Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1468-1469
ตอนที่ 1468 ตัดขาดเส้นทางถอยทัพ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เหอะ ความแข็งแกร่งของเจ้านับว่าไม่เลว ไม่ถึงขั้นทำให้ข้าเบื่อเกินไป แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องส่งเจ้ากลับบ้านเก่าแล้ว!”
สุ้มเสียงเย่หยวนเปล่งดังขึ้นประหนึ่งระฆังงานศพถูกตีกึกก้อง
ปรากฏเห็นเป็นร่างของเย่หยวนกระตุกวูบเป็นเงาซ้อน พวกมันไม่มีใครสามารถตรวจจับร่องรอยของเย่หยวนได้แม้สักนิด!
เร็วเกินไป!
เย่หยวนที่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลางแล้ว ส่งผลให้ความแกร่งกล้าของเขาเพิ่มทวีสูงขึ้นไปอีกระดับ
เดิมทีพวกทหารปีศาจเหล่านี้ยังพอสู้รบปรบมือได้บ้างเล็กน้อย ทว่าตอนนี้พวกมันกลับอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถทานทนได้ไหวแม้ต้านรับการโจมตีเพียงกระบวนเดียว
หัวหน้าปีศาจตนนั้นเผยท่าทีเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา ยามนี้ยังมาคอยเป็นห่วงเหล่าลูกน้องได้อย่างไร มันเร่งขยับร่างไสววูบหนีตายออกไปทันที
“หึหึ คิดหนี?”
เย่หยวนเค้นเสียงหัวร่อเย็นเอ่ยดัง ร่างของเขาแปรสภาพกลายเป็นควันไฟเข้าแผดเผาร่างของหัวหน้าปีศาจตนนั้น ไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้ส่งเสียงกรีดร้อง มันถูกฆ่าทิ้งในบัดดล
ส่วนที่เหลือต่างหนีเตลิดไปคนละทิศละทาง ทว่าเย่หยวนหรือจะให้โอกาสพวกมัน ส่งคมดาบวาดลวดลายออกไปราวกับสายลมพัดชำระล้าง พวกมันนับร้อยรวมไปถึงระดับหัวหน้าถูกฆ่าตายสิ้น
จากนั้นก็มีเรือเหาะลำหนึ่งค่อยๆแล่นเข้ามา
บนเรือเหาะนั้นมีปีศาจบางตนบังเอิญเห็นภาพฉากเย่หยวนสังหารหมู่พอดี เช่นนั้นมันกู่ร้องตะโกนลั่นว่า
“ไอ้บัดซบนั้นกำลังทำบ้าอันใด! รนหาที่ตายแล้ว!”
กลิ่นอายแรงกดดันของปีศาจที่เพิ่งมาถึงตนนี้ทรงพลังไร้เทียมทานยิ่ง แท้จริงแล้วมันเป็นถึงปีศาจระดับชั้นอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า! ดูท่าจะเป็นแม่ทัพกองระดับสูง
เย่หยวนซ่อนสายตาจับจ้องอีกฝ่ายจากทางไกล ทันทีทันใดรอยยิ้มสุดเย้ยหยันพลันปรากฏขึ้นบนมุมปาก
“พวกรนหาที่ตาย…กลับเป็นพวกเจ้า!”
ภายใต้ทุกสายตาบนเรือเหาะนั้น ปีศาจแต่ละตนจับจ้องเย่หยวนด้วยความตกตะลึง ขณะที่เย่หยวนย่างสามขุมก้าวตรงออกไป
เย่หยวน ณ ตอนนี้ยืนอยู่บนหน้าขอบผา หากก้าวออกไปอีกเพียงก้าวเดียว เขาจะตกเหวลึกลงไปแน่นอน
“มันกำลังทำบ้าอันใดอยู่? พอตระหนักได้ว่าตนเองมิอาจหนีไปได้อีกต่อไป จึงคิดจะฆ่าตัวตาย?”
“มนุษย์ตัวน้อยคนนี้มันหาใช่คนโง่กระมัง? ถึงคิดที่จะกระโดดเหวตาย!?”
“ใจกล้าเด็ดเดี่ยวดี! เช่นนั้นข้าขอดูอยู่ตรง! กระโดดลงไป! หากแน่จริงจงกระโดดลงไป!”
…
ทว่าอย่างไร ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นอย่างที่พวกมันคิดไว้เลย!
เย่หยวนก้าวย่างออกไปอย่างมั่นคงคล้ายกำลังเดินอยู่บนพื้นราบ!
เขาในตอนนี้กำลังเดินแช่มอยู่กลางอากาศได้จริงๆโดยไม่ตกลงมา!
เหล่าทหารปีศาจลูกตาแทบถลนทะลักออกมา จับจ้องภาพฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อ
มนุษย์คนนี้สามารถเดินบนอากาศได้ หรือเขากำลังบินอยู่หรืออย่างไร?
นี่ต้องล้อเล่นกันไปแล้ว!
ภายใต้สนามแม่เหล็กรุนแรง กลับมีใครบางคนสามารถลอยอยู่บนอากาศได้จริงๆ!
“แย่แล้ว! มัน…มันกำลังจะทำอะไร?”
แม่ทัพกองชนชั้นอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสะดุ้งเฮือกในทันที ก่อนจะพบว่านี่มิใช่เวลามายืนตกใจมอง
เย่หยวนที่สามารถเดินบนอากาศได้ มันคิดจะทำอะไรต่อกันแน่?
“ฆ่ามัน! อย่าให้มันเข้าใกล้เรือเหาะได้! ห้ามให้มันเข้าใกล้เรือเหาะเด็ดขาด!”
สุ่มเสี่ยงของแม่ทัพกองเอ่ยดังลั่น น้ำเสียงสั่นคลอนเผยถึงความหวาดกลัวสุดหัวใจ!
เขารีดเร้นพลังทั้งหมดและตบฝ่ามือเข้าหาเย่หยวนทะลวงฉีกห้วงอากาศออกไป
อานุภาพฝ่ามือของขุมพลังแห่งอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า ย่อมน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่
วูบบบ!
ร่างของเย่หยวนดิ่งพสุธาร่วงลงในเสี้ยวอึดใจ แต่นี่ก็สามารถหลบเลี่ยงฝ่ามือของอีกฝ่ายได้โดยตรง
“มันอยู่ไหน? มันอยู่ไหนแล้ว?!”
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า มันตกไปตายแล้ว?”
“ฮ่าๆๆ ท่านแม่ทัพกองหลี่คงช่างทรงพลังนัก! อยากจะเห็นเสียจริงว่าไอ้เด็กนั้นยังจะเล่นกลได้อย่างไร!”
บูมมม!
สุ้มเสียงเย้ยเยาะยังไม่ทันจางหายไป จู่ๆทั่วทั้งตัวเรือเกินแรงสั่นสะเทือนรุนแรง และเริ่มเอียงเล็กน้อย เหล่าปีศาจทั้งหมดยืนโซซัดโซเซราวกับถูกของแข็งฟาดเข้าใส่
“ห่ะ! เกิดอะไรขึ้น ไฉนเรือเหาะถึงเอียง!?”
“ไอ้เด็กนั้นมัน…มันกำลังจะคว่ำเรือเหาะ!”
“เป็นไปไม่ได้! เรือเหาะลำนี้ถูกสร้างขึ้นจากโลหะทองคำทมิฬ แม้แต่เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าก็ยังไม่สามารถผลักมันให้ขยับได้! แล้วเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าจะทำได้อย่างไร?!”
“ชะ-ช่วยข้าด้วย! ข้า…ข้ายังไม่อยากตาย!”
…
บนเรือเหาะ เสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังดังระงมลั่นทั่วทุกหนแห่ง
สำหรับเหล่ามารปีศาจ นี่นับเป็นจุดจบของชีวิตพวกมันแล้ว
เนื่องด้านพวกมันอยู่ด้านบนตัวเรือ จึงไม่เห็นรัศมีสีทองที่เปล่งประกายออกมาจากร่างเย่หยวน ในเวลาเดียวกันนั้นเองเรือเหาะก็เริ่มพลิกคว่ำเอียงมากขึ้นเรื่อยๆ
เรือเหาะลำหนักกำลังจะจมลงแล้ว
“ย๊ากกก!”
เย่หยวนตะโกนลั่นรีดเร้นพละกำลังทั้งหมดเพื่อผลักมันออกไป เรือเหาะยามนี้งัดสูง
ทำมุมฉากพอดิบพอดี
“อ๊ากกก! ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย!”
เสียงกรีดร้องเริ่มดังระงมลั่นอีกครั้ง เหล่าทหารปีศาจต่างกรีดร้องขอความเมตตาอย่างแสนเวทนา
ในไม่ช้าเรือเหาะนั้นก็คว่ำลงเหล่าทหารปีศาจถูกสนามแม่เหล็กกระชากลงสู่เหวลึกลงไปนับหนึ่งแสนฟุต
แม้แต่แม่ทัพกองชนชั้นอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเองยังดิ่งพสุธาร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว
เย่หยวนยืนมองดูภาพฉากเหล่านี้อย่างเลือดเย็น
เหวลึกแห่งนี้สำหรับเย่หยวนเปรียบเสมือนลูกปลายน้อยแหวกว่ายใบสระน้ำ ในขณะที่พวกทหารปีศาจกลับเป็นเป็ดที่ไม่เคยลงบ่อน้ำอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ว่าอาณาจักรพลังจะสูงส่งเพียงใด หรือพลังฝีมือจะน่ากลัวปานใด แต่สุดท้ายล้วนต้องจมน้ำตายเท่านั้น
เย่หยวนยังคงเฝ้ารอคอยไปอีกพักใหญ่ ทันใดนั้นเรือเหาะอีกลำก็แล่นเข้ามาอีกคำรบสอง
ทั้งสองท่าฝังอยู่ห่างกันมาก ด้วยความสามารถในการมองเห็นของระดับเซียนอาณาจักรพระเจ้าไม่มีวันมองเห็นฝั่งตรงข้ามได้เลย
เรือเหาะลำพวกนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นแบบเที่ยวเดียวจบ การจะเปิดค่ายกลเพื่อย้อนกลับคืนกล่าวได้ว่ามีความคล่องตัวที่แย่มาก
ตราบเท่าที่มันถูกดักซุ่มโจมตีกลางอากาศ มันเปรียบดั่งลูกแกะรอวันเชือด
คุณสมบัติการใช้งานของเรือเหาะประเภทนี้ค่อนข้างมีน้อยและเต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมาย หากไร้ซึ่งสนามแม่เหล็ก เรือเหาะเหล่านี้แทบใช้การอันใดไม่ได้เลย
นอกจากนี้เองเผ่าปีศาจยังกังวลเรื่องสมรภูมิเป็นหลัก จึงไม่มีเวลามานั่งพัฒนาต่อยอดเรือเหาะเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อเย่หยวน
เย่หยวนยังคงยืนรอพึงพาดต้นไม้ใหญ่ ณ มุมหนึ่ง เพื่อรอให้กระต่ายวิ่งเข้ามาหาเอง เวลาผ่านไปครึ่งวัน เขาพลิกเรือเหาะเบ็ดเสร็จไปทั้งหมดห้าลำ
ในจำนวนทหารปีศาจที่เดินทางผ่านเข้ามา มีปีศาจระดับชั้นอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามากถึงสามตน
เมื่อพวกมันขึ้นเรือเหาะมา ไม่ว่าแกร่งกล้าเพียงใดกลับต้องกลายมาเป็นลูกแกะรอเชือดทุกรายไป พวกมันไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะตอบโต้ใดๆได้
ยามใดเรือเหาะเริ่มเสียสมดุลเอียงตัว ยามนั้นสนามแม่เหล็กอันรุนแรงก็ชุดเอาพวกมันลงสู่เหวลึกในพริบตา!
…
สีหน้าการแสดงออกของซิ่วเหล่ยในยามนี้บิดเบี้ยวน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ ทั้งแลดูกระสับกระส่าย ไม่สบายใจอย่างยิ่ง
“พวกนั้นทำบ้าอะไรอยู่ ไฉนพวกที่ตามมายังมาไม่ถึง!”
ท่ามกลางป่าทึบซิ่วเหล่ยคำรามลั่นออกมาในทันใด
เบื้องหน้าของมันยามนี้คือประตูเมืองทางตอนเหนือของเมืองกระแสพิรุณ พวกมันนอนรออยู่ในป่าทึบเป็นเวลานานแล้ว เพื่อรอคอยโอกาสโจมตีเมือง
เว้นเสียแต่ว่า ตามที่พวกมันคาดคิดไว้ เมืองกระแสพิรุณได้เสริมกำลังป้องกันทางตอนเหนือเพิ่มเติมเข้ามา
ในเวลานี้เอง มีทหารปีศาจตนหนึ่งรีบวิ่งตรงเข้ามา พร้อมคุกเข่าผสานมือต่อหน้าซิ่วเหล่ยและกล่าวว่า
“เรียนแม่ทัพ ถงหุ้ยและอีกร้อยกองร้อยนามนี้หายสาบสูญ ผู้ใต้บัญชารอคอยอยู่ด้านขอบผา แต่ยังไม่เห็นมีเรือเหาะแล่นออกมาสักลำ!”
“เจ้ากล่าวอันใด?!”
สีหน้าการแสดงออกของซิ่วเหล่ยเปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะคำรามลั่นน้ำเสียงเย็นชา
มิใช่เพียงซิ่วเหล่ยเท่านั้น แม้แต่เหล่าหัวหน้าปีศาจรอบข้างยังหน้าถอดสีเช่นกัน ถึงขั้นซีดขาวเป็นแผ่นกระดาษ
ข่าวที่เกิดขึ้นนี้ประดุจสายฟ้าฟาดสีครามลูกใหญ่กระหน่ำลงมาใส่พวกมัน
หากไม่มีเรือเหาะเทียบท่าเข้ามา ก็เท่ากับว่าไร้ซึ่งกำลังเสริมเข้าสมทบ
แม้ว่าพวกจะอยู่รอบภายในป่าทึบแห่งนี้ ทว่าที่นี่ก็ไม่ค่อยเหมาะนักสำหรับทัพใหญ่ที่จะรุกคืบเข้าไป
ภายในนั้นมีอสูรดุร้ายและทรงพลังอยู่มากมาย เมื่อใดที่พวกเขาทำให้ฝูงอสูรตกใจตื่นตัวขึ้น ต่อให้เป็นซิ่วเหล่ยและพวกพ้องเองก็ยากที่จะหนีรอดออกมาได้
ดังนั้นชูเหลียงจึงพากลุ่มของตนออกมาเพียงจำนวนหนึ่งเพื่อสะดวกแก่การเคลื่อนไหว สำหรับการเคลื่อนพลเป็นทัพใหญ่กลับไม่สามารถทำได้เลย
“สายลับของฝ่ายมนุษย์สองคนนั้นได้ตายลงไปแล้ว หรือเป็นไปได้ไหมว่า ยังมีเซียนของเผ่ามนุษย์ดักซุ่มโจมตีอยู่ใกล้ๆ แต่เป็นไปไม่ได้! รัศมีห้าสิบลี้ล้วนถูกตรวจสอบหมดแล้ว ไม่น่ามีใครหลุดรอดไปได้! พวกเราเองก็มีแม่ทัพอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าคุมชั้นเชิงอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะหายสูญไร้ร่องรอยขนาดนี้?”
ซิ่วเหล่ยใช้สมองครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆอย่างหนักหน่วง แต่ท้ายที่สุดนี้กลับไม่สามารถเข้าใจเลยว่า แท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตอนที่ 1469 ผงวิญญาณเนตรเขียว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ท่านแม่ทัพ เช่นนี้เราควรทำอย่างไรต่อไปดี?”
ผู้ใต้บัญชาตนหนึ่งเอ่ยปากถามขึ้นอย่างอดมิได้
สีหน้ายามนี้ของซิ่วเหล่ยบิดเบี้ยวน่ากลัวยิ่งนัก สายตาที่จับจ้องเผยให้เห็นถึงความหายนะ ขณะเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“พวกเรารอไม่ไหวแล้ว ระดมพลทั้งหมดและบุกเข้าโจมตีเมืองเดี๋ยวนี้ทันที! หนทางเดียวที่รั้งเหลือคือการบุกเมือง!”
สีหน้าการแสดงออกของแม่ทัพกองคนอื่นๆดูจริงจังขึ้นถนัดตา เอ่ยกล่าววาจาแสนเฉียบขาดขึ้นว่า
“รับทราบแม่ทัพใหญ่!”
ซิ่วเหล่ยกล่าวเสียงขรึมว่า
“บอกพวกเราทั้งหมดว่า ทางออกของพวกเราถูกตัดขาดแล้ว หาทางเดียวที่เหลืออยู่คือเบื้องหน้า จงทำทุกวิถีทางเพื่อให้เราอยู่รอดต่อไป!”
แต่ไหนแต่ไหนเผ่าปีศาจมีลักษณะนิสัยโหดเหี้ยมไร้ปรานี ยามนี้ถูกตัดขาดทางเลือกทั้งหมดไป มันยิ่งไปกระตุ้นความบ้าระห่ำของพวกมันขึ้นเป็นทวีทบแทน
กองทัพของเผ่าปีศาจที่ข้ามผ่านเหวมาได้มีประมาณสามหมื่นกว่าตน
ในขณะที่ทักศึกของเผ่ามนุษย์ที่ป้องกันเมืองอยู่ทางเหนือมีประมาณไม่กี่พันคนเท่านั้นในปัจจุบัน
ศึกครานี้ใครแพ้ใครชนะมิอาจด่วนสรุป
…
บนกำแพงเมืองทางเหนือ จงเต๋าจับจ้องจ้าวปิงสีหน้าเย็นชายิ่ง
“เจ้าบอกเองมิใช่รึว่า เผ่าปีศาจมันแทรกซึมอยู่นอกเมืองทางตอนเหนือ! แล้วพวกมันอยู่ไหนกัน?! เมืองทางตอนใต้ยามนี้พัลวันศึกหามรุ่งหามค่ำมาสามวันสามคืนเต็มแล้ว จำนวนทหารที่ตายลงมีมหาศาล แล้วพวกเรามาทำอะไรที่นี่ บอกข้าเสียว่าพวกมันอยู่ที่ไหนกันหมด!?”
จงเต๋าเอ่ยปากคำรามใส่ทันทีด้วยท่าทางแสนเดือดดุ
จ้างปิงหน้าถอดสีแลดูน่าเกลียดยิ่ง เขาในยามนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้ว
หากกองทัพเผ่าปีศาจแอบแทรกซึมเข้ามาจริง ปานนี้พวกมันคงเปิดฉากรุกเข้ามานานแล้ว
สถานการณ์สู้รบในทางตอนใต้ของเมืองรุนแรงกว่าปกติ กองกำลังของฝ่ายมนุษย์ประสบความสูญเสียไม่เว้นวาย ทหารตายลงจำนวนมาก
แน่นอนว่าสถานการณ์ของเผ่าปีศาจเองกลับเลวร้ายยิ่งกว่า พวกมันสูญเสียกำลังไปกว่าเจ็ดหมื่นนายเห็นจะได้
ทางตอนใต้ของเมืองกลายมาเป็นทุ่งที่เกลื่อนกลาดไปด้วยศพ!
แต่ไฉนหัวหน้าของเขายังไม่กลับมาเลยจวบจนบัดนี้?
“เจ้าบอกเองมิใช่รึ เหลียงเฟิงออกไปสอดแนมฝั่งศัตรู หรือยามนี้สิ้นหวังจนตรอกหนีทัพออกไปแล้ว!”
จงเต๋าเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสุดเย็นชา
สีหน้าการแสดงออกของจ้าวปิงพลันแปรเปลี่ยนทันที เขากล่าวว่า
“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางที่หัวหน้าจะเป็นคนขี้ขลาดเช่นนั้น!”
คู่คิ้วของหวังอี้เฟินพลันถักขมวดเข้าหากัน หรือเป็นไปได้ไหมว่า มันจะเป็นข่าวลือที่เผ่าปีศาจจงใจให้หลุดรั่วออกมา?
ในเวลานั้นเอง ผู้ใต้บัญชาคนหนึ่งเร่งรุดตรงเข้ามารายงานว่า
“แม่ทัพใหญ่หวัง กองทหารหน่วยห้าถูกสังหารแทบสิ้นแล้ว! ผู้บัญชาการถ่ายทอดคำสั่ง เร่งนำกำลังของแม่ทัพใหญ่หวังที่รักษาการณ์ทางเหนือเคลื่อนพลลงไปช่วยทางใต้โดยด่วน!”
นัยน์ตาดำของหวังอี้เฟินหดแคบตีบตันหนัก เขาหายใจแช่มลึกอย่างช้าๆก่อนเอ่ยตอบว่า
“เข้าใจแล้ว เร่งระดมกำลังเข้าพบพานสนับสนุน!”
เมื่อกล่าวจบ เขาตะโกนลั่นสั่งการทันทีว่า
“นายทหารทั้งหมดจงฟัง เร่งออกเดินทางไปช่วยทางใต้ของเมืองโดยไว!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของหวังอี้เฟิน แววตาสาดสะท้อนประกายเย็นสะท้านของจงเต๋าสาดเข้าใส่จ้าวปิงทันที พร้อมกล่าวอย่างเย็นชาว่า
“ให้ข้อมูลเท็จทางการทหาร ขัดแย้งไม่ฟังคำสั่งของแม่ทัพจนเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ อยากเห็นเสียจริงว่า พวกเจ้าจะรอดจากโทษร้ายแรงเช่นนี้ได้หรือไม่!”
ขณะนี้เองกองกำลังทั้งหมดเตรียมพร้อมมุ่งหน้าสู่ทางตอนใต้ของเมือง เหล่าทหารจำนวนหนึ่งเริ่มไต่ลงมาจากกำแพงเมืองแล้ว
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงโห่ร้องคำรามดั่งกลองรบนำชัยพลันดังกึกก้องทั่วฟ้ามัวดินจากนอกกำแพงทางตอนเหนือ!
ทุกคนที่ได้ยินต่างตื่นตะลึงสุดขีด พลันสูญสิ้นสติไปครู่หนึ่ง
จงเต๋าจับจ้องกองทัพเผ่าปีศาจที่เคลื่อนพลรุกคืบเข้ามาอย่างไม่เชื่อ แววตาสาดสะท้อนเปี่ยมล้นความตื่นตะลึงยิ่ง
คล้อยหลังจงเต๋าคนนี้แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น หากผู้บัญชาการกับแม่ทัพใหญ่ไม่เชื่อในคำรายงานของจ้าวปิง เกรงว่าเมืองกระแสพิรุณคงพักพินาศในชั่วอึดใจเดียว!
“ทัพปีศาจ! มันคือทัพเผ่าปีศาจ! เร็วเข้า จัดขบวนปกป้องเมือง!”
บรรดาฝูงชนสุดโกลาหลยามนี้ ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใครต่อใครตะโกนลือลั่นออกมา แต่ละคนได้สติกลับสู่ความเป็นจริง
หวังอี้เฟินสูดหายใจเย็นเข้าแช่มลึก ปรากฏว่ามันเป็นเรื่องจริง!
เผ่าปีศาจสามารถข้ามฝ่าธารน้ำเหวสนามแม่เหล็กผ่านมาได้ และพวกมันก็แทรกซึมอยู่บริเวณทางเหนือ!
เกือบไปแล้ว!
อีกเพียงเสี้ยวอึดใจ พวกเขาทั้งหมดก็จะถอนกำลังออกจากกำแพงเมืองทางเหนือแล้ว!
เมื่อกองทัพของพวกเขาเร่งกลับขึ้นประจำการบนกำแพง พวกเผ่าปีศาจรุกเข้าใกล้จนแทบกระโจนขึ้นกำแพงเมืองได้แล้ว!
ในเวลานี้ทหารเพียงไม่กี่พันนายจะสามารถหยุดกำลังทัพทหารปีศาจคลั่งเหล่านี้ได้อย่างไร?
“อย่าตื่นตระหนก! ทุกคนกลับเข้าประจำตำแหน่ง พลธนูยิงได้!”
หวังอี้เฟินเร่งเร้าระดมพลังปราณเทวะตะโกนดังลั่น หวังปลุกใจทุกคนในทันที
ยอดแม่ทัพเปรียบดั่งหางเสือควบคุมทิศทางของเรือในทะเลเดือดอย่างมั่นคง เมื่อได้ฟังเสียงตะโกนนั้น จิตใจของทุกคนพลันสงบลงทันที และเริ่มกระจายกำลังประจำตำแหน่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ฟิ้ว…
พลธนูขึ้นไกพร้อมปล่อยสายธนูยิ่งออกไป หัวลูกธนูติดตั้งยันต์ระเบิดทรงอานุภาพทำลายล้างเอาไว้ เข้าพิฆาตกองกำลังปีศาจบรรลัย
ประสบการณ์จากศึกสมรภูมิกับเผ่าปีศาจอันยาวนาน ทำให้ฝ่ายมนุษย์พัฒนาวิถีทางมากมายเพื่อนำมาต่อกรกับเผ่าปีศาจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
บูม! บูม! บูม!
กองทัพปีศาจแนวหน้าล้มตายเสียขบวนในทันที!
อย่างไรก็ตามแต่ เหล่าทหารปีศาจเหล่านี้หาได้กลัวตายไม่ และมิเคยสนใจต่อการตายของเหล่ามิตรสหายรอบตัว พวกมันยังคงปราดวิ่งเข้าใกล้เมืองอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเห็นภาพฉากเช่นนี้ คู้คิ้วของหวังอี้เฟินพลันขมวดเข้มเป็นคำรบสอง
เขารู้สึกได้ทันทีว่า รัศมีกลิ่นอายของทหารปีศาจเหล่านี้ค่อนข้างผิดไปจากปกติ
ดูราวกับว่า พวกมันปราศจากความรู้สึกและมองความตายที่อยู่เบื้องหน้าอย่างสงบ หาได้เกรงกลัวไม่
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว แม้ว่าเผ่าปีศาจเหล่านี้จะโหดเหี้ยมเพียงใด ทว่าพวกมันก็ไม่เคยได้รับชัยชนะ
และที่สำคัญคือ พวกมันก็มีความกลัว แน่นอน พวกมันกลัวตายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทัพปีศาจเบื้องหน้านี้เปรียบเสมือนเสือคลั่งพลีกายทำลายปราการ พวกมันทั้งหมดไร้ซึ่งความกลัวตาย!
“พลหน้าไม้ยักษ์เตรียมตัว! ในบรรดาพวกมันมีแม่ทัพอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นอยู่!”
รัศมีแรงกดดันของซิ่วเหล่ยน่าประทับใจเกินไปนัก หวังอี้เฟินแรกเห็นเพียงแวบเดียวพลันอดเฝ้าระวังมิได้
หน้าไม้ขนาดยักษ์ถูกเข็นออกมาเตรียมประจัญบาน ซึ่งพวกมันเหล่านี้ถูกสร้างโดยปรมาจารย์หลอมสร้างยุทธ์ภัณฑ์ของฝ่ายมนุษย์ เพียงว่าพวกเขาเหล่านั้นมิได้ออกโรงเป็นทัพแนวหน้า
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”
เสียงคำรามลั่นของเผ่าปีศาจกึกก้องเขย่าฟ้าดิน ณ เบื้องล่าง พวกมันบุกรุกเข้าใกล้กำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว
ซิ่วเหล่ยตะโกนเสียงเย็นสะท้าน
“พลหอกอสูรมังกร ยิงได้!”
หวิว.. หวิว.. หวิว…
เผ่าปีศาจเองก็มียุทโธปกรณ์พร้อมมือเช่นกัน พวกมันบรรทุกโดยใช้เครื่องรางพื้นที่บรรจุขนาดใหญ่
เพียงเห็นหอกทรงอานุภาพพุ่งทะลวงฝ่าเข้ามา ฝ่ายมนุษย์เร่งยิงสวนตอบโต้ออกไปในทันที
มีส่วนน้อยนักที่หอกเหล่านั้นจะฝ่าทะลวงข้ามกำแพงมา ตรงเข้าทะลุร่างของทหารฝ่ายมนุษย์จนสิ้นใจได้
อย่างไรก็ตามแต่ เนื่องจากถูกหอกทรงพลานุภาพยิงเข้าสกัด พวกเซียนเผ่าปีศาจซื้อเวลาได้ระยะหนึ่งจะสามารถปีนขึ้นกำแพงเมืองมาได้
เหล่าขุมกำลังอาณาจักรพระเจ้าไม่สามารถเหาะเหินอากาศได้ แต่จุดแข็งของพวกมันเองก็เหนือกว่ามนุษย์มาก
ตราบใดที่มีโอกาสหรือช่องโหว่ปรากฏ พวกมันย่อมสามารถกระโดดขึ้นกำแพงเมืองได้อย่างรวดเร็ว
ณ ขณะนี้ เย่หยวนซึ่งอยู่บนเนินเขาไม่ใกล้ไม่ไหลจากเมือง กำลังเฝ้าสังเกตสถานการณ์การเคลื่อนไหวในสมรภูมิทั้งหมดอยู่
“กว่ากำลังเสริมจะถูกส่งมาถึง เกรงว่าฝ่ายนี้จะต้านไม่ไหวแล้ว”
เย่หยวนนึกคิดตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“เผ่าปีศาจมีสายเลือดนักสู้โดยธรรมชาติ ผิวหนังของพวกมันหยาบแข็ง ชั้นเนื้อหนา นอกจากนี้จิตวิญญาณปีศาจของพวกมันยังแกร่งกล้ามาก ยากนักที่มนุษย์จะสกัดกั้นได้ยามอยู่ต่อหน้า”
หวูเฉินเอ่ยกล่าวออกมา
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“โชคดีที่ข้าเตรียมการบางอย่างไว้แล้วระหว่างทาง มิเช่นนั้น ข้าเองก็จนปัญญาเช่นกันในเวลาแบบนี้”
หวูเฉินยิ้มกล่าวว่า
“เจ้าหนู ในขณะที่เจ้าทำสิ่งต่างๆมักจะรอบคอบเสมอ กระทั่งข้าเองยังคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าจะเตรียมรับมือกันเผ่าปีศาจอย่างไร”
เย่หยวนรวนหัวเราะเล็กน้อย
“สิ่งนี้กลับเรียกว่า การเตรียมพร้อมในยามหายนะ”
ระหว่างทางมายังเมืองกระแสพิรุณ เย่หยวนได้เข้าปรึกษากับหวูเฉินเกี่ยวกับจุดอ่อนของเผ่าปีศาจ
ซึ่งระหว่างทางเองเขาก็เตรียมพร้อมแผนรับมือมาบ้างแล้ว
และตอนนี้มันกลับเป็นประโยชน์จริงๆ!
จอมเทพนิรันดร์และจักรพรรดิเทพสวรรค์จิวชางสู้รบตบมือเป็นเวลาเนิ่นนาน เขาย่อมตระหนักถึงจุดอ่อนของเผ่าปีศาจโดยธรรมชาติ
โชคยังดีที่ผลึกปราณเทวะที่หอมหาสมบัติเคยมอบไว้ให้เย่หยวน มีจำนวนค่อนข้างมหาศาลนัก ซึ่งขณะเดินทางระหว่างเมืองต่างๆนี้เอง เขาก็เที่ยวเก็บของดีมาบ้างเช่นกัน
เย่หยวนหยิบขวดเล็กๆขวดหนึ่งออกมา ภายในนั้นเต็มไปด้วยผงแป้งสีเขียว “หุหุ ผงวิญญาณเนตรเขียวขวดนี้ก็เกินพอให้พวกมันสำลักได้แล้ว!”
เย่หยวนคลี่ยิ้มกว้างพร้อมเปิดฝาขวดออกมาทันที ผงแป้งละเอียดสีเขียวประกายมรกตเหล่านั้นถูกสายลมพัดพากระจายออกไปในไม่ช้า ไหลธารออกไปตามทิศทางของทัพเผ่าปีศาจ
…………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น