Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1456-1457
ตอนที่ 1456 ขุมพลังที่แท้จริงของตระกูลฉิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เย่หยวน เจ้ากล้าก่อโศกนาฏกรรมต่อหน้าสาธารณชนบนพื้นถนนได้อย่างไร?!”
เสียงคำรามกู่ลั่นจากทางไกล ฉินเทียนหนานพุ่งกระโจนเข้าใส่เขาราวกับหมาบ้า
กลิ่นอายแห่งขุมพลังอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเข้าครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ พลังวิญญาณโดยรอบไร้เสถียรกระเพื่อมสั่นไหว
เขาเห็นว่าเย่หยวนอยู่ตัวคนเดียว เช่นนั้นจึงหวังเร่งตัดตอนรวบฆ่าเย่หยวนทันทีในอึดใจ กระบวนจู่โจมถาโถมดุจสายฟ้าแทบไม่มีโอกาสให้ปิดหู
หากฆ่าเย่หยวนที่อยู่นอกอาณาเขตหอมหาสมบัติได้ นี่เท่ากับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวพันอันใดกับหอมหาสมบัติเช่นกัน
เย่หยวนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเขาจะเหาะลอยขึ้นฟ้าไป
ฉินเทียนหนานเปรียบเสมือนเสืออันหิวโหยที่กำลังตะครุบเหยื่อ แต่น่าเสียดายที่พลาดไป
เย่หยวนทราบดีว่า ด้วยวิชาขี่ดาบนี้ ทำให้เขายืนอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ใดก็ไม่อาจโจมตีเขาโดยได้
ทอดสายตาเสาะหาภายในเมืองหลวงหวูเมิ่งนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสัมผัสตัวเขาได้
เย่หยวนยืนตระหง่านนิ่งบนท้องนภาอย่างภาคภูมิและกล่าวสีหน้าเจือรังเกียจว่า
“ฉินเทียนหนาน กลับเป็นตระกูลฉินของเจ้าที่เป็นฝ่ายแหกกฎก่อน! เย่คนนี้เข้าร่วมงานชุมนุมร้อยเมือง ในขณะที่เจ้าส่งเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าและพรรคพวกตามล่าข้า แต่สุดท้ายกลับล้มเหลว เรื่องนี้ข้าทนได้! แต่คราวล่าสุด ข้าได้ออกไปทพภารกิจนอกดินแดน เจ้ากลับฝ่าฝืนกฎส่งฉินเทียนไปตามล่าข้า ทั้งยังส่งสมาชิกตระกูลฉินวางแผนชั่วดักทำร้ายพี่ชายข้าจนพิการ!”
เสียงของเย่หยวนในปัจจุบันเปรียบดั่งระฆังยักษ์กึกก้องทั่วมุมเมือง ผู้คนทั่วท้องถนนที่ได้ยินต่างระเบิดความโกลาหลขึ้นในทันใด
“พวกตระกูลฉินนี่มากเกินไปแล้ว ใช้กำลังรังแกผู้อ่อนแอกว่า แถมยังใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนี้ลอบทำร้ายศิษย์ของสถานศึกษา”
“ที่เมืองหลวงหวูเมิ่งได้รับชัยชนะจากงานชุมนุมร้อยเมืองครั้งนี้ ทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้เย่หยวน จนทำให้ท่านเจ้าเมืองได้รับรางวัลเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์สี่ดาว ทว่าคนพวกนี้กลับใช้วิธีสกปรกจัดการกับเย่หยวน ใจคอพวกมันทำด้วยอะไรกัน!”
“เหอะ ตระกูลฉินมีอำนาจบาตใหญ่ ปกคลุมท้องฟ้าด้วยมือข้างเดียว แต่ท่านเจ้าเมืองกลับนิ่งเฉยไม่ยอมออกมาแทรกแซงช่วยเหลือ สิ่งนี้น่าผิดหวังที่สุดแล้ว”
…
ตระกูลฉินเห็นแก่ตัวทั้งยังเอาแต่ใจตนเองมานานหลายปีแล้ว จึงมีหลายต่อหลายคนที่รู้สึกไม่พอใจเป็นทุนเดิม
ยิ่งได้ฟังคำกล่าวของเย่หยวน ยิ่งไปกระตุ้นความเกลียดชังในใจของสาธารณชนเข้าไปใหญ่ ผู้คนจำนวนมากต่างคาดเดาพฤติกรรมของตระกูลฉินได้ทันที
อย่างไรก็ตามแต่ ฉินเทียนหนานกลับหาได้ใส่ใจฟังเรื่องพวกนี้เลย สายตาของเขาจ้องเย่หยวนเขม็งและเอ่ยน้ำเสียงขรึมว่า
“เจ้าเจอเทียนเอ่อแล้วจริงๆ! ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
เย่หยวนแสยะยิ้มกล่าวว่า
“คิดว่าอย่างไร? ข้ากลับมาแต่เขากลับหายสาบสูญ ยังไม่รู้สึกตัวอีกรึ?”
“เป็นไปไม่ได้! ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าจะฆ่าเทียนเอ๋อได้อย่างไร?”
ฉินเทียนหยานคำรามลั่น
เขาเก็บซ่อนความหวังไว้ลึกๆมาโดยตลอดว่า ฉินเทียนอาจจะล่าช้าเพราะติดปัญหาอะไรบางอย่างเท่านั้น
ทว่าตอนนี้เย่หยวนกลับเอ่ยปากพูดออกมาเอง แน่นอนว่าฉินเทียนหนานทำใจเชื่อไม่ลงแน่นอน และพลางคิดไปว่า เย่หยวนจงใจยั่วโทสะเขาเสียมากกว่า
เย่หยวนยิ้มเยาะเล็กน้อยและกล่าวเสียงเย็นว่า
“ในความเห็นของเจ้าคิดว่าอย่างไร? ข้าสังหารหลินซิ่งกับฉินเจิ้ง ทั้งยังพวกที่เหลือได้ภายในเศษเสี้ยวเวลา ความจริงก็คือความจริง พวกของเจ้าได้ตายสิ้นแล้ว!”
คล้อยหลังได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ สีหน้าของฉินเทียนหนานพลันซีดขาวสลดในทันใด ความหวังสุดท้ายที่เขารั้งได้ถูกเย่หยวนสะบั้นขาดสิ้นแล้ว
“ฉินเทียนตายแล้วจริงๆ! สวรรค์! เย่หยวนทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”
“ฟังว่าฉินเทียนระงับระดับพลังของตนมานานมากแล้ว ตราบใดที่เขาพอใจ ย่อมสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ทุกเมื่อ! เย่หยวนคนนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ!”
“แม้ว่าหลินซิ่งจะเป็นที่รู้จักในนามอันดับสองของสถานศึกษา ทว่านางก็อยู่ต่างระดับจากความแกร่งกล้าของฉินเทียนโดยสิ้นเชิง!”
“ตอนนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว! เหล่าเยาวชนเสาหลักที่แกร่งกล้าที่สุดแห่งตระกูลฉิน ล้วนถูกเย่หยวนเด็ดหัวจนเกลี้ยง!”
…
ฉินเทียนได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่งมานานหลายร้อยปีแล้ว เขาได้รับยกย่องว่าเป็นบุคคลที่มีโอกาสสูงสุดที่จะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้ในรอบหนึ่งแสนปี ความแกร่งกล้าเขาเป็นอย่างไรสามารถเห็นได้ในทันที
แต่ยอดอัจฉริยะระดับชั้นนั้นยังต้องตายลงด้วยเงื้อมมือของเย่หยวน!
ในเงื้อมมือของเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น!
ผลลัพธ์เช่นนี้ต่างไม่มีใครคาดถึง
แต่สิบปีผ่านไป เย่หยวนเป็นเพียงคนเดียวที่กลับมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ สิ่งนี้บ่งบอกได้ถึงความเป็นไปได้มากมาย
และหนึ่งในความเป็นไปได้ที่มีโอกาสสูงสุดคือ ฉินเทียนน่าจะตายลงแล้ว!
“เด็กเด็กน้อยผู้เย่อหยิ่ง กล้าปีนเกลียวขึ้นศีรษะตระกูลฉินของข้าเชียวรึ?!”
ในเวลานั้นเอง รัศมีแรงกดดันอันไร้เทียมทานพลันปะทุขึ้นสู่ท้องนภากลางฝูงชน กลิ่นอายสุดน่าสะพรึงเข้าจับตัวเย่หยวนไว้ในทันที
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้เย่หยวนไม่สามารถป้องกันได้โดยสมบูรณ์
ท่ามกลางฝูงชนของตระกูลฉิน ปรากฏร่างหนึ่งเหาะทะยานออกมา!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นั้นคือท่านบรรพบุรุษของตระกูลฉิน!
อาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น ช่างทรงพลังเกินไปนัก!
เย่หยวนไม่มีพละกำลังใดที่จะต่อกรกับยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นแม้แต่น้อย
“พร๊วดดด!”
ท่านบรรพบุรุษของตระกูลฉินยังไม่ทันลงมือ เย่หยวนก็กระอักพ่นเลือดสดคำโตภายใต้แรงกดดัน
ปัจจุบัน เย่หยวนบาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เจอแรงกดดันระดับชั้นนี้เข้าไปย่อมไม่สามารถทนไหวเป็นธรรมดา
ทว่าทันใดนั้นเอง กลับปรากฏกลิ่นอายอันไร้เทียมทานอีกขุมหนึ่งปราดพุ่งออกมาจากหอมหาสมบัติ!
บูมมม!
แรงกดดันอันทรงพลังทั้งสองขั้วเข้าปะทะท้าชนรุนแรงกลางห้วงเวหา ก่อให้เกิดคลื่นลมระเบิดกระจายออกไป
เย่หยวนซึ่งอยู่ใจกลางระหว่างสองขั้วพลังถูกคลื่นลมนี้ซัดกระเด็นออกไปกระแทกเข้าไปหลังคาของหอมหาสมบัติ
“ฉินจ้าวหยุน เจ้ากำลังฆ่าคนหน้าทางเข้าของหอมหาสมบัติ หรือเป็นไปได้ไหมว่า เจ้าไม่มีความเคารพต่อประมุขหอคนนี้แล้ว?”
ห่านเทียนยืนตระหง่านฟ้าสองหมือไหล่หลัง หันไปทางฉินจ้าวหยุน รัศมีแรงกดดันมิได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย
สีหน้าการแสดงออกของฉินจ้าวหยุนมืดลงเล็กน้อย เขากรนเสียงเย็นกล่าวขึ้นว่า
“ห่านเทียน เจ้ากล้าต่อต้านตระกูลฉินของข้าเพื่อเด็กคนหนึ่งงั้นรึ?”
ห่านเทียนเหลือบมองเย่หยวนเล็กน้อยก่อนลอบถอนหายใจเล็กน้อย
เด็กคนนี้ก่อปัญหามากมายเกินไป ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดรูโหว่เหนือเมืองหลวงหวู่เมิ่งโดยแท้
ห่านเทียนผิวหน้าสงบเยือกเย็น แต่ภายในใจกลับค่อนข้างกังวลนัก
เขาเฝ้าดูสถานการณ์จากภายนอกมาโดยตลอด ความในใจล้วนขัดแย้งกันไปมาเสมอ
เป็นเช่นนี้ตลอดจนกระทั่งฉินจ้าวหยุนโผล่หัวออกมา เช่นนั้นจึงตัดสินใจได้ทันที!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เย่หยวนมีคุณค่าต่อหอมหาสมบัติมากมายมหาศาลเพียงใด!
ก่อนหน้านี้ ซือฝางรายงานมาว่า เย่หยวนได้ใช้โอสถชนิดหนึ่งที่ขนาดตนยังไม่รู้จักกับเซี่ยะจิ้งอวี๋ จากนั้นอีกฝ่ายก็ฟื้นชีวิตกลับมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
นี่แสดงให้เห็นถึงสิ่งใด?
สูตรโอสถชนิดใหม่ในมือเย่หยวนมิได้มีเพียงสูตรสองสูตร แถมทั้งหมดยังมีประสิทธิภาพอันน่าอัศจรรย์ยิ่ง!
แม้เขายังลังเลอยู่เล็กน้อยภายในใจ แต่สีหน้าพื้นผิวก็มิได้เผยออกมาอันใด เขากล่าวเสียงเย็นตอบกลับไปว่า
“เย่หยวนเป็นอาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติ เจ้าหรือมีสิทธิ์แตะต้องคนของข้า?”
สีหน้าการแสดงออกของฉินจ้าวหยุนมืดลงทันใด เขากล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“เด็กคนนี้ฆ่าทั้งเทียนเอ๋อ เจิ้งเอ๋อและเป่ยเอ๋อ มันไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกับตระกูลฉินได้! ข้าไม่สนอะไรทั้งนั้น หากเจ้ากล้าปกป้องมันในวันนี้ เราชายชราเองก็กล้าฆ่ามันเช่นกัน!”
เห็นได้ชัดว่า ยามนี้ฮินจ้าวหยุนบ้าดีเดือดไปกันใหญ่แล้ว ตั้งแต่ได้ยินว่าฉินเทียนถูกฆ่าตาย
เมื่อห่านเทียนได้ยินเช่นนั้นจึงกรนเสียงเย็นสะท้านตอกว่า
“อาศัยเพียงเจ้า?”
ความแกร่งกล้าของเขาก็ไม่มากไม่น้อยเช่นกัน แค่ฉินจ้าวหยุนคนเดียวทำอะไรเขาไม่ได้แน่
แล้วจะไปฆ่าเย่หยวนได้อย่างไร?
ทว่าใครจะไปทราบว่า ฉินจ้าวหยุนกลับตะคอกเสียงเย็นชากลับไปว่า
“ห่านเทียน เจ้ากำลังประเมินความแข็งแกร่งของตระกูลฉินต่ำเกินไป!”
สีหน้าการแสดงออกของห่านเทียนแปรเปลี่ยนไปทันที กองทหารจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่มาจากไหนมิทราบ เข้าปิดล้อมทั่วทั้งถนนทุกสายทันที
ทันทีทันใดรัศมีกลิ่นอายอันไร้เทียมทานอีกขุมหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ร่างหนึ่งสวมชุดเกราะเต็มยศสีดำทมิฬเหาะทะยานขึ้นมา
“ท่านประมุขหอห่าน หอมหาสมบัติกับเมืองหลวงหวูเมิ่งก็แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันอยู่เสมอ ต่างฝ่ายตรงสุขใจ แล้วไฉนต้องแตกหักเพียงเพราะเด็กคนหนึ่ง?”
ผู้ที่ส่งเสียงเอ่ยกล่าวขึ้นมาคือ แม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงจ่าวอี้!
จ่าวอี้คนนี้เองก็เป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นเช่นกัน!
การปรากฏตัวของคนๆนี้ ได้เพิ่มแรงกดดันให้แก่ห่านเทียนอย่างมหาศาล
แต่มันยังไม่จบแค่นั้น!
ทันทีทันใด กลับมีรัศมีแรงกดดันอีกหนึ่งพุ่งทะยานเสียดนภาสูงขึ้นมา หยุดอยู่ข้างกายฉินจ้าวหยุน หันหน้าเข้าเผชิญกับห่านเทียน
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าอีกคนหนึ่ง!
เพียงว่าสีหน้าของเขาคนนี้ค่อนข้างรวนเรซับซ้อน พร้อมทอดสายตามองเย่หยวนด้วยความสงสาร
เขาคนนี้มิใช่ใดอื่นนอกเสียจาก อาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาหวูเมิ่ง เหวินอี้หยาง!
…………………………………………………………..
ตอนที่ 1457 สะบั้นทุกความสัมพันธ์
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ท่านประมุขหอห่าน คราวนี้เย่หยวนทำเกินไปจริงๆ เราชายชรา…เฮ้อ!”
เหวินอี้หยางถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยไม่รู้ว่าตนเองควรทำอย่างไรต่อไป
เมื่อเขาได้ยินว่าเย่หยวนสังหารอัจฉริยะของสถานศึกษารวดเดียวห้าคน เขาเองก็พูดไม่ออกไปเป็นเวลานาน
กล่าวตามตรง ศิษย์ยามเย่หยวนคนนี้ทรงศักยภาพเกินไป!
แต่ผืนพิภพแห่งนี้หาได้เรียบง่ายดั่งพื้นผิว
หากเหวินอี้หยางไม่ออกโรงเอง เกรงว่าเป็นเรื่องยากในการจัดการแก้ไขปัญหา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตระกูลฉิน แรงกดดันของฝ่ายนี้ที่มีต่อสถานศึกษากลับมีไม่น้อย
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นถึงสามคนออกโรงพร้อมกัน แม้แต่ห่านเทียนยังรู้สึกกดดันเกินพรรณนา
ห่านเทียนตระหนักดีถึงปัญหาที่เย่หยวนก่อขึ้นในวันนี้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เช่นกัน
สี่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นหันหน้าเข้าเผชิญกัน ภาพฉากสุดยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นครั้งล่าสุดกี่ร้อยปีแล้ว
ฉินจ้าวหยุนเหลือบมองไปที่ห่านเทียนด้วยสายตาสุดเดือดดาล เค้นเสียงเย็นกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าเด็กนี้เห็นชีวิตของศิษย์สหายเป็นผักปลา แม้เขาจะเป็นอาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติก็ตาม แต่ก่อจลาจลต่อหน้าสาธารณชน! วันนี้มันต้องตาย! หากหอมหาสมบัติยังกล้าปกป้องมัน เกรงว่าต่อไปคงอยู่ในเมืองหลวงหวูเมิ่งยากแล้ว!”
จ่าวอี้ที่ปิดปากเงียบมาโดยตลอด ยามนี้เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า
“เย่หยวนฆ่าคนบริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า นี่ถือว่าท้าทายศักดิ์ศรีของตำหนักเจ้าเมือง!”
สีหน้าการแสดงออกของห่านเทียนบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ เขาถูกบังคับไล่ต้อนไปยังขอบหน้าผาแล้ว ยามนี้ขี่อยู่บนหลังเสือ กลับยากที่จะลงมา
เย่หยวนตบโอสถเม็ดหนึ่งเข้าปากเพื่อระงับอาการบาดเจ็บภายใน ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นเงยหน้าขึ้นฟ้า และระเบิดหัวเราะลั่นพลางกล่าวว่า
“ช่างสรรหาคำพูดได้ดี! ฆ่าคนบริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า! เห็นชีวิตศิษย์สหายเป็นผักปลา? เจ้าท้วมสหายข้าต้องกลายเป็นคนพิการเพราะพวกมันทั้งห้า ตอนนั้นพวกเจ้าอยู่ที่ไหน? ฉินเทียนละเมิดกฎ ไม่สนใจทำตามกติกาและไล่ล่าหวังสังหารข้าในงานชุมนุมร้อยเมือง เหล่าศิษย์สาวกของพวกเจ้าไปอยู่ที่ไหน? ข้ากลายเป็นวีรบุรุษนำชัยชนะมาสู่เมืองหลวงหวูเมิ่ง นำโอสถศักดิ์สิทธิ์สี่ดาวมาให้ท่านเจ้าเมือง แต่กลับตอบแทนข้าโดยการยัดสินบนปิดปากข้า แถมยังไม่เอาเรื่องพวกที่ไล่ล่าข้าอีก? หวาดกลัวพวกมันจนหัวหดไร้ศักดิ์ศรี! วันนี้ข้า เย่หยวนขอยุติความสัมพันธ์ทั้งหมดกับสถานศึกษาหวูเมิ่ง!”
เย่หยวนยืนตระหง่านอยู่เช่นนั้นอย่างภาคภูมิเผชิญหน้ากับเหล่ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นทั้งสามโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
ตำหนักเจ้าเมืองและสถานศึกษาหวูเมิ่งก้าวออกมาอยู่ตรงข้ามกันเขาอย่างพร้อมเพรียง นี่เกินพอแล้วสำหรับทัศนคติของท่านเจ้าเมืองว่าอยู่ฝ่ายใด
การปรากฏคตัวของจ่าวอี้และเหวินอี้หยาง ทำให้โซ่ตรวณเส้นสุดท้ายระหว่างเย่หยวนและสถานศึกษาหวูเมิ่งขาดสะบั้นลง
เขาทำเพื่อสถานศึกษาหวูเมิ่งมามากพอแล้ว
เขามิได้ติดหนี้อะไรกับสถานศึกษาหวูเมิ่งอีกต่อไป
ในทางตรงกันข้าม แต่ละสิ่งที่สถานศึกษาหวูเมิ่งทำกลับทำให้เขาผิดหวังอย่างที่สุด
“ปรากฏว่าสิ่งที่ตระกูลฉินลงมือต่อเย่หยวนกลับชั่วช้าเกินไป ไม่น่าแปลกที่เย่หยวนจะขุ่นเคืองและไล่ฆ่าศิษย์สาวกคนอื่นเช่นนี้ ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อล้างแค้นให้แก่สหายเขา!”
“ตอนนั้นเป็นฉินหยวนหลงที่ออกไปคุมกลุ่มศิษย์ที่ไปงานชุมนุมร้อยเมืองมิใช่รึ? แต่กลับซุ่มโจมตีกลุ่มเยาวชนอาณาจักรปฐมพระเจ้า? ช่างไร้ยางอายเกินไปจริงๆ!”
“ก่อนหน้านี้เย่หยวนต้องทนกับพวกเขาที่ทำเรื่องชั่วๆไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ครั้งนี้ที่ออกโรงเป็นเพราะล้างแค้นในสหาย ปรากฏว่าเย่หยวนเป็นคนรักมิตรสหายถือคุณธรรมนำชีวิต!”
“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เย่หยวนเป็นคนที่มีพรสวรรค์อันน่าวิปลาสขนาดนี้ แต่ไฉนท่านเจ้าเมืองยังเอาแต่เข้าข้างตระกูลฉิน! ไม่น่าแปลกว่าทำไมตระกูลฉินถึงได้ใจเรื่อยๆในช่วงหลายปีมานี้ ปรากฏว่ามีท่านเจ้าเมืองอยู่เบื้องหลัง!”
…
คำกล่าวของเย่หยวนเข้ากระตุ้นให้ทุกคนรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นในทันใด
ตระกูลฉินและตำหนักเจ้าเมืองบีบบังคับชายหนุ่มคนหนึ่งเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจนตรอกจนเลือกที่จะทำเรื่องรุนแรงออกไป
สำหรับเย่หยวนที่อดทนได้ถึงขั้นนี้นับว่าน่าเหลือเชื่อยิ่งแล้ว
ฉินจ่าวหยุนเห็นว่าสถานการณ์ยามนี้ไม่ถูกต้อง เขาจึงเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเยียบเย็นว่า
“วาจาดั่งมีดโกนคมคายดีนัก! เจ้าเองได้มีคนอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนเช่นกัน! ตอนนี้เจ้ากล้าปลุกปั่นฝูงชนนับว่ามีความผิด! ห่านเทียน เราชายชราคนนี้ขอถามเจ้า! จะถอยหรือไม่ถอย?!”
ขณะที่ห่านเทียนกำลังจะเอ่ยตอบ เย่หยวนกล่าวแทรกขึ้นเสียงดังฟังชัด
“เรื่องในวันนี้ข้า เย่หยวนขอแบกรับไว้คนเดียว! ท่านอาวุโสห่าน ต้องขอบพระคุณอย่างมากในช่วงหลายปี เย่คนนี้โชคดีนักที่ได้พบเจอคนอย่างท่าน! หากวันนี้ข้า เย่หยวนริกลับไปได้จะตอบแทนอย่างไม่มีตระหนี่ แต่หากเป็นอะไรไป ฝากดูแลเซี่ยะจิ้งอวี้กับแม่นางหวางหรูด้วยในอนาคต!”
ห่านเทียนเปิดปากค้างแต่พูดไม่ออก
แม้ว่าเขาจะต่อสู้กับทั้งสามจนชีวาย แต่ห่านเทียนก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเย่หยวนได้เช่นกัน
ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นถึงสามคน หาใช่สิ่งที่เขาคนเดียวจะสามารถต่อกรได้
ฉินจ้าวหยุนคลี่ยิ้มอย่างเยือกเย็นและกล่าวว่า
“คิดว่าตัวเองจะโชคดีปานนั้น? เด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นกล้าอวดดีนัก! วันนี้หากเจ้าไม่ตาย ฉินคนนี้คงไม่มีหน้าพบใครอีกแล้ว!”
เย่หยวนเงยหน้ามองฉินจ้าวหยุนพลางหัวเราะเยาะคำหนึ่งและกล่าวเย้ยว่า
“ตาแก่ เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้คงมิอาจพานพบหน้าใครได้อีก! แต่เจ้ามั่นใจเสียเถอะ สักวันข้าจะลบตระกูลฉินออกจากหน้าประวัติศาสตร์!”
ฉินจ้าวหยุนหัวเราะเยาะด้วยความโกรธจัด
“อวดดี! เจ้าเด็กน้อยไร้ยางอาย! เราชายชราขอดูหน่อยเสียว่า วันนี้เจ้าจะลบตระกูลฉินออกไปได้อย่างไร?!”
ในขณะเดียวกัน เหวินอี้หยางถอนหายใจไม่รู้จบ เขาหันมากล่าวกับเย่หยวนด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนยิ่ง
“เย่หยวน เจ้าเป็นคนที่มีศักยภาพสูงส่ง ไฉนไม่ยอมแพ้อย่าได้ขัดขืน เราชายชราคนนี้จะช่วยขอร้องกับท่านเจ้าเมืองให้ผ่อนปรนลดโทษแก่เจ้า ข้าหาทางออกให้เจ้าได้แน่นอน!”
เย่หยวนช้อนสายตามองไปยังอีกฝ่าย พร้อมแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์ใหญ่ เห็นเย่คนนี้เป็นเด็กสามขวบกระมัง? แม้ว่าเย่คนนี้จะไม่เคยพบเจอกับท่านเจ้าเมืองมาก่อน แต่ย่อมทราบดีว่าเขากับตระกูลฉินร่วมมือกัน สมรู้ร่วมคิดกันขนาดนี้ ท่านยังมีอะไรมาปกป้องข้าได้?”
เหวินอี้หยางเปิดปากกว้างแต่ไม่รู้จะเอ่ยกล่าวอันใดออกไป
แท้ที่จริงแล้ว กระทั่งเขาเองก็ยังมิทราบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉินกับท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างไร แต่จากการกระทำต่างๆเห็นได้ชัดว่าระหว่างทั้งสองมีสานสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิด
ที่เหวินอี้หยางออกโรงในครั้งนี้ก็เป็นเพราะท่านเจ้าเมืองส่งมาเช่นกัน เพื่อเกลี้ยกล่อมเย่หยวนให้ยอมแพ้ถอนกำลังแต่โดยดี
เห็นได้ชัดว่า มิใช่เรื่องง่ายที่จะหลอกเย่หยวน เขาเห็นสัญญาณความผิดปกติได้นานแล้ว
“หึ! กล่าวต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เราชายชราจะฆ่ามันเองในวันนี้!”
เย่หยวนแสยะยิ้มกว้างอย่างเยือกเย็น ร่างของฉินจ้าวหยุนหายวับไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที
“เร็วมาก!”
ทุกคนยังไม่ทันตอบสนอง ร่างของเย่หยวนกลายเป็นจุดดำเล็กๆทะยานหนีสุดขอบฟ้าทันที
ความเร็วของวิชาขี่ดาบในปัจจุบันเหนือกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าทวีนัก!
สีหน้าการแสดงออกของฉินจ้าวหยุนเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเร่งโคจรพลังปราณเทวะในร่างไล่ล่าเย่หยวนตามไปทันที
สีหน้าของจ่าวอี้และเหวินอี้หยางเผยถึงความตื่นตะลึงยิ่ง พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่า เย่หยวนจะเร็วได้ขนาดนี้
ร่างของเย่หยวนแปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงสายหนึ่งผ่านโฉบดุจดาวหางบนท้องนภาเปล่งประกายวิบวับหลายพันลี้
“บัดซบ! ดาบของเจ้าเด็กนี่มันเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ฉินจ้าวเทียนเอ่ยกล่าวอย่างขุ่นเคือง
สีหน้าการแสดงออกของจ่าวอี้แปรเปลี่ยนไปเช่นกัน เขากล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“ไม่มีทาง เราไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายหลุดมือแน่นอน!”
เหวินอี้หยางมิได้เอ่ยกล่าวอันใด ดูเหมือนว่าหัวใจของเขาในยามนี้คล้ายถูกมีดกรีดแทง
ยอดอัจฉริยะอย่างเย่หยวนควรจะกลายมาเป็นดาวรุ่งที่เจิดจรัสที่สุดของสถานศึกษาหวูเมิ่ง แต่ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมากลับเป็นเช่นนี้
“ฮ่าๆๆ ไอ้สุนัขแก่ เจ้าคงไม่มีหน้าไปพบใครอื่นแล้วในอนาคต! จดจำสิ่งที่พูดไปให้ดี!”
สุ้มเสียงเย่หยวนเปล่งดังขึ้น เขาในยามนี้ปราศจากความกลัวหรือยำเกรงต่อยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นเลยแม้แต่น้อย
เย่หยวนที่ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้แล้ว ทำให้ความเร็วของดาบขี่ของเขาเพิ่มทวีเป็นหลายเท่าตัว แค่ยอดเซียนครึ่งขั้นกลับไม่สามารถไล่กรวดได้ทัน
แต่ในขณะนั้นเอง สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนพลันเปลี่ยนไปทันที รัศมีแรงกดดันขุมใหญ่พุ่งปรากฏขึ้นทั่วน่านฟ้า
ทันใดนั้นราวกับเย่หยวนสะดุดหล่มโคลน และไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้แม้แต่น้อย!
……………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น