Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1470-1471
ตอนที่ 1470 สาหัสหนัก
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ไอ้พวกสุนัขปีศาจ! จัดการฆ่าพวกมันให้หมด!”
“สู้! สู้กับพวกมัน!”
ทัพปีศาจมีจำนวนมากเกินไป แม้จะถูกปราบปรามลงด้วยธนูและหน้าไม้ยักษ์อันทรงอานุภาพไปแล้ว ทว่าทหารเผ่าปีศาจก็ยังคืบคลานปีนขึ้นมายังกำแพงเมืองได้อย่างรวดเร็วมากเช่นกัน
คล้อยหลังจากนั้นเป็นการสัประยุทธ์ระยะประชิด!
เมื่อพวกมันไม่สามารถป้องกันคลื่นระลอกแรกที่ถาโถมเข้ามาได้ไหว แนวป้องกันเบื้องหน้าจึงพังทลายลงทันที
“พร๊วดดด!”
ทหารฝ่ายมนุษย์เข้าสะบั้นเฉือนหัวหน้าปีศาจ พร้อมตะโกนสวนตอบน้ำเสียงบ้าคลั่งยิ่งว่า
“ไฉนไอ้พวกสุนัขปีศาจตัวนี้ถึงอ่อนแอนัก?”
“ด้านข้าด้วย!”
“ช่างอ่อนแอจริงๆ! แค่ลงมือสับครั้งเดียวก็เสร็จแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ อ่อนแอเหลือเกิน! ข้าละสะใจยิ่งนัก!”
…
บนกำแพงเมือง ปรากฏสุ้มเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจสุดขีด ยามนี้ทหารฝ่ายมนุษย์เริ่มมีกำลังใจฮึดสู้ราวกับถูกฉีดกระตุ้น
เมื่อหวังอี้เฟินเห็นปีศาจเหล่านี้ปีนขึ้นมาถึงกำแพงเมืองไวมาก สีหน้าการแสดงออกของเขาพลันเปลี่ยนไปเช่นกัน
แต่เขากลับไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ปีศาจพวกนี้ที่ปีนขึ้นมาจะอ่อนแอขนาดนี้ได้
หวังอี้เฟินลอบถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความโล่งอก เมืองทางใต้สถานการณ์เป็นอย่างไรกลับหาเป็นประจักษ์ ตอนนี้มีแต่จำต้องพึ่งคนเหล่านี้เพื่อปกป้องเมืองทางเหนือ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ยามนี้ทัพเผ่าปีศาจอยู่ ณ ที่แห่งนี้ คนที่เขาส่งไปยังเมืองคังติงเพื่อขอกำลังเสริมล้วนถูกกำจัดทิ้งไปหมดแล้ว
ณ ปัจจุบัน เมืองแห่งนี้กลายมาเป็นเกาะร้างกลางสมุทรอันโดดเดี่ยวไปแล้ว!
ในทีแรกยามเห็นทหารปีศาจของตนปีนขึ้นบนกำแพงเมืองได้ ซิ่วเหล่ยพลันดีอกดีใจอย่างมาก
แต่ในไม่ช้า รอยยิ้มนั้นพลันจางหายลงไปทันที แปรเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อค้างเติ่งอยู่อบบนั้น เนื่องด้วยกลุ่มที่บุกขึ้นกำแพงเมืองเป็นระลอกแรกถูกกำจัดลงโดยสิ้นอย่างง่ายดายนัก
มันมิอาจเข้าใจได้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ชัยอยู่กลางสายตาเพียงเอื้อมมือ ทว่าในเสี้ยวพริบตาเดียวกลับสูญสลายหายเป็นควัน
คลื่นผลกระทบเช่นน้าทำให้พวกมันประสบความสูญเสียไปนับหลายพันนาย ดั่งว่าหัวใจของซิ่งเหล่ยถูกคมมีดกรีดจนเลือดสดหลั่งไหลออกมา
ตัวมันในยามนี้ปราศจากกำลังเสริมเข้ามาเพิ่มเติม ยิ่งตายจำนวนยิ่งลดลงอย่างรวดเร็ว!
“บุกประชิดอีกรอบ! โค่นล้มพวกมันในหนึ่งระลอกใหญ่พร้อมกัน! พลหอกอสูรมังกรเตรียมยิงระลอกสอง!”
ซิ่วเหล่ยคำรามสั่งการอีกครั้ง
เหล่าปีศาจจำนวนมากรีบไต่ขึ้นกำแพงเมืองอีกครั้งทันที พวกมันเร่งความเร็วเป็นทวีเท่า ทว่านั้นกลับยิ่งทำให้พวกมันถูกกำจัดง่ายยิ่งกว่าเดิม!
เมื่อพวกมันขึ้นถึงบนสุดของกำแพงเมือง ปีศาจเหล่านั้นกลับถูกเฉือนทิ้งทันทีอย่างง่ายดายประดุจคมมีดร้อนจัดตัดเนยก้อน แต่นี่ราวกับว่าปีศาจทุกตนสูญเสียพละกำลังอย่างที่ควรจะเป็นลง
บูมมม!
ซิ่วเหล่ยยกฝ่ามือซัดพาออกไป เข้าจำกัดทหารปีศาจกลุ่มหนึ่งที่ขี้ขลาดหนีกลับออกมา
เหล่าทหารปีศาจที่เหลือเห็นดังลั่นพลันจับจ้องอย่างว่างเปล่าชั่วขณะ พวกมันยามนี้ทำได้เพียงเหลียวหลังกลับ และวิ่งไปทางกำแพงเมืองเพื่อปีนไต่บุกเข้าประชิดต่อ
“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ พวกเราไม่สามารถตรึงกำลังรั้งไว้ได้อีกต่อไป!”
ผู้ใต้บัญชาคนหนึ่งเร่งรุดเข้ามารายงานกับซิ่วเหล่ยท่าทีตื่นตระหนกยิ่ง
คู่คิ้วของซิ่วเหว่ยขมวดเข้ม ใบหน้าเปี่ยมล้นความเศร้าโศกเกินพรรณนา
“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”
ผู้ใต้บัญชากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงขมขื่นยิ่งว่า
“ทั้งหมดเป็นเพราะ ผงวิญญาณเนตรเขียว!”
ทันทีที่ซิ่วเหล่ยได้ยินเช่นนั้น สีหน้าการแสดงออกของมันพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก มันตะโกนลั่นน้ำเสียงเดือดดุก้องว่า
“ถอนทัพ! เร่งถอยทัพเดี๋ยวนี้!”
เหล่าทหารปีศาจดูคล้อยเร่งรีบลาถอยออกมาโดยไว ทันทีที่ได้ยินคำสั่งการของซิ่วเหล่ย พวกมันก็หมุนตัวกลับ วิ่งหนีกลับไปทันที
ภาพฉากในยามนี้เสมือนกับเหล่าสุนัขที่กำลังวิ่งหางจุกตูดกลับโดยไว
“ฮ่าๆ หนีวิ่งไปเลยไอ้พวกสุนัขทั้งหลาย!”
“เมื่อครู่ยังทำเป็นเก่งอยู่เลยมิใช่รึ? รีบๆปีนขึ้นมา! ท่านปู่ผู้นี้กำลังรอพวกเจ้าอยู่!”
“ไอ้พวกสุนัขขี้ขลาด! ไปไหนกันหมดแล้ว! ไม่อวดดีดั่งก่อนหน้าแล้วรึ?”
…
ด้านบนกำแพงเมือง เหล่าทหารฝ่ายมนุษย์ต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่ และเริ่มตะโกนเย้ยเยาะไล่หลังพวกมันอย่างสนุกสนาน
คลื่นกำลังร่นถอยออกห่าง พวกปีศาจถอยทัพออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก ระหว่างนั้นมีพวกมันกว่าห้าถึงหกพันนายที่ถูกสังหารทิ้งไป ยามเห็นเป็นเช่นนั้น พวกเขาแต่ละคนต่างโห่ร้องดีใจขึ้นมาทันทีอย่างอดมิได้
ราคาที่ฝ่ายมนุษย์ต้องนำจ่ายออกไปถือเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะอย่างค่อนข้างมึนงงฉงนใจ แต่สิ่งเหล่านี้พวกเขาหาได้นำพาใส่ใจไม่
สีหน้าการแสดงออกของซิ่วเหล่ยดูหวาดกลัวไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกันมันเอ่ยปากถามผู้ใต้บัญชาย้ำเป็นคำรบสองทันทีว่า
“เจ้าแน่ใจแล้วรึว่าเป็นผงวิญญาณเนตรเขียว?”
ผู้ใต้บัญชาตนนั้นเอ่ยตอบทันทีว่า
“ไม่ผิดแน่! ยิ่งไปกว่านั้นระดับชั้นความบริสุทธิ์ของผงวิญญาณเนตรเขียวนั้นสูงมาก ข้าที่สูดดมเข้าไปเล็กน้อย ยังแทบไม่สามารถระดมพลังปราณปีศาจได้!”
ซิ่วเหล่ยสูดหายใจแช่มลึกสุดขั้วปอด ยามนี้เอ่ยกล่าวด้วยความตกใจขึ้นว่า
“ฤทธิ์รุนแรงขนาดนั้นเชียว? แต่จะมีคนสร้างวิธีหลอมกลั่นผงวิญญาณเนตรเขียวในหมู่มนุษย์ได้อย่างไร?”
ผงวิญญาณเนตรเขียวนี้ไม่มีผลกระทบใดๆต่อมนุษย์ แต่สำหรับเผ่าปีศาจ โดยเฉพาะกับพวกปีศาจระดับต่ำ กลับมีผลกระทบที่รุนแรงจนน่ากลัว
เมื่อผงเหล่านี้เข้าผสมเจือปนกับสายลม มันจะไร้สีไร้กลิ่น
เผลอสูดดมเข้าไปเพียงเล็กน้อยจะไม่สามารถทำให้ปีศาจตนนั้นๆไม่สามารถระดมพลังปราณปีศาจเลย จะเป็นตายหรืออย่างไรล้วนขึ้นอยู่กับความเมตตาของผู้เข้ามาพบเห็นแล้ว
อย่างไรก็ตามแต่ ถึงสิ่งนี้จะดูน่าเกรงขามเป็นดาวพิฆาตของบรรดาเผ่าปีศาจ ทว่ามีน้อยคนนักเช่นกันที่สามารถหลอมกลั่นผงวิญญาณเนตรเขียวนี้ได้
และในความเป็นจริง มีผู้ที่รู้จุดอ่อนข้อนี้น้อยมากเช่นกัน
มันคาดไม่ถึงเลยว่า จะมีใครบางคนที่ทราบถึงวิธีหลอมกลั่นผงวิญญาณเนตรเขียวนี้จริงๆ นี่นับเป็นข่าวที่น่าสลดใจยิ่งสำหรับพวกมัน
“ไอ้บัดซบ! มันเป็นใครกัน ไฉนศัตรูของเขาถึงมีรอบทิศขนาดนี้?”
ซิ่วเหล่ยโมโหเดือดจัดแทบเป็นบ้า ศัตรูที่มองไม่เห็นผู้นี้ทำให้มันรู้สึกไม่สบายใจอย่างที่สุด
ทีแรก มันตัดขาดเส้นทางการหลบหนีและลำเลียงกำลังเสริมของพวกมัน ต่อมายังสำแดงใช้ผงวิญญาณเนตรเขียวอีก จนปัญญานักที่จะทราบว่า บุคคลนี้ยังมีวิธีการใดหยิบใช้สำหรับรับมือพวกมันอีก!
ในตอนนี้ซิ่วเหล่ยมั่นใจว่าตนสามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้แน่นอน
ทว่ามันกลับไม่ทราบว่าอีกฝ่ายที่ว่าเป็นใครมาจากไหน!
“แม่ทัพใหญ่ พวกเราควรทำอย่างไรต่อไปดี?”
ผู้ใต้บัญชาตนนั้นเองถามขึ้นทันทีอย่างหมดหนทาง
สีหน้าการแสดงออกของซิ่วเหล่ยรวนเรหลากอารมณ์ทับซ้อน ทันใดนั้นมันก็ตัดสินใจขึ้นได้และกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ถอยทัพกลับมารวมพล และเริ่มสั่งการโหมโจมตีในทีเดียว! ระดมพลังผสานโจมตี จงรัดเร้นพลังทั้งหมดออกมาและโจมตีใส่เป็นจุดเดียว ตราบใดที่เราสามารถทะลวงฝ่าปราการนี้ไปได้ เมืองกระแสพิรุณจักต้องถูกพวกเรายึดครองได้แน่นอน! บรรดาแม่ทัพอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าออกไปเป็นแนวหน้า!”
สีหน้าการแสดงออกของผู้ใต้บัญชาพลันแปรเปลี่ยนอย่างหนัก
“ท่านแม่ทัพใหญ่ แน่ใจหรือว่าจะสามารถเลี่ยงหลบหน้าไม้ยักษ์นั้นได้?”
ซิ่วเหล่ยเอ่ยตอบเสียงขรึมว่า
“ไม่แน่ใจนัก! แต่หากยืนนิ่งไม่ทำอะไรอยู่แบบนี้ พวกเราตายแน่นอน! ศัตรูที่เร้นแฝงซ่อนตัวอยู่ผู้นั้นน่าเกรงขามเกินไป ข้ารู้สึกว่า เจตนาอีกฝ่ายทำไปเพื่อถ่วงเวลาพวกเราอย่างชัดเจน เป็นไปได้มากว่า…กำลังเสริมของพวกมนุษย์กำลังมาถึงแล้ว!”
ผู้ใต้บัญชาคนนั้นชะงักนิ่งงันไปครู่หนึ่ง มันเอ่ยกล่าวสีหน้าแลดูหวาดกลัวยิ่งว่า
“ไม่มีทางเป็นไปได้! กลุ่มคนที่พวกเขาส่งออกไปนอกเมือง ล้วนถูกพวกเราฆ่าตายสิ้นแล้ว!”
สีหน้าการแสดงออกของซิ่วเหล่ยมืดทมิฬน่าเกลียดยิ่งนัก ขณะกล่าวตอบไปอย่างไร้หนทางไปว่า
“เราไร้ซึ่งทางเลือกอื่นใด! ยึดเมืองไม่ได้ก็เท่ากับตาย! เวลามิอาจรั้งรอ! โจมตี!”
“รับทราบ!”
ภายใต้คำสั่งการของซิ่วเหล่ย ผู้ใต้บัญชาทั้งหมดเร่งติดตามเข้าไปและผสานการโจมตีในทันที
ซิ่วเหล่ยก้าวย่างตรงออกมาเป็นแนวหน้า และตะโกนสั่นการลั่นกองพันน้ำเสียงเดือดดุ
“ทั้งหมดตามข้ามา! ไม่มีผู้ใครได้รับอนุญาตให้ร่นถอยเด็ดขาด! ฆ่า!”
กล่าวจบ มันเหาะทะยานบินตรงไปที่กำแพงเมืองทันที!
หวังอี้เฟินหน้าถอดสีหนัก เขาตะโกนสั่งการตอกสวนทันทีว่า
“พลหน้าไม้ยิงมัน!”
วูบบบ!
ลูกธนูยักษ์อันแหลมคมฉีดห้วงอากาศฝ่าคลื่นลมสวนออกมา ปราดพุ่งลุถึงหน้ามันโดยไม่มีเวลาให้ทันหายใจ!
กระทั่งยอดเซียนอย่างซิ่วเหล่ยเองยังสายเกินไปจะเลี่ยงหลบ หรือตอบสนองได้ทันท่วงที ยามนี้ทำได้เพียงพยายามเอียงเคลื่อนหลบเล็กน้อย
“พร๊วดด!”
ซิ่วเหล่ยส่งเสียงกรีดร้องพร้อมธารเลือดสดกระอึกพ่นออกมาคำโต ปรากฏเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ใจกลางอกของมัน!
หวังอี้เฟิยลอบถอนหายใจเจือสงสารอยู่เบื้องลึก ขอเพียงโจมตีโดนจุดสำคัญของซิ่วเหล่ย สิ่งนี้ย่อมสามารถเอาชีวิตมันได้แน่นอน
แต่การโจมตีครั้งนี้ อาจไม่ถึงขั้นเอาชีวิต ทว่าซิ่วเหล่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เหล่าแม่ทัพกองคนอื่นๆต่างกระโจนขึ้นปีนไต่บนกำแพงเมืองอีกระลอกใหญ่ พร้อมกองทหารปีศาจที่ตามมาติดๆอยู่พ่วงท้ายหลังเป็นแถวยาว
ผงวิญญาณเนตรเขียวยังไม่สิ้นฤทธิ์ กองทัพอสูรจำนวนมากที่ปีนขึ้นกำแพงต่างล้มหายตายจากอีกครั้งหนึ่ง
ซิ่วเหล่ยหาได้สนใจอาการบาดเจ็บของตนไม่ พรอมขึ้นทะยานไปยังด้านบนของกำแพงเมืองด้วยพลังทั้งหมดที่มี
แต่ในเวลานั้นเอง กลับมีร่างหนึ่งเดินตรงเข้ามาจากด้านหลังกองทัพอสูรอย่างเงียบงัน
ตอนที่ 1471 หนึ่งคนต่อหนึ่งทัพ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วูบบบ!
ร่างเย่หยวนแปรผันเป็นเงาทับซ้อนพุ่งโฉบลอบโจมตีจากด้านหลังกองทัพปีศาจ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เย่หยวนรีดเร้นพลังดาบไร้ขอบเขตสัญจรฟาดฟันไม่หยุดหย่อนเป็นแนวยาวขยายกว้างออกไป
เหล่าปีศาจยามนี้มุ่งสนใจเพียงเบื้องหน้า หันเข้าโรมรันพันตูเต็มกำลัง หาได้สนใจท้ายหลังไม่ เช่นนั้นแล้วด้านหลังของพวกมันจึงไร้ด่านปราการป้องกันและกลวงยิ่งกว่าอะไร
แม่ทัพอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ารีบไต่กำแพงเมืองทันทีในเวลานี้ ส่วนทัพด้านหลังส่วนใหญ่เป็นปีศาจอาณาจักรปฐมพระเจ้า ผสมกับอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าจำนวนหนึ่ง
เย่หยวนเข้าพิฆาต หนึ่งดาบต่อหนึ่งตน เสมือนพญาเสือไล่ต้อนฝูงแกะอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ต่อหน้าเขาผู้นี้ ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้คนใดเทียบเทียมต่อกรเย่หยวนได้
สยบดาราสาดสะบั้นฉีกห้วงอากาศเป็นจุญ เหล่าทหารปีศาจกลุ่มใหญ่บรรลัยสิ้นในพริบตา เสียงคราวญครางแสนน่าสังเวทดังกึกก้องโดยพร้อมเพรียง
“แย่แล้ว! มีกองทัพมนุษย์ดักลอบโจมตีเราจากด้านหลัง!”
“กองทัพบิดาเจ้าเถอะ! มันมาคนเดียว!”
“แค่คนเดียว? เช่นนั้นยังรออะไร? ช่วยกันฆ่ามัน!”
…
เย่หยวนเข้าทะลวงฝ่าพิฆาตกองทัพปีศาจด้วยตัวเพียงลำพัง
เขาปราดพุ่งล่าสังหารด้วยความเร็วสูงสุด ศัตรูเบื้องหน้าที่พบพานยามนี้กลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ มีแม้กระทั่งแม่ทัพอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดปรากฏกายออกมา
แต่หลังจากที่เย่หยวนเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลางได้ ความแกร่งกล้าของเขาก็ยกทวีขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
วรยุทธเคลื่อนไหวที่เขาสำแดงใช้ช่างรวดเร็วเกินไปนัก แม้แต่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดยังมิอาจไล่ตามอีกฝ่ายได้ทัน
“ไม่ดีแล้ว! รับหยุดเขาโดยเร็ว! มันคิดจะทำลายพลหน้าไม้!”
เสียงคำรามของแม่ทัพปีศาจตนหนึ่งคำรามกึกก้อง
กลุ่มทหารปีศาจยืนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเจือสยดสยอง ยามนี้ทำตามสั่งการ เร่งสกัดกั้นเย่หยวนราวกับผืนทะเลเข้ามาฉีกแยกออกจากกันเป็นสองฝั่ง
สิ่งที่แม่ทัพตนนั้นกลับไปล้วนถูกต้องทั้งหมด เป้าหมายที่แท้จริงของเย่หยวนคือ ทำลายแนวทัพของพลหน้าไม้และพลหอกอสูรมังกร!
แน่นอนว่ากลยุทธ์จับกลุ่มระดมรวมกันนั้นได้ผล!
เส้นทางเบื้องหน้าของเย่หยวนล้วนถูกปิดกั้นโดยกลุ่มมวลทหารมากมายนับไม่ถ้วน
ขุมพลังความแกร่งกร้าวของเย่หยวนนั้นเหนือชั้นเกินพรรณนา แต่ยามนี้มีเพียงเขาแค่คนเดียว
มวลทหารปีศาจยามนี้ เขาไม่สามารถล่าสังหารได้ทั้งหมด
ในที่สุดความเร็วของเย่หยวนก็เริ่มลดลง
ตัวเขาอยู่ห่างจากพลหน้าไม้และพลหอกอสูรมังกรแค่ไม่กี่ร้อยฉื่อ ทว่าไม่กี่ร้อยฉื่อนี้ช่างห่างไกลดั่งสุดขอบฟ้า
เมื่อล่าสังหารกลุ่มปีศาจฝูงใหญ่เสร็จสรรพ พวกมันกลับเข้ามาขัดขวางอีกระลอกหนึ่ง
“เราไม่สามารถจัดการมันลงได้! มนุษย์คนนี้แข็งแกร่งเกินไป! ทางที่ดีหยิบใช้กลยุทธ์จับกลุ่มต้านรับจนกว่ามันจะเหนื่อยตาย!”
“ทั้งหมดผสานช่วยกันโจมตี! ยามนี้มันหนีไม่รอดแล้ว! ไม่ว่าแกร่งกล้าเพียงใด แต่มันมีตัวคนเดียวอีกไม่นานมันก็หมดแรงตายไปเอง!”
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่าเจ้ามนุษย์!”
…
ทะเลเลือดที่เย่หยวนล่าสังหารไม่ยั้งมืออย่างบ้าคลั่ง ทำให้เหล่าปีศาจพวกนี้หวาดกลัวไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยิ่งไปกระตุ้นความบ้าดีเดือดของพวกมันมากขึ้นเช่นกัน ทำให้พวกมันวิ่งเข้าใช่ไม่หยุดยั้งราวกับเสียสติกันไปแล้ว
“เหอะ กลยุทธ์โถมโจมตีด้วยคลื่นมนุษย์ จะใช้ได้ผลแน่รึ?”
เย่หยวนรวนหัวเราะคำหนึ่งเสียงเย็นสะท้าน แต่ยามนี้ความเร็วในการปราดพุ่งเคลื่อนไหวไม่มีลดลงสักนิด เขายังคงฆ่าสังหารพวกมันต่อเนื่องประดุจดาวพิฆาตไม่หยุดมือ
คล้อยหลังที่เย่หยวนตรงเข้ากลางวงล้อมซัดโหมโรมรันอย่างหนักจวบจนตอนนี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สิบอึดใจสั้นๆ ทว่าเขาก็ล่าสังหารสิ่นไปกว่าร้อยตนได้แล้ว
จำนวนที่ตายลงเทียบเท่ากับกองทหารได้กลุ่มใหญ่พอดี
ในทางตรงกันข้าม เย่หยวนกลับมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้สักนิด
จันทร์สลาย!
ทันทีทันใด คลื่นพลังอันทรงอานุภาพพลันปะทุขึ้นบนร่างกายของเย่หยวน พร้อมพุ่งเข้าใส่แม่ทัพตนหนึ่งด้วยความเร็วเกินคาดจินตนาการถึงได้
แม่ทัพตนนั้นไม่คิดไม่ฝันแม้นสักนิด เย่หยวนยังเก็บรอนไพ่ตายอันน่าสะพรึงขนาดนี้ไว้อีกด้วย ซ้ำยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ตกเป็นรอง ถูกกองทัพปีศาจตีล้อมห้อมกรอบ
โพล๊ะ!
เมื่อแตะสัมผัสกับกระบวนโจมตีของเย่หยวน ร่างของมันระเบิดแหลกเละออกไปโดยตรง เศษซากร่างที่ยังหลงเหลือทรุดลงบนพื้นทั้งแบบนั้น
เหล่าทหารปีศาจต่างตกตะลึงอย่างหนักจนปิดปากไม่อยู่ แม่ทัพอันทรงพลังของพวกมันกลับตายลงทันทีภายในหนึ่งกระบวนดาบ?
มนุษย์คนนี้ไม่วิปลาสเกินไปใช่หรือไม่?
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ยังไม่มีใครรู้สึกสัมผัสได้ เย่หยวนก็ปราดพุ่งเข้าถึงตรงหน้าอีกฝ่ายราวกับสายฟ้า!
ชวิ้ง ชวิ้ง ชวิ้ง!
เย่หยวนปลดปล่อยสยบดาราหลากกระบวนทับซ้อน เสียงกระหึ่มดังราวกับอัสนีคำรน เข้าฟาดผ่าเหล่าทหารปีศาจทั่วสารทิศพิฆาตห่าสิ้นโดยตรง
แม้ว่าหน้าไม้และหอกอสูรมังกรจะทรงพลังอย่างมาก แต่มันก็เป็นเพียงอาวุธระดับชั้นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำทั่วไป ที่อ่อนแอยิ่งในการป้องกัน
อาศัยความแข็งแกร่งของเย่หยวน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายพวกมันลงด้วยคลื่นคมดาบเดียว
ยามนี้บนกำแพงเมืองเข้าสู่ช่วงสัประยุทธ์ระยะประชิดพัลวันประจัญบาน ทั้งสองฝ่ายยามนี้เหลือแต่มือเปล่าแล้ว
เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเหล่านั้นเข้าเข่นฆ่าทัพมนุษย์อย่างไร้ปรานี ด้วยขุมพลังอันทรงประสิทธิภาพ
แต่ในศึกสมรภูมิชเนนี้เอง เหล่าเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเองก็หาใช่ว่าจะไร้เทียมทานฆ่าไม่ตาย
การหยิบใช้พละกำลังเข้าสัประยุทธ์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็ทำให้พวกมันเหนื่อยแทบขาดใจเช่นกัน
ดังนั้น พวกมันจึงเริ่มเกาะกลุ่มกันกดดันฝ่ายทัพมนุษย์
แต่ทันใดนั้น แม่ทัพอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าตนหนึ่งก็พบว่า เหล่าพรรคพวกที่อยู่ด้านหลัง ยามนี้กลับมีไม่มากนัก
นอกจากนี้ไฉนพลหอกอสูรมังกรและพลหน้าไม้ถึงหยุดยิงไปเสียดื้อๆ?
เมื่อเหลียวมองกลับไป พวกมันแทบใจสลายในบัดดล
เนื่องจากพวกเขาอยู่แนวหน้าบนกำแพง จึงไม่มีเวลาไปมุ่งความสนใจกับด้านหลังเท่าไหร่นัก
ทว่าตอนนี้ด้านหลังของทัพอสูรกลับเกิดวิกฤตความโกลาหลครั้งใหญ่!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทหารฝูงใหญ่ที่ตายกันลงมีไม่น้อยกว่าห้าถึงหกพันนาย!
ณ ปัจจุบันเผ่าปีศาจประสบความสูญเสียเป็นมวลรวมกว่าหนึ่งหมื่นคนได้แล้ว ซ้ำร้ายซ้ำเล่าพลังเสริมมิอาจเข้าช่วยเหลือได้ ยามนี้เหลือไม่ถึงสองหมื่นนายแล้ว
ห้าถึงหกพันคนถูกจัดการพร้อมกันไม่เหลือ พวกมันกลับมิได้เหนือชั้นกว่าพวกมนุษย์ที่เฝ้าปกป้องเมืองกระแสพิรุณเลย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะสามสามารถบุกยึดเมืองได้อย่างไร?
ซิ่วเหล่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหน้าไม้ยักษ์ที่ยิงใส่ก่อนหน้า ทำให้ความอแข็งแกร่งของมันลดลงอย่างมาก ในยามนี้มันได้เข้าปะทะกับหวังอี้เฟินแล้ว
แม้มันจะสามารถปราบปรามหวังอี้เฟินได้ แต่กลับเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะจัดการได้อย่างอยู่หมัดภายในระยะเวลาอันสั้น
บางทีในยามนี้ ทั้งสองฝ่ายอาจตกอยู่ในทางตันทั้งคู่!
ฝ่ายมนุษย์อาศัยความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ จึงสามารถสกัดกั้นการโจมตีของเผ่าปีศาจได้
คล้ายว่าทั้งสองฝ่ายกำลังชักเย่อได้เปรียบเสียเปรียบสลับกันไปมาบนกำแพงเมือง!
“บัดซบ! ไฉนพลังปราณเทวะของเจ้ามนุษย์คนนี้ยังไม่หมดเสียที!”
“พวกเราตายสิ้นไปเกือบพันตนได้แล้วกระมัง แต่มันก็ยังสัประยุทธ์ได้ราวกับไม่มีวันหมดแรง เจ้ามนุษย์คนนี้แข็งแกร่งจริงๆ!”
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์คนนี้จะไม่มีวันหมด!?”
…
เหล่ามหารปีศาจแทบจะสิ้นหวังลงทุกที พวกเขาใช้จำนวนเข้าสู่หวังเพื่อทำให้เย่หยวนหมดแรงลง
แต่กลับเป็นพวกเขาที่ตายครั้งละเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ร่างกายเย่หยวนยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลังปราณเทวะและพลังจิตวิญญาณ โดยหาได้ปรากฏสัญญาณว่าทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์จะเหือดแห้งเลยแม้แต่นิดเดียว
แม่ทัพจำนวนกว่าห้าถึงหกคนตอนนี้คิดจะปิดล้อมเย่หยวนเอาไว้ แต่กลับไม่มีใครสามารถไล่ตามเขาได้ทันเลยสักคน
เวลาผ่านไป ในที่สุดเย่หยวนก็ไม่สามารถรั้งรอต้านทานได้ไหวอีกต่อไป
เมื่อเหล่าแม่ทัพที่หลงเหลือเห็นแบบนั้น พวกมันต่างก็ดีใจยิ่งยวดประหนึ่งถูกฉีดกระตุ้นคำรามกึกก้องลั่นว่า
“มันใกล้จะหมดแรงแล้ว! เก็บแรงเตรียมสังหารมัน!”
เหล่าทหารปีศาจที่ยื้อเวลาสัประยุทธ์จนถึงขีดจำกัด แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกมันทุกตนต่างรู้สึกคึกขึ้นทันทีอย่างไม่น่าเชื่อและรุมโจมตีเย่หยวนประดุจน้ำป่าไหลหลาก
การไล่ล่าสังหารตลอดทั้งวันทั้งคืนนี้ ทำให้พลังปราณเทวะในกายของเย่หยวนลดฮวบจนถึงจุดต่ำสุดแล้ว
อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่เขาวางไว้ในทีแรกก็ทำสำเร็จ
“เหอะ ท่านปู่เย่คนนี้เล่นมามากพอแล้ว ต่อไปคงไม่มีโอกาสได้เล่นกับพวกเจ้าอีกแล้ว!”
เย่หยวนระเบิดหัวเราะเยาะคำโต ร่างไสววูบเคลื่อนทะยานขึ้นเหนือฟ้า
ขี่ดาบหลบหนี!
เหล่าปีศาจตื่นตะลึงสุดขีด พวกมันหยิบใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อจะโค่นเย่หยวนลง
ทว่าอีกฝ่ายกลับบินหนีไปอย่างหน้าตาเฉย!
“ฆ่า!”
ทันทีทันใดเสียงคำรามดังลั่นออกมาจากป่าทึบ สีหน้าการแสดงออกของทหารปีศาจแปรเปลี่ยนดูซีดเซียวในบัดดล!
กำลังเสริมมาแล้ว!
…………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น