Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1275-1279
ตอนที่ 1275
ไพ่ตายของข่านนั่ว!
เหนือพิภพใต้แผ่นฟ้า สรรพสิ่งล้วนจมอยู่กับความเงียบสงัดดุจป่าช้า
มีเพียงสายลมโชยอ่อนที่พัดผ่านส่งเสียงแหลมเป็นระยะ
เหล่านักสู้ที่ยังพอประคองสติได้ ถึงกับสูดไอเย็นเข้าสุดใจ
ภาพฉากเมื่อครู่ทำเอาพวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตา!
สามารถล้างบางทัพศึกของเผ่าปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนได้ภายในครั้งเดียว!
ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป!
“สายตาของข้ามีปัญหาแล้วกระมัง! สายตาของข้าต้องมีปัญหาแน่ๆ! นี่…นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!”
“แข็งแกร่ง…แข็งแกร่งเกินไป! นี่แหละคือขุมพลังแห่งอาณาจักรพระเจ้า! ท่านจอมราชันย์พิชิตสวรรค์…ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้วจริงๆ!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด ที่ไฉนตำนานเล่าขานกันว่า ทุกสรรพสิ่งใต้แผ่นฟ้าเป็นเพียงมดปลวกในสายตาของเซียนอาณาจักรพระเจ้า ปรากฏว่าไม่เกินจริงแม้แต่น้อย!”
“แข็งแกร่งจริงๆ! จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ช่างทรงพลังไม่มีผู้ใดทัดเทียม!”
……………………
ภาพฉากดังกล่าวส่งผลกระทบต่อจิตใจรุนแรงเกินไป
แม้แต่เทพอสูรเจียหลานและเทพอสูรตนอื่นๆที่เหลือ ครั้งหนึ่งพวกมันคือศัตรูคู่อาฆาตของเย่หยวน ทว่ายามนี้พวกมันทั้งหมดล้วนถูกเป่ากลายเป็นผุยผงหมดสิ้นแล้ว!
นี่คืออีกขั้นแห่งความแข็งแกร่ง อาณาจักรพลังที่พวกมันไม่สามารเทียบชั้นได้อีกต่อไป!
กล่าวได้ว่า แม้กระทั่งฝักฝ่ายเดียวกันยังต้องหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา
“นี่คือ…อาณาจักรพระเจ้า?”
ร่างบางที่ลอยเคว้งกลางเวหาสั่นเทาโดยมิตั้งใจ เต็งหยุนพึมพำกับตัวเอง
ความแกร่งกล้าของเย่หยวนที่สำแดงออกมาเป็นประจัก ทำให้เนื้อตัวของเขาสั่นเทาอย่างหนักเนื่องด้วยความตื่นเต้น
ความปรารถนาที่มีต่ออาณาจักรพระเจ้าล้วนฝังลึกอยู่ภายในใจของเหล่าเซียนผู้ไร้เทียมทานเหล่านี้มาเนิ่นนานแล้ว อาณาจักรพระเจ้าคือสัญญาลักษณ์แห่งจุดสูงสุดเหนือทุกสรรพสิ่ง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถยืนอยู่ในจุดนั้นได้ แต่เพียงได้สัมผัสกับตา พวกเขาก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งแล้วเช่นกัน
พัฒนาการในครั้งนี้ของเย่หยวนทำให้พวกเขามีความหวังขึ้นอีกครั้ง
“ล้มเลิกความคิดเสีย ความสำเร็จของเย่หยวนไม่มีผู้ใดสามารถเจริญรอยตามได้!”
ฟางเทียนกล่าวขึ้นพร้อมถอนหายใจเสียวยาว เขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกันที่ต้องกล่าววาจาดับฝันของเต็งหยุนไปเช่นนั้น
แต่นั้นกลับเป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้เช่นกัน
เขาเหลียวหลังกลับมามองฟางเทียนทันทีอย่างแตกตื่น และกล่าวอย่างไม่เต็มใจยอมรับว่า
“พะ-เพราะเหตุใดกัน?”
ฟางเทียนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกระรอกและกล่าวอธิบายว่า
“หากการสันนิฐานของข้าถูกต้อง เย่หยวนได้รับการยอมรับจากเต๋าของดินแดนแห่งนี้ นั่นจึงทำให้เขาก้าวขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าที่อยู่เหนือทุกชีวิตได้อย่างแท้จริง! ขุมพลังความแข็งแกร่งที่เขาสำแดงไปก่อนหน้า มันยังทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นทั่วไป! ราวกับว่า…ขุมพลังของศาสตร์แห่งสวรรค์อยู่ภายในร่างกายของเขา! นี่จึงสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงทรงพลังได้ขนาดนี้!”
“ขุมพลัง…ขุมพลังของศาสตร์แห่งสวรรค์อยู่ในร่างกาย?”
เต็งหยุนรู้สึกราวกับว่าสมองของตนเองกำลังบวมเปล่ง คำอธิบายของฟางเทียน เขาไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย
ศาสตร์แห่งสวรรค์คืออะไร?
นั้นคือสิ่งที่นักสู้สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้!
สิ่งนี้ทั้งคลุมเครือและมิอาจจับต้องได้ มันคือที่สุดของความลึกลับ!
ศาสตร์แห่งสวรรค์คือความลี้ลับที่เหลือกว่าสรรพชีวิตบนผืนพิภพ แล้วมันจะอยู่ในร่างกายของคนเราได้อย่างไร?
ความประหลาดใจที่ก่อเกิดขึ้นภายในใจของฟางเทียนเองก็มิได้น้อยไปกว่าเต็งหยุนเลย
เป็นเพียงเพราะ ความเข้าใจของฟางเทียนที่มีต่อศาสตร์แห่งสวรรค์มันลึกซึ้งกว่าเต็งหยุน ดังนั้นเขาจึงมองเห็นบางสิ่งที่อยู่ไกลกว่าคนอื่นๆ
“ศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ตายจากดินแดนแห่งนี้ไปแล้ว! ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่สามารถทำลายโซ่ตรวนลงได้! เย่หยวนได้คิดค้นวิธีการอันน่าเหลือเชื่อขึ้น นั้นคือการสร้างโอสถท้าทายสวรรค์ออกมา หากคาดเดาไม่ผิด โอสถท้ายทายสวรรค์สามารถสร้างบางสิ่งที่คล้ายกับแหล่งกำเนิดศาสตร์แห่งสวรรค์ขึ้นได้ภายในร่างกายของเขา นั้นจึงเป็นสาเหตุที่เขาสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้!”
ฟางเทียนกล่าวขึ้นดั่งเสียงประกาศิตสวรรค์
เต็งหยุนยังคงไม่เต็มใจยอมรับเท่าไหร่นัก เขาเอ่ยปากกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“แต่…แต่ทำไม…”
ในหัวของเต็งหยุนมีแต่คำว่า‘ทำไม’อยู่เต็มไปหมด
ฟางเทียนคลี่ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า
“สิ่งที่ข้าพอจะเข้าใจได้ก็มีเพียงแค่นี้! ดูท่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะไม่ง่ายดั่งที่พวกเรามองเห็น แต่ข้าสงสัยมานานแล้วว่า…นอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ อาจจะมีดินแดนที่อยู่สูงกว่า!”
ทั่วทั้งร่างกายของเต็งหยุนสั่นสะท้านถึงไขกระดูก
เรื่องเช่นนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!
…………………….
เย่หยวนยังคงยืดหยัดกลางเวหา พร้อมสองมือไขว้หลังเชิดอกอย่างภาคภูมิใจ
ความรู้สึกไร้เทียมทานดั่งหุบเขาไท่ซานนี้ล้วนกอปรขึ้นจากความแข็งแกร่ง
เบื้องลึกในแววตาของข่านนั่วเปี่ยมไปด้วยความกลัว
การที่ทำให้มันสามารถหวาดกลัวขนาดนี้ได้ นี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแล้ว!
มันโพล่งอุทานลั่นเสมือนเห็นผีอยู่ตรงหน้า
“เจ้า…เจ้าได้การยอมรับจากเต๋าของดินแดนบัดซบนี่แล้ว?! ไม่เพียงแค่นั้น…เจ้า…เจ้าขึ้นกลายเป็นผู้ปกครองดินแดนคนใหม่แล้ว! นะ-นี่…นี่เป็นไปไม่ได้!!”
ขอบเขตความเข้าใจของข่านนั่วห่างไกลเกินกว่าที่นักสู้บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะสามารถเทียบเคียงได้แล้ว
ทันทีที่เห็นเย่หยวนเคลื่อนไหว ข่านนั่วก็ตระหนักได้ถึงปัญหาระลอกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาทันที
เย่หยวนมิใช่แค่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าเท่านั้น
แต่ศาสตร์แห่งสวรรค์อันสง่าราศีนั้น….มันไม่สามารถปกปิดจากสายตาของข่านนั่วได้!
“เจ้าก็เห็นแล้วมิใช่รึ? ข่านนั่ว เจ้าเองก็อาศัยอยู่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์มาเป็นเวลากว่าล้านปี นี่คงถึงเวลาแล้ว ทุกอย่างจะต้องจบลงที่นี่!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น
“เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้!! เจ้า…ทั้งๆที่เจ้าไม่ได้กินผลวิญญาณเต๋าแท้ๆ แล้วเจ้าจะขึ้นกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ได้อย่างไร?!”
น้ำเสียงของข่านนั่วที่แพร่งพรายออกมาเปี่ยมไปด้วยความตกใจ
เย่หยวนยักคิ้วขึ้นทันทีอย่างฉงนใจ และกล่าวสวนกลับไปว่า
“ผลวิญญาณเต๋า?”
ในที่สุดเย่หยวนก็ตระหนักได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของข่านนั่ว ไฉนมันถึงเดินทางเข้ามายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์
พอข่านนั่วนึกขึ้นได้ว่าตนหลุดปากออกไป มันจึงทำเป็นไม่สนใจและเปลี่ยนเรื่องทันที
“พระเจ้าผู้นี้คือเทพอสูรเทวะ! ถึงเจ้าจะก้าวขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้สำเร็จ แต่กลับไม่นับเป็นอันใดเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพอวูรเทวะผู้นี้!”
มันไม่ตั้งใจยอมแพ้อย่างชัดเจน สีหน้าการแสดงออกของมันกลับมามืดมนลงอีกครั้ง พลังปีศาจสุดข้นคลักทะลักพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งจากร่างของมัน
ครั้งนี้ ลูกปะคำแก่นปีศาจของมันลอยขึ้นเหนือหัวของมัน และสาดรัศมีสีเลือดทมิฬให้มันอาบชโลมเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัด!
ไอหมอกสีดำจำนวนมหาศาลค่อยๆก่อตัวขึ้นกลางอากาศ!
สักครู่หนึ่ง ทันทีที่ไอหมอกสีดำพัดผ่านสลายไป ภายในนั้นก็ปรากฏเป็นร่างมารพุทธะปีศาจถ่องแท้อันแสนขนลุก!
มันมีรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ แต่มีใบหน้าเป็นมารปีศาจอันน่าสะพรึง!
ยิ่งไปกว่านั้น มารพุทธะปีศาจตนนี้ยังทรงพลังเสียยิ่งกว่าข่านนั่วไม่รู้กี่เท่าทวี!
แรงกดดันปีศาจที่หลั่งไหลออกจากร่างของมารพุทธะปีศาจ ต่างทำให้ทุกชีวิตเบื้องล่างเสียขวัญหนัก ทั่วทั้งร่างสั่นเทาด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เย่หยวน ข้าขอยอมรับจากใจ เจ้าช่างแข็งแกร่งจริงๆ! แต่ทุกอย่างจะต้องจบลงเพียงเท่านี้! มารพุทธะปีศาจร่างสมบูรณ์นี้มีพลังเทียบเท่ากับหนึ่งส่วนล้านของท่านจอมเทพอสูรนิรันดร์! เจ้ามิใช่คู่มือของมันได้เลย!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ
ร่างมารพุทธะปีศาจสีทมิฬเปิดตามองเย่หยวนด้วยแววตาถมึงทึง ความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาเจาะขั้วกระดูกสะท้านขวัญรุนแรง
“เช่นนั้นรึ?”
มุมปากเย่หยวนกระตุกเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงสีหน้าอันแสนเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด
ข่านนั่วเพียงกล่าวตอบสั้นๆว่า
“ฆ่ามัน!”
หวือออ!
ร่างมารพุทธะปีศาจอันตรธานหายวับลับสายตาไป จิตสังหารสุดน่าสะพรึงเข้าโอบล้อมร่างเย่หยวนไว้ทันที
มันยกฝ่ามือมหึมาขึ้นเหนือหัว พร้อมฟาดตบลงมาหวังบดขยี้เย่หยวนให้แหลกเละโดยตรง
เหล่าฝูงชนเบื้องล่างถึงกับกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจ แม้แต่พวกเขายังสัมผัสได้ถึงแรงระเบิดจากฝ่ามือนั้น
ทว่าเย่หยวนยังคงยืนนิ่งไร้ซึ่งเจตนาหลบหนีใดๆ
บูมมมม!
คลื่นเสียงตบปะทะพื้นดินดังสนั่น แรงระเบิดดีดผู้คนโดยรอบกระเด็นกระดอนออกไปไร้ทิศทาง
ทว่ากลับเป็นมารพุทธะปีศาจที่หยุดชะงักไปกะทันหัน ร่างของมันสั่นสะท้านอย่างหนัก
ฝ่ามือที่ตบอัดไปดังแต่เสียง ทว่าผลลัพธ์กลับไม่มีอะไร
เย่หยวนยังคงยืนนิ่งสงบ รัศมีประกายสีทองอร่ามเจิดจรัสขึ้นจากกายาดูศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่!
สีหน้าการแสดงออกของข่านนั่วมืดลงโดยพลัน มันร้องอุทานดังลั่น
“กายทองคำเก้าอรหันต์! เคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำ!”
แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า,จั่วซ่งก็ไม่สามารถฝ่าปราการป้องกันอันแกร่งกล้าของกวนควานเทียนได้ แล้วเซียนอาณาจักรกึ่งพระเจ้าอย่างข่านนั่วยังนับเป็นอันใด?
หลังจากที่เย่หยวนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มทวีขึ้นอย่างก้าวกระโดดในทุกๆด้าน
รวมไปถึงพลังป้องกันที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม
เย่หยวนเหลียวมองข่านนั่วเล็กน้อยและกล่าวขึ้นพร้อมท่าทางคร้านใส่ใจว่า
“ตอนนี้หมดเวลาของเผ่าปีศาจแล้ว เจ้าและพวกของเจ้าจะหายไปตลอดกาลจากดินแดนพฤกษานิรันดร์!”
หลังสิ้นเสียง เย่หยวนค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นอย่างแช่มช้า แต่ทันใดนั้นสายลมพลันผันแปรกลายเป็นกระแสวายุ มวลเมฆาเข้าผสานก่อตัวจนหนาตา!
คลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายไพศาลกวาดทั่วผินพิภพกว้าง!
ทว่าจู่ๆข่านนั่วกลับแสยะยิ้มฉีกเย็นสะท้าน ทันใดนั้นมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดหย่อน
ห้วงแห่งความว่างเปล่าถูกฉีดสะบั้นเป็นรูโหว่
ปรากฏเป็นโฉมสะคราญร่างงามถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนข้างกายข่านนั่ว!
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เย่หยวน แม้เจ้าจะกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า แต่เจ้าก็มิอาจเอาชนะพระเจ้าผู้นี้ได้! หากเก่งจริงก็มาฆ่าข้า!”
ข่านนั่วหัวเราะไม่หยุดจนแทบขาดใจ ยามนี้มันบ้าไปแล้ว
ตอนที่ 1276
ธารน้ำแข็งปิดผนึกหมื่นปี ร้อยพันเหมันต์โหมกระหน่ำกลางฤดูใบไม้ร่วง!
จิตใจของเย่หยวนปั่นป่วนสับสนคล้ายกำลังจะระเบิดออกมา
ทันทีที่เขาเห็นโฉมสะคราญร่างงามนี้ เย่หยวนพลันรู้สึกใจสั่นระรัวอย่างไร้เหตุผล!
หากเป็นลี่เอ๋อก็ยังเข้าใจได้ แต่ในครานี้กลับมิใช่กับนาง
เย่หยวนพยายามไม่ใส่ใจความปั่นปวนเหล่านี้ที่ก่อตัวขึ้น
ซึ่งก็ต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแม่นยำ ถึงขั้นที่ว่าเขาได้แต่ติเตียนตัวเองอยู่ภายในใจ
ทว่ายิ่งพยายามไม่คิดเท่าไหร่ ความรู้สึกนี้กลับยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? น่าประหลาดใจดีใช่หรือไม่? หรือตกใจกัน?”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเย่หยวนที่เปลี่ยนไปโดยพลัน ข่านนั่วยิ่งหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่
สีหน้าของเย่หยวนทมึงตึงมืดทมิฬถึงขีดสุด
ดั่งหัวใจถูกมีดกรีดแทงจนหลั่งเลือดสด!
บนไม้กางเขนนั้น ทั้งแขนและขาของโฉมสะคราญร่างงามถูกตอกตะปูฝังลึกลงแน่น
ธารเลือดที่หลั่งออกมาแห้งคาวมาเป็นเวลานานแล้ว!
ส่วนตะปูเหล่านี้ เย่หยวนพอรู้จักอยู่บ้าง มันเรียกว่า ตะปูผนึกวิญญาณ ทันทีที่ตอกตะปูนี้ลงบนร่างกาย มันจะเข้าผนึกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของบุคคลนั้นเพื่อมิให้หนีออกมาได้
แม้แต่เซียนอาณาจักรราชันย์เทวะก็ไม่สามารถหนีรอดออกมาได้เช่นกัน!
ส่วนตัวไม้กางเขน กลิ่นอายพลังที่พรั่งพรูค่อนข้างผิดประหลาด พินิจได้ว่ามันมิใช่ไม้กางเขนธรรมดา
เย่หยวนมองผ่านกระจ่างชัดอย่างรวดเร็ว นั้นเป็นค่ายกลกางเขนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อผนึกพลังปราณโดยเฉพาะ!
บนไม้กางเขนนี้ ใบหน้าของอิสตรีผู้งดงามยังคงสงบเยือกเย็นราวกับหาได้เกรงกลัวอันใดไม่
ในทางกลับกัน ทั้งๆที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่นางก็ยังยิ้มได้!
ทว่ารอยยิ้มนี้กลับบาดคมเสียยิ่งกว่าเข็มเหล็กที่ตอกแทงลึกทะลุขั้วหัวใจของเย่หยวน
เย่หยวนรู้ดี รอยยิ้มนั้นหมายความอย่างไร!
นางมิได้คิดตำหนิหรือไม่พอใจเขาแม้สักนิด แต่ตรงกันข้ามเลย…นางยินยอมตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ด้วยซ้ำ!
ถึงจะต้องพบกันภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แต่สำหรับนาง…มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด!
โฉมสะคราญผู้งดงามนางนี้มิใช่ใครอื่นนอกจาก
หญิงสาวผู้งดงามที่สุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์…มู่หลินเสวีย!
“ฮ่าฮ่าฮ่า… สาวน้อย ดูท่าชายหนุ่มที่เจ้ารักกลับไม่มีเจ้าอยู่ในหัวใจเลย! รู้อะไรหรือไม่…หากย้อนกลับไป ทันทีที่เขาทราบว่า สาวน้อยจากตระกูลเยวี่ยล่วงลับไป เขาก็บ้าคลั่งอย่างหนักจนแทบกลายเป็นปีศาจร้าย! ดูสิ! นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ภายในใจของเขาไม่เคยมีเจ้ามาก่อนเลย!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
แต่มู่หลินเสวียกลับหาได้สนใจเสียงของข่านนั่วไม่ นางสบตาเย่หยวนพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนกล่าวว่า
“ดูท่าเจ้าจะแปลกใจไม่น้อยที่เจอข้า”
คลื่นความปั่นปวนถาโถมเข้าสู่จิตใจเย่หยวนอย่างรุนแรง!
เขาได้แต่อ้าปาก ทว่ากลับมิทราบ ตนควรกลับอะไรตอบ
เขาจะกล่าวอย่างไรดี?
บอกไปว่า รู้สึกใจสั่นทั้งๆที่ไม่เคยคิดถึงเจ้าเลย…เช่นนั้นรึ?
มู่หลินเสวียคลี่ยิ้มหวาน
รอยยิ้มอันแสนงดงามของราชินีนำแข็งนางนี้ช่างทรงเสน่ห์จนทั่วทั้งผืนพิภพต้องสั่นไหว ราวกับฟ้าดินถูกหลอมละลายอย่างน่าประหลาดใจ
มู่หลินเสวียในเวลานี้ช่างงดงามไร้ที่ติเช่นเคย
ทุกคนใต้เบื้องล่างล้วนปิดปากเงียบสนิท
พวกเขาทั้งหมดทราบดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจอมราชันย์พิชิตสวรรค์กับจอมราชันย์เหมันต์ค่อนข้างคลุมเครือยิ่ง
หากย้อนกลับไป มีเหล่าอัจฉริยะมากมายที่ตามติดตามจีบจอมราชันย์เหมันต์ไม่ขาดสาย
แต่นางกลับปันใจให้เพียงจอมราชันย์พิชิตสวรรค์แค่คนเดียว!
โชคไม่ดีนัก ธารหัวใจได้แต่ร่ำร้อง บุปผาที่กำลังปริบานกลับร่วงโรยลงไปเสียก่อน ในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งคู่ก็หาได้เดินเคียงข้างกันไม่
กาลเวลาเลยผ่าน สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป จี้ฉิงหยุนเป็นเพียงนามในอดีต ยามนี้เขากลับชาติมาเกิดใหม่ภายใต้นามขานเย่หยวน ณ ปัจจุบันมีเพียง จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ที่เดินเคียงคู่มากับบุตรสาวอันภาคภูมิใจของตระกูลเยวี่ยแห่งเมืองจันทร์ฉายเท่านั้น
เดิมทีเรื่องนี้ถูกกลบฝังไปนานแล้วในจิตใจของทุกคน เพราะท้ายที่สุดนี้มู่หลินเสวียได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เรื่องราวความสัมพันธ์อันแสนคลุมเครือระหว่างทั้งคู่จึงเงียบหายเขากลีบเมฆ
ยามนี้ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า มหาศึกสงครามที่กำลังจะสิ้นสุดลง ข่านนั่วกลับใช้จอมราชันย์เหมันต์เป็นตัวประกันเพื่อขู่เย่หยวน!
และแน่นอน…แผนนี้ใช้ได้ผล!
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยกล่าวอันใด! แต่ข้า…ขอถามเจ้าเพียงประโยคเดียว!”
มู่หลินเสวียกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น
เย่หยวนในปัจจุบัน เขาจนปัญญาจริงๆว่าจะสรรหาวาจาใดมาอธิบายความรู้สึกที่มีในขณะนี้
หากมู่หลินเสวียเผยสีหน้าความรู้สึกอันใดบ้าง อย่างน้อยมันก็ช่วยระบายความรู้สึกภายในใจของเขาออกมาได้
แต่นางกลับสงบเยือกเย็นเหลือเกิน ถึงขั้นที่ว่าปราศจากสีหน้าอารมณ์ใดจนผู้คนต่างหวาดกลัว
ทุกคำพูดที่เอ่ยดั่งออกจากปากนาง เสมือนใบมีดคมที่กรีดแทงหัวใจของเขา
ช่างเจ็บปวดหัวใจนัก!
ในเวลานี้ ต่อให้เขามีศาสตร์แห่งสวรรค์อยู่ในมือ แต่นั่นกลับไม่ช่วยอะไร
หากกล่าวถามตามสัตย์จริง เขาไม่มีมู่หลินเสวียอยู่ในหัวใจจริงๆรึ?
คำตอบคือ…ไม่!
คนมิใช่กิ่งไม้ใบหญ้าที่จะไร้ความรู้สึกไร้หัวใจ
ชีวิตก่อนหน้าของเขา เป็นเพราะเขาเอาแต่แสวงหาไขว่คว้าเต๋าจนมองเรื่องเช่นนี้เป็นเพียงภาระ
แต่นั้นมิได้หมายความว่าเขาจะมิได้รู้สึกอะไรกับมู่หลินเสวียเลย!
มิเช่นนั้น เขาจะละทิ้งการหลอมกลั่นโอสถกลางคันเพื่อเดินทางไปช่วยนางในปีนั้นได้อย่างไร?
แต่ต่อมา เย่หยวนพานพบหายนะครั้งใหญ่ในชีวิต จนต้องติดอยู่ในดินแดนไร้สิ้นสุด ก่อนบังเอิญไปเจอกับเยวี่ยเมิ่งลี่
หลายสิ่งอย่างที่ประสบพบในชีวิตนี้ได้เปลี่ยนเย่หยวนไปแล้ว
ไม่เพียงเขาที่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการต่อสู้จากที่ไม่เคยสนใจมาก่อน แต่เขายังเปิดใจและปล่อยให้เยวี่ยเมิ่งลี่เดินเข้ามาในหัวใจของเขา
ทั้งสองประสบความเป็นความตายร่วมกันนับครั้งไม่ถ้วน จนท้ายที่สุดเยวี่ยเมิ่งลี่ก็ทำให้เย่หยวนมีใจให้
ซึ่งเย่หยวนเองก็ไม่อยากให้เยวี่ยเมิ่งลี่จำต้องผิดหวังในตัวเขา นั้นจึงเป็นเหตุที่เขาพยายามลืมความสัมพันธ์ในอดีตทั้งหมดไป
ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก และนำทั้งสองกลับมาให้พบเจอกันอีกครั้ง!
ถึงกระนั้นมู่หลินเสวียก็หาได้ตำหนิกับสิ่งที่เย่หยวนตัดสินใจแต่อย่างใด
นางมิได้ไปหาเขาหรือไปหาเรื่องเยวี่ยเมิ่งลี่แม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม ยามที่เย่หยวนตกอยู่ในอันตราย กลับเป็นนางที่ตรงเข้าไปช่วยชีวิตเย่หยวนเอาไว้!
หลังจากนั้นมู่หลินเสวียก็มิได้ปรากฏตัวขึ้นอีกเลยจวบจนวันนี้
เย่หยวนไม่ได้พบนางอีกเลย กระทั้งจะเอ่ยคำขอบคุณยังไม่มีโอกาส!
ท้ายที่สุดนี้ สิ่งที่ยากจะทานทนที่สุดคือความงาม!
แต่ทั้งเยวี่ยเมิ่งลี่ ทั้งมู่หลินเสวีย นางทั้งสองเป็นใครกัน?
มู่หลินเสวียครอบครองความงามดุจน้ำแข็งที่ยากจะเข้าถึงยิ่ง ทัศนคติของนางต่อคนรอบข้างเยือกเย็นจับขั้วกระดูก
ผู้ใดได้เผชิญหน้ากับนาง ต่างต้องถูกมนต์สะกดที่ไม่มีวันละลายคลายออกจากใจ
นี่คือเสน่ห์ที่หาผู้ใดมีไม่
แตกต่างจากความรักอันแสนอบอุ่นของเยวี่ยเมิ่งลี่โดยสิ้นเชิง ความรักของมู่หลินเสวียช่างเยือกเย็นเหน็บหนาวอย่างหาที่เปรียบไม่!
หลังจากที่มู่หลินเสวียก้าวออกจากหอราชันย์โอสถในครั้งนั้น นางก็ไม่เคยเหยียบหอราชันย์โอสถอีกเลย และปลีกวิเวกเก็บตัวอย่างสงบตลอดมา
จนกระทั่งนางได้ทราบข่าวการเปลี่ยนแปลงของหอราชันย์โอสถ และข่าวการตายของจี้ฉิงหยุน
นางออกจากการเก็บตัวโดยทันที!
สิ่งที่เย่หยวนไม่ทราบก็คือ มู่หลินเสวียเคยบุกเดี่ยวไปยังหอราชันย์โอสถและเข้าสัประยุทธ์เดือดกับจี้ฉางหลาน ทว่านางกลับออกมาพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัส
ต่อมา เมื่อมู่หลินเสวียตระหนักแล้วว่า นางมิใช่คู่มือของจี้ฉางหลานได้เลย เช่นนั้นนางจึงให้ความสนใจกับองค์กรลับที่อยู่เบื้องหลังหอราชันย์โอสถอีกทีและตามสืบเสาะตั้งแต่นั้นมา
ความทุกข์ทรมานกว่าสามถึงสี่สิบปีที่ผ่านมา มีเพียงมู่หลินเสวียเท่านั้นที่ตระหนักทราบ!
แต่นางก็ไม่เคยเดินทางไปหาเย่หยวนเพื่อเล่าทุกสิ่งให้ฟังมาก่อน
นางรักเขาข้างเดียวเสมอมา รักในแบบของนาง
“กะ-กล่าวมาเถิด!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง
หลายปีที่ผ่านมา เพราะเห็นแก่ลี่เอ๋อ เย่หยวนจึงกลบฝังเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมู่หลิน
เสวียไว้ในเบื้องลึกสุดของหัวใจ
นี่จึงสามารถอธิบายได้ทันทีว่า ในตอนนั้นที่ญาณเหนือสัมผัสของเย่หยวนทำงานขึ้นอย่างไร้สาเหตุ นั้นเกี่ยวข้องกับมู่หลินเสวีย
เลือกทุกชีวิตบนผืนพิภพ หรือ มู่หลินเสวีย?
คล้ายคำถามง่ายๆ แต่นั้นกลับยากยิ่งสำหรับเย่หยวน!
เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้ปราศจากตัวเลือกที่สาม!
แม้เขาจะขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้วในปัจจุบัน หรือทรงพลังไร้เทียมทานเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตมู่หลินเสวียจากมือข่านนั่วในตอนนี้ได้เลย
เพราะเย่หยวนทราบดี หากตุกติกแม้สักนิด ข่านนั่วไม่ให้โอกาสที่สองกับเขาแน่นอน
มู่หลินเสวียเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่เหลืออยู่ของข่านนั่วแล้ว แล้วมันจะปลดให้หลุดมือได้อย่างไร?
เมื่อเปรียบเทียบกับเย่หยวนที่อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก มู่หลินเสวียกลับสงบนิ่งอย่างมาก
ในมุมมองของนาง นางมิได้เห็นตัวเองเป็นตัวประกันแต่อย่างใด
แม้ใบหน้าของนางจะไม่เผยถึงความรู้สึกใด แต่ก็เห็นได้ชัดว่า นางไร้ซึ่งทีท่าตื่นกลัวและสงบเยือกเย็นอย่างมาก
ริมฝีปากบางสวยของมู่หลินเสวียคลี่ออกเล็กน้อย พร้อมเอ่ยกล่าวเสียงหวานขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า
“ธารน้ำแข็งปิดผนึกหมื่นปี ร้อยพันเหมันต์โหมกระหน่ำกลางฤดูใบไม้ร่วง!”
ตอนที่ 1277
ร้อยพันความเหน็บหนาวเพียงข้ามคืน ธารน้ำแข็งจงหมดสิ้นไป!
“หลินเสวีย ข้า…”
บทกวีนี้เป็นวาจาประโยคสุดท้ายที่มู่หลินเสวียกล่าวกับเย่หยวน ก่อนที่นางจะจากไป
ธารน้ำแข็งถูกผนึกหมื่นปี ร้อยพันเหมันต์โหมกระหน่ำกลางฤดูใบไม้ร่วง ประโยคนี้เปรียบดั่งทัศนีย์ภาพที่ผืนพิภพปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพล่น
แต่ในความเป็นจริง นี่เป็นคำพูดที่มู่หลินเสวียกำลังถามเย่หยวน
แน่นอน วาจาประโยคเผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริงของนาง
เมื่อก่อน นางเคยใช้ประโยคนี้เพื่อบังคับให้เย่หยวนเทใจมาให้นาง
ทว่าเย่หยวนกลับเงียบ
เขาไม่ให้คำตอบใดเลย!
มู่หลินเสวียคลี่ยิ้มแสนโศกเศร้ายิ่งในเวลานั้นและจากไปในทันที นางสะบัดแขนสุดแรงและจากไปโดยไม่เหลียวกลับมองอีกเลย
ความหมายของประโยคนี้คือ : หากเจ้าไม่ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของข้า หัวใจดวงนี้จะถูกขังอยู่ในธารน้ำแข็งตลอดกาล ต่อให้เป็นวันที่อบอุ่นเพียงใดเหมันต์จะไม่มีวันละลายออก นางจะไม่เปิดใจให้ใครอีก
ชั่วชีวิตนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่หลอมละลายธารน้ำแข็งนี้ได้!
ณ ปัจจุบัน มู่หลินเสวียได้เอ่ยถามเย่หยวนซ้ำอีกครั้ง!
“หากเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ เจ้าเลือกที่จะไม่ตอบย่อมได้”
มู่หลินเสวียกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สาวน้อย เจ้าช่างน่ารักจริงๆ! แต่น่าเสียดาย! ธารรักของเจ้ากลับเป็นแค่เศษบุปผาร่วงโรยที่ชายผู้เป็นที่รักไม่เอา! เจ้าทำหลายสิ่งอย่างเพื่อเขามาตั้งขนาดนี้ แต่เขากลับไม่สนใจเจ้าแม้สักนิด! กระทั้งตัวเจ้าที่กำลังจะตายยังไม่แยแส! ช่างน่าสมเพช!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพรางหัวเราะเย้ยเยาะ
สีหน้าของเย่หยวนมืดลงในทันใด เขากล่าวขึ้นพร้อมระเบิดจิตสังหารใส่มันอย่างบ้าคลั่ง
“ข่านนั่ว! หากเจากล้าสัมผัสนางแม้แต่ปลายผม นายน้อยผู้นี้จะมิให้เจ้าได้ผุดได้เกิดอีกตลอดกาล!”
ข่านนั่วระเบิดเสียงหัวเราะดังเข้าไปใหญ่ และกล่าวตอบว่า
“งั้นรึ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำให้นางกลับชาติมาเกิดได้อีกตลอดกาลเช่นกัน!”
เมื่อกล่าวจบ ตะปูกระดูกยาวอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของข่านนั่ว พร้อมปราดตะปูกระดูกคมเจาะทะลวงไปที่กลางหน้าอกของมู่หลินเสวียทันที!
“อ๊ะ…”
ความเจ็บปวดโฉบแล่นสะท้านถึงขั้นหัวใจของนาง!
คิ้วโค้งทรงงามของมู่หลินเสวียขมวดแน่น ลมหายใจของนางยามนี้อ่อนระทวยเบาบาง สีหน้าซีดขาวคล้ายคนตายขึ้นทุกที แต่ไม่ว่าเจ็บปวดเพียงใด นางพยายามข่มใจไม่เอ่ยปากร้องออกมา
“หลินเสวีย!!”
เย่หยวนกรีดร้องลั่น
“ความน่ากลัวของตะปูผนึกวิญญาณเป็นอย่างไร เจ้าเองก็ควรทราบ?”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นกับเย่หยวนด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม
ความน่ากลัวของตะปูผนึกวิญญาณ เย่หยวยย่อมทราบประจักษ์ชัดดี!
ไม่เพียงจะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยตรง แต่นั้นยังส่งผลยาวไปถึงชาติหน้าและชาติต่อๆไป! หรืออย่างเลวร้ายที่สุด จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะไม่สามารถได้ผุดได้เกิดอีกเลย!
มันจะสร้างความทรมานให้แก่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปเรื่อยๆอย่างไร้สิ้นสุด
ไม่มีใครสามารถจินตนาการออกเลยว่า ตอนนี้มู่หลินเสวียเจ็บปวดทรมานเพียงใด
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนดูเลวร้ายสุดขีด เอ่ยปากเสียงดังสนั่นคล้ายประกาศิตสวรรค์
“แกต้องการอะไร?!”
ข่านนั่วกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มแสนร้ายกาจ
“เจ้าตายหรือนางตาย!”
“จี้ฉิงหยุน เจ้า…ยังไม่ได้ตอบข้า!”
มู่หลินเสวียกล่าวขึ้นอย่างอ่อนแรง
ทันทีที่ตะปูนี้ตอกลงกลางอกของนาง พลังชีวิตของมู่หลินเสวียก็อ่อนลงอย่างมาก แต่คู่ดวงเนตรงามยังคงจับจ้องไปยังเย่หยวนไม่วางตา
ดวงใจเย่หยวนสั่นเทารวนเร เขาโพล่งตอบไปว่า
“ร้อยพันความเหน็บหนาวเพียงข้ามคืน ธารน้ำแข็งจงหมดสิ้นไป! หลินเสวียน ที่ผ่านมาข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวัง…”
กลางทรวงอกของมู่หลินเสวียสั่นระรัว ถึงยามนี้มีตะปูผนึกวิญญาณตอกทะลุ
ถึงนางจะมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต กระทั้งหายใจยังติดขัด แต่คำตอบนี้ของเย่หยวนก็เป็นดั่งดวงสุริยันอันอบอุ่นกลางฤดูหนาว พร้อมหลอมละลายหัวใจอันเย็นชาของนางจนหมดสิ้น
นางไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน!
เหล่าฝูงชนทั้งเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรเบื้องล่างต่างอมยิ้มอย่างอดมิได้เมื่อได้ฟัง
แม้จะทราบดีว่านี่มีช่วงเวลาสุดท้ายของจอมราชันย์เหมันต์แล้วก็ตาม!
“เพียงประโยคนี้ของเจ้า มัน…ก็เกินพอแล้ว!”
มู่หลินเสวียกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า คู่หงส์ครองรักนิรันดร์กระมัง? แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้าทั้งคู่จะไม่มีโอกาสได้สานต่อความสัมพันธ์ในอดีตอีกต่อไป! ทันทีที่ตอกตะปูผนึกวิญญาณเล่มสุดท้ายลงไป ก็เตรียมนับถอยหลังสู่ความตายนิรันดร์!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพรางหัวเราะลั่น
ความอาฆาตกลางทรวงอกของเย่หยวนเปี่ยมแน่นแทบปริระเบิด เขาไม่รู้จริงๆว่าจะจัดการอย่างไรกับมันดี!
“เย่หยวน จงเดินหน้าต่อไปและใช้ชีวิตเคียงคู่กับนาง! จากคำตอบนี้ของเจ้า หลินเสวียคนนี้ไม่เหลือเรื่องใดที่ค้างคาใจอีกต่อไป! ต่อให้ตายไปก็ไม่มีอะไรให้เสียใจอีก!”
จู่ๆมู่หลินเสวียก็โพล่งกล่าวประโยคนี้ขึ้นดั่งมีนัยยะสำคัญ
ในสายตาของนางที่จับจ้องเย่หยวน มันเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและความรักใคร่ สิ่งนี้ทำให้เย่หยวนที่กำลังมืดมน สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ปรากฏขึ้นภายในใจ
มีเพียงเย่หยวนเท่านั้นที่ทราบ แท้ที่จริงแล้ว มู่หลินเสวียเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและใจดีอย่างหาที่เปรียบไม่
ข่านนั่วที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะลั่นแทบกลิ้งตัวลงนอน
“ตาย? ต่อหน้าพระเจ้าผู้นี้ อย่าหวังว่าจะตายง่ายๆ! เจ้าถูกผนึกพลังปราณและจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์แล้ว! ต่อให้อยากตายเพียงใด เกรงว่าเป็นไปไม่ได้! ฮ่าฮ่าฮ่า….”
คู่ดวงเนตรงามของมู่หลินเสวียกลับสู่ความเยือกเย็นอีกครั้งเมื่อได้ฟังคำกล่าวของข่านนั่ว เจาะลงไปในเบื้องลึกของนัยน์ตาช่างหนาวเย็บจับขั่วกระดูกนัก!
“ข่านนั่ว ที่เจ้าจับข้าเพื่อข่มขู่ฉิงหยุน เจ้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือสิ่งที่ข้าคาดหวัง! หากมิใช่เพราะข้าเต็มใจ มีหรือเจ้าจะจับตัวข้าได้?”
มู่หลินเสวียแสยะยิ้มเยาะสุดเยือกเย็น ทันใดนั้นจู่ๆนางก็เริ่มแช่แข็งตัวเองทันที ไอเย็นสะท้านแผ่ซ่านออกจากร่างอรชรบางของนางอย่างบ้าคลั่ง
ไอเย็นสุดขั้วนี้แทบทำเอาฟ้าดินถูกแช่งแข็งไปตามๆกัน!
ในไม่ช้าเกล็ดหิมะก็เริ่มร่วงโรยลงมาจากน่านฟ้าคล้ายขนห่านเนียนนุ่มสีขาวโพล่น
“เสียสติไปแล้ว! เจ้ามันเสียสติไปแล้ว! จะ-เจ้า…เจ้าคิดจะทำบ้าอะไร?!”
สุ่มเสียงของข่านนั่วดูสั่นเทาอย่างหนักราวกับกำลังหวาดกลัว เสมือนนี่เป็นวันโลกาวินาศเสีย
ทันทีที่เย่หยวนเห็นภาพฉากเหล่านี้ ร่างกายพลันสั่นกระตุกอย่างแรงพร้อมนึกถึงบางเรื่องได้ในบัดดล!
…………………..
“ฉิงหยุน เจ้าทราบหรือไม่ว่า กระบวนท่าที่ทรงอนุภาพที่สุดของเส้นโลหิตเก้าทมิฬคือ?”
“เส้นโลหิตเก้าทมิฬ? นั้นเป็นเพียงกายวิญญาณหายากชนิดหนึ่ง มันมิใช่ทั้งวรยุทธบ่มเพาะพลังหรือวรยุทธต่อสู้ ไฉนถึงมีกระบวนท่าที่ทรงอนุภาพที่สุดอะไรนั่น?”
“แน่นอนว่าต้องมี! หากใช้กายวิญญาณชนิดนี้ควบคู่กับเคล็ดเหมันต์ลวงสวรรค์ จะก่อกำเนิดกระบวนท่าที่ทรงพลังยิ่งเรียกว่า ใต้หล้าเหมันต์แสนลี้! ยามที่กระท่านี้ถูกปลดปล่อยออกมา ฟ้าดินรัศมีหนึ่งแสนลี้จะถูกระเบิดเหมันต์แช่แข็งทั้งหมด ผืนพิภพจะกลายเป็นฤดูหิมะเป็นเวลาสามปีเต็ม แม้แต่เซียนอาณาจักรบัญชาสวรรค์ขั้นสุดก็จะถูกแช่แข็งทั้งเป็นโดยทันที!”
“ทรงพลังขนาดนั้นเชียว? หากมีกระบวนท่าเช่นนี้อยู่ วังเทพเหมันต์ของเจ้าคงมิเป็นหนึ่งใต้สวรรค์เลยหรอกรึ? ไฉนข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?”
“เพราะกระบวนท่านี้ใช้ได้เฉพาะกับคนที่มีเส้นโลหิตเก้าทมิฬเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากที่ปลดปล่อยกระบวนท่านี้ออกไป เส้นลมปราณทั่วร่างจักขาดสะบั้น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะได้รับความเสียหายหนักจนมิอาจฟื้นฟูได้อีก หากเจ้าไม่ยอมสัญญากับข้า ข้าจะใช้กระบวนท่านี้และขอตายไปพร้อมกับเจ้า!”
“หุหุ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ข้ามิได้พูดเล่น! จี้ฉิงหยุน ข้าจะมอบกวีบทหนึ่งให้กับเจ้า หากเจ้าไม่ยอมต่อกวีบทหลัง ข้าจะเริ่มสำแดงใช้กระบวนท่านี้ทันที ธารน้ำแข็งปิดผนึกหมื่นปี ร้อยพันเหมันต์โหมกระหน่ำกลางฤดูใบไม้ร่วง!”
“….”
มู่หลินเสวียมิได้ปลดปล่อยกระบวนท่านี้ทันที แต่นางเลือกที่จะจากไปในบัดดล
เย่หยวนคิดเสมอว่า นางคงหยอกเขาเล่นมาโดยตลอดหวังใช้กลยุทธ์นี้เพื่อบีบบังคับเขา
แต่กลับไม่คิดไม่ฝัน ยามนี้นางจะปลดปล่อยกระบวนท่านี้ออกมาจริงๆ!
ปรากฏว่า วรยุทธใต้หล้าเหมันต์แสนลี้ กลับมีอยู่จริงๆ!
ห้วงอากาศเมฆาสรรพสิ่งเริ่มจับตัวเยือกแข็ง ฟ้าดินในยามนี้ขาวโพล่นไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตา ราวกับว่าผืนพิภพกำลังประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่หลวง
อนุภาพของกระบวนท่านี้ช่างทรงพลังเกินไป
หากมู่หลินเสวียสำแดงใช้กระบวนท่านี้ก่อนที่เย่หยวนจะขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า เขาที่อยู่ในระยะใกล้สุดคงเตรียมตัวตายได้เลย
แต่มู่หลินเสวียย่อมทราบดี เย่หยวนในปัจจุบันขึ้นกลายเป็นบุคคลที่ไร้เทียมทานที่สุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว อากาศหนาวเย็นเพียงแค่นี้กลับมิอาจทำอันตรายใดๆได้!
จุดประสงค์ของนางชัดเจนแจ่มแจ้ง นางต้องการฆ่าตัวตาย!
นางต้องการใช้ท่านี้เพื่อกำจัดไพ่ตายเพียงใบเดียวที่เหลืออยู่ของข่านนั่ว!
หากนางตายลง ข่านนั่วจะไม่เหลืออำนาจต่อรองใดๆอีกต่อไป!
“หลินเสวียหยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!!”
เย่หยวนโห่ร้องลั่นสุดเสียงจนแหบแห้ง
ร่างของเย่หยวนปรากฏขึ้นทันทีต่อหน้าต่อตามู่หลินเสวีย พร้อมโอบกอดนางเข้าสู่อ้อมอก
ข่านนั่วที่เพิ่งรู้สึกฟื้นตัวได้เห็นภาพฉากนี้ มันก็พลันถอดสีหน้าในทันที
เงาร่างเคลื่อนขยับ มันเร่งพลังถึงขีดสุดเพื่อหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า!
ยามนี้มันไม่เหลือสิ่งใดใช้ต่อรองกับเย่หยวนอีกต่อไป!
สิ่งเดียวที่ทำได้คือ…หนีตาย!
แต่ในขณะที่ข่านนั่วกำลังหนีอยู่นั่นเอง กลับมีพลังศักดิ์สิทธิ์คล้ายบัญญัติสวรรค์เข้ากดดันจากทั่วฟากฟ้า คล้ายกรงขังมิให้มันหนีไปไหนได้
ร่างของข่านนั่วหยุดชะงักลงในบัดดล พร้อมเสียงกรีดร้องสุดโหยหวนดังระงมลั่นแสนเวทนากึกก้องไม่รู้จบ
ตอนที่ 1278
จิตวิญญาณที่มิอาจดับสูญ
เสียงกรีดร้องของข่านนั่วดังระงม เสมือนหมูที่ถูกนำไปเชือดทิ้ง เสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง
พลังศักดิ์สิทธิ์นี้กอปรไปด้วยศาสตร์แห่งสวรรค์ที่หายสาบสูญไปนับแสนปี ตัวมันในตอนนี้กลับไม่มีพลังอำนาจใดไปต่อกรได้เลย
เย่หยวนเลือกที่จะไม่ฆ่ามันทันที แต่กักขังมันแทนมิให้หนีไปไหนได้อีก
“อ๊ากกก!!”
เสียงกรีดร้องเสมือนหมูถูกเชือดนี้ดังนั่นจนเย่หยวนเริ่มรำคาญ เขายกฝ่ามือขึ้นและซัดคลื่นพลังโจมตีใส่เต็มสูบอัดหน้าของมันโดยตรง!
บูมมมม!!
เสียงร้องของข่านนั่วเงียบสงัดลงทันใด และไม่ส่งเสียงอะไรอีกเลย
ร่างของมันระเบิดออกเหลือแค่เพียงมวลไอหมอกทมิฬกลุ่มเล็กๆที่กระจัดกระจายไร้ทิศทาง
ในที่สุดทุกอย่างก็จบลง
เย่หยวนเร่งยิงลูกไฟสีเขียวที่เหลืออยู่เข้าสู่ร่างของมู่หลินเสวียทันที
แต่นั้น…กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
รัศมีพลังชีวิตของมู่หลินเสวียยังคงลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องดังเดิม
เย่หยวนที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายยาว เขาทั้งกรอกเทพลังจิตวิญญาณและพลังปราณลงไปอย่างบ้าคลั่งหวังช่วยชีวิตมู่หลินเสวีย
แต่นั้นก็มิอาจหยุดโชคชะตาที่กำลังจะดับสูญของนางได้
ติ้งง… ติ้งง…
เย่หยวนงัดเอาทุกศาสตร์ที่คิดว่าสามารถช่วยชีวิตนางได้ออกมาจบไม่เหลือ ขณะที่น้ำตายังคงไหลรินออกมาไม่หยุด
ในอ้อมกอดของเขา คู่ดวงเนตรของมู่หลินเสวียเริ่มอับแสงหม่นหมองกลายเป็นสีเทาไร้ชีวิต มือบางคู่นั้นที่พยายามโอบกอดเย่หยวน ยามนี้กลับค่อยๆคลายหลวมออก แต่ไม่ว่าใครที่เห็นสีหน้าของนางในยามนี้ กลับบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นางหากได้เสียใจอันใดไม่
ในทางตรงข้าม กลับมีรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นแขวนค้างอยู่บนใบหน้าของนาง มันแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจยิ่ง
“เจ้า…ความฝันของเจ้า…ในที่สุดก็เป็นจริง ยิน…ยินดีด้วย”
วาจาเพียงประโยคเดียวนี้ มันคือพละกำลังทั้งหมดที่เหลือของนางแล้ว
นางทราบดี ปนิฐานตลอดชั่วชีวิตนี้ของเย่หยวนก็คือ การขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า
และในวันนี้ เย่หยวนก็ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้แล้ว ในที่สุดฝันก็เป็นจริง
อย่างน้อยที่สุด มู่หลินเสวียก็อยากเป็นสักขีพยานต่อความสำเร็จของเย่หยวน ยิ่งไปกว่านั้น สุดท้ายนี้นางก็ไก้ฟังความในใจของเขาแล้วเสียที นางไม่เหลือสิ่งใดติดค้างภายในใจอีกต่อไป
กระบวนท่าที่สำแดงใช้ออกไปคือ วรยุทธใต้หล้าเหมันต์แสนลี้นี้ จุดจบที่รออยู่มีแต่ความตายและความตายเท่านั้น!
หลังจากที่สำแดงใช้กระบวนท่านี้ออกไป เส้นลมปราณทั่วร่างจะขาดสะบั้นไม่เหลือทันที
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นแตกสลายไป!
เมื่อจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แตกสลายไป คนๆนั้นจะไม่ได้ผุดได้เกิดอีกชั่วนิรันดร์!
ทันทีเริ่มใช้กระบวนท่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีกจนกว่าจะตาย!
แม้เย่หยวนจะมีศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่เขากลับมิใช่ทวยเทพที่จะประทานทุกสิ่งได้ดั่งใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ เขาเองก็ไร้พลังอำนาจช่วยเหลือเช่นกัน
ไม่ว่าเขาจะงัดวิธีไหนออกมาใช้ แต่ก็มิอาจช่วยชีวิตของมู่หลินเสวียได้เลย
“ไม่ต้องกล่าวแล้ว! เจ้าโง่! ไฉนถึงต้องทำเช่นนี้?! อย่าเพิ่งตาย! เจ้ายังตายไม่ได้! ข้า…ข้ายังทำสัญญาที่ให้ไว้ไม่เป็นจริงเลย!”
เบื้องลึกในใจเย่หยวนปวดร้าวเกินพรรณนา
มู่หลินเสวียพยายามอ้าปากราวกับต้องการจะกล่าว แต่นางกลับไม่เหลือเรี่ยวแรงจะกล่าวอันใดอีก
สีหน้าของนางซีดจางลงอย่างเห็นได้ชัด พลังชีวิตตกฮวบอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางไม่สามารถประคองเสถียรภาพได้อีกต่อไป กระทั้งจะเอ่ยปากกล่าวยังทำไม่ไหว
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ เหล่าฝูงชนทั้งหมดต่างรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง
มีหลายต่อหลายคนถึงกับอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ พร้อมเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“เฮ้ออ… เจ้าเด็กปากแข็ง! ปากแข็งจริงๆ!”
น้ำตาไหลรินจนอาบแก้มของฟางเทียน ชายชราผู้นี้ทนดูภาพฉากอันน่าโศกเศร้านี้มิไหวจริงๆ
ความรักอันแสนซื่อสัตย์ของมู่หลินเสวียทำให้เขารู้สึกสะท้อนใจยิ่ง
การมีคู่ชีวิตที่ดีขนาดนี้ได้ นี่นับเป็นรางวัลของเย่หยวนแล้ว
แต่ทว่า…ไฉนตอนจบต้องกลับกลายเป็นเช่นนี้?
“ความหาญกล้าของจอมราชันย์เหมันต์ช่างควรค่าแก่การเลื่อมใสยิ่ง! ความรักของนางที่มีต่อจอมราชันย์พิชิตสวรรค์เองก็สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใดเช่นกัน! ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเฝ้ารอชายผู้เป็นที่รักกลับมาอีกครั้ง เพียงเพื่อฟังคำตอบของเขาแค่ประโยคเดียว! ข้า…”
ขณะนั้นเองคนที่กำลังกล่าวก็สำลักน้ำตากลางคัน
“จอมราชันย์เหมันต์เป็นผู้มีพระคุณของพวกเราทุกคน! นางช่วยทุกชีวิตใต้สวรรค์เอาไว้! เรา…เรามาช่วยส่งแรงอธิษฐานให้นางกันเถอะ!”
ทันทีที่คำแนะนำนี้ดังขึ้น ทุกคนต่างพยักหน้ารับคำในทันที
ตึงง… ตึงงง…
มวลมนุษย์ทุกคนต่างคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียง
“ขอให้จอมราชันย์เหมันต์ปลอดภัย!”
“ขอให้จอมราชันย์เหมันต์ปลอดภัย!”
“ขอให้จอมราชันย์เหมันต์ปลอดภัย!”
……………………….
เสียงอธิฐานดังอึกทึกครึกโครมกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า สะท้อนดังลั่นทั้งผืนพิภพ
เย่หยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“หลินเสวีย เจ้าได้ยินหรือไม่? ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวขอร้องให้เจ้ามีชีวิตต่อไป ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างไม่อยากให้เจ้าจากไปเช่นนี้! เจ้า…เจ้าจะตายไม่ได้เด็ดขาด!”
อย่างำรก็แล้วแต่ ไม่ว่าฝูงชนหรือเย่หยวนจะตะโกนเสียงดังเพียงใด ทว่ามู่หลินเสวียในยามนี้กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกต่อไป
นางหลับตาลงอย่างช้าๆ ราวกับกำลังเข้าสู่ห้วงนิทราสงบ
เย่หยวนหยิบใช้ทุกศาสตร์แขนงออกมา แต่ไม่อย่างไรก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของนางได้เลย
ทันทีทันใด เย่หยวนพลันกัดฟันแน่น พร้อมโอบอุ้มร่างของมู่หลินเสวียขึ้นมา ก่อนจะอันตรธานหายวับต่อหน้าทุกคน
เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เย่หยวนข้ามน้ำข้ามทะเลนับหลายร้อยล้านลี้ เพื่อมายังส่วนลึกของหุบเขาเหวพระเจ้า
ผู้ใดที่ได้การยอมรับจากเต๋าแห่งดินเดน ผู้นั้นสามารถท่องทั่วหล้าไร้จำกัด!
เย่หยวนสามารถเดินทางไปที่ใกด็ได้ในดินแดนพฤกษานิรันดร์ได้อย่างใจนึก!
“ท่านอาวุโส ท่านเป็นผู้เดียวที่ทรงพลังที่สุดในที่แห่งนี้! โปรดช่วยนางด้วย!”
เย่หยวนค่อยๆวางร่างของมู่หลินเสวียให้นอนลงกับพื้น ก่อนคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าคุนหวู
คุนหวูเหลียวมองมู่หลินเสวียเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจกล่าวว่า
“เจ้าเองก็ศึกษาในเส้นทางแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แถมยังมีความรู้ความเข้าใจในระดับลึกซึ้ง จึงควรทราบดี ตราบใดที่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เสียหายถึงแกนใน นั้นจะไม่สามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีก! อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็นตาแก่จอมเทพนิรันดร์อยู่ตรงนี้ เขาเองก็จนปัญญาเช่นกัน”
ทั่วทั้งร่างกายของเย่หยวนสั่นเทาอย่างหนัก เขาโพล่งกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“จะเป็นไปได้อย่างไร? มะ-มิใช่ว่าท่านผู้นั้นเป็นถึงจอมเทพผู้สร้างโลก?”
คุนหวูกล่าวอย่างไร้ทางช่วยว่า
“สร้างโลกก็มิได้หมายความว่าจะสามารถควบคุมสรรพสิ่งในโลกได้! มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่วิเศษที่สุดแล้วในมหาพิภพแห่งนี้! แม้เขาจะสร้างมนุษย์ขึ้นมาได้ในดินแดนพฤกษานิรันดร์ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมวัฏจักรเกิด-แก่-เจ็บ-ตายของมนุษย์ได้! ทุกอย่างต้องดำเนินไปโดยกฎของธรรมชาติ กระทั้งตาแก่นั้นเองก็มิอาจหลีกเลี่ยงวัฏจักรนี้ได้เช่นกัน สรรพสิ่งล้วนคือเต๋า!”
แกร๊กก! แกร๊กก!
เย่หยวนได้แต่ซัดกำปั้นลงดินด้วยความเจ็บใจ ผืนดินที่แตกแขนงออกไปไม่ต่างอะไรจากหัวใจของเขาที่แตกร้าวในขณะนี้เลย
ผลลัพธ์ที่ต้องลงเอยเช่นนี้ เขาไม่สามารถยอมรับได้เลยสักนิด
“ไม่…ไม่มีหนทางเลยรึ?”
เย่หยวนกล่าวขึ้น
คุนหวูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อยเอ่ยตอบว่า
“ไม่ใช่ว่าไม่มี…แต่นั้นยากเกินไปที่จะเป็นไปได้!”
ทันทีที่เอ่ยถึงคำว่า‘ยากเกินไป’ แม้แต่คุนหวูเองก็ยังถอดใจพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
แต่สำหรับเย่หยวน นั้นคือแสงแห่งความหวังอย่างแม่นยำ!
เขาเงยหน้าช้อนสายตาจับจ้องคุนหวูพร้อมท่าทางแสนตื่นเต้น เขาเร่งกล่าวขึ้นทันที
“ท่านอาวุโสโปรดชี้แนะ! ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด เย่หยวนคนนี้ต้องทำมันให้สำเร็จ!”
คุนหวูกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มสุดอ่อนใจว่า
“เป็นสิ่งที่แม้แต่ตาแก่จอมเทพนิรันดร์ก็ไม่สามารถทำได้ เจ้าแน่ใจหรือไม่?”
กายาทั่วร่างสั่นเทาโดยมิตั้งใจ ทว่าเบื้องลึกในแววตานั้นฉายแววมุ่งมั่นสะท้อนออกมาอย่างไม่เกรงกลัว เย่หยวนพยักหน้าตอบทันทีและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสโปรดชี้แนะ!”
คุนหวูถอนหายใจอย่างไม่หยุดหย่อนและกล่าวว่า
“ในขั้นต้น การบอกวิธีนี้แก่เจ้ากลับปราศจากภัยอันตรรายอันใด แต่นี่…โอกาสสำเร็จกลับน้อยจนเกือบเท่ากับศูนย์! แต่ก่อนที่ข้าจะอธิบาย ข้าจะใช้วรยุทธลับจิตศักดิ์สิทธิ์ประคองชีพนางก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยว่ากันอีกที!”
สีหน้าของเย่หยวนแประเปื้อนไปด้วยความปิติยินดี เขารีบกล่าวขอบคุณทันทีว่า
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งท่านอาวุโส!”
เย่หยวนถอยกลับออกมาเล็กน้อย ทันทีทันใดคุนหวูก็ยิงลำแสงออกมาทั้งหมดเก้าเส้นเข้ารายล้อมร่างของมู่หลินเสวียโดยตรง
เย่หยวนตื่นตกใจอย่างมากที่เห็นเช่นนั้น เขาทราบดี นั้นเป็นกิ่งแขนงของพฤกษาคุนหวู
สิ่งนี้เปรียบเสมือนกับอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายของคุนหวู ซึ่งมีค่าอย่างหาที่ประเมินไม่!
บุปผาคุนหวูที่เย่หยวนต้องการในทีแรก สิ่งนั้นจะเป็นแค่ผลผลิตที่ได้จากคุนหวู แต่นี่คืออวัยวะส่วนหนึ่งในตัวเขา!
คุนหวูเร่งท่องคาถาบางอย่างดังออกมา กิ่งแขนงทั้งเก้าสายเริ่มชอนไชเข้าหลอมรวมกับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียทันที
มู่หลินเสวียหาได้ตอบสนองใดๆไม่ แต่เย่หยวนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางที่กำลังจะสูญสลายไป ในที่สุดก็ได้รับการเยียวยา!
ตอนที่ 1279
มหาพิภพถงเทียน!
“ตาแก่หวูเฉิน เด็กคนนี้สามารถควบคุมเต๋าได้แล้ว แล้วเจ้าจะหดหัวอยู่ในกระดองจนถึงเมื่อไหร่?”
จู่ๆคุนหวูก็เอ่ยปากขึ้น
เย่หยวนตกใจอย่างมากที่ได้ยินเช่นนั้น และไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่านี่อีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร ทั้งๆที่คุนหวูกำลังสนทนากับเขาอยู่
แต่ทันทีทันใด เบื้องหน้าทั้งสองปรากฏเป็นร่างเงาสีเทาจางขึ้น นั้นเป็นชายชราผู้หนึ่งดั่งมากประสบการณ์เจนจัดพ้นผ่านความผันผวนในชีวิตมาแล้วมากมาย
ร่างเงาของชายชราผู้นี้เรือนรางอย่างมาก จนโปร่งใสแทบมองไม่เห็น
“เจ้ารากไม้นี่! ก็เห็นอยู่ว่ายามนี้ข้าอ่อนแอเพียงใด แต่ก็ยังจะเรียกข้าออกมา!”
หวูเฉินกล่าวดุพรางแสยะยิ้มตอบ
คุนหวูกล่าวตอบว่า
“มิใช่ว่าข้าอยากเรียกเจ้าเสีย เพียงเพราะตอนนี้มีคนต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!”
หวูเฉินกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันขื่นขมว่า
“เจ้านี่เอง ในเมื่อเกี่ยวเนื่องถึงเขา เราชายชราเต็มใจช่วยเหลือ”
ในขณะที่กล่าวออกไป หวูเฉินพลางกวาดสายตาพินิจมองมู่หลินเสวียเล็กน้อย ทันทีทันใดปรากฏพลังงานลึกลับเข้าห่อหุ้มร่างของนางอีกชั้นหนึ่งทันที
หลังจากนั้น ร่างของมู่หลินเสวียแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสายหนึ่ง พร้อมพุ่งตรงเข้าสู่กลางหน้าผากของเย่หยวนโดยตรง
ภาพฉากเบื้องนี้ กระทั้งเย่หยวนยังสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ
มู่หลินเสวียเข้าไปอยู่ในไข่มุกสยบวิญญาณ!
“ท่านอาวุโส นี่…”
เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างสงสัย
คุนหวูยิ้มขณะกล่าวตอบว่า
“ตาแก่หวูเฉินคือจิตวิญญาณของไข่มุกสยบวิญญาณ เขามีความสามารถในการต่อพลังจิตวิญญาณของสาวน้อยนางนี้เพื่อให้รอดพ้นจากความตาย แต่นั้นก็ยืดเวลาได้ไม่นานนัก อย่างแรกต้องยืมพลังชีวิตของเจ้าและพลังของไข่มุกสยบวิญญาณมาใช้”
ชายชราผู้นี้ลงมือช่วยเย่หยวนโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด ทว่าสิ่งที่เย่หยวนไม่คาดคิดก็คือ อีกฝ่ายกลับเป็นจิตวิญญาณไข่มุกสยบวิญญาณ!
ทราบเช่นนั้น เย่หยวนเร่งโค้งคำนับและกล่าวว่า
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งท่านอาวุโส!”
เย่หยวพอตระหนักได้ว่า สภาพของหวูเฉินในยามนี้ดูไม่ค่อยดีนัก การใช้พลังนำร่างของมู่หลินเสวียไปเก็บไว้ในไข่มุกสยบวิญญาณ นั้นจำต้องใช้พลังจำนวนมหาศาล
หวูเฉินยิ้มและกล่าวตอบว่า
“เจ้าคือเจ้าของไข่มุกสยบวิญญาณคนใหม่ นี่เป็นหน้าที่อันสมควรของตัวข้าแล้ว นอกจากนี้ หากไม่มีเจ้า ข้าเองก็ไม่สามารถตื่นขึ้นจากการจำศีลได้เช่นกัน เพียงว่าพลังของข้าในตอนนี้ยังไม่ค่อยเสถียรนัก จึงทำได้เพียงประคองจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของสาวน้อยนางนี้มิให้สลายไปทันที”
ทันใดนั้นเอง เย่หยวนก็เพิ่งเอะใจนึกขึ้นได้ ที่พฤกษาวิญญาณมรณะและหลีกุยตายอย่างไร้สาเหตุ อาจเป็นเพราะทั้งคู่ถูกชายชราผู้นี้กลืนกินจิตยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไป?
เรื่องนี้ทำเอาเย่หยวนตื่นตกใจยิ่ง
หลีกุยยังพอเข้าใจได้ แต่พฤกษาวิญญาณมรณะ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในระดับชั้นเดียวกับพฤกษาคุนหวู ทว่ามันก็ยังถูกไข่มุกสยบวิญญาณกลืนกินทั้งๆแบบนี้จริงรึ?
“ที่ท่านอาวุโสสามารถตื่นจากการจพศีลได้ หรือว่า…เพราะกลืนกินพฤกษาวิญญาณมรณะเข้าไป?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้นทันที
หวูเฉินคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า
“ถูกต้องแล้ว! เหล่าสิ่งมีชีวิตภายในดินแดนพฤกษานิรันดร์มีพลังจิตวิญญาณที่ค่อนข้างอ่อนแอเกินไป และไม่เพียงพอสำหรับตัวข้า แต่พลังจิตวิญญาณของพฤกษาวิญญาณมรณะนั้นยังพอประทังชีวิตข้าได้บ้าง แต่นั้นก็เกือบไม่พอ!”
เย่หยวนถึงกับพูดไม่ออกไปซักพักใหญ่เมื่อได้ฟัง พฤกษาวิญญาณมรณะนับเป็นการดำรงอยู่อันไร้เทียมทานในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทุกสรรพชีวิตต่างหวาดกลัวมันเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว พลังของมันแทบไม่พอประทังชีวิตของหวูเฉินด้วยซ้ำ!
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว การที่หวูเฉินสามารถฟื้นพลังได้เล็กน้อยจากการกลืนกินพฤกษาวิญญาณมรณะลงไป เย่หยวนเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเป็นอย่างมาก
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า สมบัติเวทย์สวรรค์ของจอมเทพนิรันดร์มิใช่ของวิเศษทั่วไปที่เขาจะสามารถจินตนาการถึงได้
“ไข่มุกสยบวิญญาณ เป็นสมบัติเวทย์สวรรค์ที่ใช้สำหรับป้องกันศาสตร์แห่งจิตวิญญาณโดยเฉพาะ ซึ่งสิ่งนี้เองก็มีพลังวิญญาณอันไร้สิ้นสุด! หากตาแก่หวูเฉินสามารถฟื้นคืนสู่สภาวะสูงสุดได้ ต่อให้เป็นการดำรงอยู่ในระดับชั้นเดียวกับจอมเทพนิรันดร์ พวกนั้นก็ไม่สามารถทำอันตรายอันใดต่อจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าได้เลย! สมบัติเวทย์ประเภทนี้ แม้แต่มหาพิภพถงเทียนยังกล่าวได้ว่าหายากยิ่ง!”
เห็นได้ชัดว่า คุนหวูเองก็เกรงขามไม่น้อยในพลังของไข่มุกสยบวิญญาณ
แต่หวูเฉินกล่าวเสริมพร้อมรอยยิ้มว่า
“สภาพของข้าในปัจจุบัน สามารถต้านทานได้แค่การโจมตีระดับอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเท่านั้น หากเจอการดำรงอยู่ที่เหนือกว่านั้น ข้าคงเข้าสู่สภาวะจำศีลอีกระลอกเป็นแน่”
เย่หยวนที่ได้ฟังเช่นนั้นก็กล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“แล้วพฤกษาวิญญาณมรณะ…”
“พฤกษาวิญญาณมรณะมีต้นกำเนิดจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ ในขณะที่ข้าคือสมบัติเวทย์สวรรค์แห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์ ดังนั้นแล้วไม่ว่ามันจะแกร่งกล้าขนาดไหน มันก็ไม่สามารถหนีรอดออกจากเงื้อมมือข้าได้! นอกจากนี้…ที่มันถูกขังอยู่ในเขตพระเจ้าต้องห้ามหนีไปไหนไม่ได้ก็เป็นฝีมือข้าเอง ข้าวางแผนจะกินมันตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่น่าเสียดาย…ข้าดันหลับไปเสียก่อน”
หวูเฉินกล่าว
เย่หยวนเดาะลิ้นส่งเสียงดังเสมือนคลายความสงสัยลง แต่อีกใจหนึ่งก็น่าตกใจจนไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน!
ปรากฏว่า พฤกษาวิญญาณมรณะเป็นเพียงอาหารที่ถูกหวูเฉินเลี้ยงไว้เพื่อรอวันเก็บเกี่ยวเท่านั้น!
ไม่น่าแปลกใจเลย ไฉนพฤกษาวิญญาณมรณะถึงต้องกรนด่าสาปแช่งหวูเฉินถึงขั้นเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น
เย่หยวนผสานมือคำนับให้คุนหวูและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโส ผู้เยาว์สงสัยว่า จะมีวิธีใดช่วยหลิงเสวียได้บ้าง?”
นี่คือเรื่องที่เขากังวลที่สุดในตอนนี้
และไม่ต้องสงสัยเลยว่า การจะช่วยชีวิตมู่หลินเสวีย เย่หยวนจำต้องเดินทางท่องโลกภายนอกอย่างเลี่ยงมิได้
สิ่งที่แม้แต่จอมเทพนิรันดร์ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ นี่มิใช่สิ่งที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้แน่นอน และขอบเขตความยากได้เกินสิ่งที่เย่หยวนจินตนาการไปแล้ว!
เส้นทางที่ว่านี้มีกวาดหนามปกคลุมมากมายเสียยิ่งกว่าเส้นทางแห่งการแก้แค้นของเขาเสียอีก
คุนหวูยิ้มและกล่าวตอบว่า
“เจ้าอย่าได้กังวลไป ในเมื่อเจ้าจะต้องออกเดินทางไปยังมหาพิภพถงเทียนอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าจะอธิบายถึงเรื่องมหาพิภพถงเทียนให้เจ้าทราบก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ”
เย่หยวนสูดไอเย็นแช่มลึกสุดปอดและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสโปรดชี้แนะผู้เยาว์!”
คุนหวูพยักหน้าและกล่าวว่า
“มหาพิภพถงเทียนและดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทั้งสองเป็นดินแดนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง! มิใช่แค่ระดับชั้นที่สูงกว่าดินแดนพฤกษานิรันดร์ แต่มหาพิภพถงเทียนแห่งนี้เป็นดินแดนอันเก่าแก่ยิ่ง กล่าวกันว่ามันถือกำเนิดมาพร้อมกับจักรวาลอันกว้างใหญ่! นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมมันถึงมีชื่อว่า ‘ถงเทียน(เส้นทางสวรรค์)’ และภายในนั้นยังมีหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยความลับอีก สถานที่นั้นมีนามว่า หุบเขาถงเทียน! ภายในมหาพิภพถงเทียน อาณาจักรพระเจ้าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!”
เย่หยวนถึงกับถอดสีหน้าเมื่อได้ฟังดังนั้น นัยแฝงในคำกล่าวของคุนหวูค่อนข้างชัดเจนยิ่งนั้นคือ ยอดเซียนผู้เป็นจุดสูงสุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ กลับเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปในมหาพิภพถงเทียน!
ก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง!
เมื่อได้ฟังดังนั้น เย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกอยากแข็งแกร่งขึ้นไปมากกว่านี้!
เขาอยากเห็นกับตาว่า ยอดเซียนที่แท้จริงแห่งมหาพิภพถงเทียนจะแกร่งกล้าเพียงใด!
“มหาพิภพถงเทียน? หุบเขาถงเทียน? ท่านอาวุโส จอมเทพนิรันดร์ผู้นั้นนับเป็นการดำรงอยู่แบบใดในมหาพิภพถงเทียน?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้นอย่างตื่นเต้น ประดุจเด็กน้อยอยากรู้อยากเห็น
คุนหวูยิ้มและกล่าวว่า
“อาณาจักรพระเจ้า แท้ที่จริงแล้วมีทั้งหมดหกอาณาจักรพลังหลัก ได้แก่ อาณาจักรปฐมพระเจ้า, อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า, อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า, อาณาจักรราชันย์พระเจ้า, อาณาจักรนภาสวรรค์ และอาณาจักรเทพถ่องแท้! เหนือกว่าอาณาจักรพระเจ้าถ่องแท้คืออาณาจักรเทพสวรรค์! ตาแก่จอมเทพนิรันดร์ที่อยู่ในระดับชั้นนี้ ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดแห่งมหาพิภพถงเทียนอย่างแท้จริง! อย่างไรก็ตามแต่ ยังมีระดับพลังที่เหนือกว่าอาณาจักรเทพสวรรค์อยู่อีก นั้นคือ อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ และอาณาจักรเต๋าบรรพกาล สองอาณาจักรพลังอันไร้เทียม! ซึ่งจ้าวจักรพรรดิแห่งมหาพิภพถงเทียนก็อยู่ในอาณาจักรเต๋าบรรพกาลเช่นกัน!”
คล้ายว่าเย่หยวนแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อได้ฟัง เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่า เหนือจากอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแล้ว ยังมีอาณาจักรพลังมากมายหลายระดับชั้นขนาดนี้!
ในสายตาของเขา จอมเทพนิรันดร์นับว่าอยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างแท้จริง แต่ใครจะไปคิดว่ายังมีการดำรงอยู่ที่เหนือชั้นยิ่งกว่าจอมเทพนิรันดร์อยู่อีก!
เมื่อสีหน้าของเย่หยวน คุนหวูพลางคลี่ยิ้มบางและกล่าวต่อว่า
“นั้นมิใช่สิ่งที่เจ้าสามารถจินตนาการได้เลย อาณาจักรเต๋าบรรพกาลมันไกลเกินกว่าจะเข้าใจได้แล้ว! บนมหาพิภพถงเทียนมีจอมเทพอาณาจักรเต๋าบรรพกาลเพียงเก้าคนเท่านั่น พวกเขาคือเต๋าต้นกำเนิด และพวกเขาดำรงอยู่มาไม่รู้กี่แสนล้านปีแล้ว! พวกเขาทั้งเก้าเป็นอมตะ! เต๋าทั่วทุกสารทิศของชีวิต ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าเต๋าของเจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่นั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะก้าวไปถึงจุดนั้น!”
เย่หยวนสูดไอเย็นอย่างแช่มช้า แขนขาของเขาสั่นเทาไปหมดพลางกล่าวขึ้นด้วยความกลัวว่า
“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?”
ในความเข้าใจของเย่หยวน ตราบใดที่เขามีพรสวรรค์และความสามารถเพียงพอ ไม่ว่าอุปสรรคจะยากลำบากแค่ไหน เขาย่อมก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ดั่งใจนึก
แต่แนวคิดเช่นนี้ของเขาไม่น่าจะใช้ได้ผลกับมหาพิภพถงเทียน
เต๋าทั่วทุกสารทิศของพวกเขาทั้งเก้า
และพวกเขายังเป็นอมตะ!
คุนหวูกล่าวว่า พวกเขาดำรงอยู่มาไม่รู้กี่แสนล้านปีแล้ว สิ่งนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ไม่มีใครหน้าไหนสามารถทำอะไรพวกเขาทั้งเก้าได้เลย
สิ่งที่คุนหวูกล่าวไปนั้นถูกต้อง ต่อให้จะมีพรสวรรค์ยิ่งใหย่เพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะเทียบเคียงพวกขาทั้งเก้า
คุนหวูที่เห็นสีหน้าของเย่หยวนดังนั้นก็ยิ้มและกล่าวต่อว่า
“ข้าได้กล่าวไปหมดแล้ว ต่อจากนี้เจ้าต้องตัดสินใจด้วยตนเอง สิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำคือ การหาวิธีทะลวงผ่านห้วงอวกาศอันปั่นป่วน!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น