Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1530-1531
ตอนที่ 1530 คนนำทาง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ด้านนอกซากโบราณสถาน มีสองร่างปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบงัน
ทั้งสองมิใช่ใครอื่นนอกจากติงเอ๋อและดาราสวรรค์ที่ก่อนหน้าจากออกไป แต่ยามนี้พวกเขาเดินทางกลับมาแล้ว
หลังพักฟื้นอาการเป็นเวลาหลายเดือน อาการบาดเจ็บของดาราสวรรค์ก็ดูเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย
แต่ความเสียหายที่ไข่มุกสยบวิญญาณก่อขึ้นมันรุนแรงเกินไปยิ่ง อย่างน้อยที่สุดจำต้องใช้เวลากว่าสามถึงห้าสิบปีจึงจะฟื้นตัวกลับมาได้ดังเดิม
เหตุที่ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นที่นี่เป็นเพราะจู่ๆพวกเขาก็ขาดการติดต่อกับอวี่หานและคนอื่นๆไปโดยไร้สาเหตุ
เมื่อกลับขึ้นหุบเขาไปภาพฉากเบื้องหลังกลับเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า ดวงตาทั้งสองโพล่งเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงสุดขีด
“ข้าไม่คิดเลยว่า กลับเป็นซากโบราณสถานแห่งนั้นที่เป็นมรดกล้ำค่าที่สุด!”
นัยน์ตาคู่นั้นของติงเอ๋อสาดสะท้อนความเสียใจเกินห้ามปราม
หากเขาทราบเช่นนี้ตั้งแต่แรก คงเป็นตัวติงเอ๋อเองที่อาสาเข้าที่นี่โดยไม่ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว และไม่มีทางปล่อยให้นิกายบัลลังก์ม่วงชวดจากมือไป
มุมปากดาราสวรรค์พลันกะตุกไม่หยุด กัดฟันแน่นกรอดกรนคำรามขึ้นว่า
“ไม่รู้เลยว่าไอ้เด็กขอเหลือนั้นได้กำไรไปมหาศาลเพียงใด! ข้าอยากจะบดขยี้มันให้เป็นเนื้อบดเสีย!”
คนที่ประสบความสูญเสียที่สุดในครั้งนี้มิใช่ใครอื่น นอกจากดาราสวรรค์
คำสาปวิญญาณเลือดทำให้เขาต้องบาดเจ็บสาหัส กล่าวได้ว่ามีราคาที่ต้องเสียเป็นจำนวนมหาศาล แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับว่างเปล่า
เขาพลันนึกถึงหม้อหลอมมณีเหลืองพิสุทธิ์ที่มอบให้เย่หยวนตอนนั้นอย่างอดมิได้ แค้นอาฆาตนี้ยิ่งฝังใจเป็นหลายทวีเท่า
สุดท้ายนี้ พลังจิตวิญญาณของเขายังถูกไข่มุกสยบวิญญาณกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง เจียนพินาศดับสูญ
ณ ปัจจุบัน เย่หยวนยังเคลื่อนย้ายซากโบราณสถานและสมบัติทั้งหมดออกไป เช่นนี้จะมิให้เขาโกรธเกรี้ยวได้อย่างไร?
“พร๊วดดด!”
เมื่อย้อนทบทวนเรื่องบัดซบทั้งหมดที่ประสบผ่านมา พลันทำให้อาการบาดเจ็บสาหัสของเขากำเริบหนัก จนท้ายที่สุดดาราสวรรค์ก็กระอักพ่นเลือดสดออกมาเต็มปากเต็มคำ
ติงเอ๋อเฝ้ามองดาราสวรรค์ด้วยความสงสารสุดหัวใจ เขากล่าวพลางถอนหายใจขึ้นว่า
“ตอนนี้มีปัญหาแล้ว! มิอาจทราบได้เลยว่าเด็กนั้นมีที่มาอย่างไร ที่แน่นอนคือนามขานบรรพกาลราตรีควรเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ กลับหาใช่นามจริงของมันไม่ ตอนนี้มันก็จากไปแล้ว จะไล่จับหัวหรือหางกลับไม่รู้ทิศไม่รู้ทางใดๆเลย”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของติงเอ๋อ ดาราสวรรค์แทบกระอักพ่นเลือดสดระลอกสอง
ไม่มีสิ่งใดน่าเศร้าไปกว่านี้แล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูของเขาคือใคร?ชื่ออะไร?!
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เราจะปล่อยให้มันหนีไปเช่นนี้?”
ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวน้ำเสียงขมขื่นใจยิ่ง
ติงเอ๋อแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า
“ปล่อยมันไป? จะเป็นไปได้อย่างไร! ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ปานนี้ เจ้าคิดว่าท่านประมุขโถงยังกล้าปล่อยไปได้หรือไม่? สบายใจเถิด แม้ขณะนี้ยังไม่มีข่าวคราวของมัน แต่ยอดอัจฉริยะเฉกเช่นมันมีหรือจะหลบซ่อนตัวได้ตลอด! นักหลอมโอสถที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าได้มีหรือจะถูกเศษฝุ่นกลบมิด?”
…
ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองจักรพรรดิห่างไกลเกินกว่าที่เมืองหลวงจะเทียบเคียงได้ และน้อยคนนักที่จะมีคุณสมบัติเข้าอาศัยได้
ดังนั้นหากต้องการเข้ามาในเมืองจักรพรรดิ จำต้องจ่ายด้วยผลึกปราณเทวะจำนวนมหาศาล
เย่หยวนเงยมองไปบนแผ่นป้ายราคาที่ระบุอย่างชัดเจน เห็นแบบนั้นมุมปากของเขาพลันกระตุกขึ้นทันทีทัน
ป้ายตราอาศัยชั่วคราวสิบวัน ราคาห้าสิบผลึกปราณเทวะระดับต่ำ
ป้ายตราอาศัยชั่วคราวหนึ่งปี ราคาห้าพันผลึกปราณเทวะระดับต่ำ
ป้ายตราอาศัยชั่วคราวสิบปี ราคาห้าหมื่นผลึกปราณเทวะระดับต่ำ
ป้ายตราอาศัยชั่วคราวร้อยปี ราคาห้าแสนผลึกปราณเทวะระดับต่ำ
ป้ายตราอาศัยถาวร ราคาห้าสิบล้านผลึกปราณเทวะระดับต่ำ
ภายในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ หากไม่มีป้ายตราอาศัยติดตัวจะถูกกำจัดทิ้งโดยตรง
เมื่อป้ายตราอาศัยหมดอายุในภายหลัง ก็จะถูกกำจัดทิ้งไปโดยตรงเช่นกัน
และราคามหาโหดปานนี้ นักสู้ธรรมดาทั่วไปกลับไม่มีทางหามาจ่ายได้เลย!
ทรัพย์สินทั้งหมดของเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าทั่วไป ทั้งตัวมีแค่ประมาณหนึ่งล้านผลึกปราณเทวะระดับต่ำเท่านั้น
กล่าวได้ว่าเซียนระดับชั้นบรรพกาลพระเจ้า สามารถใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจักรพรรดิได้แค่ร้อยปีเท่านั้น
ซึ่งเวลาแค่ร้อยปีนับว่าพริบตาเดียวสำหรับเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า
นอกจากนี้นี่เป็นแค่ค่าซื้อป้ายตราอาศัยเท่านั้นแต่กลับต้องจ่ายด้วยผลึกปราณเทวะเป็นจำนวนมากโขแล้ว
ไหนจะค่าที่พักอาศัย ค่าเบ็ดเตล็ดอีกต่างๆ นานา
ดังนั้นแล้ว หากต้องการอยู่ในเมืองจักรพรรดิจำต้องมีเงินใช้ไม่ขาดมือ!
แม้ราคาค่าใช้จ่ายจะสูงมาก แต่ก็ยังมีเหล่าเซียนจำนวนมากมายแห่แหนกันเข้ามาราวกับฝูงเป็ด
เมืองจักรพรรดิและเมืองหลวงทั่วไป เป็นสองสถานที่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในช่วงเริ่มก่อตัวเมืองจักรพรรดิ แต่ละแห่งจะรวบรวมผลึกปราณเทวะจำนวนมหาศาลเพื่อสร้างค่ายกลระดมวิญญาณยักษ์ภายใต้พื้นดิน
ดังนั้นแล้วพลังวิญญาณภายในเมืองจักรพรรดิจึงหนาแน่นกว่าอย่างหาที่เปรียบไม่ แม้จะไม่ตั้งใจฝึกปรือ แต่พัฒนาการกลับสูงเท่ากับคนที่ตั้งใจฝึกปรืออย่างหนักใจเมืองหลวง
ดังนั้น แม้ว่าป้ายตราอาศัยจะมีราคาแพงมาก แต่เหล่าผู้คนต่างก็ยังโหยหาต้องการเข้ามาที่นี่
“ต่อไป!”
ทหารยามผู้จำหน่ายป้ายตราอาศัยเอ่ยกล่าวขึ้น พร้อมท่าทีเบื่อหน่ายเกียจคร้าน
“ป้ายตราอาศัยชั่วคราวสองร้อยปี”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้น
ทหารยามคนนั้นเลิกคิ้ว โพล่งตากว้างจับจ้องเย่หยวนด้วยความประหลาดใจยิ่ง
รวย!
คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาซื้อป้ายตราอาศัยอย่างมากจะซื้อแค่ไม่หนึ่งก็สิบปี ระยะร้อยปีกล่าวได้ว่าแพงเกินไป คนทั่วไปไม่มีปัญญาจ่ายได้ไหว
เย่หยวนสัมผัสได้ถึงความคึกคักและพลังวิญญาณอันหนาแน่นภายในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ได้อย่างชัดแจ้ง และนี่ทำให้เขาตื่นเต้นมิใช่น้อย
หากเป็นไปได้ เขาเองก็วางแผนที่จะปักหลักที่นี่เช่นกัน
หนึ่งล้านผลึกปราณเทวะเป็นแค่เศษเงินเท่านั้นสำหรับเย่หยวนผู้มีทรัพย์สินกว่าห้าพันล้าน
“จุจุ ไม่ว่านายน้อยผู้นี้มาจากเมืองหลวงแห่งใด ช่างร่ำรวยโดยแท้!”
“เฮ้ออ…ชีวิตคนรวยนี่มันน่าอิจฉาเสียจริง!”
“หากเปรียบกับคนอื่นกลับดูไร้ค่าไปเลย! หากข้ามีเงินมากมายปานนั้น มันจะดีแค่ไหนกัน!”
…
ทหารยามกวาดสายตาจับจ้องเย่หยวนมากอารมณ์เจือผสม ก่อนมอบป้ายตราอาศัยจำนวนสองชิ้นแก่เขา
เย่หยวนรับป้ายตราในมือไว้อย่างไม่แยแสและจากไปทันที
“เฮ้ออ…มีแกะโดนเชือดอีกคนแล้ว คิดว่าไม่กี่วันหลังจากนี้ เจ้าหนุ่มนี่คงถูกเล่นงานแน่นอน”
ทหารยามเอ่ยกล่าวขึ้นพลางหัวเราะขำขันกับสหายอีกคน
“ฮ่าๆ นั้นหาใช่สิ่งที่เราควรกังวล ตราบใดที่ไม่สร้างปัญหาใหญ่โตเกินไป ก็หาได้เดือดร้อนอะไรเรา”
สหายคนนั้นเอ่ยกล่าวขึ้นพรางหัวเราะ
ทั้งสองจ้องมองเย่หยวนที่เดินลับออกไปพร้อมคู่สายตาหัวเราะเยาะ
เย่หยวนเพิ่งย่างเท้าเข้าประตูเมืองมาไม่นาน ก็มีกลุ่มคนริมถนนตรงเข้ามาทักทายทันที
“นี่เจ้าหนุ่มดูหน้าตาไม่คุ้นเลย คงเข้าเมืองเป็นครั้งแรกกระมัง? ต้องการคนนำทางหรือไม่? ข้าชื่ออาซื่อ อย่าหาว่าข้าคุยโม แต่ทุกตรอกซอกซอยในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้ไม่มีที่ใดที่ข้าไม่รู้จัก! วันละสิบผลึกปราณเทวะเท่านั้น ราคานี้ซื่อสัตย์เท่าเทียมไม่ว่าคนแก่หรือเด็ก!”
“น้องชาย อย่าฟังไอ้พวกพูดจาไร้สาระ ข้าฮัวซาน รู้ทุกอย่างในเมืองแห่งนี้!”
“น้องชาย จ้างข้าเป็นคนนำทาง รับรองไม่ผิดหวัง!”
…
กลุ่มผู้คนต่างส่งเสียงโหกเหวกโวยวาย แห่ตรงเข้าหาเย่หยวน
เมืองจักรพรรดิมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเกินไป นี่หาใช่สิ่งที่จะเดินได้คล่องภายในวันสองวัน
บางคนคุ้นเคยแค่บริเวณเล็กๆภายในเมืองแม้นจะอยู่อาศัยที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปี
ดังนั้นแล้ว ภายในเมืองแห่งนี้จึงมีอาชีพมัคคุเทศก์ถือกำเนิดขึ้นโดยธรรมชาติ
เหล่าผู้มาใหม่ในเมืองนี้เป็นครั้งแรกย่อมไม่รู้ทาง
เย่หยวนมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนเจ้าท้วม หากไม่มีมัคคุเทศก์คอยนำทางมีหวังใช้เวลาอีกนานเดินหลงแน่นอน
เย่หยวนกวาดสายตามองโดยไวก่อนโยนผลึกปราณเทวะจำนวนสิบก้อนให้แก่อาซื่อและกล่าวว่า
“เช่นนั้นพาข้าไปยังหอมหาสมบัติ”
อาซื่อคนนี้แม้จะดูซื่อๆ แต่ปฏิกิริยานับว่าเฉียบคมยิ่งนัก
การมีเขาเป็นผู้นำทางอาจช่วยลดปัญหาที่ไม่จำเป็นได้ ดังนั้นเย่หยวนจึงเลือกเขา
อาซื่อรับผลึกปราณเทวะไว้ในมือและยิ้มตอบว่า
“รับทราบนายท่าน!”
เมื่ออาซื่อกล่าวจบ เขาก็นำทางเย่หยวนออกไปทันที
คนอื่นๆโดยรอบต่างแสดงท่าทีผิดหวัง แต่คล้อยหลังทั้งคู่จากออกไป พวกเขาก็เริ่มจับกลุ่มคุยกัน
“แกะตัวใหญ่ปานนี้น่าเชือดเสียจริง! เมื่อครู่ตรงหน้าประตูเมืองเด็กนั่นถึงขั้นหยิบจ่ายผลึกปราณเทวะหนึ่งล้านก้อนโดยไม่สะเทือนใดๆ!”
“อาซื่อเจ้าเล่ห์เกินไป พวกเขาประมาทไม่ทันสังเกตแค่แวบหนึ่ง มันกลับฉวยโอกาสตัดหน้าไปเฉย!”
“หลังเสร็จงานนี้ อาซื่อคงไม่ต้องออกมาทำงานอีกสักพักใหญ่”
…
เย่หยวนที่เดินจากออกไปแล้วย่อมไม่ได้ยินกลุ่มคนพวกนี้สนทนากันโดยธรรมชาติ ในขณะที่อาซื่อก็พลางเดินแนะนำสถานที่และข้อมูลต่างๆภายในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้อย่างคล่องแคล่วและเป็นมิตรยิ่ง
ตอนที่ 1531 ทำใจให้สบาย
โดย
Ink Stone_Fantasy
“น้องเล็กสายตาเฉียบแหลมนัก ข้าอาซื่อมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในเขตเมืองทางตอนใต้! แต่เรื่องนี้ภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์กลับไม่มีใครรู้! ข้าบอกน้องเล็กเป็นคนแรกเลย!”
อาซื่อยังคงพูดโม้ไปเรื่อยจนน้ำลายสาดกระเซ็นไปทั่วสารทิศ
เย่หยวนกวาดสายตามองอีกฝ่ายและกล่าวว่า
“เช่นนั้น ช่วยเล่าถึงสถานการณ์ภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ในตอนนี้ให้ข้าฟังหน่อย”
อาซื่อเผยท่าทีค่อนข้างตื่นอกตื่นเต้น เขากล่าวว่า
“แน่นอน หาใช่ปัญหาเลย…”
จากนั้นอาซื่อก็เริ่มเอ่ยปากพ่นวาจาคำเหล่าต่างๆไม่มีหยุด อธิบายไปถึงโครงสร้างของเมืองจักรพรรดิอินทวีสวรรค์
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้แบ่งออกเป็นห้าเขตใหญ่ได้แก่ เหนือ กลาง ตะวันออก ตะวันตก เขตจตุรทิศ และเขตเมืองชั้นใน
ภายในเมืองจักรพรรดิมีกฏระเบียบที่เข้มงวดมาก ชาวเมืองทั้งเขตจตุรทิศมิได้รับอนุญาตให้ข้ามเขตแดนมาได้ นอกจากจะมีใบรับรอง
ผู้ใดละเมิดกฎจักต้องถูกประหารไม่มีรองลงอาญาใดๆ
และเงื่อนไขสำคัญคือ การจะเข้าสู่ตัวเขตเมืองชั้นในนั้นจำต้องถือครองป้ายตราอาศัยถาวรเท่านั้น
ผลึกปราณเทวะนับห้าสิบล้านก่อน ใครได้เห็นราคานี้แทบหมุนตัวกลับไม่ทัน
ในเขตจตุรทิศกล่าวได้ว่าเป็นเขตแดนที่มีปลาและมังกรอยู่ปะปนกัน
ส่วนพื้นที่ที่เย่หยวนอยู่ในตอนนี้คือ เขตเมืองทางตอนใต้
เขตเมืองทางตอนใต้แห่งนี้ถูกปกครองโดยหกกลุ่มอิทธิพลใหญ่ ได้แก่ ตระกูลตงฟาง ตระกูลจ้าว ตระกูลซุน สามตระกูลใหญ่ และกลุ่มล่ามังกร กลุ่มขนนกเงิน สุดท้ายกลุ่มสุริยันจันทรา สามกลุ่มเจ้าถิ่น
สามตระกูลใหญ่ผูกขาดเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของเขตเมืองทางตอนใต้ ส่วนสามกลุ่มองค์กรเจ้าถิ่นครองส่วนตลาดค้าขาย
พวกเย่หยวนทั้งสามขณะเดินสนทนากันอยู่ เดินตัดผ่านถนนหลากหลายสายออกไป
บนถนนคึกคักไปด้วยเสียงผู้คนและพ่อค้า การจราจรนับว่าหนาแน่นเฟื่องฟูนัก
ตุบๆๆ!
ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินเล่นอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นพลันปรากฏกลุ่มคนจำนวนมากวิ่งตรงเข้ามาปิดล้อมพวกเย่หยวนทันที
เมื่อฝูงชนโดยรอบเห็นแบบนั้น พวกเขาก็เร่งจับกลุ่มรวมตัวกันมุงดูทันที ราวกับเป็นเรื่องคุ้นเคยไปเสียแล้ว
“กลุ่มล่ามังกรมันเอาอีกแล้ว! เด็กหนุ่มคนนี้ช่างโชคร้ายเหลือเกิน ไฉนต้องไปเจอกับอาซื่อ”
“เด็กหนุ่มคนนี้ใบหน้าหล่อเหลา ผมเผ้าเสื้อผ้าดูดีมีชาติตระกูลคงเป็นนายน้อยจากตระกูลใหญ่สักแห่ง เพียงปราดตาเดียวก็รู้แล้วว่ารวย ไม่แปลกที่จะโดยเจ้าอาซื่อเพ่งเล็ง”
“หวังว่าเด็กนั้นคงฉลาดพอ ยอมๆอีกฝ่ายไปเลี่ยงถูกทำร้าย”
…
บนใบหน้าของกลุ่มคนที่ล้อมกรอบเย่หยวนเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ดูน่ากลัวยิ่ง
มีคนหนึ่งก้าวย่างออกมาพร้อมปรับขนาดจับจ้องเย่หยวนราวกับหมาป่าแสนละโมบมองเหยื่อ
“อาซื่อ แกะอ้วนตัวนี้ที่เจ้านำมาดูดีเลยทีเดียว!”
ชายคนนั้นมีบาดแผลบนใบหน้าดูน่ากลัวที่สุด เขาเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
อาซื่อเร่งตรงไปทันท้ายอย่างสุภาพและกล่าวว่า
“ท่านประมุขหู่ เด็กคนนี้มีดีกว่าที่คิดนัก! เขาหยิบจ่ายผลึกปราณเทวะมูลค่าล้านก้อนโดยไม่แยแสแม้แต่น้อย!”
คิ้วของชายใบหน้าโฉดกระตุกขึ้นทันที พร้อมระเบิดหัวเราะกล่าวขึ้นด้วยความยินดีว่า
“โอ้! ปลาตัวใหญ่โดยแท้! อาซื่อคราวนี้เจ้าทำดีมาก หลังจากนี้เจ้าเอาไปเลยหน้าพันก้อน!”
เย่หยวนจับจ้องภาพฉากนี้อย่างไม่แยแสเท่าไหร่นักและกล่าวขึ้นว่า
“เช่นนั้น….เจ้ามิได้พาข้าไปยังหอมหาสมบัติหรอกรึ?”
ทันทีที่ชายใบหน้าโฉดได้ยิน เขาพลันระเบิดหัวเราะเยาะดังสนั่นและกล่าวว่า
“หอมหาสมบัติ? ฮ่าๆๆๆ…ทิ้งผลึกปราณเทวะทั้งหมดไว้ตรงหน้าให้ท่านปู่หู่ผู้นี้ซะ ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะไปที่ไหน!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวเสียงเย็นขึ้นว่า
“หากข้าบอกว่าไม่?”
ทันทีทันใด ชายใบหน้าโฉดพลันแสยะยิ้มฉีกกว้างดูน่าสยดสยองขึ้นหลายส่วน
“เจ้าหนู พวกหน้าใหม่อย่างพวกเจ้าล้วนดื้อรั้นเช่นนี้ทุกคน แต่หลังจากนั้นไม่นานคนอย่างพวกเจ้ากลับเชื่องยิ่งกว่าสุนัขเฝ้าบ้านเสียอีก! อาซื่อมิได้บอกรึว่า กลุ่มล่ามังกรของเราโหดเหี้ยมปานใด? ข้านามว่าหู่ ประมุขโถงพฤกษาอสูรแห่งกลุ่มล่ามังกร!”
คู่ดวงตาของเย่หยวนหรี่แคบลงเล็กน้อย ก่อนยิ้มกล่าวว่า
“กลุ่มล่ามังกร? ช่างเป็นชื่อที่ฟังดูดีจริงๆ!”
เย่หยวนเป็นลูกครึ่งเผ่ามังกร ดังนั้นกลุ่มล่ามังกรที่ว่ามิได้เกิดมาเพื่อสังหารเขาหรอกรึ?
หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรระเบิดหัวเราะลั่นพลางได้ยินแบบนั้น และกล่าวว่า
“ใช่ไหมล่ะ? ข้าเองก็รู้สึกว่าชื่อกลุ่มล่ามังกรฟูงดูขลังยิ่งนัก! ฮ่าๆ แต่ถึงเจ้าจะชอบหรือไม่กลับเปล่าประโยชน์! รีบๆส่งผลึกปราณเทวะออกมาได้แล้ว มิฉะนั้น…ท่านปู่ผู้นี้จำต้องสั่งสอนเจ้าสั่งหนึ่งบทเรียน!”
แสงเย็นทอประกายสาดวาบผ่านนัยน์ตาของเย่หยวน ทันใดนั้นร่างของเขาก็อันตรธานหายไป
วูบ วูบ วูบ!
หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรยังไม่ทันตอบสนองใดๆได้ ทว่ายามนี้เย่หยวนกลับโผล่ขึ้นประจักษ์หน้าเขาชนิดเผาขนในพริบตา!
สีหน้าการแสดงออกของเขาแปรเปลี่ยนไปในทันที ก่อนชี้หน้าขึ้นใส่เย่หยวนกล่าวว่า
“เจ้า-เจ้าหนู เจ้าเล่นอะไร!?”
เย่หยวนยืนจ้องหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเหลียวไปกล่าวกับหลงซานว่า
“ไปกันเถอะ! เอ่อ…พาสหายล่ามังกรของเราไปด้วย”
หลงซานพยักหน้าและยื่นมือออกไปคว้าจับร่างอาซื่อโดยตรง
ระดับพลังอาซื่ออยู่แค่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเท่านั้น แล้วจะเป็นคู่มือของหลงซานได้อย่างไร? หลงซานผลักฝ่ามือพร้อมจับกระชากร่างออกไปอย่างง่ายดาย เสมือนกำลังลากฝูงสุนัขใกล้ตาย
“คิดจะไปไหน? ถามท่านปู่ผู้นี้หรือยัง?”
หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรตะโกนลั่น ขณะกำลังจะเคลื่อนไหวลงมือนั้นเอง
ทันทีทันใดเขาพลันรู้สึกเย็นหวิวบริเวณท่อนล่างอย่างบอกไม่ถูก
“ฮ่าๆๆๆ!”
เหล่าฝูงชนโดยรอบต่างระเบิดหัวเราะลั่นทันที
ปรากฏว่ากลุ่มของพวกหู่แห่งโถงพฤกษาอสูรยามยามนี้ ถ้วนถูกถอดกางเกงร่วงหล่นลงมาอยู่หว่างขากันถ้วนหน้า
ตอนนี้งวงช้างของพวกเขาต่างห้อยต่องแต่งราวกับลูกตุ้มเคว้งไปมา พลันทำให้รู้สึกหนาวเย็นมิใช่น้อย
“หัวเราะอะไร! หากยังกล้าหัวเราะอีกครั้ง ข้าจะทุบแผงร้านของพวกเจ้าทิ้งซะ!” หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรเร่งปิดกุมเป้างวงช้างตนเองด้วยความเขินอาย จนใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู่
แต่บารมีของเขาก็มิไม่น้อยจริงๆ เสียงคำรามเพียงครั้งเดียว ทำให้ทุกคนไม่กล้าขำอีกต่อไป
แค่ว่าพวกเขาพยายามอดทนกลั้นหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำ ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด
เขารีบหยิบกางเกงขึ้นมาทันทีและกล่าวขึ้นเจือสีหน้าแสนขมขื่นว่า
“ระดับพลังของไอ้เด็กเหลือขอนั้นไม่สูงก็จริง แต่ความแกร่งกล้ากลับมิอารประมาทได้! หากมันต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ ปานนี้คงกลายเป็นศพนานแล้ว!”
หู่แห่งโถงพฤกษาอสูรเป็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลาง ในขณะที่เหล่าผู้ใต้บัญชาที่เขาพามาด้วย ล้วนแต่เป็นยอดฝีมืออาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นจำนวนนับสิบ
ระดับความแข็งแกร่งภายในเขตเมืองทางตอนใต้นับว่าไม่ต่ำเตี้ยเลย แต่อย่างไร พวกเขาทั้งหมดกลับถูกเด็กหนุ่มลงมือพิฆาตกางเกงลิงได้ภายในหนึ่งกระบวนดาบ
ขนาดเจ้าตัวอย่างหู่แห่งโถงพฤกษาอสูรยังไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่า เย่หยวนชักดาบตั้งแต่เมื่อใด
แววตาแสนครั่นคร้ามเกรงกลัวพลันส่องประกายขึ้นบนดวงตาของหู่แห่งโถงพฤกษาอสูรทันที ตนเป็นถึงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลาง แต่กลับไม่สามารถมองเห็นเจ้าหนูอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นชักดาบ? นี่…นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เหล่าชายโฉดนับสิบเร่งหยิบกางเกงที่ขาดรุ่ยขึ้นสวมด้วบความอับอายและวิ่งออกไปด้วยความตื่นกลัว
…
อาซื่อถูกอีกฝ่ายกระชากแรงไปหน่อย ยามนี้เพิ่งได้สติฟื้นขึ้น เมื่อเห็นว่าหลงซานกำลังจับจ้องจนด้วยแววตาเดือดดุ ทั่วทั้งร่างพลันสั่นเทาทันทียิ่งกว่ากลัวสุดขั้ว
“โปรดช่วยข้าด้วย! นายท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ผู้ต่ำต้อยคนนี้ก็ถูกบังคับให้ทำตามเช่นกัน!”
อาซื่อพยายามก้มศีรษะขอขมาทั้งน้ำตา ยามนี้น้ำมูกไหลไม่หยุด
“เมื่อครู่ข้าสอบถามคนอื่นมาแล้ว เขตเมืองทางตอนใต้ไม่มีหอมหาสมบัติ! หอมหาสมบัติสาขาเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อยู่ในเขตเมืองชั้นใน!”
เย่หยวนเอ่ยเสียงเย็นชืด
อาซื่อเนื้อตัวสั่นเทาหนัก กลัวจนเอ่ยกล่าวแทบไม่เป็นภาษา
“ข้า…ข้ามีวิธีติดต่อกับเขตเมืองชั้นใน! ข้าเหลือท่านได้…ข้าช่วยท่านได้จริงๆ!”
เย่หยวนกวาดตามองปราดหนึ่งและยิ้มกล่าวว่า
“สนทนากับคนฉลาดช่วยประหยัดเวลา แต่น่าเสียดาย เจ้ากลับไม่มีคุณสมบัตินั้น”
อาซื่อร้องไห้น้ำเสียงขื่นขมใจยิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่า เด็กหนุ่มที่เพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า จะแกร่งกล้าปานนี้?
เมื่อครู่ที่เย่หยวนร่ายกระบวนดาบออกไป อย่างว่าแต่มองเห็นแม้แต่เงา เขาเพียงสัมผัสได้แค่สายลมกระโชกแรงที่พัดผ่านไปเท่านั้น ที่เหลือกลับไม่ทันเห็นหรือตอบสนองใดๆเลยก่อนจะหมดสติไป
ความเร็วระดับชั้นนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เด็กหนุ่มอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่มีพรสวรรค์ฝีมือ อาซื่อย่อมเคยเห็นผ่านตามาไม่น้อย แต่เขากลับไม่เคยเห็นใครที่สำแดงใช้เพลงดาบน่าสะพรึงเช่นนี้มาก่อน
หากก่อนหน้าเขารู้เช่นนี้ ต่อให้เย่หยวนเสนอเงินเพิ่มเป็นสองหรือสามเท่า เอาซื่อก็ไม่กล้าแสนอหน้านำทางอีกฝ่ายแน่นอน!
“นายท่าน…ทั้งหมดเป็นความผิดของอาซื่อเอง เราผู้ต่ำต้อยมีตาหามีแววไม่! แต่โปรดมั่นใจเถิด อาซื่อไม่เคยคิดปองร้ายท่านแม้แต่น้อย! มั้งหมดเป็นเพราะคำสั่งของประมุขโถงหู่ พวกเขาเพียงต้องการเงินเท่านั้น แต่มิได้คาดเค้นถึงชีวิต!”
อาซื่อกล่าวน้ำเสียงสั่นคลอนไม่หยุดหย่อน
เย่หยวนกล่าวตอบสีหน้าเหยียดเย็นว่า
“แน่นอน หากพวกเจ้ามีเจตนาสังหารข้า ปานนี้คงมิได้ง่ายแค่กางเกงร่วง”
อาซื่อเนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุด ยามนี้เพิ่งรู้ตัวว่าตนเดินตรงเข้าประตูนรกแสนโง่งมและมิอาจเหลียวหลังกลับได้แล้ว
แต่ทันทีทันใด เย่หยวนก็เอ่ยกลับขึ้นว่า
“ไปกันเถอะ”
อาซื่อชะงักค้างแข็งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
“ไป…ไปไหนรึท่าน?”
เย่หยวนแสยะยิ้มกว้างกล่าวว่า
“พาข้าไปยังรังของกลุ่มล่ามังกร!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น