Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1462-1467
ตอนที่ 1462 ล้างบางเสร็จสรรพ
โดย
Ink Stone_Fantasy
กลุ่มทหารชุดเกราะดำเข้าปิดล้อมเย่หยวนและคนอื่นๆโดยไว
พลังงานขุมใหญ่สุดน่าสยดสยองพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของคนพวกนั้น ปรากฏว่าพวกมันคือเผ่าปีศาจ
“ฮิฮิ… มีใครบางคนจุดไฟใต้หุบเขาอัญเชิญปีศาจของเราจริงๆ ทำไปโดยมิได้นึกถึงผลที่ตามมาเลยกระมัง!”
“ปรากฏว่าเป็นกลุ่มทหารกระจอกของเผ่ามนุษย์นี่เอง ไม่ว่ายุงจะตัวเล็กเพียงใด แต่ก็เป็นเนื้อสัตว์ จัดการพวกมันให้หมด!”
สีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิงมืดทมิฬลงทันที เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กลุ่มตนเองจะวิ่งชนเข้ากับเผ่าปีศาจจริงๆ! นอกจากนี้อีกฝ่ายมีนับร้อย เทียบอัตราส่วนเท่ากับหนึ่งต่อห้า!
ยิ่งไปกว่านั้นคือ กลุ่มของอีกฝ่ายมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าถึงห้าตน ไม่ว่าจะมองอย่างไรฝ่ายของเผ่าปีศาจก็ได้เปรียบกว่ามาก
ทว่าสายตาของเหล่าทหารที่ได้ยินไปเช่นนั้น ต่างก็อดเหลียวมองเย่หยวนมิได้
หากมิใช่เพราะเย่หยวนรนหาที่ตายเอง โดยการจุดไฟย่างเนื้อ พวกเผ่าปีศาจเองก็ไม่มีทางรู้ตัวและบุกมาที่นี่ได้เช่นกัน
“สหายน้อย เจ้ายังจะกินอยู่อีกงั้นรึ?!”
ทหารคนหนึ่งกัดฟันแน่นกล่าวขึ้นด้วยความโกรธ
ถึงจะถูกปิดล้อมโดยเผ่าปีศาจนับร้อยตน ทว่าปฏิกิริยาแรกตอบสนองของเย่หยวนกลับนิ่งเฉย และกัดเคี้ยวเนื้อกระต่ายต่ออย่างสบายใจ
ต่อหน้าการกระทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้สีหน้าการแสดงออกของฝ่ายมนุษย์มืดทมิฬยิ่งกว่าเดิม พวกเขาต่างกัดฟันแน่นจับจ้องเย่หยวนด้วยความเกลียดชัง
เหลียงเฟิงกล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“อย่าได้กล่าวเรื่องไร้สาระอันใดอีก! สถานการณ์ยามนี้ไม่ถูกต้อง หุบเขาอัญเชิญปีศาจ มีธารน้ำขนาดใหญ่ที่มีสนามแม่เหล็กดึงดูดกำลังสูง ต่อให้เป็นพวกปีศาจอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า หากตกลงไปภายในนั้น ร่างก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆได้เช่นกัน ดังนั้นแล้ว หากกล่าวตามหลักเหตุผล พวกปีศาจไม่น่าจะมาลาดตระเวนแถวนี้ได้! ข้าว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง! จ้าวปิง วรยุทธเคลื่อนไหวของเจ้ารวดเร็วที่สุด เร่งฝ่าวงล้อมออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และรายงานเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ!”
“ไม่หัวหน้า ข้าไม่ไป…”
“หุบปาก! นี่คือคำสั่ง! หากเจ้าไม่ไป พวกเราคงตายอย่างไร้ประโยชน์ จงใช้สตินึกคิดให้ดี!”
ขณะที่จ้าวปิงกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ เหลียงเฟิงก็แหกปากคำรามลั่นอย่างเดือดดุ
ในเวลาเดียวกัน หัวหน้าของฝ่ายเผ่าปีศาจพลันหัวเราะเยาะคำโต กล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า
“เจ้าฉลาดหลักแหลมนัก แต่พวกเราค้นพบวิธีว่าทำอย่างไรจึงจะเอาชนะสนามแม่เหล็กบ้านั้นได้แล้ว ในไม่ช้า เมืองกระแสพิรุณจักตกเป็นของพวกเรา! ส่วนพวกเจ้า…ตายลงไปเสีย!”
สีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิงมืดทมิฬถึงขีดหยุด เมืองกระแสพิรุณนับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญไม่แพ้เมืองอื่น
หุบเขาอัญเชิญปีศาจ ไม่เพียงมีอสูรศักดิ์สิทธิ์สามดาวจำนวนมากมายเท่านั้น แต่ด้านหลังของหุบเขายังมีธารน้ำยาวกว่าหนึ่งแสนลี้
ภายในธารน้ำเหล่านี้มีสนามแม่เหล็กแรงสูงอยู่ เว้นเสียแต่อาณาจักรราชันพระเจ้าขึ้นไป พวกที่เหลือย่อมไม่มีทางก้าวข้ามผ่านธารน้ำนี้ไปได้ ซึ่งนี่ถือเป็นแนวป้องกันสำคัญของเมืองกระแสพิรุณแห่งนี้
ดังนั้นทุกคนจึงออกลาดตระเวนไม่นานหนัก ก่อนจะกลับไปรายงานความคืบหน้าและเป็นเช่นนี้อยู่ประจำ
ทว่าตอนนี้เผ่าปีศาจกลับเสาะพบวิธีก้าวข้ามผ่านสนามแม่เหล็กเหล่านั้นไปได้เสียแล้ว ซึ่งนี่หาใช่ข่าวดีของเผ่ามนุษย์เลย
ร่องรอยความแน่วแน่สาดสะท้อนออกจากนัยน์ตาของเหลียงเฟิง เขากล่าวขึ้นว่า
“คงไม่ต้องให้ข้าสอนแล้วกระมัง?”
“รับทราบ!”
แววตาสุดเคร่งขรึมเจือโศกเศร้าฉายสว่างวาบฉายผ่านใบหน้าของคนอื่นๆ และเข้าประจำที่ในทันที
หลังจากนั้นเหลียงเฟิงพลันลอบมองเย่หยวนที่กำลังแทะเนื้อกระต่ายเล็กน้อย สีหน้าการแสดงออกช่างดูซับซ้อนนัก ก่อนกล่าวว่า
“เจ้าหนู เจ้านี่มันโชคดีจริงๆ! ส่วนจะรอดชีวิตออกไปได้หรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับดวงแล้ว”
ในเวลานี้เอง เย่หยวนก็กินแทะเนื้อกระต่ายหมดพอดี เขาดูดนิ้วเล็กน้อยอย่างพึงพอใจและกล่าวว่า
“ผ่อนคลายเถิด ข้าดูแลตัวเองได้”
“ฮิฮิ…ยังมีมนุษย์หน้าโง่อยู่ด้วย”
“หึ! เด็กคนนั้นยังไม่เข้าใจสถานการณ์เลยด้วยซ้ำ!”
“ช่างเถอะ มู่เฟย เด็กนั้นฝากเจ้าจัดการที รีบปิดฉากให้เสร็จโดยไว!”
“ผ่อนคลาย แค่เด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง แค่สามกระบวนท่าก็จบแล้ว!”
พวกเผ่าปีศาจเองก็ตระหนักชัดแจ้งว่า เย่หยวนหาใช่พรรคพวกกลุ่มเดียวกับทหารมนุษย์เหล่านั้น
ในสายตาของพวกมันเองก็ไม่ต่างจากเหลียงเฟิงเลย เย่หยวนน่าจะเป็นศิษย์สาวกไม่ก็นายน้อยจากตระกูลใหญ่ แม้อาณาจักรพลังจะสูง แต่ไร้ซึ่งประสบการณ์ต่อสู้จริงๆ
มู่เฟยก้าวย่างออกมาจากตำแหน่งที่เดิมยืนอยู่ช่างแช่มช้า พร้อมจับจ้องเย่หยวนคลี่ยิ้มแสยะเย็นกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าเด็กนี้ เนื้อของเจ้าช่างดูน่าอร่อยนัก เดี๋ยวท่านปู่มู่เฟยคนนี้จะช่วยให้เจ้าไปสบายเอง มั่นใจได้เลย ท่านปู่มู่เฟยคนนี้มือเบา ตายทันทีไม่เจ็บไม่คัน!”
เนื้อของเหล่าเซียนมนุษย์นับเป็นยาชูกำลังชั้นเยี่ยมสำหรับเผ่าปีศาจ
จึงเป็นที่แน่นอนว่า ไฉนเผ่าปีศาจถึงชอบเข่นฆ่าเผ่ามนุษย์นักหนา
ทั้งนี้ยังมีบางวรยุทธบ่มเพาะพลังของเผ่าปีศาจ ที่ต้องใช้เลือดเนื้อของมนุษย์สดเป็นตัวช่วยอีกด้วย
“ระวังอาวุธลับ!”
เย่หยวนยิ้มกว้างสุดน่าผิดแปลก พร้อมโยนกระดูกที่เหลือในมือออกไปโดยตรง
ฟุบ!
มู่เฟยที่กำลังคิดพินิจพึงพอใจนักหนากับตนเอง ไม่ทันระวังตัว คิดไม่ถึงว่าเย่หยวนจะโจมตีจริงๆ
เขาต้องการเลี่ยงหลบตามสัญชาตญาณ ทว่ากระดูกชิ้นนั้นกลับปราดพุ่งมาเร็วเหินไป เขาไม่สามารถหลบได้พ้น!
ผัวะ!
กระดูกชิ้นนั้นฟาดใบหน้าของมู่เฟยอย่างจัง
ความรู้สึกสุดอัปยศเช่นนี้ ทำให้มู่เฟยเดือดดาลโมโหจัด
“ฮ่าๆๆๆ”
ภาพฉากนี้ช่างน่าขันนักจนทำให้เกิดเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นทันที
แน่นอนว่า กระดูกเพียงชิ้นเดียวมิอาจทำให้มู่เฟยได้รับบาดเจ็บได้ ทว่าโดยหยามต่อหน้าผู้มากมากมายเพียงนี้ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!
เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
“เฮ้ออ.. ก็บอกแล้วให้ระวัง ไฉนยังประมาทอยู่ได้?”
ฟันบนล่างกระทบกันบดขยี้ไปมาดังกรอด เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธถึงขีดสุดแล้ว
“ดี! ดีมาก! ท่านปู่มู่เฟยคนนี้จะบอกเจ้าเองว่า สิ่งใดที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตาย!”
“หยุดเล่นกันได้แล้ว ฆ่าพวกมันซะ!”
ทหารอีกคนคำรามดัง
วูบ! วูบ! วูบ!
ฝ่ายของเผ่าปีศาจจำนวนห้าตนปราดพุ่งเข้าใส่เหล่าทหารทันทีไม่มียั้งมือ
สีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิงเปลี่ยนไปอย่างมาก รอยยิ้มเย็นแสยะขึ้นเอ่ยร้องกึกก้องขึ้นว่า
“ฆ่าให้หมด!”
เหล่าทหารจัดขบวนค่ายกลเพื่อปกป้องทหารคนหนึ่งที่นามว่าจ้าวปิง เพื่อให้อีกฝ่ายตีฝ่าออกไป
ฝ่ายเผ่าปีศาจที่เหลือพุ่งเข้าหาเหลียงเฟิงเข้าพัลวันโดยตรง
เซียนเผ่าปีศาจยังเป็นขุมพลังแรกเริ่มมิได้กล้าแกร่งมากนัก ทว่าเหลียงเฟิงที่ต้องเข้าสัประยุทธ์รับมือแบบหนึ่งต่อสี่ พลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่ถาโถมเข้ามาดั่งโค่นภูเขาพลิกสมุทรอะไรเทือกนั้น
ในเวลาต่อมา ฝ่ายเผ่าปีศาจทั้งสี่นั้นก็ระเบิดพลังคลั่งต่อหน้าต่อตาเขา
เหลียงเฟิงเร่งปรี่โคจรพลังปราณเทวะจนหมุนติ้วเตรียมเข้าศึกหนักเช่นกัน
ทว่าทันใดนั้นเอง พวกเผ่าปีศาจทั้งสี่ตนกลับร่างแตกระเบิดออกเป็นไอเลือดในพริบตา แหลกสลายยันแกนพลังปีศาจภายใน
เหลียงเฟิงตื่นตะลึงสุดขีดโพล่งตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความงุนงง นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทันทีทันใด ทั่วกายาของเหลียงเฟิงพลันสั่นสะท้านหนัก เมื่อพบว่าคลื่นพลังสุดน่าเกรงขามพวยพุ่งออกมาจากทิศที่เย่หยวนยืนอยู่ เขาทำได้อย่างไรกัน? แม้แต่เศษซากสักนิดยังไม่เหลือให้ดูต่างหน้า!
ไม่! เป็นไปไม่ได้!
นี่ไม่น่าใช่ฝีมือของเขา!
เด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น จะสามารถฆ่าสี่ในห้าของหัวหน้าเผ่าปีศาจในคราวเดียวได้อย่างไรกัน?
ลืมไปได้เลยสำหรับเย่หยวน แม้แต่แม่ทัพกองของพวกเขาเองก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!
อย่างไรก็ตามแต่ นอกเหนือจากพวกมันทั้งสี่ ยังเหลืออีกหนึ่งและพรรคพวกของมันอีกโขยงใหญ่ เหลียงเฟิงลดภาระไปได้มากก็จริง แต่ก็ยังต้องสู้ต่อไปพร้อมกระโจนเข้ากลางวงของพวกปีศาจทันที
“ไอ้พวกสุนัข! กล้ายั่วยุเผ่ามนุษย์ของข้างั้นรึ! ตายซะ!”
ในตอนนี้ เย่หยวนเอ่ยปากตะโกนลั่น และเข้าร่วมศึกสัประยุทธ์ด้วยทันที
ครั้งนี้ เหลียงเฟิงได้เห็นฝีมือของเย่หยวนอย่างชัดเจน
กล่าวมิได้ว่าแข็งแกร่ง แต่ก็หาใช่อ่อนแอไม่
แต่หากบอกว่า เขาสามารถฆ่าสังหารหัวหน้าปีศาจทั้งสี่ตนรวดเดียวได้สำเร็จ นี่ออกจะเกินจริงไป
สองขุมกำลังอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า เข้าบดขยี้เหล่าปีศาจอาณาจักรปฐมพระเจ้าแหลกลาญไม่เหลือ
สถานการณ์การต่อสู้พลิกกลับเป็นฝ่ายมนุษย์ได้เปรียบอย่างรวดเร็ว เดิมทีเหล่าทหารทุกคนต่างหมดสิ้นความหวัง แต่ในที่สุดหายนะที่ว่ากลับผ่านไปได้ในพริบตา
ตอนที่ 1463 ลอบสำรวจ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่หงายหน้าออกมาเช่นนี้ เหลียงเฟิงค่อนข้างมึนงงชั่วขณะ
นี่เป็นเรื่องไม่คาดฝันอย่างแท้จริงทำให้เขารู้สึกดั่งว่ากำลังฝันไป
ห้าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าทั้งหมดล้วนถูกฆ่าตายสิ้น ทันทีที่เป็นเช่นนี้สถานการณ์ความได้เปรียบกลับพลิกตลบจากหน้ามือเป็นหลังเท้าในทันที เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆ หัวหน้า พวกเรายังไม่ตายจริงๆ!”
“สงสัยยิ่งว่ายอดฝีมือท่านใดลอบเร้นช่วยเหลือเรา ทั้งยังลงมือสังหารหัวหน้าทั้งห้าตนของพวกมันอีก”
“เมื่อครู่ข้าหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด คิดไม่ถึงจริงๆว่า พวกนั้นจะถูกลบล้างออกไปทั้งหมดในคราวเดียว สุดยอดจริงๆ!”
…
เหล่าทหารต่างตื่นเต้นดีใจจนอดกลั้นมิได้ ความรู้สึกที่รอดชีวิตจากหายนะครั้งใหญ่ ช่างเป็นอะไรที่น่าตราตรึงใจนัก
พวกเขาชินชากับความเป็นตายมานานแล้วก็จริง แต่ก็มิได้หมายความว่าพวกเขาเต็มใจที่จะตายเสียหน่อย
สีหน้าของเหลียงเฟิงยังเผยให้เห็นความปีติสุข ขณะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“จ้าวปิง หวังหลง พวกเจ้าทุกคน เราไม่ควรอยู่ในสถานที่แห่งนี้นานเกินไป รีบไปกันเถอะ”
“รับทราบ!”
ทหารเหล่านั้นเอ่ยเสียงตอบรับทันทีอย่างพร้อมเพรียงและเร่งเก็บของมีค่า เตรียมตัวเดินทางต่อ
เหลียงเฟิงหันมาทางเย่หยวนและยิ้มกล่าวว่า
“เจ้าหนุ่ม ทักษะความสามารถของเจ้าไม่เลวเลย ข้าจ้องขอโทษจริงๆที่ดูถูกเจ้าก่อนหน้านี้”
ขณะเอ่ยกล่าวเหลียงเฟิงพลางตบไหล่เย่หยวนดั่งมิตรสหายของเขาคนหนึ่ง
เย่หยวนยิ้มและกล่าวตอบว่า
“หัวหน้าเหลียงเองก็น่าเกรงขามจริงๆ ความสามัคคีของพวกท่านน่าชื่นชมนัก!”
เย่หยวนคิดไม่ถึงเช่นกันว่า เหลียงเฟิงคนนี้จะเป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อรู้ว่าตนคิดผิดจึงเอ่ยปากขอโทษขอโพยเขาทันที
เหลียงเฟิงยิ้มพลางโบกมือปัด
“ทั้งหมดนี้ข้าเก็บเกี่ยวมาจากประสบการณ์ในสมรภูมิรบทั้งนั้น เจ้ามีรากฐานความแข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าข้านัก ในอนาคตเมื่อเจ้าเติบใหญ่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากขึ้น ข้าที่แหละอาจตามหลังเจ้า! โอ้ใช่แล้ว เมื่อครู่เจ้าเห็นหรือไม่ว่า ใครกันที่สังหารหัวหน้าปีศาจทั้งห้าไป?”
เย่หยวนยักไหล่ตอบ
“ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ขณะที่กำลังสู้กับมู่เฟยอยู่ จู่ๆมันก็ตัวระเบิดตายคาที่”
คู่ดวงตาของเหลียงเฟิงฉายแววผิดหวังเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ดูเหมือนจะเป็นยอดฝีมือของฝ่ายมนุษย์ ท่านผู้นี้คงออกมาปลีกวิเวกเก็บตัวและบังเอิญเห็นพวกเขาโดยรุมกระมัง จึงทนมิได้ยื่นมือเข้าช่วย แต่ข้าเห็นคลื่นพลังโจมตีนั้น แค่หนึ่งกระบวนก็สามารถสังหารหัวหน้าปีศาจทั้งห้าได้! เกรงว่าท่านผู้นั้นคงเป็นเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขึ้นไปเป็นแน่!”
เย่หยวนพยักหน้าตอบและกล่าวว่า
“มันควรจะเป็นจะเป็นเช่นนั้น”
ศึกสัประยุทธ์ก่อนหน้า เป้าหมายของพวกเผ่าปีศาจล้วนมุ่งสนใจไปทางเหลียงเฟิงและคนที่เหลือ และแทบไม่มีใครสนใจเย่หยวนเลย
มู่เฟิงไร้ซึ่งพลังใดๆในการตอบโต้เย่หยวนได้เลย และตายทันทีในชั่วอึดใจต่อมา
คล้อยหลังเย่หยวนจึงปลดปล่อยสยบดาราออกมาสี่กระบวนติดเป็นคลื่นทับซ้อนด้วยความเร็วสูงสุด เพื่อสังหารหัวหน้าปีศาจอีกสี่ตนที่เหลือ
อย่างไรก็ตาม เย่หยวนเองก็หาได้คิดที่จะสำแดงความแกร่งกล้าของตนต่อหน้าเหลียงเฟิงและที่เหลือ เนื่องจากในสมรภูมิรบแห่งนี้มียอดฝีมือมากมายเกินไป คงเป็นการดีกว่าหากทำตัวไม้โดดเด่น
ในสงครามระหว่างสองเมืองจักรพรรดิ เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าเป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อยเท่านั้น แม้แต่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้ายังเป็นเพียงหัวหน้าหน่วยย่อยเช่นกัน
ความเหี้ยมโหดและอันตรายในสมรภูมิรบเช่นนี้ สามารถสัมผัสได้ในทันที
เย่หยวนแกร่งกล้ากว่าทุกคนในบรรดาระดับชั้นเดียวกัน เมื่อเข้าเผชิญหน้ากับเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุด หรือต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้น เขาเองก็สามารถเอาชนะได้เช่นกัน
แต่…ยิ่งมีชื่อเสียงในสมรภูมิรบเพียงใด กลับยิ่งตายเร็วมากขึ้นเท่านั้น
“เก็บกวาดของมาครบแล้ว ผลกำไรจากศึกนี้ไม่น้อยเลย!”
หลังจากที่ทุกคนเก็บรวบรวมสิ่งของมีค่าจากพวกปีศาจมาได้ สีหน้าการแสดงออกของทุกคนก็ดูดีขึ้นอย่างมาก
ไม่เพียงสิ่งของมีค่าเท่าไหร่ แต่เมื่อนำเหรียญตราของพวกปีศาจที่ตายกลับไป ทางค่ายทหารจะให้รางวัลพิเศษแก่พวกเขาเพิ่มเติม
ยิ่งในครั้งนี้สามารถกวาดล้างหัวหน้าปีศาจได้รวดเดียวถึงห้าตน นี่นับเป็นความสำเร็จที่ไม่น้อยเลย
แต่ละกองทัพของเผ่ามนุษย์มีกฎเหล็กเข้มงวด โดยห้ามิให้บ่มเพาะพลังด้วยวรยุทธของเผ่าปีศาจเด็ดขาด รวมไปถึงโอสถต้องห้ามบางชนิด มิเช่นนั้นฆ่าทิ้งไร้ปรานี!
นอกเหนือจากนั้นแล้ว เหล่าทหารมักเก็บเกี่ยวทรัพยากรจากแหวนเก็บของพวกมันไปใช้เอง ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรหรือโอสถช่วยบ่มเพาะพลังบางชนิด ทั้งนี้ก็เพื่อเสริมแกร่งให้ตนเอง
เหลียวเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า
“เช่นนั้นรีบกลับกันเถอะ! เมื่อครู่หัวหน้าเผ่าปีศาจบอกว่า ยังมีกองกำลังกำลังเดินทัพเข้าสนับสนุน รีบกลับไปยังเขตเมืองกระแสพิรุณและรายงานข่าวนี้ก่อนเถอะ น้องชาย เจ้าอยากเข้าร่วมกองกำลังเดียวกับพวกเราใช่ไหม? เช่นนั้นตามมาเถิด”
เมื่อความแกร่งกล้าของเย่หยวนเป็นประจักษ์ต่อสายตาเหลียงเฟิงแล้ว ไม่เพียงจะได้การยอมรับ แต่เขายังปฏิบัติตัวกับเย่หยวนสนิทชิดเชื้อกันมากขึ้น
แต่เย่หยวนกลับเงียบงันไปชั่วครู่ หาได้เอ่ยตอบทันที
เหลียงเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จึงเอ่ยถามว่า
“น้องชายกังวลเรื่องใดกัน?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“มิใช่เช่นนั้นหัวหน้าเหลียง แต่ตอนนี้ข้าคิดว่า พวกเราควรแยกออกเป็นสองกลุ่ม”
ทันทีที่เหลียงเฟิงได้ยินเช่นนั้น พลันนึกสนใจมิได้จึงเอ่ยถามว่า
“โอ้? เจ้ามีความคิดอันใดงั้นรึ?”
เย่หยวนกล่าวอธิบายว่า
“ไม่ว่าสิ่งที่หัวหน้าปีศาจนั้นกล่าวไปเป็นความจริงหรือไม่ แต่ยังไงคงต้องไปดูเพื่อยืนยันอีกที นอกจากนี้ พวกมันใช้วิธีการใดจึงสามารถข้ามธารน้ำบริเวณหุบเขาอัญเชิญปีศาจ ยังมิทราบ เช่นนั้นพวกเราควรตรวจสอบให้ชัดเจนเพื่อคิดแผนแก้ทาง ดังนั้นเพียงความปลอดภัย ควรแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกกลับไปรายงานเพื่อขอกำลังสนับสนุน ระหว่างนั้นเองอีกกลุ่มก็เข้าสำรวจเดินหน้าไปต่อ เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลา เดินทางสู่ส่วนลึกของหุบเขาอัญเชิญปีศาจ และตรวจสอบข้อเท็จจริง”
เย่หยวนกล่าวรายละเอียดพร้อมเหตุผลให้ทุกคนฟังอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะรู้สึกตัวอีกที ยามนี้ทุกคนต่างจับจ้องเขาเป็นตาเดียว
“เอ่อ…มองข้าเช่นนั้นทำไมหรือ? หรือมีดอกไม้ติดหน้าข้ากัน?”
เย่หยวนยกมือขึ้นถูไถจมูกไปมาพลางกล่าวขึ้นอย่างไร้เดียงสา
เหลียงเฟิงจับจ้องไปทางเย่หยวน พร้อมสายตาที่มองอีกฝ่ายดั่งสัตว์ประหลาดชำนาญศึกตนหนึ่ง ถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความชื่นชมและกล่าวว่า
“น้องชายมีความคิดวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล นี่คือคุณสมบัติสำคัญของผู้นำอย่างแท้จริง ข้ายังไม่ทันนึกถึงเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับบรรยายจนเห็นภาพ! กล่าวถูกต้องแล้ว พวกเรายังคงยืนยันสถานการณ์มิได้ในตอนนี้ เช่นนั้นแยกเป็นสองกลุ่มคงเหมาะสมที่สุด จ้าวปิง เจ้าและบางส่วนเดินทางกลับไปเมืองก่อน และนำเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปรายงาน ส่วนพวกจ้าจะเดินทางสำรวจหุบเขาอัญเชิญปีศาจต่อ!”
คนอื่นๆต่างมองเย่หยวนฉายแววประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาพึ่งค้นพบว่า ตนประเมินชายหนุ่มคนนี้ต่ำเกินไป
ในขณะที่ความเป็นจริงวิสัยทัศน์ของเย่หยวนกว้างไกลมาก สามารถมองสถานการณ์ออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้แม้แต่พวกเขาเองยังคาดไม่ถึง
แต่ขณะที่จ้าวปิงกำลังจะจากไป เย่หยวนกลับเอ่ยขึ้นแทรกว่า
“หัวหน้าเหลียง ให้ทั้งหมดเดินทางกลับไปจะดีกว่า ส่วนเรื่องสำรวจหุบเขาอัญเชิญปีศาจ พวกเราควรลอบเร้นไปกันสองคน!”
“หื้ม?”
“เรากำลังจะไปตรวจสอบเก็บข้อมูลหาใช่คู่ต่อสู้ ยิ่งคนน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเคลื่อนไหวดำเนิการสะดวกขึ้น หากพวกมันพบเราเข้าจริงๆ แค่สองคนย่อมหลบหนีออกมาง่ายกว่ามาก”
เย่หยวนกล่าวอธิบายทันที
เหลียงเฟิงครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ากล่าวว่า
“ก็จริงอย่างที่น้องชายกล่าว แต่ข้าไปคนเดียวจะดีกว่า น้องชายควรกลับไปพร้อมกับพวกเขาเถอะ ตอนนี้เจ้ายังไม่ถือเป็นมหารของกองทัพ เช่นนั้นไม่ควรรับความเสี่ยงเช่นนี้ มันมากเกินไปสำหรับเยวชนคนหนึ่ง”
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“ในเมื่อเย่คนนี้เข้าปะกับทุกคนและต้องการเข้าร่วมกลุ่มกับพวกท่านอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ขอแสดงความจงรักภักดีให้เป็นที่ประจักษ์ วรยุทธเคลื่อนไหวลอบเร้นของข้าเองก็ไม่เป็นสองรองใคร ข้าไม่เป็นตัวถ่วงหัวหน้าเหลียงแน่นอน”
เหลียงเฟิงรำพึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ากล่าวว่า
“เข้าใจแล้ว ในเมื่อน้องชายต้องการเช่นนั้น ก็เดินทางไปพร้อมกับข้าเถอะ ส่วนจ้าวปิง เจ้าพาคนอื่นๆกลับไปรายงานข่าวนี้”
แต่จ้าวปิงและคนอื่นๆกลับเผยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยและกล่าวว่า
“หัวหน้า วรยุทธการเคลื่อนไหวของข้าเองก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน เช่นนั้นให้ข้าไปกับท่านด้วย!”
“หัวหน้าข้าไปด้วย!”
“ข้าเองก็เช่นกัน!”
…
พลางได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเหลียงเฟิงพลันมืดขรึมลงเล็กน้อย และกล่าวว่า
“หุบปากเดี๋ยวนี้! นี่คือคำสั่ง เร่งรุดกลับไปรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดซะ!”
เมื่อเห็นเหลียงเฟิงเดือดดาลหัวร้อนลุกเป็นไฟ พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกต่อไป และแยกจากออกไป
“ไอ้พวกนี้ ถ้าไม่ดุสักวันคงนอนไม่หลับ!”
เหลียงเฟิงเอ่ยดุพลางคลี่ยิ้มเล็กน้อย
เย่หยวนยิ้มพลางกล่าวว่า
“ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาเป็นห่วงท่าน นับเป็นพี่น้องที่ดี”
เหลียงเฟิงหัวเราะเล็กน้อยกล่าวว่า
“ไฉนข้าจะไม่รู้ แต่สิ่งที่เจ้ากล่าวไปล้วนถูกต้องแล้ว ยิ่งไปกันเยอะสักแต่จะเป็นภาระ พวกเราไปกันเถอะ!”
เย่หยวนพยักหน้าตอบและติดตามเขาไป
ตอนที่ 1464 โดดลงเหว
โดย
Ink Stone_Fantasy
กลางดงป่าทึบ สองเงาร่างกำลังทะยานพุ่งเข้าใกล้โดยสำแดงใช้ความเร็วสูง
ระหว่างทางเหลียงเฟิงแอบทดสอบเย่หยวนไปพลาง เขาจงใจเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น
การเคลื่อนไหวภายในป่าทึบแบบนี้เพียงวรยุทธเคลื่อนที่ความเร็วสูงกลับไร้ประโยชน์ สิ่งหนึ่งที่จำเป็นที่สุดคือ สัญชาตญาณและปฏิกิริยาตอบสนองของคนนั้นๆ
เหลียงเฟิงและพวกพ้องต่างลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณนี้มาตลอดทั้งปี จึงคุ้นเคยกับภูมิสภาพเป็นอย่างดี ดังนั้นยามเร่งฝีเท้าขึ้น เขาจึงเร็วเป็นพิเศษ
เขาเร่งความเร็วจนถึงขีดจำกัด ทะยานฝ่าป่ารกร้างปราดพุ่งออกไปอย่างดุเดือด ทิ้งระยะขนาดนี้ ภายในใจเขาพลางคิดว่า ตนตีห่างกับเย่หยวนเกินไปแล้ว กลัวอีกฝ่ายหลงจึงชะลอฝีเท้าลง
แต่เมื่อเหลียวหลังกลับไป เหลียงเฟิงแทบสะดุ้ง
เย่หยวนคนนี้ตามติดดั่งภูตผีโดยแท้ ปรากฏว่าอีกฝ่ายติดตามแนบชิดอยู่ไม่ไกล
ตกใจหรือไม่กลับหาใช่นัยยะสำคัญ!
เพราะในความเป็นจริงแล้ว เหลียงเฟิงกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายการมีอยู่ของเย่หยวนเลยในตอนก่อนหน้า
หากเย่หยวนคิดหักหลังและถือดาบอยู่ในมือ ป่านนี้เหลียงเฟิงคงกลายเป็นศพนานแล้ว!
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกของอีกฝ่าย เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“ข้ากล่าวไปก่อนหน้าแล้ว วรยุทธเครื่องไหวของข้าไม่เป็นสองรองใคร ข้าไม่เป็นตัวถ่วงท่านแน่นอน”
เหลียงเฟิงยิ้มเก้อกล่าวว่า
“น้องชาย เจ้ามีทักษะที่ยอดเยี่ยมนัก ทีแรกเหลียงคนนี้มองเจ้าผิดไปจริงๆ!”
ยามนี้เขาเพิ่งค้นพบว่าตนประเมินเย่หยวนต่ำเกินไปมาก อย่างน้องที่สุด กลางป่าทึบแบบนี้ การจะไล่ตามติดเขาได้ตลอดรอดฝั่งแบบนี้ โดยไร้สุ้มเสียงไร้กลิ่นอาย มันก็หาใช่สิ่งที่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นโดยทั่วไปสามารถทำได้
ด้วยเหตุนี้ เย่หยวนจึงมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมทัพ!
ด้วยทักษะและมันสมองของเย่หยวน อนาคตต่อไปเขาจักต้องขึ้นเป็นแม่ทัพกองในไม่ช้าก็เร็ว
เหลียงเฟิงคนนี้คุ้นเคยกับเส้นทางพวกนี้เป็นอย่างดี เขาได้นำเย่หยวนไปยังทางอ้อมและปีนขึ้นไปถึงยอดเขาอัญเชิญปีศาจ
ทิวทัศน์เบื้องหน้าสุดลูกหูลูกตาช่างงดงาม ทำเอาหัวใจเย่หยวนสั่นคลอน
จุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่คือหน้าผากว้างกว่าหนึ่งพันฉื่อ หากก้มต่ำลงไปใกล้หน้าผาเป็นหลุมลึกจนมองไม่เห็นก้น
นอกจากนี้หลังจากที่เย่หยวนเดินทางมาถึงจุดสูงสุดของที่นี่ เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่า ฝีเท้าของเขาหนักขึ้นมาก
สนามแม่เหล็กอันทรงพลังได้ดึงดูดตรึงร่างของเขาไว้ ต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า ยังยากที่จะก้าวเดินบนนี้
ธารน้ำแห่งนี้ดูเหมือนจะมีความพิเศษโดดเด่นอย่างมาก
“สนามแม่เหล็กตรงจุดนี้ยังมิใช่จุดที่รุนแรงที่สุด บริเวณกลางเหวลึกแห่งนี้คือจุดที่สนามแม่เหล็กแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่า พวกปีศาจเหล่านั้นข้ามผ่านเข้ามาได้อย่างไร?”
เหลียงเฟิงกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้างุนงงฉงนใจ
เย่หยวนกล่าวขึ้นว่า
“ทางอ้อมมีระยะทางกล่าวหลายสิบลี้ การที่พวกมันสามารถข้ามธารน้ำมาได้ เช่นนั้นเราต้องระวังตัวให้มากขึ้น”
เหลียงเฟิงผงกศีรษะ และลบล้างความเชื่อเก่าๆทิ้งไป เพราะยามนี้เผ่าปีศาจสามารถข้ามฝั่งมาได้แล้ว
ทั้งสองเดินอ้อมออกไปกว่าหลายสิบลี้อย่างระมัดระวังตัว ในที่สุดสายตาของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนไปดูจริงจังขึ้นหลายส่วน ก่อนช้อนสายตามองไปยังหุบเขาอีกแห่งที่สูงกว่าหนึ่งพันฟุตเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ
ภาพฉากเบื้องหน้าปรากฏเป็น เรือเหาะลำหนึ่งจอดเทียบอยู่ พินิจจากขนาดน่าจะบรรทุกคนได้กว่าหลายสิบ
เรือเหาะลำนั้นลอยเคว้งอยู่กลางอากาศมิได้ถูกสนามแม่เหล็กดึงดูดลงมาแต่อย่างใด เป็นที่ชัดเจนว่า มันเป็นพาหนะลำเลียงทหารของเผ่าปีศาจข้ามมายังทางฝั่งดินแดนของเผ่ามนุษย์
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเรือเหาะลำนั้นคือ ขนาดของมันมิได้ใหญ่ จะขนส่งทีหนึ่งอย่างมากก็เก้าถึงสิบคนเท่านั้น
ยามนี้ได้ข้อสรุปเสียที เผ่าปีศาจพวกนั้นที่ปะทะกับเย่หยวนก่อนหน้า คือเผ่าปีศาจกลุ่มแรกที่ถูกส่งมา
“พวกมันสามารถข้ามธารน้ำสนามแม่เหล็กได้จริงๆ! นี่…นี่มันน่าประหลาดเกินไป! โชคยังดีที่พวกเราเจอปีศาจกลุ่มนั้นเสียก่อน จึงรู้ตัวได้ทัน มิฉะนั้นเมืองกระแสพิรุณอาจถูกพวกมันรุกรานครั้งใหญ่แน่นอน!”
เหลียงเฟิงลดเสียงเอ่ยกระซิบขึ้น
เย่หยวนมิได้เอ่ยกล่าวอันใด คู่สายตายังคงจับจ้องไปที่เรือเหาะลำนั้นราวกับกำลังจมอยู่กับความคิด
เหลียงเฟิงกล่าวต่อว่า
“ไม่มีทาง เราต้องรีบนำข่าวนี้กลับไปรายงานที่เมืองกระแสพิรุณโดยเร็ว มิฉะนั้นเมื่อกองทัพเผ่าปีศาจลำเลียงกองกำลังมาเสร็จสิ้น มีหวังพวกเราถูกปิดล้อมทั้งหน้าหลังแน่นอน!”
ด้วยความช่วยเหลือจากเรือเหาะลำนี้ ทำให้เผ่าปีศาจสามารถลำเลียงกองกำลังของตนได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
ในเวลานั้นกองกำลังของพวกมันจะครบถ้วนสมบูรณ์แบบ เมืองกระแสพิรุณอาจพบเจอกับหายนะครั้งใหญ่
ดังนั้นเหลียงเฟิยจึงต้องการเดินทางกลับไปยังเมืองกระแสพิรุณก่อนโดยเร็วที่สุด เพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ
ทว่าทันใดนั้นเอง มียอดเซียนของเผ่าปีศาจปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาจากระยะไกล การมาถึงนี้ทำเอาเหลียงเฟิงกับเย่หยวนขมวดคิ้วแน่น
รัศมีกลิ่นอายของปีศาจตนนี้ทำให้ทุกคนต่างสะท้านขวัญเป็นอย่างยิ่ง
นี่คือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพปีศาจชุดนี้ ซูเลียน ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น
“กลุ่มของพวกนั้นยังไม่กลับมาอีกงั้นรึ?”
ซูเลียนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เรียนท่านแม่ทัพ ผู้ใต้บัญชายังไม่ได้รับรายงานจากกลุ่มนั้นเลย! ดูเหมือนจะขาดการติดต่อไปแล้วด้วย!”
ผู้ใต้บัญชาอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเอ่ยกล่าวขึ้น
คู่คิ้วของซูเลียนขมวดถักแน่น เขาพึมพำกับตนเองว่า
“เป็นไปได้ไหมว่า พวกนั้นจะวิ่งเข้าชนกับกองทัพของเผ่ามนุษย์ แต่ในอาณาเขตหุบเขาอัญเชิญปีศาจ โดยส่วนใหญ่ พวกทัพเมืองกระแสพิรุณไม่ค่อยลาดตระเวนบริเวณนี้นัก ลองส่งกลุ่มออกไปสำรวจอีกครั้ง ข้าต้องการรู้ว่าพวกนั้นยังอยู่ หรือกลายเป็นศพไปแล้ว!”
“รับทราบท่านแม่ทัพ!”
ผู้ใต้บัญชาคนนั้นขานตอบทันที
ซูเลียนเดินวนไปเวียนมาด้วยความหงุดหงิดใจ
การข้าธารน้ำบนหุบเขาอัญเชิญปีศาจในครั้งนี้ เป็นแผนการอันยิ่งใหญ่กว่าหลายสิบปีที่เผ่าปีศาจวางแผนไว้ และพวกเขาไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย
ในเวลานั้นเอง เมื่อเหล่าทหารปีศาจถูกส่งลงมาจากสรวงสวรรค์จนครบบรรจบ ยามนี้เมืองกระแสพิรุณจักต้องถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง!
ตราบใดที่เมืองกระแสพิรุณถูกกองกำลังของเผ่าปีศาจตีล้อมไว้ได้ พวกมนุษย์จะไม่มีทางตรียมกำลังรับศึกได้ทันแน่นอน
ไม่นานนัก ผู้ใต้บัญชาคนนั้นก็กลับมารายงานอีกครั้ง
“เรียนท่านแม่ทัพ กลุ่มของพวกนั้นราวกับระเหยไปกันอากาศ ไม่พบแม้แต่ร่องรอยใดๆเลย! ข้าส่งกลุ่มสำรวจไปค้นหาดูแล้ว แต่กลับไม่พบแม้แต่ร่างศพ! แต่…พวกเขากลับพบร่องรอยการต่อสู้ในป่าทึบลึกลงไป…”
สีหน้าการแสดงออกของซูเลียนมืดทมิฬแลดูน่ากลัวนัก มันกล่าวว่า
“กำจัดหัวหน้าหน่วยของเราไปถึงห้าคนอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ มีแนวโน้มสูงว่าเป็นยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์! ไม่ดีแล้ว พวกนั้นอาจกำลังสอดแนมเก็บข้อมูล ในบริเวณแถวนี้! ส่งทุกคนเข้าสำรวจบริเวณพรมแดนโดยด่วน หากเจ้ายอดฝีมือคนนั้นให้รีบกลับมารายงานข้า นอกเหนือจากนั้นฆ่าไม่เว้น!”
“รับทราบ!”
ซูเลียนกัดฟันแน่นกล่าวว่า
“ให้ตายเถอะ ไฉนถึงบังเอิญขนาดนี้ได้? ยังไงเสียตอนนี้พวกนั้นคงกำลังสอดแนมอยู่ หากรีบสะกดยามนี้มิให้ข่าวนี้หลุดไปถึงเมืองกระแสพิรุณก็นับว่าปลอดภัย!”
การเคลื่อนทัพในคราวนี้มิใช่กลุ่มกำลังเล็กน้อยเลย กลิ่นอายสุดแกร่งกล้าหลายขุมแยกกระจายตัวออกไปและเริ่มค้นหาทันทีในบริเวณใกล้เคียงไล่ออกไป
เย่หยวนเอ่ยเสียงเบาว่า
“กลับกันเถอะ พวกมันคงพบแล้วว่า กลุ่มปีศาจที่ออกสำรวจเกิดภัยร้าย ยามนี้พวกมันกำลังสงสัยว่ามีมนุษย์คนใดดักซุ่มสืบเสาะอยู่หรือเปล่า”
เหลียงเฟิงพยักหน้าและพาเย่หยวนออกไปอย่างเงียบๆ
“หวี๊ดด!”
ทันใดนั้นเองเสียงนกอินทรีพลันร้องลั่นกลางห้วงเวหา
เหลียงเฟิงหน้าถอดสีในทันทีที่ได้ยินเสียงนี้!
“แย่แล้ว! นั้นมันอินทรีมารโลหิต! มันถูกเลี้ยงดูโดยเผ่าปีศาจ! มันอ่อนไหวต่อกลิ่นอายมนุษย์เป็นที่สุด พวกเรามิอาจหนีรอดแล้ว!”
สีหน้าของเขาซีดเซียวหนัก ดวงตาปราศจากประกายความหวังอันใดหลงเหลือ
“อินทรีมาโลหิตค้นพบมนุษย์! พวกมันกำลังจะหลบหนีทางทิศตะวันตกเฉียงใต้!”
ทันใดนั้นเองปีศาจตนหนึ่งพลันเอ่ยรายงานขึ้น
เมื่อซูเลียนได้ยินเสียงรายงานนั้น ร่างของเขาก็แปรสภาพกลายเป็นไอหมอกทมิฬสายหนึ่งปราดพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยไว
กลิ่นอายของมันทรงพลังยิ่งจนพัดพาสรรพสิ่งวินาศสูญไปพร้อมกับไอหมอกทมิฬดั่งกระแสคลื่นยักษ์ล้างพิภพ
ในตอนนี้เอง หัวใจเย่หยวนแทบแตกสลายเช่นกัน ภายใต้สนามแม่เหล็กนี้ ความเร็วของซูเลียนยังคงเหนือชั้นกว่าคนอื่นๆ
เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกๆและหันมากล่าวกับเหลียงเฟิงว่า
“ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”
เหลียงเฟิงตัวแข็งทื่อฉับพลันก่อนเร่งพยักหน้าทันที
“ดี! เช่นนั้นกระโดดลงไปด้วยกัน!”
เย่หยวนกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
ตอนที่ 1465 คำวิเคราะห์ของอัจฉริยะ
โดย
Ink Stone_Fantasy
วูบ!
วูบ!
วูบ!
…
เหล่าเซียนของเผ่าปีศาจต่างเคลื่อนไหวปราดทะยานออกไปราวกับสายฟ้าฟาด จุดมุ่งหมายคือบริเวณที่พวกเย่หยวนยืนอยู่ ก่อนจะเห็นภาพฉากที่สองคนนั้นกระโดดลงเหวไปทั้งแบบนั้น
สีหน้าของการแสดงออกของซูเชียนดูทะมึนน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ และกล่าวว่า
“แค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นสองคน พวกเขาสามารถจัดการทั้งห้าจนไม่เหลือร่องรอยได้อย่างไร?”
“เรียนท่านแม่ทัพ บางทีอาจมีคนอื่นซ่อนตัวเร้นกายอยู่? ถึงแม้ว่าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นทั้งสองคนนี้จะแข็งแกร่ง แต่ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะเข้าคู่กับหัวหน้าหน่วยทั้งห้า แถมพวกมันเองยังดูขี้ขลาด กระโดดลงเหวไปแล้ว”
ชูเลียนพยักหน้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะกล่าวว่า
“ดูเหมือนว่า…แผนการที่พวกเราอยู่ที่นี่จะถูกเปิดเผยแล้ว ความปรารถนาที่จะโค่นเมืองกระแสพิรุณภายในชั่วข้ามคืน กับแผนการที่พยายามนับสิบปีกลับพังพลายลงในชั่วข้ามวัน!”
คนอื่นๆเองอดผิดหวังมิได้เช่นกัน เดิมทีพวกเขาเตรียมการมาพร้อมอย่างมากต่อการดำเนินแผนในคราวนี้ แต่ใครจะไปทราบว่า แผนการที่วางไว้กลับรั่วไหลออกไปแล้วจริงๆเพียงข้ามวัน
แต่ในความเป็นจริง พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ทุกคนทำไปทั้งหมดใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว
โชคร้ายเกินไปเสีย พวกเย่หยวนในตอนนี้ไม่รู้ชะตาเป็นตายร้ายดีหลังกระโดดลงเหว ส่วนกลุ่มทหารที่เหลือก็ยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้
ลำพังอาศัยเพียงขุมพลังของเหลียงเฟิง จะสามารถย้ายจิตและความคิดส่งผ่านไปยังคนอื่นๆจากทางไกลได้อย่างไร? เขาไม่สามารถโทรจิตสื่อสารได้เสีย?
ชูเลียนเหลือบมองเหวลึกไร้สิ้นสุดเบื้องล่างเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ไอ้มนุษย์ทั้งสอง ขอให้โชคดี!”
…………………..
หลังจากที่พวกเย่หยวนดิ่งพสุธาลงเหว ร่างทั้งสองลู่ลมดิ่งลงด้วยความเร็วสูงยิ่ง
เนื่องด้วยสนามแม่เหล็ก ทำให้ร่างของพวกเขาดิ่งลงเร็วกว่าปกติถึงสิบทวีเท่า
เหลียงเฟิงในยามนี้สิ้นหวังแล้ว เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกสนามแม่เหล็กกดทับจนไม่สามารถขยับเขยื้อนใดๆได้เลย มีหวังแต่รอจมดิ่งสู่พื้นด้านล่าง และมีเพียงความตายรั้งรออยู่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ร้องไห้ยังทำไม่ได้
และยิ่งดิ่งลึกลงไปเท่าไหร่ พลังของสนามแม่เหล็กก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น เหลียนเฟิงในยามนี้รู้สึกราวกับเส้นเลือดภายในร่างกำลังจะแตกออกมา
แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิงก็เปลี่ยนไป จู่ๆร่างของเขาที่ลู่ลมดิ่งพสุธาพลันช้าลงจนน่าตกใจ ผลจากสนามแม่เหล็กที่มีต่อตัวเขากำลังลดลง!
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดขึ้น?
ยิ่งดิ่งลึกเข้าไปใกล้เท่าไหร่ สนามแม่เหล็กก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น และนี่หาใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถต่อกรด้วยได้
เหลียงเฟิงเคยได้ยินมาว่า ครั้งหนึ่งเคยมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าพยายามลงไปสำรวจในก้นเหวลึก แต่จนถึงตอนนี้เขาคนนั้นก็ยังไม่เคยกลับมา
นับแต่นั้นเป็นต้นมา จึงไม่มีใครกล้าลงไปสำรวจอีกต่อไป
เหลียงเฟิงหันมองเหลียวตาซ้ายขวา ก่อนจะจับจ้องเย่หยวนด้วยแววตาเปี่ยมล้นความเหลือเชื่อ
ดวงตาคู่นั้นของเย่หยวนหลับสนิทปิดลง พร้อมเปล่งพลังงานผิดประหลาดออกมาจากร่าง
ก่อนหน้านี้ เหลียงเฟิงไม่เคยสังเกตมาก่อน จนตอนนี้เขาสะดุ้งเฮือกด้วยความเหลือเชื่อ สถานแม่เหล็กในยามนี้กำลังเกิดสภาวะไร้ความเสถียรอย่างไร้เหตุผล
จู่ๆเหลียงเฟิงก็รู้สึกราวกับมีสนามแม่เหล็กอีกแห่งกำลังต้านผลักกันอยู่กับบริเวณด้านล่าง ยิ่งดิ่งลงลึกเท่าไหร่แรงผลักนั้นก็ยิ่งมหาศาลขึ้นเท่านั้น
จนในที่สุดร่างของทั้งสองก็หยุดชะงักนิ่งกลางอากาศ!
เหลียงเฟิงมาไปที่เย่หยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า
“เจ้า…เจ้าทำอะไรลงไป?”
บนฝ่ามือของเขาคลายปรากฏเป็นพฤกษาชนิดหนึ่งขึ้นมา นี่คือพฤกษาวิญญาณหยวนฉืออย่างแม่นยำ!
“บริเวณนี้มีสถานพลังแม่เหล็กประหลาดซ่อนอยู่ภายในก้นเหวแห่งนี้ มันเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยมสำหรับพฤกษาวิญญาณหยวนฉือของข้า ดังนั้นยิ่งสนามแม่เหล็กนี้รุนแรงเท่าไหร่ พฤกษาวิญญาณหยวนฉือของข้าก็ยิ่งทวีเติบโตอย่างบ้าคลั่ง จึงส่งผลให้เกิดแรงผลักระหว่างสองขั้วแม่เหล็ก จนอยู่ในสภาวะสมดุลกัน”
พฤกษาวิญญาณหยวนฉืออยู่ในตัวของเย่หยวนตลอดเวลา ทว่ามันติดอยู่ในระดับเก้าขั้นสุดมานานมาแล้ว และไม่ทะลวงขึ้นสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์เสียที
แต่การเผชิญพบกับสนามแม่เหล็กอันแปลกประหลาดในเหวแห่งนี้ กลับเป็นโอกาสทองสำหรับพฤกษาวิญญาณหยวนฉือ
ในขั้นต้น เย่หยวนวางแผนให้พฤกษาวิญญาณหยวนฉือดูดซับพลังแม่เหล็กนี้ไว้ เพื่อนำมาพัฒนา
เมื่อเย่หยวนพินิจว่าความคิดนี้น่าจะเป็นไปได้สูง เขาจึงยอมเสี่ยงกระโดดลงไปในเหวแห่งนี้
และแน่นอน สนามแม่เหล็กภายในนี้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
วิวัฒนาการของพฤกษาวิญญาณหยวนฉือของเขาสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ในชั่วเวลาสั้นๆ พฤกษาวิญญาณหยวนฉือก็ทะลวงขึ้นรวดเดียวถึงสองระดับชั้น ยามนี้กลายมาเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสองแล้ว!
เหลียงเฟิงอดช้อนสายตามองพฤกษาวิญญาณหยวนฉืออย่างอดมิได้ เขาตื่นตะลึงยิ่งยวด
แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาหันมองเย่หยวนพร้อมสายตาแปลกๆและกล่าวว่า
“เจ้า…เจ้าใช้สนามแม่เหล็กภายในเหวนี้เพื่อพัฒนาพฤกษาวิญญาณหยวนฉือ?”
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกกลัวชายหนุ่มคนนี้เลยแม้แต่น้อย ทว่าปัจจุบันแข่งขากลับอ่อนแรงลงโดยมิตั้งใจ
จะเป็นอย่างไรหากสิ่งที่คิดไว้มันไม่เป็นตามแผน? หากพฤกษาวิญญาณหยวนฉือไม่สามารถพัฒนาไปสู่อีกขั้น ร่างของทั้งสองคงไม่ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว?
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเรายังมีทางเลือกอื่นใดอีกหรือไม่? อีกฝ่ายเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น!”
เหลียงเฟิงอ้าปากคล้ายต้องการจะกล่าว ทว่ากลับกล่าวไม่ออก
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ
และที่สำคัญที่สุดคือ การเดิมพันในครั้งนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายชนะ!
อย่างไรก็ตามแต่ ชายหนุ่มตรงหน้าของเขาดูยังไงก็ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆมาก่อน แต่ไฉนถึงกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้!
บางทีเพราะเขาเตรียมใจเข้าร่วมกองทัพของเผ่ามนุษย์มาแล้วใช่หรือไม่? ถึงได้ใจกล้าขนาดนี้?
“แต่…แม้เจ้าจะมีพฤกษาวิญญาณหยวนฉือ แต่เจ้าสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เหลียงเฟิงเอ่ยปากขึ้นเจือน้ำเสียงประหลาดใจ
เย่หยวนยิ้มและกล่าวตอบไปว่า
“เมื่อข้าเห็นเรือเหาะของเผ่าปีศาจก่อนหน้า ข้าก็พลางคิดไปถึงเรื่องความรุนแรงของสนามแม่เหล็กนี้ บางทีพวกเขาเองอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้! ดังนั้นข้าจึงคิดว่าหากใช้ฟ้าหนวงหยวนฉือที่มีคุณสมบัติเป็นขั้วแรงดึงดูดเช่นกัน ต้านรับกับสนามแม่เหล็กเพื่อหาจุดสมดุลก็น่าจะพอเป็นไปได้ แนวคิดนี้มาจากเรือเหาะของพวกมัน การจะให้เรือเหาะลอยเคว้งกลางอากาศได้ สันนิษฐานได้ว่าภายในเรือเองก็ควรจะมีสนามแรงดึงดูดหรือแม่เหล็กอะไรสักอย่างเช่นกัน จึงทำให้บินข้ามธารน้ำนี้ได้!”
เหลียงเฟิงจับจ้องเย่หยวนด้วยความตกตะลึงยิ่ง ชายหนุ่มคนนี้คืออัจฉริยะ!
เผ่าปีศาจใช้เวลาคิดวิเคราะห์และวางแผนกว่าหลักปี แต่กลับถูกเย่หยวนตีแผ่ออกมาได้ในไม่กี่เสี้ยวอึดใจ
สิ่งนี้แค่พูดยังดูง่ายเกินไป แต่การจะทดลองให้ประสบความสำเร็จกลับยากเกินจินตนาการ
สนามแม่เหล็กอันนี้รุนแรงเกินไป การจะปรับสู่สภาวะสมดุลจำต้องใช้ความแม่นยำที่สูงมาก และไม่มีทางทำได้อย่างเรือเหาะภายในระยะเวลาอันสั้น
หากผิดพลาดสักนิด แม้แต่เรือเหาะนั้นเองอาจคว่ำได้เช่นกัน
สำหรับเย่หยวนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ภายในพริบตา ก็เป็นเพราะความคุ้นเคยต่อพฤกษาวิญญาณหยวนฉือ ทักษะการควบคุมของเขาลุถึงขั้นสูงสุดมาเนิ่นนานแล้ว
ในระหว่างที่กำลังดิ่งพสุธาลงมา เย่หยวนได้สำแดงใช้ฟ้าหน่วงหยวนฉือเพื่อลดทอนกำลังแม่เหล็กมาตลอดทาง ระหว่างนั้นเองก็พยายามหาจุดสมดุลระหว่างทั้งสองขั้ว จนผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างที่เห็น
แต่เย่หยวนนึกไม่ถึงเลยว่า สนามแม่เหล็กเหล่านี้กลับเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยมให้แก่พฤกษาวิญญาณหยวนฉือเช่นกัน
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกของเหลียงเฟิง เย่หยวนก็นยิ้มกล่าวว่า
“เอาล่ะ พวกเราควรหลบภัยอยู่ในนี้ก่อนสักพัก โอ้ใช่แล้ว เรื่องพฤกษาวิญญาณหยวนฉือนี้ หัวหน้าเหลียงอย่านำเรื่องนี้ไปแพร่งพรายที่ใด ขอให้เป็นความลับ”
เหลียงเฟิงตัวแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนเร่งพยักหน้าตอบทันที
พฤกษาวิญญาณหยวนฉือที่พัฒนาขึ้นเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง ถือเป็นสุดยอดสมบัติฟ้าดินที่ทรงพลังยิ่ง นี่ถือเป็นอีกหนึ่งไพ่ตายที่เร้นซ่อนของเย่หยวน
เรื่องแบบนี้เย่หยวนไม่เต็มใจให้คนภายนอกทราบเท่าไหร่นัก
เขากับเย่หยวนเป็นเพียงคนรู้จักไม่นานนี้ และไม่ถือว่าเป็นมิตรสหายใกล้ชิด ดังนั้นแล้ว การที่เย่หยวนช่วยชีวิตตนเอาไว้ด้วยความเต็มใจเช่นนี้ นับเป็นเรื่องหาได้ไม่ง่าย
ท้ายที่สุดนี้ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ยิ่งมีคนรู้มากก็มีแต่จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้น
ตอนที่ 1466 อิจฉาผู้ทรงธรรมมากแกร่งกล้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมืองกระแสพิรุณถูกสร้างขึ้นบนหุบเขาเส้นทางสลักซับซ้อนเป็นทางยาว
กำแพงเมืองเปรียบเสมือนปราการพิทักษ์ลงรักษาภัยจากกองทัพของเผ่าปีศาจมิให้ตีฝ่าเข้ามาได้เป็นระยะเวลาหลายล้านปี
เผ่าปีศาจเป็นดั่งพาหะนำสงคราม นับตั้งแต่ที่จักรพรรดิเทพสวรรค์จิวชางปรากฏตัวขึ้นมา เมืองกระแสพิรุณแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในด่านปราการสำคัญของเผ่ามนุษย์เพื่อต่อกรกับเผ่าปีศาจ
เมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะ เคยส่งยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าออกไปหลายต่อหลายคนนัก พวกมันพยายามบุกยึดเมืองกระแสพิรุณแห่งนี้ให้จงได้
ฝ่ายของเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์เองก็หาได้นิ่งนอนใจไม่ พวกเขาหาได้แสดงความอ่อนแอใดๆออกมา พร้อมส่งยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าออกไปต่อกรเช่นกัน
ศึกสัประยุทธ์เหล่านั้นพัลวันต่อกรจนฟ้าดินวิปลาส ทำเอาเมืองกระแสพิรุณแทบพินาศอยู่หลายต่อหลายครั้ง
ในท้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความเสียหายครั้งใหญ่หลวง
ยอดเซียนอาณาจักรพระเจ้ากว่าครึ่งถูกฆ่าตายไม่เหลือ
นับแต่นั่นเป็นต้นมา เมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะก็ไม่กล้าใช้กำลังคนตีโหมบุกยึกเมืองกระแสพิรุณอีกต่อไป แต่วางจุดสนใจไปยังแนวสงครามอื่น
ในช่วงหลายล้านปีมานี้ เมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะและเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ ต่างก่อสงครามคว้าชัยชนะสลับแพ้อยู่ไปมา ทว่าต่างฝ่ายต่างทำอะไรกันไม่ได้มากนัก
เพราะเขตเมืองตามพรมแดนของเมืองจักรพรรดิอื่นๆตื้นลึกหนาบางอย่างไรกลับมิทราบ หากเผ่าปีศาจเคลื่อนทัพโดยไม่ระมัดระวัง อาจถูกเมืองจักรพรรดิอื่นๆตัล้อมหน้าหลังเอาได้
แม้ว่าบางครั้งพวกเขาจะสามารถเอาชนะพวกมนุษย์ได้ก็จริง แต่ก็อย่างลืมเสีย เผ่ามนุษย์มิได้มีกันแค่เมืองเดียว ในไม่ช้า พวกมันอาจชักนำมวลมนุษย์จากเมืองอื่นเข้าร่วมศึกสงครามได้หากไม่ระมัดระวัง
มีเพียงเมืองกระแสพิรุณแห่งนี้เท่านั้นที่กองทัพของเผ่าปีศาจไม่เคยตีฝ่าเข้าไปได้สำเร็จ อนึ่งเมืองนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ หากตีฝ่าเข้าไปได้มันจะเป็นเส้นทางที่นำไปสู่เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ได้โดยตรง
ดังนั้นแม้จะผ่านไปนานกว่าหลายล้านปีแล้ว แต่เผ่าปีศาจไม่เคยยอมแพ้ละทิ้งแผนการโจมตีเมืองกระแสพิรุธเลย
แผนการขนส่งกองกำลังผ่านหุบเขาอัญเชิญปีศาจนับเป็นยอดความคิดสุดแยบยล มันสามารถข้ามเข้ามายังกำแพงเมืองทางตอนใต้ของเมืองกระแสพิรุณและเคลื่อนทัพลอบโจมตีทางทิศเหนือได้โดยตรง พร้อมบุกประชิดโจมตีได้แบบไม่มีตั้งตัว
ตรงกันข้ามกับกำแพงเมืองทางตอนใต้ที่ถูกเสริมแกร่งเป็นชั้นหนา กำแพงเมืองตอนเหนือกลับอ่อนแอกว่ามากโดยสิ้นเชิง
ทันทีที่กองทัพของเผ่าปีศาจพร้อมประจัญบาน เมืองกระแสพิรุณค่ายแตกถูกทำลายแน่นอน!
ระหว่างทางจ้าวปิงสลัดทิ้งห่างคนอื่นๆออกไปหลายช่วงตัว เขาเร่งเร้าโคจรพลังปราณเทวะจนถึงขีดสุดและรีบกลับไปยังเมืองกระแสพิรุณโดยไว
“เปิดประตูเมืองโดยด่วน! ข้านามว่าจ้าวปิงอยู่ภายใต้กองบัญชาของท่านแม่ทัพกองจงเต๋า! เปิดให้ข้าเข้าเมืองโดยเร็ว!”
เอี๊ยดด…
ทันทีที่ประตูเมืองเปิดออก จ้าวปิงรีดใช้พลังทั้งหมดเพื่อผลักร่างพุ่งเข้าไป
“จ้าวปิง ไฉนเจ้าถึงกลับมาคนเดียว? ที่เหลืออยู่ที่ใดกัน? เจ้าดูลุกลี้ลุกลนนัก นี่เกิดอะไรขึ้น?”
ร่างหนึ่งเร่งตรงเข้ามาทักทาย และเอ่ยถามขึ้นพร้อมสีหน้าไม่ค่อยมีความสุขนัก
จ้าวปิงแข็งค้างไปชั่วขณะก่อนกล่าวขึ้นว่า
“ท่านแม่ทัพกอง เกิดเรื่องแล้ว!”
คนๆนี้คือจงเต๋า เป็นแม่ทัพกองของเหลียงเฟิง
รองจากจงเต๋า เป็นเหลียงเฟิงที่แข็งแกร่งที่สุด และผลงานของเขาเองก็น่าประทับใจยิ่งเช่นกัน เขาสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นกลางได้ตลอดเวลา และหากเป็นเช่นนั้น นี่ก็ทำให้ตำแหน่งของจงเต๋าสั่นคลอนได้เช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงเฝ้าจับตาดูเหลียงเฟิงอยู่ตลอด
จงเต๋าขมวดคิ้วมุ่น เขากล่าวขึ้นว่า
“เจ้ากล่าวเรื่องไร้สาระอันใด? เผ่าปีศาจจะเดินทัพมาจากฝั่งนั้นได้อย่างไร?”
จ้าวปิงเร่งกล่าวด้วยความกังวลว่า
“ท่านแม่ทัพกองนี่เป็นเรื่องจริง! เราวิ่งชนเข้ากับหัวหน้าเผ่าปีศาจถึงห้าตน และพวกมันพูดเองกับปาก!”
แต่จงเต๋าก็ยังไม่เชื่อและกล่าวตอบไปว่า
“เผ่าปีศาจมากเล่ห์เหลี่ยมนัก แล้วเจ้าเชื่อคำพูดของพวกมันได้อย่างไร? และในเมื่อกลุ่มของเจ้าชนเข้ากับระดับหัวหน้าถึงห้าตน แล้วเจ้าหนีออกมาได้อย่างไร?”
จ้าวปิงอดสำลักมิได้จึงกล่าวว่า
“มันเป็นเพราะ…เพราะมียอดฝีมือไร้นามช่วยเหลือเอาไว้! ท่านแม่ทัพกองโปรดเชื่อข้าเถอะ สิ่งที่กล่าวไปทั้งหมดล้วนเป็นความจริง!”
เมื่อเห็นว่าจงเต๋าไม่เชื่อตน จ้าวปิงยิ่งกังวลใจหนักดั่งมดในกระทะร้อน
นอกจากนี้เขายังทราบดีว่า จงเต๋าไม่ชอบขี้หน้ากลุ่มของพวกเขาอยู่แล้ว เพียงจ้าวปิงตกใจที่ว่า คนที่มาพบหน้าประตูเมืองกลับเป็นจงเต๋าคนนี้จริงๆ
จงเต๋าขมวดคิ้วแน่นและกล่าวว่า
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นเผ่าปีศาจมันผ่านธารน้ำมาได้อย่างไร? แล้วพวกมันมีกันกี่ตนและใครเป็นผู้นำทัพในคราวนี้?”
จ้าวปิงทรุดลงทันทีที่ได้ยิน เขาจะไปรู้ได้อย่างไร?
“เรียนท่านแม้ทัพกอง หัวหน้าของพวกเขากำลังไปตรวจสอบเก็บข้อมูล อีกไม่ช้าคงจะกลับมาแล้ว! เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะมารายงานข้อมูลแก่ท่านโดยละเอียด แต่สถานการณ์ยามนี้เร่งด่วนนัก ขอท่านแม่ทัพกองตัดสินใจโดยเร็ว!”
จ้าวปิงประสานมือกล่าว
แต่ซงเต๋ากลับปฏิเสธที่จะเชื่อและกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า
“จ้างปิง นี่เจ้าพล่ามเสร็จหรือยัง? พวกเจ้าไปลาดตระเวนกลับไม่มีข่าวคราวใดๆ แต่ยังกล้าพล่ามเรื่องไร้สาระ! จะเกิดอะไรขึ้นหากเผ่าปีศาจจงใจปล่อยข่าวลือ เพื่อให้หลอกล่อให้เราตั้งขบวนป้องกันทางทิศเหนือ? แต่สุดท้ายพวกมันกลับบุกมาทางใต้? หากพวกเราติดกับดักของมันจริง เช่นนั้นใครบ้างจะรับผิดชอบความผิดพลาดนี้ไหว เรามีชีวิตของผู้คนเป็นเดิมพัน!”
จ้าวปิงวูบลงในทันใด เขาถูกซงเต๋ากล่าวขนาดนี้ ตนเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน
แน่นอนว่า หากหัวหน้าปีศาจพวกนั้นจงใจปล่อยข่าวลือจริงๆ กระทั่งจงเต๋าเองก็ไม่สามารถแบกความรับผิดชอบนี้ไหวเช่นกัน
ดังนั้นทันทีที่จงเต๋าได้ยินแบบนั้น เขารู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องนี้ข่าวจะเป็นข่าวเท็จ
ท้ายที่สุดแล้ว ธารน้ำสนามแม่เหล็กนั้นก็ไม่มีใครที่มีพลังต่ำกว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าข้ามมาได้ นี่มันเรื่องเพ้อฝันชัดๆ
นอกจากนี้เองจงเต๋ายังมีอคติกับเหลียงเฟิงเป็นทุนเดิม เขายินดีรายงานเรื่องนี้ไปยังแม่ทัพใหญ่ก็จริง แต่นั่นก็ต่อเมื่อหลักฐานและข้อพิสูจน์ชัดเจน
“พวกเจ้ากำลังเถียงเรื่องอันใดกัน?”
ขณะที่จ้าวปิงกำลังเศร้าเสียใจอยู่นั้นเอง สุ้มเสียงสุดน่าเกรงขามพลันดังขึ้น
ทันทีที่จงเต๋าได้ยินจึงรีบทำความเคารพทันทีและกล่าวว่า
“ท่านแม่ทัพใหญ่หวัง เรื่องนี้ไม่มีอันใดมาก ผู้ใต้บัญชาคนนี้ประมาทหลงเชื่อข่าวเท็จของพวกปีศาจ!”
จ้าวปิงที่กำลังจะเอ่ยปากกล่าว กลับถูกจงเต๋ารายงานขึ้นแทรกในทันที เห็นได้ชัดว่าเขามองเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก
แม่ทัพใหญ่หวังพยักหน้าและกล่าวว่า
“อืม หน่วยลาดตระเวนของพวกเจ้าทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ระยะนี้พวกมันทำตัวแปลกไป หลังกลับมาครบทุกคนแล้ว เตรียมตัวสกัดกั้นตั้งขบวนรับมือทางตอนใต้ไว้ให้ดี”
เมื่อแม่ทัพใหญ่กล่าวจบ เขาก็หันหลังกลับทันที
จ้าวปิงกัดฟันแน่น ตะโกนออกไปว่า
“ท่านแม่ทัพใหญ่! ผู้ใต้บัญชามีเรื่องด่วนต้องรายงาน!”
“หุบปาก! เจ้ากล้าอวดดีต่อหน้าท่านแม่ทัพใหญ่ได้อย่างไร?!”
จงเต๋าไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ชายคนนี้จะกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของตนจริงๆ จึงยกบาทีบยอดอกกระเด็นออกไป
แล้วจ้าวปิงหรือจะเป็นคู่มือของจงเต๋า? เขาถูกเตะกระเด็นออกไปโดยตรงจนกระอักพ่นเลือดสดคำโต
แม่ทัพใหญ่หวังขมวดคิ้วขึ้นทันทีและกล่าวว่า
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ขณะที่จงเต๋ากำลังจะกล่าวรายงาน ทว่าเป็นจ้าวปิงที่ข่มกั้นอาการบาดเจ็บและตกโกนออกไปว่า
“เผ่าปีศาจ…พวกมันคิดหาวิธีเดินทางผ่านธารน้ำของทางหุบเขาอัญเชิญปีศาจมาได้แล้ว! พวกมันกำลังวางแผนรวบรวมกำลังศึกเพื่อดังซุ่มโจมตีเมืองเราทางทิศเหนือ!”
สีหน้าการแสดงออกของจงเต๋าเปลี่ยนไปอย่างมาก พร้อมกล่าวว่า
“ท่านแม่ทัพใหญ่อย่าไปฟังพูดมัน! เรื่องนี้ยังมีหลักฐานไม่แน่ชัด!”
สีหน้าแม่ทัพใหญ่หวังแลดูเคร่งขรึมขึ้นมา เขากล่าวเสียงเย็นเอ่ยว่า
“สถานการณ์เป็นอย่างไร ให้เขากล่าวมา!”
…
พวกเย่หยวนใช้ทางอ้อมออกไป ในที่สุดก็ลอยตัวขึ้นบนหน้าผาอย่างแช่มช้า
ระหว่างนี้เองเหลียงเฟิงรู้สึกราวกับฝันไป
เซียนอาณาจักรพระเจ้าบนมหาพิภพถงเทียนไม่มีใครสามารถบินเลย และไม่เคยสัมผัสความรู้สึกนี้ ดังนั้นการที่ร่างของเขาลอยตัวอยู่บนอากาศได้จึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า สักวันหนึ่งเขาจะสามารถบินได้จริงๆ
“น้องชาย ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ในครั้งนี้ลากข้าออกจากวงล้อมแห่งความตายมาได้ ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า!”
เหลียงเฟิงกล่าว
“หุหุ หัวหน้าเหลียงสุภาพเกินไป ท่านปกป้องผู้คนในเมืองกระแสพิรุธมาไม่รู้เท่าใด ทุกคนต่างเป็นหนี้ชีวิตท่าน ที่คนอื่นมีชีวิตอย่างสงบสุขได้ล้วนเป็นเพราะตัวท่านจริงๆ”
เย่หยวนยิ้มกล่าว
เหลียงเฟิงยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังเย่หยวนกล่าวเช่นนั้น
ภายใต้แรงกดดันของเผ่าปีศาจ ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต่อกรกับพวกมัน
หากไม่สู้ก็ตาย!
“น้องชาย เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรต่อดี?”
เหลียงเฟิงในยามนี้กลับพึ่งพาเย่หยวนไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
เย่หยวนมีทั้งไหวพริบและความแข็งแกร่ง หากมีเขาอยู่ใกล้ตัว เหลียงเฟิงย่อมีรู้สึกปลอดภัยกว่ามาก
รอยยิ้มคลี่กว้างออกมาคล้ายมีนัยยะ เย่หยวนกล่าวว่า
“ทางกลับของพวกเราถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง เช่นนั้นทำไม…เราถึงไม่วางแผนแทงข้างหลังมันล่ะ?”
ตอนที่ 1467 สกัดแทงหลัง!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ณ ค่ายหลักแห่งกองทัพเผ่าปีศาจ เมื่อแม่ทัพใหญ่ทราบข่าวดังนั้น ใบหน้าพลันบูดบึ้งสุดขีด
“ซิ่วเหล่ยเจ้าโง่! กลับทำเรื่องเล็กให้ล้มเหลวได้! เพื่อประโยชน์ในวันนี้ เมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะของเราอุตส่าห์เตรียมการวางแผนมาหลายสิบปี! ข้าบอกได้เลยว่าเจ้าไม่สามารถรับผิดชอบความผิดในคราวนี้ได้ไหวเป็นแน่! ท่านเจ้าเมืองไม่ยอมฟังข้อแก้ตัวแน่นอน! อ๊ากกก! เจ้าทำให้เราชายชราโมโหเจียนตาย!”
แม่ทัพใหญ่คำรามลั่นด้วยความโกรธ
เหล่าผู้ใต้บัญชาทุกคนต่างปิดปากเงียบสงัดดั่งจักจั่นในฤดูหนาว แต่ละคนไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดออกมา
แม่ทัพใหญ่ยามนี้เดือดพิโรธจัด ไม่เห็นแก่หน้ามิตรสหายคนใดอีกแล้ว
“ท่านแม่ทัพใหญ่ มีเพียงตอนนี้เท่านั้นที่เราสามารถบุกโจมตีได้ หากโชคดีพอ ขอเพียงส่วนหางข้ามหุบเขาอัญเชิญปีศาจมาได้ พวกเราย่อมได้เปรียบ ทางเหนือของพวกมันมีปราการป้องกันอ่อนแอมากกว่าทางใต้นัก ตราบใดที่พวกเราลำเลียงกำลังเข้าไปอีกฝ่ายได้มากพอ ย่อมสามารถบุกยึดเมืองได้ไม่ยาก!”
ปีศาจตนนี้ที่เอ่ยปากกล่าวขึ้นเป็นกุนซือที่น่าเชื่อถือที่สุดของแม่ทัพกอง ในเวลานี้มีเพียงเขาตนเดียวที่กล่าวเอ่ยปากเสนอแนะ
แม่ทัพกองสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามสงบสติอารมณ์ลง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ไอ้โง่นี่ คล้อยหลังยึดเมืองมาได้ แล้วบิดาผู้นี้จักสั่งสอนให้สักบทเรียน! ถ่ายทอดคำสั่งออกไป เคลื่อนทัพเข้าโจมตีเมืองทันที!”
“รับทราบ!”
ทันทีที่อม่ทัพสั่งการ พวกเขาต่างรับบัญชาและแยกย้ายออกไปทันที
…
ในเวลาเดียวกัน ภายในตำหนักเจ้าเมืองกระแสพิรุณ แม่ทัพใหญ่หวังและผู้บัญชาการกัวชางหมิงเข้ารายงานสถานการณ์ทั้งหมดที่จ้าวปิงเอ่ยอธิบายมาทันที
จ้าวปิงพยายามข่มกลั้นอาการบาดเจ็บและเล่าเรื่องราวทั้งหมดในป่าทึบให้ฟัง จากนั้นก็เงียบลง
กัวชางหมิงสงบนิ่งดุจภูผาทว่าสีหน้ากลับดูไม่มีความสุขนัก เขากล่าวเสียงโศกขึ้นดังว่า
“เจ้ามีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?”
แม่ทัพใหญ่หวังหรือหวังอี้เฟินครุ่นพินิจไตร่ตรองเรื่องนี้มานานแล้ว ยามนี้เอ่ยตอบทันทีว่า
“คำกล่าวของจงเต๋าเองก็มิได้ไร้เหตุผลเช่นกัน เผ่าปีศาจมากเล่ห์หลากกลลวง พวกเราเคยพลาดท่าให้มันกับเรื่องเช่นนี้ก็ไม่น้อย มีความเป็นไปได้ว่า พวกมันจงใจปล่อยข่าวลวงออกไปให้เราตีโพยตีพายกันไปเอง เพื่อกระจายกำลังทหารของเราออกไป แต่…ในขณะเดียวกัน ข้าก็รู้สึกว่า เราจำต้องระวังเช่นกัน!”
เมื่อจ้าวปิงได้ยินเช่นนั้น ก็พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
กัวชางหมิงเอ่ยขึ้นว่า
“เรื่องนี้รอจนกว่าเหลียงเฟิงจะกลับมายืนยันก่อนเป็นดีที่สุด อย่างไรก็ตาม กองกำลังที่สามของเจ้าเข้าป้องกันเมืองทางใต้ไปก่อนชั่วคราว ท้ายที่สุดนี้ประตูเมืองทางทิศใต้นับเป็นจุดยุทธ์ศาสตร์สำคัญ!”
หวังอี้เฟินพยักหน้า
“รับทราบ!”
แต่ทันใดนั้น พลันมีผู้ใต้บัญชาคนหนึ่งตรงปรี่เข้ามารายงานสถานการณ์เป็นทันด่วน
“ท่านแม่ทัพใหญ่แย่แล้ว! กองทัพของเผ่าปีศาจบุกประชิดตีล้อมอยู่รอบกำแพงเมืองแล้ว!”
เคลื่อนทัพมาเร็วมาก!
เมื่อรับทราบข่าวดังนั้น สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก
การมาถึงของเผ่าปีศาจเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป และไม่มีสัญญาณใดๆแจ้งออกมาก่อนเลย!
กัวชางหมิงเอ่ยถามเสียงขรึมว่า
“พวกมันมีเท่าไหร่?”
ผู้ใต้บัญชากล่าวตอบว่า
“รอบนี้เป็นทัพใหญ่มีจำนวนเกินคนานับ เบื้องต้นเท่าที่คาดการณ์มีจำนวนไม่น้อยกว่าสามหมื่น!”
ฟู่วว….
ทุกคนต่างพากันถอนหายใจเสียงเย็นแช่ม
กองกำลังกว่าสามแสน ศึกสัประยุทธ์ใหญ่ขนาดนี้มิได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว
ดูเหมือนว่าคราวนี้ เผ่าปีศาจจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี!
เซียนระดับสูงภายในเมืองกระแสพิรุณมีประมาณแปดหมื่นคนเห็นจะได้ แต่เผ่าปีศาจทมีอย่างน้อยสุดสามแสน นับเป็นตัวเลขความแตกต่างที่น่ากลัวเกินไป!
“สั่งการลงไป! ระดมทักศึกทั้งหมดให้พร้อมและรอคำสั่ง! หวังอี้เฟิง เจ้าแบ่งกองทหารหน่วยของตนไปยังทิศเหนือออกไปครึ่งหนึ่งเข้าเฝ้าระวัง! ส่งม้าเร็วเดินทางไปยังเมืองคังติงเพื่อขอกำลังเสริม!”
แม้กังชางมินจะตกใจกับศึกที่มาถึงกะทันหันเช่นนี้ แต่เขาก็มิได้ขวัญเสียอย่างใด พร้อมออกคำสั่งกระจายหน้าที่ออกไปอย่างเป็นระเบียบแบบแผน
…
ริมหน้าผา ณ หุบเขาอัญเชิญปีศาจ ซิ่วเหล่ยรอรับพรรคพวกปีศาจกว่าหนึ่งร้อยกองร้อยที่ทยอยกันเข้ามา
“เห็นผีกระมัง! ข้าได้ยินมาว่าเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะลงทุนไปจำนวนมหาศาลเพื่อสร้างเรือเหาะเหล่านี้เพื่อขนส่งศิลาเทวะนับหลายร้อยไป เพื่อเรียกไถ่เป็นค่าภาษี! แต่เดิมคิดว่าพวกเราสามารถบุกยึกเมืองกระแสพิรุธได้โดยตรง แต่ที่ไหนได้ กลับมีกองทัพจากเผ่ามนุษย์โผล่มาจากไหนมิทราบ เข้าสกัดจนเรื่องแดงขึ้นในที่สุด!”
“เจ้าไม่เห็นปฏิกิริยาของท่านซิ่วเหล่ยรึ แทบอยากจะฉีกร่างคนพวกนั้นเป็นชิ้นๆ!”
…
หัวหน้าปีศาจทั้งสองกำลังสนทนาพูดคุยกันด้วยความงงงวย ถึงที่มาที่ทำให้แผนการของพวกมันรั่วไหล
แต่เดิมแผนการนี้ไร้รูรั่วเป็นภารกิจง่ายๆที่ได้รับมอบหมายมา เช่นนั้นจะมิให้พวกปีศาจรู้สึกหดหู่ได้อย่างไร?
ทันใดนั้น กลับมีร่างหนึ่งเดินตรงออกมาพร้อมยิ้มกล่าวว่า
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะสนใจไม่น้อย ไฉน…ไม่มาถามข้าดูล่ะ!”
เหล่าทหารปีศาจทั้งหมดต่างสะดุ้งเฮือกด้วยความประหลาดใจจัดต่อการปรากฏตัวของมนุษย์
หัวหน้าปีศาจตนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนขยับขยายสายตาจับจ้องมนุษย์คนนั้น แลดูคุ้นเคยผิดหูผิดตา
ทันทีทันใด ดวงตาของมันโพล่งกว้างจับจ้องด้วยความเหลือเชื่อ
“เจ้า…เจ้าคือมนุษย์คนนั้นที่กระโดดลงหน้าผามิใช่รึ?! นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?!”
หัวหน้าตนนี้เป็ฌนมือขวาคนสนิทของชูเชลียน เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ติดตามซิ่วเหล่ยที่ไล่ล่าพวกเย่หยวนก่อนหน้าเช่นกัน
ไกลออกไปตอนนั้น มันเห็นเย่หยวนและเหลียงเฟิงกระโดดลงจากหน้าผาก นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ไฉนมันถึงคุ้นหน้านัก
เจ้าหนุ่มคนนี้ควรตายไปนานแล้ว เหตุใดถึงมาปรากฏคตัวที่นี่ได้?
เมื่อปีศาจตนอื่นๆได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกตนต่างเผยท่าทีแปลกใจออกมา
ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลยว่า จะมีคนที่กระโดดลงไปในเหวลึกและสามารถรอดชีวิตกลับมาได้!
เย่หยวนคลี่ยิ้มบางและกล่าวว่า
“คนตายไม่จำต้องรู้เรื่องอันใดให้มากความ!”
สายตาที่จับจ้องของหัวหน้าปีศาจตนนั้นแปรเปลี่ยนดูจริงจังขึ้นถนัดตา พร้อมเปล่งเสียงเย้ยเยาะเย็นสะท้านขึ้นว่า
“คนตายงั้นรึ? หรือน่าจะเป็นเจ้า? แค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ารอดมาได้อย่างไร ทว่าเจ้าอาจเข้าใจผิดไป ข้าหาใช่ระดับชั้นหัวหน้าทั่วไป!”
ทันใดนั้นเอง รัศมีกลิ่นอายของหัวหน้าปีศาจตนนั้นพลันระเบิดคลั่งปะทุออกมา แท้จริงแล้วมันเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาย!
หากเป็นปีศาจชนชั้นหัวหน้าทั่วไป จะเป็นเพียงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลาง แต่เนื่องด้วยหัวหน้าตนนี้เป็นมือขวาคนสนิทของลูเชียน มันจึงแข็งแกร่งกว่าระดับชั้นหัวหน้าทั่วไป
“ฮ่าๆๆ… เจ้ามนุษย์แสนโง่เขลา เจ้าเห็นนี่เป็นเรื่องตลกกระมัง? พวกเราล้วนเป็นระดับชั้นหัวหน้าทั้งสิ้น คิดสัประยุทธ์แบบหนึ่งต่อสิบ เจ้ากำลังโหยหาที่ตายอย่างแท้จริง!”
“เจ้ากำลังจะบอกกับเราว่า พวกมู่เฟิงถูกกำจัดเป็นฝีมือของเจ้า? หึหึ ข้าขอบอกอะไรเจ้าไว้อย่าง ไม่ว่าระดับชั้นหัวหน้าตนใดที่ยืนอยู่ตรงนี้ เพียงสุ่มหยิบออกมาก็สามารถฆ่าพวกนั้นได้เช่นกัน!”
“พวกมนุษย์นี่มันโง่เง่าโดยแท้! คิดว่าตัวเองเก่งกาจเพียงเพราะมีเศษเสี้ยวพลังเล็กน้อย ทั้งยังมั่นใจยั่วโมโหถึงหน้าประตู พวกข้าขำเจียนตายจนหายใจไม่ทันแล้ว!”
…
เหล่าหัวหน้าพวกนี้ล้วนเผยท่าทีดูถูกเหยียดหยามยิ่ง แต่ละตนจับจ้องไปที่เย่หยวนด้วยแววตาน่ารังเกียจยิ่ง
ความแข็งแกร่งของพวกมันหาใช่ธรรมดาไม่ บางตนเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลาง
แค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเพียงลำพังคิดท้าทายกลุ่มชนชั้นหัวหน้านับสิบ นี่เป็นเพียงเรื่องตลก
เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า
“ข้าเองก็ขำเจียนตายเช่นกัน! ส่งเหลียงเฟิงออกไปแล้วเช่นนี้ ในที่สุดข้าก็ได้ยืดแขนยืดขาเต็มที่เช่นกัน!”
เย่หยวนค่อยๆชักดาบพิชิตมารฟ้าออกมาจากร่าง และอันตรธานหายไปทันทีจากที่แต่เดิมยืนอยู่
โพ๊ละ!
ศีรษะของหัวหน้าปีศาจตนหนึ่งระเบิดออกทันที แม้แต่แกนปีศาจในตัวมันยังไม่ทันมีเวลาหนีจาก
เพียงเสี้ยวพริบตา สามารถสังหารปีศาจอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลางได้แล้วในหนึ่งกระบวน!
คู่สายตาของหัวหน้าปีศาจตนนั้นขยับขยายเอาจริงเอาจังขึ้นทันที ในที่สุดมันก็ตระหนักได้แล้วว่า ไฉนชายหนุ่มคนนี้ถึงหาญกล้านัก
“ไอ้บัดซบตัวนี้หาใช่ง่ายดายดั่งพื้นผิว! ผนึกกำลังโจมตี!”
หัวหน้าตนนั้นคำรามลั่นอย่างหัวเสีย
เย่หยวนฉีกยิ้มกว้างและปลดปล่อยสยบดาราศาสตร์ส่งพวกมันต่อเนื่องไม่ยั้งมือ
โพ๊ละ โพ๊ละ โพ๊ละ…
ร่างของพวกปีศาจเหล่านั้นระเบิดออกทันทีโดยตรงที่เข้าสัมผัสกับคมดาบ
หนึ่งกระบวนดาบเดียวของเย่หยวนสามารถฆ่าล้างพวกมันสิ้นซาก!
ยิ่งหัวหน้าตนนั้นสัประยุทธ์มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตื่นตกใจมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเพียงเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นจริงๆงั้นรึ?
จำนวนของเหล่าทหารปีศาจลดลงอย่างรวดเร็ว หัวหน้าตนนั้นใจหายวาบสู่เหวลึก
ทันทีทันใดมันต้องเบิกตาโพล่งกว้างด้วยความตะลึงจัด แววเหลือเชื่อสาดสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาชัดแจ้ง
เย่หยวนกำลังเลื่อนระดับ!
…………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น