Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1574-1579
ตอนที่ 1574 มันคือคนแรก!
Ink Stone_Fantasy
ทุกคนต่างใจหายวูบดิ่งสู่ก้นบึ้งแทบจะในทันใด
ฟางเทียน กวนควางเทียน อิ้งหมัวหู่ ภูตเพลิงและที่เหลือทั้งหมดต่างเร่งเร้าพลังปราณเทวะสุดขีด สีหน้าการแสดงออกมืดมนถึงขีดสุด
ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถช่วยเยวี่ยเมิ่งลี่ได้ ดังนั้นพวกเขาก็ขอสู้จนตายไปข้างหนึ่งเสียดีกว่า!
แม้ว่าการกระทำของพวกเขาจะไม่ต่างอะไรกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเลย แต่พวกเขาก็มิอาจทนดูเยวี่ยเมิ่งลี่คตกอยู่ในกำมือของมันได้เช่นกัน!
ที่ทุกคนมีวันนี้ได้ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณเย่หยวน
แล้วพวกเขาจะเฝ้าดูคนรักของเย่หยวนถูกพรากออกไปเช่นนี้ได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาขอสู้ตาย!
หออาญาสิทธิ์ตั้งกระบวนรุกเต็มกำลังราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
พวกเขาไม่คิดเลยว่า เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงร้อยปีหลังจากปราบปรามเทพปีศาจข่าวนั่วได้ ดินแดนพฤกษานิรันดร์กลับต้องพานพบกับหายนะอีกครั้ง
แม้ว่าข่าวนั่วจะเป็นเทพปีศาจสุดแกร่งกล้า แต่มันก็หาใช่ผู้ไร้เทียมทานที่แท้จริง
แต่เทพนอกรีตบาปสวรรค์ที่ได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์ กลับไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะได้! ต่อให้เย่หยวนจะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่มีโอกาสชนะได้เช่นกัน
เหนือน่านนภาสูง ปรากฏรถม้าศักดิ์สิทธิ์ควบทะยานเข้ามา ลอยเคว้งกลางสุริยันต่อหน้าสายตาของทุกคน
สิ่งประดับตกแต่งบนรถม้าช่างหรูหราใครเห็นต้องตื่นตาตื่นใจยิ่ง ทั้งยังมีที่นั่งที่จัดเตรียมไว้สำหรับเจ้าสาวพร้อมแล้ว
มังกรขนาดมหึมาทั้งแปดกำลังแบกเกี้ยวขนาดใหญ่นั้นควบเหินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งแปดตัวกลายมาเป็นแรงงานเพื่อลากเกี้ยวรถม้าแห่งนี้
เมื่อทุกคนเห็นมังกรขนาดมหึมาทั้งแปด สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนพลันแปรเปลี่ยนไปทันที
“นั้นมันผู้อาวุโสหลงหมินกับท่านอ้าวเฉียน! เทพนอกรีตบาปสวรรค์! นี่หมายความว่าอย่างไร?!”
เยวี่ยเมิ่งลี่จับจ้องภาพฉากนี่ด้วยใบหน้าอันเยือกเย็น
สองในแปดมังกรขนาดมหึมาที่ทำหน้าที่ลากเกี้ยวเข้ามากลับมิใช่ใครอื่นนอกจาก อดีตประมุขแห่งเผ่ามังกร หลงหมินและอ้าวเฉียนที่ถูกบังคับให้กลายร่างเป็นมังกร!
พวกเขาถูกบีบให้เผยร่างดั่งเดิมออกมาเพื่อใช้แรงงานลากเกี้ยวขนาดมหึมานี้ ยามนี้ทั้งแปดกลับไม่ต่างอะไรจากม้าลากภูเขาเลย
ณ เบื้องล่างตรงหน้าหออาญาสิทธิ์ ทุกคนยามนี้ต่างจับจ้องด้วยดวงตาสีแดงก่ำด้วยความอาฆาตต่อเทพนอกรีตบาปสวรรค์ยิ่ง
นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
เหล่าผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งเผ่ามังกรอันสูงศักดิ์กลับถูกเทพนอกรีตบาปสวรรค์ บังคับให้กลายร่างเป็นมีงกรเพื่อลากจูงเกี้ยวแต่งงานของเขา!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถต่อกรกับเทพนอกรีตบาปสวรรค์นี่ได้
มันแข็งแกร่งเกินไป!
ผลลัพธ์หากต่อต้านคือความตาย!
เพียงได้เห็นเยวี่ยเมิ่งลี่เผยสีหน้าแสนทรมานใจ เทพนอกรีตบาปสวรรค์ก็ระเบิดหัวเราะร่าอย่างสุขใจ กล่าวว่า
“ปรากฏว่าเจ้าเองก็รู้จักพวกนี้ด้วย? เยี่ยมจริงๆ! นับเป็นพรหมลิขิต! ลี่เอ๋อของข้า นี่นับเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าอดใจรอแทบไม่ไหว! ข้าอยากให้งานแต่งงานของเราสมบูรณ์แบบที่สุด จึงเดินทางไปที่ภูมิภาคอสูรและจับมังกรทั้งแปดตัวนี้มา เพื่อนำมาลากเกี้ยวม่านสวรรค์ของเรามา ฮ่าๆๆ…ดีจริงๆที่เจ้าเองก็รู้จักพวกมัน เช่นนั้นก็ให้พวกมันมาเป็นสักขีพยานความรักของเราสอง!”
ยามนี้เยวี่ยเมิ่งลี่นิ่งสงบจนผิดวิสัย นางเองก็ไม่ต่างอะไรกับเย่หยวน ยิ่งสงบเท่ากับว่ายิ่งอาฆาตแค้นเป็นทวี!
นางแทบจะกระโดดออกไปฆ่ามันให้รู้ดำรู้แดงในเวลานี้!
“บัดซบ! ข้าประมุขเผ่าพยัคฆ์ผู้นี้ทนไม่ไหวแล้ว! วันนี้ข้าขอสู้ตาย!!”
เผ่าพยัคฆ์ขาวและเผ่ามังกรฟ้าล้วนสืบเชื้อสายบรรพชนเดียวกัน ความอัปยศอดสูที่หลงหมินและอ้าวเฉียนต้องแบกรับ มันเท่ากับยั่วยุอิ้งหมัวหู่เช่นกัน ดังนั้นเขาหรือยังทนได้อย่างไร?
ทันทีที่กล่าวจบอิ้งหมัวหู่ก็ปราดพุ่งออกมา ร่างไสวแปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงเส้นหนึ่งเข้าโจมตีเทพนอกรีตบาปสวรรค์โดยตรง
กวนควางเทียนในตอนนี้บ้าคลั่งไปแล้วเช่นกัน เขาเองก็เป็นหนึ่งในสี่สัตว์เทวะจตุรทิศเช่นกัน จะไปทนความอัปยศนี้ได้?
เขาไล่ติดตามอิ้งหมัวหู่ปราดพุ่งออกไป เข้าผสานการโจมตีไปที่เทพนอกรีตบาปสวรรค์ทันที
“ทุกคนร่วมผสานการโจมตี! แม้ว่าเราต้องตาย แต่เราจะขอฝากฝังบทเรียนชนิดไม่มีวันลืมเลือนให้แก่มัน!”
ฟางเทียนเร้าเสียงตะโกนกู่ก้อง และรีบเข้าโจมตีช่วยเสริมในทันใด
เหนือน่านฟ้ามีผู้คนนับหลายสิบระดมพลังช่วยกันโจมตีใส่เทพนอกรีตบาปสวรรค์เป็นจุดเดียว
รอยยิ้มอันแสนเย็นชาพลันปรากฏขึ้นบนมุมปากของเทพนอกรีต มันกล่าววาจาแสนเหยียดหยามขึ้นว่า
“พวกมดปลวกประเมินตนสูงส่งเกินไป ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายเช่นนี้ ข้าย่อมสนองให้!”
โฉมสะคราญร่างของเยวี่ยเมิ่งลี่สั่นสะท้านหนัก นางกรีดร้องขึ้นทันที
“เทพนอกรีต! หากเจ้ากล้าฆ่าพวกเขา ข้าขอตายตรงนี้เสีย!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เยวี่ยเมิ่งลี่ยกมือฝ่าขึ้นเตรียมตบกะโหลกศีรษะเพื่อปลิดชีพตนเองทันที
สีหน้าการแสดงออกของเทพนอกรีตแปรเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะคลายรัศมีแรงกดดันตัวเองลงและยกมือปัดผู้คนนับหลายสิบกระเด็นออกไปในพริบตา
“พร๊วดด!”
ทุกคนต่างกระอักเลือดสดออกมาไม่หยุดหย่อน ยามนี้แต่ละคนบาดเจ็บสาหัสยิ่ง
ต่อหน้าเทพนอกรีตบาปสวรรค์ พวกเขาไม่มีคุณสมบัติแม้แต่ต้านรับกระบวนอีกฝ่าย!
กล่าวได้ว่าทั่วทั้งบริเวณต่างเปี่ยมล้นไปด้วยความสิ้นหวัง
แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นขุมกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทว่าในความเป็นจริงกลับไม่แม้แต่สัมผัสชายเสื้อของอีกฝ่ายได้เลยด้วยซ้ำ!
มุมปากของเทพนอกรีตพลันกระตุกเย้ยเยาะ มันกล่าวพร้อมรอยยิ้มแสนชั่วร้ายว่า
“ลี่เอ๋อของข้า เจ้าก็เห็นว่าสามีผู้นี้ของเจ้าจริงใจเพียงใด วันนี้ข้าอุตส่าห์เตรียมการมาเป็นอย่างดีตามที่เจ้าบอกไว้? วันนี้พวกเราจะมาเป็นของกันและกัน ไม่มีวันพรากจากชั่วนิรันดร์!”
หัวใจของเยวี่ยเมิ่งลี่เย็นชายิ่งกว่าธารน้ำแข็งในยามนี้ นางกัดฟันและกล่าวว่า
“เทพนอกรีต หากต้องการเป็นหนึ่งเดียวกันข้านัก เช่นนั้นต้องสัญญากับข้าก่อน ปล่อยให้พวกเขาอพยพเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้า! มิฉะนั้นข้าขอตายเสียตรงหน้า และเจ้าจะไม่ได้สมหวังชั่วนิรันดร์!”
เทพนอกรีตแสยะยิ้มแสนน่าสะพรึง กล่าวว่า
“ลี่เอ๋อของข้า คิดหรือว่าสามีผู้นี้จะโง่ปานนั้น? มีการดำรงอยู่ที่เกินหยั่งถึงอาศัยอยู่ภายในนั้น ตราบใดที่ไม่เข้าไป ผู้คนทั่วทั้งผืนพิภพล้วนต้องอยู่ในเงื้อมมือของข้า เล่ห์เหลี่ยวเล็กน้อยปานนี้มีหรือจะใช้กับข้าได้? หึหึ ข้าจะปล่อยให้พวกมันฆ่าตัวตายกันไปเอง นี่นับว่าเป็นความเมตตาที่สุดของข้าแล้ว!”
สีหน้าการแสดงออกของเยวี่ยเมิ่งลี่แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อพบว่าแผนการของตนทั้งตื่นเขินและไร้เดียงสาเกินไป
เทพนอกรีตบาแสวรรค์ผู้นี้เคยเป็นผู้ไร้เทียมทานที่สุดในยุคสามแสนปีก่อน แค่กลอุบายเล็กน้อยแค่นี้จะใช้ได้ผลอย่างไร?
นาง…ต้องมอบร่างกายอันมีค่าให้กับชายผู้น่ารังเกียจพรรค์นี้จริงๆรึ?
ไม่!
เช่นนั้น ข้า เยวี่ยเมิ่งลี่ขอตายดีกว่า!
ในเวลานั้นเอง เทพนอกรีตก็กล่าวขึ้นต่อว่า
“ลี่เอ๋อของข้า มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่สามีผู้นี้จะปล่อยพวกมันออกไป หลังเสร็จสิ้นพิธีค่อยปล่อยให้พวกมันฆ่าตัวตายไปเสีย”
“เจ้า! ฝันไปเถอะ!”
เยวี่ยเมิ่งลี่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด
เทพนอกรีตหัวเราะกล่าวว่า
“ฮ่าๆๆ…ลี่เอ๋อของข้า เจ้าคิดหรือว่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ข้าจะมิได้สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างที่ข้าถูกผนึกเลย? ข้ารู้ว่าเจ้ารักไอ้เด็กเหลือขอนามเย่หยวน นอกจากนี้เขายังเป็นจักรพรรดิดินแดนพฤกษานิรันดร์เหมือนกับข้า แต่…ไอ้เด็กนั้นกลับเลือกที่จะฝ่าประตูผนึกดินแดนออกไปยังโลกภายนอก! กับแค่ร้อยปีมันจะเก่งกาจขึ้นขนาดไหนเชียว? หากยืนอยู่ต่อหน้าข้าผู้นี้ ข้าจะทุบมันให้แหลกในคราเดียว! ดังนั้นเลิกคิดเรื่องไร้สาระได้แล้ว จงมาเป็นของข้าและลืมไอ้เด็กเหลือขอนั้นไปซะ! หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้านับเป็นมเหสีของจักรพรรดิผู้นี้แล้ว!”
เทพนอกรีตชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยกล่าวขึ้นต่อว่า
“หากเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังข้า ข้าจะไล่ฆ่าคนของเจ้าทีละคน ถึงยามนั้นข้าสงสัยเสียเหลือเกินว่าเจ้าจะรู้สึกอย่างไร? ฮ่าๆๆ”
เทพนอกรีตบนสวรรค์นับเป็นการดำรงอยู่แบบใด?
เขาทั้งดิบเถื่อนและเลือดเย็นตั้งแต่สามแสนปีก่อนแล้ว เรื่องความเล่ห์เหลี่ยมและความแข็งแกร่งนับเป็นอันดับต้นๆในยุคนั้น
เยวี่ยเมิ่งลี่อ่อนแอเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
เทพนอกรีตพึงพอใจนักกับตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เขารู้ว่าเยวี่ยเมิ่งลี่ต้องเชื่อฟังตนแต่โดยดีแน่นอน
หากไม่มีปัญญาแม้แต่จะจัดการกับผู้หญิงนางหนึ่งได้ นามขานเทพนอกรีตบนสวรรค์ของเขาคงไม่ต่างอะไรจากขยะเช่นกัน
ตราบเท่าที่พิธีเสร็จสิ้น หรือจนกว่าเทพนอกรีตจะเล่นร่างกายของนางจนพอใจและปล่อยเยวี่ยเมิ่งลี่เป็นอิสระให้กลับไปหาเย่หยวน แต่นางคงไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน
เพราะหากถึงเวลานั้นจริง นางคงไม่มีหน้าไปพบเย่หยวนแล้ว!
เยวี่ยเมิ่งลี่ในตอนนี้ดูสิ้นหวังเสียเหลือเกิน!
“ลี่เอ๋อ เจ้าไม่ต้องห่วงพวกเรา! เราชายชราคนนี้ขอสู้ตาย! อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของเย่หยวน!”
ฟางเทียนตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมพุ่งโจมตีเทพนอกรีตอีกครั้ง
เทพนอกรีตแสยะยิ้มแสนชั่วร้ายและกล่าวกับเยวี่ยเมิ่งลี่ว่า
“ลี่เอ๋อของข้า เช่นนั้นมันคือคนแรกที่ต้องตาย!”
ตอนที่ 1575 ข้าเข้าใจฟ้าดินมากกว่าเจ้า!
Ink Stone_Fantasy
เทพนอกรีตยังคงสำแดงฤทธิ์เดชต่อหน้าลี่เอ๋อต่อเนื่อง ถึงขั้นที่ว่าท้องนภาพลันเปลี่ยนสีแสนฉงนใจ
ฟางเทียนยังคงลอยเคว้งอยู่กลางเวหา ยามนี้รู้สึกราวกับผืนพิภพแห่งนี้ถึงกาลอวสาน
นี่คือพลังที่แท้จริงของศาสตร์แห่งสวรรค์!
ไม่ว่าจะเป็นทัณฑ์สวรรค์หรือทัณฑ์สวรรค์วิญญาณ สรรพสิ่งที่คิดว่ารุนแรงหากเปรียบกับสิ่งตรงหน้ากลับดูอ่อนด้อยไปโดยปริยาย
“นี่…นี่มันพลังอะไรกัน?!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว! แม้แต่ศึกสัประยุทธ์ระหว่างเย่หยวนกับข่านนั่วในปีนนั้นยังมิอาจเทียบเคียงกับเหตุการณ์ในวันนี้ได้!”
“มันจบลงแล้ว! คราวนี้ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้วจริงๆ! ดินแดนพฤกษานิรันดร์มีแต่โชคร้ายหรืออย่างไร? เพิ่งผ่านพ้นไปได้ร้อยปีกลับต้องมาเผชิญพบกับหายนะอีกครั้ง!”
สีหน้าของเหล่าฝูงชนเปี่ยมล้นไปด้วยความสิ้นหวัง
ในตอนนั้นยังคงเย่หยวนคอยพิทักษ์ปกป้องพลิกผันกระแสน้ำแห่งหายนะได้
แต่ตอนนี้ใครจะมาช่วยเหลือพวกเขากัน?
ฟางเทียนนับเป็นปราการแรกสุด หากใครต้องการทำลายดินแดนพฤกษานิรันดร์ต้องข้ามศพเขาให้ได้เสียก่อน
ส่วนเรื่องรอดชีวิตกลับมา มันไม่เคยมีอยู่ในหัวเขาตั้งแต่แรกแล้ว!
ในตอนนี้เขาพยายามทำจิตใจให้สงบ
เขารู้ดีว่าวันนี้ไม่มีใครสามารถรอดพ้นหายนะไปได้ กระทั่งเยวี่ยเมิ่งลี่เองก็เช่นกัน
ดังนั้นแล้ว อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ขอเฝ้าดูนางตายไปต่อหน้าต่อตา
“เย่หยวน ข้าขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องลี่เอ๋อได้”
จากนั้นฟางเทียนก็ค่อยๆหลับตาลง เฝ้ารรอความตายที่อยู่เบื้องหน้า
ทันใดนั้นเองดัชนีอันทรงพลังถูกปลดปล่อย พุ่งเสียดอากาศหัวงทะลวงชีพของฟางเทียนโดยตรง
ทุกคนต่างปิดตาแน่น พวกเขามิอาจทนมองผู้นำดินแดนพฤกษานิรันดร์ตายลงทั้งแบบนี้ได้เลย
“หื้ม? เกิดอะไรขึ้น?”
แต่ในเวลานั้นเองกลับมีเสียงร้องอุทานดังขึ้นแทน
ดัชนีของเทพนอกรีตถือเป็นพลังปราณที่หลอมรวมเข้ากับศาสตร์แห่งสวรรค์ ทว่าเมื่อมันปราดพุ่งถึงตรงหน้าฟางเทียน กระแสพลังเหล่านั้นกลับอันตรธานหายไป
ท้องนภายามนี้คล้ายถูกแบ่งออกไปราวกับสองโลกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
โลกใบหน้ามีลมพายุโหมกระหน่ำ ฟ้าดินวิปลาสเปลี่ยนสี ในขณะที่โลกอีกใบกลับสงบเปี่ยมล้นความสันติ
ทันทีทันใด ฟางเทียนก็สัมผัสได้ว่าแรงกดดันทั้งหมดทั่วร่างของตนหายไปแล้ว ทำให้เขาเริ่มขยับเคลื่อนร่างกายได้อีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมอง
เขาถึงกับตื่นตะลึงยิ่งกับภาพฉากนี้!
นี่…นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?
สายตาคู่นั้นของเทพนอกรีตพลันหรี่แคบในทันใด เอ่ยลั่นประกาศน้ำเสียงเย็นชายิ่งว่า
“นั้นใคร!? แสดงตัวออกมาให้ข้าผู้นี้!”
ขณะเดียวกันทุกคนต่างปั้นสีหน้าสุดงงงวยยิ่ง
หรือเป็นไปได้ไหมว่า ในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ยังมีใครสามารถต่อกรได้กับเทพนอกรีตบาปสวรรค์ได้อีก?
“เกิดอะไรขึ้นกัน? หรือท่านอาวุโสคุนหวูจะลงมือเอง?”
อิ้งหมัวหู่เหลือบมองเยวี่ยเมิ่งลี่คล้ายว่าต้องการความคิดเห็น แต่เมื่อหันไปมองปรากฏว่าทั่วร่างของนางกลับสั่นสะท้านไม่หยุด สีหน้าการแสดงออกเผยถึงความตื่นเต้นสุดหัวใจ
ระหว่างที่อิ้งหมัวหู่ยังดูมึนนงง เยวี่ยเมิ่งลี่พลันกล่าวเสียงสั่นขึ้นว่า
“เขา…เขากลับมาแล้ว!”
อิ้งหมัวหู่เนื้อตัวแข็งค้างไปชั่วขณะ
“ใครกัน? ใครกันที่กลับมา?”
เยวี่ยเมิ่งลี่ตะโกนลั่นอย่างร้อนใจ
“นั้นเป็นพี่ใหญ่หยวน! พี่ใหญ่หยวนกลับมาแล้ว!!”
เนื้อตัวอึ้งหมัวหู่สั่นสะท้านหนัก ทันทีทันใดกลางห้วงแห่งความว่างเปล่าพลันสั่นสะเทือนเล็กน้อย ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้ากับเทพนอกรีตอยู่จากระยะไกล
หนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้น ปรากฏร่างหนึ่งแสนคุ้นเคยยิ่งนัก ซึ่งยังเป็นใครอื่นไปได้นอกจากเย่หยวน?
หากกล่าวถึงเรื่องนี้นี่ถือเป็นเรื่องบังเอิญมากเช่นกัน ในตอนที่เย่หยวนกำลังสนทนากับคนอื่นๆ ทันทีทันใดเขาพลันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังของศาสตร์แห่งสวรรค์ขุมใหญ่ปรากฏขึ้นที่ทิศตะวันออก
ซึ่งคนที่สามารถสร้างคลื่นพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ควรมีแค่เขาคนเดียว
โดยไม่ลังเลอันใด เย่หยวนจึงใช้วิชาข้ามมิติพุ่งเข้ามาสกัดกั้นพลังดัชนีของเทพนอกรีต และช่วยชีวิตฟางเทียนได้อย่างทันท่วงที
ร่างของฟางเทียนสั่นเทาไม่หยุดหย่อน เขากล่าวขึ้นอย่างเหลือเชื่อว่า
“ย-ย-เย่หยวน! นี่เป็นไปได้อย่างไร?!”
เย่หยวนหันหลังกลับมองฟางเทียนและยิ้มกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสฟางเทียน หลายปีมานี้คงลำบากท่านมิใช่น้อย”
คล้อยหลังความประหลาดใจ ฟางเทียนระเบิดหัวเราะดังลั่นกล่าวว่า
“ดี! ดี! ดีจริงๆที่เจ้ากลับมา! ฮ่าๆๆ!”
จากนั้นทุกคนต่างเงยมองชายหนุ่มในชุดอาภรณ์สีขาวบนท้องนภาด้วยความตื่นตะลึง
เย่หยวนกลับมาแล้ว!
“ฮ่าๆๆๆ! เย่หยวนกลับมาแล้ว! พวกเรารอดตายแล้ว!”
“เย่หยวนคือวีรบุรุษแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์! เมื่อใดที่เขาอยู่ตรงนี้ พวกเราปลอดภัยแล้ว!”
“เย่หยวนมักปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤตอยู่เสมอ ครั้งนี้เองก็เช่นกัน!”
“เขา…เขาทะลวงขึ้นเป็นยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางแล้วจริงๆ! สวรรค์! เขาเพิ่งจากออกไปแค่ร้อยปี แต่กลับเลื่อนระดับชั้นไปถึงสองอาณาจักรพลังหลักแล้ว! ชายผู้นี้ประหลาดคนเสียจริง!”
…
การปรากฏตัวของเย่หยวนต่างทำให้ทุกคนตื่นอกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ในสายตาของพวกเขา เย่หยวนคือวีรบุรุษ!
อย่างไรก็ตามก็หาใช่ว่าทุกคนจะมองโลกในแง่ดีนัก
“อย่าเพิ่งดีใจ! ทั้งเย่หยวนและเทพนอกรีตต่างเป็นผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ทั้งคู่ แถมเทพนอกรีตยังมีระดับพลังสูงกว่าเย่หยวนมาก นี่หาใช่เรื่องดี!”
บางคนเอ่ยกล่าวขึ้นมาพร้อมสีหน้าสุดเคร่งขรึม
เมื่อได้ฟังแบบนั้น สีหน้าการแสดงออกของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที
พวกเขาตระหนักทราบดีถึงความแข็งแกร่งของเทพนอกรีต แล้วเย่หยวนจะเป็นคู่มือได้จริงๆงั้นรึ?
“เจ้าคือผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์อีกคน? ดู…อ่อนแอเสียเหลือเกิน!”
เทพนอกรีตกล่าวเย้ยเยาะพร้อมรอยยิ้มแสนชั่วร้าย
แม้การมาของเย่หยวนจะมิได้อยู่ในแผน แต่เขาก็หาได้เป็นกังวลไม่
ความแตกต่างระหว่างอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางและขั้นสุดมันมีมากเกินไป!
เย่หยวนกวาดสายตาจับจ้องอย่างเย็นชา กล่าวว่า
“เจ้าสวะ เจ้าโผล่หัวออกมาจากไหน? กล้าลงมือกับท่านอาวุโสฟางเทียนขนาดนั้นเชียว?”
ในขณะที่เอ่ยกล่าวขึ้นมา สายตาของเย่หยวนก็เหลือบไปมองที่รถม้าคันนั้นรวมไปถึงมังกรร่างมหึมาทั้งแปดที่ถูกใช้ให้ลากจูง ความโกรธเกรี้ยวพลันปะทุเดือดขึ้นทันทีภายในใจ
“เจ้าสวะ? มดปลวกอย่างเจ้ายังกล้าเรียกคนอื่นว่าสวะอีกงั้นรึ? สามหาว! เหอะ เจ้ามาได้จังหวะพอดี ตอนนี้ข้ากำลังมารับตัวเจ้าสาวของข้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลี่เอ๋อคือภรรยาของข้า! เจ้ามาเป็นสักขีพยานในความรักของพวกเรา! เป็นอย่างไรบ้าง? ได้เห็นคนที่เป็นที่รักของตัวเองถูกคนอื่นช่วงชิงไปต่อหน้า แค้นใจหรือไม่? อย่างไรก็ตาม เจ้ามันอ่อนแอ อ่อนแอเกินว่าจะปกป้องคนที่รักได้! ฮ่าๆๆๆ…เจ้ามั่นใจได้เลย ข้าผู้นี้ยังไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน เจ้าต้องเฝ้าดูความรักของข้ากับลี่เอ๋อไปอีกนานแสนนาน!”
เมื่อกล่าวจบเทพนอกรีตก็รื้สึกตื่นเต้นอย่างอดมิได้ ถึงขั้นระเบิดหัวเราะเปี่ยมล้นความสุขไม่หยุดหย่อน
แต่ทุกคนโดยรอบในปัจจุบันต่างรู้จักเย่หยวนดีเกินไป และพวกเขาทราบดีว่ายามนี้เย่หยวนกำลังโกรธจริงๆแล้ว
เทพนอกรีตกล้ายั่วยุบุคคลที่น่ากลัวที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์จริงๆ!
เว้นเสียว่า เย่หยวนจะต่อกรกับเทพนอกรีตได้จริงๆใช่หรือไม่?
ระดับพลังต่างกันถึงสองอาณาจักรย่อย เมื่อทะลวงขึ้นถึงอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า กล่าวได้ว่าแต่ละระดับชั้นย่อมกลับกว้างใหญ่เสียยิ่งกว่าฟ้าดิน!
ที่เย่หยวนเคลื่อนไหวช่วยเหลือฟางเทียนเป็นเพราะจังหวะทีเผลอจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น หากประจันหน้ากันกับเทพนอกรีตแบบหนึ่งต่อหนึ่งกลับยากที่จะต่อกร
แต่เมื่อเทพนอกรีตกล่าวอธิบายเช่นนั้นออกมา เย่หยวนก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทันที
ส่งผลให้เย่หยวนไม่คิดรั้งรอนพลังใดๆอีกต่อไป
เขากำลังโกรธมาก!
เย่หยวนจ้องเทพนอกรีตเขม็ง คล้อยกล่าววาจาแสนเรียบนิ่งดังว่า
“แม้ข้าจะไม่ทราบว่าสวะอย่างเจ้าโผล่หัวมาจากไหน แต่ขอชื่นชมว่าเจ้าเก่งมาก! เก่งมากที่ทำให้ข้าโมโหจริงๆได้!”
ปฏิกิริยาของเย่หยวนทำให้เทพนอกรีตไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
มันชอบเห็นคนอื่นถูกกระตุ้นอารมณ์โกรธจนเป็นบ้า ยิ่งคลั่งเท่าไหร่มันยิ่งชอบ
แต่ไม่นึกเลยว่าเย่หยวนจะสงบได้ปานนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ทำให้เย่หยวนโกรธจริงๆแล้ว
เทพนอกรีตแสยะยิ้มชั่วกล่าวว่า
“ไอ้เด็กเหลือขอ จงจำไว้ให้ดี ข้าเองก็เป็นผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์เช่นกัน แต่ความแข็งแกร่งระหว่างเรากลับมีช่องว่างยิ่งใหญ่เกินทดแทน! จงจำไว้ให้ดี ข้าเข้าใจฟ้าดินมากกว่าเจ้า!”
ตอนที่ 1576 เช่นนั้นก็ลองเรียกมันมาให้ดู
Ink Stone_Fantasy
“จำไว้ให้ดี ข้าเข้าใจฟ้าดินมากกว่าเจ้า!”
สุ้มเสียงของเทพนอกรีตอันแสนสูงส่งดังกึกก้องทั่วผืนพิภพ สง่าราศีเสมือนราชาผู้ปกครองสรรพสิ่ง
เทพนอกรีตในปัจจุบันดูทรงพลังอย่างมาก
วูบบ! วูบบ! วูบบ!
รัศมีกลิ่นอายของเทพนอกรีตทะยานขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว เมฆาสีดำชั้นหนาระดมก่อตัวขึ้นกลางท้องนภา ประดับสายอัสนีร่ำร้อง ต่างทำให้ฝูงชนรู้สึกใจเสียไม่น้อย
ในปัจจุบันราวกับจุดจบของผืนพิภพแห่งนี้ได้มาถึงแล้ว
ดินแดนพฤกษานิรันดร์กำลังสั่นสะเทือนหนัก
ทั้งหมดเกิดจากเทพนอกรีตบาปสวรรค์!
“นี่…นี่ไม่รุนแรงเกินไปหน่อยรึ?”
“ปรากฏว่าเมื่อครู่นี้ยังไม่ใช่พลังทั้งหมดของมัน!”
“แล้วนี่…จะไปสู้กับมันได้อย่างไร? ข้ารู้สึกราวกับว่ามันเป็นเทพเจ้าไปแล้ว!”
…
สีหน้าการแสดงออกของทุกคนต่างเผยความหวาดกลัวออกมา
บางทีความแข็งแกร่งของเทพนอกรีตอาจกลายมาเป็นมดปลวกตัวเล็กๆในมหาพิภพถงเทียน
แต่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ ตัวมันไร้เทียมทาน!
“พี่ใหญ่หยวน!”
เยวี่ยเมิ่งลี่ตะโกนเสียงดังลั่นทันทีที่นางเห็นภาพฉากนี้ สีหน้าซีดเซียวขึ้นทันตา
คลื่นแรงกดดันปานนี้น่ากลัวเกินไปอย่างแท้จริง
นางมิได้กลัวตัวเองตาย แต่นางเป็นห่วงเย่หยวน
แม้ว่าพัฒนาการของเย่หยวนจะรวดเร็วจนน่ากลัว แต่นางก็ยังไม่รู้ว่าเย่หยวนจะสามารถเทียบชั้นกับอีกฝ่ายได้หรือไม่
เย่หยวนเหลียวหลังกลับมองลี่เอ๋อ สายตาคู่นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ
ลี่เอ๋อและเย่หยวน ทั้งสองมีจิตใจที่เชื่อมโยงสื่อถึงกันและกันได้ ดังนั้นนางที่เห็นเย่หยวนมั่นใจเช่นนี้จึงคลายใจได้ในทันที
คนอื่นๆที่เหลือต่างจับจ้องเย่หยวนด้วยสีหน้าแสนกังวลยิ่ง หากเย่หยวนไม่สามารถหยุดเทพนอกรีตได้ ก็ไม่มีใครอีกแล้วในดินแดนพฤกษานิรันดร์ที่สามารถทำได้!
“ฮ่าๆๆ! ไอ้เด็กเหลือขอ มิใช่ว่าเจ้าเองก็สามารถควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้? ไฉนเจ้าถึงไม่เรียกใช้? หรือว่ายอมแพ้เสียแล้ว! ในเมื่อเจ้าไม่เคลื่อนไหว ข้าจะลงมือเอง! ผ่อนคลายเถอะ ข้าไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน ลี่เอ๋อกับข้าจะครองรักนิรันดร์ให้เจ้าทรมานใจไปชั่วชีวิต!”
ทันทีที่กล่าวจบเทพนอกรีตก็ซัดฝ่ามือลงไปทันใด
บูมมม!
ฝ่ามือขนาดมหึมานสีดำทมิฬปรากฏขึ้นปกคลุมทั่วท้องนภาบดบังดวงสุริยันจนมิด ดินแดนพฤกษานิรันดร์สั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน
ฟางเทียน กวนควางเทียน และเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าคนอื่นๆค่าสูญเสียการควบคุมไปโดยสิ้น ร่างของพวกเขาดิ่งพสุธาร่วงลงมาจากท้องนภาทีละคนสองคน
ศาสตร์แห่งสวรรค์แห่งห้วงมิติกำลังตกสู่ความโกลาหลจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ดั่งใจอีกต่อไป
เหนือน่านฟ้าเหลือเพียงเย่หยวนและเทพนอกรีตเท่านั้นที่ผงาดอยู่
“ฝ่ามือเทพนอกรีต! ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ากล้ารับฝ่ามือนี้ของข้าหรือไม่? หากไม่ ทุกคนที่อยู่ใต้ผืนดินจะต้องตายกันหมด! ฮ่าๆๆๆ…เจ้าคงรู้สึกสิ้นหวังมากเลยกระมัง?!”
เทพนอกรีตระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ลมกระโชกแรงพัดผ่าน ชายเสื้อเย่หยวนกระพือสะบั้นแรง
เย่หยวนยกมือทั้งสองขึ้นไล่หลังและมองออกไปยังเส้นขอบฟ้าเฝ้ามองฝ่ามือสีดำทมิฬมหึมาเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเงียบงัน
ฝ่ามือนั้นยิ่งใกล้ยิ่งทวีแรงกดดันเป็นหลานเท่าตัว ทว่าเย่หยวนไม่แม้แต่จะมีเจตนาต่อต้านใดๆ
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างตื่นตะลึงตกใจยิ่งยวด เริ่มส่งเสียงกรีดร้องต่อหน้าความตาย
“เย่หยวนกำลังทำอะไรอยู่? หรือเป็นไปได้ไหมว่าเขาจะยอมสละชีวิต!?”
“เย่หยวนรีบหนีออกมาเร็ว!”
“เย่หยวน เจ้าคือความหวังสุดท้ายของพวกเรา อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเช่นนั้น!”
…
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ฝ่ามือมหึมากำลังตกลงบนศีรษะของเย่หยวน ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่คิดที่จะเคลื่อนตัวหลบเลี่ยงใดๆ
เทพนอกรีตจับจ้องภาพฉากนี้เจือแอบประหลาดใจ เด็กนี่มันโง่หรือคิดที่จะสู้กันให้ตายไปข้าง?
อย่างไรก็ตามแต่ ภาพฉากต่อจากนี้ต่างทำให้ทุกคนอ้าปากค้างเติ่งในบัดดล
ทันใดนั้นเอง น่านนภาฟ้าพลันสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
ฝ่ามือมหึมาสีดำทมิฬนั้นคล้ายว่าจะเห็นอะไรบางอย่าง ถึงขั้นหวาดกลัวจัดจนต้องร่นถอยกลับไปเอง!
มันหดตัวกลับสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่าในพริบตา!
ฝนฟ้าพายุโหมกระหน่ำ รวมไปถึงชั้นเมฆาสีทมิฬก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ท้องนภาทอดไปไกลถึงเส้นขอบฟ้าพลันกลับมาสว่างสดใสอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อแสงแดดแรกอรุณเบิกออกมา ทุกคนต่างรู้สึกราวกับผืนพิภพแห่งนี้ได้รับการละเว้นจากจุดจบเสียที
ทุกคนต่างตื่นตะลึงยิ่ง!
เทพนอกรีตเองก็ตื่นตะลึงเช่นกัน!
นี่เกิดอะไรขึ้น?
ดูเหมือนว่าเย่หยวนจะยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ในเวลานั้นเอง เย่หยวนมองไปยังเทพนอกรีตพร้อมปริปากเอ่ยกล่าวอย่างแช่มช้าขึ้นว่า
“ก่อนหน้านี้เจ้าพล่ามว่าอย่างไร? พอดีข้าได้ยินไม่ชัด พล่ามใหม่อีกครั้งได้หรือไม่?”
ทั่วทั้งใบหน้าของเทพนอกรีตเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกไม่คลายอ่อน
เป็นไปไม่ได้ ไอ้เด็กเหลือขอนี่ไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้แน่นอน!
มันต้องมีอะไรผิดพลาด!
ใช่แล้ว! มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน!
หากซัดฝ่ามือเทพนอกรีตออกไปอีกครั้ง ไอ้เด็กเหลือขอนั้นถูกบดขยี้เละเป็นเนื้อบดแน่นอน!
เมื่อนึกขึ้นได้ความมั่นใจของเทพนอกรีตก็กลับมาอีกครั้ง มันกล่าวลั่นขึ้นว่า
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่า ตัวข้าเข้าใจฟ้าดินดีกว่าเจ้านัก! ยังหยิ่งผยองยืนนิ่งต่อหน้าข้าผู้นี้? เช่นนั้นตายเสียเถอะ!”
เมื่อกล่าวจบเทพนอกรีตก็เริ่มระดมพลังศาสตร์แห่งสวรรค์มาอีกครั้ง
“ฝ่ามือเทพนอกรีต!”
อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างยังคงสงบดังเดิม…
คล้ายว่าศาสตร์แห่งสวรรค์จะไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขา และไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย
ท้องฟ้ายังคงสว่างแจ่มใส ปรากฏจากกระแสพลังใดๆระดมก่อตัว!
รูม่านตาของเทพนอกรีตพลันหดตัวหนัก เขาจับจ้องไปที่ภาพฉากนี้ด้วยความไม่เชื่อพลางกล่าวว่า
“เป็นไปไม่ได้! นี่…เป็นไปไม่ได้! ข้า…ข้าได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์แล้วมิใช่รึ?! ข้าคือจักรพรรดิดินแดนแห่งนี้!”
“ฝ่ามือเทพนอกรีต!!”
ใบหน้าของเทพนอกรีตแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเนื่องจากพยายามเบ่งพละกำลังทั้งหมดออกมา แต่ศาสตร์แห่งสวรรค์ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ
เบื้องล่าง ทุกคนต่างสบตากันไปมาด้วยความงุนงง ไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ฟ้าดินเปลี่ยนสีกลับเป็นดังเดิมได้อย่างไร?
“ใครทราบบ้างว่าเกิดอะไรขึ้น? ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเย่หยวน?”
“ไม่มีทาง? แม้เขาจะเป็นผู้ควบคุมเช่นกัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้ขนาดนี้?”
“เห็นได้ชัดแจ้ง เขายังมิได้ลงมือทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เขายังคงยืนเคว้งคว้างกลางอากาศเงียบงัน”
…
ดวงเนตรคู่สวยของเยวี่ยเมิ่งลี่จับจ้องไปที่เย่หยวนเป็นประกาย นางมั่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ว่า นี่ต้องเป็นฝีมือของเย่หยวนแน่นอน
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
นางรู้ว่าเย่หยวนยังคงเป็นเย่หยวนผู้ไร้พ่ายคนนั้น
แม้ว่าดินแดนพฤกษานิรันดร์จะสร้างเทพนอกรีตขึ้นมาอีกคน แต่นั่นก็ยังหาใช่คู่มือของเย่หยวนได้!
“ฮ่าๆ พี่ใหญ่สุดยอดจริงๆ! ไม่แม้แต่ขยับนิ้วก็ทำให้ไอ้บัดซบนั้นร้องไห้แล้ว! ฮ่าๆๆ ไอ้บัดซบนั้นช่างน่าขายหน้าสิ้นดี!”
อิ้งหมัวหู่ระเบิดหัวเราะลั่นอย่างชอบอกชอบใจ
เขาก็เป็นเหมือนกันกับลี่เอ๋อที่รู้ว่านี่เป็นฝีมือของเย่หยวนแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน เปลือกตาของเย่หยวนพลันเปิดขึ้นเล็กน้อยและกล่าวกับเทพนอกรีตอย่างใจเย็นว่า
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตนเข้าใจฟ้าดินดีกว่าข้างั้นรึ?”
เทพนอกรีตถึงกับสำลักไปชั่วขณะ
“ข้า…ข้า…”
รอยยิ้มเยาะเย้ยพลันฉีกกว้างที่มุมปากของเย่หยวน เขาหัวเราะเยาะพร้อมกล่าวว่า
“เจ้ารู้หรือว่าไม่โลกภายนอกดินแดนแห่งนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด? เจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้คนภายนอกแข็งแกร่งแค่ไหน? เจ้ายังเทียบมิได้กับยามเฝ้าประตูบนโลกภายนอกด้วยซ้ำ! เจ้ามันก็แค่กบในก้นบ่อ!”
กบในก้นบ่อ!
ประโยคนี้ต่างทำให้ทุกคนตื่นตกใจยิ่ง
แม้แต่การดำรงอยู่เฉกเช่นเทพนอกรีตยังเป็นยากเฝ้าประตูของโลกภายนอกอันยิ่งใหญ่มิได้เลยด้วยซ้ำ?
สีหน้าการแสดงออกของเทพนอกรีตบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ มันคำรามลั่นใส่เย่หยวนว่า
“เป็นไปไม่เ! ข้าเองก็เป็นผู้ควบคุมเหมือนกัน! นอกจากนี้ระดับพลังของข้ายังสูงส่งกว่าเจ้านัก! ข้า เทพนอกรีตบาปสวรรค์ คือผู้ไร้เทียมทานที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้!”
เย่หยวนยิ้มและเอ่ยกล่าวเสียงเย็นขึ้นว่า
“โอ้? คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียว? หากเจ้าเป็นผู้ควบคุมจริงๆ เช่นนั้นก็ลองเรียกมันมาให้ดูหน่อย?”
ใบหน้าของเทพนอกรีตในยามนี้เปรียบเสมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีสลับไปมา
มันกัดฟันและกล่าวขึ้นว่า
“ข้าไม่เชื่อว่าข้ามิอาจควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้! ฝ่ามือเทพนอกรีต! ฝ่ามือเทพนอกรีต! ฝ่ามือเทพนอกรีต!!”
เทพนอกรีตในปัจจุบันเสมือนคนบ้าที่ตะโกนไม่หยุด แต่ไม่ว่าอย่างไรศาสตร์แห่งสวรรค์ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ
ตอนที่ 1577 สะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์!
Ink Stone_Fantasy
เมื่อเฝ้ามองพฤติกรรมราวกับคนบ้างของเทพนอกรีต ทุกคนต่างเผยสีหน้าผิดประหลาดออกมา
นี่คือเทพนอกรีตบากสวรรค์ที่สามารถควบคุมฟ้าดินได้ดั่งใจคนนั้น?
เย่หยวนกำลังทำอะไรกันแน่ถึงทำให้เทพนอกรีตสูญเสียการควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ไป?
“เมื่อครู่เย่หยวนกล่าวว่าอะไร? ท้าทาย…ให้อีกฝ่ายเรียกศาสตร์แห่งสวรรค์มางั้นรึ?”
ฟางเทียนเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
เขาสงสัยเสียเหลือเกินว่าตนเองได้ยินผิดไปหรือไม่ จึงหันไปยืนยันกับกวนควางเทียนที่อยู่ข้างๆ
กวนควางเทียนเหลียวมองเขาด้วยความตกใจเช่นกัน
“เขากำลังหมายถึง ศาสตร์แห่งสวรรค์กำลังหวาดกลัวเขาอยู่หรือเปล่า? แต่เขายังไม่ทำอะไรเลยมิใช่รึ?”
“ศาสตร์ฉห่งสวรรค์…กลัวเป็นด้วยรึ? อะไร…มันกำลังกลัวอะไรกันแน่?!”
สมองฟางเทียนคล้ายว่ารวนชั่วขณะและมิอาจเข้าใจอะไรได้เลย
กวนควางเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆขณะกล่าวว่า
“เหมือนว่า ระบะเวลาร้อยปีนี้ที่มิได้เจอเย่หยวน หามใช่แค่ระดับพลังเท่านั้นที่พัฒนาสูงขึ้น แต่นั่นยังรวมไปถึงอีกหลายสิ่งอย่างที่เกินขอบเขตความเข้าใจของเราไปแล้ว!”
ทุกคนที่ได้ฟังเช่นนั้นต่างตกตะลึงใจอย่างหาที่เปรียบไม่ ก่อนหน้าที่เย่หยวนจะออกไปเขาคือผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่ยามนี้ศาสตร์แห่งสวรรค์กลับต้องกลัวเกรงเขาแทน!
บางสิ่งที่เรียกว่า ความสิ้นหวังปะทุขึ้นรกลางจิตใจของเทพนอกรีตออกมาทันที
เขามีประสบการณ์ผ่านโลกมานานกว่าสามแสนปี ในที่สุดเขาก็ได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์
แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน?
เพียงหนึ่งเดือนกว่าๆเองที่เขาเพิ่งออกมาจากการเก็บตัวอยู่ในผนึก!
กว่าสามแสนปีแห่งความอัปยศอดสู เขายังไม่ทันริเริ่มแก้แค้นผืนพิภพแห่งนี้เลย แต่ไฉนทุกอย่างต้องจบลงเสียแล้ว?
ทันทีทันใดดวงตาของมันก็สว่างไสวขึ้นและแสยะยิ้มแสนชั่วร้ายกล่าวว่า
“หากข้าไม่สามารถควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ เจ้าเองก็ไม่มีทางควบคุมได้เช่นกัน หึ! ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่ด้วยระดับพลังที่ห่างชั้นปานนี้ ข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้อย่างง่ายดาย!”
เมื่อคนเราถึงทางตันและสิ้นหวัง พวกเขามักจะดิ้นรนและหาข้อแก้ตัวให้แก่ตนเอง
เทพนอกรีตไม่มีวันเต็มใจให้เย่หยวนเหยียบย้ำศักดิ์ศรีได้โดยง่าย เขายังคงเร่งหาข้อแก้ตัวอยู่ภายในใจ
บางทีศาสตร์แห่งสวรรค์อาจไม่สามารถควบคุมได้ชั่วคราว!
ไอ้เด็กเหลือขอนี่มันแค่ดวงดีเท่านั้น!
ทันทีทันใด กลิ่นอายแห่งขุมพลังอาณาจักรรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดพลันปะทุเดือดขึ้นทันที ความแกร่งกล้านี้ไม่มีผู้ใดสามารถทานทนยืนอยู่ได้ไหว
ระดับพลังขนาดนี้ของมันสามารถเทียบชั้นสัประยุทธ์ต่อสู้กับข่านนั่วได้แล้ว
เย่หยวนจับจ้องไปที่เทพนอกรีตด้วยสีหน้าแสนเวทนาสงสารและกล่าวขึ้นว่า
“ช่างไม่รู้ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงเสีย การที่เจ้าควบคุมไม่ได้ มันมิได้หมายความว่าข้าจะทำไม่ได้!”
ทันทีที่กล่าวจบเย่หยวนก็ฝ่ามือขึ้นและอัดคลื่นพลังวินาศใส่โดยตรง
กลางห้วงแห่งความว่างเปล่าปรากฏเป็นคลื่นพลังศาสตร์แห่งสวรรค์อันมหาศาลผนวกควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือมหึมา ประดับสุ้มเสียงอัสนีคำรนอย่างบ้าคลั่ง แก้วหูแทบฉีกขาด
เทพนอกรีตไม่ทันได้เตียมตัวป้องกันใดๆ มันกระอักพ่นเลือดสดออกมาคำโตพร้อมร่างที่ดิ่งพสุธาอัดกระแทกพื้นดินสุดแรง
พลังศาสตร์แห่งสวรรค์!
เย่หยวนเพียงปลดปล่อยฝ่ามือนี้ออกไปอย่างลวกๆเท่านั้น ทว่าภายใต้อานุภาพทำลายล้างของมือนี้ ทำให้กระดูกและเส้นเอ็นทั่วร่างของเทพนอกรีตขาดสะบั้นแหลกเละไม่เหลือ
ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา เย่หยวนมิเคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยว่า ภายในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ยังจะมีใครกล้ายั่วโมโหเขาอีก
ดีมาก! ไอ้สวะตัวนี้มันประสบความสำเร็จแล้ว!
เย่หยวนโกรธมาก จนส่งผลกระทบให้ทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้!
เขาช้อนสายตามองดูเทพนอกรีตที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางพื้นอย่างเลือดเย็น และเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าเข้าใจฟ้าดินดีกว่าข้า? กระทั่งผู้คนในมหาพิภพถงเทียนยังไม่มีผู้ใดกล้าลั่นวาจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า”
บูมมม!!
ฝ่ามืออีกระลอกโผล่ปรากฏขึ้นมาจากห้วงแห่งความว่างเปล่า และซัดร่างของเทพนอกรีตที่นอนกองกับพื้นซ้ำสุดแรงเกิดราวกับตบมันอัดพื้นให้ตาย
บูมมม! บูมมม! บูมมม!!
ฝ่ามือมหึมาระลอกสามสี่และห้าซักกระหน่ำเข้าใส่เทพนอกรีตไม่หยุดไม่หย่อน จนร่างของมันฝังเละอยู่ในดิน
ศักดิ์ศรีทั้งหมดของเทพนอกรีตถูกเย่หยวนบดขยี้ไม่เหลือแล้ว
“หยิ่งผยองต่อหน้าข้ายังพอทำเนา! อย่างมากที่สุดข้าก็แค่เอาชนะเจ้าและเรื่องทุกอย่างคงจบลง แต่เจ้ากลับกล้าแตะต้องผู้หญิงของข้า! ไม่เพียงแค่นั้นยังต้องทำให้เผ่าพันธุ์ชาติกำเนิดของข้าต้องอับอาย! ผู้อาวุโสหลงเมินและอ้าวเฉียนต่างเฝ้าดูข้าเติบโตขึ้นมาจวบจนวันนี้ แต่เจ้ากลับใช้พวกเขาเป็นแรงงานลากเกี้ยว! บัดซบสิ้นดี! ข้าโกรธจริงๆแล้ว!!”
คำกล่าวของเย่หยวนดังกึกก้องไปทั่วพิภพราวกับสรวงสวรรค์กำลังพิโรธหนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลี่เอ๋อ มายุ่งเกี่ยวกับนาง เย่หยวนยิ่งไม่มีวันอภัยให้ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้กลับสร้างปัญหาผัวพันถึงเรื่องนี้อย่างหน้าไม่อาย
ดังนั้นจะมิให้เย่หยวนโกรธได้อย่างไร?
“ท่าน…ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าผู้ต่ำต้อยผิดไปแล้ว! โปรด…โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!!”
เทพนอกรีตที่นอนจมกองเลือดร่างกายแหลกเละแทบไม่เหลือเค้าโครงมนุษย์ ร้องคร่ำครวญกล่าวขอขมาสุดน่าสังเวชใจยิ่ง
มันกำลังหวาดกลัวจริงๆ ชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้ามันเหี้ยมโหดเหลือเกิน!
ในที่สุดมันก็รู้แล้วว่า เย่หยวนเข้าใจฟ้าดินดีกว่าตัวมันเองลิบลับ และเป็นบุคคลที่ไม่ควรล้อเล่นด้วยโดยเด็ดขาด
เพียงว่ามันไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ไฉนศาสตร์แห่งสวรรค์ต้องหวาดกลัวเย่หยวนด้วย?
แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่สำคัญอีกต่อไป มันถูกขังพันธนาการมานานกว่าสามแสนปี ตอนนี้มันที่หลุดพ้นออกมาได้เพียงต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้น มันยังไม่อยากตาย!
เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นสะท้าน พลอยทำให้คนอื่นๆสั่นสะท้านจับไขกระดูก
เพียงว่ารอยยิ้มแสยะยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนมุมปากของเทพนอกรีตขึ้นอย่างลับๆ โดยไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น
กลิ้ง!
เย่หยวนโยนโอสถให้อีกฝ่ายและกล่าวเสียงเย็นว่า
“กินเข้าไปซะ ไม่อยากให้ทุกคนบอกว่าข้ากลั่นแกล้งเจ้า ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าต่อสู้อย่างยุติธรรม!”
เย่หยวนปล่อยให้เทพนอกรีตคลานเข่าเข้าไปหยิบจับเม็ดโอสถ โดยเอาแต่ยืนจ้องไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะตกหลุมพรางของมัน!
ตอนนี้รักษาชีวิตก่อนเป็นสำคัญ!
แต่ดูท่าเทพนอกรีตจะดูลังเลไม่กล้ากินลงไป
เย่หยวนสีหน้ามืดทมิฬลงในทันใดพร้อมกล่าวว่า
“ข้าบอกให้เจ้ากินมันลงไป ไม่ได้ยินรึไง?”
จิตสังหารสุดน่าสะพรึงประจักษ์หน้าเข้ากดดันหนังหน่วงเทพนอกรีตรีบตบโอสถเม็ดนั้นเข้าปากในทันทีท
เมื่อโอสถไหลลงสู่ช่องท้อง กระแสพลังปราณเทวะอันเยือกเย็นพลันทะลักล้นอาบทั่วกระดูกและเส้นเอ็นที่ฉีกขาดไปทั้งหมด ร่างกายอันแหลกเละไม่เป็นทรงกลับถูกฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ช่างเป็นโอสถที่ทรงพลังโดยแท้!
เทพนอกรีตเงยหน้าจับจ้องเย่หยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
มีโอสถที่มีฤทธิ์น่าทึ่งปานนี้จริงๆรึ?!
ขอเวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น มันก็จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ดังเดิมแน่นอน!
“ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งชั่วยาม รีบดูดซับฤทธิ์โอสถเสีย”
เทพนอกรีตที่ได้ยินแบบนั้นก็ดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้เลยว่าในน้ำเต้านั้นยังมีของวิเศษอีกมากมายเท่าไหร่
หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ชายคนนี้กำลังขุนมันให้อ้วนแล้วค่อยฆ่าทิ้งทีเดียว?
แต่ต่อหน้าคำกล่าวของเย่หยวน มันหรือจะกล้าท้าทาย? มันรีบระดมพลังปราณเทวะเพื่อดูดซับฤทธิ์โอสถทันที
ทุกคนต่างจับจ้องเย่หยวนด้วยความมึนงง เสมือนว่าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเขากำลังทำอะไร
เมื่อครู่เย่หยวนยังซัดฝ่ามือกระหน่ำใส่ร่างอีกฝ่ายจนเป็นเนื้อบด แต่จู่ๆก็ญาติดีกันซะงั้น?
ถึงนั้นที่ว่ามอบโอสถเพื่อให้อีกฝ่ายฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ?
ครึ่งชั่วยามต่อมา เทพนอกรีตกลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอีกครั้ง และฟื้นคืนสู่สภาวะสุดยอดโดยตรง
เมื่อทุกคนเห็นภาพฉากดังกล่าว ก็อดประหลาดใจต่อความวิเศษของโอสถเม็ดนั้นมิได้
โดยเฉพาะกับฟางเทียนและคนอื่นๆ พวกเขารับรู้ได้โดยธรรมชาติว่าสิ่งนั้นเรียกว่า โอสถศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างไปจากโอสถสามัญที่พวกเขาใช้กันเป็นประจำ
ความแข็งแกร่งในศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวนไม่สามารถหยั่งถึงได้เลยจริงๆ!
เทพนอกรีตพยุงตัวลุกขึ้นมาพร้อมกุมมือก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทางเก้อเขิน ราวกับภรรยาน้อยของเย่หยวนอีกคน
มันหวาดกลัวเย่หยวนจนไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงด้วยซ้ำ
ในขณะนั้นเอง เย่หยวนก็เอ่ยเสียงเย็นดังขึ้นว่า
“ตอนนี้ทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นผู้ควบคุม ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าต่อสู้กับข้าอย่างยุติธรรม เราจะไม่ใช้พลังศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่สู้กับด้วยทักษะฝีมือ!”
เทพนอกรีตรีบโบกมือปัดและกล่าวตอบทันทีว่า
“ทะ-ท่านผู้สูงส่ง ข้าผู้ต่ำต้อยมิกล้า! ก่อนหน้านี้ข้าสันดานชั่วช้า กระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ข้า…ข้าขอร้อง…โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด+”
นี่มันเรื่องตลกอันใด การต่อสู้อย่างยุติธรรม? มันจะยุติธรรมได้อย่างไร!
ตราบใดที่อีกฝ่ายต่อสู้จนพอใจ หรือทราบว่าตนไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ในท้ายที่สุดก็ต้องใช้พลังศาสตร์ฉห่งสวรรค์เพื่อกำราบมันอยู่ดี!
ข้าหาใช่เด็กอมมือ แต่เป็นเทพนอกรีตบาปสวรรค์ผู้ดำรงอยู่มาแล้วกว่าสามแสนปี มีหรือจะตกหลุมกับดักของเด็กหนุ่มคนนี้ได้?
ทันทีทันใด ฝ่ามือเย่หยวนก็ควบแน่นกลายเป็นคมดาบและฝันอากาศออกไป!
เปรี๊ยง!
ในเวลานั้นเองสายฟ้าอัสนีบาตหนักสีน้ำเงินก็ฟันฟาดสะบั้นลงมา!
ดวงตาของเทพนอกรีตโพล่งกว้างถลน อุทานเลือลั่นสุดเหลือเชื่อขึ้นว่า
“ท-ท-ท-ท่าน…ท่านสะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ทิ้ง!”
ตอนที่ 1578 ตบดังก้อง
Ink Stone_Fantasy
เมื่อได้การยอมรับจากศาสตร์แห่งสวรรค์ก็จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ของพิภพยุทธ์จักรนั้นๆ และสามารถเชื่อมต่อสื่อจิตกับพิภพเหล่านั้นได้
นักสู้เหล่านั้นสามารถระดมพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ผ่านการเชื่อมต่อเหล่านั้นได้
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การขึ้นเป็นผู้ควบคุมของพิภพยุทธ์จักรที่ไร้ซึ่งเจ้าของ!
แต่เย่หยวนได้ตัดขาดการเชื่อมต่อเหล่านั้นไปโดยสิ้นแล้ว
นั้นหมายความว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้ควบคุมอีกต่อไป
ทุกคนในปัจจุบันหาใช่พวกคนโง่ พวกเขาจะไม่เข้าใจต่อภาพฉากปัจจุบันได้อย่างไร?
สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนต่างมึนงงอย่างหาที่เปรียบไม่ต่อการกระทำของเย่หยวน
“ตอนนี้เจ้าคงสบายใจขึ้นแล้วกระมัง? ข้าจะให้โอกาสนี้กับเจ้า เพื่อต่อสู้กันอย่างยุติธรรม!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวเสียงเย็นชืดราวกับใช้ชีวิตประจำวันในเรื่องแสนธรรมดา
เทพนอกรีตตื่นตะลึงไม่ได้สติเป็นเวลาครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นคืนความรู้สึกกลับมา
“ฮ่าๆๆ…เจ้าตัดขาดการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ไปแล้วจริงๆ! เจ้าสะบั้นมันทิ้งไปแล้ว!”
หลังจากกลับมาได้สติอีกครั้ง เทพนอกรีตก็ระเบิดเสียงหัวเราะสุดแสนจะบ้าคลั่ง
ในตอนนี้เขาเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่า เย่หยวนมันเป็นแค่คนโง่!
โง่ไร้ที่ติ!
กว่าเขาจะขึ้นกลายมาเป็นเทพนอกรีตยังต้องใช้เวลากว่าสามแสนปี ก่อนจะบรรลุขึ้นเป็นผู้ควบคุม
แต่เด็กนี่กลับสะบั้นการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ทิ้งไปโดยไม่ขยับเปลือกตาเลยด้วยซ้ำ!
ความมั่นใจของเขาที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ได้ถูกเย่หยวนฟื้นรักษากลับมาดังเดิม
ความรู้สึกหยิ่งผยองต่อสรรพสิ่งของมันกลับคืนมาอีกครั้งแล้ว!
ในเมื่อเย่หยวนหาใช่ผู้ควบคุมอีกต่อไป ดังนั้นจึงเป็นเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้!
ช่างเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมจริงๆ!
เป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมสำหรับเขา!
คนโง่เท่านั้นที่กล้าต่อสู้อย่างยุติธรรม!
“เด็กน้อย ข้าขอนับถือในความกล้าหาญของเจ้า ในฐานะผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ เจ้ากลับยอมถอดเสื้อคลุมด้วยตัวเองจริงๆ!”
เทพนอกรีตเอ่ยกล่าววาจาแสนชื่นชมดีใจ
เย่หยวนเหลือบมองเทพนอกรีตเล็กน้อยและกล่าวว่า
“แค่ผู้ควบคุมโลกใบเล็กๆ ก็แค่กบใต้บ่อน้ำ ที่เจ้าจะจริงจังอะไรปานนั้น?”
เทพนอกรีตระเบิดหัวเราะลั่นกล่าวว่า
“ก็ใช่อย่างที่เจ้าว่า เมื่อเคยสัมผัสกับโลกภายนอกแล้ว โลกใบเล็กๆแห่งนี้ก็ไม่นับเป็นอันใด แต่เจ้าควรตระหนักไว้ ในตอนนี้เจ้าอยู่ในโลกใบเล็กๆแห่งนี้ และข้าคือผู้แข็งแกร่งที่สุด!”
ทุกคนต่างไม่เข้าใจเลยว่า ไฉนเย่หยวนถึงทำเช่นนี้
“เย่หยวนพยายามจะทำอะไรกันแน่? เขาเพิ่งรักษาเทพนอกรีตให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม แถมยังต้องการต่อสู้อย่างยุติธรรมงั้นรึ?”
“เย่หยวนบ้าบิ่นเกินไปแล้ว! เขาคงมิได้ไร้เดียงสาเกินไปจนคิดว่า เทพนอกรีตจะต่อสู้กับเขาอย่างยุติธรรมกระมัง?”
“เย่หยวนหัวไปกระแทกกับอะไรมาก่อนรึเปล่า? ฟื้นคืนพลังให้อีกฝ่ายไม่พอยังสะบั้นความได้เปรียบของตนทิ้งไปอีกงั้นรึ?”
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า เย่หยวนยังมีแผนสำรองอยู่?”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังมีแผนสำรองอันใดอีก? ขนาดข้ายังนึกไม่ออก!”
…
ก่อนหน้านี้เย่หยวนบดขยี้เทพนอกรีตราวกับตบแมลงวัน ในครานั้นพวกเขารู้สึกว่าตนรอดพ้นจากหายนะเป็นที่เรียบร้อย
แต่ใครจะรู้ว่า เพียงเสี้ยวพริบตา สถานการณ์กลับตาลปัตรอีกครั้ง
การกระทำของเย่หยวนทำให้สถานการณ์กลับมาเสียเปรียบอีกครา
หนิงซื่ออวื๋จับจ้องไปทางเย่หยวนที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า นางทราบดีว่าความแข็งแกร่งของเย่หยวนน่าเกรงขามเพียงใด และเทพนอกรีตก็ไม่มีทางทัดเทียมเย่หยวนได้เลย
แต่ปัญหาคือเย่หยวนจะต้านรับพลังศาสตร์แห่งของดินแดนนี้ได้ไหวหรือไม่
เว้นเสียแต่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าที่มีพลังปฐพีเท่านั้นที่พอจะสู้รบได้ไหว แต่ยามนี้นางกลับไม่เข้าใจเลยว่า เย่หยวนยังมีลูกไม้ใดอีกเพื่อสกัดต้านพลังศาสตร์แห่งสวรรค์นี้
ทันทีทันใด ดวงตาของเทพนอกรีตพลันแปรเปลี่ยนดูเย็นชาขึ้นชั่วขณะ มันกล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“ไอ้เด็กเหลือขอแสวงหาความตาย! ข้าจะตอบแทนความอัปยศที่เจ้ามอบให้ข้าคืนเป็นพันเท่าทวี!”
ฝ่ามือเทพนอกรีต!
เทพนอกรีตกระโจนขึ้นเหนือฟ้าพร้อมโจมตีใส่เย่หยวนโดยตรง
แต่ในเสี้ยวอึดใจต่อมา สีหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยวอย่างหาที่เปรียบไม่
บัดซบ! ล้มเหลวอีกแล้ว!
สุดท้ายมันก็ยังไม่สามารถระดมเรียกศาสตร์แห่งสวรรค์มาได้!
ทุกคนที่เห็นแบบนั้นต่างเผยสีหน้าตื่นตะลึงยิ่ง
“นี่เกิดอะไรขึ้น? เย่หยวนตัดขาดการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ไปแล้วมิใช่รึ? ตอนนี้มีเทพนอกรีตเป็นผู้ควบคุมแก่เพียงผู้เดียว แล้วไฉนยังไม่สามารถควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อีก?!”
“ฮ่าๆๆๆ ปรากฏว่ามันกำลังวิ่งเล่นอยู่ในมือเย่หยวน!”
“มันคงคิดว่าตนเองคงได้รับโอกาสทองในการโต้สวน แต่คาดไม่ถึงเลยว่า มันจะวิ่งเต้นอยู่บนฝ่ามือของเย่หยวนตั้งแต่แรก เอา! เร็วเข้าๆ! ฝ่ามือเทพนอกรีต! ฮ่าๆๆๆ…”
…
สีหน้าการแสดงออกของเทพนอกรีตยามนี้น่าเกลียดถึงขีดสุด ขณะนั้นเองมันก็ตะโกนลั่นจนเสียงแหบแห้ง
“เป็นไปไม่ได้! ตอนนี้ข้าคือผู้ควบคุมแก่เพียงผู้เดียว! แล้วทำไมยังไม่สามารถระดมพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อีก!”
เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายราวกับคนโง่และกล่าวเสียงเย็นเอ่ยดังขึ้นว่า
“เจ้าปัญญาอ่อนรึไง? ยังไม่เข้าใจอีกงั้นรึ? ข้าหรือจะยอมโง่ฝากชีวิตไว้ในกำมือของเจ้า? ที่ข้าตัดขาดการเชื่อมต่อออกไป เพราะศาสตร์แห่งสวรรค์มันไม่มีประโยชน์อันใดต่อข้าอีกแล้ว”
สายตาของเทพนอกรีตที่จับจ้องยามนี้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธจัด
ในที่สุดมันก็รู้แล้วว่า ทั้งหมดคือมันวิ่งเต้นอยู่บนฝ่ามือของเย่หยวน!
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้าไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยรึ?! แต่…เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า?”
เทพนอกรีตเอ่ยกล่าวเสียงเย็นใส่
เย่หยวนแสร้งตีหน้าไร้เดียงสากล่าวว่า
“โอ้? ข้าลืมอะไรไปงั้นรึ?”
เทพนอกรีตแสยะยิ้มสุดอัปลักษณ์กล่าวว่า
“เจ้าลืมความแข็งแกร่งดังเดิมของข้าผู้นี้ไป! ข้ามีระดับพลังสูงกว่าเจ้า! ข้าผู้นี้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เช่นนั้นรึ? เจ้าน่าประทับใจเสียจริง! ฮ่าๆ ข้ากล่าวไปแล้ว ต่อจากนี้คือการต่อสู้อย่างยุติธรรม ข้าต้องการโค่นเจ้าลงโดยไม่ใช้ตัวช่วย!”
เทพนอกรีตหัวเราะเยาะกล่าวเหยียดขึ้นว่า
“เอาชนะข้างั้นรึ? อาศัยเศษเสี้ยวพลังของเจ้า? แม้จะไม่ต้องยืมพลังของศาสตร์แห่งสวรรค์มา ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าอย่างง่ายดายเสมือนปัดฝุ่น! ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสถึงพลังที่แท้จริงของข้าผู้นี้!”
ในขณะนั้นเองกลิ่นอายอันทรงพลังแห่งอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าก็พวยพุ่งออกมาโดยไม่มีรั้งรออันใดอีก
คมกระบี่ส่องประกายขึ้นในมือของมัน ปรากฏว่าเป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ!
เทพนอกรีตแสยะยิ้มแสนน่าสะพรึงคำรามลั่นกล่าวว่า
“เพลงกระบี่จันทราเย้ยสวรรค์! ตายซะ!”
คมกระบี่แรกแย้มเคียงประดับจิตสังหารสุดแกร่งกร้าวจนน่าสะพรึง
แม้ฟางเทียน กวนควางเทียนอละคนอื่นจะอยู่ห่างจากคมกระบี่นี้ แค่พวกเขาต่างขนลุกซู่วโดยมิตั้งใจ
พวกเขาอดเป็นห่วงเย้หยวนมิได้ว่า เขาจะต่อกรกับเทพนอกรีตไหวจริงๆใช่ไหม?
ความเร็วของเทพนอกรีตรีดเร้นถึงขีดสุด ปราดพุ่งจู่โจมเย่หยวนในเสี้ยวพริบตา
เฉกเช่นเดียวกับก่อนหน้า เย่หยวนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัวพร้อมสองมือไพล่หลังอย่างใจเย็น
เทพนอกรีจพลันนึกขึ้นในใจ ระยะใกล้ปานนี้เย่หหยวนไม่มีทางเลี่ยงหลบคมกระบี่ของมันได้แน่นอน
แต่ในเสี้ยวพริบตานั้นเอง ร่างของเย่หยวนก็พล่ามัวไปต่อหน้าต่อตาของเทพนอกรีต และอันตรธานหายวับไปในท้ายที่สุด
มันตื่นตระหนกตกใจยิ่งยวด จนรีบดึงคมกระบี่กลัวมาเพื่อเข้าปกป้องตัวเองเป็นการด่วน
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังกึกก้องไปทั่วน่านฟ้า ส่งดังสะท้านถึงหูทุกคน
ร่างของเทพนอกรีตดิ่งพสุธาลู่ลมตกกระแทกพื้นดินเสมือนกระสุนปืนใหญ่
หนิงซื่ออวี๋จับจ้องภาพฉากนี้คร้านจักใส่ใจ และเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสุดเหยียดหยามดังว่า
“เจ้าโง่ แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นยังหาใช่คู่มือของท่านปรมาจารย์เย่ แล้วเจ้าเป็นใครถึงคิดว่าพลิกฟ้าคว่ำสวรรค์ได้?”
วูบบบ!
เทพนอกรีตกระโจนร่างขึ้นมาจากหลุมดินยักษ์ที่ตกกระแทกเมื่อครู่ ทันใดนั้นไอหมอกสีดำพลันพวยพุ่งอออกมาจากร่างกายไม่หยุดหย่อน
มันในตอนนี้โกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดแล้ว พร้อมตะโกนเสียงดังสนั่นลั่นว่า
“ไอ้เด็กเหลือขอ! ข้าจะถลกหนังดึงเส้นเอ็นทั่วร่างของเจ้าออกมาให้หมด!”
คมกระบี่อีกกระบวนถูกปลดปล่อยออกมา กระทั่งฟ้าดินยังแปรผันวิปลาส ภูตผีต่างร่ำไห้!
แต่…
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าดังกึกก้องเป็นคำรบสอง!
เหล่าผู้คนไม่น้อยต่างเร่งยกมือขึ้นลูบไล่ใบหน้าตนเองราวกับรู้สึกเจ็บแทน
ช่างเป็นฝ่ามือตบที่รุนแรงเสียจริง!
“อ๊ากกก!! เย่หยวน ข้าจะฆ่าเจ้า!!!”
เทพนอกรีตกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและพุ่งเข้าใส่เย่หยวนอีกครั้ง
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
โดนตบครั้งแล้วครั้งเล่า เทพนอกรีตโดยเย่หยวนกระหน่ำตบหน้าไม่หยุดหย่อน
และเสียงตบแต่ละครั้งก็เสียงดังฟังชัดยิ่งนัก
ตอนที่ 1579 เจ้ามันปีศาจ!
Ink Stone_Fantasy
เทพนอกรีตโห่ร้องตะโกนเสียงดังลั่นภายในใจ แต่มันไม่สามารถจับความเร็วของเย่หยวนได้ทันเลย
มันไม่แม้แต่จะอ้อนวอนขอความเมตตาใดๆ
เทพบนอกรีตแทบอยากกัดลิ้นตาย!
ในตอนที่เย่หยวนตัดขาดการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ มันคิดว่าโอกาสของตนเองมาถึงแล้ว
เขาได้แต่หัวเราะเยาะความโง่เขลาของเย่หยวนภายในใจ
แต่ทันทีทันใด มันก็เริ่มรู้แจ้งเห็นจริงในอะไรบางอย่าง
เสี้ยวพริบตาแรกเย่หยวนแสร้งทำเป็นอ่อนแอให้มันตายใจ และทำลายความหวังทิ้งไปโดยไม่ทันตั้งตัว
จากความภาคภูมิใจและความสำเร็จที่เปี่ยมล้นกลายมาเป็นความสิ้นหวังอีกครั้ง และเย่หยวนก็มอบความหวังครั้งใหญ่ พร้อมบดขยี้ให้จมดินลึกกว่าเดิม
ในชั่วเวลาสั้นๆ มันทรมานขมขื่นใจเสียยิ่งกว่าความตายหลายเท่านั้น ความสิ้นหวังในขณะที่ยังมีชีวิตช่างน่ากลัวเกินพรรณนายิ่งแล้ว! หัวใจของมันแทบแตกสลายแล้ว
ทันทีทันใดเสียงตบหน้าก็หายไป
เย่หยวนหยุดตบเขาแล้ว!
ทุกคนต่างปิดปากเงียบสงัด ตื่นตะลึงต่อความแข็งแกร่งนี้ของเย่หยวน
บรรพชนพระเจ้าชั้นกลางสามารถเอาชนะบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดได้อย่างง่ายดาย ปานไล่ตีสุนัข!
แน่นอนว่านี่ยังคงเป็นภาพฉากที่คุ้นเคยนัก!
ความแข็งแกร่งของเย่หยวนยังไม่สามารถพรรณนาได้เช่นเดิม
ตอนนี้พวกเขาทราบแล้วว่า ความกังวลก่อนหน้าของทุกคนล้วนเป็นเรื่องไร้สาระโดยแท้
สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือ เชื่อใจเย่หยวนเท่านั้นจริงๆ
ยามนี้ใบหน้าของเทพนอกรีตเละจนไม่เหลือเค้าโครงมนุษย์แล้ว
ฟันทั้งหมดในปากของมันหลุดร่วงไม่เหลือ ใบหน้าบวมช้ำหนัก ปากเอ่อล้นเลือดสีทองเข้มทะลักไหลไม่หยุด ยิ่งดูยิ่งน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่
เย่หยวนหยิบใช้พลังแห่งแนวคิด จึงสามารถสร้างบาดแผลให้แก่อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย และบาดแผลเหล่านี้ยังยากต่อการรักษาอีกด้วย
เขาจับจ้องเทพนอกรีตที่ยามนี้มีใบหน้าเละราวกับหัวหมูและกล่าวเสียงเย็นชืดดังว่า
“เมื่อครู่รู้สึกอย่างไร? อย่าเพิ่งสิ้นหวังไปเสีย? ข้าอุตส่าห์หาสะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ทิ้งไปแล้ว เจ้าคือผู้ควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์แก่เพียงผู้เดียวมิใช่รึ? เช่นนั้นอย่าเพิ่งสิ้นหวังไป รีบๆจัดการข้าสิ? ไฉนยังไม่เข้ามา? หากยังโค่นข้าไม่ได้แล้วตัวเจ้าจะมีความสุขได้อย่างไร!”
รูม่านตาดำของเทพนอกรีตตีบตันหนัก เขารู้ดีว่าเย่หยวนยังไม่ได้เอาจริงกับมันเลยตั้งแต่ต้นรจวบจนตอนนี้!
เด็กหนุ่มคนนี้สามารถฆ่ามันทิ้งได้ทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส!
แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ทำ!
การถูกอีกฝ่ายปั้นหัวทรมานเล่นเช่นนี้มันน่าอับอายเสียยิ่งกว่าถูกผู้หญิงทิ้งไปเสียอีก!
มันเป็นแค่ไอ้โง่ตัวหนึ่งที่วิ่งเล่นอยู่บนฝ่ามือของเย่หยวน!
เย่หยวนผู้ซึ่งมอบความหวังให้แก่มัน แต่เขาก็ทำลายความหวังเหล่านั้นลงทันทีชนิดไม่เหลือซาก
“เจ้า…เจ้ามันปีศาจ!”
เทพนอกรีตกล่าวทั้งน้ำตา
ยามนี้ตัวมันทั้งรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวเย่หยวนเกินบรรยายได้แล้ว!
มันต้องโง่แค่ไหนถึงกล้าโอ้อวดความยิ่งใหญ่ต่อหน้าปีศาจตนนี้? ต่อหน้าปีศาจนามว่าเย่หยวน มันก็เป็นได้แค่มดปลวกตัวน้อย!
เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้เย่หยวนเอาจริงได้เลยด้วยซ้ำ!
เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า
“ปีศาจ? หึหึ ขนาดปีศาจยังต้องกลัวข้าด้วยซ้ำ! แต่…เจ้ายังคงเชื่อว่า ตัวข้าที่ตัดสะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ไปแล้ว จะไม่สามารถใช้พลังเหล่านั้นได้อีก? เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆรึ?”
รูม่านตาดำของเทพนอกรีตตีบแคบหนักกว่าเก่า มันร้องคร่ำครวญด้วยความไม่เชื่อว่า
“ไม่…เป็นไปไม่ได้!”
ณ ปัจจุบัน มิใช่เพียงเทพนอกรีตเท่านั้น แม้แต่ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างเองยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน
ตัดการเชื่อมต่อกับศาสตร์แห่งสวรรค์ไปแล้ว เย่หยวนจะสามารถควบคุมศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อย่างไร”
รอยยิ้มจางๆพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวน เพียงเขากระดิกนิ้วชี้เบาๆฟ้าดินก็พลันเปลี่ยนสีทันใด
“พร๊วดดด!!”
ในเสี้ยวพริบตา คลื่นอากาศเดือดปะทุ ศาสตร์แห่งสวรรค์จำนวนมหาศาลระดมก่อตัวขึ้นพร้อมทะลวงกลางอกของเทพนอกรีตจนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่!
สายตาของเทพนอกรีตยามนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความเหลือเชื่อ
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?
เป็นไปได้ยังไง!!
เด็กนั้นยังสามารถระดมใช้ศาสตร์แห่งสวรรค์ได้จริงๆ!
หรือเป็นไปได้ไหมว่า ภาพฉากที่เขาสะบั้นศาสตร์แห่งสวรรค์ทิ้งไปก่อนหน้าจะเป็นภาพลวงตา?
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มและกล่าวว่า
“เจ้าคงแปลกใจใช่ไหม? เหตุใดข้าถึงยังสามารถใช้พลังศาสตร์แห่งสวรรค์ได้?”
เย่หยวนเว้นจังหวะหยุดชะงักเล็กน้อย และกล่าวต่อว่า
“หุหุ โทษที แต่นี่…เป็นความลับ!”
“พร๊วดดด!!”
ความขมขื่นแสนอัปยศพุ่งทะยานขึ้นสู่หัวใจจนท่วมท้น มันรู้สึกแน่นหน้าอกจนกระอักพ้นอาเจียนออกมาเป็นเลือดสด
เทพนอกรีตในยามนี้เปรียบเสมือนกับศรธนูแรงปลายที่ใกล้ดับวอด
เย่หยวนจงใจไม่ฆ่ามันเพื่อให้มันลองลิ้มชิมรสต่อความสิ้นหวังให้เต็มที่
เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยและกล่าวว่า
“อย่าถามเลยว่าทำไมข้าเลือดเย็นปานนี้ หากต้องการตำหนิใครสักคนก็ควรตำหนิตนเอง!”
“พร๊วดดด!!”
เย่หยวนกระดิกนิ้วขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คลื่นพลังศาสตร์แห่งสวรรค์ตรงเข้าเจาะทะลวงทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเทพนอกรีตจนทะลุเป็นรู!
“อ๊ากกก!! ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของข้า!!!”
เทพนอกรีตกรีดร้องระงมสุ้มเสียงสุดอนาถใจ
เย่หยวนฉีกยิ้มแสนเยือกเย็นกล่าวว่า
“เนื่องจากเจ้าถูกผนึกมานานกว่าสามแสนปีและยังไม่ตาย นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าตายยากตายเย็นเพียงใด เช่นนั้นก็ถูกผนึกต่อไปเสียเถอะ!”
เย่หยวนพลิกฝ่ามือจ่อเหนือศีรษะของมัน และระดมพลังปราณเทวะอัดใส่เทพนอกรีตจนร่างฝังดินโดยตรง
จากนั้นเขาก็หยิบใช้มวลพลังศาสตร์แห่งสวรรค์จำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าปกคลุมทั่วร่างของเทพนอกรีตและปิดผนึกลงในใต้ดินทันทีอย่างแน่นหนา
ผนึกของเย่หยวนคราวนี้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าผนึกเมื่อสามแสนปีก่อนไม่รู้กี่เท่า
มันจะถูกปิดผนึกเช่นนี้ไปจนตาย
ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ร่างหนึ่งที่ยืนตระหง่านเหนือฝากฟ้า มันคือบุคคลผู้ไร้เทียมทานที่สุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ และพวกเขาไม่ทราบเลยว่าต่อจากนี้ควรวางตัวอย่างไรกับคนตรงหน้าดี
หายนะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ได้ถูกเย่หยวนช่วยเหลือเอาไว้ได้แล้วอย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขายังทรงพลังเกินไปจน เบื้องลึกภายในของแต่ละคนรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง
เย่หยวนทำให้เทพนอกรีตวิ่งเต้นอยู่บนฝ่ามือได้ ทั้งยังทรมานทั้งร่างกายและจิตใจของมันนานกว่าครึ่งวันก่อนที่จะขังลืมอีกฝ่ายไปตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม พวกฟางเทียนทราบดีว่า เหตุที่เย่หยวนเลือดเย็นปานนั้นเป็นเพราะเทพนอกรีตล้ำเส้นเย่หยวนเกินไปจนทำให้เข่าโกรธจัด หากต้องการตำหนิใครสักคนคงหนีไม่พ้นตัวมันเอง
หากเป็นศัตรูคนอื่น แม้คู่ต่อสู้ตรงหน้าจะเป็นเย่หยวน แต่จุดจบลงไม่ทรมานปานนี้แน่นอน
แต่เดิมการจากไปของมู่หลินเสวียก็ทำให้เย่หยวนเสียใจเกินทนแล้ว ตอนนี้เทพนอกรีตยังจะมาแย่งคนรักของเขาไปอีกคน นี่ยังเป็นอะไรได้อีก หากมิใช่การรนหาที่ตาย?
ร่างของเย่หยวนไสววาบ ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าลี่เอ๋อ
เย่หยวนเอื่อมมือออกไปลูบไล้ใบหน้าเนียนขาวของลี่เอ๋อเล็กน้อย ครู่หนึ่งหลากหลายอารมณ์พลันพลุ่งพล่านออกมาไม่หยุดหย่อน
“ลี่เอ๋อ เจ้าผอมลงไปเยอะเลย”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวทั้งดวงตาที่เห่อร้อนขึ้น
เย่หยวนเข้าดีว่า ตัวเขาแทบไม่มีความหวังอยู่เลยที่จะอยู่รอดขนมหาพิภพถงเทียน หลายปีมานี้ลี่เอ๋อจึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะมัวแต่กังวลใจเรื่องความปลอดภัยของเขา
หนึ่งร้อยปีกลับไม่ง่ายเลย!
ทันใดนั้นหยดน้ำตาสีใสบริสุทธิ์พลันไหลรินออกมา แต่ลี่เอ๋อก็ยังคงฝืนยิ้ม
ในทีแรก นางคิดว่าตนคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว
แต่ใครจะไปคิด ในช่วงวิกฤตสุดท้ายของชีวิต จู่ๆเย่หยวนก็กลับเข้ามาในดินแดนพฤกษานิรันดร์มาอย่างปาฏิหาริย์!
นางส่ายหัวแรงกล่าวตอบไปว่า
“ลี่เอ๋อกินดีหลับสบายมาตลอด! ข้ามิได้ซูบผอมลงเสียหน่อย! แต่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เดินทางในมหาพิภพถงเทียนยากลำบากหรือไม่?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เป็นเจ้าที่เข้าใจข้าดีที่สุด แต่ยิ่งเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าก็ยิ่งรู้สึกเป็นหนี้บุญต่อเจ้า!”
ลี่เอ๋อส่ายหัวอีกคราพลางเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสะอื้นว่า
“หาดเปรียบกับพี่หลินเสวียแล้ว ตัวข้ายังนับเป็นอันใด? พี่ใหญ่ดินทางท่องทั่วมหาพิภพถงเทียน ยามนี้ค้นพบวิธีรักษาพี่หลินเสวียแล้วรึยัง?”
เย่หยวนส่ายหัวขณะถอนหายใจเอ่ยตอบไปว่า
“นั้น…ยากเกินไป!”
น้ำตาของลี่เอ๋อหลั่งไหลออกมาโดยมิตั้งใจ
เย่หยวนดึงร่างของลี่เอ๋อเข้ามาสวมกอดเบาๆ คำกล่าวทุกอย่างถูกถ่ายทอดสื่อถึงกันและกันโดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ
เหลียงหวางหรูย่อมมิได้ยินว่าทั้งสองกำลังสนทนาอะไรกัน แต่เมื่อเห็นภาพฉากที่ทั้งสองสวมกอดกันจากระยะไกล ร่างบางของนางพลันสั่นสะท้านอย่างหนักพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างห้ามปรามไม่อยู่
นางไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่า ภายในโลกใบเล็กๆแห่งนี้ยังมีสาวงามขนาดนี้อยู่
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ใหญ่เย่ปฏิเสธนาง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น