Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1554-1555
ตอนที่ 1554 เจ้าคำนวณพลาดแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
อู๋เฟินนั่งยิ้มกว้างอยู่ในโถง รอยยิ้มของเขาช่างสดใสยิ่งนัก
หวางห่าวหลานและหวางเชียนสุ่ยอยู่ด้านขวามือ ท่าทีดูลุกลี้ลุกลนอย่างยิ่ง
แม้ว่าหวางเชียนจะได้รับการรักษาจนกลับมาหายดี แต่เงินห้าสิบล้านของอู๋เฟินนับว่าไหลลงท่อระบายน้ำไปโดยปริยาย
และที่สำคัญที่สุดคือ เขาเสียหน้าครั้งใหญ่!
หวางห่าวหลานเข้าใจในจุดนี้ของอู๋เฟินดีที่สุด เขาห่วงภาพพจน์ตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใดอื่น
หากเป็นเรื่องเล็กน้อยยังพอทำเนา แต่นี่ถึงขั้นกระทบต่อตำแหน่งนักหลอมโอสถอันดับหนึ่งแห่งเขตเมืองทางตอนใต้ เขาหรือจะยอมผ่อนปรนผ่านไปโดยง่าย?
ครั้งนี้ไม่เพียงทำไม่สำเร็จแต่ยังเป็นการสร้างชื่อให้แก่เย่หยวนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หวางห่าวหลานกลับไม่นึกไม่ฝันเลยว่า อู๋เฟินในตอนนี้กลับอารมณ์ดีจนน่าประหลาดใจ
“โอ้ ห่าวหลาน เจ้าคิดว่าข้าจะตำหนิเจ้าเพราะเรื่องแค่นี้รึ?”
อู๋เฟินกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้ม…ดั่งหลุดมาจากขุมนรก
หวางห่าวหลานเอ่ยตอบพร้อมใบหน้าแดงก่ำ
“ท่านปรมาจารย์ ข้า…”
“หุหุ เจ้าคิดตามข้ามาก็หลายปี มีหรือจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้า ถึงขั้นเชื้อเชิญนักหลอมโอสถสี่ดาวให้เข้ารักษาเชียนเอ๋อก็ทำมาแล้ว จริงหรือไม่?”
อู๋เฟินยิ้มกล่าว
หวางห่าวหลานรีบกล่าวตอบทันทีว่า
“ห่าวหลานรู้สึกเป็นพระคุณยิ่งที่ได้รับความเมตตาจากท่านปรมาจารย์ หากตอบแทนได้ด้วยชีวิตย่อมสละให้ได้!”
อู๋เฟินพยักหน้าและกล่าวว่า
“สำหรับที่หวางเชียนฟื้นตัวขึ้นได้ ข้าเองก็ดีใจเช่นกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมาก นี่หาใช่ความผิดของเจ้าไม่”
หวางห่าวหลานกล่าวตอบ
“ท่านปรมาจารย์ ห้าสิบล้านผลึกปราณเทวะ สักวันข้าจะต้องชดใช้ให้คืนแน่นอน!”
อู๋เฟินระเบิดหัวเราะลั่น
“ข้าไม่เอา ไฉนเจ้าดื้อเช่นนี้!”
หวางห่าวหลานโค้งคำนับกล่าวว่า
“ท่านปรมาจารย์ หนี้ใหญ่หลวงครั้งนี้ข้าต้องชดใช้คืนแน่นอน ข้าห่าวหลานมิใช่พวกนั่งกินนอนกิน!”
อู๋เฟินตรงเข้าไปตบไหล่ของหวางห่าวหลานเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เจ้าไม่ต้องจ่ายใดๆทั้งสิ้น! ลืมไปเถอะ อย่ามาชดใช้บุญคุณกันเช่นนี้เลย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าการแสดงออกของหวางห่าวหลานก็ดูผ่อนคลายลง แต่ทันใดนั้นน้ำเสียงของอีกฝ่ายกลับเยือกเย็นลงทันตา
“เพราะว่า…สิ่งที่เจ้าต้องชดใช้คือชีวิต!”
ทันใดนั้นเองร่างของหวางห่าวหลานพลันชักกระตุกหนัก ก่อนจะเงยหน้ามองอู๋เฟินพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีอย่างมาก
จู่ๆ เขาพลันรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นกะทันหัน เลือดทั้งหมดภายในร่างกายหยุดโคจรไปชั่วขณะ พลังปราณเทวะค่อยๆแข็งตัวก่อนที่สติจะเริ่มเลือนราง
“ท่านปรมาจารย์ นี่…”
หวางห่าวหลานเพ่งสติจับจ้องไปที่อู๋เฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เขารู้ตัวทันทีว่าตนถูกวางยาเสียแล้ว
จอกชาที่เขาดื่มลงไปเมื่อครู่มียาพิษอยู่!
สายตาคู่นั้นของอู๋เฟินพลันเปลี่ยนไปดูเย็นชาอย่างยิ่ง เขากล่าวขึ้นว่า
“อืม ทำได้ดีมากจริงๆ! ชายชราคนนี้กลายมาเป็นตัวตลกทั่วทั้งเขตเมืองทางตอนใต้หมดแล้ว! ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเจ้าก็ต้องตาย! ทั้งๆที่ข้าช่วยเหลือเจ้ามาตลอด แต่กลับตอบแทนกันเช่นนี้! เจ้าหนุ่ม เจ้าคงมิได้ขัดข้องอะไรกระมัง?”
ทันทันใด หวางเชียนใจหายวาบ เขาอุทานขึ้นลั่นน้ำเสียงสั่นคลอนยิ่งว่า
“ท่านลุงสอง! ท่านอย่าตาย! อู๋เฟิน! ทั้งๆที่ท่านแม่และท่านลุงสองซื่อสัตย์กับท่านมาโดยตลอด ไฉนถึงกล้าวางยาพิษฆ่าแกงกันเช่นนี้!”
ขาคู่นั้นของหวางเชียนสั่นเทาไม่หยุดหย่อน เขาพยายามลุกขึ้นแต่สุดท้ายกลับโซเซไปมาพยุงร่างมาตรง
เมื่อครู่เขาเองก็ดื่มชาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็โดนพิษไปแล้ว
หวางห่าวหลานใช้กำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ผลักร่างของหวางเชียนออกไปและกล่าวว่า
“ป-ไป! ไป…ไปหาท่านปรมาจารย์เย่!”
อู๋เฟินระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า
“ดูสิ! ใจของเจ้าภักดีต่อปรมาจารย์เย่อะไรนั้น ไหนว่าซื่อสัตย์ต่อข้า? น่าเสียดายนักหวางเชียน เจ้าเองก็ดื่มชาจอกนั้นเช่นกัน เจ้าเองก็จะไม่ต่างจากลุงของเจ้า พวกเจ้าทั้งคู่มิอาจหลีกหนีความตายไปได้!”
คู่ดวงตาของหวางเชียนแปรเปลี่ยนเป๋นสีแดงก่ำ เขากัดฟันแน่นยิ่งกว่าแค้นอาฆาตจนขากรรไกสั่นเทา น้ำตารินใสไหลบ่าออกมา
เขารีดเร้นพลังปราณเทวะทั้งหมดภายในร่างกายออกมา พร้อมปราดพุ่งโจมตีใส่อู๋เฟินเสมือนลูกธนูเข้าพิฆาต
อู๋เฟินชะงักค้างไปครู่ใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่าจนปานนี้หวางเชียนยังสามารถโคจรพลังปราณเทวะอยู่ได้อีก
อย่างไรก็ตามแต่ ความแข็งแกร่งของอู๋เฟินในตอนนี้เหนือกว่าอย่างชัดเจน และห่างไกลเกินกว่าที่หวางเชียนจักต่อกรได้
บูมมม!
ด้วยความโกรธแค้นหวางเชียนเข้าสัประยุทธ์สุดดใจขาดดิ้น แต่ท้ายที่สุดกลับถูกซัดกระเด็นดีดออกไปไกล
ในขณะเดียวกันอู๋เฟินก็รีดเร้นพลังปราณเทวะเข้าขับสู้ไม่น้อยเช่นกัน ส่งผลให้ไม่เหลือพลังงานพอที่จะไล่ล่าตามออกไป
หวานเฉียนคำรามลั่นทั้งน้ำตาว่า
“ท่านลุงสอง…โปรดรอข้าก่อน! ข้าจะรีบไปห่าท่านปรมาจารย์เย่มาช่วยเหลือท่าน! ท่านโปรดมั่นใจ ข้าจะล้างแค้นให้ท่านแน่นอน!”
ถึงแม้หวางเชียนจะวิงเวียนศีรษะ แต่อาการโดยรวมของเขายังดูดีกว่าหวางห่าวหลานมาก
เมื่อได้ฟังแบบนั้นดวงตาหม่นประกายคู่นั้นของหวางห่าวหลานก็เปี่ยมสุขขึ้นมาทันควัน ใบหน้ายามสุดท้ายประดับรอยยิ้มจางๆเอาไว้ไม่เสือมคลาย
ต้องเป็นเพราะโอสถชำระไขกระดูกสวรรค์ของท่านปรมาจารย์เย่ไม่ผิดแน่ จึงทำให้ร่างกายของเชียนห่าวต้านทานต่อพิษได้มีประสิทธิภาพขึ้นมาก!
“ปรมาจารย์อู๋เฟิน…เจ้าเล่นผิดคนแล้ว!”
เอ่ยกล่าวประโยคนี้เสร็จ หวางห่าวหลานก็หลับตาลงไปตลอดกาล
“ท่านลุงสอง!!”
หวางเชียนดวงตาเห่อร้อนหนักพร้อมธารน้ำตารินไหลไม่หยุดหย่อน พลางตะโกนอย่างบ้าคลั่งจนเสียงแหบแห้งไป
….
“ท่านปรมาจารย์เย่! ท่านปรมาจารย์เย่!! ข้าต้องรีบไปหาเขา!!”
ในขขณะเดียวกัน
พอหนิงซื่ออวี๋ยื่นฝ่ามือออกมา พลันปรากฏเปลวไฟสีครามฟ้าอ่อนเผยต่อหน้าเย่หยวน
เย่หยวนเหลียวมองหนิงซื่ออวี๋ด้วยความแปลกใจ ขณะกล่าวว่า
“เจ้าตั้งใจนำมันมามอบให้ข้า?”
หนิงซื่ออวี๋แสยะยิ้มมากเล่ห์กล กล่าวว่า
“พูดอีกก็ถูกอีก พวกเราต่างได้กับได้!”
จากนั้นนางก็เริ่มเล่ากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่กลับไป และเอาชนะเดิมพันกับศิษย์พี่สองมาได้ ซึ่งนี่ทำให้เย่หยวนคลี่ยิ้มออกมาเช่นกัน
“เจ้านับว่ามีความตั้งใจดี ไฟศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ข้าขอรับไปแล้วกัน เท่านี้ค่าโอสถที่เจ้าติดค้างข้านับว่าหายกัน”
เพียงเย่หยวนกระดิกนิ้วเรียกเล็กน้อย เปลวไฟสีครามฟ้าอ่อนก็พุ่งตรงเข้ามาวิ่งเล่นบนฝ่ามือของเย่หยวนอย่างเชื่อฟัง
รูม่านตาดำของหนิงซื่ออวี๋ถึงกับหดเล็กตีบตันในบัดดล ทักษะการควบคุมไฟของชายคนนี้บรรลุถึงจุดดสูงสุดแล้วจริงๆ!
ทั้งๆ ที่เป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น แต่เขากลับควบคุมมันจนเชื่องในพริบตาเดียว!
แต่ทันทีทันใด นางเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางจึงกล่าวท้วงติงขึ้นทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน… ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามมีค่าแค่สี่สิบล้านผลึกปราณเทวะเองหรอกรึ? นี่…นี่ท่านกำลังปล้นข้าอยู่รึไง!”
เย่หยวนเหลือบมองนางเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ฝ่ามือของเขายังคงขยับเคลื่อนไปมา ทันทีทันใดเปลวไฟสีครามฟ้าอ่อนพลันอันตรธานหายวับไปต่อหน้าต่อตา
อย่าประมาทเมื่อเหยื่ออยู่ใกล้ปากเสือ ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือเย่หยวนกลับไม่ต่างกันเลย
ทันทีทันใด เย่หยวนพลิกฝ่ามือขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จู่ๆเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ก็เผยปรากฏขึ้นมา
แต่ภายในเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวคล้ายมีกลุ่มไฟสีครามฟ้าเล็กๆคล้ายว่ากำลังโดนกลืนกินอยู่
หนิงซื่ออวี๋ที่เห็นเช่นนั้นแทบร้องกรี๊ด นางอุทานลั่นด้วยความตกใจยิ่งว่า
“ท-ท-ท่าน…ท่านกลับเลือกให้ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองของตนกลืนกินไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม? นี่ท่านกำลังทำเสียของ!”
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่า ที่เย่หยวนต้องการไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามหาได้นำไปใช้เอง แต่กลับนำไปเป็นยาบำรุงให้แก่ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสองของตัวเอง!
หนิงซื่ออวี๋ที่เห็นเช่นนั้นก็ขึ้นกับโกรธอย่างมาก!
หากต้องการเสริมแกร่งให้ไฟศักดิ์สิทธิ์ ควรใช้ไฟระดับสองเป็นอาหารให้ไฟระดับสามไม่ดีกว่าหรอกรึ?
แต่ชายคนนี้กลับทำตรงข้ามกันเลย!
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“เจ้าไฟศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้จะมาแทนที่เพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวของข้าได้อย่างไร? ในแง่การหลอมกลั่นโอสถ ข้ายอมรับว่ามันมีพลังเผาผลาญที่สูงกว่า แต่สุดท้ายนี้เพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์กลับเป็นอะไรมากกว่านั้น เกือบร้อยปีที่ผ่านมาข้ากับมันร่วมทุกข์ร่วมสุขฝ่าฟันปัญหามากมายมาร่วมกันโดยตลอด ข้าทนไม่ได้หรอกที่ต้องปลดระวางมัน เช่นนั้นหากให้มันกลืนกินไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม มันเองก็ควรจะพัฒนาขึ้นกลายเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเช่นกัน”
หนิงซื่ออวี๋ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อฟัง ไฉนวาจาคำกล่าวรวมไปถึงน้ำเสียงของเขาถึงราวกับ…พวกตาเฒ่าที่ผจญผ่านโลกมานานแสนนานแบบนี้?
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้อายุเพียงร้อยปีเท่านั้น แล้วไฉนถึงทำตัวราวกับคนแก่อายุหมื่นปีกัน?
“เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ!”
หนิงซื่ออวี๋ยักไหลเล็กน้อยอย่างไม่แยแส
แค่ไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสามชนิดเดียว หาได้มีประโยชน์อันใดต่อนางเช่นกัน
ในเวลานั้นเอง ร่างทั้งสามก็ตรงเข้ามาในร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด
ปรากฏเป็นชายชราคนหนึ่งผู้มีสง่าราศีประดุจนักปราชญ์ อีกคนเป็นชายตัวอ้วนกลมคล้ายลูกหนัง และหญิงสาวอีกนางหนึ่งที่งดงามประดุจนางฟ้า
“เจ้าของร้าน! ข้าได้ยินมาว่าที่นี่รับจ้างหลอมกลั่นโอสถทุกชนิดจริงๆรึ?”
ชายชราประดุจนักปราชญ์ผู้นั้นเอ่ยกล่าวขึ้นกับเจ้าของร้านที่ตรงออกมารับหน้า
เจ้าของร้านเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความภาคภูมิใจยิ่งว่า
“ถูกต้องแล้ว! ท่านออกไปตระเวนสอบถามเรื่องนี้จากปากใครก็ได้! ไม่มีใครไม่รู้จักท่านปรมาจารย์เย่แห่งร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดของเรา!”
เมื่อคำกล่าวนี้ดังออกมา สีหน้าการแสดงออกของทั้งสามพลันเปลี่ยนไปทันที!
“เจ้ากล่าวว่าอันใด?! นักหลอมโอสถของที่นี่มีนามว่าเย่หยวนใช่ไหม?!”
ชายชราอุทานลั่นด้วยความตื่นเต้น
ตอนที่ 1555 เตรียมศึกษาบทเรียนที่เหมาะสม
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดพวกเจ้าก็มาเสียที!”
เมื่อเย่หยวนเห็นเจ้าท้วม เขาก็โผเข้ากอดทันที
ไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นเวลาเนิ่นนาน เย่หยวนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
หนิงซื่ออวี๋เดาะลิ้นเสียงดังก้องคล้ายว่าถึงบางอ้อเข้าใจแจ่มแจ้ง นางเหลือบมองเย่หยวนเล็กน้อยเจือความประหลาดใจ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาก็ยังมีด้านแบบนี้กับเขาด้วยเช่นกะน
เซี๋ยะจิ้งอวี๋กระวนกระวายใจยิ่งทั่วใบหน้าแดงก่ำ โพล่งกล่าวขึ้นว่า
“น้องชาย ข้าคิดถึงเจ้าแทบตาย+”
“พี่…พี่ใหญ่เย่!”
เหลียงหวางหรูดูเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทักทายในที่สุด
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“น้องหวางหรู พัฒนาการของเจ้าในช่วงที่ผ่านมาไม่เลวเลยจริงๆ! ฮ่าๆ”
เหลียงหวางรุยคลี่ยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย นางกล่าวว่า
“ทั้งหมดหาใช่เพราะโอสถของพี่ใหญ่เย่? มิฉะนั้นด้วยพรสวรรค์ของหวางหรูแค่ลำพัง มีหรือจะพัฒนามาไกลถึงปานนี้?”
ในปัจจุบัน เหลียงหวางหรูทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้แล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นความเร็วในการพัฒนาที่น่าอัศจรรย์นัก
เย่หยวกล่าวอธิบายกับเหลียงหวางหรูให้กระจ่างกันมานานแล้ว ในท้ายที่สุดนี้สถานะของพวกเขาควรหยุดอยู่กันแค่พี่น้อง
แม้ความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของเหลียงหวางหรูกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย แต่สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงเท่านั้น
ข้างกายทั้งสองเป็นเซียวเฟิงที่ยามนี้รู้สึกตื่นตะลึงใจไม่รู้จบ เขากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสนขมขื่นว่า
“เราชายชราไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจริงๆ กลับเป็นเจ้านี่เองที่อยู่ในร้านขายโอสถสารพัดรับจ้างแห่งนี้! คิดย้อนกลับไปครุ่นพินิจให้ดี นอกจากเจ้าแล้วยังมีใครกล้าตั้งแผ่นป้ายรับจ้างสารพัดหลอมกลั่นเช่นนี้อีกกัน?”
เย่หยวนหัวเราะคิกคักเล็กน้อยกล่าวว่า
“นั้นเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เช่นกัน เงื่อนไขในการเข้าสู้เขตเมืองชั้นในยุ่งยากเกินควร ท้ายที่สุดนี้ข้าจำต้องสร้างเรื่องเล็กน้อยเพื่อดึงพวกท่านออกมาเสียเอง”
เซียวเฟิงรวนหัวเราะไม่ต่าง ยิ้มกว้างกล่าวขึ้นว่า
“สร้างเรื่องเล็กน้อย? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกกลุ่มอิทธิพลภายในเขตเมืองชั้นในต่างรู้จักหมดแล้วว่า มียอดอัจฉริยะคนหนึ่งที่ตั้งป้ายว่ารับจ้างสารพัด!”
ดวงเนตรคู่นั้นของหนิงซื่ออวี๋กรอกวนไปมาเสียรอบหนึ่ง นางเข้าใจทั้งหมดอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่า ทั้งหมดที่เย่หยวนทำไปก็เพื่อดึงทั้งสามคนนี้เข้ามาหา!
แรกเห็นเย่หยวน นางรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก
แต่เมื่อได้รู้จักจริงๆ หนิงซื่ออวี๋กลับรู้สึกว่าเย่หยวนหาใช่คนหยิ่งผยองแม้สักนิด จึงอดสงสัยว่าไปคิดอีท่าไหนถึงตั้งป้ายรับจ้างสารพัดไปแบบนั้น?
นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ทั้งหมดก็เพื่อดึงมิตรสหายภายในเขตเมืองชั้นในให้ออกมาหา!
หนิงซื่ออวี๋ตะลึงงันจนพูดไม่ออก คงมีแค่เย่หยวนเท่านั้นที่ตัดสินใจหยิบใช้วิธีการแปลกๆเช่นนี้เพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จกระมัง?
หากเป็นคนอื่นเห็นได้ชัดว่าคงเลิกล้มความคิดไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรคนบางอาจต้องอยู่ในเขตเมืองชั้นนอกไปตลอดชีวิต!
แต่เย่หยวนกลับเลือกที่จะท้าทายห้ากลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่โดยลำพัง ซึ่งนี่ก็ส่งผลลัพธ์ดีเกินคาด
เย่หยวนในเวลานั้นทำให้นางรู้สึกดั่งว่าเขาเป็นเทพเซียนไร้เทียมทาน!
เต๋าแห่งโอสถเหนือชั้นกว่าทุกสรรพสิ่งใด!
เย่หยวนยักไหล่และกล่าวว่า
“นี่เป็นเรื่องช่วยมิได้เช่นกัน ทุกคนก็ควรทราบดี ข้ามิได้โดดเด่นอะไรขนาดนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งสามอดกรอกตามองบนใส่เย่หยวนมิได้
เซียวเฟิงลูบเครายาวสีขาวของเขา ขณะจับจ้องเย่หยวนเจือหมั่นไส้เล็กน้อย กล่าวว่า
“เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าเกือบคว่ำเมืองหลวงวู่เมิ่งมาแล้ว แต่ยังกล้ากล่าวว่าตนมิได้โดดเด่น?”
“ฮ่าๆ นั้นมันอุบัติเหตุเท่านั้นๆ!”
เย่หยวนรวนหัวเราะเอ่ยตอบกลับไป
เซียวเฟิงเพียงเอ่ยกล่าวเล่นกับเย่หยวนเท่านั้น เพราะเขาทราบดีรว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นที่เมืองหลวงวู่เมิ่ง มันหาใช่ความผิดของเย่หยวนไม่
ทั้งหมดเป็นเพราะเย่หยวนถูกบีบคั้นทั้งสิ้น
“แต่เจ้านี่ก็หัวแข็งจริงๆที่ยังกล้ากลับมายังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์! ฉินเซียวยังคงมีเส้นสายไม่น้อยในหอยุทธ์ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี! เมื่อใดที่มันทราบว่าเจ้ากลับมาแล้ว มีหรือจะยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ?”
เซียวเฟิงกล่าว
เย่หยวนเบะปากเล็กน้อย เอ่ยกล่าวสุดหยามเหยียดขึ้นว่า
“ชีวิตสุนัขจรเฉกเช่นมัน ข้าเองก็เตรียมฆ่าทิ้งในไม่ช้าก็เร็ว! แม้ข้าจะจัดการมันให้อยู่หมัดมิได้ แต่หากจะฆ่าข้าดั่งตอนนั้น คงไม่ง่ายอีกต่อไป!”
เซียวเฟิงฉายแววประกายฉงนสงสัย ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายขึ้นชั่วขณะ ดูเหมือนว่าเย่หยวนจะพบพานโชคดีมาไม่น้อยในช่วงหลายปีมานี้!
เซียวเฟิงค้นพบว่าเย่หยวนในปัจจุบันทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
ความเร็วในการบ่มเพาะพลังเช่นนี้…ไม่เร็วจนวิปลาสไปกระมัง?
ตอนนั้นที่พวกเขาจากกันไป อีกฝ่ายเพิ่งอยู่เพียงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น!
ในช่วงเวลาสั้นๆแค่สิบปี ระดับพลังของเขากลับเพิ่มขึ้นหนึ่งอาณาจักรพลังหลักโดยตรง
“หุหุ เจ้าเด็กคนนี้ไม่สามารถประเมินได้ด้วยสามัญสำนึกจริงๆ! เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราเจอเจ้าแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปยังเขตเมืองชั้นในพร้อมพวกเรา!”
เซียวเฟิงร่วนหัวเราะพลางเอ่ยกล่าว
ด้วยพลังอำนาจของหอมหาสมบัติ การจะให้เย่หยวนเข้าสู่เขตเมืองชั้นในกลับง่ายเกินไป
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ไยต้องรีบร้อนไป ข้าหยิบใช้วิธีการนี้เพื่อเรียกพวกท่านมาหาก็จริง แต่แล้วก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญกว่า”
เซียวเฟิงโพล่งกล่าวอย่างฉงนใจขึ้นว่า
“ยังมีเรื่องอันใดอีกรึ?”
เย่หยวนหยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมา และส่งมอบให้แก่เซี่ยะจิ้งอวี๋ กล่าวว่า
“เจ้าท้วม ตามที่ข้าเคยสัญญา ยามนี้ทำสำเร็จเสียที!”
ทั่วร่างกายาของเซี่ยะจิ้งอวี๋สั่นสะท้านหนัก อุทานเสียงสะอื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“นี่…หรือเป็นไปได้ไหมว่า…”
ทันทีทันใดเขาพลันนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาเพิ่งได้สติตื่นขึ้นมา เย่หยวนเคยให้สัญญากับตนไว้ว่า เขาจะหาทางช่วยรักษาทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทำลายลงแน่นอน!
ในเวลานั้นเขามิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก โดยคิดว่าเย่หยวนคงกล่าวเพื่อปลอบใจเท่านั้น
หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ชายคนนี้สามารถทำได้แล่วจริงๆ?
แต่นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
ไม่กี่ปีมานี้ เซียวเฟิงเคยพาจอมเทพโอสถสี่ดาวของหอมหาสมบัติ เพื่อช่วยวินิจฉัยเซี่ยะจิ้งอวี๋ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาได้เลย!
ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของถูกทพลายลงโดยสมบูรณ์ และไม่ว่าทางใดก็ไม่สามารถกู้คืนได้เลย
เซียวเฟิงใช้จ่ายเงินเป็นราคามหาศาลในการเชื้อเชิญผู้อาวุโสจากหอโอสถมา แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถทำความปราณาของเขาให้เป็นจริงได้เช่นกัน
หลายปีที่ผ่านมา เซี่ยะจิ้งอวี๋ดูโทรมขึ้นมาก
การที่ต้องกลายมาเป็นคนพิการเช่นนี้ มันหาใช่ชีวิตที่เขาต้องการเลย
เขาสูญเสียครอบครัวทั้งยังสูญเสียคนรัก แม้แต่ตอนนี้กระทั่งพลังบ่มเพาะก็ยังหายไป นี่ทำให้ชีวิตของเขาแทบสิ้นหวัง
หลายปีที่ผ่านมา เหตุที่ทำให้เขาอ้วนขึ้นเป็นเพราะร่ำสุราบรรเทาจิตใจทุกเวลา
เมื่อเซียวเฟิงเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกหดหู่ยิ่งเช่นกัน
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“พี่ชาย ท่านกลายมาเป็นเช่นนี้ก็เพราะข้า! หากไม่สามารถรักษาท่านได้คงเป็นตราบาปข้าไปชั่วชีวิต! อย่าเพิ่งร้อนใจไป หุหุ ต้องขอบคุณท่านเสียมากกว่าที่เป็นไฟให้ข้าลุกขึ้นขยันเพียรศึกษาไม่เว้นวัน จนทำให้ศาสตร์แห่งของข้าพัฒนาไปอีกขั้น!”
กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าของเจ้าท้วงพลันสั่นกระตุกไม่หยุด ในมุมหนึ่งเขารู้สึกตื่นอกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง แต่อีกด้านเขาก็รู้สึกซาบซึ้งกินใจยิ่งเช่นกัน
ชั่วชีวิตนี้ต่อให้มีแค่น้องเย่หยวนคนเดียว ชีวิตของเขายังต้องการอะไรอีก?
แต่เซียวเฟิงที่อยู่ข้างกาย ยามนี้เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด พลันร้องอุทานเหลือเชื่อลั่นว่า
“เจ้า..เจ้าทำได้แล้วจริงๆรึ? ที่ข้าพาเซี่ยะจิ้งอวี๋มาในวันนี้ก็หวังเสี่ยงโชคเช่นกัน แต่เจ้า…ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถของเจ้าบรรลุลึกซึ้งถึงขั้นไหนแล้วกันแน่?!”
พัฒนาขึ้นอีกอีกระดับ? ตอนนี้เย่หยวนบรรลุเกินกว่าที่ขอบเขตความเข้าใจของเขาจะหยั่งถึงได้แล้ว!
เซียวเฟิงยังจำได้แม่น ตอนที่เย่หยวนอยู่ในอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า ในตอนนี้ความเข้าใจของเขาต่ออศาสตร์แห่งโอสถก็ลึกซึ้งอย่างหาที่เปรียบไม่แล้ว
ทว่ายามนี้ที่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า เสมือนกับว่าเขาก้าวสู่โลกอีกใบที่ไม่สามารถเข้าใจได้อีกแล้ว!
เหล่านักหลอมโอสถด้วยกันย่อมรู้ดีว่า นักหลอมโอสถที่บรรลุถึงขอบเขตแห่งเต๋ามันมีจำนวนน้อยเพียงใด
แม้แต่ปรมาจารย์ซวนอี้ยังเคยได้ยินมาโดยบังเอิญเช่นกัน
หรือกระทั่งหวูเฉิน เขาเองยังไม่เคยแตะสัมผัสถึงขอบเขตนี้ได้เลยเช่นกัน
สหายหนุ่มคนนี้ท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว!
“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้าบรรลุไกลถึงปานนี้ เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าติวเข้มสั่งสอนให้ข้าอีกสักบทเรียน! หลังจากทะลวงขึ้นเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว ข้าก็ย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน ช่างเป็นเรื่องยากนักที่จะพัฒนา ดีจริงๆที่ข้าพานพบกับเจ้าอีกครั้ง หลังจากนี้ข้าต้องฝากตัวด้วย!”
เซียวเฟิงยิ้มกล่าว
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้มเช่นกัน
“ฮ่าๆ ท่านพี่เซียวใจดีเกินไปแล้ว! หลังจากนี้พวกเราคงต้องสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กันอีกหลายวัน! เจ้าท้วมหลังจากนี้เจ้าเข้าเก็บตัวได้เลย โอสถตราสวรรค์ฟื้นฤทัยเม็ดนี้จะช่วยให้เจ้าฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดดั่งกาลอดีตอีกครั้ง คล้อยหลังจากนี้พวกเราสองพี่น้องเตรียมเย้ยฟ้าท้าดิน ท่องทั่วมหาพิภพได้เลย!”
เมื่อได้ยินเย่หยวนเอ่ยกล่าวเช่นนั้นด้วยความมั่นใจยิ่ง เจ้าท้วมพลันรู้สึกปั่นป่วนหัวใจยิ่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น