Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1516-1517

 ตอนที่ 1516 สิบแปดผู้แกร่งกล้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

บูม!


บูม!


บูม!



ร่างแล้วร่างเล่าถูกซัดกระเด็นออกจากวงแหวน สีหน้าการแสดงออกของคนที่เหลือยามนี้เริ่มดูน่าเกลียดขึ้นมาก


นี่ยังจะเป็นลูกพลัมอ่อนได้อย่างไร? นี่มันดินปืนระเบิดชัดๆ!


ยอดอัจฉริยะเหล่านี้ที่ว่าแกร่งกล้าแล้ว แต่กลับไม่สามารถตอบโต้เย่หยวนกลับไปได้แม้สักนิด


เย่หยวนสามารถสังหารไคซินยอดอัจฉริยะระดับนั้นไปได้ ในตอนที่เขาเพิ่งกลายมาเป็นแม่ทัพปีศาจชั้นปลาย


ตอนนี้เขาทะลวงขึ้นเป็นแม่ทัพปีศาจขั้นสุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระดับพลังหรือแนวคิดความเข้าใจ เย่หยวนในปัจจุบันกลับไม่เป็นรองมากแล้ว


หากเขาเผชิญหน้ากับไคซินอีกครา เย่หยวนสามารถแขวนคอประหารอีกฝ่ายได้โดยง่ายแล้ว


แม้เหล่ายอดอัจฉริยะจากเมืองหลวงเหล่านี้จะแกร่งกล้ากว่าไคซิน แต่นั่นก็มิได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะเป็นคู่มือของเย่หยวนได้?


ยิ่งไปกว่านั้น คนที่รีบวิ่งมายังวงแหวนของเย่หยวนล้วนแต่เป็นพวกไม่ค่อยมั่นใจในพลังของตนเองสักเท่าไหร่นัก จึงใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานั้นคว้าตั๋วใบที่คิดว่าง่ายที่สุดมา


แต่ใครจะไปทราบว่าพวกเขาแตะชนกับแผ่นเหล็กเข้าอย่างจัง


“พวกเจ้าดูนั้นสิ! สายตาของข้ามีปัญหาแล้วกระมัง? ฝีไม้ลายมือของยอดอัจฉริยะด้านโอสถกลับแข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ!”


“สวรรค์! บดขยี้อีกฝ่ายภายในหนึ่งกระบวนท่า! กระทั่งตอนนี้ข้ายังไม่เห็นการเคลื่อนไหวอีกฝ่ายได้ชัดเจนนัก!”


“โชคดีจริงๆที่ข้าเข้าไม่ทันวงแหวนนั้น มิฉะนั้นคงนั่งสิ้นหวังไปแล้ว”



ทันทีที่ผู้คนในลานประลองวงแหวนอื่นเห็นเข้า ยามนี้วงแหวนของฝั่งเย่หยวนก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว


ความเร็วขนาดนี้มันไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยรึ?


ในไม่ช้า เย่หยวนก็กวาดล้างผู้ท้าทายบนวงแหวนของตนจะเริ่มเกลี้ยงเกลา ในขณะที่ลานประลองวงแหวนอื่นๆเพิ่งเริ่มต้น


“หุหุ ไม่คิดเลยว่าตำแหน่งเจ้าของลานประลองแห่งนี้จะตกเป็นของข้าง่ายดายนัก”


“พร๊วดด!”


เย่หยวนซัดผู้ท้าทายคนสุดท้ายลงพร้อมกระอักพ่นเลือดสดเต็มปากเต็มคำ


แม้แต่สีหน้าการแสดงออกของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะเองยังมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็น พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าความแข็งแกร่งของบรรพกาลราตรีจะมีมากมายเกินจินตนาการปานนี้


“ขอแสดงความยินดีต่อผู้คว้าชัยในลานประลองที่สาม ได้รับรางวัลจากนิกายบัลลังก์ม่วงเป็น ลูกท้อมรกตถู่ซิง”


ทันทีทันใดลูกท้อมรกตสีแดงก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า ตกลงสู่มือของเย่หยวน


เย่หยวนจับจ้องลูกท้อมรกตถู่ซิงที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานทางจิตวิญญาณ ก่อนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย


“ท่านอาวุโส เคยเห็นเจ้าสิ่งนี้มาก่อนหรือไม่?”


เย่หยวนเอ่ยถามหวู่เฉิน


“ข้าเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน! แต่ข้าเชื่อว่าลูกท้อมรกตถู่ซิงอันนี้ควรจะเป็นของหายากยิ่ง!”


หวูเฉินเอ่ยกล่าว


เย่หยวนที่เห็นดังนั้นก็อดประหลาดใจมิได้ ด้วยความประสบการณ์ความรอบรู้ของหวูเฉิน กระทั่งเขายังไม่เคยเห็นลูกท้อมรกตถู่ซิงมาก่อน!


ไม่น่าแปลกใจที่โถงโลหิตปรโลกย่อมลงทุนในราคามหาศาลเช่นนี้ เพื่อให้พวกเขาเดินทางเข้าสำรวจในซากโบราณสถานแห่งนี้


ดูเหมือนว่าภายในสถานที่แห่งนี้จะมีของดีอยู่จริงๆ!


ตามความเข้าใจของเย่หยวน ลูกท้อมรกตถู่ซิงควรจะเป็นส่วนประลองโอสถสักชนิด ซึ่งเป็นของดีมีมูลค่าเท่ากับหลายเมืองรวมกัน


ความแกร่งกล้าของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง พวกเขาสามารถครองตำแหน่งเจ้าแห่งสังเวียนทั้งหกได้อย่างราบรื่นง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ความพยายามแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ


เวลาผ่านไป อีกห้าวงแหวนที่เหลือก็เผยปรากฏผู้ชนะตามลำดับ


ผู้ชนะในแต่ละลานประลองวงแหวนจะได้รางวัลแตกต่างกันไป


เย่หยวนสังเกตเห็นว่า ของรางวัลโดยส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสิ่งของที่แม้กระทั่งหวูเฉินไม่เคยได้ยินมาก่อน


แต่โดยสรุปแล้วทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น!


ในเวลานั้นเองสุ้มเสียงโบราณพลันเปล่งดังขึ้นอีกครั้ง


“ขอแสดงความยินดีกับจ้าวสังเวียนทั้งสิบสอง ตอนนี้การทดสอบที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว! ตั้งแต่นี้ต่อไป พวกเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบที่แท้จริง! คู่ต่อสู้ในรอบนี้คือสิบแปดยอดเซียนเยาวชนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายบัลลังก์ม่วงจากทุกยุคสมัย! ทุกๆ หกยอดเซียนที่เจ้าสามารถเอาชนะไปได้ เจ้าจะได้รับรางวัลตามสมควร!”


ทั้งสิบสองบนลานประลองวงแหวนต่างเผยสีหน้าเคร่งขรึมดดูจริงจังเป็นอย่างมาก


แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่านิกายบัลลังก์ม่วงนับเป็นการดำรงอยู่แบบใด ทว่ากระทั่งโถงโลหิตปรโลกซึ่งเป็นกลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่ก็ยังไม่รู้จัก หรือทำได้เพียงทำตามกฎการทดสอบอีกฝ่ายอย่างซึ่งๆ หน้าเท่านั้น นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ความแข็งแกร่งของนิกายนี้เหนือชั้นลึกล้ำเพียงใด


สิบแปดยอดเซียนเยาวชนที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งนิกายบัลลังก์ม่วง เห็นได้ชัดว่ามิอาจประมาทได้เลย!


ทันใดนั้นแท่นลานประลองทั้งสิบสองวงแหวนพลันปรากฏธารแสงสาดส่องลงมาจากฟากฟ้าเหนือโถงยักษ์


ท่ามกลางธารแสงที่ส่องประกายลงมา ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาเย่หยวน


เย่หยวนเผยแสดงท่าทีสุดประหลาดใจยิ่ง นี่หรือคือคู่ต่อสู้ของเขา?


เฝ้าพินิจมองอีกฝ่าย มีทั้งร่างกายเลือดเนื้อหรือเป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ?


“ไม่ต้องแปลกใจไป เราผู้นี้กลายเป็นฝุ่นผงไปนานแล้ว นี่เป็นเพียงร่างอวตารเท่านั้น”


อีกฝ่ายดูราวกับสามารถมองผ่านอ่านความคิดของเย่หยวนออกทั้งหมด ก่อนจะยิ้มให้


เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นพลางเอ่ยอุทานอย่างประหลาดใจว่า


“ร่างอวตารนี่…ไม่สมจริงเกินไปหน่อยรึ? ยิ่งไปกว่านั้น…เจ้ายังมีสัมปชัญญะจริงๆ!”


ร่างอวตารจากสมัยบรรพกาลสามารถสื่อสารกับเขาได้จริง!


อีกฝ่ายยิ้มและกล่าวว่า


“ดินแดนมรดกแห่งนี้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราที่ฝังอยู่ภายในนี้ จึงสามารถสื่อสารได้โดยธรรมชาติ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเจ้านับว่ารวดเร็วอย่างมาก อายุกระดูกของเจ้าประมาณร้อยปี ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังเริ่มบ่มเพาะพลังจากแดนล่างสุดของพิภพทั้งมวล สามารถก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้นับว่าน่าทึ่งอย่างแท้จริง!”


เย่หยวนที่ได้ยินดังนั้นพลันตื่นตระหนกยิ่งภายในใจ ภูมิหลังต่างๆของเขากลับถูกอีกฝ่ายมองออกเพียงปราดตาเดียว!


เมื่ออีกฝ่ายเห็นท่าทางการแสดงออกของเย่หยวน เขาก็ยิ้มกล่าวว่า


“เจ้าไม่จำเป็นต้องตกใจไป ทันทีที่เจ้าถูกส่งตัวมานี่แห่งนี้ ตัวเจ้าก็ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดจากดินแดนมรดกแล้ว จึงไม่แปลกที่ข้าจะทราบข้อมูลโดยพื้นฐานของเจ้า”


เย่หยวนยามนี้ผงะขึ้นกล่าวว่า


“เช่นนั้นเอง!”


อีกฝ่ายกล่าวขึ้น


“ข้านามว่าเหม่ยฟาง ส่วนเจ้า?”


เย่หยวนประสานมือกำหมดแน่นพร้อมกล่าวตอบ


“ข้าเย่หยวน!”


เหม่ยฟางพยักหน้า


“ต่อสู้กับเจ้า ข้าไม่มีรั้งรอนออมมือใดๆ ยามนี้ไม่มีอะไรจะเอ่ยกล่าวอีกต่อไป เริ่มได้!”


เย่หยวนพยักหน้าเช่นกัน


“โปรดชี้แนะ!”


เหม่ยฟางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า


“เจ้าไม่คิดเคลื่อนไหวหน่อยรึ?”


ยามนี้เขาตระหนักได้ว่า เย่หยวนยังคงยืนนิ่งพร้อมสองมือไขว้หลังไม่คิดที่จะเคลื่อนขยับแต่อย่างใด


นี่ถือเป็นการดูถูกผู้คนมากเกินไป


เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า


“ท่านอาวุโสน่าจะเคยได้ยินมาก่อนเกี่ยวกับท่าร่ายไร้รูปแบบ”


คู่ดวงตาของเหม่ยฟางสว่างพราวขึ้นทันที ก่อนจะระเบิดหัวเราะกล่าวว่า


“เยี่ยม! เยี่ยมจริงๆ! เจ้าหนุ่มคนี้ช่างน่าทึ่ง! เช่นนั้นข้าขอลิ้มรสท่าร่ายไร้รูปแบบของเจ้าเสีย! นี่คือเพลงดาบที่ข้าหลอมสร้างขึ้นมาเอง เพลงดาบสามสิบหกทำนองอักษร ระวังตัว!”


“ร่ายทำนองดาบฟาดฟันสรรพสิ่งล้วนมิอาจมองเห็น นอกเสียจากความว่างเปล่า!”


คมดาบของเหม่ยฟางเปี่ยมล้นไปด้วยพลังจิตวิญญาณสุดแกร่งกล้า ไม่มีรั้งรอนพลังจำกัดใดๆ


พลังแห่งแนวคิดความเข้าใจบรรลุไกลถึงชั้นสวรรค์ระดับสามขั้นปลายแล้ว พลานุภาพของจิตสังหารแห่งดาบน่าสะพรึงขวัญยิ่ง


แม้นระดับพลังจะอยู่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้น แต่เหม่ยฟางผู้นี้เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เย่หยวนเคยพบเจอมา!


ในทำนองเดียวกัน ถึงจะอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้น ทว่าความแข็งแกร่งของเหม่ยฟางกลับเหนือกว่าไคซินถึงสิบเท่า!


เห็นดังนั้นเย่หยวนเริ่มเคลื่อนไหวในทันที


“จงฟาดฟัน!”


คมดาบเย่หยวนเปล่งพลังแนวคิดอย่างน่าประหลาดออกมา และส่งพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ ยามนี้ปราดพุ่งเข้าจู่โจมใส่เหม่ยฟางโดยตรง


สายตาการจับจ้องของเหม่ยฟางเผยถึงความประหลาดใจอย่างมาก


กระบวนเคลื่อนไหวของดเย่หยวนดูค่อนข้างธรรมดาและเรียบง่าย แต่การเคลื่อนไหวนี้กลับมุ่งเน้นโจมตีไปยังจุดที่เปราะบางที่สุด


“กระบวนดาบไม่เลว! ท่องพยัคฆ์มังกรดาบฟ้าทะยาน!”


เหม่ยฟางคำรามเสียงทุ้มต่ำท่าร่างพลิกเปลี่ยน


ยามนี้เห็นเพียงปลายคมดาบเย่หยวนทิ่มแทงเข้ามาเสมือนประกายเงาล่าสังหาร


เย่หยวนไม่รู้เลยว่าภาพฉากการต่อสู้ทั้งหมดของทั้งสิบสองคน ยามนี้กำลังถูกฉายให้ดูอยู่บนโถงยักษ์


ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น เหล่าอัจฉริยะเหล่านั้นก็เริ่มส่งเสียงอุทานดังแซ่ซ้อนขึ้นทันที


“ติงฟานแข็งแกร่งอย่างยิ่ง! สมแล้วที่เป็นผู้นำหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ! เพียงสำแดงโจมตีสิบกระบวนก็สามารถโค่นคู่ต่อสู้ลงได้!”


“หกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะก็คือหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะจริงๆ! อย่างช้าสุดก็ใช้เพียงยี่สิบกระบวนท่าเท่านั้น!”


“เฮ้อ แม้ว่าบรรพกาลราตรีเองก็ติดหนึ่งในสิบสองจ้าวสังเวียน แต่ความแข็งแกร่งของเขากล่าวได้ว่าอ่อนแอที่สุด! ยามนี้ผ่านไปกว่าร้อยกระบวนท่า แต่ปรากฏว่าก็ยังไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้!”


ตอนที่ 1517 ต้องมีบางอย่างผิดพลาด

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ข้าแพ้แล้ว! เจ้าหนุ่ม เจ้าแข็งแกร่งมาก!”


เหว่ยฟางเอ่ยกล่าวขึ้นจากใจจริง


เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า


“ท่านอาวุโสเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน! เพลงดาบของท่านได้สร้างแรงบันดาลใจแก่ข้าเป็นอย่างมาก!”


เหม่ยฟางหัวเราะเสียงดังกล่าวตอบว่า


“อันที่จริงเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ตั้งแต่กระบวนแรกแล้ว แต่เจ้าพัลวันสัประยุทธ์กับข้านานกว่าห้าร้อยกระบวนดาบ เพียงเพื่อเรียนรู้ศึกษาเพลงดาบของข้าใช่หรือไม่?”


เย่หยวนยิ้มแต่หาได้ปฏิเสธไม่


แม้ว่าเหม่ยฟางจะแข็งแกร่งกว่าไคซินมาก แต่เย่หยวนก็ยังสามารถเอาชนะเขาได้ภายในหนึ่งกระบวนเคลื่อนไหวเท่านั้น


เย่หยวนในปัจจุบันยากนักที่จะหาคู่ต่อกรในระดับชั้นเดียวกันได้


“หุหุ ช่างเป็นท่าร่างไร้รูปแบบที่สมบูรณ์จริงๆ! เพลงดาบของเจ้าในยามนี้อาจลุถึงจุดสูงสุดแล้วก็เป็นได้! เอาล่ะด่านแรกเจ้าผ่านได้แล้ว ไปพบคู่ต่อสู้คนต่อไปเถิด”


ด้านนอกที่เหล่าฝูงชนกำลังรับชม ยามนี้เห็นว่าเย่หยวนเพิ่งเอาชนะคู่ต่อสู้คนแรกได้ พวกเขาต่างเผยใบหน้าเย้ยหยันออกมาอย่างอดมิได้


โดยเฉพาะกับปู่เจ้อ ใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดพร้อมกล่าวอย่างดูถูกขึ้นว่า


“เหอะ มันขึ้นกลายเป็นจ้าวสังเวียนได้อย่างไร? สุดท้ายก็ยังเป็นแค่ตัวประกอบ?”


“ฮ่าๆๆ ปู่เจ้ออย่าบอกเสียว่าองุ่นเปรี้ยวฟาดจนเจ้ากินไม่ได้? ถึงอย่างไรเขาก็ได้รับของรางวัลจากลานประลองแห่งนี้”


“ถึงกระนั้นกล่าวได้ว่า เขาอยู่ในอันดับล่างสุดของบรรดาจ้าวสังเวียนทั้งหมด ด้วยความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้ของเขา ช่างยากนักที่จะผ่านรอบสองไปได้”


“ทั้งสิบแปดคนได้ชื่อว่าเยาวชนที่แกร่งกล้าที่สุด ติงฟานเอาชนะได้แล้วสามคน อีกสิบหกคนที่เหลือคงไม่เท่าไหร่กระมัง”



ในเวลานี้ ติงฟานผู้ได้รับสมญานามว่าเป็นอันดับหนึ่งของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ เขาเอาชนะสามคนติดต่อกัน และขณะนี้กำลังสัประยุทธ์กับคนที่สี่


แต่ติงฟานในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ายังไม่เอาจริงด้วยซ้ำ เริ่มต้นเพียงสำแดงออกสิบกระบวนก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้อย่างไม่ยาก


ซึ่งคู่ต่อสู้ของเขาเองล้วนแต่เป็นระดับชั้นจอมทัพปีศาจครึ่งขั้นทั้งสิ้น


เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ของพวกติงฟานทั้งหกเริ่มที่จะตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ


บูมมม!


จ้าวสังเวียนหนึ่งถูกคู่ต่อสู้ทุบแหลกเป็นชิ้นๆทันควัน!


เหล่าอัจฉริยะที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกต่างตื่นตะลึงตกใจยิ่ง จนถึงตอนนี้พวกเขาทราบแล้วว่า สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่มันไม่ง่ายเสียเลย


อุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว นำพามาสู่อันตรายถึงชีวิต!


จุดแข็งของอีกสามคนในลานประลองวงแหวนค่อนข้างอ่อนแอกว่ามาก


ที่เพิ่งจะอยู่ในรอบที่สองเท่านั้น แต่กลับถูกคู่ต่อสู้สังหารทิ้งโดยตรง ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสให้กล่าวยอมแพ้ใดๆ


เมื่อพบเห็นภาพฉากนี้ ปู่เจ้อดูร้อนใจขึ้นทันทีขณะกล่าวว่า


“พวกเจ้า ข้าเดาได้เลยว่าไอ้เหลือขอบรรพกาลราตรีจะถูกสังหารทิ้งโดยตรง คิดเห็นอย่างไร?”


“ฮ่าๆ มีความเป็นไปได้มาก! เพียงรอบแรกก็สร้างงานยากสำหรับตัวเขามากแล้ว รอบสองอาจถูกกำจัดทิ้งไปโดยธรรมชาติ”


ทันทีที่คำถามนี้เอ่ยดังขึ้น ก็มีคนเอ่ยตอบเห็นด้วยในทันที


คนอื่นๆโดยรอบต่างพยักหน้าตอบอย่างลับๆ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครสักคนที่คัดค้านหรือกังขาต่อคำถามนี้เลย


อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนกลับต้องทำให้พวกเขาเหล่านั้นผิดหวัง


แม้เย่หยวนจะใช้เวลานานในรอบที่สอง พร้อมพัลวันกว่าสามร้อยกระบวนสัประยุทธ์ แต่สุดท้ายเขาก็สามารถผ่านไปได้


“บัดซบ! นี่ข้าตาฝาดไปหรือเปล่า? แม้จะผ่านไปได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จะโชคช่วยจริงๆ!”


ปู่เจ้อกระทืบเท้าลงอย่างแรงด้วยความโกรธ


ถึงคนที่เหลือจะไม่เป็นแบบปู่เจ้อ แต่พวกเขาเองต่างก็รู้สึกประหลาดใจกับที่เย่หยวนผ่านรอบนี้ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ


“ดูนั้นเร็ว! ปาถู่พ่ายแล้ว! สวรรค์! คู่ต่อสู้ในรอบนี้จำต้องแกร่งกล้าเพียงใด?! ถึงสามารถข้ามระดับต่อสู้จนเอาชนะไปได้!”


ทันใดนั้นสุ้มเสียงหนึ่งลั่นอุทานดังขึ้น


วูบบ!


ปาถู่ถูกส่งตัวกลับออกมาโดยตรง


เมื่อลงจากลานประลอง สีหน้าการแสดงออกของปาถู่พลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง


ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแทบจะมองข้ามทุกคนไม่จำต้องเหลียวแล


ทว่าตอนนี้เขากลับแพ้ให้กับจอมทัพปีศาจครึ่งขั้น!


เป็นเรื่องปกติที่เขาจะข้ามระดับสัประยุทธ์ต่อสู้อยู่เสมอ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะประมาทคู่ต่อสู้ของตนมากเกินไปจริงๆ


“ปาถู่ คู่ต่อสู้เหล่านี้ที่เจ้าเผชิญพบ ล้วนแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวรึ?”


มีคนหนึ่งเริ่มเปิดฉากเอ่ยถามขึ้นทันทีอย่างอดสงสัยมิได้


เพียงพวกเหล่านี้เฝ้าดูอยู่ภายนอกเท่านั้น เห็นเพียงสองฝ่ายเข้าต่อสู้สัปยุทธ์กันเท่านั้น แต่มิอาจเข้าใจถึงความตื้นลึกหนาบางของคู่ต่อสู้เหล่านั้นได้ แนวคิดความเข้าใจลึกซึ้งเพียงใดมิอาจสัมผัสรับรู้


สีหน้าการแสดงออกของปาถู่บูดบึ้งขณะพยักหน้าตอบว่า


“แข็งแกร่งเกินไป! แนวคิดความเข้าใจของคนพวกนั้นโดยพื้นฐานล้วนบรรลุชั้นสวรรค์ระดับสามขั้นปลายทั้งสิ้น! มีแม้กระทั่งขั้นสุด! ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงแนวคิดความเข้าใจของพวกนั้นจะลุถึงจุดสุดยอด แต่วรยุทธต่อสู้ของพวกนั้นล้วนแล้วแต่ทรงพลังเกินจินตนาการ! โดยรวมจุดแข็งของคนพวกนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง! ข้าไม่มีข้อกังขาใดที่พ่ายในมือคนพวกนี้!”


“ฟ่อ…”


ทุกคนต่างสูดไอเย็นแช่มลึกสุดขั้วปอด ทันทีทันใดพวกเขาก็ตระหนักชัดถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เหล่านี้ในทันที


ไม่นานนัก ก็มีหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะอีกสองคนที่พ่ายลงในรอบที่ห้า


ณ ปัจจุบันบรรดาจ้าวสังเวียนที่ยังเหลืออยู่มีเพียงสี่คนเท่านั้น


สามบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะและ…เย่หยวน


ความเร็วในการผ่านด่านในแต่ละรอบของเย่หยวนดำเนินไปอย่างเชื่องช้า จนทุกคนต่างหมดความสนใจไปแล้ว


ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ติงฟาน


ณ ตอนนี้ติงฟานกำลังสัประยุทธ์อย่างดุเดือดกับคู่ต่อสู้ในรอบที่หก ทั้งสองอาละวาดหนักชนิดมืดฟ้ามัวดิน


“หากไม่เห็นกับตาตนเอง ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจอมทัพปีศาจครึ่งขั้นจะสามารถไล่ต้อนติงฟานได้ถึงขนาดนี้!”


“นั้นสิ ข้าไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าเซียนในยุคบรรพกาลจะทรงพลังมากปานนี้!”


“นี่เป็นเพียงคนที่หกเท่านั้น! หากเป็นคนที่สิบแปดจะต้องน่ากลัวเพียงใด!”



แม้ว่าคลื่นความผันผวนจะมิได้รุนแรงมากนักจากที่เฝ้ามอง แต่พวกเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดแจ้งถึงสถานการณ์การสู้รบที่แสนกดดัน


บูมมม!


ในที่สุดติงฟานก็พบโอกาสโจมตีสวนคืนพร้อมระดมพลังทั้งหมด ซัดกระหน่ำคว่ำอีกฝ่ายทันทีภายในหนึ่งกระบวนเบ็ดเสร็จ!


“จ้าวสังเวียนหมายเลขหนึ่ง ผ่านรอบที่หกไปได้ รางวัลที่ได้รับคือสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำระดับต่ำ!”


สุ้มเสียงโบราณเอ่ยดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง


ทันทีที่ทุกคนได้ฟังดังนั้นต่างเผยแววรุ่มร้อนแสนอิจฉาขึ้นทันทีอย่างอดมิได้


สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำที่ว่าก็คือสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ!


มีเพียงจ้าวทัพปีศาจเท่านั้นที่มีคุณสมบัติถือครอง!


แม้สุดท้ายสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำนี้จะต้องมอบให้แก่โถงโลหิตปรโลกก็ตาม แต่ทางโถงโลหิตปรโลกย่อมตอบแทนด้วยมูลค่าที่สมน้ำสมเนื้อแน่นอน!


ได้ยินเช่นนั้น ติงฟานพลางคลี่ยิ้มขึ้นทันทีด้วยความภาคภูมิใจ


เห็นได้ชัดว่าเขาพึงพอใจอย่างมากที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในรอบที่หกได้


“ติงฟานสมควรแล้วที่ได้ชื่อว่าอันดับหนึ่งของหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะ เขาช่างกล้าแกร่งเหลือเกิน!”


“สงสัยเสียจริงว่า หลังผ่านรอบที่หกไปได้แล้ว เขาจะสามารถไปไกลถึงเท่าใด”


“ข้าเดาว่าอย่างน้อยที่สุดคงไปไกลถึงรอบที่เก้า!”


“พวกเจ้าดูนั้นเร็ว! เด็กนั่น…เด็กนั่น…”


ทันทีทันใดพลันปรากฏสุ้มเสียงอุทานดังขึ้นทันทีด้วยความตกใจ


ปาถู่ที่กำลังเฝ้ามองติงฟางรับมอบสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำอยู่ ยามนี้พลันขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่มีความสุขนัก ที่มีสุ้มเสียงเอ่ยดังขัดจังหวะ ก่อนจะกล่าวน้ำเสียงเย็นขึ้นว่า


“เอะอะอันใด? ไม่จำเป็นต้องสนใจ”


“เด็กนั่นนามว่าบรรพกาลราตรีกระมัง? เขาผ่านถึงรอบที่ห้าแล้ว!”


คนๆนั้นเอ่ยอุทานขึ้นอีกครั้งราวกับกำลังเห็นบางสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจไปแล้ว


สีหน้าของปาถู่ผู้นั้นมืดลงทันทีก่อนจะเร่งหันขวับจับจ้องไปยังลานประลองวงแหวนหมายเลขสาม ก่อนพบว่าเย่หยวนผ่านไปถึงรอบที่ห้าแล้วจริงๆ!


ทุกคนต่างหน้าซีดเผือดทันทีด้วยความตกใจสุดขีด ก่อนหน้านี้พวกเขามัวแต่มุ่งความสนใจไปที่ติงฟานเพียงคนเดียว แต่มิคาดมิฝันเลยว่า ยามนี้เย่หยวนจะผ่านไปไกลถึงรอบที่ห้าแล้ว!


ปาถู่ที่พ่ายลงในรอบที่ห้า ในขณะที่เย่หยวนฝ่าฟันมาถึงรอบที่ห้าได้แล้วเช่นกัน นี่มิได้หมายความว่าความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้เทียบเคียงกับเขาได้แล้วงั้นรึ?


นี่ต้องล้อเล่นเป็นแน่!


เด็กน้อยที่ยังมีพลังไม่ถึงจอมทัพปีศาจครึ่งขั้นด้วยซ้ำ กลับแกร่งกล้ากว่าเขาได้อย่างไร?


“นี่มันอะไรผิดพลาดกระมัง?! ด้วยระดับพลังของเด็กนั่น เขาจะไปไกลถึงรอบที่ห้าได้อย่างไร?”


“ถูกต้องแล้ว! ปาถู่ที่ว่าแกร่งกล้ายิ่งยังไต่มาถึงรอบที่ห้าเท่านั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เด็กนั่นจะแข็งแกร่งไปกว่าปาถู่!”


“ต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่นอน! นี่อาจเป็นเรื่องภายใน! บางทีคู่ต่อสู้ของบรรพกาลราตรีอาจแข็งแกร่งไม่เท่าพวกปาถู่แน่นอน!”



เหล่าฝูงชนระเบิดความโกลาหลในทันใด!


พวกเขาไม่สามารถยอมรับความจริงตรงหน้าได้เลย แม้แต่ตัวปาถู่ยังไต่มาถึงแค่รอบที่ห้า แล้วเย่หยวนจะผ่านรอบที่ห้าไปได้อย่างไร?


ก็เห็นได้ชัดว่า เย่หยวนดูมีปัญหาตั้งแต่รอบแรกแล้ว!


เมื่อได้ฟังวาจาของผู้คนดังนั้น ปาถู่ก็ดูผ่อนคลายลงอย่างมากและกล่าวน้ำเสียงใจเย็นลงว่า


“ผ่อนคลาย เด็กนั่นไม่มีทางผ่านรอบที่ห้าไปได้แน่นอน”


………………………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)