Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1528-1529

 ตอนที่ 1528 โชคลาภมหาศาล

โดย

Ink Stone_Fantasy

สามเดือนต่อมา ในที่สุดเย่หยวนก็ปรับแต่งแกนมณีวิญญาณสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง


ธารข้อมูลมากมายหลายหลากหลั่งไหลเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเขาโดยตรง


ตอนนี้เย่หยวนสามารถควบคุมได้เพียงหนึ่งในสามส่วนหลักของโถงแห่งนี้


หากเขาต้องการที่จะควบคุมโถงบัลลังก์ม่วงให้เชี่ยวชาญกว่านี้ เขาจำต้องบ่มเพาะฝึกปรือวรยุทธในส่วนที่เหลือ


“ฟู่วว..กินผลึกปราณเทวะมหาศาลปานนี้เลยรึ? น่ากลัวจริงๆ!”


เย่หยวนแทบหมดคำพูดทันทีที่เห็นมันกลืนกินผลึกปราณเทวะอย่างกระหาย


ยามนี้เขาควบคุมให้โถงบัลลังก์ม่วงปลดปล่อยการโจมตีเพื่อกำจัดศัตรูระดับชั้นราชันพระเจ้าหนึ่งดาว ซึ่งจำต้องใช้ผลึกปราณเทวะระดับต่ำมากถึงห้าสิบล้านก้อน!


สิ่งนี้เทียบเท่าได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของราชันพระเจ้าหนึ่งดาวคนหนึ่ง


เนื่องจากเย่หยวนมีฐานะเป็นถึงนักหลอมโอสถผู้แกร่งกล้าและเคารพสรรเสริญยิ่งต่อผู้คน ดังนั้นกระเป๋าเขาจึงหนักมิใช่น้อย ยามนี้พกผลึกปราณเทวะระดับต่ำไม่น้อยกว่าหลายสิบล้านก้อนในตัว


หากเป็นนักสู้ทั่วไป ระดับชั้นเดียวกับเย่หยวนคงมีแค่ผลึกปราณเทวะระดับต่ำติดตัวแค่หลักแสนเท่านั้น


สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ เหล่านักฝู้จำต้องดูดซับพลังจากผลึกปราณเทวะเพื่อบ่มเพาะพลังเช่นกัน นอกจากนี้ยังต้องใช้มันเป็นตัวกลางเพื่อจับจ่ายซื้อทรัพยากรการบ่มเพาะพลังอื่นๆ รวมไปถึงสิ่งของเบ็ดเตล็ดอีกมากมาย


“จุจุ นี่มันของเล่นคนรวยชัดๆ!”


เย่หยวนเอ่ยกล่าวพร้อมสีหน้าสุดขื่นขม


“อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้นับเป็นของดีโดยแท้!”


หวูเฉินรวนหัวเราะกล่าว


“ท่านอาวุโสพอจะมีวิธีช่วยผู้อาวุโสนิกายบัลลังก์ม่วงหรือไม่?”


เย่หยวนเอ่ยถามขึ้น


“ไม่มีทางช่วยเหลือได้เลยจริงๆ แม้ยอดเซียนผู้ไร้เทียมทานยังไม่สามารถอยู่เหนือกาลเวลาได้เช่นกัน ร่างที่กำลังสนทนากับเจ้าเป็นเพียงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น หลังจากถูกปิดผนึกมานานเกินคณานับ จิตวิญญาณของเขาก็แทบจะสลายแล้ว”


หวูเฉินกล่าวอย่างหมดหนทาง


“คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ น่าเสียดายนัก”


เมื่อเย่หยวนกลับเข้าสู่ความเป็นจริงก็พลันพบว่า ชายชราร่างผอมกำลังจับจ้องเขาพร้อมสีหน้าการแสดงออกแสนอยากรู้อยากเห็นยิ่ง


“ผู้อาวุโส ขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง!”


เย่หยวนประสานมือกล่าวขอบคุณ


ชายชราร่างผอมยิ้มและกล่าวว่า


“คนที่ควรกล่าวขอบคุณกลับเป็นข้าเสียมากกว่า เราชายชราถูกปิดผนึกอยู่ที่นี่มานานเกินนับแล้ว และเจ้าคือผู้ที่ช่วยปลดปล่อยข้า ทั้งยังดับผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งเช่นเจ้าอีก นี่นับเป็นพรของสวรรค์แล้ว! เจ้าคือผู้สอบทอดนิกายบัลลังก์ม่วงคนต่อไป! เห็นแบบนี้เราชายชราก็สามารถจากไปอย่างหมดห่วงแล้ว”


ความหมายของชายชราผู้นี้ค่อนข้างชัดเจน เขาต้องการจะจบชีวิตตัวเองลง!


ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้า แท้ที่จริงเขายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ต่ออย่างน้อยสองถึงสามปี


แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว


ในขณะที่เอ่ยกล่าวร่างของชายชราก็ค่อยๆสลายหายไป


“พ่อหนุ่ม เจ้าชื่ออะไร?”


ชายชราเอ่ยถาม


เย่หยวนกล่าวด้วยความเคารพว่า


“ผู้เยาว์นามว่าเย่หยวน”


ชายชราระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า


“ดี! ดี! ดีมาก! เย่หยวน เจ้าทำให้เราชายชราผู้นี้ไม่ผิดหวังเลย! จงสลักจำไว้ เราชายชรานามว่าเนียเซิง ประมุขนิกายบัลลังก์ม่วงคนรุ่นสุดท้าย ในที่สุดวันนี้เราชายชราก็สามารถชดเชยความผิดตลอดมาของข้าได้ในที่สุด!”


เย่หยวนเฝ้ามองอีกฝ่ายที่ค่อยๆสลายหายไปกลายเป็นแสง เขาถอนหายใจพร้อมกล่าวอย่างหนักแน่นมุ่งมั่นว่า


“ผู้อาวุโสเนียเซิงโปรดมั่นใจ เราผู้เยาว์เย่หยวนจะนำพานิกายบัลลังก์ม่วงผงาดขึ้นสู่มหาพิภพอีกครั้ง!”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเนียเซิงพลันฉีกยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ ก่อนจะจากไปอย่างเป็นสุข


จิตใจของเย่หยวนยามนี้ปั่นป่วนมิใช่น้อยภายในโถงบัลลังก์ม่วงแห่งนี้


เมื่อกวาดสายตามองไปยังสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำที่กองรวมกันเป็นภูเขา เย่หยวนก็รู้สึกราวกับฝันไป


“จุจุ นี่ถือว่าข้าถูกรางวัลใหญ่แล้วกระมัง? มหาขุมทรัพย์ทั้งหมดของนิกายอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว!”


เย่หยวนกล่าวขึ้น พยายามระงับอาการตื่นเต้นอย่างสุดกำลัง


วรยุทธบ่มเพาะพลัง วรยุทธต่อสู้ สมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ ผลึกปราณเทวะ…


ทรัพยากรมากมายเหล่านี้ที่ถูกสะสมไว้ในโถง ทำให้เย่หยวนรู้สึกราวกับวิ่งมาเจอห้องเก็บสมบัติยักษ์


นับแค่ผลึกปราณเทวะระดับต่ำภายในนี้ก็มีมากถึงห้าพันล้านก้อน!


แน่นอนว่านี่มิใช่ทุนรอนที่มีตั้งแต่แรกแน่นอน


แม้ว่าโถงบัลลังก์ม่วงแห่งนี้จะอยู่ในสภาพปิดผนึก แต่นั่นมิได้หมายความว่ามันไม่จำเป็นต้องใช้ผลึกปราณเทวะ


จำต้องใช้จ่ายมันอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นจะไม่สามารถคงสภาพเช่นนี้ได้ตลอดมาจวบจนปัจจุบัน


สันนิษฐานได้ว่า ในตอนนั้นที่เนียเซิงปิดผนึกโถงบัลลังก์ม่วงแห่งนี้ จำนวนผลึกปราณเทวะที่ใช้จ่ายไปน่าจะเป็นปริมาณที่มหาศาลจนน่ากลัว


ตอนนี้ที่เหลือเพียงห้าพันล้านก้อน นับเป็นเศษเสี้ยวของตอนนั้นอย่างชัดเจน


แต่ด้วยจำนวนผลึกปราณเทวะห้าพันล้านก้อน เย่หยวนสามารถใช้มันจำกัดจ้าวทัพปีศาจได้กว่าร้อยคนพร้อมกัน


แน่นอนว่ามีเงื่อนไขสำคัญคือ จำต้องล่อให้อีกฝ่ายเข้ามาในโถงบัลลังก์ม่วงแห่งนี้เท่านั้น


ค่ายกลสังหารของโถงบัลลังก์ม่วง มีรัศมีพิฆาตแค่ในโถงเท่านั้น


“จุจุ ไม่น่าแปลกใจที่ไฉนโถงโลหิตปรโลกถึงประสบปัญหามากมายกับที่แห่งนี้ โถงบัลลังก์ม่วงเก็บสะสมสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำระดับต่ำอย่างน้อยห้าถึงหกสิบชิ้น ภายข่าวนี้แผ่กระจายออกไป มหาพิภพต้องสั่นสะเทือนเป็นแน่!”


ภายในหนึ่งในสามส่วนของพื้นที่แห่งนี้ ได้เก็บสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำระดับต่ำมาถึงห้าหกสิบชิ้นอย่างลับๆ ใครได้ยินต่างต้องไล่ล่าอย่างสุดชีวิต


เพียงว่าตอนนี้ทั้งหมดเป็นของเย่หยวนแก่เพียงผู้เดียว ผู้ใดได้ยินต่างต้องเป็นบ้า


และสมบัติที่กล่าวเล่าทั้งหมดในเป็นเพียงของที่เก็บไว้ในห้องส่วนเดียวของโถงเท่านั้น!


มูลค่าสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำต่อหนึ่งชิ้น มีราคาอย่างน้อยร้อยล้านผลึกปราณเทวะระดับต่ำ


เท่ากับว่าเย่หยวนมีทรัพย์สินรวมกว่าห้าพันหกร้อยล้านผลึกปราณเทวะระดับต่ำ นี่ยังไม่นำวรยุทธบ่มเพาะพลังและวรยุทธต่อสู้มาตีราคา


อย่างไรก็ตามแต่นี่เป็นแค่ราคาตลาดเท่านั้น ไม่มีใครโง่พอที่จะนำสมบัติเหล่านี้ออกมาขายได้ง่ายๆ


ดังนั้นแล้ว มูลค่าที่แท้จริงของสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ มีแนวโน้มสูงกว่าราคาตลาดหลายเท่า!


เย่หยวนในตอนก่อนหน้า ยังรู้สึกพอใจไม่น้อยที่ได้รับหม้อหลอมมณีเหลืองพิสุทธิ์มา แต่ใครจะไปคิด พริบตาเดียวต่อมา เขากลับจมลงในมหาสมุทรแห่งสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำไปเสียแล้ว


กระนั้นเอง ในบรรดาสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็มีแต่ ดาบ กระบี่ ทวน ง้าว ที่เป็นอาวุธทั้งสิ้น มีแม้กระทั่งอาวุธเสริมอีกจำนวนเล็กน้อย แต่กลับไม่มีหม้อหลอมโอสถอยู่เลย


หม้อหลอมโอสถที่เป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนับเป็นของหายากยิ่งในบรรดาทั้งหมด เนื่องจากเป็นสมบัติคู่กายของนักหลอมโอสถ


กล่าวได้ว่าหม้อหลอมมณีเหลืองพิสุทธิ์ใบนี้ มีแต่ผู้คนเฝ้าปรารถนา แต่กลับไม่มีใครนำออกมาขาย


เย่หยวนเข้าตรวจสอบสมบัติราชันพระเจ้าโดยละเอียด ก่อนจะมีดาบยาวเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามือของเขามา


“ดาบจักรพรรดิล้ำฟ้า อืม…ไม่เลว!”


เย่หยวนร่ายกระบวนดาบเล่นเล็กน้อย เขาพึงพอใจกับดาบเล่มนี้อย่างมาก


ณ ปัจจุบันดาบพิชิตมารฟ้าค่อนข้างกลายมาเป็นภาระของเย่หยวนไปแล้ว


เมื่อจับคู่สัประยุทธ์กับเหล่าอัจฉริยะบางคนที่ใช้สมบัติเลิศล้ำ เย่หยวนค่อนข้างเสียเปรียบอย่างมาก


เท่าที่เย่หยวนทดลองมาทั้งหมด ในบรรดาสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำเหล่านี้ มีเพียงดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าเล่มนี้ที่เหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว


อาศัยขุมพลังของดาบจักรพรรดิล้ำฟ้า มันสามารถเพิ่มทวีพลังต่อสู้ของเย่หยวนได้ถึงขีดจำกัด


ท้ายที่สุดนี้แม้กระทั่งเหล่ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าเอง ก็มีน้อยคนนักที่ได้ครอบครองสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ


“เจ้ายังควบคุมโถงบัลลังก์ม่วงแห่งนี้มิได้ทั้งหมด ควรจะมีสมบัติที่ระดับชั้นสูงกว่านี้ในส่วนที่ลึกลงไป นี่เป็นเพียงส่วนผิวเผินเท่านั้น”


ดวงตาของเย่หยวนสว่างไสวขึ้นทันที เขากล่าวว่า


“เข้าท่า! อย่างไรก็ตามแต่…บนมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้มีนิกายที่ว่ามาก่อนด้วยงั้นรึ?”


หวูเฉินส่ายหัวพร้อมกล่าวตอบว่า


“ข้าเองก็ไม่รู้ มหาพิภพถงเทียนดำรงอยู่เนิ่นนานเกินนับได้ ไม่มีใครรู้ว่าสมัยบรรพกาลเป็นอย่างไรบ้าง บางทีก่อนที่มหาพิภพถงเทียนจะเป็นอยู่อย่างในปัจจุบัน อาจมีนิกายมากมายดำรงอยู่เป็นขั้วอิทธิพลใหญ่ เรื่องแบบนี้มีเพียงระดับชั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์ฟ้าและเหล่าบรรพชนเต้าท่านั้นที่ล่วงรู้”


“เช่นนั้นรึ? การจะก่อตั้งนิกายขึ้นในตอนนี้คงเป็นปัญหาไม่น้อย”


เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างหมดหนทาง


หากเย่หยวนเริ่มก่อตั้งนิกายแห่งนี้ขึ้นมาใหม่อาจละเมิดกฎการปกครองอย่างไม่ต้องสงสัย นั้นอาจทำให้เขากลายมาเป็นศัตรูร่วมของหลายๆอาณาเขตได้


ภายในระดับเวลาอันสั้น เย่หยวนยังไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเนียเชิงได้


ตอนที่ 1529 ขุมพลังแห่งโถงบัลลังก์ม่วง!

โดย

Ink Stone_Fantasy

“อวี้หาน ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ! ตอนนี้ข้าต้องถูกมาที่นี่พร้อมกับเจ้า!”


จ้าวทัพปีศาจสุดแกร่งกร้าวเอ่ยปากประชดประชันเสียดสีอวี้หานไม่หยุดหย่อน


อวี้หานท่าทียังคงเฉยเมนไม่สนใจหรือแม้แต่โต้ตอบหักล้างใดๆ


นางทราบดีว่ายามนี้เอ่ยกล่าวอะไรไปล้วนต้องผิดไปหมด


แต่เรื่องนี้กลับโทษนางได้หรือไม่?


แม้แต่ท่านดาราสวรรค์และท่านติงเอ๋อก็ยังไม่สามารถมองผ่านตัวตนที่เก็บงำได้ออก แล้วนับประสาอะไรกับนาง?


ใครจะไปรู้ว่ามนุษย์จะสามารถหลอมตัวเป็นปีศาจได้สมบูรณ์แบบปานนี้?


โม่หานจับจ้องภาพฉากนี้พร้อมใบหน้าเศร้าหมองมืดมนมิใช่น้อย


เขาเองก็ขออาสาอยู่ที่นี่ต่อไปเช่นกัน


ความไม่พอใจของโม่หานที่มีต่อเย่หยวนค่อนข้างร้าวรานแตกลึก ยามนึกถึงท่าทีอันหยิ่งผยองของเย่หยวน เขาพลันรู้สึกเดือดดาลขึ้นทันทีอย่างบอกไม่ถูก


ในที่สุดเขาก็สามารถลงมือจัดการอีกฝ่ายได้ คราวนี้เย่หยวนจักต้องคุกเข่าขอความเมตตาต่อแทบเท้าเขา!


ดังนั้นแล้วโม่หานจะปล่อยโอกาสดีเช่นนี้ให้หลุดมือได้อย่างไร?


“เอาล่ะ จื้อเฉิน เจ้าเลิกบ่นได้แล้ว หากกล่าวว่าใครในตอนนี้เกลียดไอ้เด็กเหลือขอนั้นสุดคงเป็นน้องอวี้หาน ใช่หรือไม่น้องอวี้หาน?”


จู่ๆโม่หานก็เอ่ยปากกล่าวขึ้น


อวี้หานเหลือบมองโม่หานเจือประหลาดใจ ก่อนพยักหน้ากล่าวว่า


“สิ่งที่พี่โม่หานกล่าวถูกต้องแล้ว ข้าในตอนนี้หวังที่จะกะซวกเนื้อสดของมันกินทั้งแบบนั้น เพื่อล้างชำระความเกลียดชังภายในใจนี้! ตราบใดที่ไอ้เด็กเหลือขอนั้นออกมา ข้าจะแสดงให้มันเห็นเองว่า ความน่ากลัวที่แท้จริงเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย!”


ขณะที่นางเอ่ยกล่าว อวี้หานพลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนหันขวับจับจ้องไปทางซากโบราณสถานทันที


โม่หานอุทานลั่นตกใจยิ่ง


“ค่ายกลมัน…หายไปแล้ว!”


ทีแรกทั้งสามสะดุ้งเฮือกชั่วขณะ ก่อนเผยสีหน้าแสนสุขใจในทันที


ภายในซากโบราณสถานแห่งนี้จักต้องเก็บซ่อนขุมสมบัติไว้มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย


แม้ภายในนั้นจะมีสมบัติจ้าวปีศาจเลิศล้ำเพียงอย่างเดียว แต่นี่นับว่าเป็นกำไรก้อนโต!


ทันทีทันใดอวี้หานขมวดคิ้วแน่น นางเอ่ยกล่าวขึ้นว่า


“นี่ไม่ถูกต้อง! ก่อนหน้านี้ค่ายกลยังทำงานปกติดี ไฉนจู่ๆถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย? หรือนี่…จะเป็นกับดัก?”


โม่หานก็รู้สึกได้เช่นกันว่าสถานการณ์นี้ดูแปลกพิกล คล้อยหลังครุ่นคิดอยู่สักพัก ดวงตาพลันสว่างไสวขึ้นกล่าวว่า


“มีความเป็นไปได้ว่ามรดกภายในซากโบราณสถานแห่งนี้จะตกเป็นของบรรพกาลราตรีแล้ว นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ค่ายกลหายไป”


เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เขาก็ระเบิดหัวร่อน้ำเสียงเหี้ยมโหดลั่นสนั่น


“ตราบใดที่เราสามารถจับเจ้าเด็กนั่นได้ สมบัติทั้งหมดจะตกเป็นของเรา!”


ดวงตาอีกสองคู่พลันสว่างวาบฉายแววโลภในทันใด


พวกเขาทราบแล้วว่า ก่อนหน้านี้ที่ติงฟานผ่านด่านไปได้แปดรอบก็ได้รางวัลเป็นถึงสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำระดับต่ำแล้ว


ดังนั้น…เย่หยวนที่สามารถผ่านควบทั้งสิบแปดรอบ ทั้งยังอยู่ภายในนั้นเป็นเวลานานถึงสามเดือน รางวัลที่อีกฝ่ายได้รับจะเหนือจินตนาการเพียงใด! แค่คิดก็ทำให้พวกเขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว


ทันใดนั้น อวี่หานกล่าวขึ้นว่า


“ท่านพี่ทั้งสอง กล่าวตามตรง หากภายในนั้นมีสมบัติน้อยกว่าที่คาด อวี่หานกลับไม่ต้องการอะไรมาก ขอเพียงสมบัติจ้าวปีศาจเลิศล้ำสักชิ้นมาประดับคู่กายข้างก็พอ ที่เหลือทั้งหมดล้วนเป็นของท่านพี่ทั้งสอง ว่าอย่างไรบ้าง?”


อวี่หานนางนี้ค่อนข้างฉลาดหัวไว นางข้อทำข้อตกลงเป็นประกันไว้ล่วงหน้าทันที


นางถึงขั้นลดความคาดหวังของตนเองลงเพื่อขอสมบัติจ้าวปีศาจเลิศล้ำเพียงชิ้นเดียว คำขอเช่นนี้มิอาจปฏิเสธลงได้จริงๆ


มิฉะนั้นหากทั้งสามทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ ในท้ายที่สุดนางอาจไม่ได้อะไรกลับไปเลยสักชิ้น


โม่หานกับจื้อเฉินสบตากันเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ากล่าวว่า


“ไม่มีปัญหา! หากภายในนั้นมีสมบัติไม่มากจริงๆ คงต้องทำเช่นนั้น แต่หากมีจำนวนมากมาย ก็ต้องแบ่งสันปันส่วนให้ดี และอย่าลืมเก็บเข้ากระเป๋าพวกเราเป็นการส่วนตัว”


“เช่นนั้นแล้ว…ไยไม่รีบเข้าไปกัน?”


จื่อเฉินโพล่งกล่าวขึ้นทันที


โม่หานยิ้มและกล่าวว่า


“รีบเข้าไปเพื่ออันใด? นั่งรอพักผ่อนอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่ารึ? เมื่อไอ้เด็กเหลือขอนั้นได้รับมรดกสมบัติมาแล้ว เป็นไปได้ไหมที่มันจะไม่กลับออกมา?”


แววประกายสาดสะท้อนผ่านนัยน์ตาของจื่อเฉิน เขายิ้มกล่าวว่า


“เข้าท่านัก!”


ทั้งสามสบสายตากันพร้อมคลี่ยิ้มกว้างเบิกบานใจ ก่อนหายวับไปจากจุดที่เคยยืนอยู่


หลังจากนั้นไม่นานพลันปรากฏร่างหนึ่งก้าวแช่มออกมาบริเวณทางเข้าซากโบราณสถาน นั่นจะเป็นใครไปมิได้นอกจากเย่หยวน


คล้อยหลังที่เย่หยวนปรากฏตัวออกมา เขาก็เรียกดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าขึ้นกระชับมืออย่างระแวดระวัง


เมื่อพวกอวี่หานทั้งสามเห็นดังนั้นยังรอช้าอยู่ไย? พวกเขาเผยตัวจากที่ซ่อนออกมาโดยตรง!


“ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรี ไม่ได้พบกันเสียนาน!”


โม่หานเอ่ยทักทายขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม


แต่อวี่หานคำรามเสียงเยียบเย็นขึ้นลั่นว่า


“บรรพกาลราตรี เจ้าหลอกข้า! วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป!”


สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนแปรเปลี่ยนไปในทันที ก่อนเคลื่อนร่างไสววูบเร่งตรงเข้าในซากโบราณสถาน


รอยยิ้มอันแสนเย็นชาเย้ยหยันกระตุกขึ้นบนมุมปากของอวี่หาน


“คิดหนี? ขอดูเสียว่าจะวิ่งไปได้แค่ไหน!”


ขณะลั่นวาจาเอ่ยกล่าวอวี่หานก็โบกมือสะบัดโจมตีใส่ พลังปฐพีสุดไร้เทียมทานขุมใหญ่เข้าห่อหุ้มร่างของเย่หยวนในทันที


นางมั่นใจอย่างยิ่งว่า เย่หยวนไม่มีทางต้านทานพลังปฐพีอันไร้เทียมทานนี้ได้แน่นอน


แต่ใครจะไปทราบ แท้จริงแล้วเย่หยวนกลับมิได้รับผลของพลังปฐพีนี้แต่อย่างใด และพุ่งหนีเข้าไปในซากโบราณสถานโดยตรง


สีหน้าการแสดงออกของทั้งสามพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาไม่คิดเลยว่า เย่หยวนจะรับมือยากขนาดนี้


“ตามมันไป!”


ทั้งสามสบตากันแวบหนึ่งก่อนตัดสินใจเคลื่อนไหวในทันที


ยามนี้ไม่มีค่ายกลคอยปกป้องซากโบราณสถานอีกแล้ว พวกเขายังต้องกลัวอะไรอีก?


วูบ!


วูบ!


วูบ!


ร่างทั้งสามปราดพุ่งไล่ตามเย่หยวนประชิดติด เข้าไปในซากโบราณสถานอย่างรวดเร็ว


แต่ทันใดนั้นภาพฉากเบื้องหน้าทั้งหมดพลันพร่ามัวต่อหน้าต่อตาพวกเขา รู้สึกฟื้นตัวอีกทีพวกเขาก็มาถึงโถงกว้างแห่งหนึ่งแล้ว


ภายในโถงกว้างแห่งนี้เป็นทางตัน เย่หยวนไม่เหลือที่ให้หนีอีกต่อไป!


อวี่หานระเบิดหัวเราะเยาะดังลั่น


“วิ่งสิ! วิ่งไปต่อ! เจ้าเก่งนักมิใช่รึเรื่องวิ่งหนี?”


โม่หานยังคงยิ้มเยาะกล่าวเสียดสีขึ้นว่า


“ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรี พวกเรามิได้พบพานตั้งสามเดือนมาแล้ว ไฉนไม่จับเข่านั่งลำลึกถึงวันวานกันหน่อย? จะวิ่งหนีไปเพื่ออันใด?”


อย่างไรก็ตาม สีหน้าการแสดงออกของจื่อเฉินกลับแสนมืดทมิฬนัก เขาคำรามขึ้นลั่น


“เจ้าหนู ส่งสมบัติทั้งหมดที่เจ้าได้รับมาเสีย ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่ต้องทรมาน!”


แต่เมื่อเข้ามาถึงโถงกว้างแห่งนี้ สีหน้าการแสดงออกอันแสนตึงเครียดของเย่หยวนก่อนหน้าพลันหายวับไปไม่เหลือร่องรอย กลับเป็นความสงบนิ่งที่แทรกเข้ามาแทน


ความสงบย่อมสยบสรรพสิ่ง!


“หุหุ ชวนให้นึกถึงวันเก่าๆเสียจริง แต่นี่คงมิใช่วิธีปฏิบัติต่ออาคันตุกะชั้นสูงอย่างข้า ช่างเถอะ ในเมื่อทั้งสามมาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นมาสนทนาถึงวันวานกันเถอะ!”


เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมใบหน้าประดับยิ้มบาง


สีหน้าการแสดงออกของทั้งสามพลันแปรเปลี่ยนทันที อวี่หานเอ่ยเสียงเย็นชืดขึ้นว่า


“เจ้าหมายความอย่างไร?”


“เหอะ พยายามแกล้งให้เราตกใจกลัวกระมัง? ไอ้เด็กเหลือขอ ระยะห่างเพียงเท่านี้ แค่พวกเราขยับนิ้วเจ้าก็ตายแล้ว!”


โม่หานแสยะยิ้มเย็นใส่


เย่หยวนเอ่ยตอบอย่างยิ้มแย้มว่า


“เช่นนั้นรึ? แต่ข้า…ไม่จำเป็นต้องขยับนิ้วด้วยซ้ำ พวกเจ้าก็…ตายได้!”


โม่หานที่ได้ยินแบบนั้นก็อดระเบิดหัวเราะลั่นมิได้ ก่อนเอ่ยกล่าวว่า


“เราประมุขโถงผู้นี้กลัวแล้ว! ฮ่าๆๆ เช่นนั้นขอดูหน่อยเสียว่าจะเป็นข้าหรือเจ้าที่ตายก่อนกัน!”


เย่หยวนในยามนี้ดูไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย เขากล่าวตอบเจือน้ำเสียงสบายอารมณ์ไปว่า


“หากเช่นนั้น ความหมายของเจ้าคือ…ไม่อยากระลึกเรื่องในวันวานกันแล้วรึ?”


ทันทีทันใดสีหน้าการแสดงออกของโม่หานพลันทวีความดุร้ายขึ้นหลายส่วน เขากรนคำรามสุดโกรธกร้าวลั่น


“ระลึกบิดาเจ้าเถอะ! ประมุบโถงผู้นี้จะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”


เอ่ยกล่าวจบ รัศมีกลิ่นอายปีศาจของโม่หานพลันปะทุเดือดขึ้นทันที พร้อมชี้นิ้วเข้าใส่เย่หยวน


แต่ในเวลาเดียวกัน จู่ๆ พลันปรากฏรัศมีแรงกดดันอันไร้เทียมทานขึ้นทั่วทุกมุมโถงกว้าง


ลำแสงทั้งสามสายยักษ์พวยพุ่งผ่าสะบั้นลงมาใส่ร่างทั้งสามโดยตรง!


พลังปฐพีของโม่หานยังไม่ทันระดมเสร็จสิ้นดี ภายใต้ลำแสงยักษ์อันทรงพลังนี้ เขากลับไม่มีอำนาจต้านทานแม้แต่น้อยก่อนสูญสลายหายไปโดยไม่มีโอกาสได้ร้องขอชีวิตใดๆ


จ้าวทัพปีศาจทั้งสามผู้ยิ่งใหญ่ถูกกำจัดไปโดยโถงบัลลังก์ม่วงในพริบตา


เย่หยวนจับจ้องภายในแววตาช่างไร้คลื่นอารมณ์ความรู้สึกใด พร้อมถอนหายใจกล่าวว่า


“เฮ้ออ… ผลึกปราณเทวะหนึ่งร้อยห้าสิบล้านก้อนซื้อสมุนไพรวิญญาณได้ไม่รู้เท่าไหร่! ช่างเถอะ…ปล่อยให้พวกมันอยู่นานเกินไปกลับเป็นอันตราย กันไว้ดีกว่าแก้”


ตึงงง…


ซากโบราณสถานขนาดมหึมาหดตัวเล็กลงอย่างรวดเร็ว ผลส่งให้เกิดแผ่นดินไหวชั่วขณะ


ในที่สุดโถงบัลลังก์ม่วงก็ย่อตัวเล็กกลายเป็นเม็ดฝุ่น และพวยพุ่งเดินทางออกไปทางดินแดนของเผ่ามนุษย์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)