมากาไก่ใครก็ได้ เขาท้าดวลเฉพาะเหล่ายอดคนที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วเท่านั้น
เพียงแค่ว่าไม่มีใครบอกกล่าวเขาว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ยังมียอดคนอันแสนน่ากลัวแบบนี้อยู่
เพราะตัวตนของชายคนนี้มันต่างจากเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายมาก
เมื่อคำพูดเหล่านั้นหลุดออกมาจากปากของกู่ฮั่น บรรยากาศของผู้คนโดยรอบก็เปลี่ยนไปทันที
แต่เย่หยวนก็ยกมือขึ้นมาห้ามเบา ๆ เป็นสัญญาณให้ทุกคนใจเย็น ๆ
เมื่อทุกคนเห็นแบบนั้นพวกเขาก็เงียบปากลง
พวกเขาเห็นแน่แล้วว่าวันนี้เย่หยวนมาเพื่อตบหน้าคน จึงพยายามที่จะห้ามไม่ให้อีกฝ่ายรับรูปว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน
เหล่าผู้คนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นต้องเศร้าหมองมาหลายวันเพราะเหล่าอัจฉริยะของตัวเองนั้นได้แต่พ่ายแพ้ให้แก่กู่ฮั่นคนนี้ แม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวอย่างซ่งฉีหยางก็ยังไม่มีปัญญาจะเอาชนะ
ที่สำคัญ นอกจากจะต้องแพ้แล้วพวกเขาทั้งหลายยังต้องก้มหัวต่อกู่ฮั่นถึงสามครั้งพร้อมพูดคำพูดสุดน่าขยาดนั้นออกมา
การกระทำนั้นของกู่ฮั่นมันทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างมาก โดยมีเป้าหมายความเกลียดชังอยู่ที่เดียว
และการที่เย่หยวนออกมาจัดการกู่ฮั่นในครั้งนี้ พวกเขาทั้งหลายจะไม่ดีใจได้หรือ? เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งหลายถึงเชื่อฟังเย่หยวนอย่างมากในวันนี้
พวกเขาได้แต่เฝ้านึกถึงสีหน้าของกูฮั่นตอนที่ต้องพ่ายแพ้ลงต่อหน้าขุมความสามารถอันมหาศาลของเย่หยวนนี้ว่ามันจะเป็นสีหน้าที่วิเศษเพียงใด!
เจ้าเรอะอัจฉริยะ?
เจ้าเรอะไร้เทียมทาน?
ฮะฮ่า!
หากเจ้าได้เห็นความสามารถของผู้อาวุโสเย่ เจ้าจะได้รู้ว่าตัวเองมันเป็นได้แค่ตัวตลก
เย่หยวนนั้นไม่โกรธใด ๆ เขาแค่ยิ้มออกมาเบา ๆ “ข้าจะมีคุณสมบัติพอท้าทายเจ้าหรือไม่ ทำไมไม่ลองถามคนเหล่านี้ดูล่ะ พวกเจ้าทั้งหลายคิดว่าข้ามีคุณสมบัติพอท้าดวลเขาหรือไม่?”
เย่หยวนหันไปถามกับฝูงชน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาพร้อมที่จะร่วมมือกับละครฉากนี้
“เย่หยวนนั้นคือสุดยอดอัจฉริยะหนุ่มในเมืองจักรพรรดิเรา แน่นอนว่าเขาต้องมีสิทธิท้าเจ้า!”
“หากเย่หยวนไม่มีสิทธิ ก็คงไม่มีใครได้รับสิทธินั้นอีกแล้ว!”
“ไม่กล้ารับคำท้าก็บอกมาตรง ๆ สิ เจ้ากลัวที่จะต้องแพ้ใช่ไหมล่ะ?”
…
ทุกคนที่มุงดูรอบ ๆ ต่างตะโกนส่งเสียงเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ไม่มีใครเลยที่บอกถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้อาวุโสเย่
และหากเจ้าตัวไม่ได้บอกเองจริง ๆ ต่อให้ตายกู่ฮั่นก็คงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างเย่หยวนนี้จะเป็นผู้อาวุโสจริง ๆ
ส่วนที่มุมเดิมทางหลิงจี้คุนก็พูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม “พี่หรงซู เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ท่านไม่มีเด็กคนอื่นแล้วเหรอ? แม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวก็แพ้ไปแล้ว แต่ท่านกลับส่งจอมเทพโอสถสามดาวออกมาแบบนี้ นี่มันจะไม่น่าขันไปหน่อยรึ?”
หรงซูเองก็มีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสับสน เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่หยวนจะออกมาจัดการเรื่องในครั้งนี้ด้วยตัวเอง
เขาเคยเชื่อว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เขารู้ดีกว่าด้วยฝีมือของเย่หยวนการต่อประลองเหล่านี้มันเป็นได้เพียงการละเล่นของเด็ก ๆ
แต่แน่นอนว่าการที่เย่หยวนออกมาแบบนี้มันทำให้เขาพอใจอย่างมากที่สุด
“หลิงจี้คุน อย่าเพิ่งได้ใจไปเลย! เด็กหนุ่มคนนี้มันต่างออกไป!”
หรงซูนั้นเลวร้ายแค่ไหน? ต่อให้เลวร้ายแค่ไหน มีหรือที่เขาคิดจะเปิดเผยตัวจริงของเย่หยวน?
เพราะท่าทางของหลิงจี้คุนในทุกวันนี้มันทำให้เขาอึดอัดจนแทบบ้า หรงซูเบื่อที่จะเห็นใบหน้าแบบนั้นแล้ว
ตอนนี้พอเย่หยวนออกมาจัดการตบหน้าคนแบบนี้ มีหรือที่เขาจะยังขัดขาเย่หยวนอีก?
เพราะสุดท้ายแล้วความขัดแย้งของเขาและเย่หยวนมันก็เป็นได้แค่ความขัดแย้งภายใน ตอนนี้คนภายนอกกำลังรังแกคนฝ่ายตัวเองอยู่ แล้วเขาจะคิดไปช่วยคนนอกรึ?
ไม่นานนักหลิงจี้คุนก็เริ่มกลั้นขำไม่ไหวและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ต่างออกไป? จะต่างแค่ไหนกันเชียว? ในบรรดาจอมเทพโอสถสามดาวด้วยกันมันไม่มีทางเลยที่จะมีใครเทียบเคียงกับกู่ฮั่นได้ ความสามารถของเขาท่านก็เห็นดี แล้วยังคิดว่าคนระดับนี้จะแพ้ให้เด็กที่ไหนไม่รู้อีกเรอะ?”
หรงซูอมยิ้มขึ้นและไม่คิดจะพูดอะไรอีก
แต่ตอนนี้ดวงใจของเขากำลังตื่นเต้นอย่างแรง
เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังต้านทานเย่หยวนไม่ได้ ศิษย์ของหมาเฒ่าขี้ผายลมคนนี้หรือจะสามารถชนะเย่หยวน?
มันไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเลียเท้าเย่หยวนด้วยซ้ำ!
…
เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคนประกอบกับสายตาที่พวกเขามองมายังเย่หยวนมันก็ทำให้กู่ฮั่นคาดเดาไปว่าเย่หยวนคงเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของเมือง
นอกเสียจากว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ยืนชื่อนี้มาก่อนเลยทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็หาข้อมูลในเมืองมาหลายวัน?
หรือจะบอกว่าเจ้าเด็กคนนี้คือสุดยอดคนที่แข็งแกร่งที่สุดในคนรุ่นใหม่ของเมือง?
แต่ว่าใครจะสน!
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะมาจากที่ไหนก็ต้องก้มลงกราบแทบเท้าเขา!
“ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า! กฎเดิม หากเจ้าแพ้เจ้าต้องกล่าวพร้อมกับเขาด้วย!” กู่ฮั่นพูดออกมาอย่างโอหัง
เย่หยวนจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ได้ ไม่มีปัญหา”
กู่ฮั่นหันมาเหลือบตามองเย่หยวนก่อนจะพูดขึ้นอีกที “เดี๋ยวเจ้าจะหาว่าข้ารังแกเจ้า เจ้าเลือกโอสถเลย เอาโอสถที่เจ้าคิดว่าตัวเองหลอมได้เก่งที่สุด เพราะยังไงมันก็ไม่ได้ส่งผลต่อข้าอยู่แล้ว”
เย่หยวนจึงชี้มือออกไปยังโอสถดวงใจเมฆาอมตะและพูดขึ้น “งั้นเอาเจ้านี่”
กู่ฮั่นต้องสะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยิน เพราะเขาคิดว่าเย่หยวนจะเลือกโอสถที่หลอมง่ายกว่านี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเด็กคนนี้มันจะกล้าท้าเขาแข่งหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะ
หลังจากตะลึงไปพักหนึ่ง กู่ฮั่นก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง “เด็กน้อย เจ้านี่รู้วิธีการหลอมโอสถจริง ๆ รึ? หรือจริง ๆ แล้วเจ้าจะตาบอด? แม้แต่ศิษย์พี่ซ่งจอมเทพโอสถสี่ดาวของเจ้ายังพ่ายแพ้ข้า แต่เจ้าจอมเทพโอสถสามดาวกลับคิดท้าข้าหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะอีกเรอะ?”
ซ่งฉีหยางที่ตอนนี้นั่งอยู่ไม่ไกลเมื่อได้ยินคำพูดของกู่ฮั่นเขาก็หน้าแดงขึ้นมาด้วยความอับอายทันที
เขาแทบจะอยากขึ้นไปจัดการลอกหนังของเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้มาต้ม
เย่หยวนตอบสวนไป “แค่โอสถดวงใจเมฆาอมตะมันไม่ใช่อะไรที่ยากเย็นหรอก”
กู่ฮั่นรู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นเป็นคนยโส แต่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าความยโสของตัวเองมันเทียบกับเย่หยวนไม่คิดเลย!
“ฮู้ว ปากเก่งจริง! ข้าล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าฝีมือเจ้าจะเก่งได้เหมือนปากไหม!” กู่ฮั่นหัวเราะออกมา
จากนั้นการแข่งขันก็เริ่มขึ้น
ในวินาทีที่เย่หยวนลงมือ สีหน้าของหลิงจี้คุนก็เปลี่ยนไปทันที
ด้วยทำนองแห่งยอดเต๋านั้นบวกกับเทคนิคการหลอมที่ทรงพลัง นี่มันไม่ใช่ระดับที่กู่ฮั่นจะเทียบได้เลย
ด้วยฝีมือของเย่หยวน การหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะนั้นมันเป็นเรื่องที่แสนง่ายดาย เขาใช้พลังแค่ไม่ถึง 2 หรือ 3 ส่วนเสียด้วยซ้ำ แต่มันก็มากพอที่จะจัดการกู่ฮั่นลงได้อย่างราบคาบแล้ว
แต่ในสายตาของหลิงจี้คุนมันไม่ใช่เรื่องแค่นั้น
“นี่มัน… เด็กหนุ่มคนนี้คือศิษย์ของท่านรึ? พี่หรงซู ช่างปกปิดเก่งกาจนัก!” หลิงจี้คุนพูดออกมาอย่างสิ้นหวัง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหรงซูจะมีไพ่ตายแบบนี้ซ่อนไว้ด้วย
ผ่านไปได้หลายอึดใจ ตอนนี้หลิงจี้คุนรู้แล้วว่ากู่ฮั่นไม่มีโอกาสชนะแม้แต่เสี้ยวเดียว
ไม่แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว!
เมื่อได้เห็นสีหน้านั้นของหลิงจี้คุน หรงซูก็ได้หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจออกมาเป็นครั้งแรกในรอบเดือน
หรงซูหัวเราะและตอบกลับมา “เฮอะ เฮอะ ชายแก่คนนี้ไม่มีโชคและไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก”
หลิงจี้คุนจึงตอบกลับมาอย่างประหลาดใจ “หรือว่า… นี่จะเป็นศิษย์ของคนเหล่านั้น?”
แน่นอนว่าผู้แข็งแกร่งจริง ๆ ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นไม่ใช่หรงซูหรือเจิ่งชี
ยอดฝีมือที่แท้จริงนั้นไม่ชอบที่จะเปิดเผยตัวนัก
นั่นทำให้หลิงจี้คุนคิดไปแบบนั้นทันที
หรงซูยังคงรอยยิ้มไว้โดยไม่ตอบอะไรกลับไป
เย่หยวนใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็สามารถหลอมโอสถจนเสร็จ
เมื่อกู่ฮั่นหลอมจนเสร็จ เขาก็ได้พบว่าตอนนี้เย่หยวนกำลังมองดูเขาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
เป็นใบหน้าเดียวกับที่เขาใช้จ้องมองซ่งฉีหยางเมื่อสักครู่นี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ตอนที่ 1613 นี่หรือคืออัจฉริยะ
เย่หยวนค่อย ๆ เปิดเตาหลอมออกอย่างใจเย็น เมื่อเขานำโอสถออกมา แน่นอนว่ากู่ฮั่นที่ได้เห็นต้องอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ข-ขั้นเทวะ! เป็นไปได้ยังไงกัน!” กู่ฮั่นพูดออกมาอย่างตื่นตระหนก
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้กันเล่า?” เย่หยวนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยาม
กู่ฮั่นจึงยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่โอสถของเย่หยวน “เจ้าเป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาว จะมีปัญญาหลอมโอสถดวงใจเมฆาอมตะขั้นเทวะได้อย่างไร?”
เย่หยวนจึงกล่าวขึ้น “นี่มันแค่โอสถระดับสาม ทำไมจอมเทพโอสถสามดาวจะหลอมขั้นเทวะไม่ได้? ที่เจ้าทำไม่ได้มันก็แค่เพราะว่าเจ้าไม่มีปัญญาก็เท่านั้น”
กู่ฮั่นถึงกับอ้าปากค้างตอบอะไรกลับไปไม่ถูก สีหน้าของเขาเปลี่ยนสีราวกับหนวดหมึกก่อนที่จะกัดฟันพูดออกมา “ข้าไม่ยอมรับ! ม-มาแข่งกันอีกครั้ง!”
เย่หยวนยักไหล่เป็นคำตอบออกไป “ย่อมได้ คราวนี้ตาเจ้าเลือกโอสถบ้าง”
กู่ฮั่นกัดฟันกรอดและพูดขึ้น “ข้าอยากแข่งหลอมโอสถจันทราลับควบฉีกับเจ้า!”
โอสถจันทราลับควบฉีนั้นคือโอสถที่กู่ฮั่นสามารถใช้ความสามารถที่มีในตอนนี้ออกมาได้ทั้งหมด
หากให้แบ่งตามความยาก มันคงอยู่ในขั้นสุดของระดับ 6
ด้วยความสามารถในปัจจุบันของกู่ฮั่น การหลอมโอสถนี้ให้ได้ถึงขั้นต่ำนั้นมันต้องใช้ความลำบากยากเข็ญอย่างถึงที่สุด
แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเหนื่อยยากแค่ไหน
เมื่อเทียบกับอัจฉริยะคนอื่น ๆ อายุของกู่ฮั่นนั้นเรียกว่าได้น้อยมาก ๆ จนทุกวันนี้เขายังมีอายุแค่ 500 – 600 ปีเท่านั้น
แต่วันนี้เขากลับแพ้ให้คนระดับเดียวกับที่มีอายุเพียงไม่ถึง 300 ปี เขาจะทนทานความอัปยศนี้ต่อไปได้อย่างไร
เย่หยวนยิ้มออกมา “ก็นึกว่าจะเลือกระดับความยาก 7 เสียอีก ไม่อยากจะเชื่อว่าลีลาไปมาสุดท้ายก็มาลงเอยที่ความยากระดับ 6 อยู่ดี ช่างเถอะ เจ้าไม่ต้องหลอมหรอก นั่งดูข้าหลอมไป เมื่อข้าหลอมเสร็จแล้วเจ้าค่อยประเมินว่าตัวเองจะหลอมได้ดีกว่าข้าไหม ถึงตอนนั้นแล้วค่อยลงมือหลอมมันก็ยังไม่สายไปใช่ไหมล่ะ?”
กู่ฮั่นโกรธจนควันออกหู!
เพราะตั้งแต่เขาไต่เต้าขึ้นมาในเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์นั้นไม่เคยมีใครเลยที่กล้าดูถูกเหยียดหยามเขามากขนาดนี้
ความหมายในคำพูดของเย่หยวนคือ การหลอมของกู่ฮั่นมันช้าและเสียเวลามากเกินไป!
นั่นทำให้กู่ฮั่นต้องรู้สึกอับอายอย่างไม่มีที่จะระบายออกมา
หลายวันมานี้เขาได้เที่ยวจัดการยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปจนหมดสิ้น
แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นทีของเขาบ้าง
และก่อนที่กู่ฮั่นจะได้ตอบอะไรเย่หยวนก็เริ่มลงมือทำการหลอมโอสถไปแล้ว
ยิ่งกู่ฮั่นได้มองดูมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น เพราะตอนนี้เขาได้แต่ตะลึงทึ่งกับทักษะการหลอมของเย่หยวนจนกระพริบตาไม่ลง
จอมเทพโอสถสามดาวทำได้ถึงขนาดนี้เลย?
การหลอมโอสถที่แสนน่าเบื่อกลับกลายเป็นศิลปะอันสวยงามในมือของเย่หยวน ทำให้ผู้ได้พบเห็นต้องเกิดความรื่นเริงขึ้นมาในใจ
โลกนี้มันมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?
ตอนนี้กู่ฮั่นได้เข้าใจแล้วว่าตัวเขาไม่ได้ยืนอยู่ในระดับเดียวกับเย่หยวนเลยแม้แต่น้อย
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเย่หยวนก็ได้หลอมควบโอสถจนเป็นเม็ดแล้ว ความเร็วนี้มันทำให้กู่ฮั่นแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง
โอสถความยากระดับ 6 ขั้นสุด แต่ชายคนนี้กลับใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น?
เจ้าหมอนี่มันทำได้ยังไงกัน?
เย่หยวนไม่รอช้ารีบเปิดหม้อหลอมออกในทันที
เมื่อกู่ฮั่นได้เห็นโอสถจันทราลับควบฉีขั้นเทวะ ลูกตาของเขาก็แทบจะพุ่งถลนออกมาจากเบ้า
“ว่ายังไง? หากเจ้าสามารถหลอมโอสถจันทราลับควบฉีขั้นเทวะโมฆะได้ข้าจะยอมแพ้ให้” เย่หยวนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อกู่ฮั่นได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้แต่ต้องอ้าปากค้างอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
ขั้นเทวะโมฆะ?
เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม?
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายท่านกู่ฮั่น เมื่อกี้ยังดูอวดเก่งอยู่เลยนี่นา? ทำไมไม่ทำตัวอวดเก่งต่อแล้วล่ะ!”
“นายท่านกู่ฮั่น ไหนนายท่านบอกว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราไม่มีใครสู้ท่านได้ไง?”
“นายท่านกู่ฮั่น ตอนนี้ท่านแพ้ลงแล้ว ทางเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ยังจะส่งใครมาอีกไหม?”
“นี่ เจ้าแพ้แล้ว รีบ ๆ ก้มหัวให้ผู้อาวุโสเย่ของเราเสียที!”
“นี่หรือคืออัจฉริยะ?! ในรุ่นเดียวกันไม่มีใครต้านทาน?! เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสเย่เราเจ้ามันก็เป็นได้แค่ขยะชิ้นหนึ่ง!”
…
เหล่าคนทั้งหลายที่มามุงดูในที่สุดตอนนี้ก็ทนไม่ไหวเริ่มตะโกนขึ้นมาในที่สุด
พวกเขาเรียก ‘นายท่านกู่ฮั่น’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างประชดประชันจนถึงที่สุด
เพราะความคับแค้นใจที่สั่งสมมานับเดือน ในที่สุดวันนี้พวกเขาก็ได้ปลดปล่อยออกมา!
เดิมทีการปะทะท้าดวลกันของเด็กรุ่นใหม่นั้นมันมิใช่อะไรที่น่าสนใจมากมายเลย
แต่กู่ฮั่นคนนี้กลับโอหังอวดดดี ใครที่แพ้แก่เขาต้องก้มหัวคารวะเขาถึงสามครั้งพร้อมเรียกเขาว่านายท่านกู่ฮั่น
การที่เขาทำตัวแบบนี้ แน่นอนว่าคนในเมืองเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างไม่พอใจ
และวันนี้ก็เป็นวันที่พวกเขาทั้งหลายจะได้เล่นงานกู่ฮั่นกลับให้สมใจอยากเสียที พวกเขาจึงอดทนอดกลั้นได้ไม่นานนัก
เย่หยวนหันมามองกู่ฮั่นและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเงียบไปล่ะ? หรือว่าเจ้ายังไม่คิดยอมแพ้? อัจฉริยะแห่งเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์นี่มันมีแค่ชื่อเรอะ!”
กู่ฮั่นนั้นกำลังตกตะลึงกับภาพตรงหน้าจนไม่ทันได้สนใจตัวตนของเย่หยวนที่เป็นผู้อาวุโส
แต่ที่นี่ไม่ได้มีแค่กู่ฮั่นอยู่ พวกศิษย์พี่ของเขาทั้งหลายเองก็กำลังมองดูการแข่งขันนี้อยู่ด้วย
และตอนนี้ชายหนุ่มถือดาบยาวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากกลุ่มคนอย่างเชื่องช้า เขามองดูเย่หยวนอย่างเกลียดชังก่อนจะพูดขึ้น “น้องชาย ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าทำไมพวกเขาทั้งหลายนั้นถึงเรียกเจ้าว่าผู้อาวุโสเย่?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “การที่พวกเขาเรียกข้าว่าผู้อาวุโส มันก็หมายความว่าข้าคือผู้อาวุโสแห่งหอโอสถแน่นอนอยู่แล้วสิ”
สีหน้าของชายหนุ่มคนนั้นเปลี่ยนไปทันทีด้วยความตื่นตกใจ
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้เย่หยวนคงไม่สามารถที่จะกลบเกลื่อนมันได้อีกต่อไป
งั้นมันก็หมายความว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสแห่งหอโอสถ?
บ้าบอจนเกินจะรับไหว
หลังจากนิ่งไปพักใหญ่ชายถือดาบก็ก้มหัวลงทำความเคารพเย่หยวนในทันที “ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสของหอโอสถ การเข้ามาจัดการศิษย์น้องของข้าแบบนี้มันจะไม่นับว่าเป็นการกลั่นแกล้งผู้น้อยมากเกินไปหน่อยรึท่าน?”
เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าของอีกฝ่ายพร้อมตอบกลับไป “หากศิษย์น้องของเจ้าเก่งกาจได้เท่าข้า เขาเองก็สามารถขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสได้เช่นกัน จุดสำคัญมันมิใช่สถานะของข้าแต่เป็นฝีมือของข้าต่างหาก! ไม่ใช่ว่าตัวศิษย์น้องของเจ้าบอกเองว่าอยากท้าทายยอดอัจฉริยะของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์รึ? แม้เย่คนนี้จะไร้ฝีมือแต่หากนับกันตามอายุร่างกายที่ข้าได้เกิดขึ้นมาดูโลกแล้ว ข้าก็คงนับได้ว่าเป็นคนรุ่นเดียวกับศิษย์น้องของเจ้า แถมพลังบ่มเพาะของเรายังใกล้เคียงกัน มีอะไรตรงไหนที่เป็นการกลั่นแกล้งผู้น้อยกัน?”
คำพูดของเย่หยวนทำให้ทั้งสองคนต้องแทบสำลัก
เพราะเย่หยวนนั้นใช้ความสามารถฝีมือของตัวเองล้วน ๆ ในการไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้อาวุโส
ในความเป็นจริงเย่หยวนั้นมีอายุไม่แตกต่างจากพวกเขามากนัก และอาจจะหนุ่มกว่าเสียด้วยซ้ำ
การที่คนอย่างเย่หยวนเดินหน้าเข้ามารับคำท้าทายนี้ มันคงไม่มีใครที่จะกล่าวโทษเขาได้
ฝ่ายชายหนุ่มถือดาบยาวจึงพูดขึ้นต่อ “ไม่ว่าจะยังไงผู้อาวุโสเย่ก็มีสถานะสูงส่ง มันไม่เหมาะไม่ควรเลยที่ท่านจะมาร่วมในการประลองของเด็ก ๆ แบบนี้”
เย่หยวนจึงมองเหยียดกลับไปหลังได้ยินเช่นนั้น “ความหมายของเจ้าคือ มีแต่พวกตัวเองที่ชนะได้ ฝั่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ห้ามชนะ?”
ใบหน้าของชายหนุ่มถือดาบยาวเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอายในทันที ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าผู้อาวุโสเย่นั้นไม่ใช่คนที่จะจัดการลงได้ง่าย ๆ ด้วยคำพูด
แต่ว่ากู่ฮั่นนั้นเป็นคนที่ทั้งหนุ่มและหยิ่งยโส คำของเย่หยวนจึงปักลงกลางใจเขาอย่างแรง
ตอนนี้อารมณ์ของกู่ฮั่นพุ่งถึงขีดสุดก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเต็มเสียง “ผู้อาวุโสเย่ใช่ไหม? ข้ายอมรับว่าท่านมีอายุรุ่นเดียวกับข้า และข้าก็ขอยอมรับด้วยว่าวิชาการโอสถของข้านั้นเทียบท่านไม่ได้! แต่ข้ายังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้! สำหรับข้าแล้ววิชาโอสถมันก็แค่เครื่องประดับ วิชายุทธต่างหากคือสิ่งที่ข้าฝึกฝนมาอย่างจริงจัง! ผู้อาวุโสเย่ กู่ฮั่นคนนี้ขอท้าผู้อาวุโสเย่ในการยุทธ! สงสัยเหลือเกินว่าท่านจะพอรับคำท้านี้ไว้ได้ไหม?”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาคนที่มุงดูอยู่ก็เริ่มแสดงสีหน้าแปลก ๆ ขึ้น
หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาคงคิดว่าเย่หยวนไม่มีทางชนะกู่ฮั่นได้
แต่ตอนนี้เย่หยวนนั้นได้รับการขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งหอยุทธ์!
สองปีก่อนเขาได้กลายเป็นคนแรกและคนเดียวที่กลับออกมาจากห้วงมิติสืบทอดได้
ด้วยความสามารถที่น่าเกรงขามปานนี้ ใครกันจะกล้าเอาตัวเองไปเทียบ?
กู่ฮั่นคนนี้ไม่ยอมแพ้จนถึงที่สุด เป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
ชายหนุ่มถือดาบยาวกล่าวเสริมขึ้น “ผู้อาวุโสเย่ ผู้เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะนั้นย่อมมีฝีมือทั้งทางยุทธและทางโอสถ! ท่านเองก็เป็นถึงผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ข้าคาดว่าท่านเองก็คงมีฝีมือด้านยุทธอยู่ไม่น้อย หากท่านสามารถชนะศิษย์น้องข้าได้ในการยุทธด้วย พวกเราจะยอมรับให้ท่านเป็นผู้เหนือกว่าอย่างหมดหัวใจ!”
กู่ฮั่นเสริมขึ้น “ผู้อาวุโสเย่ หากท่านชนะข้าได้ในวิชายุทธด้วยข้าจะขอน้อมก้มกราบท่านสามครา!”
เย่หยวนหันไปมองคนทั้งสองและพูดขึ้นด้วยท่าทางละเหี่ยใจ “หากพวกเจ้าว่าเช่นนั้น ผู้อาวุโสคนนี้ก็คงต้องขอน้อมรับไว้แต่โดยดี”
ตอนที่ 1614 แนวคิดแห่งห้วงมิติอันแข็งแกร่ง
หลิงจี้คุนมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาค่อย ๆ หันมาหาหรงซูและกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “พี่หรงซู ท่านกำลังล้อข้าเล่นรึ? สั่งการให้ผู้อาวุโสออกมาจัดการกับศิษย์ของข้าแบบนี้ หากไม่เรียกว่าผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยแล้วจะเรียกมันว่าอะไรอีก?”
จริง ๆ ในใจของหลิงจี้คุนเขารู้ดีว่ามันช่างเป็นคำกล่าวอ้างที่ไร้สาระ
เย่หยวนนั้นอายุน้อยกว่ากู่ฮั่นมากมาย ทำให้คำแย้งนี้ไม่มีอะไรเป็นหลักให้แย้งเลย
หากจะให้บอกเหตุผลจริง ๆ มันก็คงเป็นเพราะว่ากู่ฮั่นไม่มีความสามารถเทียบเท่าเย่หยวนได้
การที่จอมเทพโอสถสามดาวสามารถเก่งกาจได้ขนาดนั้นมันช่างทำให้ผู้คนต้องสิ้นหวังจริง ๆ
ในเวลาหลายปีมานี้หลิงจี้คุนมักรู้สึกภูมิใจเสมอที่ได้กู่ฮั่นมาเป็นศิษย์ และนำพาศิษย์รักของเขาคนนี้ไปไหนมาไหนเพื่อท้าประลองกับคนไปทั่ว
ในเวลาหลายปีที่ผ่านมา กู่ฮั่นแทบจะไม่เคยแพ้ใครเลย
แต่วันนี้เขากลับต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
เย่หยวนนั้นอาจจะดูเหมือนแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง แต่เด็กน้อยคนนี้กลับกลายเป็นผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่!
แต่ฝั่งหรงซูจะยอมง่าย ๆ ได้อย่างไร? ตอนนี้เขาได้แต่หัวเราะออกมา “พี่จี้คุน ผู้อาวุโสเย่นั้นคือผู้อาวุโสของหอโอสถ ชายแก่คนนี้ไม่มีปัญญาไปสั่งเขาหรอกว่าจะให้ไปสั่งสอนศิษย์ของท่าน ที่สำคัญแม้ผู้อาวุโสเย่จะเป็นผู้อาวุโสของหอโอสถ แต่เขาก็มีอายุน้อยกว่ากู่ฮั่นมาก หากให้พูดถึงคนหนุ่มยอดอัจฉริยะของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จริง ๆ มันก็ต้องเป็นเขาคนนี้นี่แหละ! ท่านเอาแต่พูดจาอะไรไร้สาระ”
หรงซูนั้นรู้สึกปลอดโปร่งอย่างมากมาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกชอบใจในการกระทำของเย่หยวนขึ้นมา
ในเวลาหนึ่งเดือนมานี้เขาต้องพบเจอกับความอับอายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เขาไม่เคยที่จะเชิดหน้าสู้หลิงจี้คุนได้เลย
ตอนนี้ใบหน้าของหลิงจี้คุนนั้นดำสนิทราวกับก้นหม้อ “ไม่ว่าจะใช้เหตุผลใดมากล่าวอ้างยังไงเสียเขาคนนี้ก็เป็นถึงผู้อาวุโส! ให้คนระดับนี้มาประลองกับศิษย์ของชายแก่คนนี้ได้อย่างไรกัน?”
หรงซูหันไปมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสเย่นั้นเกินกว่าที่จะมาพบกับศิษย์ของท่านจริง ๆ นั่นแหละ ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นเขาแค่สอนหนิงซืออวี๋นิด ๆ หน่อย ๆ แค่ไม่กี่วันนางก็สามารถจัดการชนะศิษย์ของข้าได้แล้ว หากให้ข้าเดา วันนี้เขาคงมาเพื่อกู้หน้าให้เด็กน้อยหนิงซืออวี๋นางนั้น”
ใบหน้าของหลิงจี้คุนกระตุกขึ้นมาก่อนจะกล่าวอย่างเยือกเย็น “เฮอะ! แล้วมันยังไง?! ศิษย์ข้านั้นเก่งกาจทั้งด้านวิชายุทธและวิชาโอสถ รอให้ถึงตอนที่เขาจัดการผู้อาวุโสเย่ของท่านลงเถอะ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะได้เสียชื่ออย่างกู้ไม่กลับ!”
แต่เมื่อหรงซูได้ยินแบบนั้นเขากลับไม่คิดจะตอบอะไรกลับมา
รอยยิ้มแฝงนัยยะของหรงซูนั้นมันทำให้หัวใจของหลิงจี้คุนต้องสั่นระรัว
หรือว่าจริง ๆ แล้วผู้อาวุโสเย่คนนี้จะเก่งกาจในวิชายุทธด้วย?
บ้าน่า!
ผู้อาวุโสเย่คนนี้ยังเด็กมาก แต่กลับมีวิชาโอสถถึงจุดสูงสุดแบบนี้แล้วเขาจะยังมีวิชายุทธที่เหนือล้ำกว่ากู่ฮั่นอีกหรือ?
แต่หากไม่ใช่แบบนั้นแล้วรอยยิ้มของหรงซูมันหมายความว่ายังไง?
…
“ศิษย์พี่ใหญ่ ผู้อาวุโสเย่คนนี้มีความสามารถในด้านโอสถที่น่าเกรงขามมาก! แต่ในวิชายุทธ เขาไม่มีทางรับมือศิษย์น้องเล็กได้แน่ ๆ”
ชายหนุ่มถือดาบจึงพยักหน้ารับ “ศิษย์น้องเล็กนั้นเรียนรู้แนวคิดแห่งลมและแนวคิดแห่งไฟ ที่สำคัญเขายังเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ด้วย นักยุทธระดับการบ่มเพาะเดียวกับเขาคงไม่มีใครสามารถรับมือเขาได้แน่ ๆ ที่สำคัญผู้อาวุโสเย่มีพลังบ่มเพาะไม่เท่าเขาเสียด้วยซ้ำ”
“ฮึฮึ ผู้อาวุโสเย่คิดว่าตัวเองเป็นยอดอัจฉริยะ เขาจะมั่นใจเกินไปแล้ว! ต่อให้เป็นข้า หากข้ามีพลังบ่มเพาะเท่าศิษย์น้องเล็กข้าเองก็คงสู้เขาไม่ได้เช่นกัน”
ชายหนุ่มถือดาบจึงเสริมขึ้น “เมื่อถืงตอนที่ศิษย์น้องเล็กจัดการผู้อาวุโสเย่คนนี้ลง เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงต้องเสียชื่ออย่างไม่มีทางกู้กลับแน่ ๆ”
กู่ฮั่นมองดูเย่หยวนและกล่าวขึ้นอย่างเหยียดหยาม “ท่านเข้ามา! ข้ามีพลังบ่มเพาะสูงกว่าท่าน ข้าจะต่อให้ท่านก่อนสามกระบวนท่า เดี๋ยวผู้คนจะหาว่าข้ารังแกคนอ่อนแอ!”
เมื่อเขาพูดจบผู้คนที่มุงดูโดยรอบก็เปลี่ยนสีหน้าไป
ผู้อาวุโสเย่นั้นคือผู้ที่เข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติ แล้วเขาคนนี้กลับกล้าจะตั้งรับก่อนสามกระบวนท่า?
นี่… เจ้าเด็กคนนี้มันจะไม่กลัวตายหน่อยรึ?
และไม่นานก็เป็นเย่หยวนที่ตอบออกมา “ข้านั้นเป็นผู้อาวุโส มีหรือที่จะเอาเปรียบเจ้าก่อนได้? หากพูดถึงการต่อให้ ข้าต่างหากต้องเป็นฝ่ายต่อให้ เอาแบบนี้ไหม? เจ้าโจมตีเข้ามาได้เต็มที่ ข้าจะไม่ตอบโต้ ตราบเท่าที่เจ้าจับชายเสื้อข้าได้ข้าจะยอมรับว่าตัวเองแพ้!”
กู่ฮั่นนั้นรู้สึกเหมือนเพิ่งได้ยินมุกตลกที่สุดในชีวิต เขาได้แต่สงสัยว่าสมองของผู้อาวุโสเย่คนนี้ยังทำงานดีอยู่รึเปล่า?
หรือเย่หยวนนั้นจะไม่รู้ว่าตัวเขาได้กวาดล้างศิษย์ทั้งหลายของหอยุทธจนสิ้น?
หรือว่าเย่หยวนจะไม่รู้ว่าเขาเข้าใจแนวคิดแห่งลมและแนวคิดแห่งไฟ?
อืม เขาต้องไม่รู้อะไรเลยแน่ ๆ
วางท่า?
อยากรักษาหน้าในฐานะผู้อาวุโส?
เจ้ามันแค่ผู้อาวุโสหอโอสถ มิใช่ผู้อาวุโสหอยุทธ์!
เหล่าศิษย์พี่ของกู่ฮั่นต่างนิ่งไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ก่อนจะหันมายิ้มและมองหน้ากัน
ชายหนุ่มถือดาบพูดขึ้น “ผู้อาวุโสเย่คนนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ”
กู่ฮั่นหัวเราะลั่นและพูดขึ้น “ผู้อาวุโสเย่ นี่เป็นเรื่องที่ท่านกล่าวเองนะ! หากแพ้ขึ้นมาท่านต้องก้มคารวะข้า 6 ครั้ง!”
เย่หยวนตอบกลับไปอย่างไม่คิดมาก “ได้สิ ข้ารักษาคำพูดตัวเองเสมอ”
เมื่อกู่ฮั่นได้ยินแบบนั้นเขาก็ปล่อยพลังอันน่าเกรงขามออกมาในทันที
ในการต่อสู้ที่ผ่าน ๆ มานั้นกู่ฮั่นไม่เคยที่จะใช้พลังเต็มที่เลย
แต่คราวนี้เขาตัดสินใจที่จะลงมืออย่างเต็มแรง
เพราะชายคนตรงหน้านี้มันทำให้เขาเกิดอิจฉาขึ้นมา!
เขาในฐานะยอดอัจฉริยะนั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีใครกล้ามาท้าทายเขามากถึงขนาดนี้!
เขาไม่เคยนึกเคยฝันว่าเด็กหนุ่มที่อ่อนกว่าตัวเองมากคนนี้จะได้กลายเป็นผู้อาวุโสของหอโอสถ
นั่นมันทำให้เขาต้องอับอายและถือเป็นการดูถูกเขาอย่างหนึ่ง
“เพลิงวายุสุริยันลับ!”
สองแนวคิดผสานกันอย่างลงตัว พลังวิญญาณสองขั้วถูกปล่อยออกมาพร้อมด้วยพลังแนวคิดที่แสนปั่นป่วน
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึง
เพราะพวกเขาทั้งหลายไม่เคยรู้เลยว่ากู่ฮั่นจะเก่งกาจได้ขนาดนี้!
ดูเหมือนว่าช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่เขาจัดการกับยอดอัจฉริยะของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มานี้ เขาจะไม่เคยเอาจริงเลยสักครั้ง!
ตอนนี้ไฟเคลื่อนไหวไปตามแนวลม และลมเป่าโหมไฟให้รุนแรงขึ้น การโจมตีของไฟและลมอันแสนรุนแรงกำลังพุ่งลงมาหาเย่หยวนอย่างจัง
พลังของมันนั้นทำให้แม้แต่คนที่ยืนดูอยู่ไกล ๆ ยังใจสั่น
แต่ทว่าเย่หยวนกลับยังสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับว่าเขาไม่คิดที่จะหลบแม้แต่น้อย
ได้เห็นแบบนั้นกู่ฮั่นจึงพูดขึ้นด้วยเสียงหัวเราะลั่น “รนหาที่ตาย!”
เพราะนี่คือการโจมตีที่เขามั่นใจที่สุด แต่เย่หยวนกลับไม่คิดที่จะหลบเลี่ยงมันเสียด้วยซ้ำ หากไม่ใช่การรนหาที่ตายแล้วมันจะเป็นอะไรไปได้อีก?
แต่ในวินาทีต่อมากู่ฮั่นก็ต้องเบิกตาโพลงในทันที
“เป็นไปไม่ได้! ทำไม… ทำไมมันถึงกลายเป็นเช่นนี้?!” กู่ฮั่นพูดออกมาด้วยสีหน้าสุดตื่นตะลึง
เพราะการโจมตีของจู่ฮั่นนั้นจู่ ๆ มันก็หายไปก่อนจะทันได้แตะตัวเย่หยวน
เมื่อมันปรากฏออกมาอีกครั้ง การโจมตีนั้นก็เลยผ่านเย่หยวนไปไกลแล้ว
ตู้ม!
แรงระเบิดทำให้พื้นสั่นไหวอย่างรุนแรง การโจมตีนี้พุ่งเข้าสู่ค่ายกลป้องกันไปเต็ม ๆ
“ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกัน? ผู้อาวุโสเย่ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่นิด ทำไมการโจมตีของศิษย์น้องเล็กถึงได้พุ่งผ่านตัวเขาไปเช่นนั้นกัน?”
ชายหนุ่มถือดาบหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมากก่อนจะพูดขึ้น “แนวคิดแห่งห้วงมิติ! นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
และเป็นศิษย์น้องของเขาคนหนึ่งที่พูดขึ้นตาม “แนวคิดแห่งห้วงมิติ? ศิษย์พี่ใหญ่ท่านแน่ใจรึ? อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอย่างเขาจะสามารถใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติได้อย่างไรกัน?”
ชายหนุ่มถือดาบยาวยังคงมีสีหน้าตื่นตะลึงไม่เปลี่ยน เขาพูดขึ้น “มันต้องเป็นแนวคิดแห่งห้วงมิติแน่ ๆ ไม่มีทางผิดพลาด! ที่สำคัญความเข้าใจในแนวคิดแห่งห่วงมิติของเขายังสูงส่งมาก ศิษย์… ศิษย์น้องเล็กแพ้แล้ว! เขาไม่มีโอกาสชนะได้เลย! ก็ว่าสิว่าทำไมผู้อาวุโสเย่ถึงกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมา ที่แท้เขาก็สามารถควบคุมแนวคิดแห่งห้วงมิติได้นี่เอง!”
ตอนนี้สีหน้าของกู่ฮั่นนั้นแดงจนแทบดำ เขากัดฟันแน่นก่อนจะตะโกนขึ้น “ข้า… ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะจัดการเจ้าลงไม่ได้!”
พูดจบร่างของกู่ฮั่นก็ขยับทันที เขามุ่งหน้าตรงเข้าหาเย่หยวนราวกับสายฟ้าฟาด
ตอนที่ 1615 น้ำตาตก
“แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก…”
ตอนนี้กู่ฮั่นกำลังหายใจเข้าออกอย่างรุนแรงด้วยความเหนื่อยล้าจนปราณเทวะในร่างแทบจะหมดสิ้น เขาแทบจะล้มลงด้วยความเหนื่อยอ่อนได้ทุกเมื่อ
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามไปอีกมากมายแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้แม้แต่ชายเสื้อ
ตอนนี้ผู้คนที่มุงดูนั้นกำลังจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบงันจนแทบลืมหายใจ
พวกเขาทั้งหลายนั้นรู้ดีว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติมันแข็งแกร่งมากมายขนาดไหน มันเป็นหนึ่งในสุดยอดแนวคิด
แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครได้เห็นมันมากับตา
วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งหลายได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของแนวคิดแห่งห้วงมิติอย่างแท้จริง!
ไม่มีใครในที่นี้คิดว่ากู่ฮั่นนั้นอ่อนแอ การเข้าใจแนวคิดถึงสองอย่างได้นั้นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ แล้ว ความสามารถของเขานั้นเหนือล้ำฟ้า
หากจะบอกว่าแข็งแกร่งจนคนรุ่นเดียวกันไม่มีทางสู้ได้ก็คงไม่ผิดนัก
แต่ทว่าคนระดับนั้นกลับไม่สามารถจับต้องได้แม้แต่ชายเสื้อของเย่หยวน!
นั้นทำให้ทุกคนเข้าใจได้ทันทีว่าหากเย่หยวนอยากจะสังหารกู่ฮั่นลง เขาก็คงสามารถทำได้ง่าย ๆ ในพริบตา
“ข-แข็งแกร่ง! นี่หรือคือแนวคิดแห่งห้วงมิติ? จะไร้เทียมทานเกินไปแล้ว!”
“การควบคุมมิติทำให้การโจมตีของอีกฝ่ายนั้นไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วแบบนี้จะไปสู้ยังไง?”
“ไม่แปลกใจเลยว่าเขาว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติเป็นสุดยอดแนวคิด ด้วยพลังระดับนี้นักยุทธที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าคงไม่สามารถต่อกรกับผู้อาวุโสเย่ได้เลย!”
…
ตอนนี้หลาย ๆ คนเริ่มกลับมาตั้งสติได้พร้อมความเข้าใจในพลังฝีมือของเย่หยวนอีกครั้ง
ด้วยพลังระดับนี้ มันคงมีแต่อาณาจักรราชันพระเจ้าเท่านั้นที่จะเทียบเคียงได้
“ข้า… ข้าแพ้แล้ว! ฮึ่ก ฮึ่ก… ข้าแพ้!” กู่ฮั่นยอมแพ้พร้อมน้ำตาที่ค่อย ๆ ร่วงหล่น
ใช่แล้ว เขากำลังร้องไห้!
วันนี้เป็นความล้มเหลวครั้งแรก ความล้มเหลวที่เขาไม่ได้พบมาหลายร้อยปี
มันไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาสิ้นหวังได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย
นื่ทำให้ความโอหังของเขาแตกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี
ด้านโอสถ ถูกบดทำลายอย่างไม่เหลือชิ้นดี
ด้านยุทธ เขาไม่สามารถแม้แต่ที่จะแตะต้องร่างกายของอีกฝ่ายได้
อัจฉริยะ?
นี่มันตัวตลกชัด ๆ
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนั้นพวกเขาต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ากู่ฮั่นจะถึงขั้นร้องไห้น้ำตาตก
แต่หากลองคิดดูดี ๆ มันก็ไม่น่าแปลกนัก
เพราะการมาเจอกับเย่หยวนนั้นมันก็คือโศกนาฏกรรมดี ๆ นี่เอง
มันผิดพลาดมาตั้งแต่เริ่มแล้ว
หากไม่เป็นเช่นนี้มีหรือที่เย่หยวนจะขึ้นไปยืนอยู่บนตำแหน่งผู้อาวุโสได้?
ตอนนี้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ เริ่มเกิดความสงสารต่อตัวกู่ฮั่นผู้โอหังคนนี้ขึ้นมาแล้ว
ความสงสาร
ในเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ภาพลักษณ์ที่กู่ฮั่นแสดงออกมาคือตัวตนแห่งความหยิ่งยโส จนทำให้ผู้คนที่เห็นต้องรู้สึกรังเกียจ มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้คนที่เห็นต้องเกิดขัดใจขึ้นมา
แต่เมื่อได้มองดูเขาในตอนนี้ สุดท้ายกู่ฮั่นก็ยังเป็นแค่เด็ก
แม้กู่ฮั่นจะมีอายุมากกว่าเย่หยวนไม่น้อย แต่เขานั้นไม่มีประสบการณ์ต่าง ๆ นา ๆ ที่เย่หยวนได้เจอมา เขาจึงไม่สามารถทำตัวให้เยือกเย็นได้แม้จะถูกชื่นชมหรือเย้ยหยันเหมือนเย่หยวน
แต่เย่หยวนก็ไม่เคยคาดคิดว่ากู่ฮั่นจะเป็นถึงขนาดนี้ หลังยืนจ้องอยู่นานในที่สุดเย่หยวนก็เข้าไปตบบ่าของเขา “แพ้ชนะมันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ตอนนี้เจ้าแค่แพ้ข้าชั่วคราว หาใช่เรื่องใหญ่ไม่”
กู่ฮั่นยกมือขึ้นมาปัดมือของเย่หยวนทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดพร้อมทั้งน้ำตา “ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสาร! คิดจะใช้ชัยชนะนี้เพื่อเย้ยหยันข้ารึ? ฝันไปเถอะ”
ภาพนี้ทำให้ความสงสารที่ทุกคนเคยมีให้กู่ฮั่นจางหายไปในพริบตา
แต่เย่หยวนกลับตอบไปอย่างไม่ได้แสดงท่าทีโกรธใด ๆ ”เจ้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องทำแบบนั้นรึ?”
กู่ฮั่นสำลักขึ้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาหันไปมองเย่หยวนและพยายามจะเปิดปากออก แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร
ใช่แล้ว เพราะเย่หยวนนั้นมันอยู่ห่างจากเขาไปคนละโลกเลย!
เกียรติศักดิ์ศรีใด ๆ ของเขานั้นมันไร้ค่าเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าเย่หยวน!
เขาคนนี้คือผู้อาวุโสของหอโอสถ สุดยอดตัวตนผู้มีอำนาจในเมืองจักรพรรดินี้
ส่วนตัวเขาเองล่ะ?
เขานั้นเองก็เป็นยอดคนผู้มีโอกาสสูงที่จะได้กลายเป็นผู้มีอำนาจในเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์เช่นกันในวันข้างหน้า
แต่เรื่องนั้นมันต้องใช้เวลาอีกหลายต่อหลายปี
และเวลาเหล่านั้นช่องว่างของเขากับเย่หยวนก็จะมีแต่ยิ่งเพิ่มขยายขึ้น ไม่ใช่ลดลง!
เย่หยวนยิ้มขึ้นก่อนจะหันมาพูดกับกู่ฮั่นอีกครั้ง “เจ้านั้นเห็นพลังของข้าแล้ว แต่เจ้าไม่ได้เห็นว่าข้าผ่านอะไรมาบ้าง ความแข็งแกร่งไม่เคยปรากฏออกมาอย่างลอย ๆ การที่ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้มันไม่ใช่แค่เรื่องของพรสวรรค์ ข้าขอยอมรับเลยว่าพรสวรรค์ของเจ้านั้นเหนือล้ำ แต่อีกพันปีหมื่นปีข้างหน้าเจ้าอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ายอดศิษย์เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราเสียด้วยซ้ำ! เพราะฉะนั้นหากเจ้าอยากจะมาลองฝีมือมีหรือที่เราจะเกี่ยง แต่การกระทำของเจ้ามันล้ำเส้นจนเกินไป เราจึงไม่อยากต้อนรับเจ้า”
เมื่อกู่ฮั่นได้ยินแบบนั้นเขาถึงได้รู้เหตุผลที่ว่าทำไมเย่หยวนถึงได้ออกมาจัดการกับตัวเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ นี่เขาทำอะไรล้ำเส้นไปอย่างนั้นหรือ?
การชนะคู่ต่อสู้และทำลายชื่อเสียงของอีกฝั่งจนสิ้น เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคนที่เขาชนะ แน่นอนว่าคนเหล่านั้นไม่มีทางยินดีแน่ ๆ
“ข้า.. ข้าผิดไปแล้ว!” กู่ฮั่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก
ชายหนุ่มถือดาบยาวคนนั้นแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะเขาได้ยินว่าศิษย์น้องเล็กของตัวเองยอมรับผิดต่อหน้าคน!
ศิษย์น้องเล็กที่แสนหยิ่งผยองของพวกเขากลับยอมรับผิดออกมา!
นั้นทำให้ทุกคนหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ชายหนุ่มผู้หยิ่งยโสคนนี้กลับยอมรับผิดออกมาต่อหน้าผู้อาวุโสเย่!
สุดยอด!
เย่หยวนหันไปมองกู่ฮั่นด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ต่อให้เจ้าจะชนะอัจฉริยะของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปได้จนหมด ข้าก็ไม่คิดที่จะสนใจหรอก แต่หากเจ้าชนะแล้วอยากทำให้ผู้คนต้องอับอาย ข้าจะไม่ทน! เมื่อเจ้าคิดจะตบหน้าคนทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ข้าในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ต้องออกมาสั่งสอนเจ้าเสียบ้าง จงไปเถอะ ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าอนาคตในวันข้างหน้าของเจ้านั้นจะมีเส้นทางให้เลือกอย่างไม่จำกัด แต่หากเจ้ายังคิดอวดดีเฝ้าดูถูกคนอื่นอยู่แบบนี้ สักวันเจ้าต้องได้พบกับความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่แน่ วันนี้ข้าแค่มาเพื่อสอนบทเรียนแก่เจ้า แต่วันหน้าศัตรูของเจ้าคงจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เช่นนี้”
กู่ฮั่นกัดฟันแน่นและกล่าวขึ้น “ข้า… ขอขอบคุณผู้อาวุโสเย่ที่อบรบสั่งสอน!”
พูดจบกู่ฮั่นก็ก้มหัวลงคารวะเย่หยวนสามคราตามสัญญาก่อนจะหันหน้าเดินจากไป
ชายหนุ่มถือดาบยาวและพรรคพวกศิษย์ที่เหลือจึงตามกู่ฮั่นไปทันทีด้วยความกลัวว่ากู่ฮั่นอาจจะคิดสั้น
ศิษย์พี่คนหนึ่งเดินเข้ามาหากู่ฮั่นและพูดขึ้น “ศิษย์น้องเล็ก เจ้า… เจ้าอย่าได้เก็บมันมาใส่ใจเลย การแพ้ชนะมันเป็นเรื่องราวปกติของโลก ครั้งหน้าเจ้าแค่ต้องชนะให้ได้ก็พอแล้ว!”
กู่ฮั่นหันมามองขวางใส่ “ศิษย์พี่ ท่านคิดจริง ๆ รึว่าข้าจะชนะเขาได้?”
ศิษย์พี่คนนั้นแทบสำลักทันทีที่ได้ยิน เขาอยากจะตอบยกลับไปว่าได้ แต่เขาเองก็รู้ดีว่ามันคงไม่มีทาง กู่ฮั่นคงไม่มีปัญญาที่จะไล่ตามเย่หยวนได้ไปตลอดชีวิต
ความห่างชั้นของทั้งสองนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ความพยายามจะมาทดแทนได้!
กู่ฮั่นหันหน้ามาหาทุกคนและกล่าวออกไปต่อหน้าชายหนุ่มถือดาบยาว “ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องของสมบัติล้ำค่าในครานี้ ข้าเองก็อยากจะไปด้วย!”
ชายหนุ่มถือดาบจึงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขาคาดเดาจิตใจของศิษย์น้องคนนี้ได้ก่อนแล้ว “ข้าไม่เกี่ยงหรอก แต่… สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับท่านอาจารย์!”
กู่ฮั่นพยักหน้าและหันหลังเดินจากไป
…
“ชิ ชิ ผู้อาวุโสเย่นี่เป็นผู้อาวุโสเย่จริง ๆ สุดยอดที่สุด!”
“อืม เจ้าเด็กคนนั้นมันอวดเก่งมาหลายวัน แต่ผู้อาวุโสเย่ไม่ใช่แค่ทำให้มันร้องไห้ออกมาได้ เขาทำได้ถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายยอมรับผิดออกมา ข้าขอยอมรับนับถือเลยจริง ๆ”
“ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะจากไหนมา เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสเย่พวกเขาก็ต้องเจอกับโศกนาฏกรรม!”
“ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสเย่นี่เป็นมือสังหารอัจฉริยะแท้ ๆ ซ่งฉีหยางเองก็คนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังมากู่ฮั่นอีก”
…
การที่เย่หยวนชนะอย่างราบคาบจนอีกฝ่ายต้องน้ำตาตกนั้นทำให้ผู้คนเดินกลับออกไปอย่างโล่งจิตโล่งใจ
การแพ้พ่ายของกู่ฮั่นนั้นเป็นอะไรที่ทุกคนต่างคาดเดาได้มาแต่แรก
แต่พวกเขาทั้งหลายก็ไม่เคยคิดเลยว่ากู่ฮั่นจะถึงกับยอมรับในความผิดของตัวเองออกมาด้วยท่าทางที่จริงใจขนาดนั้น
การกระทำของยอดอัจฉริยะคนนี้มันทำให้ผู้คนต่างต้องตกตะลึง
ส่วนที่ด้านหนึ่งของตัวอาคาร ในที่สุดหลิงจี้คุนก็ถอนหายใจยาวและหันไปกล่าวกับต่อหรงซู “อ่า หรงซู มันเกือบได้เวลาแล้วนี่ เรามาเริ่มคุยเรื่องธุระกันเลยดีกว่า”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น