Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1434-1440
ตอนที่ 1434 กลุ่มหนูทดลอง
โดย
Ink Stone_Fantasy
“นั้นเขา?” หวูเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมท่าทีประหลาดใจ
“ข่าวลือที่แพร่ออกไปคราก่อน ทุกคนล้วนบอกว่าเป็นฝีมือของวังเทวะพิรุณร่วงโรย แต่นั่นมันดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก! สิ่งเดียวที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ ต้องมีใครบางคนทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของข้า และต้องการให้ข้าตาย! ก่อนหน้านี้ข้ายังแค่สงสัยเพราพกลิ่นอายเปลี่ยนไปมาก ทว่าตอนนี้ข้ามั่นยิ่งแล้วว่าเป็นฉินเทียนไม่ผิดแน่!” เย่หยวนกล่าวตอบ
หวูเฉินคล้ายเข้าใจได้ในทันทีและกล่าวว่า “เมื่อคิดแบบนั้น ก็เป็นอย่างที่เจาว่าจริงๆ! ดูเหมือนว่าสถานศึกษาหวูเมิ่งจะไร้ความน่าเชื่อถือแล้ว!”
เย่หยวนคลี่ยิ้มสุดเย็นชา “ดูท่าเจ้าเมืองของเราจะใจกว้างเกินไปสำหรับตระกูลฉิน!”
หวูเฉินสงบปากลงทันที การปรากฏตัวของฉินเทียนในครั้งนี้ ได้ทำให้เย่หยวนสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อเจ้าเมืองหลวงหวู่เฉินจนหมดสิ้น ตอนนี้มีทั้งเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าต้วนเฟย เซียนอาณัจกรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดฮั่นเทียนหยาง รวมไปถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าอีกคนอย่างฉินเทียน! การเดินทางเข้าสู่ซากอักขระเทวะครั้งนี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง! ทั้งสามคนนี้กล่าวได้ว่าน่ากลัวเสียยิ่งกว่าภัยอันตรายที่ซุกซ่อนภายในซากอักขระเทวะเสียอีก!
“ถ้าเช่นนั้นเจ้ายังอยากเข้าไปในนั้นอยู่หรือไม่?” หวูเฉินเอ่ยถาม
“ไฉนเขาจะไม่เข้าไปล่ะ? ยามนี้ไม่เหลือเวลาให้รออีกต่อไปแล้ว! ที่แห่งนี้เปิดทุกๆพันปี เพื่อศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเข้าไป!” เย่หยวนลงน้ำเสียงหนักแน่นด้วยความมุ่งมั่น
บูมมม!
ในเวลานั้นเอง ภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่นอยู่ตลอด ในที่สุดมันก็ปะทุขึ้น! หินหนืดร้อนพุ่งออกมาราวกับน้ำพุพ่นออกมาไม่หยุดหย่อน พินิจมองจากภาพฉากนี้ค่อนข้างสวยงาม ทุกคนในขณะนี้ค่อนข้างอยู่ห่างจากจุดปะทุ ทว่าภายใต้ผลกระทบดังกล่าวทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนหนัก แผ่นดินไหวจนผู้คนโซซัดโซเซ ยืนไม่มั่นคงเจียนล้ม
ทุกคนต่างเร่งระดมพลังปราณเทวะผนึกเป็นเกราะครอบคลุมร่างกาย เพื่อต้านทานคลื่นไอร้อนเหล่านี้
ทันใดนั้นเองต้วนเฟยพลันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง หันศีรษะควับเข้าจับจ้องเย่หยวนโดยไว เห็นเพียงว่า ยามคลื่นความร้อนเหล่านั้นเข้าโถมปะทะเข้ารัศมีรอบตัวเย่หยวน คลื่นไอร้อนนี้กลับแยกออกเป็นสองทางซ้ายขวาจากกัน เลี่ยงไม่โดยตัวเย่หยวนราวกับพวกมันกำลังหวาดกลัว สายตาทอประกายผิดประหลาด จากนั้นต้วนเฟยค่อยฟันศีรษะกลับดังเดิม
ไม่ทราบเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดแรงปะทุของภูเขาไฟก็หยุดลง ทุกอย่างกลับมาปกติเฉกเช่นเดิม คลื่นไอร้อนอันน่าสะพรึงอันตรธานหาย อุณหภูมิเย็นตัวลง
“ได้เวลาแล้ว!” ต้วนเฟยส่งเสียงดังฟังชัด ขณะเดียวกันปรากฏเปลวแสงกะพริบน่าอัศจรรย์ส่องประกายอยู่ในมือเขา เปลวแสงนั้นพุ่งเข้าโจมตีเปลวเพลิงโดยรอบบริเวณโดยตรง!
ทุกคนเห็นเพียงริ้วแสงสีขาวประกายสว่างฉีกผ่านขอบฟ้า ทะยานตรงไปยังทางเข้าปล่องภูเขาไฟ ในที่สุดเปลวเพลิงธรรมชาติโดยรอบบริเวณก็ออกกำลังลงฮวบ จนเปิดช่องว่างให้ลอดเข้าไปได้
เมื่อลงมือจัดการเสร็จสรรพ ต้วนเฟยก็หันมาทางวังเทวะรัตติกาลฉายและกล่าวเสียงเย็นชืดว่า
“วังเทวะรัตติกาลฉายเข้าไปก่อน ส่วนวังเทวะอื่นๆเข้าสมทบตามทีหลัง!”
เจตนาเล่นงานกันชัดๆ!
ซากอักขระเทวะแห่งนี้ไม่เคยเปิดมาเป็นเวลาพันปีเต็ม ใครจะรู้ว่ามีขุมกำลังหรือภัยอันตรายอันใดซ่อนอยู่บ้างการปล่อยให้วังเทวะรัตติกาลฉายเข้าไปก่อน มันไม่ต่างอะไรกับส่งพวกเขาเป็นหนูทดสอบเพื่อเปิดเส้นทางเลย การกระทำเช่นนี้ส่อให้เห็นถึงเจตนาชัดเจนเกินไป! เหล่าผู้คนของฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายกล้าที่จะพิโรธโกรธเคือง แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากคัดค้านใดๆ ไป๋เฉินยามนี้โมโหจัดจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
ในขณะที่วังเทวะแห่งอื่นๆต่างลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และปล่อยให้ผลไปเป็นตามนั้น เมื่อการตัดสินใจจนี้มิได้ส่งผลกระทบต่อฝ่ายตน ก็ทำได้แต่ยินดีต่อความโชคร้ายของฝ่ายอื่นแทน
เย่หยวนเหลียวมองต้วนเฟยอยู่เล็กน้อย ก่อนพบว่าอีกฝ่ายก็ขยับขยายสายตาสนใจตนอยูเช่นกัน ทันทีทันใดเย่หยวนเอ่ยปากอย่างเฉยเมยทันทีว่า “ไปกันเถอะ!”
“ผู้อาวุโสสูงสุด!” ไป๋ซิ่วกล่าววาจาดูท่าไม่เต็มใจนัก
สีหน้าเย่หยวนมืดขรึมลงขณะกล่าวตอบว่า “ไป!”
ณ ปัจจุบัน บารมีของเย่หยวนนับว่าสูงที่สุดในวังเทวะรัตติกาลฉายทั้งปวง ถึงคนอื่นๆ จะไม่พอใจเพียงใด แต่ทำได้เพียงกลืนวาจาคำสบถลงไปด้วยความฝืนทน กอนก้มหน้าก้มตาเดินเข้าปล่องภูเขาไฟไป
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ สีหน้าของต้วนเฟยเผยสะท้อนความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เขาคิดว่า เนื่องจากเย่หยวคนนี้ยังเด็กจึงอาจพานำปัญหามาสู่เขาได้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่า เย่หยวนจะยอมทนกับการตัดสินใจจเช่นนี้จริงๆ
บนมุมปากของฮั่นเทียนหยางพลันแสยะยิ้มฉีกขึ้นเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ พอมีท่านประมุขวังคนก่อนอยู่ด้วย อะไรๆต่างก็ดูง่ายดายในทันที หวังว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสบดขยี้พวกมันจนจมดิน!
“ผู้อาวุโสสูงสุด พวกมันทำเกินไปแล้ว!” ไป๋ซิ่วคำรามเสียงต่ำอย่างไม่พอใจนัก
“ถูกต้องท่านอาจารย์! ไฉนเราจำต้องกลืนคำสบประมาท แล้วทนอยู่เฉยๆแบบนี้?” ไป๋เฉินกล่าวเสริมทันที สีหน้าการแสดงออกดูไม่สุขใจอย่างยิ่ง
เย่หยวนเอ่ยตอบเสียงเรียบ “แล้วจะให้ทำอย่างไร? พวกเจ้าสั่งให้เขาเสี่ยงชีวิตเดินนำหน้าได้หรือไม่?”
ทุกคนอดสำลึกมิได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น สั่งให้ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเดินนำหน้า? นี่ไม่รนหาที่ตายเกินไปหรอกรึ?
“แต่เมื่อสังกัดอยูในวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีกฎว่าห้ามยุ่งเกี่ยวอันใดอีกกับกลุ่มอิทธิดั่งเดิม!” ไป๋ซิ่วขุ่นเคืองยิ่ง
เย่หยวนยิ้มเมื่อได้ยินและกล่าวตอบไปว่า “รองประมุขวัง ชายชราอายุมากขนาดนั้นจะไร้เดียงสาอย่างที่คิดได้อย่างไร? หากเจ้าเป็นอีกฝ่าย แต่ก็คงมีเยื้อใยช่วยเหลือกันบ้างจริงหรือไม่?”
ไป๋ซิ่งชะงักค้างไปชั่วขณะแต่มิได้กล่าวอันใดตอบ แน่นอนว่าเขาต้องช่วยฝ่ายตัวเองเป็นธรรมดา!
“ดังนั้นอย่าโทษความลำเอียง! เจ้าโทษน่ะโทษได้ แต่ไม่สามารถเอ่ยปากด่าต่อหน้าคนของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์! ที่วังนภาบรรพศักดิ์สิทธิ์ตั้งกฎเช่นนี้ขึ้นมา ก็เพื่อรักษาสมดุลโดยรวมของดินแดนนภาบรรพต แต่การจะตัดสัมพันธ์ถาวรย่อมเป็นไปไม่ได้! ดึงดันหาเรื่องอีกฝ่ายอย่างไรกลับไม่มีประโยชน์ รั้งแต่จะทำให้อับอายเท่านั้น!” เย่หยวนเอ่ยอธิบายเสียเย็นสะท้าน
ต่อหน้าวาจาเหล่านี้ ทุกคนต่างพูดโต้เถียงไม่ออก เห็นได้ชัดแจ้ง เย่หยวนอ่านสถานการณ์ขาดกว่าพวกเขามากสำหรับต้วนเฟยที่กล้าทำเช่นนี้ แสดงว่าเตรียมแผนฉุกเฉินมารอแล้วเช่นกัน ตราบใดที่พวกเย่หยวนกล้าปฏิเสธ เขาย่อมหาเหตุผลอื่นเพื่อลงโทษไม่ก็ให้เดินนำอยู่ดี ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะตามน้ำไปก่อน หากไม่คับขันจริง คงไม่ยอม!
อย่างน้อยต่อหน้าสาธารณชน ต้วนเฟยไม่กล้าฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลรองรับแน่นอน หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆพลันมีดวงตาหลายสิบคู่โพล่งโตเข้าจับจ้อง!
เย่หยวนเหาะทะยานเข้ามาก่อนเป็นคนแรก ส่วนที่เหลือค่อยติดตามเดินมา ไม่ทราบว่านานแคไหน ในที่สุด เย่หยวนก็หาที่ร่อนลงจอดสองเท้าแตะพื้น สิ่งแรกที่เห็นในระยะสายตาคือหินหนืดทั่วทั้งบริเวณ พร้อมปรพะกายไฟบินว่อนดูระทึกทุกทิศทาง
“ระวังผู้อาวุโสสูงสุด!” ไป๋ซิ่วตะโกนไล่หลังเอยเตือน
ยังไม่ทันสองเท้าแตะพื้นสนิท กลับมีบางสิ่งปราดพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วเต็มสูบ
หวีดด!
อย่างไรก็ตาม คมดาบของเย่หยวนก็เร็วกว่ามัน! เย่หยวนใช้ญาณสัมผัสถึงภัยอันตรายได้นานแล้ว เพียงยกมือฟาดฟันสยบดาราออกไปทันที!
บูมมมม!!
ลูกไฟถูกสับผ่าครึ่งกระเด็นไปชนกำแพงหินหนืดโดยรอบ
“นั้นมันอสูรปีศาจโลกันตร์! อสูรปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์! แย่แล้ว โดยปกติพวกมันจะออกล่ากันเป็นกลุ่ม!”
สีหน้าการแสดงออกของไป๋ซิ่วแปรเปลี่ยนไปทันที
สุ่มเสียงของไป๋ซิ่วเพิ่งดังกังวานออกไป วิสัยทัศน์เบื้องหน้าทุกคนพลันเบลอหนัก ปรากฏลูกไฟจำนวนมากพุ่งเข้าใส่นับไม่ถ้วน! พวกมันเป็นอสูรปัศาจโลกันตร์อย่างแม่นยำ! โดยสรุปจำนวนของมันมีไม่ต่ำกว่าร้อยตัว!
อสูรปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์มีไม่ต่ำกว่าร้อยตัว ยามนี้บรรยากาศพากันตึงเครียดเฉียบพลัน
สีหน้าเย่หยวนมืดทมิฬลงทันใด เขากล่าวว่า “ระวังให้ดี เหล่าผู้อาวุโสสกัดรอบนอก! ส่วนที่เหลือสกัดวงใน!”
ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งเก้า มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ออกเดินทางมาในครั้งนี้ หากเพิ่มเย่หยวนกับไป๋ซิ่วเข้าไป ทั้งหมดก็จะมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าทั้งหมดห้าคน
ภายใต้คำสั่งการของเย่หยวน ทุกคนต่างระดมตีตัวเป็นวงกลมกรอบนอกและในทันที เพื่อตั้งขบวนป้องกัน
ปีศาจโลกันตร์ทรงพลังมาก แม้จะถูกโจมตีโดยเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า แต่นั้นก็สร้างความเสียหายได้เพียงชั้นผิวหนังเท่านั้น แม้แต่เย่หยวนเองยังไม่กล้าประมาทสักนิด
ชวิ้ง! ชวิ้ง! ชวิ้ง! ชวิ้ง!…
นอกจากที่ปีศาจอสูรพวกนี้จะเร็วแล้ว พวกมันยังมีพละกำลังมหาศาลมาก แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตั้งรับป้องกัน ในพริบตาเดียวพวกมันก็ล่อนเวลาพุ่งมาถึงตรงหน้า
“โจมตี!” เย่หยวนส่งเสียงร้องคำรามลั่น มือข้างหนึ่งยกขึ้นปลดปล่อยสยบดาราฉีกห้วงอากาศออกไป
บูมม! บูมม! บูมม!
พวกมันนับหลายตัวถูกซัดกระเด็นออกไป
ไป๋เฉินซ่อนตัวอยู่วงใน เพียงเห็นภาพเบลอต่อหน้า คลื่นไอร้อนกลับพุ่งโจมตีเข้าถึงเขาเสียแล้ว ต่อให้อยากป้องกันเพียงใดกลับสายเกินไป!
…………………………………
ตอนที่ 1435 ยักษ์หินโลกันตร์
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวีด
แสงคมดาบพุ่งทะลวงตัดฟ้าดิน พิฆาตอสูรปีศาจโลกันตร์ขาดครึ่งท่อน บูมมม!
ในเวลาเดียวกันพลันได้ยินเสียงกระแทกดังปัง ร่างเย่หยวนถูกสงบินออกไปโดยตรง
“พร๊วดดด!”
เย่หยวนกระอักเลือดสดคำโต แต่ไม่ช้าแช่มรอเร่งปรับตำแหน่งการยืนทันทีกลางอากาศ ก่อนจะกลับเข้ากลุ่มขบวนป้องกัน กลางเวหาสูง เย่หยวนปลดปล่อยคมดาบออกไปหลายสิบเล่มเพื่อตัดทะลวงอสูรปีศาจเหล่านั้น
“ท่านอาจารย์เย่!”
ดวงตาของไป๋เฉินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขณะตะโกนร้องเรียกลั่น หาใช่เพราะเย่หยวนช่วยสกัดเอาไว้ทันท่วงที เกรงกว่าไป๋เฉินต้องตายไปแล้วแน่นอน
“ข้าสบายดี! เจ้าพวกนี้เร็วเกินไป ระวังตัว!” เย่หยวนกล่าวเสียงเคร่งขรึม
เย่หยวนรู้สึกดังว่า เลือดภายในร่างกายกำลังเดือดปะทุขึ้นมา ยามนี้พลังปราณภายในกายชักพาสู่สถานการณ์โกลาหล โชคยังดีที่ร่างกายเนื้อของเขาได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก และวรยุทธบ่มเพาะกายเนื้อยังเป็นเคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำ ดังนั้นพลังป้องการจึงสูงลิบลิวประดุจปราการเหล็กกล้าชั้นหนา ผลกระทบเพียงครั้งเดียวไม่สามารถสร้างความเสียหายขั้นร้ายแรงให้แก่เย่หยวนได้เลย
ไป๋เฉินขบกรามแน่น มากอารมณ์เอาแต่ตำหนิตนเองไปมา
“ใครบอกกันว่าผู้รุกรานต่างแดนล้วนเลวทรามต่ำช้ากัน?! ท่านอาจารย์ของข้าให้ความสำคัญในมิตรภาพยิ่งกว่าชีวิตของตนเสียอีก! เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า ท่านอาจารย์เย่คุณธรรมสูงส่งกว่าคนของแดนนภาบรรพตไม่รู้กี่เท่า! ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง! ข้าอ่อนแอเกินไป! ข้าอยากจะแข็งแกร่งกว่านี! ข้าไม่อยากเป็นภาระของท่านอาจารย์อีกแล้ว!”
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของไป๋เฉินชุกโชนพุ่งพล่านออกมาจากร่างกาย
“ฆ่า!”
ทวนยาวของไป๋เฉินแกร่งกล้าเปี่ยมพลังอย่างไรที่ติ พร้อมทะลวงโจจมตีฝ่าด้านหน้าไม่มีปรานี ในกรณีนี้ คล้ายว่าไป๋เฉินได้บรรลุรู้แจ้งอะไรบางอย่างภายในใจ เพราะแต่เดิมเขาไม่สามารถไล่กวดอสูรปีศาจโลกันตร์ได้เลย ทว่ายามนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่อง!
ปลายทวนควงสะบัด ชักช้าแปรควงทะลวงเจาะด้วยความเร็วเต็มสูบ
บูมมม!
กระบวนทวนเข้าพิฆาตอสูรปีศาจโลกันตร์ดับไม่เหลือ!
มือของเย่หยวนหยุดตัวทวนเล็กน้อยก่อนจะเหวียงไปโดนคนอื่นเป็นลูกหลง เย่หยวนคลี่ยิ้มกว้างชื่นชมในตัวอีกฝ่าย
“ฮ่าๆ ในที่สุดข้าก็ทำได้!” ไป๋เฉินโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น
“ทำได้ดีมาก แต่ควรต้องระวังอีกนิด!” เย่หยวนกล่าวเตือน
สีหน้าไป๋เฉินผันเปลี่ยนดูจริงจังขึ้นหลายสวน เขาพยักหน้ารับทราบและร่ายเพลงทวนอีกกระบวนใหญ่ออกไปอีกครั้ง! ในพริบตาต่อมา พวกอสูรปีศาจนับร้อยตัวถูกซัดกระเด็นออกไปทั้งหมด บนกำแพงชั้นหินหนืดปรากฏเป็นร่องรอยหลุมมากมายโดยทั่ว
เย่หยวนเพียงคนเดียวสามารถกวาดล้างอสูรปีศาจเหล่านี้ไปได้กว่าครึ่ง มิฉะนั้นพรรคพวกของเขาคงได้รับบาดเจ็บหนักจากศึกนี้เป็นแน่
ไป๋เฉินรุกขึ้นหน้าตรงมาหาเย่หยวนพร้อมท่าทีเชิงต้องการตำหนิตนเอง เขากล่าวว่า “ท่านอาจารย์เย่ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง! ที่ทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บเช่นนี้!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าทำได้ดีมากแล้ว! อสูรปีศาจโลกันตร์เหล่านี้หาใช่สิ่งที่เจ้าสามารถต่อกรได้เลยด้วยซ้ำในตอนนี้ แต่เจ้าแสดงให้เห็นแล้วว่า ในที่สุดเพลงทวนของเจ้าก็พัฒนาขึ้นมาก! ยินดีด้วย!”
ด้วยความแกร่งกล้าของไป๋เฉิน สกัดกั้นทำลายจังหวะของพวกมันพร้อมกันหนึ่งถึงสองตัวยังพอทำเนา แต่ระดับพลังความแกร่งกล้าของพวกมันบางตัว ทรงพลังเกือบถึงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า แล้วนี่จะเป็นสิ่งที่เขาสามารถจัดการตามลำพังได้อย่างไร? ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ไป๋เฉินผึกปรือเพลงทวนอย่างหนัก เพื่อปรารถนาที่จะไต่ไปให้ถึงขอบเขตความสำเร็จเฉกเช่นเดียวกับเย่หยวนที่แสดงให้ดูในคราวนั้น ทั้งหมดนี้เขาย่อมอยากให้เย่หยวนได้เห็นกับตาสักครั้งโดยธรรมชาติ และในที่สุดนี้ เพลงทวนของเขาก็ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้พลังต่อสู้ของไป๋เฉินเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
“หุหุ เพลงดาบของผู้อาวุโสสูงสุดเย่หยวนช่างน่าประทับใจเสียจริง! การเผชิญหน้ากับพวกอสูรปีศาจโลกันตร์นับร้อยตัวเช่นนี้โดยมิให้ใครตายลงได้ นับว่าน่าทึ่งยิงนัก!”
ในเวลานั้นเอง กลุ่มคนอื่นๆก็ร่อนลงมาจากท้องเวหาสู่พื้นดิน ซึ่งเป็นฮั่นเทียนหยานคนแรกทีเอ่ยปากกล่าวเสียดสีทันที
เย่หยวนทราบดีว่าพวกเขามาถึงนานแล้ว แต่ก็ยังเฝ้าดูอยู่บนฟ้าอย่างเฉยเมย โดยไม่คิดยื่นมือมาช่วยเหลือใดๆ เลย เป็นไปได้ว่า คนพวกนี้ต้องการจะให้ฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายประสบความสูญเสียและได้รับบาดเจ็บสาหัส
ภาพฉากที่ไป๋เฉินพลาดท่าจนเกือบถูกอสูรปีศาจโลกันตร์ฆ่าตาย ฮั่นเทียนหยางเองก็เฝ้ามองอยู่จากที่สูงด้วยความตื้นเต้นลุ้นระทึกยิ่ง
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดคือ แท้จริงแล้วเย่หยวนยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพความแข็งแกร่งของตนได้ ถึงขั้นแบ่งเวลามาช่วยชีวิตไป๋เฉินได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกัน แม้คำกล่าวนี้จะเต็มไปด้วยถ้อยคำเสียดสี แต่มันก็ยังสื่อเป็นคำชื่นชมได้อยู่
เย่หยวนเพียงยิ้มบางส่วนเป็นคำตอบ ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “ต้องขออภัยด้วยที่จำต้องทำให้เจ้าผิดหวัง อุปสรรคแค่นี้ เย่คนนี้ยังสามารถแก้ไขสถานการณ์ไม่ยากเกินมือ เพียงว่าเส้นทางนี้ท่านผู้อาวุโสระดับสูงน่าจะมีการตรวจสอบมาก่อนหน้าแล้ว แต่ไฉนถึงปิดปากเงียบ ไม่คิดจะกล่าวอันใดหน่อยรึ ท่านผู้อาวุโสระดับสูง?”
เย่หยวนเหลือบตามองต้วนเฟยเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มประดับกว้าง ส่วนต้วยเฟยเอ่ยตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ผู้อาวุโสเย่มีฝีมือเยี่ยมยุทธ์ หากคราวนี้ไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน หวังว่าในอนาคตเราจะได้ทำงานร่วมกัน!”
วาจาคำกล่าวของต้วนเฟยทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที
ที่แห่งนี้มีล้วนเต็มไปด้วยเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าหลายสิบคน แต่ในหมู่พวกเขาทั้งหมด ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยปากกล่าวเลยว่า ตนจะสามารถขึ้นกลายเป็นยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้สักคน การทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามันยากเกินจินตนาการนัก!
ดังนั้นวาจาของต้วนเฟยที่กล่าวประเมินเย่หยวนออกไป จึงกล่าวได้ว่า มิใช่ต่ำเตี้ยแต่อย่างใด ทว่ากลับสูงลิบลิ่ว!ทุกคนในที่นี้ต่างหัวไวเฉลียวฉลาด ย่อมทราบดีถึงนัยยะในคำกล่าวเหล่านี้
เย่หยวนเพียงยิ้มและกล่าวว่า “เย่คนนี้คงไม่โชคดีขนาดนั้น! บางทีอาจตายอยู่ที่นี่!”
สีหน้าการแสดงออกของทุกคนแปรเปลี่ยนไปในทันที ช่างกล้าตีฝีปากขนาดนี้ ความฮึกเหิมของเย่หยวนน่ากลัวโดยแท้ ความหมายในคำกล่าวของเย่หยวนย่อมชัดเจนเป็นธรรมชาติ หนึ่งไม่ประชดแช่งตัวเอง ก็หมายความว่า ต้วนเฟยอาจตายลงก่อนในที่แห่งนี้ จึงไม่มีบุญวาสนาได้ร่วมงานกันในอนาคต!
ระหว่างวาจาคำกล่าวของทั้งสอง เหล่าผู้คนอื่นๆชักจจะได้กลิ่นจิตสังหารออกมาอ่อนๆ
สีหน้าการแสดงออกของต้วนเฟยมืดขรึมลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงเย็นชืดว่า “ผู้อาวุโสเย่ เชิญไปก่อน!”
เย่หยวนเอ่ยปากกล่าวอย่างไม่แยแส “ไป!”
เย่หยวนยังคงเป็นผู้นำ พร้อมนำทางพาเหล่าสมาชิกของวังเทวะรัตติกาลฉายมุ่งหน้าไปต่อในฐานะตัวตายตัวแทนของคนอื่นๆ เบื้องหน้าทุกคนในขณะนี้ปรากฏเป็นสะพานหินกว้าง สองข้างทางภายใต้สะพานแห่งนี้เป็นบ่อหินหนืดขนาดใหญ่อันร้อนระอุ
เย่หยวนสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายจากบ่อหินหนืดสองข้างทางได้อย่างชัดแจ้ง ก่อนย่างเท้าก้าวลงบนสะพานหินตรงหน้าอย่างระมัดระวัง เย่หยวนเข้าใจได้ทันทีว่า ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งเปลวไฟของจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้สร้างดินแดนนภาบรรพต จะต้องลึกซึ้งเป็นอย่างที่สุด
ลืมไปเลยสำหรับเซียนอาณาจักรพระเจ้าในสามระดับชั้นแรก ต่อให้เป็นยอดเซียนราชันพระเจ้าเองก็ไม่สามารถต้านทานความร้อนนี้ได้เช่นกัน หากจมลงไป
“ดูนั้นเร็ว! ทรายม่วงทอง! นั้นยังเป็นทรายม่วงทองก้อนใหญ่มาก!” ไป๋เฉินตะโกนเอ่ยลั่นออกไปทันที
ดวงตาคู่นั้นของต้วนเฟยแพรวสว่างระยิบระยับทันใด ก่อนจะเห็นว่าปลายสะพานหินมีก้อนหินทรายขนาดมหึมาฝังติดอยู่บนนั้น ขนาดของมันใหญ่เท่ากับคนสามคนช่วยกันโอบกอดได้ ก้อนทรายม่วงทองขนาดเท่านี้ อาจกล่าวได้ว่ามีมูลค่าสูงกว่าเมืองหลายเมืองรวมกันเสียอีก แต่สีหน้าการแสดงออกของทุกคนกลับมิได้มีความสุขนัก เนื่องจากตามกฎของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์แล้ว ทรายม่วงทองเป็นหนึ่งในวัตถุดิบต้องห้าม ซึ่งทั้งหมดต้องตกเป็นของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ “ประมุขวังไป๋เฉิน ไปถอนทรายม่วงทองเหล่านี้ออกมา ถึงเวลาที่วังเทวะรัตติกาลฉายต้องแสดงความภักดีออกมาแล้ว!” ต้วนเฟยหันไปกล่าวกับไป๋เฉินด้วยวาจาแสนเฉยเมย
ไป๋เฉินโมโหจัดแทบระเบิดออกมา เขาหันไปจ้องต้วนเฟยเขม็งและกล่าวว่า “ที่ใดมีทรายม่วงทองปรากฏอยู่ ที่นั่นย่อมมียักษ์หินโลกันตร์อยู่! หากผู้อาวุโสระดับสูงต้องการให้พวกเราตายนัก ไฉนถึงไม่กล่าวกันตรงๆ!?”
ต้วนเฟยยิ้มและกล่าวว่า “ความหมายของประมุขวังไป๋เฉินคือ วังเทวะรัตติกาลฉายคิดจะต่อต้านวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์?”
สีหน้าท่าทีของไป๋เฉินยิ่งทวีความโกรธจัด ต้วนเฟยคนนี้กำลังบีบให้วังเทวะรัตติกาลฉายไปตายอย่างชัดเจน!
“เช่นนั้นข้าไปเอง เป็นคำสั่งของผู้อาวุโสระดับสูง พวกเรามิอาจคัดค้านได้!” เย่หยวนกล่าวเสียงเย็นชืด
“ท่านอาจารย์! แต่พวกยักษ์หินโลกันตร์เหล่านี้สุดจะแกร่งกร้าวยิงนัก ทั้งยังมีทั่วสารทิศ พวกมันมิใช่ศัตรูที่ท่านจะปราบปรามได้ ขุมพลังพวกมันสูงถึงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นกลาง!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “ผ่อนคลายเถิด ง่ายดายนัก”
เมื่อกล่าวจบ คู่เท้าเย่หยวนกระตุกวูบทะยานหายไป ก่อนจะปราดถึงบริเวณที่มีทรายม่วงทองอยู่ในพริบตา
ชวิ้ง! ชวิ้ง! ชวิ้ง!
เย่หยวนปลดปล่อยคมดาบออกมาหลายหลาก พร้อมตัดทรายม่วงทองออกมาโดยตรง
ตึ้ง!
ตึ้ง!
ตึ้ง!
เป็นไปตามคาด เหล่ายักษ์หินโลกันตร์ต่างปรากฏตัวออกมาต่อหน้าทุกคน ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสุดน่าสะพรึงขวัญนัก
รอยยิ้มแสยะเย็นฉีกกว้างบนมุมปากของต้วนเฟย แต่ในไม่ช้า จู่ๆรอยยิ้มนั้นจำต้องแข็งค้างไปโดยพลัน!
…………………………………
ตอนที่ 1436 สายลมแห่งโชคชะตาเปลี่ยนทิศ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ผู้อาวุโสระดับสูง รับไป!”
เย่หยวนชักนำกระแสพลังสายหนึ่งกรอกเทพเข้าฝ่ามือ ซัดก้อนทรายม่วงทองขนาดใหญ่และหนักอย่างหาที่เปรียบไม่บินตรงไปยังต้วนเฟย สีหน้าต้วนเฟยรวนเรแปรเปลี่ยนอยู่หลายหน จนท้ายที่สุดตั้งท่าเตรียมรับพร้อมโยนมันลงแหวนเก็บของทันที
แต่ในขณะนี้เอง สีหน้าการแสดงออกของทุกคนบิดเบี้ยวน่าเกลียดเกินพรรณนา ทั้งด้านหน้าและด้านหลังสะพานหินถูกพวกยักษ์หินโลกันตร์ดักไว้ทุกที่ทุกทาง ยักษ์หินโลกันตร์เหล่านี้ล้วนกอปรกลิ่นอายสุดแกร่งกล้าทรงพลังไร้เทียมทาน เห็นได้ชัดแจ้ง หาใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการให้สิ้น
“โดยปกติแล้ว จะมียักษ์หินโลกันตร์คอยคุ้มกันทรายม่วงทองแค่ตัวหรือสองตัวมิใช่รึ? ไฉนถึงมีมากมายปานนี้ได้?”
“นี่… กลิ่นอายของพวกมันกล้าแกรงยิ่ง มีจำนวนไม่น้อยทัดเทียมได้กับอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า! เรา…เราตายแน่นครานี้!”
“พวกเจ้าดูนั้น! ข้างล่างยังมีพวกมันอีก! พวกมัน…พวกมันกำลังปีนขึ้นมา!”
ทันทีทันใดทุกคนต่างกดสายตามองลงไปใต้สะพานหินในทันใด ก่อนพบว่ายังมียักษ์โลกันตร์อีกจำนวนมากที่กำลังปีนไต่ขึ้นมาจริงๆ! ด้วยเหตุนี้กล่าวได้ว่า พวกเขาทั้งหมดถูกยักษ์หินโลกันตร์ล้อมไว้ทั่วสารทิศโดยสมบูรณ์!
รอยยิ้มเยียบเย็นกระตุกฉีกกว้างบนมุมปากเย่หยวน เขาตะโกนลั่นน้ำเสียงเดือดดุว่า “ตามข้ามา! เร็วเข้า!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เย่หยวนก็กระชับดาบพิชิตมารฟ้าแน่นอนและปราดพุ่งออกไปประจันหน้ากับเหล่ายักษ์หินโลกันตร์ที่อยู่ตรงหน้าทันที เหล่าเซียนของวังเทวะรัตติกาลฉายไม่มีลังเลแม้สักนิด แต่ละคนรีบพุ่งติดตามเย่หยวนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทิศทางที่กำลังมุ่งหน้าไปนั้นคือส่วนลึกของซากอักขระเทวะ
ชวิ้ง!
เย่หยวนดับสังหารฟาดฟันยักษ์หินโลกันตร์ไปหนึ่งกระบวนใหญ่ คมคลื่นสยบดาราเข้าปะทะกับร่างกายอันแกร่งกร้าวดุจเหล็กกล้า ประกายไฟสาดกระเซ็นออกมา ยักษ์หินโลกันตร์ตนนั้นยกกำปั้นขึ้นและทุบใส่เย่หยวนสุดแรง ทว่าหมัดยังไม่ทันลุถึง กลับเป็นกระแสพลังศาสตร์แห่งเปลวไฟอันทรงพลังบดขยี้บีบเย่หยวนแทน! เป็นศาสตร์แห่งเปลวไฟที่แข็งแกร่งมาก!
ขั้วหัวใจเย่หยวนเฉียบเย็นสุดขั้วชั่วขณะ นี่เป็นเพียงยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น แต่มันกลับทรงพลังยิ่งจนแทบบดขยี้ผู้คึนในระดับพลังเดียวกันได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเย่หยวนจะตื่นตกใจไม่น้อยกลับภาพฉากตรงหน้า แต่เขาก็มิได้ขวัญหายเสียรูปกระบวนอย่างใด ยามนั้นฟาดสะบั้นสยบดาราไปอีกระลอก!
บูมมม!
กำปั้นหินแหลกระเบิดโดยตรง ในขณะที่เย่หยวนเคลื่อนไหวจู่โจม แขนข้างหนึ่งของยักษ์หินโลกันตร์ตัวนั้นก็ด้วนไปทันที
“เหล่าผู้อาวุโส ตรึงพวกยักษ์หินไป่ก่อน ส่วนที่เหลือรอจังหวะเข้าพิฆาตทันที!” เย่หยวนตะโกนสั่งการโดยไว “รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยปากรับคำทันที
แต่คล้อยหลังที่พ่วงท้ายอยู่นั้นเอง สีหน้าของต้วนเฟยมืดทมิฬลงเล็กน้อย เขากล่าวว่า “พวกเราจะไปด้วย!” ทว่าสุ้มเสียงยังไม่ทันจางหาย กลับมียักษ์หินโลกันตร์สุดแกร่งกล้าตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากบ่อหินหนืดข้างใต้ เข้าประจันหน้ากับต้วนเฟยโดยตรง สีหน้าการแสดงออกของต้วนเฟยพลันผลันแปรในทันใด เขาอุทานร้องลั่นด้วยความตกตะลึงว่า
“ยักษ์หินโลกันตร์ระดับชั้นอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า!!”
ยักษ์หินตนนั้นไม่เปิดโอกาสรั้งรอให้เขาประหลาดใจมากนัก พร้อมประเคนหมัดหนักซัดใส่เขาทันทีอย่างไม่มีเหตุผล
บูมมม!
ต้วนเฟยถูกบีบให้ต้องสัประยุทธ์รับมือ เขาแลกกระบวนโจมตีใส่ยักษ์โลกันตร์นั้นเต็มสูบ จนร่างคล้อยหลังรนถอยออกไปหลายสิบก้าว ก่อนจะทรงตัวได้ดังเดิม อีกหนึ่งหมัดของมันก็ซัดต่อไม่มีเวลาให้หายใจหายคอ
“บัดซบ! เจ้ากล้าหลอกข้า?! เขารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่จะมียักษ์หินโลกันตร์ระดับชั้นนี้?!”
ต้วนเฟยในยามนี้กัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชังสุดหัวใจ! เขาจะยังไม่ทราบได้อย่างไรว่า เย่หยวนขุดหลุมพรางให้เขากระโดดลงไปเต็มๆ?
เย่หยวนที่มอบทรายมวงทองให้แก่เขา ทั้งหมดก็เพื่อล่อเป้าให้ยักษ์หินโลกันตร์ตนนี้จัดการตัวเขาให้สิ้นซากในพริบตาเดียว ยังมียักษ์หินโลกันตร์อีกหลายตัวตรงเข้ามาสมทบ และเข้าล้อมกรอกต้วนเฟยทั่วสารทิศ ต้วนเฟยเองก็ทราบ เขาเสียท่าให้เย่หยวนแล้ว แต่มันก็สร้างความหายนะให้แก่เขาได้จริงๆ
ท้ายที่สุดนี้เย่หยวนลงมือตามแผนได้อย่างแนบเนียน เรียกได้ว่าแม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ตัว ทุกคนต่างมองว่า เย่หยวนและพวกของเขาเป็นตัวล่อชั้นดีในการเดินทางครั้งนี้ แต่ใครจะไปคิด กลับเป็นพวกเขาเสียเองที่เป็นตัวล่อในท้ายที่สุด!
พวกเย่หยวนเดินทางมาถึงปลายสะพานหินแล้ว ซึ่งเบื้องหน้าต่อไปเป็นถ้ำขนาดใหญ่ และยักษ์หินโลกันตร์ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าถ้ำนั้นก็มีจำนวนแค่ห้าถึงหกตัวเทานั่น ในขณะที่อีกกองใหญ่นับไม่ถ้วนอยู่ทางด้านต้นสะพานที่พวกต้วนเฟยต้องรับมือ ยักษ์หินโลกันตร์พวกนี้ทรงพลังอย่างมาก
เย่หยวนที่มาถึงตรงนี้ก็มิกล้าประมาทเช่นกัน เขาคำรามสั่งการอีกครั้งว่า “เร่งปิดฉากโดยไว อย่ายืดเวลาสู้ให้นานนัก!” เย่หยวนกล่าวเสียงดังฟังชัด
จากนั้นเขาก็นำกุ้ยหยุนออกมา พร้อมเข้าสัประยุทธ์เดือดกับพวกยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาย เย่หยวนเพิ่งเลื่อนระดับชั้นมา ดังนั้นการสำแดงใช้สยบดาราฉบับสมบูรณ์จึงไม่กินแรงเขาอีกต่อไป
ชวิ้ง!
ชวิ้ง!
ชวิ้ง!
เย่หยวนปลดปล่อยเพลงดาบออกไปสามกระบวนต่อเนื่อง! ถึงกระนั้นเองผลจากการปลดปล่อยสามกระบวนติดเช่นนี้ พลังปราณเทวะของเย่หยวนก็ถูกหยิบใช้ไปมากกว่าครึ่ง เขาเร่งรับโอสถฟื้นคืนพลังปราณเทวะตบเข้าปากทันทีและโดยไม่ต้องกังวลว่าใครจจะมาเห็น เพราะบริเวณโดยรอบนั้นถูกไป๋เฉินบังมุมจนมิด
บูมมม!
กรงเล็บของกุ้ยหยุนตบเข้าใส่ยักษ์หินโลกันตร์ตัวนั้นจนแหลกเป็นผุยผง เมื่อเหลียวมองไปทางด้านคนอื่นๆ รวมไปถึงตัวไป๋เฉินเอง ยามนี้พวกเขาทั้งหมดล้วนก่อศึกสัประยุทธ์เดือดเหมือนกันทั้งสิ้น
“เจ้าไปช่วยไป๋ซิ่ว ขาจะไปช่วยที่เหลือเอง!” เย่หยวนตะโกนสั่งการกุ้ยหยุน
“รับทราบนายท่าน!” กุ้ยหยุนเปล่งเสียงขานตอบและเร่งรุดไปช่วยโดยเร็ว หลังจากที่เขาฝึกปรืออักขระร้อยภูตเต๋า พลังการต่อสู้ของเขาก์ทรงพลังขึ้นเป็นอย่างมากเป็นทวีทบ
แม้ว่ายักษ์หินเหล่านี้จะแกร่งกล้า แต่พวกมันล้วนถูกบดขยี้ไม่เหลือ ภายใต้เงื้อมมือเขาในเวลาอันสั้น โชคยังดีที่ทางด้านคนที่เหลือไม่มียักษ์หินโลกันตร์ระดับชั้นอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า สิ่งเหล่านี้จึงหาใช่เรื่องยากเกินไปที่จะสัประยุทธ์ต่อกร
ไม่นานหลังจากนั้น ภายใต้ความร่วมมือของเย่หยวนและกุ้ยหยุน เหล่ายักษ์หินโลกันตร์ห้าหกตัวเหล่านั้น ก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระเด็นเป็นสะเก็ตลูกไฟเกลือนทั่วทุกพื้นที่ พวกเขาเหล่าวังเทวะรัตติกาลฉายปราศจากเจตนาหันกลับไปช่วยเหลือ พวกที่อยู่ท้ายหลังแม้แต่น้อย
“เย่หยวน เจ้ากล้า!?”
ต้วนเฟยที่กำลังสัประยุทธ์เดือดกับยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่อยู่คล้อยหลัง รู้สึกพิโรธโกรธเกรี้ยวเป็นที่สุด พรอมตะโกนลันใส่เย่หยวน
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสระดับสูง หาใช่ว่าเย่คนนี้ไม่อยากช่วยท่าน แต่ยักษ์หินโลกันตร์ตนนั้นมีพลังมากเกินไป ข้าเองก็มีหัวใจความรู้สึก แต่ไร้ซึ่งพลัง! และที่สำคัญเลย หน้าที่ของข้าคือการสำเร็จเส้นทางนำพวกท่านไปแต่แรกแล้ว เช่นนั้นหวังว่าจะได้พบหน้ากันอีก…หากยังไม่เป็นอะไรตายก่อน!”
บูมมม
!คำกล่าวของเย่หยวนได้ยั่วโทสะของต้วนเฟยเข้าอย่างจัง แต่ระหว่างนั้นเอง กำปั้นหนักของยักษ์หินโลกันตร์ตนนั้นเองก็ซัดเข้าใบหน้าของเขาเต็มกำลังสูบจนกระเด็นออกไปไกล
“อ๊ากกก!!”
ต้วนเฟยร้องคร่ำครวญลั่นน้ำเสียงน่าเวทนายิ่ง ยามนี้กล่าวได้ว่าใบหน้าของเขาเสียโฉมไปกว่าครึ่ง การถูกเผาโดยศาสตร์แห่งไฟอันลึกซึ้งเช่นนี้ หาใช่เรื่องง่ายที่จะรักษา
“ไป๋เฉิน! วังเทวะรัตติกาลฉายต้องการเป็นศัตรูกับวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?!” ต้วนเฟยหาได้ใส่ใจรอยแผลบนใบหน้า เขาตะโกนลั่นสุดเสียงอย่างเดือดดุ
สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินแปรเปลี่ยนในทันที ก่อนชะงักหยุดฝีเท้าลง
“ท่านอาจารย์…” ไปเฉินเอ่ยขึ้นดูค่อนข้างลังเลใจ
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “รอให้มันรอดชีวิตออกมาได้ก่อนค่อยข่มขู่เรา! หากไม่รีบไปตอนนี้ กลับเป็นฝ่ายเราที่ต้องตายแทน!”
แววตาไสวคู่นั้นของไป่เฉินแลดูมุ่งมั่นขึ้นหลายส่วน เขากัดฟันแน่นกล่าวว่า “ไปกันต่อ!”
ไป๋ซิ่วและที่เหลือย่อมเข้าใจสิ่งที่เย่หยวนกล่าวไปเช่นกัน นอกจากนี้พวกเขาเองก็ยังขุ่นเคืองต้วนเฟยไม่นอย ปล่อยให้แล้วแต่บุญแต่กรรมไปย่อมดีกว่า
เมื่อตอนที่พวกเขาประสบภัยจากการู่โจมของพวกอสูรปีศาจโลกันตร์ คนพวกนั้นเองก็มิได้ให้ความช่วยเหลือเช่นกัน ความอาฆาตแค้นภายในใจของพวกเขาลุมาถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน หากไม่มีเย่หยวน ป่านนี้พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายอยู่ภายในนั้นนานแล้ว มีหรือยังมีโอกาสยืนดูเรื่องตลกตรงนี้ได้? เมื่อเห็นพวกวังเทวะอีกเจ็ดแห่งที่เหลือ กรีดร้องระงมด้วยความทรมานบนสะพานหินนั้น พวกไป๋ซิ่วรู้สึกยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง!
ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ยืนดูมิใช่รึ? คราวนี้ถึงตาพวกข้าบ้างแล้ว!
“ซากอักขระเทวะแห่งดูจะผิดประหลาดมิใช่น้อย เบื้องหน้าต่อไปไม่น่าปลอดภัยแม้สักนิด เช่นนั้นทุกคนจำต้องระวังตัวกันให้มากขึ้น!” เย่หยวนกล่าวเตือน
…………………………………
ตอนที่ 1437 ฉืนเทียนเผยตัว!
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวีด!
หวีด!
หวีด!
…
เหล่ายักษ์หินโลกันตร์ซัดกระหน่ำครั้งแล้วครั้งเล่า คลื่นพลังที่ปลดปล่อยออกไปกวาดล้างทั่วทั้งบริเวณทั้งหมด
ในทำนองเดียวกัน ยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าตรงหน้า ต้วนเฟยทำได้แค่เลี่ยงหลบเท่านั้น หาได้หาญกล้าเข้าเผชิญหน้ากับมันโดยตรงเลย
ยักษ์หินโลกันตร์ตนนี้แข็งแกร่งเกินไป แต่ละหมัดที่พวยพุ่งออกไปล้วนกอปรไปด้วยศาสตร์แห่งไฟอันลึกล้ำยิ่ง ซึ่งมันทรงพลังอย่างหาทีเปรียบไม่
“ให้ตาย! เย่หยวน ยามใดที่ข้าจับตัวเจ้าได้ จ้าจะฉีกแขนขาของเจ้าออกมาเป็นชิ้นๆ!”
ต้วนเฟยยามนี้รังเกียจเย่หยวนถึงขีดสุด
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ความคิด ยักษ์หินโลกันตร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาทรงพลังมากเกินไป
ต้วนเฟยถูกสกัดเคลื่อนไหวไปไหนมิได้ กล่าวได้ว่าไม่เหลือเวลาให้ทำอย่างอื่นเลย
โดยรอบบริเวณเคียงข้าง ปรากฏเสียงกรีดร้องดังระงมไม่หยุดหย่อน
ทุกคนต่างถูกพวกยักษ์หินโลกันตร์ปิดล้อมทั่วทุกมุม และมีจำนวนผู้คนไม่น้อยที่เริ่มพลาดท่าเสียทีแก่พวกมัน
ชวิ้งง!
ในเวลานั้นเองร่างเงาดำสายหนึ่งพุ่งฝ่าออกจากใจกลางกรอบที่ตีล้อมของพวกยักษ์หินโลกันตร์ออกมา ก่อนที่ร่างแปรเปลี่ยนเป็นประกายไสวกระตุกวูบหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
สีหน้าของต้วนเฟยมืดทมิฬลงเป็นคำรบสอง เขาตะโกนลั่นด้วยความโกรธจัดอีกคราว่า
“ประมุขวังเทวะสัมปรายภพ! เจ้าเองก็ต้องการเป็นศัตรูกับวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน?!”
อย่างไรก็ตาม‘ประมุขวังสัมปรายภาพ’กลับหาได้ใส่ใจฟังไม่ และอันตรธานหายลับสายตาของเขาไปโดยตรง
ต้วนเฟยโมโหจัดแทบสมองแทบระเบิด
ลืมเรื่องวังเทวะรัตติกาลฉายไปได้เลย นามนี้แม้แต่ประมุขวังเทวะสัมปรายภพยังหาญกล้าไม่ฟังคำพูดของเขาแล้วเช่นกัน
นี่มันมากเกินไปแล้ว!
“ให้ตาย! หลังจากที่กลับไปคราวนี้ ข้าจะต้องคิดบัญชีกับวังเทวะรัตติกาลฉาย กับวังเทวะสัมปรายภพให้เบ็ดเสร็จเลยคอยดู! เจ้าพวกนี้หยิ่งผยองเกินไป!”
ต้วนเฟยครุนพินิจเดือดดาลอยู่ภายในใจ
ภายในหัวของฉินเทียนมีแต่เรื่องฆ่าเย่หยวน ดังนั้นในตอนนี้มีหรือจะมีเวลาไปสนใจตวนเฟย?
วังเทวะสัมปรายภพจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้หรือจะลงเอยอย่างไร มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
ความแกร่งกล้าของฉินเทียนสำเร็จถึงอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้นแล้ว นอกจากนี้ขอบเขตความเข้าใจของเขายังสูงส่งมาก เมื่อเทียบแล้วระดับพลังค่อนข้างใกล้เคียงกับคนในวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นแค่การตีฝ่าออกจากวงล้อมของพวกยักษ์หินโลกันตร์เหล่านี้จึงหาใช่เรื่องยากอันใด
เข้าแฝงตัวอยู่ในดินแดนนภาบรรพตมาเป็นเวลาสิบปีเต็มโดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ การฆ่าเย่หยวน
และเมื่อมีโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจะปล่อยมันไปเฉยๆได้อย่างไร?
…
กลุ่มคนของวังเทวะรัตติกาลฉายกำลังติดตามเย่หยวนซึ่งเป็นผู้นำ ตรงเข้าสำรวจเส้นทางเบื้องหน้าอย่างแช่มช้าระมัดระวัง
“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง! เดินทางเข้ามาในซากอักขระเทวะครั้งนี้ดูจะอันตรายกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา!”
ไป๋ซิ่วเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“หากข้าเดาไม่ผิด มันน่าจะเป็นเพราะภายในนี้น่าจะมีสมบัติล้ำค่า!”
“สมบัติล้ำค่ากำลังจะปรากฏขึ้นมา!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ ทุกคนต่างเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความยินดี
สมบัติล้ำค่ากำลังจะปรากฏขึ้นมา แล้วใครจะสงบใจลงได้?
บางทีนี้อาจกลายเป็นโชคดีของพวกเขาที่มีครั้งเดียวในชีวิต!
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของพวกเขา เย่หยวนพลันแสยะยิ้มบางและกล่าวว่า
“พวกเจ้าทุกคน ยังเร็วเกินไปที่จะดีใจจเชนนั้น จะเป็นโชคชะตาหรือหายนะของชีวิตกลับมีใครทราบ! หากประเมินไจนไม่ระวัง พวกจ้าทุกคนอาจตายไม่รู้ตัว!”
เสมือนถูกเย่หยวนสาดน้ำเย็นเข้าใส่อย่างจัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่า นั้นมิอาจดับความตืนเต้นของพวกเขาลงได้ทั้งหมด
คำเตือนเหล่านี้ทุกคนต่างตระหนักทราบดี เพียงว่ายามเผชิญหน้ากับสมบัติสุดล้ำค่า พวกเขาจะสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างไร?
ทันนั้นทุกคนก็ตรงมาถึงพื้นที่เปิดโล่ง คลื่นพลังไร้ขอบเขตทำเอาทุกคนดวงตาสว่างไสวขึ้นฉับพลัน
“ผลเก้าทำนองกายาอมตะ! แถมยังมีเยอะมาก!”
“มีจำนวนไม่น้อยที่โตเต็มที่แล้ว! ประสบโชคดีครั้งใหญ่แล้ว!”
ตรงหน้าพวกเขาปรากฏเป็นสวนผลเก้าทำนองกายาอมตะมากมาย บริเวณโดยรอบที่แห่งนี้มีมันอยู่เกลือนเต็มไปหมด
ผลเก้าทำนองกายาอมตะจะถูกแบ่งออกเป็นสองระดับ คือ กึ่งสุกกับโตเต็มที่ ซึ่งผลที่ไป๋เฉินมอบให้เย่หยวนเป็นแบบกึ่งสุก
ในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่ในวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ก็มีผลเก้าทำนองกายาอมตะแบบโตเต็มที่อยู่เพียงเล็กน้อยเช่นกัน
ผลเก้าทำนองกายาอมตะแบบโตเต็มที่จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า หากให้เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าบริโภคเข้าไป มันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเลื่อนระดับขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า
ดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นผลเก้าทำนองกายาอมตะเหล่านี้ ทุกคนจึงเกิดความต้องการอย่างหาสิ้นสุดไม่
“ผู้อาวุโสสูงสุด พวกเรา…สามารถเก็บเกี่ยวพวกมันเข้ากระเป๋าเลยได้หรือไม่?”
ไป๋ซิ่วอดใจเอ่ยปากถามมิได้
ตามกฎของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์แล้ว ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ ผลเก้าทำนองกายาอมตะ และทรายม่วงทอง สิ่งของจำพวกเหล่านี้ล้วนมีอภิสิทธิ์แค่คนของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถเก็บเกี่ยวได้
หลังจากนั้นวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์จะตอบแทนตบรางวัลให้เล็กน้อยเป็นครั้งคราว ตามผลงานของวังเทวะแต่ละแห่ง
ผลเก้าทำนองกายาอมตะเหล่านี้ ไปเฉินเองก็อยากจะได้เก็บไว้เช่นกัน
แต่อิทธิพลอำนาจที่วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ได้สั่งสมเอาไว้กลับแผ่ไพศาลเกินไป ดังนั้นต่อให้เป็นไป๋ซิ่ว ผู้เปรียบดั่งจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็มิกล้าหุบของพวกนี้เอาไว้โดยพลการ
เย่หยวนอดหัวเราะมิได้ขณะกล่าวว่า
“หากพวกเราเก็บเกี่ยวพวกมันมิให้เหลือซาก แล้วต้วนเฟยและคนอื่นๆจะทราบได้อย่างไรว่าที่นี่มีผลเก้าทำนองกายาอมตะ? ตราบใดที่ข้าไม่พูด เจ้าไม่พูด แล้วใครจจะไปรู้? หรือชั่วชีวิตนี้พวกเจ้าจะอยู่ใต้การกดขี่ของพวกมันไปตลอด?”
พวกเขาสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยิน ก่อนเอ่ยถามอีกครั้งอย่างอดมิได้
“เช่นนั้น…ไปเก็บเกี่ยวกันเลย?”
ไป๋ซิ่วเอ่ยถามพร้อมท่าทีค่อนข้างตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“ลุย!”
เย่หยวนเอ่ยตอบให้สัญญาณทันทีโดยไม่มีลังเล
ภายใต้คำสั่งการของเย่หยวน ทุกคนราวกับถูกฉีดกระตุ้นคึกคักอย่างยิ่ง พร้อมพุ่งไปเก็บเกี่ยวผลเก้าทำนองกายาอมตะเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
ไป๋ซิ่วถือผลที่โตเต็มที่มาจำนวนหนึ่ง พร้อมเดินตรงไปหาเย่หยวนและยิ้มกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสสูงสุด หากไม่ได้ท่านช่วยเอาไว้ พวกเราคงไม่มีทางได้รับผลเก้าทำนองกายาอมตะจำนวนมากขนาดนี้เป็นแน่ ผลโตเต็มที่เหล่านี้ท่านควรรับไว้! แล้วผลกึ่งสุกทั้งหมดล้วนเป็นของผู้อาวุโสสูงสุด!”
แต่เย่หยวนเอื้อมไปหยิบแค่ผลเดียวกลับมาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“อย่างน้อยเจ้ายังมีสำนึกรู้คุณ! แต่ข้ามิได้ต้องการสิ่งพวกนี้เลย ขอแค่ผลเดียวนับว่าเพียงพอ ส่วนที่เหลือแจกจ่ายให้แก่ทุกคนต่างสมควร!”
เหล่าเซียนของวังเทวะรัตติกาลฉายยามนี้เสมือนโจรป่า เข้าทำความสะอาดสวนผลเก้าทำนองกายาอมตะซะจนเกลี้ยง
คล้อยหลังไม่นาน พวกเขาก็เก็บเกี่ยวผลเก้าทำนองกายาอมตะทั้งหมดจนไม่เหลือซาก ไม่ทิ้งร่องรอยเหลือเลยแม้สักนิด
แต่ทันใดนั้นสีหน้าเย่หยวนพลันมิดทมิฬลงทันที ยามเห็นชายชุดคลุมดำสวมหน้ากากผีค่อยๆ ย่างก้าวตรงเข้ามาในพื้นที่เปิดโล่ง
เขาไม่คิดเลยนว่าสหายคนนี้จะรีบลงมือชำระแค้นว่องไวถึงปานนี้
“ฉินเทียน ดูเหมือนว่าข้ายังประเมินเจ้าต่ำเกินไป!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงสุดเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินวาจาคำกล่าวเหล่านั้น ฉินเทียนพลันรู้สึกประหลาดใจไม่ต่าง ก่อนจะถ่อยๆถอดหน้ากากออกมาและกล่าวว่า
“เจ้าทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นข้า! ดูเหมือนว่าไหวพริบของเจ้าค่อนข้างน่าประทับใจจริงๆ ไม่น่าแปลกใจว่าไฉนท่านลุงหยวนหลงถึงต้องยอมจำนนในเงื้อมมือเจ้า!”
เย่หยวนแสยะยิ้มสุดเยือกเย็นและกล่าวว่า
“เหอะ พวกตระกูลฉินมันครองน่านนภาได้ด้วยมือข้างเดียวจริงๆ!”
ฉินเทียนยิ้มและกล่าวตอบไปว่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าะโกรธข้าไม่น้อย ดี! ข้ามีความสุขยิ่งที่เห็นเจ้าเป็นแบบนี้! อย่าได้ถือโทษ หากต้องกลับชาติมาเกิดใหม่!”
“ลืมไปเถอะ ต่อให้กลับชาติมาเกิดใหม่ในตระกูลฉิน ข้าก็ขอกัดลิ้นตายดีกว่า!”
เย่หยวนกล่าวเย้ยหยันวาจาเป็นคำตอบ
สีหน้าการแสดงออกของฉินเทียนเย็นชาลงในทันใด เขากล่าวน้ำเสียงขรึมเข้มว่า
“ฝีปากเฉียบคมไม่เปลี่ยน! เจ้ามิอาจเลี่ยงหลบโทษที่ก่อไว้ได้! ความอัปยศอดสูที่เจ้ามอบให้ข้า เตรียมชำระต้นดอกในวันนี้ด้วยเลือดสดในกายเจ้า!”
ขณะทีเอย่ออกมา ฉินเทียนค่อยๆ ปลดผลึกขุมกำลังที่ซ่อนแฝงเอาไว้โดยตลอดออกมา ทั่วกายาระเบิดพลังพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรงขึ้สู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้นโดยตรง!
เหล่าเซียนของวังเทวะรัตติกาลฉายยังคงงุนงงไม่เข้าใจสถานการณ์
จวบจนตอนนี้ ยามสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แท้จริงของฉินเทียน ทุกคนต่างหน้าถอดสีในบัดดล!
“ผู้บุกรุก! มันคือผู้บุกรุกต่างแดน!”
ไป๋ซิ่วร้องคำรามลั่นด้วยความตกใจ
เมื่อรัศมีกลิ่นอายของฉินเทียนพุ่งทะยานถึงขีดสุด เคล็ดวิชาที่ใช้ผนึกเต๋าของตนก็ยิ่งคลายอ่อนลง ส่งผลให้ฉินเทียนถูกศาสตร์แห่งสวรรค์ของดินแดนนภาบรรพตปฏิเสธทันที
แต่สิ่งที่เหล่าผู้คนของวังเทวะรัตติกาลฉายตืนตะลึงที่สุดหาใช่เรื่องของฉินเทียน แต่เป็นเย่หยวน!
ทุกคนต่างเหลือบตามองเย่หยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา
จากบทสนทนาก่อนหน้า แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าเย่หยวนกับฉินเทียนรู้จักกันมาก่อย หากอีกฝ่ายเป็นผู้บุกรุกต่างแดน ก็แสดงว่าเย่หยวนเองก็เป็นผู้บุกรุกต่างแดนเช่นกัน!
…………………………………
ตอนที่ 1438 สัประยุทธ์เดือดกับฉินเทียน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่รัศมีแรงกดดันของฉิอนเทียนเพิ่มโหมเป็นทวี สีหน้าการแสดงออกของทุกคนก็พลันแปรเปลี่ยนดูหวาดกลัวขึ้นในทันที
แม้จะถูกศาสตร์แห่งสวรรค์ของดินแดนแห่งนี้ปฏิเสธ แต่ความแกร่งกล้าของฉินเทียนยังคงน่าสะพรึงขวัญยิ่ง!
“เพลงดาบฟ้าดินว่างเปล่า!”
วรยุทธชนิดนี้เป็นหนึ่งในหกวิชาลับแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่ง เพลงดาบฟ้าดินว่างเปล่า!
หากย้อนกลับไปในตอนที่เย่หยวนท้าประลองเป็นตายกับฉินส่าว เขาเองก็เคยเห็นการเคลื่อนไหวนี้กับตามาแล้วทีหนึ่ง
เว้นเสียว่าครั้งนี้เป็นฉินเทียนสำแดงใช้ออกมา ขุมพลังอานุภาพมิอาจเทียบเทียมได้แม้แต่น้อย
นี่คือศาสตร์แห่งดาบชั้นสวรรค์ระดับสองขั้นสุด!
“กุ้ยหยุน!”
“รับทราบนายท่าน!”
ร่างของกุ้ยหยุนปรากฏขึ้นต่อหน้า พร้อมเข้าเผชิญหน้ากับฉินเทียนทันที
ส่วนฉินเทียนในปัจจุบัน อาณาจักรพลังสูงเกินกว่าที่เย่หยวนจะสามารถรับมือได้
เมื่อฉินเทียนเห็นสถานการณ์ดังนั้น เขาแสยะยิ้มเอ่ยปากวาจาแสนเหยียดหยามขึ้นว่า
“วิญญาณชั่วสองดาวชั้นปลาย? จะเป็นคู่มือข้าได้อย่างไร? ข้าฉินเทียนผู้นี้จะส่งพวกเจ้าลงนรกเอง!”
เมื่อสิ้นเสียงกล่าวจบ ฉินเทียนร่ายเพลงดาบฟ้าดินว่างเปล่าอันกอปรไปด้วยจิตสังหารแห่งดาบสุดแกร่งกล้า จู่โจมใส่เย่หยวนไม่มีรั้งรอน
ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งบริเวณแผ่ซ่าน จิตสังหารแห่งดาบอันทรงพลังกระจายปกคลุมสารทิศ เหล่าเซียนโดยรอบต่างแหกันร่นถอยประดุจหนีโรคระบาด
“แข็งแกร่งยิ่งนัก! ขนาดอาณาจักรพลังของเขาถูกศาสตร์แห่งสวรรค์ปฏิเสธ แต่ก็ยังสามารถสำแดงวรยุทธต่อสู้อันทรงพลังขนาดนี้ได้!”
“เป็นไปได้ไหมว่า เหล่าเซียนนอกดินแดนจะทรงพลังขนาดนี้กันทุกคน?”
“ช่างน่ากลัวโดยแท้! บุคคลนี้ยังเด็กอยู่มาก แต่ความแกร่งกล้าของเขาเพียงคนเดียวกลับสามารถกวาดล้างบรรดาเซียนของวังเทวะได้ทั้งหมด!”
…
ในขณะที่ฉินเทียนสำแดงฤทธิ์ท่าร่างจู่โจม ทุกคนต่างตืนตกใจกับภาพฉากตรงหน้าสุดเหลือเชื่อ
แต่ในเวลานั้นเอง มือของกุ้ยหยุนคล้ายดึงอักขระแปลกๆออกมา หลังจากนั้นกระแสพลังเย็นสุดขั้วพลันระเบิดคลั่งออกมา ห้วงอากาศเบาบางฉีกกระชากออก
ความแกร่งกล้าของกุ้ยหยุนทะลวงขึ้นสู่สอวดาวขั้นสุดในอึดใจเดียว!
“อักขระร้อยภูตเต๋า วิญญาณภูตสิงสู่ กรบเล็บราตรีสังหาร!”
ช่วงเวลานี้เอง กุ้ยหยุนหยิบใช้อักขระร้อยภูตเต๋าถึงสองตัวออกมาสัประยุทธ์!
เขาในตอนนี้ช่างแตกต่างไปจากตอนที่เป็นวิญญาณชั่วสองดาวในถ้ำสายลมหยินโดยสิ้นเชิง!
บูมมม!
กรงเล็บราตรีสังหารเข้าปะทะกับจิตสังหารแห่งดาบ แรงระเบิดที่ก่อเกิดพัดเอาบริเวณทั่วทั้งถ้ำสั่นคลอนหนัก จนท้ายที่สุดแทบจะพังทลายลงมา
คู่สายตาที่จับจ้องของฉินเทียนแปรเปลี่ยนดูจริงจังขึ้นหลายส่วน เห็นได้ชัดว่า เขาคาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า วิญญาณชั่วสองดาวยังมีไพ่เด็ดแบบนี้เร้นซ่อนอยู่!
เมื่ออักขระรอยภูตเตาสองตัวผสานรวมกัน มันสามารถต้านรับเพลงดาบฟ้าดินว่างเปล่าอันทรงอานุภาพของเขาได้อย่างไม่มีเสียเปรียบ
“หึ! นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง! แต่…ไพ่เด็ดเช่นนี้จะคงทนอยู่ได้นานเพียงใดเชียว?”
ฉินเทียนระเบิดหัวเราะเสียงเยนสะท้านดังลั่น จิตสังหารแห่งดาบเพิ่มทวีขึ้นอีกคครั้ง และเข้าปะทะกับกรบเล็บราตรีสังหารโดยตรง
ฉินเทียนตอนนี้นับว่าแกร่งกร้าวจนน่ากลัว แม้ว่าจะถูกศาสตร์แห่งสวรรค์ระงับพลังเอาไว้
แต่ความน่ากลัวของเพลงดาบฟ้าดินว่างเปล่ากลับไม่ถูกลดทอนลงอย่างใด ถึงกระนั้นกรงเล็บราตรีสังหาร็มิได้แสดงอาการเสียเปรียบแต่อย่างใด
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ กุ้ยหยุนมีพลังอยู่ที่สองดาวชั้นปลาย เขาที่อาศัยกรงเล็บราตรีสังหารเพียงอย่างเดียว ก็สามารถต่อกรกับฮั่นเทียนหยางได้หลายร้อยกระบวน และไม่มีท่าทีว่าจะพ่ายแพ้แต่อย่างใด
กุ้ยหยุนมีขุมพลังแห่งภูตที่แกร่งกล้าอย่างยิ่ง ด้วยพลังของกรบเล็บนี้ ถึงจะไม่สามารถเอาชนะฉินเทียนได้ แต่รับมือได้แบบนี้นับวาสูสีนัก!
ในอีกด้านหนึ่ง ถึงแม้นอาณาจักรพลังของฉินเทียนจะเท่าเดิม แต่ขุมพลังของเขานับว่าเหนือชั้นกว่าฮั่นเทียนหยางอยู่หลายขุม
หากเขามิได้ถูกจำกัดพลังโดยศาสตร์แห่งสวรรค์ ความแข็งแกร่งของเขายิ่งจะทวีความน่ากลัวกว่านี้หลายเท่านัก
นามขานยอดอัจจฉริยะอันดับหนึ่งของศิษย์ชั้นใน มิใช่ว่าใครก็สามารถเรียกได้
สีหน้าเย่หยวนมืดทมิฬลงดูน่ากลัวยิ่ง เพราะเขาทราบว่า หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป กุ้ยหยุนไม่สามารถต้านรับได้ไหวเป็นแน่
สยบดาราที่ว่าทรงพลังที่สุดในยามนี้ ไม่สามารถต่อกรได้กับการโจมตีปกติของฉินเทียนด้วยซ้ำ!
“เหอะ เสี้ยวเศษพลังสิ้นดี แต่ยังคิดลองดีกับข้า! เมื่อใดที่ข้าจักการผีตัวนี้เสร็จ ข้าให้เจ้าได้ลิมรสกับคำว่า สิ้นหวังเอง!”
ฉินเทียนที่อยู่ท่ามกลางการต่อสู้อันเดือดดุ ดูเหมือนยังมีพลังเหลือเฟือสำหรับการต่อสู้ มาตรได้ว่ายังสนทนากับเย่หยวนได้อย่างสบายอารมณ์
สถานการณ์ในขณะนี้ของเย่หยวนค่อนข้างคับขันแล้ว!
เมื่อไปเฉินเห็นเช่นนั้น เขาพลันวิตกกังวลขึ้นสุดขีด!
“ไป๋ซิ่ว พวกท่านทุกคนยังรออะไรอยู่อีก! หรือเป็นไปได้ไหมที่พวกท่านจะยืนมองท่านอาจารย์เย่ถูกฆ่าไปเฉยๆ?”
ไป๋เฉินคำรามเสียงดังใสไป๋ซิ่วทันทีอย่างอดมิได้
สีหน้าการแสดงออกของไปซิ่วดูขัดแย้งซับซ้อนยิ่ง เขาเอ่ยกล่าวออกมาด้วยความลำบากใจว่า
“แต่…แต่เขาเป็นผู้บุกรุก!”
“เป็นผู้บุกรุกแล้วอย่างไร? ทานควรจะทรารบดีว่า ท่านอาจารย์เย่ช่วยเหลือวังเทวะรัตติกาลฉายของพวกเรามากมายเท่าใดแล้ว? หากไม่มีเขา ท่านยังมีลมหายใจจวบจนบัดนี้รึ? ลองตั้งคำถามกับตัวเองดู แม้นตอนนั้นท่านขึ้นกลายเป็นประมุขวัง แต่ถ้าไม่มีเขาคอยช่วย คงถูกวังเทวะพิรุณร่วงโรยโจมตีจนไม่เหลือแล้วจริงหรือไม่? ทั้งตอนอสูรปีศาจโลกันตร์กับยักษ์หินโลกันตร์ก่อนหน้านี้อีก อาศัยตัวท่านเพียงคนเดียว มีหรือจะรอดได้ถึงตอนนี้?”
คำกล่าวของไป๋เฉินเหมือนถูกยกทั้งหุบเขามาทับกลางหัวใจของทุกคน
ไป๋ซิ่วนิ่งเงียบไปครูหนึ่ง สีหน้าการแสดงออกยิ่งรวนเรขัดแย้งกันมากขึ้น
ในขณะนี้เย่หยวนกับกุ้ยหยุนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต
พลังปราณเทวะของเย่หยวนเริ่มไม่เพียงพอแล้ว การจะสำเงใช้สยบดาราฉบับสมบูรณ์ต่อเนื่องแบบครั้งแรก ตอนนี้กลับเป็นไปไม่ได้เลย เขาทำได้เพียงโจมตีเป็นระลอกเล็กระลอกน้อยเพื่อก่อกวนฉินเทียน ลดความกดดันให้แก่กุ้ยหยุน
แต่ดูเหมือนว่า แผนการเช่นนี้กลับไม่ต่างอะไรกับน้ำซึมผืนทรายเลย
ไป๋เฉินกัดฟันกรอดคำรามคำหนึ่งว่า
“หากพวกท่านไม่ไป ข้าเอง! ข้าไปเฉินหาใช่คนอกตัญญูไม่รู้คุณคน!”
ทันทีที่กล่าวจบ ทวนยาวพลันเหวี่ยงควงสะบั้นเข้าสัประยุทธ์ ปราดพุ่งเข้าใส่ฉินเทียนทันที
แต่การโจมตีของไป๋เฉิน ฉินเทียนกลับหาไดใส่ใจแม้สักนิด
ความแกร่งกล้าของไป๋เฉินไม่สามารถทำอันตรายใดเขาได้ แม้แต่สร้างรอยร้าวให้แก่เกราะลมปราณขอบฉินเทียนด้วยซ้ำ!
บูมมม!
ทวนยาวของไป๋เฉินยังไม่ทันลุถึงตัวอีกฝ่าย กลับถูกคลื่นอรงกดดันอัดกระแทกใสจนดิงพสุธากระแทกกำแพงหินอย่างแรง
“พร๊วดดด!”
อวัยวะภายในของไป๋เฉินบอบช้ำหนัก จนกระอักพ่นเลือดสดออกมาโดยตรง
แต่เขาหาได้ยอมแพ้ไม่ เขากระชับทวนยาวในมือแน่นและปราดพุ่งจู่โจมซ้ำเป็นคำรบสอง
บูมมม!
ไป๋เฉินถูกสะบัดกระเดนออกมาอีกครั้งโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่ไป๋เฉินผู้ดื้อรั้นคนนี้หาได้มีเจตนายอมแพ้ไม่ เขาคลายขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า และพยายามโจมตีต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ท่านประมุขวัง!”
ในที่สุดโมหยุนที่มิอาจทนดูต่อได้ เขากระชับทวนยาวเข้าร่วมช่วยเหลือทันที
แต่น่าเสียดายนัก เพราะความแข็งแกร่งของโม่หยุนเองก็ยังขาดตกอยู่มาก
“บัดซบ! ข้าไม่สนแล้ว! วันนี้ตายเป็นตาย!”
ไป๋ซิ่วไม่สามารถทนดูได้อีกคนเช่นกัน พร้อมพุ่งโจมตีใส่ฉินเทียนร่วมด้วย
เขามีพลังอยู่ที่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาย แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะไม่เข้าคู่กับฉินเทียน แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของเขาชั่วระยะหนึ่ง
ทันทีที่เขาเข้าช่วยเหลือ มันก็ช่วยลดความกดดันให้แก่กุ้ยหยุนได้มาก
สำหรับไป๋ซิ่วคนนี้ ฉินเทียนไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป เขาต้องแบ่งพลังส่วนหนึ่งออกมาเพื่อสกัดเขา
“ข้าด้วย!”
“ข้าก็ด้วย!”
เมื่อเห็นไป๋ซิ่วเข้ารวมศึกสัประยุทธ์เดือด ทั้งไป๋หรงและผู้อาวุโสอีกคนก็เร่งตามไปช่วยทันที
ห้าขุมพลังอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าพร้อมกุ้ยหยุนเข้าปิดลอมฉินเทียนทั่วทุกมุม!
เพลงดาบของฉินเทียนงัดใช้ออกมาเข้าปราบปรามทุกคนโดยไว ซึ่งเขาเองก็มิได้เสียเปรียบแม้สักนิด!
อย่างไรก็ตามแต่ ฉินเทียนก็ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่า เย่หยวนจะซื้อใจผู้คนได้มากมายขนาดนี้
ภายใต้สถานการณ์คับขันเช่นนี้ ยังมีเหล่าเซียนของวังเทวะรัตติกาลฉายเข้ามาช่วยเหลือ
‘เลี่ยงเป้าไปทางอื่นก่อนเป็นดี อย่างแรกต้องจัดการเจ้าอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลายคนนั้นก่อน!’
ฉินเทีนนคิดในใจ
ทันใดนั้น เพลงดาบของฉินเทียนก็แปรเปลี่ยนทิศทางในทันใด ก่อนจะหันเข้าทะลวงไป๋ซิ่งด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด! ไม่มีใครสามารถตอบสนองได้ทันเลยสักคน!
“ระวังท่านรองประมุข!”
ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผันกระทันหัน!
ในเสี้ยวอึดใจนั้นเอง ไป๋หรงพุ่งเข้ามาผลักร่างของไป๋ซิ่วออกไป พร้อมเข้ารับดาบของฉินเทียนแทนจนทะลุกลางอก!
…………………………………
ตอนที่ 1439 รับศึกสองด้าน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ไป๋หรง!”
“ผู้อาวุโสไป๋หรง!”
ไป๋ซิ่วและไป๋เฉินแทบจะร้องลั่นออกมาในเวลาเดียวกัน
สายตาของไป๋ซิ่วที่จับจ้องไปทางฉินเทียนในตอนนี้ กลายเป็นสีแดงโลหิตด้วยความโกรธจัด คล้ายว่ากำลังรำไห้เป็นสีเลือด
อย่างไรก็ตามแต่ เบื้องลึกในสายตาคู่นั้นของไป๋ซิ่วยังเร้นซ่อนความครั่นคร้ามอยู่หนึ่งส่วน จิตสังหารแห่งดาบของฉินเทียนมันน่าสะพรึงเพียงใด? หลังจากที่ถูกแทงทะลวงกลางอกไป ขุมพลังของไป๋หรงก็ตกฮวบลงอย่างรวดเร็ว
แต่เสี้ยวอึดใจนั้นเอง กรงเล็บราตรีสังหารของกุ้ยหยุนก็พุ่งเข้าหาฉินเทียนเช่นกัน และมันสายเกินไปแล้วที่ฉินเทียนชักดาบขึ้นมาต้านรับไว้
ทว่าฉินเทียนหาได้ตืนตระหนกไม่เมื่อเผชิญหน้ากับภัยอันตรายตรงหน้า มือซ้ายร่างร่ายหลอมสร้างผนึกคมดาบขึ้นมา และซัดเข้าชนกับกรงเล็บราตรีสังหารทันที
เนื่องจากเป็นการโต้สวนฉับพลัน จึงทำให้คมดาบที่ผนึกถึงขั้นหาใช่คู่มือของกรงเล็บราตรีสังหารได้เลย
อย่างไรก็ตาม ฉินเทียนผู้นี้ทรงพลังเกินไป ยามนีเร่งรุดผนึกสร้างคมดาบเพิ่มเสริมทั้งมือซ้ายและขวา พร้อมเขาผสานกำลังต้านรับกรงเล็บราตรีสังหารนั้น!
ฉินเทียนที่ประสบความล้มเหลวในการฆ่าไป๋ซิ่วทิ้ง ตัวเขาเองค่อนข้างเสียดายมิใช่น้อย
ท้านที่สุดนี้ ไป๋ซิ่วคือบุคคลที่แข็งแกร่งมากที่สุด รองลงมาจจากกุ้ยหยุน
อย่างน้อยการลอบสังหารครั้งนี้ก็ช่วยตัดขุมกำลังอีกฝ่ายได้บ้าง แม้จะเล็กน้อยก็ตามที
ทว่าทันทีทันใด ดั่งมีเสียงระฆังดังลั่นปลุกฉินเทียนให้ระวังตัวกะทันหัน จิตสังหารสายหนึ่งปะทุเดือดระอุโดยไม่มีรั้งรอน
ว่องไวดุจความคิด!
ทันทีที่สัมผัสภัยอันตรายหอบใหญ่ได้ ฉินเทียนเร่งประสานมือสองข้างไม่สนใจผู้ใดรอบข้างอีกต่อไป
การโจมตีครั้งนี้ดูน่าสะพรึงกลัวเกินไป ความรู้สึกของฉินเทียนในตอนนี้ประดุจตกอยู่ในภัยอันตรายครั้งใหญ่หลวงอย่างบอกไม่ถูก!
กลิ่นอายความตายตีขึ้นจมูกได้กลิ่นชัดแจ้ง ฉินเทียนไม่สามารถสงบสติได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงระดมพลังทั้งหมดในร่างอย่างบ้าคลั่งเพื่อผนึกขึ้นเป็นเกราะลมปราณปกป้องร่างกาย
“จันทร์สลาย!”
ดาบพิชิตมารฟ้าตระหง่านเหนือฟ้า คล้ายมีคมคลื่นเสมือนฝนดาวตกโหมกระหน่ำซัดแทงฉินเทียนไม่มียั้ง!
อานุภาพทำลายล้างของกระบวนดาบนี้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าสยบดาราหลายขุมนัก!
ฝนดาวตกระดมทิ่มแทงร่างของฉินเทียนไม่ปล่อยจังหวะให้หายใจ ขีดสุดของกระบวนท่านี้คือความเร็วไร้จำกัด จนทุกคนไม่สามารถตอบสนองมันได้ทัน
บูมมม!
กระบวนดาบนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันโดดเด่น ราวกับจันทราที่แตกสลายกลายเป็นคมมีดเข้ากระหน่ำทิ่มแทงสรรพสิ่งใต้สวรรค์
ดาบพิชิตมารฟ้าฝ่าทลายแนวด้านปราการปเองกันชั้นหนาของเกราะลมปราณฉินเทียนจนแตกออก ห่าฝนคมดาบแทงทะลวงร่างของฉินเทียนรัวเร็วไม่มีหยุด
“พร๊วดดด!”
ทั่วร่างของฉินเทียนคล้ายถูกฟ้าผ่าใส่ กระอักพ่นเลือดสดคำโตอย่างรุนแรง ร่างกระเด็นอัดกำแพงหินสุดแรงไร้ปรานี
“กุ้ยหยุน!”
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนแปรเปลี่ยน พร้อมตะโกนร้องเรียกอย่างเดือดดุ
กุ้ยหยุนเข้าใจโดยปริยาย สำแดงใช้กรงเลบราตรีสังหารอัดซ้ำใส่กำแพงหินโดยตรง!
บูมม!
กำแพงหินที่เป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ ยามนี้ถูกทะลวงซ้ำเป็นหลุมบ่อลึกกว่าเดิมยิ่งขึ้นไป ฉินเทียนที่อยู่ภายในนั้นเป็นตายอย่างไรยังมิอาจทราบ
“ไป!”
เย่หยวนร้องเสียงหลง และเร่งพาทุกคนหนีไปยังส่วนลึกของซากอักขระเทวะต่อทันที
แต่ในเวลานั้นเอง ไป๋ซิ่วที่ยังบ้าดีเดือด ปราดพุ่งเข้าไปในหลุมบ่อลึกบนกำแพงหินโดยไม่สนสิ่งใด
“ไอ้ผู้บุกรุก! ข้าจะฆ่าแก!”
ไป๋ซิ่วคำรามลั่นขณะเหาะทะยานโจมตีใส่สุดแรงเกิด
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนพลันแปรเปลี่ยนทันที ก่อนเร่งตรงเข้าไป พยายามสกัดไป๋ซิ่วจากด้านข้าง
“ไป๋ซิ่ว เจ้าใจเย็นลงก่อน!”
เย่หยวนกล่าวเตือนน้ำเสียงเคร่งขรึม
แต่ไป๋ซิ่วไม่มีท่าทีที่จะหยุดแม้แต่น้อย เขาเหลือบมองไปที่เย่หยวนพร้อมดวงตาสุดแดงก่ำ ก่อนตะคอกขึ้นลั่น
“เจ้าผู้บุกรุกถอยไป! ข้าบอกให้ถอย!”
ไป๋ซิ่วยกฝ่ามือขึ้นพร้อมตบอัดร่างเย่หยวนโดยตรง!
ทว่าเสี้ยวอึดใจนั้นเอง กุ้ยหยุนยังต้านรับสกัดได้ทันท่วงที และปลดปล่อยกรงเล็บราตรีสังหารเข้าต้านภัย
บูมมม!
ในขณะเดียวกัน ฝ่ามือของไป๋ซิ่วอัดลงบนรางของเย่หยวน ถึงจะมีกรงเล็บเข้าช่วยลดทอน แต่นั่นยังคงรุนแรงมากอยู่ดี
ทั้งเย่หยวนและกุ้ยหยุนถูกส่งบินกระเด็นออกไปไกล แยกกระจายเป็นสองทิศทาง!
“พร๊วดด!”
อวัยสะภายในทั่วร่างเย่หยวนกระทบกระเทือนรุนแรง ส่งผลให้กระอักพ่นโลหิตออกมาคำโต
ในขณะที่ร่างของกุ้ยหยุนเริ่มอ่อนแอลงขึ้นทุกที กรงเล็บราตรีสังหารไม่สามารถคงทนรักษาเสถียรภาพต่อไปได้ สุดท้ายพลังแตกสลายหายไป
หวีดด!
กุ้ยหยุนสลายกลายเป็นควันสีเขียนและบินเข้าสู่ร่างเย่หยวน กลับไปฟื้นพลังภายในไข่มุกสยบวิญญาณ
ณ ปัจจุบัน ทั้งเย่หยวนและกุ้ยหยุนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสพร้อมกัน!
ร่างไป๋ซิ่วสั่นสะท้าน ยามนี้ได้สติขึ้นมาในทันใด
หากมิใชเพราะเย่หยวนห้ามเอาไว้ ปานนี้เขาคงบุกเข้าสุมสี่สุ่มห้าจนตายกลายเป็นผีภายใต้คมดาบของฉินเทียนแล้ว
คมดาบของฉินเทียนทำให้เย่หยวนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ในขณะที่คมดาบเดียวของเย่หยวนมิได้ทำให้อีกฝ่ายสาหัสนัก และยังเหลือเรี่ยวแรงที่จะสู้กลับ
ดังนั้นนีจึงเป็นเหตุผลที่เย่หยวนตะโกนลั่นสั่งให้ทุกคนรีบหนีไป
“ไป๋ซิ่ว! ท่านทำบ้าอะไรของท่าน!”
เมื่อไป๋เฉินเห็นดังนั้น เขาก็คำรามใส่ไปซิ่วด้วยความแค้นเคือง
ไป๋ซิ่วเป็นถึงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาบ เช่นนั้นแล้วคิดว่าอานุภาพฝ่ามือนั้นจักทรงพลังขนาดไหน?
หากมิใช่เพราะไป่ซิ่วได้สติก่อนในตอนท้าย และเร่งดึงพลังส่วนใหญ่กลับคืน ท้ายที่สุดเย่หยวนอาจถูกฆ่าตายภายใต้ฝ่ามือของเขาแล้ว
“ท่านอาจารย์เย่…ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
น้ำเสียงของไป๋เฉินสั่นคลอนอย่างหนักราวกับจะร้องไห้
เย่หยวนประคองทรวงอก คล้ายอาการปวดร้าวกำเริบหนัก เขากล่าวขึ้นพร้อมท่าทีอย่างยากลำบากว่า
“ไป…ไปเร็ว!”
โม่หยุนกัดฟันแน่นคำรามใส่ไป๋ซิ่วว่า
“ยังมัวยืนงงอันใดอยู่อีก!?”
ไป๋ซิ่วส่ายหัวไปมาด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะเร่งนำศพของไป๋หรงตรงไปยังส่วนลึกของซากอักขระเทวะต่อทันที
โม่หยุนช้อนแขนประคองร่างเย่หยวนที่บาดเจ็บสาหัสออกไป พร้อมเร่งฝีเท้าทะยานหนีสุดกำลัง
โชคยังดีที่ระหว่างทาง พวกเขามิได้พบพานอันตรายใดๆ แต่ละคนต่างเร่งฝีเท้าตีระยะห่างออกไปสุดแรงเกิด
ทันทีทันใดเบื้องหน้าของทุกคนเสมือนเกิดภาพเบลอหนัก ก่อนจะพุ่งออกมาจากถ้ำ
“มีประตูเยอะเหลือเกิน! เราควรไปทางไหนดี?”
ไปเฉินกล่าวสีหน้าหน้าดูตื่นตระหนกยิ่ง
“ไม่ พวกเราควรกลับออกไปทางเดิม!”
มีคนหนึ่งกล่าวแนะนำขึ้น
“ไม่…ไม่มีทาง!”
เย่หยวนกัดฟันกล่าวขึ้นพลางควบคุมความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย
ระหว่างนั้นเองเย่หยวนก็กลืนโอสถฟื้นฟูลงไป อาการบาเจ็บของเขาค่อยๆดีขึ้นทีละเล็กละน้อย
หลังจากนั้นชั่วครู่ เย่หยวนก็ตบไหล่โม่หยุนเบาๆ เชิงสัญญาณให้ปล่อยเขาลง
“ตอนนี้พวกเราตกอยู่ในค่ายกลแล้ว ประตูที่จะนำพาพวกเราไปยังสวนต่อไปมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนประตูบานอื่นๆ…จะนำเราไปสู่ความตาย!”
เย่หยวนกล่าวขึ้น
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หน้าทุกคนพลันถอดสีในบัดดล!
โอกาสคือหนึ่งในแปด!
นี่…โอกาสตายไม่มากเกินไปหน่อยรึ?
“เช่นนั้น…พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดี หากเลือกเข้าผิดมิได้หมายความว่า พวกเราจะตายกันหมดรึ?”
“ก่อนหน้านี้พวกเราตื่นตูมกันจนมิได้สนว่าทางไหนเป็นทางไหน จนต้องมาประสมปัญหาตรงนี้!”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าไป๋ซิ่ว! หากมิใช่เพราะเขา เราคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!”
“เจ้าคนนี้ไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้หรืออย่างไร! การตายของไป๋หรงจะไปโทษตำหนิผู้อาวุโสสูงสุดได้อย่างไร? ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยปริปากขอความช่วยเหลือจากพวกเรามาก่อนด้วยซ้ำ!”
…
ชั่วครู่ต่อมา ทุกคนต่างชี้หัวหอกไปทางไป๋ซิ่วโดยพร้อมเพรียง
สีหน้าการแสดงออกของไป๋ซิ่วดูรู้สึกผิดอย่างหาที่เปรียบไม่ กระนั้นเขาเองก็มิได้เอ่ยปากโต้เถียงและยอมรับความผิดแต่โดยดี
ตุบ!
ไป๋ซิ่งคุกเข่าต่อหน้าเย่หยวนทั้งน้ำตา
“ผู้อาวุโสสูงสุด ทั้งหมดเป็นเพราะไป๋ซิ่วคนนี้โง่เขลาไม่รู้จักควบคุมอารมณ์! จนทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดต้องบาดเจ็บสาหัส! ข้า…ข้าขอชดใช้ความผิดในครั้งนี้ด้วยความตาย!”
ไป๋ซิ่วกัดฟันแน่นและยกฝ่ามือขึ้นหวังตบอัดเข้ากะโหลกศีรษะตัวเอง
“หยุด!!”
เย่หยวนโพล่งตาโตคำรามลั่น พร้อมคว้าแขนหยุดฝ่ามือของไป๋ซิ่วได้อย่างทันท่วงที
“แค่ก แค่ก แค่ก…พร๊วดด!”
การกระทำครั้งนี้ส่งผลให้อาการบาดเจ็บของเย่หยวนกำเริบขึ้นรุนแรง จนกระอักเลือดอีกคราว
เย่หยวนกล่าวดุเสียงเข้มขึ้นว่า
“เจ้าโง่! ในหมู่พวกเราทั้งหมด เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด! หากเจ้าตายไปแล้วพวกเราจะทำอย่างไร?”
ไป๋ซิ่วขมวดคิ้วถักขึ้นแน่น ก่อนจะเริ่มคิดได้และหยุดความคิดเรื่องฆ่าตัวตายลงทันที
ยามเห็นสถานการณ์คลายอ่อนลงเล็กน้อย เย่หยวนพลางถอนหายใจกล่าวว่า
“ฉินเทียนแทรกซึมเข้ามาในดินแดนนภาบรรพต โดยมีเป้าหมายเพื่อสังหารข้า การตายของไป๋หรง แท้ที่จริงแล้วเป็นความผิดของข้าต่างหาก เจ้ากับไป๋หรงสนิทกันเพียงใด เรื่องนี้ข้าเข้าใจ คนที่สมควรตายในตอนนั้นควรเป็นข้ามิใช่เขา! เจ้าจะโกรธจนสติหลุดก็ไม่แปลก ดังนั้นแล้ว…เรื่องนี้มิใช่ความผิดของเจ้าเลย!”
…………………………………
ตอนที่ 1440 พันธมิตรร่วมฆ่า
โดย
Ink Stone_Fantasy
บูมมม!
ร่างของฉินเทียนพุ่งทะลวงออกมาจากซากกำแพงหินพร้อมใบหน้าแสนเศร้าหมอง
“นี่เพิ่งผ่านไปนานเพียงใด? ไฉนเพลงดาบของเจ้าบ้านั้นพัฒนาขึ้นอีกแล้ว! หากมิใช่เพราะข้าสวมเกราะอ่อนวิหคสวรรค์ ปานนี้ข้าคงชะตาขาดนานแล้ว!”
ฉินเทียนกัดฟันกล่าวขึ้นด้วยความโกรธ
อานุภาพทำลายล้างของจันทร์สลายช่างอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
หากมิใช่เพราะอาณาจักรพลังของตนที่สูงกว่าเย่หยวนมาก ผนวกกับเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำอย่างเกราะอ่อนวิหคสวรรค์ ตัวฉินเทียนคงกลายเป็นศพไปแล้ว!
ฉินเทียนยังเข้าใจว่า ไพ่ตายของเย่หยวนมีเพียงสยบดาราเท่านั้น
แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าศาสตร์แห่งดาบของเย่หยวนจะทะลวงขึ้นสู่ชั้นสวรรค์ระดับสองไปแล้ว ทั้งยังคิดค้นกระบวนท่าใหม่ออกมาอีก
จันทร์สลาย กระบวนดาบนี้มันทรงพลังเกินไป!
แม้ว่าฉินเทียนจจะสวมชุดเกราะอ่อนวิหคสวรรค์ แต่อวัยวะภายในของเขาตอนนี้บอบช้ำหนักเช่นกัน ซึ่งกว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง
แต่คมดาบนั้นของเย่หยวนก็หนักเกินไปจริงๆ อาการบาดเจ็บในปัจุบันของเขาค่อนข้างสาหัส
“ข้าปล่อยให้เย่หยวนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว! ความเร็วในการพัฒนาของเจ้านั้นเร็วเกินไปมาก! จนยามนี้มันมีกำลังมากพอที่จะคุกคามสร้างภัยให้ข้าแล้ว! หากให้เวลามันอีกไม่กี่ปี เกรงว่าข้าจะหาใช่คู่มือของมันอีกต่อไป!”
ฉินเทียนดูโหดเหี้ยมขึ้นหลายขุม ขณะกำลังจะไล่ล่าตามเย่หยวนไป เหล่าคนที่เหลือก็หลบหนีมาถึงที่นี่พอดี
สีหน้าการแสดงออกของฉินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะผู้ที่เข้ามาขัดขวางเส้นทางหาใช่ใครอื่นนอกจากต้วนเฟย!
เสียงหายใจยามนี้ของต้วนเฟยหอบตระหนี่ดูยุ่งเหยิงไปหมด ใบหน้ากว่าครึ่งของเขาถูกเผาจนเนื้อหนังกรอบ ดูน่าสยดสยองอย่างหาที่เปรียบไม่
“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า จะมีผู้บุกรุกที่แอบแฝงตัวเข้ามาเป็นประมุขวังเทวะสัมปรายภพเช่นนี้ เตรียมตัวตาย!”
ก่อนหน้านี้ฉินเทียนปกปิดกลิ่นอายของตนมาโดยตลอด แม้กระทั่งต้วนเฟยก็ยังมิอาจตรวจจับได้
ทว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บของฉินเทียนยังไม่ฟื้นตัวดี จึงไม่สามารถเก็บซ่อนกลิ่นอายของตนได้มิดชิดพอ
โชคยังดีที่อาการบาดเบของต้วนเฟยสาหัสกว่าเขามาก ตอนนี้อีกฝ่ายสามารถสำแดงพลังได้เพียงสองจากสิบส่วนเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของฉินเทียนในปัจจุบันเหนือชั้นกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
หากมิใช่เพราะฉินเทียนถูกศาสตร์แห่งสวรรค์ของดินแดนนี้ปฏิเสธ เขาก็แกร่งกล้าพอที่จะต่อกรจวบจนฆ่าอีกฝ่ายได้เลย
อย่างไรก็ตามแต่ต้วนเฟยก็มิได้ทำให้ผิดหวัง เขางัดเอาไพ่เด็ดต่างๆนาๆออกมาสู้รบปรบมือจนยืดเวลาการต่อสู้ได้นานขึ้น
หลังศึกสัประยุทธ์เดือด อาการบาดเจ็บของทั้งสองกลับแย่ลงยิ่งกว่าเดิม หัวฉินเทียนในขณะนี้แทบลุกเป็นไฟด้วยความวิตกกังวล
เขาไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองต้องจำนนก่อนจะได้ฆ่าเย่หยวนแน่นอน
“หยุด! เลิกตีกันได้แล้ว!”
ทันใดนั้นเองฉินเทียนก็โพล่งคำรามดังขึ้น
“หึ! เจ้าบอกให้เลิกตีกัน? แล้วยังสั่งให้หยุดอีก? ดินแดนนภาบรรพตของเรามีกฎสังหารผู้บุกรุกได้ไร้ปรานี! ตอนนี้เจ้ากล้าลอบเข้ามาในซากอักขระเทวะ หรือเป็นไปได้ไหมว่า ข้าจะยอมปล่อยเจ้าออกไปเฉยๆ?”
ต้วนเฟยผู้นี้ก็ดื้อรั้นเฉกเช่นกัน ศึกสัประยุทธ์ยาวนานปานนี้ จะยอมปล่อยฉินเทียนไปง่ายๆได้อย่างไร?
“ข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเย่หยวน หาได้สนใจเรื่องรุกรานดินแดนนภาบรรพตของพวกเจ้าเลย! ตอนนี้มันต่างเป็นศัตรูร่วมด้วยของพวกเรา! หากพวกเราทั้งคู่ตีกันเองจนบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ มันเห็นคงไม่หัวเราะจนขาดใจ?”
สีหน้าท่าทีของต้วนเฟยมืดทมิฬลงทันที และตามที่คาดไว้ เขาร่นถอยออกมาทันทีและหยุดมือฉับพลัน
“นี่หมายความอย่างไรกัน?”
ต้วนเฟยเอ่ยถามน้ำเสียงขรึม
ฉินเทียนยิ้มและกล่าวตอบว่า
“เย่หยวนมันเป็นศิษย์น้องเล็กของข้า เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
สีหน้าการแสดงออกของต้วนเฟยแปรเปลี่ยนในทันใด
“เป็นไปไม่ได้! เหลยต้วนเคยใช้ศาลไท่ลู่ตรวจสอบโลหิตของเขามาก่อน และเขาเองก็เป็นคนของดินแดนนภาบรรพต ทั้งยังเป็นสายเลือดที่บริสุทธิ์มากอีกด้วย! แล้วเขาจจะเป็นศิษย์น้องเล็กของเจ้าได้อย่างไร?”
ฉินเทียนครืนหัวเราะคำหนึ่งและกล่าวตอบว่า
“เหอะ เจ้านั้นมีลู่ทางวิธีการเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง แม้แต่ข้าที่ได้ยินผลลัพธ์เช่นนั้นยังประหลาดใจอย่างยิ่งเช่นกัน! ศิษย์น้องคนนั้น เวลาทำอะไรสักอย่างมักมิอาจใช้สามัญสำนึกวัดได้! มันควรจะต้องมีสมบัติล้ำค่าสักชนิดที่เราไม่รู้จักจึงสามารถปลอมแปลงได้ยันสายเลือด!”
สีหน้าของต้วนเฟยมืดขรึมลงหลายส่วน เขาเอ่ยถามว่า
“ไฉนเราชายชราต้องเชื่อเจ้า? มีหลักฐานใดอื่นหรือไม่?”
ฉินเทียนกล่าวตอบเสียงเยียบเย็นว่า
“แน่นอนว่าต้องมี! เจ้าลองคิดดูสิว่า บนดินแดนนภาบรรพตจู่ๆจะมีเซียนอาณาจักรพระเจ้าที่อายุน้อยขนาดนี้ ทั้งยังทรงพลังจนต่อสู้ข้ามระดับได้อย่างไร? มันไม่แปลกเกินไปหน่อยรึ?”
ต้วนเฟยปิดปากเงียบในบัดดล สิ่งที่ฉินเทียนกล่าวไปก็ล้วนถูกต้อง
ไม่ว่าจะมองอย่างไร การที่ยอดอัจฉริยะระดับนั้นจะหลุดรอดสายตาของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์จวบจนปัจจุบัน มันย่อมเป็นไปไม่ได้!
“ตกลง ข้าจะร่วมมือกับเจ้า แต่สมบัติที่มันถือครองต้องเป็นของข้า!”
ต้วนเฟยเอ่ยปากเสียงเข้ม
ฉินเทียนปรายตามองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวน้ำเสียงเย็นว่า
“เจ้ากับข้าล้วนเป็นคนฉลาดหัวไว อย่ามากเล่ห์เหลี่ยมเสแสร้งใส่กัน! หากเย่หยวนมีสมบัติล้ำค่าติดตัวอยู่จริงๆ ข้าเองย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือเช่นกัน! เมื่อถึงตอนนั้นต้องขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีความสามารถกว่ากัน! เรื่องนี้ต้องรีบจัดการเบ็ดเสร็จ ความแกร่งกล้าของมันไม่ธรรมดา อย่าดูถูกเพียงเพราะอาณาจักรพลังของมันต่ำ!”
สีหน้าการแสดงออกของต้วนเฟยส่ายแววเอาจริงเอาจัง เขาพยักหน้าตอบทันที
…
“หากการคำนวณของข้ามิได้ผิดไป เจ้านั้นน่าจะสวมเกราะอ่อนหรือเครื่องป้องกันอะไรสักอย่าง ระดับชั้นน่าจะไม่ต่ำกว่าเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำ! เหอะ ข้าควรคิดถึงจุดนี้ได้นานแล้ว!”
เย่หยวนคำรามลั่นหนึ่งคำด้วยความเจ็บใจเจือโกรธเกรี้ยว
แต่ไป๋เฉินกยังกล่าวให้กำลังใจว่า
“ท่านอาจารย์เย่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง! ท่านเกือบจะสังหารยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้นได้แล้ว! กระทั่งข้ายังไม่กล้าแม้แต่จะคิด!”
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“ต่อให้เป็นยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า แต่มันก็คนเหมือนกันและทุกคนย่อมมีจุดอ่อน! และไม่เคยมีกฎว่าเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าหรือต่ำกว่าจะไม่มีสิทธิ์ฆ่าพวกนั้นได้! ในความเป็นจริง ขึ้นชื่อว่าการต่อสูยอมมีความเป็นความตายเป็นตัวเดิมพัน! หาได้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรพลัง! ไป๋ซิ่ว ข้าขอสัญญาเลยวา ข้าจะแก้แค้นแทนไป๋หรงที่ตายไปเอง!”
ทั่วร่างไป๋ซิ่วสั่นสะท้าน เขากัดฟันกล่าววา
“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้า…ข้าผิดเอง! ตอนนี้ท่านบาดเจ็บสาหัสนัก อย่าได้เสี่ยงชีวิตออกไปอีกเลย หากเกิดอะไรขึ้นกับท่านจริงๆ ไป๋ซิ่วคนนี้คงไม่มีวันให้อภัยตัวเองอีกแน่นอน แม้นต้องตายเป็นร้อยครั้ง!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เนื่องจากเจ้ารู้จักตัวตนที่แท้จริงของข้าแล้ว เช่นนั้นก็อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโสสูงสุดอีกเลย!”
เมื่อทุกคนได้ฟังดังนั้น แต่ละคนก็โพล่งตัวขึ้นมาและกำลังจะกล่าวตอบ แต่เย่หยวนกลับยกมือหยุดเอาไว้และกล่าวต่อว่า
“เป้าหมายที่ข้ามายังดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้ก็เพื่อศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ ตราบใดที่ข้าได้มันมาครอบครอง ข้าก็จะจากไปทันที ตอนนี้ไม่มีทางออกใดอื่นหลงเหลืออีกแล้ว นอกจากเดินสำรวจต่อไป และข้าจะพยายามเต็มที่เพื่อชวยพวกเจ้าเสาะหาสมบัติล้ำค่าชิ้นอื่นๆให้ อย่างน้อยในอนาคตต่อไปข้าจะได้ว่าใจว่า พวกเจ้ามีขุมพลังแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้ นอกจากนั้นคงไม่มีอันใดต้องกล่าวกันอีกแล้ว”
โดยไม่ทันได้รู้ตัว พวกเขาทุกคนด็เคยชินแล้วกับการที่ต้องพึ่งพาเย่หยวนเป็นหลัก
กล่าวตามสัตย์จริง ตอนนี้ไม่มีใครเต็มใจที่จะแยกทางกับเย่หยวนจริงๆในอนาคตต่อไป
แต่พวกเขาเองก็เป็นคนของดินแดนนภาบรรพตโดยกำเนิด ย่อมทราบดีว่าผู้บุกรุกหมายถึงอะไร และหากให้ความร่วมมือก็ไม่ต่างอะไรกับคนทรยศเลย
ถึงแบบนั้น พวกเขากลับไม่รู้สึกคิดต่อต้านเย่หยวนคนนี้แม้สักนิด
ผู้บุกรุกคนนี้ช่วยเหลือพวกเขาสร้างบุญคุณจนล้นเหลือ กระทั่งถูกไป๋ซิ่วบันดาลโทสะตบฝ่ามือเข้าใส่ เขายังไม่ตอบโต้อันใดคืน
แต่ต้วนเฟยของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์นี่สิ?
ไม่เพียงแค่เย่หยวน แต่เขาต้องการทำให้วังเทวะรัตติกาลฉายพังพินาศ!
ตอนนี้เหล่าฝูงชนเชื่อมั่นหรือต่อต้านมากกว่า มันชัดเจนดีอยู่แล้ว
“แต่ตรงหน้ามีประตูตั้งแปดบาน เราควรเลือกประตูไหนดี?”
ไป๋เฉินเอ่ยถามอย่างอดมิได้
เย่หยวนค่อยๆพยึงตัวขึ้นลุกยืนและกล่าวว่า
“ตามข้ามา”
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในประตูบานหนึ่งทันทีโดยไม่มีลังเล
ทุกคนต่างเร่งสบตากันไปมาและติดตามเข้าไปทันที
นี่เป็นเส้นทางทอดยามที่อับแสงมีแต่ความมืดมิด ไม่สามารถมองเห็นทางด้านหน้าได้เลยแม้แต่น้อย
ทุกคนยังคงเดินและเดินต่อไป ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด แต่ยามนี้ทุกคนต่างพล่าเบลอฉับพลัน พร้อมอุณหภูมิที่สูงขึ้นจนน่าสะพรึง
เบื้องหน้าคือโถงขนาดมหึมา และใต้ฝ่าเท้าของทุกคนเป็นบ่อหินหนืดไร้สิ้นสุด!
บริเวณใจกลางรอบล้อมด้วยบ่อหินหนืด ปรากฎเป็นเกาะตั้งลอยอยู่โดดเดี่ยวเหนือบ่อหินหนืดเหล่านั้น
และบนเกาะปรากฎบางสิ่งบานสะพรั่งมากมายหลากสีสัน!
“นั่น…นั่นมัน…”
เย่หยวนจับจองไปยังผลไม้ลูกนั้นด้วยความตกตะลึงใจสุดเหลือเชื่อยิ่ง
…………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น