Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1510-1512

 ตอนที่ 1510 คำสาปวิญญาณเลือด

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เจ้าคือบรรพกาลราตรี?”


ดาราสวรรค์เร่งปรับขนาดสายตาจับจ้องเย่หยวน พลางอดประหลาดใจใบหน้าหน้าอันหล่อเหลาของเย่หยวนมิได้


หากกล่าวตามตรง เขาไม่เหมือนปีศาจเลย


อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังปราณปีศาจอันบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนในร่างกายของเย่หยวน ทำให้เขาตรวจพบความผิดปกติไม่


“ขอทำความเคารพท่านอาวุโสดาราสวรรค์!”


ท่าทางการแสดงออกของเย่หยวนหาได้ปีนเกลียวหยิ่งผยองแต่อย่างใด แต่เขาเองก็หาได้แสดงความเคราพต่ออีกฝ่ายเป็นพิเศษ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นนักปรุงโอสถปีศาจระดับสี่ก็ตามที


เขาพิจารณาคาดการณ์เรื่องเหล่านี้ได้นานแล้ว ไม่มีทางแน่นอนที่โถงโลหิตปรโลกสาขาใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะจะเฝ้ามองยอดอัจฉริยะอย่างเขาอยู่เฉยๆเป็นแน่


ในความเป็นจริง เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำว่าตนจะสามารถกระตุ้นให้เกิดปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นได้เสียด้วยซ้ำ มิฉะนั้นเขาคงไม่ออกไปบรรยายต่อหน้าสาธารณชนแน่นอน


หากคำอื่นรู้เรื่องนี้เข้า ถึงแม้จะน่าประทับใจก็จริง แต่นั่นก็เป็นการดึงดูดปัญหาเข้าตัวเช่นกัน


ดาราสวรรค์เดินทางมาที่เมืองหลวงคาโปน ย่อมมีเพียงจุดประสงค์เดียวคือ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อดึงเข้าให้เข้าร่วมกับโถงโลหิตปรโลก!


นักปรุงโอสถปีศาจที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าได้ ความสำคัญของเขาต่อโถงโลหิตปรโลกนับว่าพิเศษเป็นอย่างมาก


เย่หยวนคาดการณ์ทุกอย่างไร้นานแล้ว และก็ทราบตระหนักดีว่า หากเขาไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่ายกลับหลงเหลือเพียงหนทางเดียวตรงหน้า


นั้นคือความตาย!


โถงโลหิตปรโลกไม่ยอมให้เย่หยวนเข้าร่วมกับกลุ่มอิทธิพลอื่นแน่นอน มิฉะนั้นเขาจะกลายมาเป็นศัตรูทันที


ยอดอัจฉริยะจำต้องมีความตระหนักรู้ดั่งเช่นอริยะชนเช่นกัน


ความเย่อหยิ่งเป็นคุณลักษณะโดยธรรมชาติของอัจฉริยะอยู่แล้ว


แม้ว่าเย่หยวนจะมิได้หยิ่งผยองไร้ขอบเขตขนาดนั้น แต่ต่อหน้าดาราสวรรค์ เขาจำต้องแสดงความภาคภูมิคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของอัจฉริยะเช่นกัน


เพราะอัจฉริยะที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าได้ หากไร้ซึ่งความหยิ่งยโสใดๆกลับดูผิดธรรมชาติเกินไป และอาจทำให้อีกฝ่ายกังขาสงสัยได้


ดังนั้นแล้วเขาจำต้องแสดงทัศนคติดั่งที่อัจฉริยะพึงมีต่อหน้าดาราสวรรค์เฉกเช่นตอนนี้


แน่นอนว่า ภายในใจของเย่หยวนเองก็หาได้เคารพเกริ่นเกรงต่อนักปรุงโอสถระดับสี่เช่นกัน


เขาที่สามารถเรียกปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าได้ มันแสดงให้เห็นชัดแจ้งแล้วว่า ขอบเขตความเข้าใจของเย่หยวนอยู่เหนือจินตนาการคนอื่นไปแล้ว ดั่งว่าเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้


“ฮ่าๆๆ ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าเกรงขามนัก! ทุกคนต่างบอกว่านักปรุงโอสถของเผ่าปีศาจนั้นมาตรฐานต่ำช้าเกินไป และไม่มีทางให้กำเนิดยอดนักปรุงโอสถที่เก่งกาจได้ ทว่าตอนนี้ ใครที่ได้เห็นเจ้าต่างต้องหุบปากให้สนิท!”


ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมระเบิดหัวเราะลั่น


สำหรับเรื่องนี้เอง เย่หยวนคัดค้านภายในใจไม่หยุดหย่อน ไอ้คนที่กล่าวเช่นนั้นมันพูดถูกต้องแล้ว มาตรฐานของนักปรุงโอสถเผ่าปีศาจมันไม่มีอะไรน่าดูเลย แล้วหน้าอย่างดาราสวรรค์หรือจะมาดูแลยอดอัจฉริยะอย่างเขาได้?


ดาราสวรรค์เป็นที่รู้จักในนามนักปรุงโอสถระดับสี่ แต่เย่หยวนคิดว่ามาตรฐานของอีกฝ่ายเองก็มิได้สูงเท่าไหร่นัก


เมื่อเทียบกับจอมเทพโอสถระดับสี่ของเผ่ามนุษย์ ดาราสวรรค์ตนนี้ยังคงห่างไกลนัก


“ความกล้าแกร่งของนักปรุงโอสถขึ้นอยู่กับบุคคล หาใช่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์”


แม้ภายในใจของเขาจะดูหมิ่นหยามเหยียดเพียงใด แต่สีหน้าวาจาคำกล่าวที่แสดงออกมา เย่หยวนกล่าวออกมาเสมือนว่าภาคภูมิใจ


ดาราสวรรค์เองก็คิดแบบนั้นก่อนจะหัวร่อเสียงเบากล่าวว่า


“นั่งสนทนากันเกรงว่าจะคอแห้ง เชิญชิมชาโลหิตพระเจ้าที่เราชายชรานำมา สิ่งนี้หาใช่ผู้คนชนชั้นทั่วไปจะสามารถหาดื่มได้!”


ขณะที่เอ่ยกล่าวขึ้นมา ดาราสวรรค์ก็ผลักชุดหม้อชาไปทางเย่หยวน พร้อมกลิ่นสุคนธรสประดับหอมล้นในทันใด


เย่หยวนกวาดสายตาเหลือบมองชาสีเลือดเล็กน้อย ก่อนจะไม่พบสิ่งใดผิดแปลก


แต่ทันใดนั้นเองหลู่เฉินก็กล่าวเตือนขึ้นว่า


“เย่หยวน ชายคนนี้ต้องการร่ายคำสาปวิญญาณเลือดใส่เจ้า!”


 “คำสาปวิญญาณเลือด?”


เย่หยวนเอ่ยสงสัยขึ้น


ตั้งแต่ที่เย่หยวนเดินเข้ามาในห้องนี้ เขาก็ปราดสายตาสำรวจตรวจสอบก่อนแล้วในระดับหนึ่ง ภายในใจคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด


เว้นเสียว่าเขาจะพบสิ่งใดแปลกปลอม


“คำสาปวิญญาณเลือดเป็นคำสาปที่น่ากลัวมากของเผ่าปีศาจ มันหาใช่สมุนไพรหรือโอสถ เจ้าจึงไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ เจ้าเห็นโคนไฟรูปทรงต่างๆที่ประดับอยู่มุมห้องหรือไม่?”


เย่หยวนเหลือบสังเกตสิ่งของโดยรอบทันที แน่นอนว่าเขาเห็นโคมไฟรูปทรงประหลาดประดับอยู่ทั่วห้องจริง


 ทีแรกพลางคิดไปว่ารสนิยมความชอบของเผ่าปีศาจแตกต่างจากเผ่ามนุษย์อย่างมาก ดังนั้น เย่หยวนหาได้กังวลเกี่ยวกับรูปทรงแปลกๆของมันเช่นกัน


เย่หยวนแอบคิดไปว่า เขาคงหลงกลสนิทแล้วหากไม่ได้หวู่เฉินมาเอ่ยเตือนเช่นนี้


“ข้าเห็นแล้ว โคมไฟเหล่านี้มีรูปทรงแปลกประหลาดจริงๆ”


เย่หยวนเอ่ยตอบ


หวูเฉินกล่าวว่า


“โคมไฟเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า ตะเกียงหลอมวิญญาณ มันถูกสร้งาขึ้นจากเส้นเอ็นของผู้คนนับไม่ถ้วน วิญญาณที่อยู่ในไส้ตะเกียงหลอมวิญญาณจะถูกเปลวเพลิงแผดเผาไม่มีที่สิ้นสุด แน่นอนว่าวิญญาณที่อยู่ภายในนั้นล้วนเปี่ยมล้นความอาฆาตพยาบาท แต่แค่มองผ่านเพียงผิวเผินย่อมไม่สามารถสังเกตทราบได้เลย อย่างกล่าวถึงพวกมนุษย์ กระทั่งเผ่าปีศาจด้วยกันเองยังมิอาจสัมพันธ์รับรู้การมีอยู่ของมันได้”


เย่หยวนที่ได้ยินเช้นนั้นถึงขั้นสูดไอเย็นแช่มลึกสุดขั้วปอด ช่างหวาดหวั่นใจนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าสิ่งนี้จะโหดร้ายมิใช่น้อย


สมาชิกเผ่าปีศาจล้วนแต่เป็นคนพวกโหดเหี้ยมเลือดเย็นยิ่งนัก!


หากย้อนกลับไปในตอนนั้น เผ่าปีศาจเองยังเคยใช้วิธีคล้ายกันโดยการาสังหารหมู่เพื่อรวบรวมพลัง


“ถ้าเช่นนั้นแล้ว…ชาโลหิตพระเจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับคำสาปวิญญาณเลือดกัน?”


เย่หยวนเอ่ยถาม


“ชาโลหิตพระเจ้าเป็นชาวิญญาณที่หายากมากของเผ่าปีศาจ มันจะช่วยเพิ่มพูนพลังแกนวิญญาณของพวกปีศาจคล้ายกลับกันบริโภคโอสถ เพียงว่าชาโลหิตพระเจ้ายังเป็นกุญแจสำคัญที่จะเชื่อมต่อร่างของเจ้ากับคำสาปวิญญาณเลือด! ชาโลหิตพระเจ้าเป็นดั่งการรดน้ำด้วยเลือดให้แก่วิญญาณเหล่านั้น เมื่อเจ้าดื่มชาโลหิตพระเจ้าลงไป วิญญาณอันเคียดแค้นภายในตะเกียงจะออกมารวมตัวกันและสาปเจ้าด้วยคำสาปวิญญาณเลือด! คนที่โดนสาปไปจะไม่รู้สึกรู้สาอันใดแม้แต่น้อย แต่เมื่อมีคนไปกระตุ้นคำสาปวิญญาณเลือด เจ้าจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง จากการถูกกลืนกินจิตวิญญาณและประสบความทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย! ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการใช้วิธีนี้เพื่อควบคุมเจ้า!”


หวูเฉินกล่าว


เย่หยวนใจหายวูบปรดุจดิ่งลงเหวลึก เขาไม่คิดเลยว่า ดาราสวรรค์ผู้นี้จะวางกับดักเขาตั้งแต่ตั้งแรกที่เจอกัน ยามนี้เพลิงพิโรธภายในใจโหมปะทุขึ้นทันทีพร้อมคำสาปแช่งมากมาย


โถงโลหิตปรโลกแห่งนี้สมควรแล้วที่ได้รับสมญานามว่าเป็น กลุ่มอำนาจใต้ดิน การดำรงอยู่ของพวกมันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าฝ่ายตำหนักเจ้าเมืองหลายเท่าทวีนัก


เขายังไม่เคยไปยั่วยุกลุ่มคนเหล่านี้เลย ทว่าพวกมันกลับใช้วิธีโหดร้ายเช่นนี้จัดการกับเขา!


“ท่านอาวุโสมีวิธีจัดการกับคำสาปวิญญาณเลือดหรือไม่? หากข้าไม่ดื่มชานี้ ตาแก่เจ้าเล่ห์นี่คงไม่ยอมปล่อยข้าไปเช่นกัน!”


เย่หยวนเอ่ยถามน้ำเสียงเคร่งขรึม


เขาสามารถทำลายโซ๋ตรวงแห่งเต๋าโอสถลงได้เพราะการบรรยายครั้งนี้ แต่นั่นกลับชักนำปัญหาใหญ่ตามมาเช่นกัน


นับเป็นโชคลาภที่มาพร้อมกับความโชคร้ายโดยแท้!


แต่หวูเฉินกลับยิ้มและกล่าวว่า


“เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าข้าผู้นี้เป็นใคร? ไข่มุกสยบวิญญาณเป็นบรรพบุรุษแห่งวิญญาณทั้งมวล เว้นเสียแต่เป็นวิญญาณระดับชั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์ออกโรงเป็นการส่วนตัว ที่เหลือจากนั้นมีวิญญาณใดบ้างทำอันตรายเจ้าได้? กับแค่คำสาปเด็กน้อยเช่นนี้มีหรือที่ข้าจะปราบไม่ใกล้? ยิ่งไปกว่านั้นนี่กลับเป็นผลดีเสียมากกว่า ข้ามีวรยุทธลับจิตศักดิ์สิทธิ์มากมายไว้เล่นงานวิญญาณอาฆาตเหล่านั้น ทั้งยังให้ไข่มุกสยบวิญญาณกลืนกินเข้าไป นับเป็นยาบำรุงข้าชั้นดี! เจ้าแค่ดื่มชาโลหิตพระเจ้าไป ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่หหยวนพลันลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก


เขาคลี่ยิ้มเล็กน้อยและยกหม้อต้มรินชาใส่ถ้วย ก่อนนำมาดื่มอย่างสบายอารมณ์


แลเห็นภาพฉากนี้ มุมปากของดาราสวรรค์พลันกระตุกยิ้มเล็กน้อย แผนการชั่วของเขาประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย


“รสชาติเป็นอย่างไร?”


ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม


เย่หยวนพยักหน้าเอ่ยชมขึ้นว่า


“ชาชั้นเยี่ยม! ไม่เพียงแต่ชำระความมัวมองให้จิตใจสดชื่น ทั้งยังช่วยบำรุงพลังปราณปีศาจอีกด้วย!”


ดาราสวรรค์ระเบิดหัวเราะขึ้นเสียงดังโข


“ฮ่าๆๆ หากเจ้าชอบข้ายังมีอีก เช่นนั้นขอมอบให้เจ้าแล้วกัน”


เย่หยวนรีบเร่งกล่าวตอบทันทีว่า


“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ชาวิญญาณหายากเช่นนี้มูลค่าคงไม่น้อยกระมัง? บรรพกาลราตรีผู้ต่ำต้อยมิอาจรับของมีค่าขนาดนี้ได้โดยไม่มีสิ่งตอบแทน!”


ดาราสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมยิ้มกล่าวว่า


“น้องบรรพกาลราตรี ข้าขอเรียกเจ้าว่าน้องชายเสียแล้วกัน เจ้าเป็นคนฉลาดหลักแหลม คงเดาจุดประสงค์ที่ข้ามาวันนี้ได้แล้วกระมัง? ขุมพลังอำนาจของโถงโลหิตปรโลกยิ่งใหญ่เกินกว่าเจ้าจะคาดถึง ด้วยความสามารถของเจ้า ขอเพียงเข้าร่วมกับพวกเขา อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าของเจ้าจักต้องเปล่งประกายยิ่งกว่าผู้ใด!”


เย่หยวนมิได้เผยแสดงสีหน้าประหลาดใจแต่อย่างใด เขากล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า


“ท่านอาวุโสดาราสวรรค์ใจดีเกินไปแล้ว เพียงว่า…บรรพกาลราตรีคนนี้ยังไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมฝักฝ่ายใด”


ดาราสวรรค์เองก็หาได้แปลกใจเช่นกันที่ได้ยินแบบนั้น เขากล่าวขึ้นอย่างมีนัยแฝงขึ้นว่า


“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ เจ้าลองกลับไปพิจารณาดูก่อน บางที…เจ้าอาจเปลี่ยนใจในภายหลัง?”


ตอนที่ 1511 ต้องกลับไปให้‘ดอกผล’

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากที่เย่หยวนจากลาออกไป ปรากฏเป็นอวี้หานที่เดินออกมา


“ท่านดาราสวรรค์ ข้าไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่า ท่านจะใช้คำสาปวิญญาณเลือดจริงๆ!”


อวี้หานกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ


คำสาปวิญญาณเลือดนี้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นระดับชั้นจ้าวทัพปีศาจเอง แต่ก็มิอาจทานทนจนจำต้องยอมจำนนต่อความตายเช่นกัน


การใช้สิ่งนี้เพื่อจัดการเย่หยวน มันไม่ต่างอะไรกับใช้มีดฆ่าโคสังหารไก่เลย


ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุดิบที่ใช้เตรียมการคำสาปวิญญาณเลือด แต่เดิมต้องใช้ทั้งทรัพยากรคนและวัตถุดิบยุ่งยากซับซ้อนมากมายนัก กว่าจะสร้างได้สำเร็จ


เพียงแค่ชาโลหิตพระเจ้าหนึ่งกาก็หาประเมินค่าไม่แล้ว


แม้แต่โถงโลหิตปรโลกยังแทบไม่เคยใช้งานเจ้าสิ่งนี้เช่นกัน


คำสาปวิญญาณเลือด โดยส่วนใหญ่มักใช้กับบุคคลที่จัดการได้ด้วยยากหรือเป็นปัญหาจริงๆเท่านั้น


ดดาราสวรรค์คลี่ยิ้มบางกล่าวว่า


“การใช้คำสาปวิญญาณเลือดกับบุคคลสำคัญที่อาจกลายมาเป็นบรรพชนโอสถคนที่สองอย่างเขา นี่นับว่าคุ้มค่าแน่นอน!”


อวี้หานยามนี้ยังค่อนข้างกังวลใจขณะเอ่ยกล่าวขึ้นว่า


“เจ้าหนุ่มคมนี้ยอมหักดีกว่ายอมงอ คำสาปวิญญาณเลือดนี้จะใช้ได้ผลจริงรึ?”


ดาราสวรรค์ระเบิดหัวเราะดังลั่นกล่าวว่า


“จะได้ผลจริงหรือไม่งั้นรึ? อย่าถามเช่นนี้เลยเสีย! ครั้นหนึ่งเคยราชาปีศาจครึ่งขั้นถูกคำสาปวิญญาณเลือดไป แม้แต่ตัวตนระดับชั้นนั้นยังต้องนอนหมอบดั่งสุนัขต่อหน้าท่านประมุขโถงใหญ่! เด็กหนุ่มคนนี้เป็นแค่แม่ทัพปีศาจ เจ้าคิดว่ามันจะได้ผลหรือไม่?”


ดวงตาของอวี้หานเบิกกว้างแปรเปลี่ยนดูจริงจังโดยพลัน


ราชาปีศาจครึ่งขั้นนับเป็นการดำรงอยู่แบบใด


ต่อหน้าคำสาปวิญญาณเลือดกระทั่งบุคคลระดับชั้นยังมิอาจต้านทานใดๆได้เลย!


อวี้หานทราบเพียงว่าคำสาปวิญญาณเลือดนั้นทรงพลัง แต่กลับไม่รู้เลยว่ามันจะทรงพลังได้ถึงขนาดนี้!


ตัวอย่างที่ดาราสวรรค์อธิบายออกไปก็เป็นที่ชัดเจนแล้ว


ดาราสวรรค์กล่าวต่อว่า


“แท้จริงแล้วคำสาปวิญญาณเลือดจะไม่ฆ่าผู้คนถึงชีวิต แต่ด้วยพลังคำสาปแห่งความอาฆาต มันจะสร้างความทุกข์ทรมานต่อจิตวิญญาณของคนนั้นๆไม่มีวันสิ้นสุด และสิ่งนี้หาใช่ผู้ใดจะต้านทานได้ คืนนี้ให้เจ้าเด็กนั้นได้ลองลิ้มชิมรสเสียหน่อยแล้วกัน ข้าคิดว่าอีกไม่นานคงต้องมาหาข้าเร็วๆนี้! ฮ่าๆๆๆ…”


เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ด่าราสวรรค์ก็เริ่มระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างตื่นอกตื่นเต้น


เพื่อให้โถงโลหิตปรโลกสามารถชักนำยอดอัจฉริยะด้านโอสถที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นมาได้ แล้วดาราสวรรค์จะสุขใจได้อย่างไร?


“แต่เขาจะรู้ตัวหรือไม่ว่า ตนหลงกลพวกเราเข้าให้แล้ว?”


อวี้หานเอ่ยถาม


“แม้ว่าเด็กคนนี้จะหัวรั้นและหยิ่งผยองยิ่ง แต่เขาก็ฉลาดหัวไวมาก! ตราบใดที่รู้ถึงการมีอยู่ของคำสาปวิญญาณเลือดได้ เขาจะตระหนักได้ทันทีว่าสิ่งนี้ข้องเกี่ยวกับพวกเรา!”


ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวขึ้น



ตกดึกยามรัตติกาลสงัด


เย่หยวนยังคงนั่งสมาธิเข้าฌานอยู่ต่อหน้าหุบเขาถงเทียนจำลอง เพื่ออนุมานหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับสาม


ทันใดนั้นเองไข่มุกสยบวิญญาณภายในทะเลแห่งจิตใจของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาผิดประหลาด


“มันมาแล้ว! ตาแก่นั้นคงคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดนักหนา แต่กลับไม่รู้เลยว่าคำสาปนั้นกลับเป็นของกำนัลชั้นดีให้แก่เราผู้นี้!”


หวูเฉินระเบิดหัวเราะเสียงเย็นสะท้าน ไข่มุกสยบวิญญาณลอยออกมาจากทะเลแห่งจิตใจ อยู่เหนือศีรษะของเย่หยวน


ทันใดนั้นเอง ไข่มุกสยบวิญญาณพลันเปล่งแสงสีแดงเข้มออกมา แลดูแปลกตายิ่งนัก


แต่ภายในไข่มุกสยบวิญญาณนี้ หวูเฉินเริ่มหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง


“คำสาปวิญญาณเลือดนี่แหละคือยาชูกำลังชั้นดี! ด้วยคำสาปบ้าๆของพวกเจ้า มันกำลังจะทำให้ข้าฟื้นพลังคืนสู่ระดับสาม!”


เย่หยวนยังคงจมลึกอยู่ในญาณและตัดขาดเหตุการณ์จากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง


ก่อนหน้านี้หวู่เฉินบอกกับเขาว่า ไม่จำเป็นต้องกังวลใจอันใดไป แค่ตั้งใจบ่มเพาะพลังก็พอ


ท่ามกลางรัศมีในสีแดงเข้ม ไข่มุกสยบวิญญาณยามนี้เริ่มแกร่งกล้ามากขึ้น


ทั่วทั้งกายาของหวู่เฉินเองก็ถูกแสงสีแดงเข้มห่อหุ้มเอาไว้เช่นกัน ยามนี้ดูราวกับปีศาจกลืนกินวิญญาณ


ในขณะเดียวกันร่างของเขาก็ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน


ภายในห้องลับแห่งนี้ หยาดเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาบนหน้าผากของดาราสวรรค์


“ไอ้เด็กเหลือขอ! มันยังทนทานไม่ยอมจำนนจวบจนตอนนี้จริงๆ!”


การจะกระตุ้นคำสาปวิญญาณเลือดออกมา จำต้องใช้พลังวิญญาณของผู้ใช้นำทางวิญญาณอาฆาตไปยังผู้ถูกคำสาป


และเมื่ออีกฝ่ายพ่ายแพ้ต่อการต้านทาน ตัวดาราสวรรค์จะสบายตัวขึ้นเป็นอย่างมากและไม่ต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลเพื่อกดดันอันใดอีกต่อไป


ทว่าตอนนี้ดาราสวรรค์กลับไม่คิดเลยว่า แม่ทัพปีศาจตัวน้อยที่แสนอ่อนแอจะต้านทานได้นานขนาดนี้


ดาราสวรรค์จะไปรู้ได้อย่างว่าคู่ต่อสู้ของตนในขณะนี้หาใช่เย่หยวนไม่ แต่เป็นปีศาจเฒ่าที่ช่ำชองเรื่องวิญญาณอันดับต้นๆแห่งมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้!


ยิ่งไปกว่านั้นคำสาปวิญญาณเลือดยังเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยมในสายตาของปีศาจเฒ่าตนนี้อีกด้วย!


ณ ปัจจุบัน หวู่เฉินรู้สึกดีเกินพรรณนา


ในขณะที่เย่หยวนยังคงหมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะพลัง และมิอาจเจียดเวลาออกมาดูได้


“สมแล้วที่เป็นถึงยอดอัจฉริยะที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นมาได้! พลังวิญญาณสูงส่งขนาดนี้ หาใช่สิ่งที่ระดับชั้นแม่ทัพปีศาจพึงมีเลย!”


ดาราสวรรค์กล่าวชื่นชมอย่างลับๆภายในใจ


ในที่สุดดาราสวรรค์ก็รู้สึกได้ว่า พลังวิญญาณอีกฝ่ายค่อยๆคลายอ่อนลงแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่า อีกฝ่ายอมแพ้เสียแล้ว


ร่องรอยเผยออกเป็นรอยยิ้มเยาะบนมุมปากของดาราสวรรค์ และกล่าวขึ้นว่า


“เหอะ แม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะโดดเด่นเพียงใด แต่ภายใต้คำสาปวิญญาณเลือดนี้ เจ้าก็มีแต่จะต้องเชื่อฟังข้าเท่านั้น! ช่างเถิด คืนนี้ข้าจักทรมานเจ้าสักหนึ่งชั่วยาม หากเจ้ายังไม่มีในวันพรุ่งนี้ เจ้าก็จะทรมานเจ้าต่อในวันมะรืน!”


หนึ่งชั่วยามต่อมา ดาราสวรรค์ถอนวิญญาณอาฆาตออกมาพร้อมความปีติดีใจ


ในความคิดของเขา หลังจากที่เย่หยวนอดทนถึงขีดสุดแล้ว อีกฝ่ายคงนอนดิ้นทรมานอยู่บนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงแน่นอน


ในคืนที่สอง ดาราสวรรค์ก็สำแดงใช้คำสาปใส่เย่หยวนอีกครั้ง


แต่จนแล้วจนรอด ห้าวันผ่านไป แม้แต่ดาราสวรรค์ยังรู้สึกว่านี่มันจะทานทนเกินไปแล้ว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นเย่หยวนเดินทางมาหาเพื่อยอมจำนนใดๆ


อย่างไรก็ตาม อวี้หานยามนี้เริ่มวิตกกังวลหนัก จึงเอ่ยถามดาราสวรรค์ไปว่า


“ท่านดาราสวรรค์ หรือเจ้าเด็กนี่ก็งัดกลอุบายออกมาใช้เช่นกัน? ไฉนถึงราวกับว่าคำสาปวิญญาณเลือดนี้ใช้ไม่ได้ผลเลย?”


ดาราสวรรค์สีหน้ามืดทมิฬลงทันทีพร้อมกล่าวว่า


“ไร้สาระ! เราชายชราเฝ้าดูมันดื่มชาโลหิตพระเจ้าด้วยตาตนเอง หรือเป็นไปได้ไหมว่า เด็กน้อยแม่ทัพปีศาจจะมือไวจนข้ามองไม่ทัน?”


อวี้หานนึกภาพจินตนาการ ก่อนจะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่อีกฝ่ายจะเล่นแง่คืนต่อหน้าดาราสวรรค์ได้


แต่แม่ทัพปีศาจตัวน้อยนี่กลับทานทนได้นานถึงห้าวัน ผลลัพธ์ที่ออกมาเช่นนี้ทำให้พวกเขาทั้งคู่แปลกใจเหลือเชื่อยิ่งนัก


“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น สิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อคือ…”


“ไม่ต้องพูดแล้ว! เด็กคนนี้สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นได้ ความแกร่งกล้าของเขามิอาจตัดสินใจได้จากสามัญสำนึกทั่วไป คืนนี้จ้าจะเพิ่มพลังคำสาปวิญญาณเลือดเป็นเท่าตัว จะให้มันได้ลิ้มรสว่าความทรมานที่แท้จริงเป็นอย่างไร! ข้าจะทำให้มันทรมานจนต้องร้องขอความตาย! ข้าไม่เชื่อว่ามันจะทนไหว!”


ภายในห้วงมิติไข่มุกสงบวิญญาณ หวูเฉินดูกระฉับกระเฉิงเปี่ยมล้นไปด้วยพลังขึ้นมาก


การดูดกลืนพลังเมื่อหลายวันมานี้ทำให้เขาฟื้นคืนสู่ระดับสามได้ในที่สุด


“กุ้ยหยุน ข้าดูดซับพลังจนอิ่มแล้วคงทำต่อไม่ไหว คืนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว พลังคำสาปนี้เปรียบดั่งยาชูกำลังชั้นเยี่ยมสำหรับเจ้าเช่นกัน เพียงหนึ่งคืนมันน่าจะเพียงพอสำหรับเจ้าต่อการเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่ระดับสาม!”


หวูเฉินลูบหน้าท้องอย่างสบายใจเฉิ่ม พร้อมรวนหัวเราะสนุกสนานบันเทิงใจนัก


พลังของกุ้ยหยุนในตอนนี้มาถึงระดับสองขั้นสุดแล้ว


ด้วยความช่วยเหลือนี้ของหวู่เฉิน การเลื่อนระดับสู่ระดับสามกล่าวได้ว่าหาใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไปสำหรับเขา


ทันทีที่กุ้ยหยุนได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก


“ขอบคุณท่านอาวุโส!”


หวูเฉินยิ้มกล่าว


“ยังจะกล่าวเช่นนี้กับข้าเพื่ออันใด? เอาล่ะ! เตรียมทะลวงขึ้นสู่ระดับสามได้เลย!”



ผ่านพ้นไปอีกคืนหนึ่ง แม้พลังวิญญาณของดาราสวรรค์จะทรงพลังมากเพียงใด ยามนี้ก็ลดทอนจนเขาเหนื่อยล้าไม่น้อยเช่นกัน


แต่เพราะลงทุนลงแรงมากขนาดนี้ เขาจึงมั่นใจยิ่งว่าพรุ่งนี้เย่หยวนต้องรีบมาหาตนแน่นอน!


ยอดอัจฉริยะที่มีโอกาสกลายไปเป็นบรรพชนโอสถคนที่สอง วิธีจัดการย่อมแตกต่างจากคนทั่วไปเป็นธรรมดา!


เช้าวันต่อมา เย่หยวนออกจากการเก็บตัวในท้ายที่สุด


“นายท่าน!”


กุ้ยหยุนก้มคารวะเย่หยวน


ดวงตาคู่นั้นของเย่หยวนฉายแววประหลาดใจอย่างมาก ก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า


“เจ้าเลื่อนระดับชั้นแล้ว?”


กุ้ยหยุนยิ้มและกล่าวว่า


“ทั้งหมดต้องขอบคุณท่านอาวุโสหวู้เฉิน เมื่อคืนท่านเมตตาให้ข้ายืมพลังคำสาป ข้าจึงดูดซับจนบรรลุระดับสามได้สำเร็จ!”


เย่หยวนระเบิดหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินแบบนั้น เขากล่าวว่า


“ตาแก่คนนี้มอบของขวัญชิ้นให้แก่พวกเขาโดยแท้! เอาล่ะ ถึงเวลากลับไปให้‘ดอกผล’แล้ว มิฉะนั้นตาแก่คนนี้คงเป็นบ้าไปเสียก่อน!”


ตอนที่ 1512 สมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ!

โดย

Ink Stone_Fantasy

ต่อหน้าดาราสวรรค์สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนดูอิดโรยเป็นอย่างมาก ผิวพรรณใบหน้าซีดเซียวราวกับป่วยเป็นโรคร้าย


เมื่อเห็นสภาพเย่หยวนดังนั้น ดาราสวรรค์ก็พอใจเป็นอย่างยิ่ง


แน่นอนว่าสภาพของเขาเองก็มิได้ดีไปกว่าเย่หยวนเท่าไหร่นัก


พลังวิญญาณของเขาถูกคั่นชนิดที่ว่าแทบแห้งเหือดโดยหวูเฉินและกุ้ยหยุนในช่วงหลายวันมานี้


แม่ว่าพลังวิญญาณของดาราสวรรค์จะกล้าแกร่ง แต่ภายใต้ความกระหายของหวู่เฉินและกุ้ยหยุน มีปริมาณมากขนาดไหนก็ไม่เพียงพอ ไหนเลยไข่มุกสยบวิญญาณยังเป็นถึงสมบัติเวทย์สวรรค์ในตำนานอีก


“ท่านอาวุโสดาราสวรรค์ เรื่องที่ท่านเคยเสนอไปเมื่อหลายวันก่อน ข้าได้พิจารณาแล้ว ข้าตัดสินใจเข้าร่วมกับโถงโลหิตปรโลก!”


เย่หยวนกล่าว


“ฮ่าๆๆ น้องชายคนนี้นับเป็นคนฉลาดโดยแท้! น้องบรรพกาลราตรี เจ้าการันตีความสำเร็จในอนาคตได้เลย การเข้าร่วมฝักฝ่ายเดียวกับพวกเราโถงโลหิตปรโลกนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว! การเดินทางเข้าสู่ซากโบราณสถาน ข้าจะไปพร้อมกับพวกเจ้าทุกคน หลังจากที่เจ้าออกมาจากที่นั่นแล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับสู่เมืองจักรพรรดิโดยตรง!”


ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะดีใจ


“ท่านอาวุโสจัดการได้ตามสมควร”


เย่หยวนในปัจจุบันราวกับสูญเสียเขี้ยวเล็บไปเสียแล้ว จากพญาเสือแสนหยิ่งผยองกลับกลายมาเป็นว่านอนสอนง่ายไปซะแบบนั้น


เพียงลงแรงลงความพยายามเสียหน่อยในตอนแรก ยามนี้กลับสบายมากนัก


ดาราสวรรค์เป็นเพียงตัวแทนของโถงโลหิตปรโลกแห่งเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะเท่านั้น เพื่อกำราบเย่หยวนมิให้กล้ารุนแรงพวกเขาเกินไป


ชีวิตของเย่หยวนถูกผูกไว้ในมือเขาแล้วตั้งแต่นี้และต่อไป


แต่ในทางตรงกันข้ามเอง เขายังต้องคิดหาวิธีปัดเป่าคำสาปภายในใจของเย่หยวนด้วย


มิฉะนั้นหากเกิดเหตุอันใดร้ายแรงเสียก่อนในอนาคต เขาคงแย่เช่นกัน


นอกจากนี้มันยังช่วยสร้างสัมพันธ์อันดีกับยอดอัจฉริยะคนนี้ภายในตัวเช่นกัน


ดังนั้น นี่คือสาเหตุที่เขาเรียกเย่หยวนเปรียบเสมือนน้องชาย และปฏิบัติตัวดีกับเขา ทุกคนกล่าวล้วนฟังดูจริงใจเป็นอย่างยิ่ง


“ฮ่าๆ น้องบรรพกาลราตรีโปรดยกโทษให้พี่ชายคนนี้ด้วย ประมุขโถงใหญ่ต้องการตัวเจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด แต่ในขณะเดียวกันก็ทราบด้วยว่า เจ้าคงไม่ยอมฟังโดยง่ายจึงเป็นเหตุให้เราคิดแผนเช่นนี้ขึ้นมา แต่เจ้ามั่นใจได้เลยตราบใดที่เจ้ายินดีที่จะเข้าร่วมกับพวกเราโถงโลหิตปรโลก เหตุการณ์ดั่งหลายวันก่อนจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแน่นอน นอกจากนี้ข้าจะหาทางช่วยเจ้าด้วย!”


คำกล่าวของดาราสวรรค์ฟังดูจริงใจอย่างมาก


แต่เย่หยวนกลับมิได้โกรธโมโหใดๆ เขาเร่งกล่าวตอบทันทีว่า


“ท่านอาวุโสใจดีเกินไป! บรรพกาลราตรีคนนี้มิกล้า!”


ถึงบอกว่ามิกล้า แต่สีหน้าของเย่หยวนกลับดูไม่ค่อยมีความสุขนัก


ดาราสวรรค์ลอบสังเกตเห็นพร้อมเอ่ยหัวเราะขึ้นว่า


“โอ้น้องชายอย่าทำสีหน้าเช่นนั้นเลย! หม้อหลอมโอสถของพี่คนนี้ใช้งานมากว่าหมื่นปีแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นหม้อหลอมคู่กายข้า ตอนนี้น้องชายเองก็ยังไม่มีหม้อหลอมดีๆกระมัง? เช่นนั้นพี่คนนี้ขอมอบให้!”


หม้อหลอมโอสถขนาดจิ๋วปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือดาราสวรรค์ ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งลงตรงหน้า


กลิ่นอายบรรพกาลลึกล้ำหาที่เปรียบไม่กระจายไปทั่วทั้งห้องทันที


สายตาการจับจ้องของเย่หยวนแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนจะอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า


“นี่หรือว่า…สมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ?”


ยามนี้เห็นสีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนที่เปลี่ยนไป ดาราสวรรค์พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก


ตามที่คาดไว้ไม่มีผิด สำหรับนักปรุงโอสถปีศาจแล้ว หม้อหลอมโอสถนี่แหละคือสิ่งล่อตาล่อใจที่สุด!


การมอบสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำเป็นของกำนันให้เช่นนี้ กล่าวได้ว่าดาราสวรรค์เจียดเนื้อเลือดตกออกไปมิใช่น้อยเลย


ระดับชั้นของสมบัติจ้าวปีศาจเลิศล้ำอยู่สูงเสียยิ่งกว่าเครื่องรางสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์!


สิ่งนี้คือสมบัติคู่กายของยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า และภายในเผ่ามนุษย์เรียกกันว่า สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ


สมบัติแต่ละระดับขั้นจะชื่อเรียกตามอาณาจักรพลังที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ


อย่างเช่นหากเป็นสมบัติที่ยอดเซียนอาณาจักรนภาสวรรค์ใช้ สิ่งนั้นจะถูกเรียกว่า สมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำเป็นต้น


ดังนั้นแล้วทางฝ่ายมนุษย์จะเรียกมันว่า สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ ในขณะที่เผ่าปีศาจจะเรียกสิ่งนี้ว่า สมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำนั้นเอง


ชื่อเรียกขานแตกต่างกันก็จริง แต่คุณสมบัติโดยส่วนใหญ่แทบเหมือนกันหมด


เพียงว่าสมบัติของเผ่าปีศาจย่อมเหมาะสำหรับเผ่าปีศาจมากกว่า


การจะหลอมสร้างสมบัติเลิศล้ำเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนยิ่ง เพียงเครื่องหลอมสวรรค์ระดับสี่ทั่วไปไม่สามารถหลอมสร้างสมบัติเลิศล้ำขึ้นมาได้ แม้นต้องใช้เวลากว่าหลายพันปี


ดังนั้นแล้วสมบัติเลิศล้ำแต่ละชิ้นจึงมีค่าอย่างประเมินไม่


สำหรับเหล่านักสู้แล้ว สมบัติเลิศล้ำนับว่ามีเสน่ห์ดึงดูดเป็นอย่างยิ่งยวด


และหาใช่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าทุกคนที่จะสามารถครอบครองสมบัติเลิศล้ำเหล่านี้ได้


เมื่ออวี้หานทที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นภาพฉากนี้เข้า นางก็อดยกมือป้องปากมิได้ด้วยความอิจฉา


ลูกตาของนางแทบถลนออกมาด้วยซ้ำ


นางขึ้นกลายมาเป็นจ้าวทัพปีศาจมานานกว่าสองหมื่นปีแล้ว แต่กลับไม่มีสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำเลยแม้แต่ชิ้นเดียว


เย่หยวนเป็นแค่จอมทัพปีศาจตัวน้อย แต่กลับได้ครอบครองหม้อหลอมโอสถระดับชั้นสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำแล้ว!!


ท่านดาราสวรรค์ใจใหญ่ลงทุนมิใช่น้อยจริงๆ!


“หุหุ น้องบรรพกาลราตรีมีสายตาเฉียบคมเสียจริง! สิ่งนี้ชื่อว่า หม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลือง เป็นสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำระดับต่ำ สิ่งนี้เป็นหม้อหลอมประจำกายข้ามากว่าห้าหมื่นปี วันนี้…ขอมอบให้แก่น้องชายแทนคำขอโทษ!”


ดาราสวรรค์ดูใจกว้างมากเมื่อเขาเอ่ยกล่าวออกมาเช่นนี้


โชคยังดีที่ประมุขโถงสัญญากับเขาไว้ว่า ตราบใดที่สามารถพาบรรพกาลราตรีกลับมาได้ ท่านประมุขโถงจะตบรางวัลเป็นสมบัติจ้าวทัพปีศาจระดับกลางให้ มิฉะนั้นเขาไม่ยอมมอบหม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลืองให้คนอื่นประเคนถึงมือเช่นนี้แน่นอน


ถึงกระนั้นเอง สำหรับดาราสวรรค์เอง เขาก็ตั้งใจจะมอบของกำนัลแก่เย่หยวนอยู่แล้ว


แต่ใครจะไปคิดว่าสิ่งมอบให้จะมีค่ามหาศาลปานนี้?


เย่หยวนเองก็แอบประหลาดใจอยู่เช่นกันเกี่ยวกับเรื่องนี้


ดาราสวรรค์เป็นคนใจกว้างขวางโดยแท้จริง ไม่เพียงสละพลังวิญญาณตนให้เป็นของขวัญแก่หวูเฉินและกุ้ยหยุนไว้กลืนกิน ตอนนี้อีกฝ่ายยังมอบสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำให้แก่เขาอีกด้วย!


จุจุ ตาแก่ตนนี้ใจใหญ่นัก!


เย่หยวนจับจ้องดาราสวรรค์ด้วยความสงสัยและเอ่ยถามว่า


“ให้ข้าคนนี้จริงๆรึ?”


ดาราสวรรค์ยิ้มและกล่าวตอบไปว่า


“นี่ข้ายังล้อเล่นกับน้องชายกระมัง? ข้าปลูกคำสาปวิญญาณเลือดในกายเจ้าอย่างไม่มีทางเลือกจริงๆ เพราะพวกเราต้องการตัวเจ้ายิ่งกว่าใครๆ! ดังนั้นสิ่งนี้เกิดขึ้นไปแล้ว ข้าจึงมอบหม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลืองนี้ให้แก่เจ้าเป็นคำขอโทษ เจ้าต้องเลี้ยงดูมันให้ดีด้วยพลังวิญญาณปีศาจ ต่อแต่นี้มันเป็นของเจ้าแล้ว!”


เย่หยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งกับเรื่องนี้ พร้อมพยักหน้ากล่าวว่า


“เช่นนั้น เนื่องจากท่านอาวุโสดาราสวรรค์จริงใจต่อข้าขนาดนี้ หม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลือง บรรพกาลราตรีคนนี้ขอรับไว้ด้วยความเต็มใจ!”


ทันทีที่ดาราสวรรค์ได้ยินเช่นนั้น พลันอดหัวเราะมิได้อย่างดีอกดีใจและกล่าวขึ้นว่า


“ฮ่าๆ น้องชายคนนี้ตรงไปตรงมาจริงๆ! ในอนาคตต่อไป เมื่อเดินทางไปถึงเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะแล้ว หากน้องชายต้องการหรือประสงค์สิ่งใดอย่าเกรงใจที่จะเอ่ยกล่าว บอกพี่ชายคนนี้ได้ตลอด เพราะในเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะ ข้ายังพอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง!”


เย่หยวนคลี่ยิ้มกว้างขณะประสานมือกล่าวว่า


“หากเช่นนั้น บรรพกาลราตรีคนนี้ขอขอบคุณท่านอาวุโสไว้ล่วงหน้า”



เมื่อกลับไปยังตระกูลฟาง หลังจากที่เย่หยวนได้หม้อพิสุทธิ์มณีเหลืองมา เขาก็ลองหลอมกลั่นโอสถทันที ปรากฏว่ายิ่งใช้เท่าไหร่เขาก็ยิ่งติดใจมากขึ้นเท่านั้น


“จุจุ สมแล้วที่เป็นสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ ปรากฏว่ามีผลช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ไฟศักดิ์สิทธิ์ การหลอมกลั่นโอสถต่อไปในอนาคต จำต้องฝากตัวไว้กับมันเสียแล้ว!”


“คุณภาพในการหลอมกลั่นโอสถเพิ่มขึ้นอย่างมาก! ตอนนี้ยามข้าหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ!”


“หื้ม? นี่คืออะไรกัน?”


เย่หยวนที่กำลังเอ่ยปากชื่นชมอยู่ ทันใดนั้นเอง ภายในหม้อหลอมพิสุทธิ์มณีเหลืองก็มีรัศมีพลังขุมหนึ่งไหลเวียนอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งพวกมันดูลึกลับยิ่ง


“นั้นคือพลังพิสุทธิ์มณีเหลือง!”


หวูเฉินกล่าวอธิบาย


“พลังพิสุทธิ์มณีเหลือง?”


เย่หยวนที่ได้ฟังดังนั้นพลันฉงนใจไปชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน


“เมื่อยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าสร้างดินแดนขึ้นมา จะให้กำเนิดพลังพิสุทธิ์มณัเหลืองเช่นนี้! ทุกครั้งที่เจ้าหลอมกลั่นโอสถ มันจะทำหน้าที่คงรักษายอดเต๋าของเจ้ามิให้หายไปไหน”


หวูเฉินอธิบาย


เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง ถึงว่าเหตุใดภาพฉากที่ได้สัมผัสยอดเต๋ายังคงสดใหม่อยู่ตลอดภายในใจ


มีพลังฟ้าดินช่วยเหลือในการหลอมกลั่น ช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม


“สมแล้วที่เป็นสมบัติจ้าวทัพปีศาจเลิศล้ำ! นี่ข้าไม่ต่างอะไรกับเสือติดปีกเลย!”


เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างสุดแสนจะพอใจ


หวูเฉินระเบิดหัวเราะดังลั่น


“ตาแก่ดาราสวรรค์อะไรนั้นใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมสารพัด แต่สุดท้ายกลับตัดชุดแต่งงานให้เจ้าทุกที่ทุกเวลา เมื่อมันพบว่าขันที่มันกำลังใช้ตักเป็นตะแกรงขึ้นมาในภายหลัง สงสัยเสียจริงว่ามันจะมีสีหน้าเช่นไร! ฮ่าๆๆๆ…”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)