Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1586-1591
ตอนที่ 1586 ขีดสุดแห่งการทำลาย!
Ink Stone_Fantasy
การแข่งเพื่อเข้าสู่หอโอสถอย่างเต็มตัว ไม่มีใครยอมใครแน่นอนในเวลานี้
ทุกคนต่างต้องการเข้าไปรับตำแหน่งในนั้นกันหมด ส่วนผู้ใดรู้สึกว่าอ่อนแอกว่า ยามนี้ไม่มีรั้งรอนปลดปล่อยความสามารถทั้งหมดที่มีออกมา จนใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ
ศึกปะทะไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ ต้องใช้ทักษะการควบคุมที่สูงล้ำมาก
หากเปลวไฟมีขนาดใหญ่เกินไปอาจกลายมาเป็นเป้าหมายร่วมของทุกคน หากผู้มีเปลวไฟเล็กเกินไปก็อาจสร้างความไม่พอใจแก่ผู้คนจนถึงรุมโจมตีได้เช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน จำต้องควบคุมเปลวไฟเพื่อเลี่ยงหลบทุกรูปแบบ
อาจกล่าวได้ว่าศึกควบคุมไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ จำต้องทำหลากหลายอย่างพร้อมกัน
สำหรับนักหลอมโอสถที่ยอดเยี่ยมจำต้องมีทักษาะการควบคุมไฟที่เยี่ยมยอดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ซ่งฉีหยางกลับเหรงหลงในความแกร่งกล้าของตนเองเสียเหลือเกิน ยามนี้ควบแน่นไฟศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นมังกรไฟมหึมา นอกเหนือจากคนฝ่ายเดียวกับเขา มังกรไฟมหึมานี้พุ่งเข้าล้างผลาญสรรพสิ่งวินาญสูญ
นี่เป็นการต่อสู้ของพวกเขาก็จริง แต่ในทำนองเดียวกันก็เป็นการต่อสู่ระหว่างตัวแทนผู้อาวุโสทุกคนเช่นกัน
ยิ่งเขากำจัดศัตรูมากเท่าไหร่ นั้นก็ยิ่งทำให้ฝ่ายของเขามีแต้มมากขึ้นเท่านั้น
การประลองไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ยังเป็นการจัดอันดับของเหล่าเยาชนไปในตัว คนที่เหลือคนสุดท้ายคืออันดับหนึ่ง
ดังนั้นตราบใดที่จำนวนคนที่ถูกคัดออกครบหนึ่งร้อยคนเมื่อใด ที่เหลือบนเวทีก็มั่นใจได้เลย
ในเวลานี้เองภาพเสมือนจริงเป็นรูปลักษณ์ต่างๆทุกชนิดรูปแบบ กระจายสัประยุทธ์เดือดดุทั่วทั้งเวที
ในเสี้ยวพริบตา ซ่งฉีหยางก็ปราบปรามผู้คนไปกว่าสิบราบ เสมือนกับว่าเขากำลังเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าล่าสังหารไม่หยุดยั้ง
ผู้อาวุโสใหญ่ลูบเคราพลางยิ้มร่าบนแท่นที่นั่งอันทรงเกียรติอย่างสุดแสนพึงพอใจ เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจในตัวซ่งฉีหยางยิ่ง
“ผู้อาวุโสใหญ่ ฉีหยางคนนี้จักต้องอนาคตไกลแน่นอน! เคล็ดมังกรฟ้าดับโลกันตร์ของเขาเปรียบเสมือนงานศิลปะชั้นปรมาจารย์!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเร่งกล่าวประจบประแจงทันที
หรงซูยิ้มกว่างกล่าวตอบว่า
“หุหุ เด็กคนนี้นับว่าเร็วไม่น้อย แต่ยังห่างจากข้อกำหนดที่ข้าตั้งไว้มาก! นี่ยังไม่ดีพอ!”
ผู้อาวุโสคนนั้นยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่เป็นอาจารย์เข้มงวด จึงกวดขันจนลูกศิษย์โดดเด่นประดุจเพรชงาม! แม้ว่าเคล็ดมังกรฟ้าดับโลกันจตร์นี้ยังไม่เพียงพอเทียบเคียงระดับชั้นพวกเรา แต่ในบรรดาจอมเทพโอสถสามดาวทั้งหมด ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้แน่นอน!”
หรงซูกล่าวตอบว่า
“นั้นเป็นเรื่องจริง ทักษะการควบคุมไฟของฉีหยางใกล้เคียงจอมเทพโอสถสี่ดาวเต็มทนแล้ว เป็นไปได้ยากมากที่จะเสาะหาใครสักคนที่เหนือกว่าเขาในรุ่นระดับเดียวกัน”
‘หึหึ ข้าไม่ปล่อยให้ขยะเข้าหอโอสถไปง่ายๆหรอก! วันนี้ข้าจะสำแดงเดชให้เห็นเองว่า ศิษย์ของผู้อาวุโสรองทุกคนมันล้วนอ่อนหัด! ข้าจะกำจัดมิให้เหลือแม้แต่คนเดียว!’
ซ่งฉีหยางระเบิดหัวเราะอย่างเยือกเย็นภายในใจ
ทันทีทันใด สายตาของเขาก็เหลียวเข้าจับจ้องไปที่หนิงซืออวี๋
“เหอะ เริ่มจากเจ้าคนแรกที่แหละนังตัวดี! ใครดันไปขอให้เจ้าไปเข้าใกล้เย่หยวนก่อนกัน!”
รอยยิ้มแสยะร้ายปรากฏขึ้นบนมุมปาก ซ่งฉีหยางกระดิกนิ้วเล็กน้อย มังกรไฟมหึมานั้นหันหน้าไปที่หนิงซื่ออวี๋พร้อมพุ่งจู่โจมไฟศักดิ์สิทธิ์ของนางโดยตรง
ไฟศักดิ์สิทธิ์ของหนิงซื่ออวี๋เป็นวิหคเพลิงอมตะตัวน้อยที่แสนงดงาม ในบรรดาไฟศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดดูจะมิได้โดดเด่นนัก
หากซ่งฉีหยางมิได้เร่งเป้าหมายเป็นนางตั้งแต่แรก เขาเองคงไม่ทันสังเกตเห็นวิหคเพลิงอมตะตัวน้อยนี่ได้เลย
สิทธิ์ในการเข้ารับตำแหน่งในหอโอสถ ไม่มีใครคิดว่าสิทธิ์นั้นจะตกเป็นของนางสักคน
ความสามารถและพรสวรรค์ของหนิงซื่ออวี๋ค่อนข้างดีเลิศ แต่ในท้ายที่สุดนางยังเด็กเกินไป
หลายสิ่งอย่างคล้ายกับซ่งฉีหยาง อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะทะลวงขึ้นเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวได้ นับว่ามีหน้ามีตาอยู่บ้างในหอโอสถ
เว้นเสียแต่ คนเหล่านี้ไร้ซึ่งพลังหาใช่คู่มือของซ่งฉีหยางได้เลยเท่านั้น
“หื้ม? ซ่งฉีหยางเล็งเป้าไปที่หนิงซื่ออวี๋? เด็กนั้นพาลเกินไปแล้ว!”
“เหอะ เหอะ ดูเหมือนว่าซ่งฉีหยางคิดจะขับไล่และกำจัดศิษย์ของผู้อาวุโสรองทุกคนจริงๆ!”
“หากจะโทษต้องโทษผู้อาวุโสเย่! แต่เดิมเองซ่งฉีหยางยังไว้ไมตรีอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับเป็นศัตรูกันโดยสมบูรณ์!”
…
ซ่งฉีหยางติดตามทุกการกระทำของหนิงซื่ออวี๋ ยามนี้เขากำลังหาทางจัดการปราบปรามนางอยู่
มังกรไฟมหึมากลืนกินเจ้านกน้อยนี่ดูจะง่ายดายเกินไป
เหล่าผู้อาวุโสเองต่างก็คิดเช่นนั้น
และซ่งฉีหยางเองก็คิดเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามทันทีที่พุ่งชนปะทะกันกลับเปิดภาพฉากที่ไม่คาดฝันขึ้น! ทุกคนต่างตกตะลึงในทันใด!
“พร๊วดดด!”
วิหคเพลิงอมตะตัวน้อยกลับแหลมคมดั่งเพชร ปราดพุ่งทะลวงเจาะร่างของมังกรไฟมหึมาโดยตรง!
มังกรไฟมหึมานตัวนั้นคล้ายว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ยามนี้ร่างของมันเลือนลางลงไปอย่างมาก
ขุมพลังความดุร้ายหาได้เทียบเคียงเท่ากันกับแต่ก่อน
มังกรไฟมหึมาตัวนั้นสั่นสะท้านทั่วกายา เริ่งปรากฏร่องรอยความเสียหาย
ซ่งฉีหยางตื่นตกใจอย่างยิ่ง และรีบเรียกมังกรไฟกลับมาทันที
แต่อย่างไร มันยังไม่จบ!
เพียงชั่วพริบตาขณะ ได้เห็นวิหคเพลิงอมตะตัวนั้นตีปีกบิดพลิ้วเลี้ยวกลัวมา พร้องกระหน่ำโจมตีมังกรไฟไม่หยุดหย่อน
“พร๊วด!”
“พร๊วด!”
“พร๊วด!”
วิหคเพลิงอมตะตัวน้อยเล็กมาก มันพุ่งทะลวงเจาะจนร่างมังกรไฟมหึมากลายเป็นรูพรุนเต็มไปหมด
“นี่…นี่เกิดอะไรขึ้น? ไฉนวิหคเพลิงอมตะของหนิงซื่ออวี๋แข็งแกร่งปานนั้น?”
“ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่? ไม่ว่าจะมองอย่างไร วิหคเพลิงอมตะตัวน้อยกลับไม่มีอะไรโดดเด่นเลย!”
“สวรรค์ ยามนี้ทุกอย่างกลายเป็นจริงตรงหน้าแล้ว! มิใช่ว่าซ่งฉีหยางจะตกรอบแรกหรอกรึ?”
…
หลังจากสุ้มเสียงประหลาดใจของทุกคนดังลั่นสนั่นทั่วทั้งบริเวณ
ผลลัพธ์ที่ออกมาเช่นนี้ต่างสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนมากมายเหลือเกิน
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงวิหคตัวเล็กๆตัวหนึ่ง ทว่าใครจะคาดถึงว่า แท้จริงที่กลับทรงพลังปานนี้
สิ่งที่มิอาจปฏิเสธได้เลยก็คือ แม้ร่างของมันจะเล็กนิดเดียว แต่พละกำลังที่มีกลับมหาศาล!
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ซ่งฉีหยางอาจจะถูกคัดตกออกไปในรอบแรก!
สายตาของเขาเริ่มเบิกกว้าง เผยให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ตราผนึกบนมือเขาเริ่มแสดงความผิดปกติออกมาแล้ว
บูมมมม!
มังกรขนาดมหึมาตรงหน้าล้มลงโดยตรง!
หนิงซื่ออวี๋ระเบิดหัวเราะอย่างเย็นชา กล่าวว่า
“คิดหนี? คงง่ายปานนั้น?!”
มังกรไฟมหึมานถูกทะลวงเจาะจนแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ แม้ว่าไฟศักดิ์สิทธิ์ของซ่งฉีหยางยังไม่ดับไปสนิท ทว่ายามนี้กลับเหลือเพียงร่างมังกรตัวน้อยที่เรือนรางเต็มทน
ด้วยเคล็ดวิการควบคุมไฟของเขา ซ่งฉีหวางไม่มีทางยอมจำนนโดยง่าย
แต่ต่อจากนี้เขาจำต้องเลี่ยงการปะทะกับหนิงซื่ออวี๋ให้ได้มากที่สุด มิฉะนั้นเขาจักต้องตกรอบเป็นแน่!
ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือแค่นี้ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับหนิงซื่ออวี๋ได้เลย
ความประหลาดใจของเขาในยามนี้มิอาจขยับขยายใหญ่ไปมากกว่านี้ได้แล้วง เขาไม่เข้าใจเลยว่า ไฉนเคล็ดวิชาควบคุมไฟของหนิงซื่ออวี๋ไฉนถึงน่าเกรงขามปานนี้
ซ่งฉีหยางไม่เหลือเวลาใดๆให้ครุ่นคิด เราเร่งเร้าพลังปราณเข้าควบคุมตราผนึกบนฝ่ามือทันที เปลวไฟที่แตกละเอียดเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เป็นตัวมังกรขนาดเล็กกว่าก่อนหน้าถึงสองสามเท่า
“พร๊วดดด!”
ทว่าวิหคเพลิงอมตะของหนิงซื่ออวี๋ยังคงไล่ล่าพุ่งเข้าทะลวงใส่ร่างของมังกรกด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า
ซ่งฉีหยางสติขาดบ้าไปแล้ว!
‘ไม่มีทาง! ข้าต้องอยู่ต่อไป! ข้าต้องผ่านเข้ารอบ! หากถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกในวันนี้ อาจารย์ของข้าจะเสียหน้าครั้งใหญ่! ข้าไม่ยอม!’
ซ่งฉีหยางโห่ร้องตะโกนลั่นอย่างบ้าคลั่งภายในใจ
ไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ยามนี้ขุมพลังลดหลั่งเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
ถูกโจมตีดั่งติดอยู่ในกับดักจับตายซ้ำแล้วซ้ำเหล่า ท้ายที่สุดนี้มังกรของเขากลับมิอาจหนีวิหตเพลิงอมตะตัวนี้พ้นเสียที
วูบ! วูบ! วูบ!
ไฟศักดิ์สิทธิ์จำนวนหลากหลายดวงพวยพุ่งเข้าใส่วิหคเพลิงอมตะ เหล่ารุ่นน้องที่เคารพรักในตัวซ่งฉีหยางต่างยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือศิษย์พี่ของพวกเขาอย่างสุดกำลัง
รอยยิ้มแสยะเย็นเผยปรากฏขึ้นบนมุมปากของหนิงซื่ออวี๋ ตราผนึกบนฝ่ามือของเขาถูกปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว!
สงครามการเข่นฆ่าเริ่มขึ้นอีกครั้ง!
ตอนที่ 1587 อันดับแสนน่าอับอาย
Ink Stone_Fantasy
เสียงร้องคำรามดังขึ้นเล็กน้อย ทันทีทันใด ร่างของวิหคเพลิงอมตะตัวน้อยก็แปรเปลี่ยนคล้ายกระเรียนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
การปรากฏตัวของมันเปรียบเสมือนดวงสุริยันลุกโชนแสนแพรวพราวอย่างหาที่เปรียบไม่
เหล่าศิษย์รุ่นน้องของซ่งฉีหยางต่างเขาสกัดปิดกั้นหนิงซื่ออวี๋เจือความตื่นตระหนกเหลือเชื่อ พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ที่หนิงซื่ออวี๋ไล่ล่าจัดการศิษย์พี่พวกเขาซะจนหมดท่า นั้นยังหาใช้พลังทั้งหมดของนาง!
นี่คือวิหคเพลิงอมตะที่แท้จริง มันช่างทรงพลังอย่างมาก
วิหคเพลิงอมตะเป็นวิญญาณต้นกำเนิดแห่งไฟ แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา แต่มันก็เป็นรูปลักษณ์ที่สามารถปลดปล่อยพลังของไฟศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้มากที่สุด!
ในทางตรงข้าม มังกรไฟของซ่งฉีหยางกลับด้อยกว่าในเรื่องนี้
มิใช่ว่าไฟศักดิ์สิทธิ์จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามใจอิสระ สิ่งนี้ต้องขึ้นอยู่กับระดับความแรงในการควบคุม
ผู้อ่อนด้อยไร้ซึ่งทักษะ จะสามารถแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นสัตว์ระดับต่ำเท่านั้น
ผู้ใดที่สามารถแปรเปลี่ยนพลังไฟศักดิ์สิทธิ์ให้กลายมาเป็นมังกรได้เหมือนกับซ่งฉีหยาง นั้นถือว่าทรงพลังอย่างมาก
แต่ในบรรดาทักษะการควบคุมไฟ การจะผนึกก่อรูปขั้นเป็นวิหคเพลิงอมตะนับว่ายากกว่าร่างมังกรไม่รู้กี่เท่า
วิหคเพลิงตัวน้อยก่อนหน้าของหนิงซื่ออวี๋ นางทำไปเพื่อมิให้ตนเองกลายมาเป็นจุดเด่นก็เท่านั้น
รูปร่างที่เล็กจ๋อยแบบนั้น แสดงให้เห็นถึงทักษะการควบคุมเพลิงที่มิได้สูงมาก
แต่ในตอนนี้รูปร่างของวิหคเพลิงอมตะแตกต่างไปจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง!
การสร้างรูปแบบดังกล่าวขึ้นมาด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ จำต้องอาศัยทักษะการควบคุมที่สูงมาก คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางทำสำเร็จได้เลย
เมื่อซ่งฉีหยางเห็นภาพฉากนี้ ลูกตาของเขาแทบถลนออกมา
“หญิงสาวนางนี้แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด? หรือว่า…”
จากนั้นขาต่างอดเหลียวไปมองเย่หยวนมิได้ แต่พบว่ายามนี้สีหน้าเย่หยวนช่างไร้อารมณ์ความรู้สึกนัก จนมิอาจแยกแยะอารมณ์สุขหรือเศร้าโศกได้เลย
“เป็นไปไม่ได้! หากมันเป็นคนสอนสั่ง แต่ไฉนถึงไม่แสดงสีหน้าออกมาเลย? หรือเป็นผู้อาวุโสรองกัน! เขาซ่อนคมไว้ลึกปานนี้เชียว!”
วิหคเพลิงอมตะของหนิงซื่ออวี๋เปรียบเสมือนเครื่องจักรสังหารที่เคลื่อนผ่านที่ใดวินาศสิ้นที่นั่น!
ฝั่งผู้อาวุโสใหญ่หน้าเสียหนักแสนสลดใจในทันใด กลุ่มลูกศิษย์ของตนถูกกำจัดแทบไม่เหลือ!
“แข็งแกร่งยิ่ง! หนิงซื่ออวี๋แข็งแกร่งปานนี้เชียว? ทักษะการควบคุมไฟของนางลุถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”
“วิหคเพลิงอมตะนั้นราวกับมีชีวิตจริงๆ ที่ทั้งหน้าทึ่งและยิ่งใหญ่มากนัก นางทำขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“หากเปรียบทักษะการควบคุมไฟของนาง มังกรไฟของซ่งฉีหยางกลับกลายเป็นขยะทันตา!”
…
บนอัฒจันทร์สูง เหล่าผู้อาวุโสหลายคนต่างเบิกตาโตจับจ้องภาพฉากนี้ด้วยความตื่นตกใจยิ่ง
แม้แต่ซวนอี้เองยังประหลาดใจไม่ต่าง เบื้องลึกภายในตาฉายแววสับสนยิ่งเช่นกัน
เขาเหลือบมองไปที่เย่หยวนโดยมิตั้งใจ แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใดผ่านใบหน้าของเขาเลย
ซวนอี้ทราบดีว่า หลายวันมานี้หนิงซื่ออวี๋เอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนพักของเย่หยวนโดยตลอด และมิได้ออกมาเลย
ในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ นอกเหนือจากเย่หยวนก็ไม่มีใครอีกแล้วที่มีความสามารถปานนี้
เขายังไม่สามารถ หรงซูเองก็เช่นกัน!
สีหน้าการแสดงออกของหรงซูยามนี้บิดเบี้ยวแสนน่าเกลียดที่สุดในชีวิต เขาไม่คิดเลยว่า การประลองไฟศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ จะกลายมาเป็นภาพฉากการสังหารหมู่เพียงฝ่ายเดียว
หนิงซื่ออวี๋นางนี้เหี้ยมโหดเกินไป เป้าหมายทั้งหมดของนางล้วนแล้วแต่เป็นเหล่าศิษย์เชื้อสายของหรงซูทั้งนั้น และนางโค่นพวกเขาทั้งหมดแทบไม่เหลือ!
ในเวทีตอนนี้เหล่าศิษย์กำลังร่ำไห้ไปทั่วทุกมุม บางคนหลีกหนีลุกลี้ลุกลนเสมือนหนูอพยพ ไม่มีใครเลยที่กล้าเผชิญหน้ากับหนิงซื่ออวี๋
ในไม่ช้าไผศักดิ์สิทธิ์ภายในเวทีก็ลดจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ซ่งฉีหยางถูกศิษย์พี่สามของหนิงซื่ออวี๋ปิดฉากลงได้หลังจากผ่านไปครึ่งวัน
การต่อสู้ในช่วงเวลาสุดท้าย กล่าวได้ว่าเป็นศึกสายเลือดระหว่างศิษย์ของผู้อาวุโสรอง
หลังจากนั้นหนิงซื่ออวี๋ก็เอาชนะศิษย์พี่สามของนางลงได้ และคว้าอันดับหนึ่งไป!
เมื่อผู้ดูแลที่เป็นกรรมการประกาศผลการจัดอันดับในการประลองไฟศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ ผู้คนต่างตื่นตะลึงยิ่ง แม้แต่เจ้าตัวยังแทบไม่เชื่อสายตา
“ณ ขณะนี้ ขอประกาศผลการประลองทักษะการควบคุมเพลิงในรอบแรก อันดับหนึ่งได้แก่ หนิงซื่ออวี๋ อันดับสอง เจียงเต๋า อันดับสาม…อันดับที่เก้าสิบเจ็ด ซ่งฉีหยาง อันดับที่เก้าสิบแปด…”
ช่างเป็นอันดับที่แสนน่าอับอายยิ่งนัก!
ซ่งฉีหยางซึ่งเป็นที่รู้จักในนามอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเหล่าศิษย์ที่เป็นจอมเทพโอสถสามดาวทั้งหมด ทว่าตอนนี้เกือบไม่ผ่านเข้าสู่รอบที่สอง!
หากซ่งฉีหยางรู้ว่า เย่หยวนย้ำหนิงซื่ออวี๋ไว้แต่แรกว่า ห้ามปล่อยให้อีกฝ่ายถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกเด็ดขาด หากเขารู้จะรู้สึกอย่างไร?
เหล่าศิษย์เชื้อสายของผู้อาวุโสใหญ่แต่ละคนมืดมนอย่างหาที่เปรียบไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้อาวุโสใหญ่ เขาในยามนี้ไม่สามารถรักษาความสงบใจได้อีกต่อไป และทรุดตัวลงทั้งแบบนั้นคาที่นั่ง
ซ่งฉีหยางกัดฟันแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดขีด ใบหน้าของเขาแดงก่ำในทันใด
วันนี้กล่าวได้ว่า เขาเสียหน้าชนิดที่ถูกบดละเอียด!
เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ตัวเขาเองจะตกอยู่ใกล้อันดับร้อยขนาดนี้ ตัวเขาผ่านรอบแรกมาได้อย่างฉิวเฉียด
เมื่อเหลือบมองไปยังเหล่าศิษย์ของผู้อาวุโสรองด้วยสายตาแสนเคียดแค้น ซ่งฉีหยางก็ขบฟันแน่นเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยวาจาแสนเกลียดชังว่า
“พวกเจ้าจำไว้ให้ดี! ในรอบที่สอง ข้าจะชดใช้ทั้งต้นและดอก!”
บรรยายกาศบนอัฒจรรย์ที่นั่งยามนี้ค่อนข้างอึดอัด
ฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่อยู่เหนือกว่าทุกคน ดังนั้นแล้วโดยส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าล้ำเส้นเขาเท่าไหร่หนัก
ดังนั้นแม้ว่าฝ่ายผู้อาวุโสรองจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากแสดงความยินดีเช่นกัน
ดังนั้นทุกคนจึงก้มหน้าก้มตาลงไม่พูดอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้อาวุโสยังคงรู้สึกขอบคุณผู้อาวุโสรองและหนิงซื่ออวี๋อยู่ภายในใจ
การที่ฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่เอาชนะผู้คนอื่นๆชนิดกวาดล้างแทบทั้งหมด ทำให้สิทธิ์การผ่านเข้ารอบของเหล่าศิษย์ของผู้อาวุโสคนอื่นๆได้น้อยลงเช่นกัน การที่หนิงซื่ออวี๋มาช่วยกำจัดออกไปได้เช่นนี้ ทำให้เหล่าศิษย์ของพวกเขามีที่ยืนมากยิ่งขึ้น
แต่ตอนนี้หนิงซื่ออวี๋ก็สร้างความวุ่นวายให้ไม่น้อยเลย หลายคนที่เป็นตัวเกร็งของฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่ถูกกำจัดทิ้งแทบไม่เหลือ
สำหรับเรื่องพวกนี้เหล่าศิษย์ของผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างมีความสุขอย่างยิ่ง
“ฮ่าๆๆๆ! เจ้าศิษย์น้องตัวแสบ เจ้าช่างน่าทึ่งโดยแท้!”
“หลังจากนี้ข้าต้องมองเจ้าใหม่แล้วจริงๆ พัฒนาการในช่วงสิบวันนี้ของศิษย์น้องช่างน่าสะพรึงเกินไป!”
ลวี่อี้ยังยกนิ้วให้และเอ่ยชมขึ้นว่า
“เจ้าตัวแสบ เจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ! ด้วยทักษะการควบคุมไฟของเจ้า แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่คนนี้ยังไม่กล้ารับประกันเลยว่าจะเอาชนะเจ้าได้! ท่านปรมาจารย์เย่ช่างน่าทึ่งโดยแท้! เขาใช้เวลาเพียงสิบวันก็ทำให้เจ้าพัฒนาถึงเพียงนี้!”
หนิงศื่อมุ่ยหน้าเอ่ยกล่าวอย่างไม่พอใจว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่คิดเอ่ยชื่นชมพรสวรรค์ของน้องคนนี้เลยรึไง! พรสวรรค์ข้าเองก็หาใช่ธรรมดา! มิใช่เอาแต่ชมท่านปรมาจารย์เย่อย่างเดียว!”
ลวี่อี้หัวเราะกับตัวเอง พลางเอ่ยกล่าวว่า
“อย่ากล่าวแบบนั้นไป! ท่านปรมาจารย์เย่เป็นคนอาวุโสที่ควรเคารพ จะข้ามหน้าข้ามตาชมเจ้าได้อย่างไร?”
“เจ้า!”
หนิงซื่ออวี๋กระทืบเท้าไปมาด้วยความโกรธ ทำเอาทุกคนรอบข้างพลางระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น
คล้อยหลังระเบิดหัวเราะจนอิ่มเอิ่มใจกันแล้ว ติงซุนก็เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยว่า
“เจ้าตัวแสบ บอกพวกเรามาเลย ท่านปรมาจารย์เย่ฝึกพิเศษอีท่าไหนให้เจ้าในช่วงสิบวันมานี้ ถึงทำให้ทักษะการควบคุมไฟของเจ้าพัฒนาขึ้นผิดหูผิดตา?”
รูม่านตาดำของหนิงซื่ออวี๋หดแคบตีบลงทันใด เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นโดยมิตั้งใจ
เห็นได้ชัดว่าสิบวันแห่งประสบการณ์อันแสนขมขื่น หาใช่ประสบการณ์ที่น่าพอใจนักสำหรับนาง
มัน…แม้กระทั่งคำว่าน่ากลัวยังน้อยเกินไปกับสิ่งที่นางพบเจอ!
“ศิษย์พี่สอง ท่านไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามข้าอีกแล้ว! หากท่านสนใจไฉนถึงไม่ไปขอรอท่านปรมาจารย์เย่ให้สอนท่านเองล่ะ?”
หนิงซื่ออวี๋กล่าวตอบ
กลุ่มศิษย์พี่แลกเปลี่ยนสบตากันเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ตระหนักดีว่า สิบวันมานี้ศิษย์น้องของพวกเขาเองก็หาใช่ใช้ชีวิตราบรื่นนัก
ในทางตรงกันข้าม พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆว่า ศิษย์น้องของพวกเขาต้องเผชิญพบประสบการณ์ที่แสนโหดร้ายปานใด
แต่ในเมื่อศิษย์ของพวกเขาทนได้ พวกเขาเองก็น่าจะทนได้เป็นธรรมดา
เมื่อนึกถึงทักษะการควบคุมไฟของศิษย์น้อย แววตาของเหล่าศิษย์พี่ก็เริ่มช่างแววมุ่งมั่นขึ้นทันที
สำหรับนักหลอมโอสถ ทักษะการควบไฟเป็นเรื่องที่สำคัญเกินไป
ทักษะการควบคุมไฟที่แข็งแกร่งจะส่งให้เม็ดโอสถที่หลอมกลั่นได้แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย!
“ตอนนี่เหล่าผู้พิทักษ์จงก้าวขึ้นสู่เวที เตรียมการประลองรอบแรก ทักษะการควบคุมไฟ!”
ผู้ดูแลซึ่งทำหน้าที่กรรมการเอ่ยกล่าวขึ้นมา
การประลองทักษะการควบคุมไฟนี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ เหล่าผู้พิทักษ์หรือก็คือเหล่าจอมเทพโอสถสี่ดาวยังต้องต่อสู้ชิงชัยเพื่อรับสิทธิ์ในการเข้าสู่หอโอสถ
ในท้ายที่สุดนี้ ลวี่อี้ก็เป็นลองเล็กน้อยและถูกศิษย์พี่ใหญ่ของฝ่ายหรงซูโค่นลงไปได้
เว้นเสียแต่ทักษะการควบคุมไฟของลวี่อี้ต่างทำให้เหล่าศิษย์คนอื่นๆของหรงซูส่ายหัว และต้องเหงื่อแตกพลักด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน
เมื่อเห็นเย่หยวนหลอมกลั่นโอสถกับตาในรอบนั้น ก็ทำให้ลวี่อีพัฒนาขึ้นรอบด้านเช่นกัน
ปัจจุบันความแข็งแกร่งของเขาเหนือชั้นกว่าตนเองในอดีตขึ้นอีกก้าวหนึ่งแล้ว
หลังจากจากประลองทักษะการควบคุมไฟเสร็จสิ้นลง รอบที่สองก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า
ตอนที่ 1588 ความมั่นใจแสนท่วมท้น
Ink Stone_Fantasy
ความแตกต่างระหว่างสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กับสมุนไพรวิญญาณสามัญ คือสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จักมีเศษเสี้ยวศาสตร์แห่งสวรรค์เร้นแฝงอยู่ภายใน
ฐานะที่เป็นจอมเทพโอสถ การหลอมรวมศาสตร์แห่งสวรรค์ลงในเม็ดโอสถจึงเป็นความสามารถที่พึงกระทำได้อยู่แล้ว
แต่ก็เห็นได้ชัดว่านี่มิใช่งานง่ายๆเลย
นักหลอมโอสถสามารถเลือกที่จะไม่ทำความเข้าใจกับศาสตร์แห่งสวรรค์เหล่านั้นได้ แต่พวกเขาจำต้องมีความเชี่ยวชาญในการผสานรวมศาสตร์แห่งสวรรค์เหล่านั้นลงไป นี่คือจุดที่จะชี้วัดความเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งโอสถของแต่ละคน
ในแง่นี้ เย่หยวนเหนือชั้นกว่านักหลอมโอสถคนอื่นๆอย่างไม่ติดฝุ่น
อันที่จริงแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับการเข้าใจศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อย่างถ่องแท้ หากเทียบกับที่เข้าใจเพียงผิวเผิน สิ่งเหล่านั้นกลับไม่จีรัง
ดังนั้นแม้ว่าจะมีนักหลอมโอสถมากมาย แต่ผู้ที่สามารถเข้าถึงขอบเขตความเข้าใจชั้นสูงกลับมีน้อยมาก
สำหรับขอบเขตแห่งเต๋าไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเลย
และการประลองในรอบที่สองคือ การพัฒนาเต๋า คือการชักนำศาสตร์แห่งสวรรค์จากในสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา
นี่เป็นทักษะโดยพื้นฐานของจอมเทพโอสถทุกคน!
เมื่อเปรียบเทียบกับการหลอมกลั่นโอสถแล้ว การดึงศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมาจากสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กลับทำได้ค่อนข้างง่ายกว่ามาก
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงวาจาเท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์ปกติ สำหรับจอมเทพโอสถสามดาว การจะดึงเอาคุณสมบัติของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาถึงสามในสิบส่วนก็นับว่าดีมากแล้ว
สามารถดึงออกมาได้จากห้าในสิบส่วน พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่เป็นระดับแนวหน้าโดดเด่นกว่าฝูงชน
ผู้ที่สามารถดึงออกมาได้เจ็ดในสิบส่วน ทอดสายตาในบรรดาผู้คนระดับชั้นเดียวกัน นับเป็นระดับปรมาจารย์แห่งยุค
ส่วนเก้าในสิบส่วนนั้นเป็นเพียงตำนาน
แน่นอนว่าสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บางประเภทค่อนข้างง่ายในการดึงเอาคุณสมบัติออกมา ในขณะที่บางชนิดกลับเป็นเรื่องยากยิ่ง สิ่งเหล่านี้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ในเวลานี้เอง สมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชนิดก็ถูกจัดเรียงไว้หน้าโต๊ะของทุกคน นี่คือสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้แข่งขันในรอบที่สอง
“โสมโลหิตสวรรค์อายุขัย! หยกจักจั่นอมตะ! ต้นสนกฎราชัน! พวกมันล้วนเป็นสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามที่ขึ้นชื่อเรื่องความยาก!”
“จบแล้ว มันจบแล้ว! สมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชนิดนี้ยากยิ่งในการดึงเอาคุณสมบัติออกมา แล้วนี่จะทำอย่างไร?”
“การประลองครั้งนี้ดูท่าจะล้มเหลวโดยเปล่าประโยชน์หรือไม่? ต่อให้เอาผลลัพธ์จากการชักนำคุณสมบัติของสมุนไพรทั้งสามชนิดรวมกัน ข้ายังได้คะแนนไม่ถึงหนึ่งส่วนด้วยซ้ำ!”
…
สมุนไพรวิญญาณทั้งสามชนิดนี้ แต่ละชนิดจะมีคะแนนเต็มสิบ เมื่อดึงคุณสมบัติออกมาได้หนึ่งในสิบส่วนเท่ากับได้รับหนึ่งคะแนน
สุดท้ายนี้จะรวมคะแนนที่ได้จากทั้งสามเพื่อจัดอันดับต่อไป
สมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้รวมกันไม่ถึงสิบคะแนน นั้นหมายความว่า พวกเขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยที่จะชักนำคุณสมบัติออกมาได้แม้แต่เศษเสี้ยว
เศษเสี้ยวศาสตร์แห่งสวรรค์ที่อยู่ภายในสมุนไพรวิญญาณทั้งสามชนิดนี้มีความซับซ้อนและยากที่จำจะสกัดออกมา
ชนิดโอสถที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรเหล่านี้ กล่าวได้ว่าความยากในการหลอมกลั่นค่อนข้างสูงมาก!
ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงสร้างปัญหาให้อย่างมาก
แต่ซ่งฉีหยางก่นเสียงเย็นภายในใจ เขากล่าวว่า
“เจ้าพวกโง่เขลา ทั้งๆที่อ่อนแอปานนี้ แต่ก็ยังคิดที่จะผ่านเข้าสู่รอบที่สาม? เหอะ หนิงซื่ออวี๋ เจ้าตกรอบนี้แน่นอน!”
เพื่อความยุติธรรมในการประลองหอโอสถ สมุนไพรที่ใช้ในการแข่งในรอบที่สองนี้ที่ได้รับการคัดเลือกจากเหล่าผู้อาวุโสแห่งหอยุทธ์ที่มีความเป็นกลาง มากชื่อเสียงและได้รับการเคารพจากทุกคน
แม้แต่ผู้อาวุโสแห่งหอโอสถก็ยังไม่รู้ว่ามีชนิดใดบ้าง
อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีกำแพงบนผืนพิภพแห่งนี่ที่ปิดกั้นสรรพสิ่งได้ หรงซูตระเวนสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลในการประลองรอบนี้มาแล้วจากหน่วยข่าวลับ และแจ้งให้ซ่งฉีหยางกับคนอื่นๆรู้ตัวก่อน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหล่าศิษย์เชื้อสายของเขาได้เปรียบกว่าคนอื่น
เว้นเสียแต่ หรงซูกลับไม่คิดเลยว่า การแข่งในรอบแรกเหล่าศิษย์ของเขาจะตกรอบกันระนาวขนาดนี้ จึงมีหลายคนที่ไม่มีโอกาสใช้ข้อมูลในจุดนี้ให้เป็นประโยชน์
อย่างไรก็ตามซ่งฉีหยางก็ได้ฝึกซ้อนเตรียมตัวมาก่อนแล้วล่วงหน้า การจะคว้าอันดับหนึ่งหาใช่ปัญหาเลย
หรงซูมิได้ให้ความสนใจกับการประลองในระดับชั้นผู้พิทักษ์เลย เพราะเขาตระหนักดีขึ้นความแข็งแกร่งของลวี่อี้ และยากยิ่งที่ศิษย์ฝ่ายเขาจะทัดเทียมได้
แต่การประลองระดับชั้นศิษย์ในรอบแรก เขาเสียหน้าแทบไม่เหลือดี
ในรอบที่สองเขาต้องคว้าชัยชนะกลับมาให้ได้!
เขาไม่เชื่อว่าหนิงซื่ออวี๋จะสามารถเอาชนะซ่งฉีหยางได้อีกในรอบนี้!
“รอบที่สองเริ่ม! เริ่มจากอันดับที่หนึ่งร้อย!”
ผู้ดูแลที่เป็นกรรมการเอ่ยกล่าวขึ้น
เมื่อกล่าวจบ ก็มีศิษย์คนหนึ่งเดินถือเครื่องรางนภาสวรรค์เลิศล้ำออกมา และตรงมาหยุดลงต่อหน้าศิษย์อันดับที่ร้อย
สิ่งนี้คือ เครื่องคัดแยกเต๋า สามารถดึงเอาคุณสมบัติของศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมาได้ผ่านวรยุทธหลอมกลั่นโอสถ
และมันก็ใช้เพื่อทดสอบคุณสมบัติที่ดึงออกมาได้คิดเป็นตัวเลขหนึ่งถึงสิบส่วน
ศิษย์คนนั้นหายใจเข้าลึกๆ ฝ่ามือของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยทำให้โสมโลหิตสวรรค์อายุขัยแตกเป็นผุยผง
จากนั้นเขาก็เริ่มดึงความศาสตร์แห่งสวรรค์ในโสมโลหิตสวรรค์อายุขัยออกมาอย่างรวดเร็ว และนำชิ้นส่วนเหล่านั้นเข้าเครื่องคัดแยกเต๋า
เกณฑ์วัดมีทั้งหมดสิบขั้น และในแต่ละขั้นยังมีขั้นเล็กๆอีกมากมาย เห็นได้ชัดว่าเครื่องนี้มันแม่นยำเพียงใด
ศิษย์คนนั้นใช้พละกำลังทั้งหมดของตน และดึงชิ้นส่วนของศาสตร์แห่งสวรรค์เข้าสู่เครื่องคัดแยกเต๋าด้วยท่าทีหมดหวัง แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร เกณฑ์การวัดกลับหยุดลงเพียงขั้นที่สามเท่านั้น
แววผิดหวังสาดสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน เขารู้ว่าตนหมดโอกาสเข้าสู่รอบที่สามไปแล้วไม่ว่าอะไรจากเกิดขึ้น
รอบที่สองจะทำการกำจัดออกไปเจ็ดสิบคนและเหลือเพียงสามสิบคนเพื่อเข้าสู่รอบที่สาม
เห็นได้ชัดว่าภายใต้ผลคะแนนของเขา มันไม่มีสิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้เลย
แน่นอนว่า การดึงเอาคุณสมบัติออกมาจากสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อีกสองชนิด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ค่อยดีนัก
มีแม้แต่หนึ่งในสองชนิดนั้นที่เกณฑ์วัดไปไม่ถึงขั้นที่สาม
“หวังเหิง โสมโลหิตสวรรค์อายุขัย สามจุดสอง หยกจักจั่นอมตะ สามจุดสอง ต้นสนกฎราชัน สองจุดเก้า คะแนนรวมเก้าจุดสาม!”
ผู้ดูแลที่เป็นกรรมการป่าวประกาศเสียงดังฟังชัด
เมื่อเหล่าผู้คนได้ฟังผลลัพธ์ ต่างก็ใจสั่นระรัว
ไม่มีใครกล้าล้อเลียนซ้ำเติมหวังเหิงสักคน เพราะพวกเขาต่างทราบดีว่าสมุนไพรวิญญาณศักดดิ์สิทธิ์ทั้งสามชนิดนี้มากยากเพียงใด
หากให้พวกเขาลงมือทำเอง ผลที่ได้คงมิได้ดีไปกว่าหวังเหิงเลย
แน่นอนว่าศิษย์อันดับที่เก้าสิบเก้า ยังทำได้แย่กว่าหวังเหิงด้วยซ้ำ
ผลงานของศิษย์อันดับที่เก้าสิบแปด ก็มิได้ทำให้ผู้คนประหลาดใจเท่าไหร่นัก
“ศิษย์อันดับที่เก้าสิบเจ็ด ซ่งฉีหยาง!”
ผู้ดูแลเอ่ยกล่าวเสียงดังฟังชัด
เมื่อตรงมาอยู่ต่อหน้าสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ความมั่นใจที่แตกสลายไปก่อนหหน้ายามนี้กลับเพิ่มพูนเติมเปี่ยมอีกครั้ง
เขาค่อนข้างตื่นเต้นมาก!
เพื่อประโยชน์ของการประลองในวันนี้ ซ่งฉีหยางเคยฝึกสกัดคุณสมบัติออกจากสมุนไพรทั้งสามชนิดออกมาก่อน
เมื่อตอนที่เขาอยู่สู่สภาวะสุดยอด เขาเคยสามารถทำคะแนนได้มากถึงสิบเจ็ดแต้ม!
ไม่ควรมองว่ามันเป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด เพราะคะแนนขนาดนี้นับว่าสูงมาก
ซ่งฉีหยางคลี่ยิ้มกว้าง ฝ่ามือสั่นกระเพื่อมรุนแรง โสมโลหิตสวรรค์แยกชิ้นส่วนแตกออกมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในขณะนี้วรยุทธหลอมกลั่นอันน่าสะพรึงของซ่งฉีหยาง ถูกเผยแสดงเป็นประจักษ์ต่อหน้าทุกคนแล้ว ชิ้นส่วนของศาสตร์แห่งสวรรค์ถูกนำมาเข้าเครื่องคัดแยกเต๋าอย่างไม่หยุดหย่อน
ระดับเกณฑ์วัดเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
“จุจุ ศิษย์พี่ซ่งช่างน่าทึ่งโดยแท้! เขาพลาดท่าอย่างไม่น่าให้อภัยจริงๆในรอบแรก แต่ในรอบที่สองเขากำลังตีตื้นกลับมาแล้ว!”
“ฝ่ามือลวงสวรรค์ลี้ลับได้สำเร็จถึงขั้นสูงสุดแล้ว!”
“เกินสี่คะแนนไปแล้ว! ดูเหมือนว่าโสมโลหิตสวรรค์อายุขัยของศิษย์พี่ซ่งจะต้องมีอย่างน้อยห้าจุดห้าแต่มเป็นแน่! นี่นับว่าน่าประทับใจจริงๆ”
…
ความแข็งแกร่งของซ่งฉีหยางไม่อาจโต้แย้งได้ก็จริง การใช้วรยุทธหลอมกลั่นนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบชื่นหัวจิตหัวใจนัก
เหล่าศิษย์น้องของซ่งฉีหยางต่างจับจ้องเขาด้วยสายตาแสนเลื่อมใสยิ่งยวด
ในที่สุดเครื่องคัดแยกเต๋าก็หยุดนิ่งไม่ขยับต่อไป ผลที่ได้คือห้าจุดเจ็ดคะแนน
“ฮ่าๆๆ…วันนี้ข้าค่อนข้างมือขึ้น! สังหรณ์ใจได้ว่าวันนี้ข้าอาจทำคะแนนได้เกินสิบเจ็ดแต้ม! ตอนนี้ข้าต้องคว้าที่หนึ่งได้แน่นอน!”
เมื่อเห็นผลลัพธ์ตัวเองที่ห้าจุดเจ็ดคะแนน ซ่งฉีหยางก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
สิบเจ็ดคะแนนก่อนหน้าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา และตอนนี้ซ่งฉีหยางได้แปรเปลี่ยนความโศกเศร้าและคับแค้นเป็นพลัง และสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างน่าประหลาดใจ
สิ่งนี้ทำให้ความมั่นใจของเขากลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
ซ่งฉีหยางเหลือบสายตาเย้ยหยันใส่หนิงซื่ออวี๋เล็กน้อย ในขณะที่นางแลบลิ้นใส่อีกฝ่ายทันทีที่เห็นแบบนั้น
ตอนที่ 1589 ความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่ในการสั่งสอนศิษย์ยังคงขาดตกอยู่!
Ink Stone_Fantasy
ซ่งฉีหยางในวันนี้กลับได้ว่าสภาพดีถึงขีดสุด!
สมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่สอง หยกจักจั่นอมตะ เขาได้คะแนนสูงถึงห้าจุดแปดคะแนน
ในเวลานี้ซ่งฉีหยางรู้สึกราวกับ วิญญาณของตนแทบพุ่งออกจากร่าง เสมือนไร้เทียมทานภายใต้สรวงสวรรค์
“ฮ่าๆๆ นังตัวดี ข้าอยากจะเห็นเจ้าเสียจริงว่าจะมีปัญญาทำได้สักกี่น้ำ!”
ซ่งฉีหยางระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่น
ในที่สุดสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ หรงซูก็เผยให้เห็นรอยยิ้มประกาย เขาพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า
“หุหุ เขาคงพยายามไม่น้อยเลยหลังจากเสียหน้าในรอบแรก! ฉีหยางคนนี้น่าประทับใจจริงๆ!”
“จุจุ ยังคงเป็นผู้อาวุโสใหญ่ที่สั่งสอนเขามาเป็นอย่างดี! ฉีหยางไม่มีตื่นสนามใดๆเมื่อเผชิญกับอันตราย อันดับของเขาจักต้องทะยานขึ้นอยู่ชั้นแนวหน้า!”
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเร่งกล่าวประจบประแจงทันที
“สายตาของผู้อาวุโสใหญ่ช่างเฉียบแหลม! ฉีหยางคนนี้จักต้องประสบความสำเร็จอย่างมากแน่นอนในอนาคต!”
เมื่อผู้อาวุโสใหญ่ได้ฟังคำสรรเสริญเหล่านี้ เขาก็รู้สึกยินดีปรีใจเป็นอย่างยิ่ง
เขารับทราบดีว่า ซ่งฉีหยางเป็นดั่งผลงานชิ้นเอกของเขา ศิษย์คนนี้โดดเด่นเสียยิ่งกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของตนเองเสียอีก
หรงซูกังวลอย่างยิ่งว่า ซงฉีหยางจะได้รับผลกระทบจากรอบแรกจนทำให้ผลลัพธ์ในรอบที่สองตกลงตามไปด้วย
เมื่อเฝ้ามองภาพฉากปัจจุบัน เขาก็ทราบทันทีว่าความกังวลก่อนหน้าช่างไร้สาระสิ้นดี
อีกไม่นานนัก ซ่งฉีหยางก็สกัดเอาคุณสมบัติของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่สามได้เสร็จสิ้นเพียงอึดใจ
สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชนิดนี้ ซ่งฉีหยางทำได้ทั้งหมดหกจุดแปดคะแนน!
ผลรวมจากสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชนิด เขากวาดคะแนนไปสูงถึงสิบเจ็ดจุดสามคะแนน!
ไม่ควรดูถูกแค่ว่าศูนย์จุดสามคะแนน เพราะสำหรับซ่งฉีหยางนี่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่!
ระดับเกณฑ์วัดของเครื่องตรวจสอบนี้มิได้เพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่เท่าเดิม ยิ่งมีศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมามากเท่าไหร่ต่อจากนั้นการสกัดก็ยิ่งจะเป็นไปได้ยากขึ้นเท่านั้น
หลังจากสกัดออกมาเกินห้าส่วน การสกัดหลังจากนั้นกลับทำได้ยากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ซ่งฉีหยางที่พัฒนาขึ้นเล็กน้อย ทว่าความเป็นจริงมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาเพียรพยายามหนักปานใด
นอกจากนี้ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ได้สิบเจ็ดคะแนน
ผลงานของซ่งฉีหยางต่างทำให้ฝูงชนกล่าวชื่นชมยกย่องในทันใด
“หุหุ เขายังคงเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ระดับชั้นจอมเทพโอสถสามดาว! ความแข็งแกร่งของซ่งฉีหยางไร้ซึ่งข้อกังขาใด! เรื่องที่พ่ายให้แก่หนิงซื่ออวี๋เป็นเพียงเรื่องเล็กไปเลย!”
“ถูกต้อง มีหลายคนบอกว่าเขาอาจแกร่งกล้าไปกว่าผู้อาวุโสใหญ่ก็เป็นได้ในอนาคต ข้าคิดว่าเรื่องกลับหาใช่เป็นเท็จ!”
“สมุนไพรที่มีความซับซ้อนปานนี้ แต่เขาสามารถไต่ไปได้ถึงสิบเจ็ดจุดสามคะแนน นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!”
…
ซงฉีหยางรู้สึกโล่งใจอย่างที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รสหวานหลังจากความขื่นขมเป็นอะไรที่หวานหอมชื่นใจที่สุดแล้ว!
บนอัฒจรรย์สูง ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มและกล่าวกับซวนอี้ว่า
“ผู้อาวุโสรอง สิบเจ็ดจุดสามคะแนนเช่นนี้ สงสัยเสียจริงว่าซื่ออวี๋นางนั้นจะทำคะแนนได้สูงเท่านี้หรือไม่?”
เมื่อวาจาคำกล่าวนี้เอ่ยดังออกมา ทุกสายตากลับเบนหันเข้าหาซวนอี้กันเป็นตาเดียว
ยั่วยุกันเกินไปแล้ว!
นี่มันยั่วยุกันต่อหน้าทุกคนชัดๆ!
พวกเขายามนี้ต่างต้องการเห็นเสียว่า ผู้อาวุโสรองที่แสนใจดีต่อปากต่อคำไม่เก่งคนนี้ จะสามารถสู้อีกฝ่ายกลับไปได้หรือไม่
แต่ถึงอย่างไร ในมุมมองของพวกเขา สำหรับผู้อาวุโสรองแล้ว การจะเอาชนะอีกฝ่ายเพื่อโต้คืน กลับยากเกินเป็นไปได้
สิบเจ็ดจุดสามคะแนน นับเป็นตัวเลขที่สูงมาก
เปลือกตาของผู้อาวุโสรอคลายอ่อนเปิดขึ้นเล็กน้อย แต่ปฏิกิริยาของเขากลับนอกเหนือความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง เขาหันไปกล่าวกับเย่หยวนว่า
“ผู้อาวุโสเย่คิดเห็นอย่างไร?”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
นางดเป็นศิษย์ของเขาเองมิใช่รึ? แต่ไฉนดดันไปถามคนอื่น?
อย่างไรก็ตาม ซวนอี้ไม่รู้จริงๆว่าสถานการณ์ของหนิงซื่ออวี๋ในปัจจุบันไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
เป็นเวลาสิบวันเต็มที่หนิงซื่ออวี๋หายไปอยู่ในจวนพักของเย่หยวน ซึ่งระหว่างนั้นซวนอี้ก็ไม่รู้อะไรเลย
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการของนางกลับสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดจริงๆ!
ไม่ว่าจะเป็นทักษะการควบคุมไฟ หรือด้านอื่นๆ นางเองก็ควรพัฒนาด้วยเช่นกัน
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างเฉยเมยว่า
“แค่สิบเจ็ดจุดสาม? หุหุ คะแนนแค่นี้ยังกล้าเอาออกมาอวด? นี่หรือที่ว่าสูง? เห้อ…ความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่ในการสั่งสอนศิษย์ยังคงขาดตกอยู่!!”
ทั่วอัฒจรรย์สูงเงียบสงัดลงในทันใด เสมือนถูกของแข็งตีเข้าหัวจนรู้สึกมึนงงยิ่งต่อวาทะศิลป์อันยอดเยี่ยมของเย่หยวน
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยิน!
ในความเป็นจริงแล้ว ความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่ในการสั่งสอนศิษย์ แม้แต่ผู้อาวุโสรองยังเทียบชั้นไม่ติด
โดยพื้นฐานแล้ว เหล่าศิษย์สาวกแต่ละคนของซวนอี้ล้วนสามารถปราบปรามศิษย์เชื้อสายของผู้อาวุโสรองได้หมดสิ้น
แต่ตอนนี้กลับมีใครบางคนบอกว่า ความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่ในการสั่งสอนศิษย์ยังคงขาดตกอยู่!
ดวงตาของหรงซูหรี่เล็กลง เขาเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสุดเยือกเย็นขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสเย่ ข้าค่อนข้างกังขาเสียจริงว่า ท่านเป็นปรมาจารย์มากฝีมือจริงๆ หรือก็แค่จงใจเอ่ยวาจาใหญ่โขเพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้คน? สำหรับจอมเทพโอสถสามดาวที่สามารถไต่ได้ถึงสิบห้าคะแนนนับว่าน่าประทับใจยิ่งยวด การที่ได้รับสิบเจ็ดจุดสามคะแนนนับเป็นสถิติที่ดีที่สุดในการประลองหอโอสถแล้ว ทว่าท่านคิดว่าความสามารถในการสั่งสอนศิษย์กลับขาดตกไปงั้นรึ?”
เย่หยวนเม้มปากเอ่ยตอบอย่างเหยียดหยามขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่ ซ่งฉีหยางทำให้เราผู้อาวุโสขุ่นเคืองอย่างยิ่งในวันนั้น เราผู้อาวุโสย่อมคำนึงถึงตัวตนและมิอาจลดศีรษะลงไปสั่งสอนได้ด้วยตนเอง แต่นั่นมิได้หมายความว่าเราผู้อาวุโสจะยอมให้เด็กน้อยจอมเทพโอสถสามดาวกลั่นแกล้งได้ตามใจชอบ! ตอนนี้เราผู้อาวุโสไม่มีศิษย์สาวก จึงช่วยผู้อาวุโสรองสั่งสอนลูกศิษย์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไม่มีเจตนาอื่นใดนอกเสียจากสั่งสอนใครบางคนให้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ และต้องการบอกให้อีกฝ่ายได้ทราบว่า ศักดิ์ศรีของเราผู้อาวุโสไม่มีผู้ใดสามารถยั่วยุได้โดยง่าย!”
“ฟู่วว…”
เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างสูดไอเย็นแช่ม ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเย่หยวนจะเอ่ยกล่าววาจาแบบนี้ออกมาจริงๆ
ความหมายของเขาคือ หนิงซื่ออวี๋ก็เป็นศิษย์ในยามตนเช่นกัน
แต่อย่างไร พัฒนาการด้านทักษะควบคุมไฟของหนิงซื่ออวี๋ก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจริงๆ
เว้นเสียแต่คำพูดที่ว่า…เด็กน้อยจอมเทพโอสถสามดาว นี่มันหมายความอย่างไร?
พูดอย่างกับว่า ตัวเองมิใช่จอมเทพโอสถสามดาว!
หรงซูย่อมไม่เชื่อคำพูดของเย่หยวนเลย เขายิ้มและกล่าวต่อว่า
“เป็นเช่นนั้นรึ? ความหมายของเจ้าคือศิษย์ที่ข้าสั่งสอนมาหลายร้อยกลับอ่อนด้อยกว่าคนของเจ้าที่เพิ่งสั่งสอนมาได้ไม่กี่วัน? เจ้าหนุ่มอย่ากล่าวโอ้อวดให้มากเกินไป มิฉะนั้นอาจไม่มีคำแก้ตัวเมื่อถึงเวลา!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่มั่นใจได้ คำกล่าวของข้าเย่หยวนคนนี้ย่อมมีทางหนีทีไล่แน่นอน ฮ่าๆๆ!”
หรงซูรู้สึกว่าดย่หยวนคนนี้เป็นเพียงไม้เบื่อไม้เมาที่จ้องแต่กวนประสาท!
อย่าไปสนทนากับเด็กนี่ให้มากความ!
วิ่งบ้าตามอีกฝ่ายมีหรือจะนิ่งได้?
“หึ! ไร้สาระสิ้นดี!”
ผู้อาวุโสใหญ่ก่นเสียงตะคอกอย่างเย็นชา
ลวี่อี้และคนอื่นๆที่นั่งบริเวณด้านล่างต่างเงยหูขึ้นฟังต่างรู้สึสะใจอย่างหาที่เปรียบไม่!
ผู้อาวุโสเย่ยังถึงพริกถึงขิงเช่นเคย!
เมื่อทุกคนเหล่านั้นที่เปรียบดั่งกบใต้บ่อน้ำได้เป็นสักขีพยานต่อความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้อาวุโสเย่ พวกเขาต่างต้องตกตะลึงจนขากรรไกรค้างแน่นอน!
เมื่อนึกถึงสีหน้าการแสดงออกของผู้อาวุโสใหญ่หลังจากเถียงแพ้เย่หยวน พวกเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเกินจะหักห้าม
การสกัดคุณสมบัติของสมุนไพรยังคงดำเนินต่อไป แน่นอนว่าหลังจากซงฉีหยางก็ไม่มีภาพฉากใดให้ผู้คนตื่นตะลึงได้อีกเลย
อย่างต่ำก็สิบถึงสิบเอ็ดแต้ม ในบางครั้งดีขึ้นหน่อยจะอยู่ที่ประมาณสิบสี่ถึงสิบห้าแต้มเท่านั้น
ทว่าอย่างไร ยิ่งลำดับเคลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ คะแนนก็ยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับ
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สามารถปราบปรามไฟศักดิ์สิทธิ์ได้จนคว้าอันดับต้นตารางมา พวกเขาล้วนแต่มีฝีมือฉกาจยิ่ง
แต่เดิมซ่งฉีหยางควรได้อันดับต้นตารางด้วยซ้ำ สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะอุบัติเหตุในรอบแรก จึงทำให้อันดับต้องตกมาอยู่ที่ท้ายตาราง
ความเหลื่อมล้ำนับว่ามีไม่น้อย
ศิษย์พี่สามของหนิงซื่ออวี๋ที่ได้ซึ่งได้อันดับสองจากรอบแรก ยังทำได้แค่สิบหกจุดสามคะแนน ซึ่งแย่กว่าซ่งฉีหยางเสียอีก!
ตอนนี้ยังมีเหลือเป็นคนสุดท้ายนั้นก็คือ หนิงซื่ออวี๋
หากหนิงซื่ออวี๋ไม่สามารถทำได้เกิน สิบเจ็ดจุดสาม ซ่งฉีหยางก็จะขึ้นกลายเป็นผู้ชนะในรอบที่สอง
ครู่หนึ่งต่อมา ทุกคนต่างจับจ้องไปที่หนิงซื่ออวี๋
หนิงซื่ออวี๋ดูดหายใจเข้าแช่มลึก ฝ่ามือสั่นกระตุกแยกชิ้นส่วนโสมโลหิตสวรรค์อายุขัยในมือจนละเอียดเป็นเสี่ยง
ตอนที่ 1590 เคาะจังหวะสั่งการ
Ink Stone_Fantasy
ฟุบ!
ขณะที่หนิงซื่ออวี๋บดโสมโลหิตสวรรค์อายุขัยจนละเอียด นิ้วชี้เย่หยวนเคาะที่พักแขนแผ่วเบาตามจังหวะคล้อยไป
สายตาของหนิงซื่ออวี๋พลันเหลือบมองจ้องพินิจอยู่บนนิ้วของเย่หยวนอยู่ตลอด
เมื่อเห็นเย่หยวนเคาะนิ้วให้จังหวะ เวลานี้เองร่างของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ
การเคลื่อนไหวของหนิงซื่ออวี๋ยังคงห่างไกลจากความคล่องแคล่วแบบซ่งฉีหหยาง ดูท่าทางของนางค่อนข้างเงอะงะ
เมื่อทุกคนเห็นภาพฉากนี้ต่างพากันอดประหลาดใจมิได้
ทักษะเงอะงะเช่นนั้นหรือจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ?
“หุหุ นังนี่มันเล่นตลกหรืออย่างไร? ทักษะแบบนั้นหรือยังต้องการจะเอาชนะข้าให้ได้?”
ซ่งงฉีหยางระเบิดหัวเราะกับตัวเอง
ตึก! ตึก! ตึก!
นิ้วชี้เย่หยวนยังคงเคาะเป็นจังหวะต่อเนื่อง ทันทีทันใดท่าทางการเคลื่อนไหวของหนิงซื่ออวี๋ก็แปรเปลี่ยนไปทันที
ศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ถูกสกัดออกมาจากโสมโลหิตสวรรค์อายุขัยเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่เครื่องคัดแยกเต๋าไม่หยุดหย่อน
แต่เดิมผู้ดูแลที่เป็นกรรมการท่านนั้นประเมินไว้ว่า หนิงซื่ออวี๋จะไม่สามารถผ่านรอบนี้ไปได้ ทว่าเวลาผ่านพ้นไป รูม่านตาดำของเขาพลันหดเล็กเท่ารูเข็ม จับจ้องหนิงซื่ออวี๋แสนเหลือเชื่อ
ผู้ดูแลคนนี้อยู่ใกล้กับหนิงซื่ออวี๋มากที่สุด จึงสัมผัสถึงกลิ่นอายของศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ถูกสกัดออกมาได้ชัดเจน
ศาสตร์แห่งสวรรค์เหล่านี้มิได้กระจายสูญสลายออกมากนัก โดยส่วนใหญ่ล้วนถูกนำส่งเข้าเครื่องคัดแยกเต๋าโดยตรง
ตึก!
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
ตึก! ตึก! ตึก!
นิ้วชี้เย่หยวนยังคงเคาะไม่หยุดหย่อน บางครั้นคราวเปลี่ยนจังหวะต่างออกไป
หากมองจากมุมมองคนนอกจะดูเหมือนว่าเย่หยวนกำลังเคาะที่พิงเล่นอย่างเบื่อหน่าย
แต่หนิงซื่ออวี๋กลับเคลื่อนไหวตามจังหวะของเย่หยวน และเปลี่ยนท่าทางไปต่อเนื่องไม่ซ้ำ
ขณะเดียวกัน ระดับเกณฑ์ของเครื่องคัดแยกเต๋ายังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
สี่คะแนน!
ห้าคะแนน!
หกคะแนน!
เมื่อตรงถึงหกคะแนนมันกลับพุ่งไม่หยุดตรงสู่เจ็ดคะแนนโดยตรง!
ทุกคนต่างตกตะลึง ทักษะแปลกๆของหนิงซื่ออวี๋
เจ็ดคะแนนมันคือระดับปรมาจารย์ยอดฝีมือ!
ฝีมือการสกัดศาสตร์แห่งศาสตร์แห่งสวรรค์ของหนิงซื่ออวี๋เหนือชั้นถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
“อย่า…อย่าให้ถึงเจ็ดคะแนน! อย่าให้ถึงเจ็ดคะแนน!”
ซ่งฉีหยางร่ำร้องภายในใจด้วยความสิ้นหวัง หวังให้หนิงซื่ออวี๋หยุดมือโดยเร็ว
อย่างไรก็ตามแต่ หนิงซื่ออวี๋กลับมิได้มอบโอกาสให้แก่เขาเลย ระดับเกณฑ์วัดพุ่งไปถึงเจ็ดคะแนนโดยตรง!
อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่จบ!
หลังจากคะแนนพุ่งไปถึงเจ็ด ความเร็วก็เริ่มช้าลงจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า แต่มันยังคงไต่ขึ้นไปทีละนิด
ในที่สุดก็หยุดลงที่เจ็ดจุดสาม!
ทั้งบริเวณปราศจากสุ่มเสียงแสนเงียบงัน กินเวลานานกว่าห้าอึดใจค่อยมีเสียงอุทานไล่หลังตามมา
“เจ็ดจุดสาม! นี่มัน…วิปลาสเกินไป!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…หนิงซื่ออวี๋จักไต่เต้าถึงขอบเขตปรมาจารย์แล้ว!?”
“นี่มันเหลือเชื่อเกินไป! จอมเทพโอสถสามดาวหรือจะสกัดศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ถึงเจ็ดจากสิบส่วน?! แม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวยังมีเพียงไม่กี่คนที่ทำได้!”
…
เกณฑ์ของเครื่องคัดแยกเต๋าคือ ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งขึ้นยากมากขึ้นเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ผ่านเกณฑ์ขีดที่หกขึ้นไป ขยับเพิ่มแม้แต่จุดเดียวนับว่ายากประดุจขึ้นสวรรค์
แม้บางคนที่ขึ้นกลายเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว และความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถจะลึกซึ้งขึ้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะทะยานจากหกไปเจ็ดคะแนนทันตาเห็นเช่นนี้
แต่หนิงซื่ออวี๋กลับสามารถทำได้!
ความประหลาดใจถูกเขียนขึ้นทั่วทั้งใบหน้าของหรงซู แต่เดิมเขาเพียงต้องการพึ่งพาคะแนนที่สูงมากของซ่งฉีหยางเพื่อใช้ตบหน้าเย่หยวนกลางสาธารณชน
แต่ตอนนี้คะแนนของซ่งฉีหยางกลับกลายมาเป็นถังขยะต่อหน้าหนิงซื่ออวี๋ไปแล้ว!
ความตื่นตะลึงภายในใจของซวนอี้เองก็มิได้น้อยไปกว่าหรงซูเลยแม้แต่น้อย
เขาอดปากเอ่ยถามเย่หยวนมิได้เลยว่า
“ผู้อาวุโสเย่…ท่านทำได้อย่างไร?”
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเย่หยวนในขณะนี้ดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย และแสดงทีท่าไม่พอใจ เขากล่าวว่า
“นี่อุตส่าห์อนุมานให้ดูต่อหน้ายังทำออกมาได้แค่นี้ นางทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
กลุ่มผู้อาวุโสเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ชายคนนี้ตั้งใจเก๊กท่ากระมัง?
เจ็ดจุดสามคะแนน!
แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับบอกน่าผิดหวัง!
อันที่จริง พวกเขาไม่รู้เลยว่าการฝึกพิเศษของเย่หยวนที่มอบให้หนิงซื่ออวี๋นั้น มุ่งเน้นไปที่การประลองหอโอสถครั้งนี้โดยเฉพาะ
ในเวลาเพียงสิบวันมันมีน้อยเกินไปจริงๆ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะพัฒนาให้ความแข็งแกร่งของหนิงซื่ออวื๋ทะยานขึ้นสู่ระดับแสนน่าสะพรึง
แต่หากมุ่งเน้นแค่การคว้าชัยในงานประลองหอโอสถ เย่หยวนย่อมบันดาลให้หนิงซื่ออวี๋สมหวังได้อย่างง่ายดาย
ทักษะที่หนิงซื่ออวี๋ใช้ไปเมื่อครู่เป็นทักษะการเคลื่อนไหวที่ถูกเย่หยวนสร้างขึ้นสำหรับการแข่งนี้โดยเฉพาะ เพื่อสร้างแนวทางให้หนิงซื่ออวี๋ทำตามจังหวะของเย่หยวนให้รอดตลอดรอดฝั่ง
ทั้งหมดจะมีร้อนกระบวนเคลื่อนไหว เย่หยวนให้หนิงซื่ออวี๋ฝึกเช่นนี้วนไปโดยอาศัยการให้จังหวะของตน
จังหวะเคาะนิ้วของเย่หยวนเปรียบเสมือนรหัสลับให้แก่หนิงซื่ออวี๋ ทันทีที่นางได้ยินรหัสลับนี้น่าจะเปลี่ยนกระบวนดำเนินการแตกต่างกันไปตามที่เย่หยวนกำหนด ทั้งหมดก็เพื่อดึงศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมาให้ได้มากที่สุด
เพียงว่าหนิงซื่ออวี๋กลับไม่สามารถทำตามเย่หยวนได้ทั้งหมด แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ต่ำกว่าเก้าในสิบส่วนจากที่เย่หยวนหวังผลไว้เช่นกัน
ความเข้าใจของเขาต่อศาสตร์แห่งโอสถ หาใช่สิ่งที่คนอื่นใดสามารถเปรียบเทียบกันได้โดยง่าย
จาการประเมินของเย่หยวน อย่างน้อยนางต้องได้เจ็ดจุดห้าคะแนน ทว่าผลที่ออกมากลับแค่เจ็ดจุดสาม ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่พอใจเช่นนี้
ราวกับสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเย่หยวน หนิงซื่ออวี๋ที่ยืนอยู่บนเวทีพลันแลบลิ้นออกมาประดับท่าทีเขินอาย
การสกัดคุณสมบัติสมุนไพรยังคงดำเนินต่อไป หนิงซื่ออวี๋ยามนี้กลับสู่สภาวะสมดุลมีสมาธิจดจ่อ ประสิทธิภาพในการสกัดจักจั่นหยกอมตะดีกว่าก่อนหน้ามาก
ในที่สุดผลลัพธ์ของจักจั่นหยกอมตะของหนิงซื่ออวี๋ก็ออกมาอยู่ที่ เจ็ดจุดห้า!
สีหน้าการแสดงออกของซ่งฉีหยางยิ่งบิดเบี้ยวน่าเกลียดจนร้อนผ่าว ราวกับกำลังถูกใครบางคนกระหน่ำตบหน้า
ก่อนหน้านี้เขายังคงเป็นเขาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ คิดไปว่าชัยชนะในรอบที่สองจักต้องตกเป็นของเขาแน่นอน
ในไม่ช้า ผลคะแนนของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่สามก็ออกมา
เจ็ดจุดห้า!
คะแนนรวมของหนิงซื่ออวี๋อยู่ที่ยี่สิบสองจุดสามคะแนน!
เมื่อเทียบกับของซ่งฉีหยางแล้ว ของนางสูงกว่าตั้งห้าคะแนนเต็ม!
ห้าคะแนนนี้กล่าวได้ว่าเป็นช่องว่างความแตกต่างที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้
“เหลือเชื่อโดยแท้! สาวน้อยนางนี้คือหนิงซื่ออวี๋จริงๆรึ?”
“ผู้อาวุโสเย่น่าเกรงขามปานนั้นเชียว? ใช้เวลาแค่ไม่เท่าไหร่ก็สามารถสอนหนิงซื่ออวี๋ได้ถึงระดับนี้?”
“ศิษย์เชื้อสายของผู้อาวุโสใหญ่ ต่างไม่เหลือหน้าไว้มองใครได้แล้ว”
…
เย่หยวนเหลือบมองหรงซูด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่ สงสัยเสียว่าผลลัพธ์เช่นนี้ท่านยังมีอะไรกังขาอีกหรือไม่?”
ผู้อาวุโสใหญ่เผยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวว่า
“เจ้าหนุ่มอย่าเพิ่งลำพองใจไป! ในวันนี้เจ้าจักต้องประเผชิญพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่!”
เย่หยวนยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้นและกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่ราวกับเห็นข้าเป็นคนเอาแต่ใจกระมัง? ข้าเพิ่งขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสทว่าศิษย์ของท่านกลับห่อปัญหาให้ข้า ไฉนตอนนี้กล่าวราวกับข้าเป็นฝ่ายผิดกัน?”
ผู้อาวุโสใหญ่อดสำลักมิได้ ตะคอกเสียงเย็นตอกกลับไปว่า
“เจ้าหนุ่มอย่าอวดดีไป! เจ้ากับข้ายังมีนัดประลองกันอยู่!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ฮ่าๆ ข้าเองก็รอไม่ไหวแล้ว”
ทั้งสองต่างฟาดฟันกันด้วยฝีปากอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ส่วนเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆกลับนั่งเงียบเสมือนจักจั่นกลางฤดูหนาว
ผู้อาวุโสคนใหม่ใจถึงพึ่งได้โดยแท้
แม้แต่ผู้อาวุโสรองยังไม่กล้าต่อฝีปากกับผู้อาวุโสใหญ่ แต่เขาคนนี้กลับหาญกล้ายิ่งนัก!
ส่วนเรื่องที่ว่าเย่หยวนมีความสามารถจริงๆหรือไม่ ยามนี้ทุกคนยังเผยท่าทีสงสัยไม่คลายอ่อน
หากไม่เห็นกับตาตนเองคงยากที่จะเชื่อว่า จอมเทพโอสถสามดาวจะสามารถเอาชนะผู้อาวุโสใหญ่ได้จริงๆ
สำหรับหนิงซื่ออวี๋ พวกเขายังเชื่อเสียมากกว่าว่า เป็นผู้อาวุโสรองเองที่ใช้กลยุทธ์บางอย่างสั่งสอนศิษย์ตนเองจนเก่งขึ้นทันตาปานนี้
ตอนที่ 1591 เปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือ
Ink Stone_Fantasy
รอบที่สามเป็นการประลองหลอมกลั่นโอสถ
รอบนี้มิอาจใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆได้ กล่าวว่าเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมที่สุด
แต่เย่หยวนมิได้กังวลอันใดเลยในตัวหนิงซื่ออวี๋
หนิงซื่ออวี๋ในปัจจุบันหาใช่หนิงซื่ออวี๋อย่างที่ผ่านมาแล้ว
นางมีประสบการณ์เฝ้ามองขอบเขตแห่งเต๋าของเขามาก็หลายครั้นหลายครา ทั้งยังได้รับการฝึกพิเศษ หากนางยังไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถระดับสูงได้ เย่หยวนก็ขอเอาหัวฟาดกำแพงจนตายเสียดีกว่า
แน่นอนว่า หนิงซื่ออวี๋ยังมีพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์ ทั้งยังเข้าใจอะไรหลายๆอย่างได้อย่างรวดเร็ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่เย่หยวนเลือกนางมาฝึก
หากเป็นคนอื่น แม้เย่หยวนจะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาเห็นขอบเขตแห่งเต๋า แต่การจะพัฒนาฝีมือได้ภายในเวลาอันสั้นก็ยากเกินเป็นไปได้เช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ ครั้งแรกที่หนิงซื่ออวี๋ได้เห็นเย่หยวนหลอมกลั่นโอสถกับตา นางก็สามารถหลอมกลั่นโอสถปราณฤทัยสวรรค์ขั้นสูงได้แล้ว
“ฉีหยาง รอยนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า เจ้าจะแพ้ไม่ได้อีกแล้ว”
หรงซูยามนี้นั่งไม่ติดเก้าอี้ เขาใช้ช่วงเวลาพักลงจากอัฒจรรย์ไปหาซ่งฉีหยางเป็นการส่วนตัว เข้าอบรบชนิดตัวต่อตัว
ความตื่นตระหนกที่ส่องสะท้อนออกมาผ่านดวงตาของซ่งฉีหยางมองผ่านเห็นได้อย่างชัดแจ้ง เขาเองก็ไม่คิดเลยว่า วันนี้ตนจะมาพ่ายหมดท่าแบบนี้
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่สายตาของเขาอยู่เหนือศีรษะสูงมาโดยตลอด และดูถูกหยามเหยียดเหล่านักหลอมโอสถในระดับชั้นเดียวกันทั้งหมด
ทว่าตอนนี้เขากลับพ่ายให้กับเด็กสาวตัวเล็กๆนางหนึ่ง
เขารู้สึกราวกับความมั่นใจทั้งหมดที่เคยมีกำลังพังทลายลงมา!
“ท่านอาจารย์ สองรอบแรกทั้งๆที่ข้ามั่นใจ… เหนือไปกว่านั้นข้าก็ฝึกซ้อนเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายก็ยัง…”
หรงซูเข้าตบไหล่และกล่าวว่า
“แม้ข้าจะไม่สามารถจับผิดพวกมันได้ แต่สองรอบแรกมันต้องเอาชนะเราดด้วยวิธีโกงแน่นอน! แต่ในรอบที่สามนี้ เป็นการประลองหลอมกลั่นโอสถ ไม่มีลูกไม้เล่นตุกติกใดๆ เด็กนั้นไม่มีทางเปลี่ยนหนิงซื่ออวี๋เป็นคนละคนไปได้! ไม่ต้องคิดมาก ทำใจให้สงบเสีย! ตราบใดที่เจ้าเอาชนะรอบนี้ได้ อีกสองรอบนก่อนหน้าผู้คนย่อมมองข้ามไม่เอาความ! อย่าให้ความผิดหวังมาบั่นทอนความมั่นใจของเจ้า!”
ซ่งฉีหยางสูดหายใจเข้าลึกๆและพยักหน้ากล่าวว่า
“ข้ารู้ว่าข้าควรทำอย่างไรท่านอาจารย์!”
“เช่นนั้นก็ดี! หากเจ้ายังพ่ายในรอบที่สาม ก็อย่ามาเรียกข้าว่าอาจารย์อีกในอนาคต!”
เมื่อกล่าวจบ หรงซูก็สะบัดแขรนเสื้อจากไปโดยทิ้งให้ซ่งฉีหยางยืนนิ่งประดุจกิ่งไม้แห้ง
หรงซูคนนี้เป็นใครกัน? มีหรือที่เขาจะไม่ทราบว่าตอนนี้ซ่งฉีหยางกำลังคิดอะไรหรือลังเลใจอันใดอยู่?
นั้นจึงเป็นเหตุผลที่หรงซูกล่าวสะบั้นคำขาดด้วยไม้แข็งแบบนี้ ทั้งหมดก็เพื่อเรียกความมั่นใจของซ่งฉีหยางกลับคืนมา
หรงซูใช้ความเพียรพยายามอย่างหนักกับซ่งฉีหยาง แล้วเขาหรือจะทนได้อย่างไรที่ต้องไล่อีกฝ่ายออกจากอาณัติของเขา?
“การประลองรอบที่สาม หลอมกลั่นโอสถ! โอสถที่ต้องหลอมกลั่นก็คือ โอสถจิตสวรรค์วชิระพิโรธ!”
ผู้ดูแลที่เป็นกรรมการเอ่ยกล่าวขึ้น
โอสถจิตวสวรรค์วชิระพิโรธเป็นโอสถธาตุสายฟ้า ความยากในการหลอมกลั่นสูงมาก แทบจะเทียบเท่ากับโอสถประตูศิลาวายุเลยก็ว่าได้
ความยากของโอสถชนิดนี้นับว่าท้าทายฝีมือของทุกคนโดยแท้
อย่างไร ในรอบที่สามนี้หนิงซื่ออวี๋ก็ค่อนข้างเสียเปรียบอย่างชัดเจน
นางเป็นเพียงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลาง นางค่อนข้างด้อยกว่ามากในเรื่องปริมาณพลังปราณเทวะ
โอสถเหล่านี้ที่ระดับความยากสูงๆ ล้วนมีภาระในการหลอมกลั่นสูงมาก ทั้งในด้านสมาธิและพลังปราณเทวะที่นำจ่ายเป็นจำนวนมหาศาล
“ข้าสงสัยเสียว่า ในรอบที่สามนี้ หนิงซื่ออวี๋จะสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่!”
“หากไม่มีสองรอบแรก ข้าคิดว่าหนิงซื่ออวี๋ไม่มีทางทำได้แน่นอน! แต่ตอนนี้ข้ากลับตั้งตารอแล้ว!”
“ฟังว่าหนิงซื่ออวี๋ฝึกปรือหลอมกลั่นโอสถปราณฤทัยสวรรค์อยู่เป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเสียที โอสถจิตสวรรค์วชิระพิโรธหลอมกลั่นยากกว่าโอสถปราณฤทัยสวรรค์มากนัก นางจะทำได้จริงๆรึ?”
“หากผู้อาวุโสเย่สามารถหลอมกลั่นสอนในนางหลอมกลั่นได้สำเร็จจริงๆ ข้าเกรงว่าพรุ่งนี้หน้าประตูจวนพักของผู้อาวุโสเย่คงระเบิดแน่นอน!”
…
ในสองรอบแรก ทุกคนต่างพินิจวิเคราะห์หนิงซื่ออวี๋ในแง่ที่ไม้ดีเท่าไหร่นัก แต่ใครจะไปคิดว่า หนิงซื่ออวี๋กลับกลายมาเป็นม้ามืดตัวเต็ง ที่เข้าบดขยี้คู่แข่งทั้งหมด รวมไปถึงยอดอัจฉริยะอย่างซ่งฉีหยางจนยามนี้ท้อแท้ไปแล้ว
ดังนั้นทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอดูอยู่เช่นกัน
แต่บางคนที่ทราบเรื่องราวก่อนหน้านี้ของหนิงซื่ออวี๋ก็อดสงสัยมิได้ ว่านางจะหลอมกลั่นได้สำเร็จจริงๆหรือไม่
ทุกคนรอบข้างตรงเบนความสนใจตรงไปที่นาง แต่หนิงซื่ออวี๋ยามนี้ยังคงไม่ขยับไปไหน
เย่หยวนบอกนางว่าอย่าเพิ่งใจร้อนเป็นอันขาด ก่อนจะเริ่มลงมือหลอมกลั่นโอสถควรนึกถึงภาพฉากที่เขาเคยหลอมกลั่นโอสถให้ดูอย่างที่ผ่านมา และปรับสภาวะจิตและร่างกายขึ้นสู่สภาวะสุดยอด
หนิงซื่ออวี๋เชื่อฟังทุกคำพูดของเย่หยวนโดยธรรมชาติ ดังนั้นนางจึงไม่รีบร้อนเคลื่อนไหวใดๆ
“หื้ม? นางกำลังทำอะไรกันแน่? หรือเพราะทราบดีว่าตนไม่สามารถหลอมกลั่นมันได้ จึงจงใจไม่เคลื่อนไหว?”
สภาพจิตใจของซ่งฉีหหยางยามนี้กลับไม่สงบนิ่งเอาเสีย เขามิอาจคลายความสงสัยอดนึกถึงหนิงซื่ออวี๋มิได้
การกระทำอันผิดแปลกของหนิงซื่ออวี๋เตะตาของเขาอย่างจัง
ตอนนี้เขาก็ค่อนข้างสูญเสียความมั่นใจไปหลายส่วน เมื่อเห็นภาพฉากนี้ยิ่งครุ่นกังวลสงสัยเข้าไปใหญ่
“หึ!”
หรงซูกรนเสียงเย็นคำโต ซ่งฉีหยางสะดุ้งเฮือกได้สติในทันใดและเร่งมุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการหลอมกลั่นตรงหน้า
“ผู้อาวุโสใหญ่ การกระทำของท่านเช่นนี้…คล้ายว่าละเมิดกฎกระมัง?”
ซวนอี้ค่อยๆลืมตาพร้อมเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น
สีหน้าการแสดงออกของหรงซูพลันแปรเปลี่ยน ใบหน้าแดงระเรื่อ ใจสั่นระรัวเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า
“เราชายชราทำอะไรผิด?”
เห็นได้ขัดว่าเขาส่งสัญญาณให้ซ่งฉีหยางได้สติฟื้นตัวขึ้นโดยเจตนา ทว่าตอนนี้เขากลับปฏิเสธกลับไปอย่างหน้าด้านๆ
ผู้อาวุโสคนอื่นๆล้วนรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้ค่อนข้างขวานผ่าซากเกินไป เพียงว่าถึงจะหงุดหงิดเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากกล่าว
ซวนอี้ตัวแข็งค้างไปครู่ก่อนจะปิดปากหลับตาลงทันที
ตาแก่คนนี้หน้าด้านเกินไป!
ส่วนเย่หยวนเหลือบมองหรงซูเล็กน้อย ทว่าก็หาได้ส่งเสียงเอ่ยกล่าวอันใด
ในขณะนั้นเอง จู่ๆหนิงซื่ออวี๋ก็ลืมตาตื่นขึ้นและเริ่มหลอมกลั่นโอสถในทันที!
คู่ดวงตาไสวของเย่หยวนพลันสว่างวาบ พลางพยักหน้าให้กับตัวเอง
ความรู้ความเข้าใจของหญิงสาวนางนี้ดีกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
คล้อยเฝ้ามองหนิงซื่ออวี๋ที่ลงมืออย่างคร่องแคร่วด้วยท่าทีแสนสงบประดุจเมฆาลอยล่อง ธารวารีไหลผ่าน สรรพสิ่งราบรื่นเป็นไปอย่างธรรมชาติ
เหล่าผู้อาวุโสไม่น้อยที่เปล่งเสียงสูดเย็นเข้าออก เห็นได้ชัดว่า ฝีไม้ลายมือของหนิงซื่ออวี๋น่าดึงดูดไม่น้อยจริงๆ
ขอบเขตของเหล่าผู้อาวุโสล้วนสูงลิบลิ่วกันทุกคน พวกเขาย่อมสามารถมองผ่านอ่านความเหนือชั้นเหล่านี้ได้ออกเพียงปราดตา
ณ ปัจจุบันหนิงซื่ออวี๋ราวกับเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าแล้ว และไม่มีสรรพสิ่งใดสามารถรบกวนนางได้อีกต่อไป
ภายใต้สภาวะเช่นนี้ ประสิทธิภาพการหลอมกลั่นโอสถย่อมได้ผลเป็นสองเท่าจากในหนึ่งความพยายาม
“ซื่ออวี๋นางนี้ ดูแตกต่างจากเมื่อก่อนไปมากจริงๆ!”
“หรือเป็นไปได้ไหมที่ผู้อ่าวุโสเย่จามีกลวิธีสั่งสอนนางจนทำให้พัฒนาขึ้นทันตาแบบนี้?”
“หากนางสามารถหลอมกลั่นโอสถจิตสวรรค์วชิระพิโรธได้จริงๆ คงเหลือเชื่ออย่างยิ่งยวด!”
…
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างอ้าปากกันค้างเติ่ง พวกเขาย่อมตระหนักทราบ หนิงซื่ออวี๋ในปัจจุบันมิอาจเปรียบเทียบกับกาลอดีตได้อีกต่อไป
ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ซ่งฉีหยางยังได้ชื่อว่า อัจฉริยะอันดับหนึ่งในหมู่จอมเทพโอสถถามดาวทั้งหมด เขาถูกเหล่าผู้คนระดับสูงเพ่งเล็ง
ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าซ่งฉีหยางจะมุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการหลอมกลั่นโอสถได้ก็จริง แต่สภาพจิตใจยามนี้ของเขากลับลนลานเกินไป และเป็นเรื่องยากนักที่จะปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดออกมา
ความแข็งแกร่งของเขาในขณะนี้ลดลงอย่างมาก
เวลาผ่านไปแสนแช่มช้า เนื่องจากระดับพลังของหนิงซื่ออวี๋ยังคงขาดตก จึงทำให้ทั่วใบหน้าของนางหยาดเหงื่อเริ่มซึมออกจนหยดลงพื้นต่อเนื่อง
แต่พินิจจากทั่วทั้งร่างของนาง ท่าทียังคงสงบนิ่งและดูลึกลับเกินหยั่งถึง และไม่เห็นท่าทีเหนื่อยอ่อนแต่อย่างใด
ในหัวของนางตอนนี้มีอยู่เพียงสิ่งเดียว นั้นคือการหลอมกลั่นโอสถ
ทันใดนั้นเสียงร้องของนางก็ดังสนั่น
“ขึ้นรูปโอสถ!”
นางเป็นคนสุดท้ายในบรรดาทุกคนที่เริ่มลงมือหลอมกลั่น แต่กลับเป็นคนแรกที่ทำเสร็จ!
ท่ามกลางฝูงชนปรากฏคลื่นอุทานลั่นแซ่ซ้อนดังกึกก้อง
พวกเขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า หนิงซื่ออวี๋จะสามารถหลอมกลั่นโอสถจิตสวรรค์วชิระพิโรธออกมาได้จริงๆ!
แม้แต่ตัวนางเองยังเงยหน้าขึ้นมองเย่หยวนด้วยใบหน้าแสนตื่นอกตื่นเต้น
เย่หยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ ซึ่งนี่ยิ่งทำให้หนิงซื่ออวี๋ยิ่งดีอกดีใจเข้าไปใหญ่
ไม่นาน เม็ดโอสถของซ่งฉีหยางก็เริ่มมอดดับลง
“หึ!”
แต่เสี้ยวหัวเลี้ยวหัวต่อนี่เอง ทันทีทันใดเย่หยวนพลันเปล่งเสียงเย็นเผยดังออกจากโพรงจมูก
ซ่งฉีหยางในตอนนี้ราวกับกำลังบีบคอกดดันตนเองถึงขีดสุด ชนิดที่ว่าหายใจไม่ออกเจียนตายแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น