Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1458-1459
ตอนที่ 1458 พลังปฐพี
โดย
Ink Stone_Fantasy
ท้องนภาฟ้าครามแลดูบิดเบี้ยวขึ้นทันตา
เย่หยวนสัมผัสได้ถึงขุมพลังเกินหยั่งถึงได้ในเบื้องหน้า ร่างกายของเขาราวกับถูกผูกติดไว้กันมวลเมฆาไม่สามารถดิ้นหลุดให้หลุดพ้นออกไปได้
“นี่มันพลังปฐพี! เจ้าเมืองหลวงหวูเมิ่งถึงขั้นออกโรงมาเอง!”
สุ้มเสียงของหวูเฉินเปล่งดังออกมาจากห้วงความคิดของเย่หยวน
หัวใจของเย่หยวนเปรียบเสมือนจมดิ่งสู่ก้นหุบเขาในทันใด สิ่งที่เขาเป็นกังวลที่สุดก็คือเจ้าเมืองหวูเมิ่งคนนี้ และไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะออกโรงเคลื่อนไหวจริงๆ!
เดิมทีเขาคิดว่าท่านเจ้าเมืองคงไม่ต้องการที่จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด!
ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเมืองหลวงหวู่เมิ่งกับตระกูลฉินดูท่าจะแน่นแฟ้นกว่าที่คิดไว้
เย่หยวนตระหนักทราบทันที ตนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกต่อไป และยอมแพ้ไม่ต่อต้านอันใดในท้ายที่สุด
ในเวลานี้เองในที่สุด พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามก็จับตัวเย่หยวนได้
ยามเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ฉินจ้าวหยุนพลันระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า
“ไอ้หนู หนีเก่งนักมิใช่รึ? ไฉนไม่หนีเสียแล้ว!”
เย่หยวนเค้นเสียงเย็นกล่าวว่า
“ตาแก่ เจ้ากินฝุ่นอยู่ท้ายนายน้อยผู้นี้จนพุงกาง ยังมีหน้ามาพล่ามอีกงั้นรึ หน้าด้านเสียจริง!”
สีหน้าของฉินจ้าวหยุนมืดทมิฬลงทันที เขาคำรามลั่นอย่างเดือดดุว่า
“ไอ้เด็กเวร! เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ฉินจ้าวหยุนมิกล่าวอันใดต่อ และฟาดฝ่ามือใส่เย่หยวนโดยตรง
บูมมม!
อานุภาพทำลายล้างช่างหนักหน่วง กระสุนพลังอัดใส่เย่หยวนพัลวันวิปลาส เขามิอาจเลี่ยงหลบกระบวนโจมตีนี้ได้เลย
“พร๊วดดด!”
เย่หยวนกระอักพ่นเลือดสดออกมาเต็มคำ ร่างปลิวกระเด็นดั่งว่าวไร้เชือกควบคุม
แต่ยังดีที่มีพลังปฐพีคอยยับยั้งร่างของเขาอยู่โอบรอบสารทิศ ทำให้ลอยเคว้งอยู่เช่นนั้นไม่ลู่ลมดิ่งพสุธาลงไป
หากมิใช่เพราะพลังปฐพีนี้ เย่หยวนคงดิ่งพสุธาตายคาที่ไปแล้ว
“เหอะ ว่าไงไอ้เด็กเวร ไม่หยิ่งผยองดั่งก่อนหน้าแล้วรึไง?!”
แลเห็นกระบวนโจมตีตนเองประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม คล้ายได้ระบายอารมณ์คลายใจอย่างมาก
“ไอ้สุนัขแก่ ข้าจักสลักจำเอาไว้! นายน้อยผู้นี้จักเอาคืนเป็นร้อยพันเท่าในอนาคต!”
เย่หยวนกัดฟันแน่นกรอดด้วยความอาฆาตจัด
“เหอะ เหอะ ไอ้เด็กเวรนี่ยังฝันกลางวันอยู่กระมัง? ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองฉินเซียวออกโรงเองแล้ว ยังคิดว่าจะหนีตายรอดออกไปได้?”
ฉินจ้าวหยุนเอ่ยกล่าวขึ้น
ช่วงเวลานี้เองที่ได้ฟังคำกล่าวของฉินจ้าวหยุน มิใช่แค่เย่หยวนเท่านั้น ทว่าสีหน้าของทั้งจ่าวอี้และเหวินอี้หยางเองก็พลันเปลี่ยนไปเช่นกัน
ท่านเจ้าเมืองแซ่ฉิน!
เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็คลี่คลาย!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไฉนตระกูลฉินถึงยิ่งใหญ่ดั่งเรียกฟ้าสั่งฝนได้ ถึงขั้นที่ว่าเจ้าเมืองออกโรงมาปราบปรามตระกูลอื่นๆเป็นการส่วนตัว
ไยตระกูลฉินจึงอวดดีนักหนา ในขณะที่เจ้าเมืองกลับเลือกที่จะเมินเฉย
เพียงแซ่สกุลของเจ้าเมืองก็สามารถอธิบายได้ทุกอย่าง!
“จ้าวหยุน เจ้ากล่าวมากเกินไปแล้ว!”
เสียงแผดเย็นดังสะท้านขึ้น ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวย่างออกมาจากห้วงอากาศ
สายตาที่จับจ้องของเย่หยวนผันแปรดูจริงจังขึ้นทันควัน ชายวัยกลางคนผู้นี้คือ คนเดียวกับที่เขาเห็นในระหว่างการสอบเข้า!
เมื่อเห็นฉินเซียว สีหน้าการแสดงออกของฉินจ้าวหยุนพลันเปลี่ยนไปทันทีโดยมิตั้งใจ เขาโค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า
“รับทราบท่านเจ้าเมือง จ้าวหยุนคนนี้ตระหนักถึงความผิดของตนแล้ว!”
ฉินเซียวเค้นเสียงเย็นคำโตและเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นว่า
“เราเจ้าเมืองผู้นี้เป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลฉิน ไม่นับเป็นสมาชิกตระกูลฉินแต่อย่างใด เช่นนั้นทุกคนที่ได้ยินในวันนี้ จงปิดปากให้สนิท จะมิได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงอีก!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของฉินเซียวที่จับจ้องเข้ามา ทั้งเหวินอี้หยางและจ่าวอี้ต่างเร่งโค้งคำนับตามกันและกล่าวว่า
“รับทราบท่านเจ้าเมือง!”
ในเมืองหลวงหวูเมิ่งนี้ ฉินเซียวแทบไม่เคยแสดงตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน และไม่มีใครสักคนทราบถึงแซ่สกุลที่แท้จริงของฉินเซียวมาก่อนเช่นกัน
กว่าหนึ่งแสนปีแล้ว ฉินเซียวได้รับความเมตตามากมายจากตระกูลฉิน จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างในปัจจุบัน
วันเวลาผ่านไปนานเกินไปจนไม่มีใครจดจำได้แล้ว
ฉินเซียวค่อยๆเหลียวมองเย่หยวนและเอ่ยขึ้นว่า
“เย่หยวน พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมเกินพรรณนา ความสำเร็จในอนาคตจักต้องอยู่เหนือเราเจ้าเมืองผู้นี้แน่นอน แต่น่าเสียดายนัก เจ้าไม่ควรตั้งตนเป็นศัตรูของตระกูลฉิน!”
เย่หยวนขยับขยายสายตาเข้าจับจ้องฉินเซียวอย่างไร้ซึ่งแววประกายความกลัว
“พร่ามไปเถอะ! เจ้าแยกเรื่องส่วนร่วมกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้จนไม่กล้าเอาผิดตระกูลฉิน กฎหมายมิอาจใช้การกับพวกเขาได้ เจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งเจ้าเมืองแม้แต่น้อย! หากข้ารู้ว่าทั้งหมดต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ ข้าคงเอาโอสถศักดิ์สิทธิ์สี่ดาวไปให้สุนัขกินดีกว่า!”
“ฟู่วว…”
เหวินอี้หยางและจ่าวอี้ถึงกับสูดไอเย็นเข้าแช่มลึกด้วยความหวาดหวั่น ยังมีใครบ้างที่หาญกล้ากล่าวกับยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าขนานแท้เช่นนี้อีกบ้าง!
เด็กหนุ่มคนนี้ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงหารู้จักไม่!
แต่ฉินจ้าวหยุนหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ
ยิ่งด่ามากยิ่งตายไว!
อย่างไรก็ตามแต่ การควบคุมอารมณ์ของฉินเซียวก็ดีเกินกว่าที่เย่หยวนจินตนาการไว้มาก
เขาเอ่ยกล่าวอย่างเมินเฉยขึ้นว่า
“ตระกูลฉินใจดีกับเราเจ้าเมือง หรือเราเจ้าเมืองใจดีกับตระกูลฉินแล้วมีอะไรน่าแปลก? หลังจากงานชุมนุมร้อยเมือง เราเจ้าเมืองก็ได้บอกใบ้เจ้าไปแล้วว่า ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับตระกูลฉินอีกต่อไป แต่เจ้าไม่เพียงไม่ยอมรับฟัง ทั้งยังดื้อด้านทำให้เรื่องมันแย่ลงเรื่อยๆ!”
เย่หยวนระเบิดเสียงหัวเราะลั่นเมื่อได้ฟังเช่นนั้น เขากล่าวว่า
“ยังดื้อด้าน? ฮ่าๆๆๆ…น่าขันเสียจริง! เจ้าทำให้ท่านปู่เย่คนนี้หัวเราะได้! เจ้าเป็นใครมาจากไหนถึงกล้าสั่งสอนท่านปู่เย่คนนี้?!”
ทั้งสามที่อยู่คล้อยหลังกายาสั่นสะท้านหนัก เย่หยวนคนนี้บ้าบิ่นเกินไป ตรงหน้าของเขาเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าขนานแท้เชียว!
อย่าคิดเพียงว่า ทั้งสามเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น เพราะต่อหน้ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าขนานแท้ ทั้งสามกลับไม่มีค่าให้เหลียวมองด้วยซ้ำ!
ขุมพลังอาณาจักรสามารถสร้างดินแดนเป็นของตนเองได้ดั่งใจนึก สิ่งนี้หาใช่เหล่าเซียนในสามอาณาจักรพลังเต๋าจะจินตนาการได้เลย
ยิ่งเข้าใกล้อาณาจักรราชันพระเจ้ามากเท่าใด คนผู้นั้นล้วนแข็งแกร่งขึ้น!
บุคคลที่สำเร็จถึงระดับชั้นนี้ได้มิใช่แค่อัจฉริยะ แต่ต้องเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม เย่หยวนเอ่ยวาจากล่าวราวกับฉินเซียวมิได้อยู่ในสายตาเขาเลย!
ฉินเซียวกวาดสายตาจับจ้องไปที่เย่หยวนและกล่าวขึ้นว่า
“ปฐพีนี้แต่เดิมคือจุดสุดยอด ข้าที่สามารถควบคุมพลังปฐพีได้ย่อมบัญชาสรรพสิ่งได้ดั่งใจนึก! ในเมื่อข้าขอให้เจ้ากลับใจก็ควรกลับใจแต่โดยดี! แต่หากไม่…คือตาย!”
เมื่อกล่าวจบฉินเซียวก็กระดิกนิ้วขึ้นเบาๆ รัศมีแรงกดดันขุมใหญ่พลันระดมตัวในทันที
พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามสีหน้าดูดเคร่งขรึมขึ้นในบัดดลที่เห็นแบบนั้น
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า!
“ได้เวลาแล้ว!”
สายตาที่จับจ้องของเย่หยวนแลดูจริงจังขึ้นทันควัน รัศมีกลิ่นอายสุดแกร่งกร้าวระเบิดคลั่ง พร้อมพุ่งหนีฝ่าออกไปราวกับหัวลูกธนูถูกยิง
พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามขากรรไกรแทบค้างด้วยความตะลึง สายตาของฉินเซียวหรี่แคบแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
เย่หยวนสามารถทะลวงพลังปฐพีของฉินเซียวหนีไปได้!
เจ้าหนูอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น แท้จริงแล้วสามารถทะลวงฝ่าสุดยอดขุมพลังอาณาจักรราชันพระเจ้าออกไปได้!
นี่…นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เรื่องนี้น่าตกใจเสียยิ่งกว่าตอนเย่หยวนสังหารห้าอัจฉริยะแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่งเสียอีก
เย่หยวนรีดเร้นโคจรพลังปราณเทวะจนหมุนติ้วจนขีดจำกัดอย่างหมดหวัง
การหนีตายเช่นนี้มิใช่แนวทางที่เย่หยวนเคยทำมาก่อน
ทรายตราบใดที่เขายังมีหวัง เย่หยวนก็ขอพยายามเต็มที่ไม่มีรั้งรอ!
สิ่งที่เรียกว่า พลังปฐพี เกิดขึ้นจากการประยุกต์ศาสตร์แห่งสวรรค์ในอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับผู้ชำนาญแล้วเท่านั้น
มันลึกซึ้งเกินหยั่งถึง แต่อย่าลืมเสีย เย่หยวนมีหุบเขาถงเทียนจำลองอยู่กับตัว!
ที่เขาตะโกนด่าทอกับฉินเซียวและคนอื่นๆ ไป ทั้งหมดก็เพื่อซื้อเวลาแอบสื่อสารกับหุบเขาถงเทียนจำลอง
มุมปากสีเย็นพลันกระตุกขึ้น ฉินเซียวลงวาจาคำโตดั่งเสียงฟ้าคำรน
“น่าสนใจ แต่…เปล่าประโยชน์!”
ในขณะที่กล่าว ฉินเซียวก็ก้าวย่างออกไป และเพียงก้าวเดียวก็ปราดพุ่งไปได้ไกลกว่าพันลี้!
ความเร็วสูงสุดของเย่หยวนมิอาจช่วยให้พ้นภัย ฉินเซียวแซงหน้าได้ในอึดใจเดียว!
“ข้าอยากจะเห็นเสียเหลือเกิน เจ้ามีความลับอันใดเก็บซ่อนกันแน่!”
ฉินเซียนแสยะยิ้ม เพียงเขายกนิ้วขึ้นก็ราวกับว่าผืนพิภพทั้งหมดกำลังถาโถมเข้าใส่ร่างเย่หยวน
วูบบบ!
สีหน้าการแสดงออกของฉินเซียวพลันแปรเปลี่ยนไปทันใด จู่ๆ ร่างเย่หยวนก็อันตรธานหายวับไปต่อหน้าต่อตา!
ตอนที่ 1459 หว่านผลกรรม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทันทีทันใดคลื่นพลังขุมใหญ่ระเบิดคลั่งออกมา แรงโหมขุมยักษ์อัดปะทะกับพลังปฐพีของฉินเซียว
บูมมม!
คลื่นพลังสุดน่าสะพรึงกระเพื่อมคลั่งรุนแรง ส่งร่างพวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามกระเด็นออกไป
โชคยังดีที่พวกเขาทั้งสามอยู่ห่างออกไกลพอสมควร มิฉะนั้นเพียงคลื่นแรงปะทะที่ระเบิดคลั่งออกไป มันมากพอแล้วที่จะสังหารทั้งสามทิ้ง
ศึกสัประยุทธ์ระหว่างยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นทรงพลังอย่างยิ่งยวด
สายตาที่จับจ้องของฉินเซียวแปรเปลี่ยนดูตั้งใจขึ้นทันควัน ยามนี้สีหน้าการแสดงออกค่อนข้างประหลาดใจนัก
ฉินเซียวกล่าวขึ้นสีหน้าจริงจังว่า
“นั่นเจ้าจริงๆ!”
ผู้มาถึงอีกคนกล่าวน้ำเสียงเย็นชืดว่า
“มิใช่ข้าแล้วยังเป็นใครได้อีก?”
ฉินเซียวครี่ยิ้มบางพลางส่ายหัวและกล่าวขึ้นว่า
“ข้าไม่คิดไม่ฝัน แม้แต่ห่านเทียนยังไม่สามารถเลื่อนระดับชั้น แต่เจ้ากลับทะลวงขึ้นไปได้ก่อนจริงๆ! ไม่น่าแปลกใจ เจ้าเก็บตัวสันโดษมานานหลายสิบปี สุดท้ายเลื่อนระดับกลายเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้า!”
พวกฉินจ้าวหยุนเห็นร่างนั้นหันเข้าเผชิญหน้ากับฉินเซียวระยะไกล ความประหลาดใจพลันสาดสะท้อนออกมาจากสายตาของพวกเขาในทันใด ไม่มีสิ่งใดน่าประหลาดใจไปยิ่งกว่านี้อีกแล้ว!
ไม่เคยนึกไม่เคยฝัน คนๆนี้จะสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้จริงๆ!
ในเมืองหลวงหวูเมิ่งแห่งนี้ มีเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นอยู่สี่คน ทุกคนต่างทราบตระหนักดี ทั้งสี่คนนี้เป็นบุคคลผู้มีโอกาสทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้ามากที่สุด
แต่ในบรรดาทั้งสี่ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนสักนิดว่า คนที่เป็นไปได้น้อยที่สุดกลับสามารถเลื่อนระดับชั้นได้จริงๆ!
บุคคลนี้มิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก หัวหน้านักหลอมโอสถแห่งหอมหาสมบัติผู้ปลีกวิเวกเก็บตัวอยู่ตลอดหลายสิบปี เซียวเฟิง!
นับทศวรรษแห่งความโดดเดี่ยว ทำให้หลายต่อหลายคนแทบลืมบุคคลนี้ไปโดยสิ้น
อย่างไรก็ตามแต่ ยามนี้ออกจากการเก็บตัวในท้ายที่สุด เขากลับบรรลุอยู่เหนือชั้นกว่าในบรรดาทั้งสี่เสียแล้ว
พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามต่างจ้องร่างเซียวเฟิงเขม็ง สีหน้าการแสดงออกของพวกเขาเปี่ยมล้นความอิจฉาและคำถามมากมาย
ไฉนถึงเป็นเซียวเฟิงคนนี้แต่มิใช่พวกเขา?
เซียวเฟิงกล่าวเสียงเย็นสะท้านขึ้นว่า
“สำหรับเราชายชราที่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้แก่สหายน้อยเย่หยวน หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะมอบทางออกให้แก่สหายน้อยข้าในครั้งนี้?”
ทันทีที่วาจาคำกล่าวเหล่านี้ดังขึ้น สีหน้าของทุกคนรวมถึงฉินเซียวถึงกลับเปลี่ยนไปทันที
เซียวเฟิงทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเย่หยวนจริงหรือ?
ไม่น่าแปลกใจสักนิด ที่ไฉนหอมหาสมบัติถึงให้ความสำคัญขนาดนี้กับเย่หยวน ถึงขั้นประมุขหอออกโรงมาปกป้องเป็นการส่วนตัว ทั้งหมดเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง!
ในตอนนั้นเซียวเฟิงดูท่าจะเดินทางไปยังเมืองชนบทกุยฉาย จากนั้นก็ป่าวประกาศขอปลีกวิเวกเก็บตัวมาโดยตลอด
หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เย่หยวนจะมีพลังอาคมอะไรบางอย่าง จึงสามารถช่วยให้เซียวเฟิงทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้?
ฉินจ้าวหยุนทั้งสามสบตามองกันไปมา แววตาสาดสะท้อนแววอิจฉาดั่งเพลิงแผดเผา
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า วาจาคำนี้ช่างเย้ายวนพวกเขาเกินไป
แววตาหรี่แคบลงทันใด เขากล่าวขึ้นประดับรอยยิ้มจาง
“ตามกฎของท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ของเรา บัญญัติไว้ว่า ตราบใดที่เจ้าเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้า ย่อมเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงหวูเมิ่งอีกต่อไป เจ้าว่าจริงหรือไม่?”
สีหน้าของเซียวเฟิงมืดทมิฬลง เขากล่าวว่า
“หลังจากเรื่องนี้ผ่านพ้น ข้าเซียวเฟิงย่อมลาจากโดยธรรมชาติ ทว่ายามนี้เกี่ยวพันถึงสหายน้อยเย่หยวน เราชายชราขอปกป้องเขาให้ถึงที่สุด!”
มิเช่นนั้นหากหอมหาสมบัติถือครองขุมกำลังระดับชั้นราชันพระเจ้าไว้ เจ้าเมืองหลวงจะถูกลดทอนความสำคัญลง ดังนั้นนี่เป็นวาจาของเจ้าเมืองหรือจักรพรรดิเทพสวรรค์กันแน่?
กลิ่นอายคุกคามระเบิดคลั่งออกจากกายาของฉินเซียว สีหน้าการแสดงออกของเซียวเฟิงแปรเปลี่ยนดูเคร่งเครียดขึ้นทันที
แม้เซียวเฟิงจะกลายมาเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า แต่เขาก็เพิ่งเลื่อนระดับผ่านได้หมาดๆ
ในขณะที่ฉินเซียวขึ้นเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ามาไม่รู้กี่ปีแล้ว
หากเปิดศึกสัประยุทธ์หวังตายไปข้างจริงๆ เซียวเฟิงมิใช่คู่มือแน่นอน
สีหน้าของเซียวเฟิงมืดลงอย่างมาก เขาเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“ขอเพียงเจ้ายอมปล่อยเย่หยวน ไม่ว่าต้องการสิ่งใดจงระบุมา!”
ฉินเซียวแสยะยิ้มกล่าวตอบเสียงเย็นว่า
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติมาตั้งข้อตกลงกับเราเจ้าเมือง วันนี้เจ้าจักต้องยอมมอบตัวเย่หยวนแต่โดยดี มิเช่นนั้น ตั้งแต่บัดนี้ หอมหาสมบัติสาขาเมืองหลวงหวู่เมิ่งปิดร้านถาวร!”
เซียวเฟิงสังสังเกตเห็นชัดแจ้ง ฉินเซียวคนนี้หยิ่งผยองเกินไปนัก และเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะยอมปล่อยเย่หยวนง่ายๆ
เขาพรูหายใจเข้าออกลึกสุดขั้วปอด จิตใจยามนี้ปั่นป่วน ร่างเย่หยวนถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง
เย่หยวนเพียงรู้สึกว่า ภาพเบื้องหน้าพลันพร่ามัวหนัก ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นในมหาพิภพถงเทียนอีกครั้ง
ในช่วงอึดใจก่อนหน้า เย่หยวนถูกพาเข้าไปยังดินแดนที่เซียวเฟิงเพิ่งสร้างขึ้นมา
“ท่านพี่เซียว ท่าน…ท่านเลื่อนระดับชั้นแล้ว!”
เย่หยวนเหลียวมองเซียวเฟิงพร้อมความประหลาดใจ เขารู้สึกราวกับข้ามไปยังอีกดินแดนหนึ่งที่ไม่รู้จัก และมิทราบเลยว่าใครเป็นคนช่วยเหลือเอาไว้
ยามนี้เห็นหน้าเซียวเฟิงพลันเข้าใจได้ทันที
เห็นเซียวเฟิงยอมปล่อยเย่หยวนออกมา ฉินเซียวและฉินจ้าวหยุนพลางรู้สึกโล่งใจ
ดูเหมือนว่าหากพวกเขาต้องการจับตัวเย่หยวนไว้ จำต้องสร้างแรงกดดัน
ท้ายที่สุดนี้ อนาคตของหอมหาสมบัติก็ไม่คุ้มค่าเสี่ยงเพียงเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเพียงคนเดียว!
เซียวเฟิงกล่าวกับเย่หยวนพลางคลี่ยิ้มว่า
“หุหุ ทั้งหมดจำต้องขอบคุณตัวเจ้าเอง! หากย้อนกลับไป ถ้ามิใช่เพราะเจ้าให้คำชี้แนะข้า เราชายชราคนนี้คงเอื้อมไม่ถึงประตูมังกรได้ด้วยซ้ำ!”
เย่หยวนยิ้มกล่าวตอบว่า
“ไม่เลย ไม่เลย ขอบเขตความเข้าใจของท่านมาถึงจุดสูงสุดแล้ว แค่เพิ่มไม้ประดับเล็กน้อยก็สามารถประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย เย่คนนี้ขอแสดงความยินดีด้วยกับท่านพี่เซียว!”
สีหน้าการแสดงออกของเซียวเฟิงจางอ่อนลงเล็กน้อย เขากล่าวพลางถอนหายใจไปว่า
“สหายน้อย เป็นพี่คนนี้ที่ไร้ประโยชน์เสียเอง แม้ข้าจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ แต่ข้าคงไร้ซึ่งพลังอะไรได้เช่นกันในวันนี้!”
เมื่อทั้งสองได้ฟังดังนั้น ดั่งคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู้หัวใจของฉินเซียนและคนอื่นๆจนสั่นคลอนหนัก
ยามนั้นเจ้าหนูนี่ยังเป็นเพียงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้า แต่กลับชี้แนะให้เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุด ทั้งยังทำให้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้อีก
หากมิได้ฟังเรื่องนี้ด้วยตนเอง พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
แม้แต่ฉินจ้าวหยุนจักมิได้เอ่ยปากตะโกนออกไป ทว่าภายในใจอยากได้รับคำชี้แนะจากเย่หยวนนัก!
หากเขาสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ ฉินจ้าวหยุนยินดีปล่อยมือเย่หยวนออกจากสถานะศัตรูย่อมได้
เย่หยวนมิได้เผยสีหน้าประหลาดใจ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“สำหรับที่ท่านพี่เซียวมา นับว่าเย่คนนี้ได้รับความกรุณามากแล้ว”
เซียวเฟิงพยักหน้า หันมองฉินเซียวพร้อมกล่าวว่า
“นับจากบัดนี้เป็นต้นไป หอมหาสมบัติของเราขอถอนกิจการออกจากเมืองหลวงหวูเมิ่ง! สหายน้องเย่ห้ามมิอาจแตะต้อง หากต้องการนัก…เกรงว่าคิดอยู่กับความสามารถเจ้าแล้ว!”
เย่หยวนรู้สึกเพียงว่า ยามนี้มีภาพเบลอปรากฏขึ้นประจักสายตา ร่างทั่วกายาถูกห่อหุ้มด้วยพลังปฐพีอันยิ่งใหญ่เอาไว้ ก่อนจะอันตรธานหายไปอีกครั้ง
ภาพฉากเหตุการณ์นี้ แม้แต่ฉินเซียวก็ยังไม่ทันระวังตัว
“เซียวเฟิง นี่เจ้า!”
เซียวเฟิงเอ่ยกล่าวสีหน้าเฉยเมยว่า
“แม้เราชายชราหาใช่คู่มือของเจ้า แต่หากต้องการควบคุมข้าดั่งใจนึก เกรงว่าไม่สามารถ นอกจากนี้…เจ้าเองคงไม่กล้าสังหารเราชายชราได้โดยง่าย?”
ฉินเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นพลันอดสำลักมิได้ เขาไม่กล้าลงมือด้วยจริงๆ!
ด้วยสถานะศักดิ์ของฉินเซียว การจะสังหารเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าสักคนสองคน ทางหอมหาสมบัติย่อมมองข้ามกันไปได้
แต่เซียวเฟิงในปัจจุบันเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า ความสำคัญของเขาต่อหอมหาสมบัติหาใช่ไร้นัยยะสำคัญ
ฉินเซียวจากเผยสีหน้าสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้ใบหน้ากลับบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่
เขาไม่คิดจริงๆว่า เซียวเฟิงจะตัดสินใจเด็ดขาดได้เช่นนี้ ถึงขั้นที่ว่ายอมถอนหอมหาสมบัติออกจากเมืองหลวงหวูเมิ่งจริงๆ!
หากถอนตัวออกกะทันหันเช่นนี้ ทางฝ่ายหอมหาสมบัตินับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง
“เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ทั้งหมดก็เพื่อเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าคนหนึ่ง นี่เจ้าเสียสติไปแล้วรึ?”
ฉินเซียวกัดฟันแน่นกรอดเอ่ยคำรามขึ้น
เซียวเฟิงกล่าวตอบเสียงเรียบนิ่ง
“บุรุษมีหลักการที่ยึดมั่นประจำใจ ทั้งหมดเป็นเพราะโชคชะตาและการกระทำของสหายน้อยเย่หยวนในอดีต ทั้งหมดนี้จึงทำให้ข้าทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ นี่นับเป็นวิธีตอบแทนบุญคุณของข้า และการกระทำของข้าในวันนี้ไม่มีหวนคืนเสียใจในอนาคต!”
ทั่วกายาฉินเซียวสั่นสะท้านหนัก แววตาเบิดกว้างเผยท่าทีตื่นตะลึง
“พวกเจ้ายังยืนงงอันใดกัน?! ยังไม่รีบลงมืออีก?!”
ฉินเซียวคำรามลั่นด้วยความโกรธ
………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น