Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1266-1274
ตอนที่ 1266
สมบัติเวทย์สวรรค์!
เย่หยวนจับจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจตั้งใจ
เขาไม่คิดจริงๆว่า อีกฝ่ายจะยอมมอบบุปผาคุนหวูง่ายๆเช่นนี้
ก่อนหน้า เย่หยวนยังคำนวณถึงความเป็นไปได้มากมายที่อาจจะเกิดขึ้น และเตรียมใจรับมือทุกสถานการณ์ รวมถึงหากต้องถึงขั้นสัประยุทธ์ลงมือ
ทว่าความเป็นไปได้เดียวที่เขานึกไม่ถึงก็คือ การที่อีกฝ่ายยอมมอบของให้ตนโดยไม่มีเงื่อนไขใด
ได้รับบุปผาคุนหวูกับมือแล้ว เย่หยวนรู้สึกดั่งว่าฝันไป
“ท่านอาวุโส…ทำไม?”
เย่หยวนกล่าวถามขึ้นอย่างสงสัย
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางพลางกล่าวตอบว่า
“ข้าเองก็มีปัญหากับพฤกษาวิญญาณมรณะมาเนินนานแล้ว เจ้านั้นน่าสะอิดสะเอียนเกินทน แต่สุดท้ายก็ถูกกำจัดทิ้งไปเสียที เจ้าทำได้ดีมาก! ดังนั้นนี่ถือเป็นรางวัลที่เจ้าควรได้รับแล้ว! นอกจากนี้เอง ข้ามีหน้าที่ช่วยเหลือผู้สืบทอดของตาแก่จอมเทพนิรันดร์อยู่แล้ว ส่วนที่ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ นั้นขึ้นอยู่กับชะตาของเจ้าแล้ว”
เย่หยวนอดฉงนใจมิได้ เขาได้ยินบุคคลชื่อ‘จอมเทพนิรันดร์’มาเกินสองสามครั้งแล้ว รวมไปถึงข้อสงสัยก่อนหน้าที่ยังค้างคา เพราะเหตุใดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถึงถูกเรียกว่า ดินแดนพฤกษานิรันดร์
แล้ว ‘ดินแดนพฤกษานิรันดร์’ กับ ‘จอมเทพนิรันดร์’ มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่!
“ผู้เยาว์มีข้อสงสัยโปรดท่านอาวุโสแถลงไข ดินแดนพฤกษานิรันดร์คืออะไร? แล้วทำไมมีบางคนเรียกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ว่า ดินแดนพฤกษานิรันดร์?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้นทันที
คุนหวูยิ้มและกล่าวว่า
“คำว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่พวกเจ้าเรียกขานตั้งกันเอง แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเจ้าเชื่อกันว่าเป็นจุดสูงสุดแห่งผืนพิภพ ในความเป็นจริง นี่กลับเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น! และแน่นอนว่าที่แห่งนี้ก็มีจักรพรรดิดินแดนเช่นกัน และนั้นก็คือ ตาแก่จอมเทพนิรันดร์!”
“ตาแก่จอมเทพนิรันดร์?”
เย่หยวนพลันขมวดคิ้วหนาทวนคำถามในทันใด
คุนหวูพยักหน้าและอธิบายต่อว่า
“จอมเทพนิรันดร์คือผู้สร้างดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ขึ้นมาและตั้งตนขึ้นเป็นจักรพรรดิดินแดน เมื่อบรรลุสู่อาณาจักรนิรันดร์ หนึ่งกระบวนสร้างโลก และดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ก็เป็นโลกที่ตาแก่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้นมา”
มิใช่เพียงแค่เย่หยวน ทุกคนที่ได้ยินต่างสั่นสะท้านถึงทรวงในเมื่อได้ยินคำอธิบายเหล่านี้!
นี่ถึงขั้นสร้างโลก! นี่เป็นการดำรงอยู่ที่เกินขอบเขตจินตนาการไปแล้วโดยสมบูรณ์!
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาอาศัยอยู่ กลับกลายเป็นว่าถูกสร้างขึ้นโดยจอมเทพท่านหนึ่ง!
“สะ-สร้างโลก! ทะ-ท่าน…ท่านอาวุโสมิได้ล้อเล่นใช่หรือไม่?”
แม้ประสบการณ์ความรู้ของเย่หยวนค่อนข้างกว้างไกลไพศาล แต่เรื่องนี้ยังต้องทำให้เขากลายไปเป็นคนโง่งมในบัดดล
ผลกระทบต่อจิตใจจากคำอธิบายเหล่านี้ของคุนหวูช่างยอดเยี่ยมเกินไปนัก!
“เหอะ ข้าเองก็มิใช่คนขี้เล่นขนาดนั้น! การสร้างโลกกลับมิใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอันใด แต่การสร้างโลกก็มิใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้เช่นกัน ในปัจจุบันเจ้าไม่มีทางเข้าใจได้แน่นอน รอจนกว่าสักวัน เจ้าจะสามารถออกจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ได้ เมื่อนั้นเจ้าจะเข้าใจทุกอย่างเองโดยธรรมชาติ”
เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกๆแช่มช้า คำกล่าวนี้ของคุนหวูได้เปิดโลกใบใหม่ให้แก่เขา
เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นมา!
และก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า เส้นทางแห่งการต่อสู้ของมนุษย์จะสามารถพัฒนาได้ถึงอาณาจักรพลังที่น่าทึ่งเพียงนี้!
หากวาจาคำอธิบายนี้มิได้ออกจากปากคุนหวูโดยตรง เย่หยวนไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
เมื่อบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรพลังที่เหมาะสม ก็จะสามารถสร้างโลกเป็นของตัวเองได้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน ย่อมไม่สามารถจินตนาการถึงได้เลย
หลังจากนั้นไม่นาน เย่หยวนก็ได้สติฟื้นตัวจากความตื่นตะลึง เขาเอ่ยถามต่อว่า
“ท่านอาวุโส ในเมื่อศาสตร์แห่งสวรรค์ได้สูญสิ้นไปแล้ว เหตุใด…เหล่าการดำรงอยู่ภายในเขตพระเจ้าต้องห้ามถึงดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบเลย”
เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด ไม่ว่าจะเป็นพฤกษาวิญญาณอมตะ หรือ พฤกษาคุนหวูที่อยู่ตรงหน้า ขอบเขตพลังของทั้งคู่ เย่หยวนกลับไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลยแม้สักนิด
แตกต่างจากท่านบรรพบุรุษแห่งเผ่ามังกร และซือโปเทียน ถึงขุมพลังความแกร่งกล้าจะเกินหยั่งรู้เช่นกัน แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าอาณาจักรพลังของพวกเขาถูกจำกัดเอาไว้
คุนหวูยิ้มและกล่าวอธิบายว่า
“เพราะพวกเราทั้งหมดที่อยู่ที่นี่มิได้ถือกำเนิดในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ และมิได้บรรลุเต๋าจากที่นี่เช่นกัน ดังนั้นพวกเราจึงมิได้ถูกระงับพลังเอาไว้”
เย่หยวนยิ่งตกใจสุดขีดเมื่อได้ยิน ปรากฏว่าพวกเขาทั้งหมดที่อยู่ที่นี่มาจากดินแดนอื่น?
แต่ทันใดนั้น เย่หยวนพยันนึกอะไรขึ้นได้ แต่ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากกล่าว คุนหวูกลับหยุดไว้เสียก่อน
“อย่าได้คิดเชียว! ทุกคนในเขตพระเจ้าต้องห้ามไม่สามารถออกจากเขตแดนนี้ได้! ยิ่งไปกว่านั้นดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ใกล้สิ้นสุดอายุขัยของมันแล้ว มันไม่สามารถทนรับพลังของพวกเราได้ไหว ทันทีที่เริ่มลงมือ ดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ได้พินาศก่อนแน่นอน!”
คุนหวูกล่าวขึ้น
เย่หยวนมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าอันผิดหวัง เขาคิดได้ว่า หากพฤกษาคุนหวูมิได้ถูกระงับพลังเอาไว้ บางทีเขาอาจให้ความช่วยเหลือ เข้าจัดการข่านนั่วด้วยตัวเอง
เย่หยวนอดกล่าวอย่างเศร้าโศกมิได้ว่า
“ท่านอาวุโส แล้วเกิดอะไรขึ้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน? ไฉนศาสตร์แห่งสวรรค์ถึงหายสาปสูญไป?”
คุนหวูยักไหล่เล็กน้อยพร้อมกล่าวตอบว่า
“เพราะตาแก่จอมเทพนิรันดร์ตายแล้ว!”
หนึ่งประโยคดังขึ้น ทำเอาเย่หยวนฉุดคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง
จอมเทพผู้สร้างโลกเองก็ตายเป็นเช่นกัน?
ถ้าเช่นนั้นต้องเป็นจอมเทพที่ไร้เทียมทานเพียงใดถึงสามารถฆ่าลงได้?
“อย่างไรก็ตาม…เดิมทีอายุขัยของดินแดนพฤกษานิรันดร์ไม่ควรเสื่อมถอยเร็วขนาดนี้ เมื่อห้าล้านปีก่อน ตาแก่จอมเทพนิรันดร์ได้ตัดขาดทุกการเชื่อมต่อกับดินแดนพฤกษานิรันดร์ไป มีความเป็นไปได้สูงว่า เขาอาจตายลงไปแล้ว แต่อายุขัยของดินแดนพฤกษานิรันดร์ยังคงดำเนินต่อไปเป็นปกติ จนกระทั้งหนึ่งแสนปีก่อน หนึ่งในสามสมบัติเวทย์สวรรค์ของเขาได้ถูกคนอื่นขโมยไป จึงส่งผลให้ดินแดนพฤกษานิรันดร์เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากขาดสมดุลไป ศาสตร์แห่งสวรรค์สูญสิ้น พลังฉีลี้ลับไม่มีอีกต่อไป นั้นจึงทำให้ผู้คนในยุคหลังไม่สามารถขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้”
เย่หยวนหรี่ตาแคบจับจ้องอย่างเอาจริงเอาจัง พลางกล่าวพึมพำว่า
“สมบัติเวทย์สวรรค์?”
คุนหวูหันเข้าจับจ้องเย่หยวน พร้อมกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มว่า
“เจ้าเองก็มีเหมือนกันมิใช่รึ? แถมยัง…มิใช่แค่ชิ้นเดียว!”
กายาเย่หยวนสั่นสะท้านคล้ายฟ้าผ่า เขาโพล่งตาโตเท่าไข่ห่านอุทานขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“หรือท่านอาวุโสจะหมายถึง…ศิลาจารึกเลื่องสวรรค์กับไข่มุกสยบวิญญาณ?”
คุนหวูคตลี่ยิ้มกว้างและกล่าวสวนขึ้นว่า
“หากเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากไข่มุกสยบวิญญาณแล้ว ยังมีอะไรบ้างบนผืนพิภพที่สามารถกำจัดเจ้าบัดซับพฤกษาวิญญาณมรณะได้?”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงของคุนหวูก็เจือสะใจมิใช่น้อย
เย่หยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็คาดเดาได้ทันทีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพฤกษาคุนหวูกับพฤกษาวิญญาณมรณะมิค่อยดีนัก
อย่างไรก็ตามแต่ สิ่งนี้ได้สร้างคลื่นมหึมาเข้าถาโถมสู่จิตใจของเย่หยวนเข้าเต็มๆ
เขาไม่เคยทราบมาก่อนเลยสักนิด แท้ที่จริงแล้ว ต้นกำเนิดของศิลาจารึกเลื่องสวรรค์กับไข่มุกสยบวิญญาณคืออะไรกันแน่
ไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่ยอดเซียนอย่างเซียนเต๋าสวรรค์ยังไม่สามารถเข้าถึงความลึกซึ้งของศิลาจารึกเลื่องสวรรค์ได้
“ตาแก่จอมเทพนิรันดร์มีสมบัติเวทย์สวรรค์ทั้งหมดสามชิ้น หนึ่งคือศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ, สองคือไข่มุกสยบวิญญาณ และสาม…ดาบแห่งจักรวาล! สามสมบัติเวทย์สวรรค์มีหน้าที่รักษาความสมดุลของดินแดนพฤกษานิรันดร์ ดังนั้นแล้ว เมื่อดาบแห่งจักรวาลหายไป ดินแดนพฤกษานิรันดร์จะไร้เสถียรในทันที ผลกระทบที่หนักที่สุดคือ ไม่มีศาสตร์แห่งสวรรค์อีกต่อไป”
คุนหวูเอ่ยอธิบายเสียงเรียบเย็น
เย่หยวนพรูหายใจเย็นเข้าออกอย่างเงียบๆ
ทุกวาจาคำกล่าวของคุนหวูได้สร้างคลื่นความผันผวนกระทบสู่จิตใจโดยตรง
เพราะนั้นล้วนแต่เป็นความลับสุดยอดของดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้!
ผู้คนบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่มาเนินนาน กลับไม่มีใครรู้เลยว่านี่เป็นเพียงดินแดนที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนๆหนึ่ง
สุดท้ายนี้ ทุกคนกลับเป็นแค่กบน้อยในก้นบ่อ!
ภายนอกดินแดนแห่งนี้ ยังมีจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดรออยู่!
นี่เป็นความลับสุดยอดอายุนับหลายล้านปี เย่หยวนที่ได้รับรู้ในวันนี้จะไม่ตกใจได้อย่างไร?
เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันเลยว่า สองในสามสมบัติเวทย์สวรรค์อันยิ่งใหญ่จะตกอยู่ในมือเขาโดยบังเอิญเช่นนี้จริงๆ!
ตอนที่ 1267
เคล็ดสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์!
“ท่านอาวุโส ผู้เยาว์มีคำถาม”
“กล่าวมา”
“หากบรรลุอาณาจักรพระเจ้าได้แล้ว จะก่อเกิดพลังฉีลี้ลับหลั่งไหลเข้าสู่กายา ข้าสงสัยว่าพลังฉีลี้ลับที่ว่านั้นยังคงอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
พลังฉีลี้ลับหลั่งไหลสู่กายา ยามนั้นบรรลุสู่อาณาจักรพระเจ้า นี่คือขั้นตอนที่สำคัญทีสุด!
มิใช่ขั้นตอนที่ฟางเทียนกังวลมากที่สุดเท่านั้น กระทั้งเย่หยวนเองยังวิตกอย่างมากเช่นกัน
แม้ว่าโอสถท้าทายสวรรค์ของเย่หยวนจะประสบความสำเร็จ แต่หากปราศจากพลังฉีลี้ลับแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถบรรลุอาณาจักรพระเจ้าได้อยู่ดี
คุนหวูยิ้มและกล่าวเป็นนัยว่า
“พลังฉีลี้ลับ? หุหุ ลองขอตัวเองดูสิ?”
“ลองของตัวข้าเอง?”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมจับจ้องอีกฝ่ายอย่างโง่งม
“เช่นนี้ พลังปราณฟ้าดินที่พวกเจ้าหยิบใช้กันในปัจจุบัน คือพลังฉีลี้ลับระดับต่ำสุด หากยังไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ ร่างกายของเหล่านักสู้ในดินแดนพฤกษานิรันดร์จะไม่สามารถรองรับพลังฉีลี้ลับระดับสูงกว่านั้นเข้าร่างกายได้เลย สมบัติเวทย์สวรรค์สวรรค์หนึ่งชิ้นก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยให้นักสู้ในดินแดนพฤกษานิรันดร์ขึ้นกลายเป็นอาณาจักรพระเจ้าได้ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่ค้ำจุนพลังฉีลี้ลับให้คงอยู่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์เอาไว้ก็คือ ดาบแห่งจักรวาลอย่างแม่นยำ! แต่ยามนี้ดาบแห่งจักรวาลถูกขโมยไป พลังฉีลี้ลับที่ปลดปล่อยออกจากดาบแห่งจักรวาลก็ถูกดูดซับโดยคนๆนั้นไปหมดสิ้นแล้วเช่นกัน แต่แน่นอนว่า สมบัติเวทย์สวรรค์อีกสองชิ้นที่เหลือย่อมมีคุณสมบัติเดียวกัน”
คุนหวูกล่าวอธิบาย
เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า
“ท่านกำลังจะบอกว่า ศิลาจารึกเลื่องสวรรค์กับไข่มุกสยบวิญญาณเองก็สามารถปลดปล่อยพลังฉีลี้ลับออกมาได้เช่นกัน?”
“ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามเพื่อปลดปล่อยด้วยซ้ำ! ตราบใดที่เจ้าสามารถผลิตศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมาได้เอง พลังฉีลี้ลับจากสมบัติเวทย์สวรรค์ทั้งสองชิ้นย่อมปลดปล่อยพลังฉีลี้ลับออกมาให้เองตารมธรรมชาติ”
เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ภายในศิลาจารึกเลื่องสวรรค์กับไข่มุกสยบวิญญาณจะมีพลังฉีลี้ลับซ่อนเร้นอยู่!
เมื่อห้าแสนปีก่อน ฟางเทียนเคยพยายามทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้ามาก่อนเช่นกัน เพียงว่าเขาไม่สามารถดูดซับศาสตร์แห่งสวรรรค์ได้ พลังฉีลี้ลับจึงไม่ถูกปลดปล่อยออกมา
หากปีนั้น ฟางเทียนสามารถหาวิธีผลิตศาสตร์แห่งสวรรค์ขึ้นมาเองได้ ตอนนี้เขาคงกลายเป็นบุคคลแรกในรอบหนึ่งแสนปีที่ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าไปแล้ว
แน่นอนว่า หากเย่หยวนสามารถเรียกพลังฉีลี้ลับให้หลั่งไหลสู่กายาได้ กระทั้งข่านนั่วยังมิใช่คู่มือของเขาอีกต่อไป
แต่สุดท้ายนี้ เย่หยวนก็อาจได้ผลลัพธ์เดียวกับฟางเทียน นั่นคือประสบความล้มเหลว
“ขอบพระคุณยิ่งที่ช่วยไขข้อสงสัยของผู้เยาว์! นับว่าเย่หยวนติดหนี้บุญคุณท่านอาวุโสแล้ว!”
เย่หยวนผสานมือกล่าวขึ้นด้วยความเคราพ
…………………………
หลังจากนั้นเย่หยวนก็วางแผนเตรียมการหลอมกลั่นโอสถต่อในทันที!
ในส่วนคุนหวูก็ไม่ต้องการขัดจังหวะเย่หยวน เขายังคงเฝ้ามองอยู่ข้างๆไม่ใกล้ไม่ไกล
บนโต๊ะยาวมีสมุนไพรวิญญาณกว่าร้อยชนิดวางเรียงรายจนหนาตา
สมุนไพรกว่าร้อยชนิดเหล่านี้ล้วนถูกคัดสรรมาแล้วอย่างดี
กว่าจะได้สมุนไพรวิญญาณนับร้อยมาได้ มีเพียงสวรรค์ที่ทรงทราบว่า เย่หยวนทดลองล้มเหลวมาแล้วกี่ร้อยพันรอบ
หากไร้ซึ่งคุณสมบัติที่ไม่สามารถเข้ากันได้ เย่หยวนจะคัดสมุนไพรวิญญาณชนิดนั้นออกทันที
ในชีวิตนี้เขาได้ปรับเปลี่ยนสูตรโอสถท้าทายสวรรค์ไปหลายจุด จนเขาสามารถกล่าวได้ว่าสูตรโอสถท้าทายสวรรค์ก่อนหน้านี้ไม่สามารถใช้จริงได้แน่นอน
“พี่ใหญ่ ไม่รู้เหตุใด…ข้าถึงรู้สึกประหม่ายิ่ง!”
อิ้งหมัวหู่แอบกระซิบกล่าวอย่างกังวล
เย่หยวนกล่าวดุเจือหัวเราะว่า
“เจ้าน้องรัก แค่หลอมกลั่นโอสถ ยังต้องกังวลอันใด?”
“ทั้งหมดมันเป็นเพียงทฤษฎี แต่โอสถเม็ดนี้เกี่ยวพันถึงชะตากรรมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด! จะไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไร? รอบนี้ไม่มีโอกาสที่สองแล้ว!”
“หึหึ คิดหรือว่าพี่ใหญ่คนนี้จะพลาดเหมือนคราก่อน?”
อิ้งหมัวหู่ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนกล่าวตอบว่า
“ก็จริงอย่างที่พี่ใหญ่ว่า! ศาสตร์แห่งโอสถของท่านสำเร็จถึงจุดสุดยอดแล้ว! ด้วยเคล็ดมหาเทพเก้าดาราของท่าน ทุกสิ่งย่อมไม่มีปัญหา!”
เคล็ดมหาเทพเก้าดาราเป็นวรยุทธหลอมกลั่นโอสถที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เมื่ออิ้งหมัวหู่นึกถึงฝีไม้ลายมือในคราที่เย่หยวนสำแดงใช้เคล็ดมหาเทพเก้าดารา เขาก็โล่งใจขึ้นหลายเปาะ
ทว่าเย่หยวนกลับยิ้มและกล่าวว่า
“ครั้งนี้ ข้ามิได้ใช้เคล็ดมหาเทพเก้าดารา!”
อิ้งหมัวหู่สะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ พร้อมโพล่งอุทานขึ้นลั่น
“ไม่ได้ใช้เคล็ดมหาเทพเก้าดารา?!”
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“หากกล่าวถึงวรยุทธหลอมกลั่นชนิดนี้ แทบไม่มีใครคุ้นเคยไปมากกว่าข้าแล้ว แม้เคล็ดมหาเทพเก้าดาราจะเป็นวรยุทธที่มีประสิทธิภาพสูงลิบ แต่นั้นยังไม่เพียงพอสำหรับโอสถท้าทายสวรรค์ ดังนั้นข้าจึงต้องคิดค้นวรยุทธหลอมกลั่นที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าขึ้นมา!”
“ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า… พี่ใหญ่…ท่านงำประกายลึกล้ำกว่าที่ข้าจินตนาการยิ่ง!”
อิ้งหมัวหู่สูดไอเย็นแช่มเข้าปอดอย่างช้าๆ
ไม่มีใครรู้จักเย่หยวนดีไปกว่าอิ้งหมัวหู่อีกแล้ว แต่เขากลับไม่เคยรู้เลยว่า เย่หยวนยังซ่อนสุดยอดวรยุทธหลอมกลั่นที่ทรงพลังยิ่งกว่าเคล็ดมหาเทพเก้าดารา!
เย่หยวนยิ้มและกล่าวตอบว่า
“วรยุทธหลอมกลั่นชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตัวข้าเมื่อชาติก่อน ทว่าในตอนนี้ข้าได้แก้ไขปรับปรุงจนสมบูรณ์แบบแล้ว เท่านี้ข้ามั่นใจว่ามากพอที่จะรับผิดชอบภาระอันใหญ่ยิ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“พี่ใหญ่ วรยุทธหลอมกลั่นชนิดนี้มีนามว่าอะไร?”
แววตาของเย่หยวนไสวผลัดเป็นคมชัด เขากล่าวตอบว่า
“เคล็ดสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์!”
นี่เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างหาประเมินไม่และอาจไม่มีอีกแล้วในชั่วชีวิตนี้ เป็นธรรมดาที่เย่หยวนจะต้องเรียกเหรินตง,เสี่ยวหลู่หยานและลูกศิษย์ของนาง,กู่เย่ว เพื่อให้มาเรียนรู้ศึกษาถึงกระบวนการต่างๆของเย่หยวนโดยละเอียด
นอกเหนือจากเหรินตงและเสี่ยวหลู่หยานแล้ว ความแกร่งกล้าของกู่เย่วในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ก็พัฒนาคืบหน้าไปอย่างก้าวกระโดด
แน่นอนว่าเขาเริ่มเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ดังนั้นพัฒนาการของเขาจึงช้ากว่าเหรินตงกับเสี่ยวหลู่หยานมาก
แต่หากนำกู่เย่วไปเปรียบเทียบกับนักหลอมโอสถคนอื่นๆในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขากลับกินขาดหลายช่วงตัว
“การหลอมกลั่นครั้งนี้ของข้าคือแก่นแท้แห่งโอสถของข้าเช่นกัน ประสบการณ์เช่นนี้ อาจารย์อาจมีให้พวกเจ้าเห็นได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต จงเฝ้าศึกษาให้ดี ส่วนจะได้กำไรมากน้อยเพียงใด สุดแท้แล้วแต่โชคชะตาของพวกเจ้าแล้ว”
เย่หยวนกล่าวกับทั้งสาม
พวกเขาทั้งสามพยักหน้าขานตอบอย่างเอาจริงเอาจัง ประสบการณ์เช่นนี้อาจมีแค่ครั้งเดียวในชั่วชีวิต พวกเขาจจึงรู้สึกตื่นเต้นเกินพรรณนา
ทั้งสามคนทราบดี การหลอมกลั่นโอสถในครั้งนี้ของเย่หยวน คือการหลอมกลั่นโอสถที่สุดยอดที่สุดในรอบหนึ่งแสนปีเต็ม!
ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาจับจ้องเย่หยวนที่กำลังเริ่มหลอมกลั่นอย่างใจจดใจจ่อ
เย่หยวนหยดโลหิตของตนลงในหม้อหลอมราชามังกร ทันทีทันใดแรงกดดันของเฟผ่ามังกรพลันปะทุเดือดเสียดนภาสูงในบัดดล
ด้วยสายเลือดมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน หม้อหลอมราชามังกรในปัจจุบันจึงทรงประสิทธิภาพมากกว่าครั้งก่อนๆที่ผ่านมา
หม้อหลอมราชามังกรเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เสมือนเหมือนกับเจดีย์เลื่องสวรรค์
แต่ครั้งนี้ที่ได้รับโลหิตมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนไป คล้ายเป็นตัวกระตุ้นชั้นยอด มันทรงพลังเหนือทุกครั้งในอดีต
กระทั้งหม้อหลอมราชามังกรยังรู้สึกได้ การหลอมโอสถในครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สุดยอดที่สุดตั้งแต่มันถูกสร้างขึ้นมา!
ไม่เพียงมันจะตื้นเต้นดีอกดีใจ แต่มันยังให้ความร่วมมือกับเย่หยวนอย่างสุดกำลังเช่นกัน!
ทว่าคราวนี้ แค่สกัดหัวเชื้อสมุนไพรวิญญาณ เย่หยวนยังต้องใช้เวลานานถึงสามวันสามคืนเต็ม!
สมุนไพรวิญญาณมีจำนวนนับร้อยชนิด แต่วิธีการที่เย่หยวนนำใช้จำต้องใส่ใจทุกรายละเอียดถี่ถ้วนกว่าครั้งใดๆ
แถมหัวเชื้อที่สกัดได้ยากเย็นซับซ้อนที่สุดมิได้มีเพียงชนิดเดียว แต่เย่หยวนต้องสกัดถึงเก้าชนิด!
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ เสี่ยวหลู่หยานและคนอื่นๆได้แต่ยืนประหลาดใจยิ่งยวด
“ท่านอาจารย์ปู่กำลังทำอะไรกัน? หรือเป็นไปได้ไหมว่า เขาจะหลอมโอสถถึงเก้าเม็ด?”
กู่เย่วกล่าวขึ้นด้วยความฉงนสงสัย
เสี่ยวหลู่หยานที่ยืนกอดอกเงียบอยู่ข้างๆ พลันเหลียวมองกู่เย่วเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เจ้าคิดว่าท่านอาจารย์จะหลอมโอสถท้าทายสวรรค์ถึงเก้าเม็ดเชียว?”
เหรินตงกล่าวเสริมขึ้นว่า
“การสกัดหัวเชื้อสมุนไพรวิญญาณหาใช่เรื่องยากสำหรับท่านอาจารย์ แต่การนำหัวเชื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดรวมกันเป็นเนื้อเดียวกลับยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!”
เสี่ยวหลู่หยานพยักหน้าและกล่าวว่า
“การจะหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์ มันมิใช่แค่จะรวมหัวเชื้อสมุนไพรเข้าด้วยกัน แต่หัวเชื้อทั้งเก้าชนิดนี้จำต้องผสานกันจนเป็นเนื้อเดียวโดยสมบูรณ์! ไม่เพียงวรยุทธหลอมกลั่นจะต้องทรงพลังไร้ที่ติ ท่านอาจารย์จำต้องพึ่งพาความรู้ความเข้าใจทั้งหมดที่เกี่ยวกับศาสตร์แห่งโอสถ เพื่อสรรสร้างให้โอสถท้าทายสวรรค์เม็ดนี้สมบูรณ์แบบ! คล้ายการสร้างโลกใบจิ๋วอีกใบหนึ่ง!”
ขั้นตอนการสกัดหัวเชื้อเสร็จสิ้นในที่สุด ยามนี้เย่หยวนเข้าสู่กระบวนการหลอมกลั่นแล้ว
แต่ทันทีที่เขาเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งเซียวหลู่หยานและคนอื่นๆทั้งหมดต่างต้องตกตะลึงกันเป็นแทบ!
“นี่…นี่มันมิใช่วรยุทธไร้เทียม? วรยุทธ…วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่ง ท่านอาจารย์ปู่ใช้วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งเพื่อหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์?!”
เสี่ยวหลู่หยานแตกตื่นไม่ต่างพลางอุทานลั่นด้วยความตกใจว่า
“พวกเจ้าดูนั่นเร็ว! นั้นมันวรยุทธหลอมกลั่นขั้นพื้นฐานที่สุด! วรยุทธไร้เทียมจริงๆ! นี่…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
แต่เดิมคุนหวูยังคงเฝ้ามองเย่หยวนสกัดหัวเชื้ออย่างเงียบสงบอยู่ข้างๆ ทว่ายามนี้ทันทีที่เย่หยวนลงมือ เขาถึงกับโพล่งตาโตจับจ้องด้วยแววตาเป็นประกายสุกไสว!
ตอนที่ 1268
ผสานจิตแห่งยอดเต๋า!
ณ ตรงนี้ไม่มีใครเข้าใจเต๋าลึกซึ้งไปกว่าคุนหวูแล้ว
แม้วรยุทธหลอมกลั่นของเย่หยวนจะดูเรียบง่ายจนชวนง่วงนอน แต่ทุกกระบวนเคลื่อนไหวกลับเปลี่ยนไปเสน่ห์แห่งเต๋า
เหล่าลูกศิษย์ของเย่หยวนต่างอุทานขึ้นด้วยความฉงนใจเจือเลื่อมใส เพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงเต๋าของเย่หยวนได้เลย
ระดับของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากเกินไป
คุนหวูไม่รู้จักการหลอมกลั่นโอสถ แต่เท่าที่ได้ยินจากคำอุทานของเหล่าลูกศิษย์เย่หยวน เขาก็สามารถสันนิฐานได้ทันทีว่า สิ่งที่เย่หยวนกำลังสำแดงใช้อยู่คือวรยุทธหลอมกลั่นขั้นพื้นฐานที่สุด
แต่แน่นอน สิ่งที่เย่หยวนกำลังใช้จริงๆนั้นมันไม่ใช่วรยุทธหลอมกลั่นขั้นพื้นฐานที่สุดอย่างที่คิด
มันดูขัดแย้งกันไปหมด สูงสุดคืนสู่สามัญ
นี่แหละคือ…เคล็ดสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์!
“หุหุ น่าสนใจเลยทีเดียว! เด็กคนนี้อาจทำสำเร็จก็เป็นได้!”
คุนหวูกล่าวขึ้นพลางหัวเราะเล็กน้อย
เสี่ยวหลู่หยานพลันได้ยินคำกล่าวนั้นพอดี ยามนี้นางกลั้นใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดและเอ่ยถามไปว่า
“ท่านอาวุโสนั้นหมายความอย่างไร? ผู้เยาว์เห็นว่าอาจารย์กำลังสำแดงใช้วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งอยู่ เพียงแรกเห็นก็ทราบทันที! แล้วเช่นนี้…อาจารย์จะหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์ได้สำเร็จหรือไม่?”
ทุกคนต่างเงี่ยหูฟังโดยพร้อมใจ รอฟังคำตอบที่ออกจากปากของคุนหวู
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอิ้งหมัวหู่ ก่อนหน้าเขาเพิ่งฟังมาว่า เย่หยวนได้สร้างวรยุทธหลอมกลั่นชนิดใหม่ทีทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า นั้นคือ เคล็ดสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์ แต่สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้กลับเป็น วรยุทธหลอมกลั่นขั้นพื้นฐานที่สุดแทน
เขาทราบดีว่า เย่หยวนมิได้ล้อเล่นแน่นอน แต่ก็ไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่า วรยุทธที่เย่หยวนสำแดงใช้อยู่ในขณะนี้ แตกต่างจากวรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งอย่างไร?
“วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่ง? ฮ่าฮ่า! ผิดแล้ว,ผิดแล้ว! อาจารย์ของพวกเจ้าได้สำเร็จถึงจุดที่เรียกว่า เห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นธารน้ำเป็นธารน้ำแล้ว สูงสุดคืนสู่สามัญ สรรสร้างแต่งเติมจนสวยหรูเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแก่นแท้คือแท้จริง ขุมพลังที่พรั้งพรูออกมา มันต่างระดับชั้นเกินไปจนพวกเจ้าไม่สามารถสัมผัสได้”
คุนหวูกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ
ดวงเนตรไสวงามคู่นั้นของเสี่ยวหลู่หยานส่องสว่างขึ้นทันใด นางพยายามพินิจครุ่นคิดอย่างละเอียดทว่ามิอาจเข้าใจ เช่นนั้นจึงกล่าวต่อว่า
“ท่านอาวุโสโปรดแถลงไขให้ผู้เยาว์!”
คุนหวูเหลียวมองนางเล็กน้อยพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“เรามิอาจบรรลุเป้าหมายได้โดยไม่ทำอะไรเลย และมิอาจบรรลุเป้าหมายได้เช่นกันหากข้ามขั้นตอน ทุกอย่างต้องเป็นไปทีละเล็กละน้อย แม่น้ำไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นได้ในวันเดียว มันจำต้องสั่งสมธารน้ำหลายหลากสายผสานรวม แม้ข้าจะไม่รู้เรื่องการหลอมกลั่นโอสถ แต่จุดหมายของเต๋าล้วนบรรจบลง ณ จุดเดียวกัน และข้าสามารถสัมผัสถึงเต๋าของอาจารย์เจ้าได้อย่างชัดเจน! วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งคือวรยุทธขั้นพื้นฐานที่สุด และนั้นยังมีรากฐานแห่งเต๋าซ่อนเร้นอยู่ด้วย เมื่อผู้คนฝึกปรือถึงระดับสูง เวลาก้มมองลงมาย่อมเห็นทัศนียภาพที่กว้างกว่าผู้คนในระดับต่ำเสมอ!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น พวกเขาได้แต่จับจ้องดั่งคนโง่งม!
มีเพียงพวกเขาที่ตระหนักดีเยี่ยม โลกที่เย่หยวนยืนอยู่ช่างแตกต่างจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง
ซึ่งโลกที่เย่หยวนกำลังยืนอยู่นี้ก็ไม่สามารถสรรหาคำใดมาพรรณนาได้เลยเช่นกัน
พวกเสี่ยวหลู่หยานทั้งสามต่างสบสายตากันไปมา พลางคลี่ยิ้มเจื่อนแสนขื่นขม
ที่เย่หยวนเรียกพวกเขาออกมาก็เพื่อต้องการใหรับรู้ถึงศาสตร์แห่งโอสถในอีกระดับที่แตกต่าง
แต่น่าเสียดาย พวกเขาจะเฝ้าดูศึกษาได้อย่างไร ในเมื่อเย่หวนใช้เพียงวรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งเท่านั้น
พวกเขาทั้งสามล้วนถูกกวดขันอย่างหนักโดยเย่หยวน และคุ้นชินกับวรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งเป็นอย่างดี
ความเชี่ยวชาญของทั้งสามได้บรรลุถึงอาณาจักรบรรพกาลนานแล้ว
เฉพาะเสี้ยวอึดใจนี้ พวกเขากลับเพิ่งตระหนักได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว เส้นทางแห่งโอสถยังคงอีกยาวไกลนัก
แต่ละวันที่พ้นผ่าน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม พริบตาเดียวสิบวันผ่านไป
ในระยะสิบวันมานี้ กลับไม่มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นเลยสักนิด
เย่หยวนยังคงใช้วรยุทธขั้นพื้นฐานที่สุดเพื่อหลอมกลั่นโอสถ เขามิได้มีท่าทีรีบร้อนใดๆ
อย่างไรก็ตาม สีหน้าการแสดงออกของพวกเสี่ยวหลู่หยานและคนอื่นๆต่างดูเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง
เย่หยวนกำลังหลอมกลั่นสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดไปพร้อมๆกัน ซึ่งเขาก็สามารถทำได้สำเร็จจริงๆภายในเวลาสิบวัน
ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเข้าใจถึงความหมายในคำกล่าวของคุนหวู
หากนี่เป็นแค่วรยุทธหลอมกลั่นระดับหนึ่งจริงๆ นั้นจะไม่สามารถหลอมกลั่นสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดได้ในเวลาเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้นเอง ภายในหัวเชื้อของสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าชนิดยังผสมผสานกับสมุนไพรวิญญาณอื่นๆนับร้อยชนิด ความยากในการควบคุมทุกอย่างให้สมดุลกัน มันยากพอๆกับการขึ้นสวรรค์
สิบวันมานี้ได้พิสูจน์แล้วว่า เย่หยวนมิได้กล่าวผิดแต่อย่างใด
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภาพฉากที่ผู้คนไม่กล้าจินตนาการ
ศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวนสูงล้ำเกินขอบเขตรความเข้าใจของทุกคนไปแล้ว
ลึกซึ้งเกินไป!
ทันใดนั้นเอง สีหน้าการแสดงออกของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนในบัดดล มวลเมฆากลุ้มหนาเข้ารวมตัวกันเหนือน่านฟ้า รัศมีสุริยันสีทองอร่ามสาดกระจายลงมาแพร่ประกายสวยงาม เสมือนว่ากำลังจะมีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
คุนหวูเงยหน้ามองท้องนภา พลางหัวร่อกล่าวขึ้น
“หุหุ ผสานจิตแห่งยอดเต๋า! เด็กคนนี้น่าที่งโดยแท้!”
……………….
เปรี๊ยงงง!
เหนือน่านฟ้าทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏม่านรัศมีสุริยันทองคำไสวเจิดจรัสเช่นกัน สิ่งนี้ได้ย่อมผืนพิภพกลายเป็นสีสันสวยงาม
เหนือเก้าสวรรค์ คลื่นเมฆาสายอัสนีวชิระคำรนกู่ก้องจากทั่วสารทิศ!
ณ เผ่ามังกรในภูมิภาคอสูร ฟางเทียนเงยศีรษะขึ้นมองน่านฟ้าทอดยาวสุดสายตาด้วยแววตาเป็นประกายสุกไสว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ใครกันที่ทำให้ฟ้าดินก่อเกิดปรากฏการณ์อันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้!”
ฟางเทียนกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ
“ท่านอาวุโส หากพินิจมองทิศทางที่เกิดปรากฏการณ์ให้ดี นั้นมาจากทางทิศใต้ที่ตั้งหุบเขาเหวพระเจ้าอย่างแม่นยำ หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เย่หยวนจะสามารถบรรลุกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้แล่ว?”
เคียงกายฟางเทียน ปรากฏเป็นเต็งหยุนที่โพล่งกล่าวขึ้นอย่างตื่นอกตื่นเต้น
ฟางเทียนหัวเราะขึ้นทันทีและกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่นว่า
“เจ้าคิดมากเกินไป! ลืมเรื่องทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าได้เลย ต่อให้ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า ฟ้าดินย่อมไม่มีทางเกิดปรากฏการณ์แบบนี้เช่นกัน! สิ่งเดียวที่พออธิบายคือ อาจมีการดำรงอยู่ใดในเขตพระเจ้าต้องห้ามไปกระตุ้นมันขึ้น ข้าเกรงว่า…”
ความหวังของเต็งหยุนดุจดวงไฟน้อยๆถูกดับวูบทันทีโดยฟางเทียน
ปรากฏว่า ปรากฏการณ์ฟ้าดินในครั้งนี้กินเวลานานถึงสามวันสามคืนเต็ม ยิ่งเวลาผ่านไป รัศมีสุริยันทองคำยังแพร่กระจายครอบคลุมทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า ยังไม่สามารถสร้างปรากฏการร์อันน่ามหัศจรรย์ขนาดนี้ได้เลย
ทันใดนั้นเอง ฟางเทียนเร่งหลับตาในทันใด แต่เมื่อเต็งหยุนเห็นดังนั้นก็เร่งโพล่งเตือนขึ้น
“ท่านอาวุโส อย่าเด็ดขาด!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี ฟางเทียนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่พลันกระอักพ่นเลือดสดคำโตเสียงดัง
ในเสี้ยวอึดใจต่อมา ฟางเทียนก็ดูแก่ลงยิ่งกว่าเดิมทันตา!
ฟางเทียนลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างเจจ็บปวดและกล่าวว่า
“สรวงสวรรค์มิได้อนุญาตให้ข้าสอดเห็น! ข้าหวังว่า เย่หยวนจะกลับออกมาอย่างปลอดภัย!”
………………………….
ในเขณะเดียวกัน ข่านนั่วก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างแช่มช้า สีหน้าการแสดงออกของมันพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง!
“นี่มัน ผสานจิตยอดเต๋า! เจ้าเด็กนั้นคงไม่ประสบความเสร็จจริงๆใช่ไหม?”
“หื้ม? กลัวงั้นรึ? ตาแก่ เจ้าในตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรแล้ว!”
เยวี่ยจี้กล่าวบ่นเสียงเย็น
“หึ! ตอนนี้เหลือแค่มันกับข้าใครจะเร็วกว่าเท่านั้น! เมื่อใดที่ข้าผู้นี้กวาดล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์จนสิ้นซากได้ ต่อให้มันจจะขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้วอย่างไร? สามวันหลังจากนี้ เตรียมเคลื่อนทัพบุกภูมิภาคอสูร! เป้าหมายต่อไปคือ การล้างบางเผ่าอสูรให้หมดสิ้น! ข้าไม่เชื่อว่า เจ้าฟางเทียนจะสามารถหยุดทัพของเราได้เช่นกัน!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาล
คู่ดวงเนตรงามไสวเล็กน้อย เยวี่ยจี้กล่าวขึ้นว่า
“เจ้าฟื้นพลังสมบูรณ์แล้ว?”
“หึหึ แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร? ผ่อนคลายเถอะ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าโดยสมบูรณ์! ต่อให้เจ้าเด็กนั้นจะบรรลุกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าและกลับมาล้างแค้น มันก็มิอาจหนีรอดออกจากเงื้อมมือของข้าได้! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อกล่าวจบ ข่านนั่วก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นอย่างชอบอกชอบใจ
เยวี่ยจี้จับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา นางไม่ทราบจริงๆว่า ข่านนั่วไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน
…………………………
ภายในหุบเขาเหวพระเจ้า รัศมีสุริยันทองคำบนท้องนภาค่อยไหลบ่าบรรจบลงในหม้อหลอมราชามังกร
เสี่ยวหลู่หยานและคนอื่นๆต่างจับจ้องไม่กล้าละสายตาออก
ตึงงง…
ทันใดนั้น หม้อหลอมราชามังกรก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
จากภาพฉากนี้ทำเอาสีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไปในทันที!
บูมมมม!
เพียงได้ยินเสียงระเบิดดังกระหึ่ม หม้อหลอมราชามังกรระเบิดออกโดยตรง
คลื่นพลังขุมหนึ่งสุดน่าสะพรึงกลัวพลันพรั่งพรูออกมาไม่หยุดหย่อน
ตอนที่ 1269
ยอดเต๋าแห่งโอสถ!
“พี่ใหญ่หยวน!”
“พี่ใหญ่!”
“ท่านอาจารย์!”
……………………
หลากหลายสุ้มเสียงตะโกนดังลั่นพร้อมเพรียงด้วยความวิตกกังวลสุดขีด
กระทั้งหม้อหลอมราชามังกรที่เป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เสมือนยังไม่สามารถทนต่อขุมพลังนี้ได้ จนระเบิดไม่เหลือซาก!
เศษหม้อหลอมราชามังกรชิ้นเล็กน้อยน้อยกระจัดกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง แรงระเบิดซัดดีดกระเด็นใส่ทุกคนโดยรอบอย่างแรง
คุนหวูเพียงโบกมือเล็กน้อย ป้องปัดเศษหม้อหลอมและแรงระเบิดเบี่ยงวิถีออกไป
แต่นั้นมิใช่สาระสำคัญไม่!
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ หากปราศจากหม้อหลอมแล้ว เย่หยวนยังจะหลอมกลั่นโอสถได้อย่างไร?
เมื่อทุกคนพยายามเพ่งมองเบื้องหน้าโดยละเอียด พวกเขาก็อดประหลาดใจมิได้!
ตรงหน้าเย่หยวนปรากฏเป็นพลังไร้สภาวะประกอบรวมกันคล้ายแผนภาพไท่จี๋
ซึ่งใจลางแผนภาพไท่จี๋ปรากฏเป็นหัวเชื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งเก้าที่กำลังถูกขัดเกลาให้บริสุทธิ์โดยเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวอยู่!
แผนภาพไท่จี๋นี้มีความซับซ้อนอย่างหาที่เปรียบไม่ เย่หยวนใช้เวลาสรรสร้างสิ่งนี้ก่อนที่หม้อหลอมราชามังกรจะระเบิด
เย่หยวนในปัจจุบันเข้าสู่สภาวะเข้าญาณ ดำดิ่งสู่ห้วงสมาธิขั้นสุด
ทั้งๆที่เย่หยวนกำลังหลอมกลั่นโอสถอยู่ต่อหน้าต่อตา ทว่าเสี่ยวหลู่หยานและที่เหลือทั้งหมดดั่งรู้สึกฝันไป
มันราวกับว่า เย่หยวนไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ!
แต่ความคลุมเครือเช่นนี้ ทำให้พวกเขาทุกคนกลายเป็นคนโง่งมในบัดดล
เย่หยวนที่พยายามอย่างหนัก ทั้งหมดก็เพื่อให้กำเนิดศาสตร์แห่งสวรรค์!
ปรากฏการณ์เช่นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป
“ยอดเต๋าแห่งโอสถ! นั้นมันยอดเต๋าแห่งโอสถในตำนาน! ฮ่าฮ่าฮ่า…ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เรื่องมหัศจรรย์เช่นนี้จะเกิดขึ้นจริงในดินแดนของตาแก่จอมเทพนิรันดร์นี่! ตาแก่ หน่อ ตาแก่…กระทั้งข้ายังคาดไม่ถึง โลกที่กำลังล้มสลายของเจ้ากลับสามารถให้กำเนิดยอดบุคคลเช่นนี้ได้! ข้าหวังว่าเจ้าจะเห็นภาพฉากนี้บนสรวงสวรรค์ เด็กคนนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
ทันทีทันใด คุนหวูโพล่งหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจ
เสี่ยวหลู่หยานและที่เหลือหันควับตามเสียงหัวเราะด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่า ทุกคนในยามนี้กำลังฉงนใจอย่างยิ่งว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่หยวนกันแน่
“ท่านอาวุโส ยอดเต๋าแห่งโอสถคืออะไร…โปรดแถลงไขให้ทราบ?”
เสี่ยวหลู่หยานเอ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงง
สายตาของคุนหวูที่กำลังจับจ้องเย่หยวนแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขายังกล่าวชื่นชมเย่หยวนไม่หยุดปาก ทว่ายามนี้กลับเงียบเสียงลงในบัดดล
ไม่มีแม้แต่จะปริปากเอ่ยใดๆออกมา
คุนหวูมีอายุเท่าใดเกรงว่ามีเพียงสวรรค์ที่ทรงทราบ และเขาจะต้องดำรงอยู่มาเนินนานเพียงใดถึงสามารถเผ้าดูหลากหลายชีวิตตั้งแต่ดินแดนพฤกษานิรันดร์ถือกำเนิดและใกล้ดับสูญอย่างในปัจจุบัน?
ในสายตาของเขา สิ่งมีชีวิตบนดินแดนพฤกษานิรันดร์กลับไม่นับเป็นอันใดเลย
เวลานี้ไม่มีใครทราบ คุนหวูกำลังนึกคิดอย่างไร
“เห็นแผนภาพไท่จี๋ตรงนั้นไหม?”
คุนหวูกล่าว
เสี่ยวหลู่หยานยืนแข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า
“ผู้เยาว์เห็น นั้นคงเป็นค่ายกลที่ท่านอาจารย์สร้างขึ้นสำหรับหลอมกลั่นโอสถ?”
คุนหวูหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ค่ายกล? ฮ่าฮ่าฮ่า…นั้นไม่ใช่ค่ายกล! มันคือศาสตร์แห่งสวรรค์ของดินแดนพฤกษานิรันดร์ เป็นศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ยังหลงเหลืออยู่!”
“ศะ-ศาสตร์แห่งสวรรค์!! ท่านอาวุโสอย่าอำผู้เยาว์เลย?”
ริมฝีปากบางของเสี่ยวหลู่หยานถึงกับสั่นเทา ดวงเนตรงามโพล่งเบิกกว้างด้วยความตะลึงสุดขีด
นี่มิใช่เพียงแค่นางเท่านั้น ทุกคนที่อยู่โดยรอบล้วนตื่นตกใจแทบกระโดด พวกเขาคิดว่าคุณหวูผู้นี้กำลังล้อเล่นอยู่แน่นอน
ศาสตร์แห่งสวรรค์คือสิ่งใดกัน?
นั้นคือสิ่งที่หายสาบสูญไปตั้งแต่เมื่อหนึ่งแสนปีก่อนแล้ว!
มันเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนอีกต่อไป!
เหล่านักสู้สามารถทำได้เพียงเรียรรู้และทำความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่กลับมีใครบางคนสามารถระดมเรียกมันขึ้นมาได้และใช้มันเพื่อหลอมกลั่นโอสถ?!
นี่…นี่ช่างไร้สาระเกินไป!!
เรื่องเช่นนี้ไม่มีวันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
ทว่าคุนหวูพลันยิ้มและกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมยว่า
“ศาสตร์แห่งสวรรค์มิได้ลึกลับอย่างที่พวกเจ้าจินตนาการไว้เลย ศาสตร์แห่งสวรรค์ที่พวกเจ้าบ่มเพาะฝึกปรือ ทั้งหมดเป็นเพียงเต๋าของคนอื่น! เนื่องจากดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้เป็นของตาแก่จอมเทพนิรันดร์ ดังนั้นสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหมดบ่มเพาะคือเต๋าของตาแก่นั้น ตราบใดที่พวกเจ้ายังมัวหมกตัวอยู่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ พวกเจ้าจะไม่สามารถเอาชนะความเป็นจริงได้เลย หากกล่าวตามตรง พวกเจ้ายังก้าวไม่ถึงหนึ่งส่วนหมื่นของตาแก่นั้นเลยด้วยซ้ำ”
ทุกคนที่ได้ฟังดังนั้นต่างสบสายตากันไปหาดั่งว่าต้องการสรรหาวาจามาหักล้าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
ทุกคำกล่าวของคุนหวูได้แสดงให้เห็นถึงสถานะของเขาที่อยู่เหนือจินตนาการไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเอง หากพินิจจากรูปการร์โดยรวม พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่า สิ่งที่คุนหวูกล่าวไปล้วนถูกต้องทั้งหมด!
กวาดสายตาจับจ้องสีหน้าอันแสนประหลาดใจของแต่ละคน คุนหวูกล่าวต่อว่า
“ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้! อาณาจักรพลังของตาแก่นั้นสูงส่งจนพวกเจ้าทุกคนมิอาจจินตนาการถึงได้ และอีกอย่างหนึ่ง เต๋าของตาแก่นั้นเองก็ได้ชื่อว่าเป็นเต๋าที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน! หากต้องเผชิญหน้ากับมันโดยใช้ศาสตร์แห่งสวรรค์ เราผู้นี้เองเลี่ยงได้ก็เลี่ยง! แต่น่าเสียดายนัก…วิหคเพลิงไร้ขนยังอ่อนด้อยกว่าลูกไก่!”
“เอ่อ…ท่านอาวุโส ท่านยังไม่ได้ตอบผู้เยาว์เลยว่า ยอดเต๋าแห่งโอสถคืออะไร?”
คุนหวูที่ถูกนางกล่าวย้อนเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่ต้องรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างยิ่งต่อกิริยาท่าทางของเสี่ยวหลู่หยาน
และแน่นอน คุนหวูที่พูดจาดูถูกศาสตร์แห่งสวรรค์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้ย่อมทำให้เสี่ยวหลู่หยานไม่ค่อนพอใจเช่นกัน เลยกล่าวขัดออกไปแบบนั้น
แต่นางก็ทราบดีว่าสิ่งที่คุนหวูกล่าวไปเป็นความจริง
คุนหวูเหลียวมองนางเล็กน้อยและกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นว่า
“ช่างสาวน้อยขวางโลกไม่น้อย! แต่วันนี้ข้า,เฒ่าคุนผู้นี้อารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงไม่ถือโทษเอาความ ศาสตร์แห่งสวรรค์จากเต๋าของคนอื่นหาใช่เรื่องดีก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า อาจารย์ของเจ้าช่างแข็งแกร่งนัก! ยอดเต๋าแห่งโอสถเป็นอีกขั้นหนึ่งที่ถูกพัฒนาจากศาสตร์แห่งโอสถ ยอดเต๋ามาหลากหลายแขนงสาขา หากเปรียบเทียบยอดเต๋าแห่งโอสถของอาจารย์เจ้าคงเสมือนกับเตาหลอมเคลื่อนที่! อาจารย์ของเจ้ามีสื่อจิตแห่งยอดเต๋าแล้ว นั้นก็เท่ากับว่าสามารถเชื่อมต่อกับยอดเต๋าได้แล้วเช่นกัน กล่าวตามสัตย์จริง ข้าคาดไม่ถึงเลยว่า อาจารย์ของเจ้าจะหยิบยืมศาสตร์แห่งสวรรค์มาใช้ได้ขนาดนี้แล้ว ช่างน่าทึ่งโดยแท้!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของคุนหวู แต่ละคนต่างต้องอ้าปากค้างตื่นตะลึงชนิดหุบไม่อยู่
สามารถหยิบยืมศาสตร์แห่งสวรรค์มาใช้ในการหลอมกลั่นโอสถได้ นี่ต้องเป็นส้ตว์ประหลาดชนิดใดกัน?
หากไม่ได้คุนหวูมาอธิบายเช่นนี้ พวกเขาทั้งหมดคงมิอาจทราบเลยว่า แผนภาพไท่จี๋ตรงหน้าคือ ศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ผนึกขึ้นเป็นโครงสร้างสลักซับซ้อน!
เรื่องราวเหล่านี้ที่แพร่งพรายออกจากปากคุนหวู ทำเอาทุกคนแทบเป็นบ้าเสียสติโดยแท้
ยิ่งได้ฟังได้รับรู้ความจริงมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งตื่นตะลึงมากขึ้นเท่านั้น!
แน่นอนว่าทุกคนรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่าเย่หยวนแกร่งกล้าเพียงใดแล้ว แต่ในทางตรงข้าม แต่ละคนเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินไปเช่นกัน
ทุกคนต่างจ้องมองเย่หยวนด้วยสายตาที่แตกต่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลี่เอ๋อผู้ซึ่งเป็นคนรักของเขา!
คนรักของนางกำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดที่เหนือชั้นกว่าทุกชีวิตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
ความรู้สึกของนางในเวลานี้ช่างซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
คุนหวูกล่าวต่อเพื่อดึงสติเหล่าผู้คนโดยรอบที่สติหลุดไปแล้วว่า
“สามารถหยิบใช้ศาสตร์แห่งสวรรค์ได้เช่นนี้ ดูท่าดินแดนพฤกษานิรันดร์จะยอมรับเขาแล้ว! เด็กนั้นช่างน่าทึ่งเกินไปจริงๆ! จากนี้ต่อไป เขาสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากแล้วว่า ตนคือผู้สืบทอดเสื้อคลุมของจอมเทพนิรันดร์! ตราบใดที่เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรนิรันดร์ได้ เขาจะขึ้นกลายเป็นจักรพรรดิดินแดนคนใหม่แห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์! ถึงแม้โลกแห่งนี้จะค่อนข้างทรุดโทรมไปเสียหน่อยก็ตาม”
สำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่คุนหวูกล่าวเล่าไป ดูเหมือนว่าเย่หยวนจะไม่ได้ยินเลยสักนิด
เขากำลังจมอยู่ในห้วงสมาธิ การหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์กลับมิใช่ปัจจัยสำคัญอีกต่อไป ทว่ายามนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การลิ้มรสศาสตร์แห่งสวรรค์ที่แท้จริง!
ความรู้สึกชนิดนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับขึ้นสวรรค์ปานเหยียบเมฆ
ตอนที่ 1270
ขึ้นรูปโอสถท้าทายสวรรค์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในอันตราย!
เพื่อที่จะแก้แค้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เย่หยวนก้าวขึ้นสู่เส้นทางแห่งการต่อสู้ในชีวิตนี้
แม้ว่าพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งการต่อสู้ของเขาจะสูงมาก กล่าวได้ว่าฝังลึกลงในกระดูก แต่ศาสตร์แห่งโอสถของเขามันสูงส่งเกินขอบเขตขีดจำกัดไปตั้งนานแล้วเช่นกัน
ก่อนที่เย่หยวนจะกลับชาติมาเกิดใหม่ ศาสตร์แห่งโอสถของเขาก็ได้สำเร็จถึงระดับชั้นที่ลึกซึ้งยิ่งแล้ว
มิเช่นนั้น เขาจะไม่มีทางคิดค้นสูตรโอสถท้าทายสวรรค์ขึ้นมาได้เลย ซึ่งนี่เป็นโอสถวิปลาสนัก ทั้งในด้านส่วนประกอและกรรมวิธีการหลอมกลั่น
เพียงว่าสิ่งเดียวที่ชาติก่อนของเขาขาดไปก็คือ ศาสตร์แห่งสวรรค์ และนั้นคล้ายกับหน้ากระดาษแผ่นบางที่มิอาจทะลุผ่านไปได้
ในชีวิตนี้ ไม่เพียงเย่หยวนจะได้รับบัญญัติแห่งจอมโอสถเท่านั้น ทั้งนี้เขายังได้รับวรยุทธศักดิ์สิทธิ์และอักษรจารึกศักดิ์สิทธิ์มากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ครอบครองศิลาจารึกบัลลังก์พิภพและไข่มุกสยบวิญญาณ ซึ่งของวิเศษทั้งสองชิ้นนี้เป็นถึงสมบัติเวทย์สวรรค์อันยิ่งใหญ่ หากกอปรรวมกันทั้งหมดจึงเกิดเป็นเย่หยวนอย่างในปัจจุบัน
วรยุทธสดับฟ้าสิบย่านสวรรค์นี้ เมื่อเย่หยวนเริ่มสำแดงใช้มัน คล้ายว่าจิตห้วงสมาธิเย่หยวนพลันค่อยๆผสานรวมกับฟ้าดินจนเป็นหนึ่ง
แผนภาพไท่จี๋นนี้ที่อยู่เบื้องหน้าเย่หยวน เขารู้สึกได้ถึงทุกสรรพสิ่งชีวิตบนผืนพิภพ
เสมือนว่าเขากำลังหลอมกลั่นโอสถโดยมีฟ้าดินเป็นหม้อหลอม!
ในที่สุดเย่หยวนก็มาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการกลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์แล้ว
ทันทีทันใดจู่ๆแผนภาพไท่จี๋ก็ปล่อยแสงสาดประกายจ้าทะลุสิบทิศจนผู้คนโดยรอบไม่สามารถลืมตาขึ้นได้
เย่หยวนกลายเป็นจุดศูนย์กลางตาพายุเกลียวคลื่น นี่เสมือนกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกรากที่กอปรไปด้วยพลังปราณปริมาณมหาศาล
คราแรกยังคล้านสายธารวารีรวมบรรจบ ยามนี้กลับก่อตัวขึ้นกลายเป็นทะเลไปแล้ว
เย่หยวนถูกห่อหุ้มปกคลุมโดยลำแสงตั้งแต่หัวจรดเท้า นอกเหนือจากนั้นอย่างลี่เอ๋อและคนอื่นๆที่อยู่ด้านนอกกลับไม่สามารถมองเห็นเย่หยวนได้แล้ว
พวกเขารู้สึกราวกับว่า ผืนพิภพแห่งนี้กำลังพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อช่วยให้เย่หยวนหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์ได้สำเร็จ!
“หากไม่เห็นด้วยตาคงไม่กล้าทำใจเชื่อ! คงไม่มีใครอีกแล้วบนผืนพิภพนี้ที่สามารถทำได้แบบท่านอาจารย์ปู่! นี่คือความสมบูรณ์แบบ ศาสตร์แห่งโอสถที่สมบูรณ์แบบ!”
กู่เย่วถอนหายใจพร้อมหลากอารมณ์พรั่งพรู
เขาเกิดในตระกูลใหญ่ที่ล้วนแล้วแต่เป็นนักหลอมโอสถชื่อดังและโดดเด่นยิ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ภาพฉากตรงหน้านี้ เขากลับไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมาก่อนเลยสักครั้ง
ภาพนี้ตราตรึงฝังลึกในใจของเขาจนกลายเป็นต้นแบบและปนิฐานสูงสุดของชีวิต
ไม่เพียงกู่เย่วเท่านั้น กระทั้งเหรินตงเองยังยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า
“หลายปีที่ผ่านมา ข้าเฝ้าศึกษาและฝึกฝนเพื่อขัดเกลาตัวเองอย่างหนัก และคราแรกข้าคิดว่า ตนน่าจะเริ่มเข้าใจท่านอาจารย์ได้บ้างแล้วเล็กน้อย ทว่ายามนี้กลับตระหนักชัดแจ้ง พวกเรากับท่านอาจารย์กำลังยืนอยู่บนโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง! กระนั้นเอง นี่กลับเป็นแรงกระตุ้นที่ยอดเยี่ยมนัก ข้าจะเดินตามรอยเท้าท่านอาจารย์อย่างถึงที่สุด!”
ภายใต้กระแสน้ำวนแสนเชี่ยวกราก หัวเชื้อสมุนไพรทั้งเก้าก็เริ่มโคจรหมุนติ้วเร็วจี๋
ยิ่งกระแสน้ำวนนี้เชี่ยวแรงเท่าไหร่ หัวเชื้อสมุนไพรทั้งเก้าก็ยิ่งโคจรเร็วขึ้นเท้านั้น
ลำแสงค่อยๆเบาบางคลายตัวอ่อน
แผนภาพไท่จี๋เริ่มสลายหายไปอย่างแช่มช้า
เม็ดโอสถสีแดงทับทิมประกายลอยอยู่เหนือฝ่ามือเย่หยวนอย่างเงียบสงบ
ทุกคนโดยรอบที่ถอยกรูไปในคราแรก ยามนี้เบิกตากว้างจับจ้องโอสถในมือเย่หยวน พร้อมเร่งปรีตรงเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็นคล้ายเด็กทารก
“พี่ใหญ่ เป็นอย่างไรบ้าง…”
อิ้งหมัวหู่กล่าวถาม
“ท่านอาจารย์ นี่คือโอสถท้าทายสวรรค์? ข้ามิอาจบอกได้เลยว่า มันมีจุดบกพร่องตรงไหน! ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไปหมด!”
“ท่านอาจารย์ปู่ช่างน่าทึ่งโดยแท้! ในทัศนะคติของข้า นี่คือจุดสูงสุดของศาสตร์แห่งโอสถแล้วกระมัง?”
กู่เย่วถอนหายใจด้วยความชื่นชม
เย่หยวนยิ้มแต่มิได้กล่าวอันใด ยามนั้นเป็นคุนหวูที่โพล่งกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“หลอมกลั่นโอสถด้วยยอดเต๋า โอสถเม็ดนี้ได้รับการยอมรับจากสรวงสวรรค์ ช่วยเหลือถึงขั้นที่ว่ายังไม่ส่งบททดสอบแห่งสรวงสวรรค์ลงมาด้วยซ้ำ”
เย่หยวนปรับขนาดสายตาจับจ้องไปยังโอสถท้าทายสวรรค์บนฝ่ามือ ทว่าปัจจุบันเขากลับนิ่งเงียบผิดวิสัย แทนที่จะเต้นตื่นดีใจที่ประสบความสำเร็จ
แม้เขาจะรู้ว่านี่ประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม!
คุนหวูยิ้มและกล่าวว่า
“เจ้าหนู นี่เท่ากับว่าเจ้าได้การยอมรับจากทรวงสวรรค์แล้ว ในภายภาคหน้า ตราบใดที่ความแข็งแกร่งของเจ้าสูงส่งเพียงพอ ยามนั้นจะได้ขึ้นกลายเป็นจักรพรรดิดินแดนแทนที่ตาแก่จอมเทพนิรันดร์นั้นได้!”
คุนหวูคิดว่าเย่หยวนจะต้องตื่นเต้นยินดีกับเรื่องนี้แน่นอน ในความคิดของเขา ตำแหน่งจักรพรรดิดินแดนพฤกษานิรันดร์คือจุดสูงสุดบนผืนพิภพแห่งนี้
แม้แต่เขายังไม่สามาถขึ้นแทนได้เช่นกัน มิว่าจะทรงพลังเพียงใด
ทว่า…คุนหวูกลับต้องผิดหวัง
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนสงบนิ่งอย่างมาก ราวกับมิได้ตื่นเต้นอันใดกับวาจาพวกนี้เลย
“จักรพรรดิดินแดน? ท่านอาวุโส แม้ผู้เยาว์จะขึ้นกลายเป็นผู้ปกครองดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทว่าข้ายังคงเดินตามเส้นทางแห่งเต๋าของคนอื่นอยู่ดี แน่นอนว่าเต๋าของท่านจอมเทพนิรันดร์จะกล้าแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าข้ายังคงเดินตามรอยคนอื่นเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันแข็งแกร่งไปกว่านี้ได้เช่นกัน”
เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยอากัปกิริยาแสนสงบนิ่ง
คุนหวูหรี่ตาแคบจับจ้องเย่หยวนเจือแววตื่นตะลึง
เขาไม่คิดเลยว่า เย่หยวนจะกล่าวอะไรเช่นนี้ออกมาจริงๆ!
การขึ้นกลายเป็นผู้ปกครองผืนพิภพ แม้ดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้จะเป็นดินแดนที่เสื่อมโทรมแล้วก็ตาม แต่นั้นยังเป็นสถานะศักดิ์ที่ล่อตาล่อใจยิ่งนัก
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของสิ่งแบบนี้ได้!
กระนั้นเอง ปรากฏว่าเย่หยวนกลับมิได้สนใจตำแหน่งเหล่านี้เลยแม้สักนิด ซึ่งนี่ทำให้คุนหวูถึงกับลอบถอนหายใจด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง
หากเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นบนโลกภายนอก คุนหวูจะไม่แปลกใจเลยสักนิด
แต่ที่แห่งนี้คือ ดินแดนพฤกษานิรันดร์ที่ตาแก่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้น!
และเย่หยวนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งภายในดินแดน!
มนุษย์ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่จู่ๆก็ได้ขึ้นกลายเป็นจักรพรรดิดินแดน มีใครบ้างจะไม่ตื่นเต้นดีใจ?
ทว่าเย่หยวนกลับมิได้สนใจมันแม้แต่น้อย!
“หุหุ เจ้าหนู เจ้าไม่เหมือนคนอื่น ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงเป็นเจ้าที่ถูกเลือกโดยดินแดนพฤกษานิรันดร์! สิ่งที่เจ้ากล่าวไปล้วนถูกต้อง ผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ทุกคนล้วนมีเต๋าเป็นของตนเอง แม้ว่าเส้นทางสายนี้ที่ต้องบุกเบิกเองจะยากเกินพรรณนา แต่ขอเพียงเจ้ามีความกล้าและไม่ย่อท้อ ความสำเร็จอันไร้ขีดจำกัดก็รออยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว”
คุนหวูกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
แต่ยังมีบางอย่างที่คุนหวูเลือกที่จะไม่กล่าวออกไปนั้นคือ ไม่ใช่ทุกคนที่เลือกเดินบนเส้นทางสายนี้แล้วจะประสบความสำเร็จ ในทางตรงข้าม โดยส่วนใหญ่ต่างพบจุดจบคือความล้มเหลว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนส่วนใหญ่เหล่านั้นมีประเมินความสามารถของตนเองสูงส่งเกินไป!
ยิ่งไปกว่านั้นเอง เย่หยวนยังไม่ทันเดินออกจากดินแดนพฤกษานิรันดร์เลยด้วยซ้ำ
คำกล่าวเหล่านี้ของเขาจึงดูค่อนข้างคุยโม้โอ้อวดเกินไป
เย่หยวนจะมิทราบความคิดอ่านของคุนหวูได้อย่างไร เขาแค่เลือกที่จะไม่สนใจและกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้มไปว่า
“ข้าขอกลายเป็นขี้เถาในวันข้างหน้าดีกว่าเป็นคนธรรมดาที่หยุดเดิน!”
สายตาอันเฉียบแหลมของเย่หยวน คุนหวูนิ่งเงียบมิกล่าวอันใดตอบ
ภายในใจของคุนหวูค่อนข้างหยามเหยียดไม่น้อย
เป็นความจริงที่พรสวรรค์ของเย่หยวนสูงส่งอย่างยิ่ง แต่นั้นก็เป็นเพียงอัจฉริยะแค่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์
แต่ที่เย่หยวนกล้าคิดเช่นนี้ คุนหวูยังคงรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
การที่เย่หยวนจะมีความคิดเช่นนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า หนทางยังอีกยาวไกล! เอาล่ะ ตอนนี้กลับมิใช่เวลามายืนเถียงกัน ในยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้เยาว์คือการกอบกู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากเผ่าปีศาจ หลังจากจัดการธุระเสร็จสรรพก็ยังไม่สายเกินไปที่จะคุยเรื่องนี้”
เย่หยวนระเบิดเสียงหัวเราะดังพร้อมกล่าวขึ้น
“ท่านอาจารย์ ท่านจะใช้โอสถท้าทายสวรรค์เลยรึไม่?”
เสี่ยวหลู่หยานกล่าวขึ้น
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“เวลาไม่รอท่าแล้ว! ข้ากำลังแข่งกับข่านนั่วอยู่ในขณะนี้ เร็วช้าตัดกันเพียงเสี้ยวอึดใจส่งผลถึงแพ้ชนะ! ข้าจะปรับพลังปราณก่อนเสียหน่อย จากนั้นเตรียมการก้าวข้ามขีดกำจัด!”
เย่หยวนมิอาจเสียเวลาได้อีกแล้ว เขาทราบดีว่าทุกอึดใจที่ผ่านไปข่านนั่วก็กำลังฟื้นคืนพลังอย่างช้าๆ
การเดินทางเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้าในคราวนี้ ทำให้เย่หยวนเสียเวลาไปมากโข
ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับว่า ใครกันที่จะประสบความสำเร็จก่อน!
หนึ่งวันต่อมา เย่หยวนสามารถปรับให้พลังปราณ ร่างกายและจิตวิญญาณเข้าสู่สภาวะสมดุลได้ในที่สุด จากนั้นเขาก็ตบโอสถท้าทายสวรรค์เม็ดสีแดงทับทิมลงปากของตนทันที
……………………………
ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดข่านนั่วก็ออกจากการเก็บตัวและเข้าร่วมกองทัพของเผ่าปีศาจพร้อมเตรียมออกศึกทันที!
การมาของทัพศึกเผ่าปีศาจนี้ ทำให้ฟางเทียนตระหนักได้ว่า ข่านนั่วใกล้ฟื้นตัวเสร็จสิ้นแล้ว
ดังนั้น ก่อนหน้าที่ข่านนั่วจะออกมา ฟางเทียนก็ได้จัดแนวป้องกันไว้แล้ว และดึงมวลมนุษย์ทั้งหมดอพยพเข้าสู่ภูมิภาคอสูร เพื่อเตรียมวางแผนรับมือสำหรับมหาศึกสัประยุทธ์ครั้งสุดท้าย!
“ฟางเทียน! พระเจ้าผู้นี้กลับมาแล้ว! นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้จะกลายเป็นของข้า ข่านนั่ว!”
เสียงกู่ร้องคำรามคลั่งของข่านนั่วเสมือนฟ้าร้องกึกก้องกังวลไปทั่วเผ่ามังกร
ตอนที่ 1271
นี่น่ะรึ…อาณาจักรพระเจ้า!
ฟางเทียนเหลือบมองไปยังข่านนั่วที่หยิ่งยโสยิ่งในยามนี้จากระยะไกล
“หรือสุดท้ายนี้…เย่หยวนจะทำไม่สำเร็จ?”
“ท่านอาวุโส ให้ข้าออกไปรับมือ!”
เต็งหยุนโพล่งกล่าว
ฟางเทียนกล่าวบอกกับเขาไปว่า
“เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปตาย ด้วยความแกร่งกล้าของเจ้าในปัจจุบันกลับมิใช่คู่มือของมันได้เลย เพียงมันสะบัดนิ้ว เจ้าก็ทานทนไม่ไหวแล้ว! ขุมพลังอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า กลับหาใช่สิ่งที่เจ้าจะจินตนาการไม่!”
ฟางเทียนกระจ่างชัดแจ้งดีเยี่ยม กระทั้งใช้เวลาถึงหนึ่งหมื่นปี แนวคิดความเข้าใจของเขาจะเทียบเทียมได้แค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า
จึงเป็นที่แน่นอน เขาย่อมทราบดีถึงความแกร่งกล้าของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่เซียนเต๋าสวรรค์ในปีนั้นก็ยังไม่สามารถจัดการข่านนั่วได้
พลังฝีมือของมันตื้นลึกเพียงใด ฟางเทียนกระจ่างชัดแจ้งเพียงปราดตาเดียว
“เช่นนั้น…เราควรทำอย่างไรดี?”
ด้วยพลังฝีมือของเต็งหยุน เขาได้แต่เอ่ยปากถามอย่างสิ้นหวัง
ฟางเทียนถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางกล่าวตอบว่า
“ถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด! เราต้องเดิมพันกันแล้ว หากเย่หยวนประสบความสำเร็จจริงๆ ยามนั้นเขาจะกลับมาล้างแค้นแทนให้แน่นอน ถึงพวกเราตัวตาย แต่อย่างน้อยที่สุด…ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องยังคงอยู่! มิฉะนั้นแล้ว…ทั้งหมดคงสูญสิ้นไม่เหลือ!”
เต็งหยุนอดเศร้าใจมิได้เมื่อฟังแบบนั้น เขาติดตามฟางเทียนมาเป็นเวลาเนินนาน แต่ไม่เคยเห็นฟางเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน
เขาทราบดี ยามนี้จุดจบของฟางเทียนใกล้มาถึงในอีกไม่ช้าแล้ว
แม้ว่าฟางเทียนจะเสี่ยงชีวิตแค่ไหนในอดีต แต่ท้ายที่สุดนี้ก็ไม่สามารถกำราบข่านนั่วลงได้
แต่ในเวลานั้นเอง เฉาหยุนจือเร่งปรี่มาหาด้วยท่าทีร้อนใจและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโส พวกเหล่านี้ล้วนยโสเกินไป! ผู้คนด้านล่างยามนี้เลือดร้อนกระหายสงครามนัก! พวกมันเองก็บุกเข้าประชิดเต็มแก่!”
เต็งหยุนขมวดคิ้วเข้มและกล่าวว่า
“พวกคนเหล่านี้ประเมินตัวเองสูงส่งเกินไปจริงๆ! หรือคิดกันไปว่าเผ่าปีศาจมันงอกขึ้นจากดิน?”
ฟางเทียนกล่าวกับเต็งหยุนไปว่า
“เช่นนั้นเจ้าไปเถอะ นำทัพออกไปปราบปรามเสียหน่อย อย่าปล่อยให้กำลังคนของเขาคิดประมาทไม่ระมัดระวังตัว! คนพวกนั้นไม่ทราบถึงความน่ากลัวของเทพอสูรเทวะ ดังนั้นนี่เป็นโอกาสดีที่จะทำให้พวกเขาเข้าใจ ข้าจะออกไปรับมือกับข่านนั่วเอง”
เมื่อกล่าวจบร่างของเขาก็อันตรธานหายวับไปจากจุดที่ยืนอยู่
………………………………..
ทันทีที่โอสถท้าทายสวรรค์ไหลผ่านลงกระเพาะ เย่หยวนก็รู้สึกราวกับร่างกายกำลังจะระเบิดออก
ฤทธิ์โอสถทวีความรุนแรงขึ้นเป็นหลายเท่าทวี พลังปราณจำนวนมหาศาลพุ่งทะลักออกมาจากร่างไม่หยุดหย่อน
ในที่สุดเย่หยวนก็มิอาจต้านทานได้ไหว ร่างของเขาระเบิดออกเป็นเศษเนื้อโดยตรง!
“ไม่!! พี่ใหญ่หยวน!!”
“พี่ใหญ่!!”
“ท่านอาจารย์!!”
……………………………
ลี่เอ๋อและที่เหลือต่างทรุดตัวลงกับพื้นทันทีอย่างไร้เรี่ยวแรง ภาพฉากที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้ทุกคนกรีดร้องลั่นไม่หยุดแทบเสียสติ
อย่างไรก็แล้วแต่ ทันทีที่พวกเขาคิดจะวิ่งไปหาเย่หยวน ทั้งหมดกลับถูกแรงกดดันสุดน่าสะพรึงเข้าหยุดไว้และไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้เลย
สุ้มเสียงสุดสงบนิ่งกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมยว่า
“เขายังไม่ตาย อย่าเพิ่งโวยวายกันไป สังเกตให้ดีๆ!”
คุนหวูยังคงยืนนิ่งพลางจับจ้องเย่หยวนอย่างไม่ลดสายตา
ทุกคนประหลาดใจยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนเบี่ยงสายตาเข้าพินิจจับจ้องเย่หยวนโดยละเอียด ก่อนพบว่าเศษเนื้อเศษเลือดที่ระเบิดออกของเย่หยวน มันมิได้กระจายออกไปไหน ทว่ากลับจับตัวเป็นกลุ่มแน่น
แผนภาพไท่จี๋ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เป็นไปได้ว่า แผนภาพไท่จี๋นี้มีหน้าที่ยึดเหนี่ยวมิให้เศษร่างของเย่หยวนกระจายออกไปไหน
“ท่านอาวุโส นี่…นี่เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่หยวนกันแน่?”
ลี่เอ๋อไม่เข้าใจเลยว่านี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ยามนี้นางร้อนใจยิ่งกว่าใครจนต้องเอ่ยปากถามขึ้นในท้ายที่สุด
ภาพฉากเบื้องหน้าในปัจจุบันช่างน่าสยดสยองเกินไป ยามนี้นางจิตตกถึงก้นเหว สายตาของนางเปี่ยมไปด้วยความว่างเปล่า
แต่คุนหวูกล่าวตอบอย่างไม่แยแสว่า
“เหอะ ร่างกายมนุษย์ทั่วไปจะสามารถรองรับศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อย่างไร? ดังนั้นจึงต้องทำลายร่างกายเก่าทิ้งเพื่อหลอมสร้างขึ้นใหม่โดยใช้แผนภาพไท่จี๋ที่มีหน้าที่เสมือนแม่พิมพ์อันใหม่ ในตอนนี้พลังปราณ ร่างกายและจิตวิญญาณของเขากำลังถูกหล่อหลอมขึ้นมาใหม่ และนี่จะแข็งแกร่างทนทานยิ่งกว่าก่อนหน้าไม่รู้กี่เท่าทวี!”
ทุกคนที่ได้ฟังดังนั้นพลันหันเข้าสบตากันไปมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาไม่เคยรู้มราก่อนเลยว่า การจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าจำต้องผ่าขั้นตอนกระบวนการเช่นนี้ด้วย!
ช่างเป็นวิธีก้าวข้ามขีดจำกัดที่น่ากลัวยิ่งนัก!
เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน คุนหวูย่อมทราบว่าคิดอะไรกันจึงกล่าวแถลงไขว่า
“หากเป็นเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน เวลาผู้คนจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย ทว่าตอนนี้…หุหุ อย่าลืมไปเสียว่าเจ้าเด็กคนนี้มิได้ใช้วิธีปกติเหมือนชาวบ้าน เขาจำเป็นต้องสร้างร่างกายใหม่ขึ้นเพื่อให้สามารถผลิตศาสตร์แห่งสวรรค์ขึ้นเองจากในร่างกายได้ นั้นหมานความว่า ทุกอณูในร่างกายของเขาจะกอปรไปด้วยศาสตร์แห่งสวรรค์ และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาศาสตร์แห่งสวรรค์ในดินแดนนี้อีกต่อไป! พวกเจ้ามั่นใจได้เลย ในตอนที่เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าได้สำเร็จ ยามนั้นเขาจะแกร่งกล้ายิ่งกว่าพวกอาณาจักรปฐมพระเจ้าทั่วไป!”
แม้คำอธิบายนี้ของคุนหวูจะสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความสนิทชิดเชื้อกับเย่หยวน พวกเขาก็อดเป็นห่วงมิได้ว่า เย่หยวนจะกลับมาเป็นสภาพเดิมได้จริงๆ
แต่สิ่งที่เย่หยวนรับรู้และรู้สึกได้กลับแตกต่างไปจากภาพฉากอันน่าสยดสยองที่ทุกคนเห็นโดยสิ้นเชิง
เขารู้สึกดั่งหวนกลับไปอยู่ในครรภ์มารดาอีกครั้ง มันทั้งอบอุ่นและสงบจิตสงบใจยิ่ง
ในขณะนี้เขารู้สึกราวกับกำลังล่องลอยเหนือน่านฟ้าสวรรค์ชั้นเก้า และกำลังก้มมองทุกชีวิตบนผืนพิภพ
เสมือนเห็นทุกสรรพสิ่งบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่หยวนเห็นชัดประจักษ์แก่สายตา!
“นี่…นี่มันดินแดนไร้สิ้นสุด! เมืองวู่เฟิน!”
ยามนี้สิ่งที่เย่หยวนกำลังจับจ้องอยู่ก็คือ เมืองวู่เฟินในแดนล่าง!
เมืองวู่เฟินทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทุกคนเดินทางมายังเมืองวู่เฟินที่ได้รับสมญานามว่า สวรรค์ของนักหลอมโอสถเพื่อแสวงหาผลกำไรและความรู้
“นั้น…ท่านพ่อ!”
เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะบุคคลแรกที่เขาเห็นก็คือ เย่ฮาน!
เย่ฮานในเวลานี้กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ภายในตำหนักเจ้าเมือง คล้ายว่ากำลังสั่งการผู้ใต้บัญชาที่อยู่เบื้องล่าง
กลับกลายเป็นว่า ท่านพ่อของเขาได้ขึ้นกลายเป็นเจ้าเมืองวู่เฟินแล้วจริงๆ!
“หุหุ สิบปีแล้วกระมัง นั้นท่านพ่อจริงๆ!”
แม้ว่าที่แห่งนี้จะไม่มีเย่หยวนอยู่อีกต่อไป แต่ทุกอย่างยังคงสงบเรียบร้อยดี
และเย่ฮานก็ได้ทำสำเร็จอย่างที่เย่หยวนคาดหวังไว้จริงๆ!
ภายในเวลาสิบปี เย่ฮานสามารถทะลวงขึ้นกลายเป็นจอมราชาโอสถได้สำเร็จ พร้อมขึ้นกลายเป็นเจ้าเมืองวู่เฟินแห่งนี้!
เหรินซิ่งชุนผู้เป็นปู่ของเขาได้สละบัลลังก์แล้วอย่างชัดเจน
ภายในใจเย่หยวนตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ และเห็นว่าตัวเหรินซิ่งชุนเองก็กำลังปลีกวิเวกเก็บตัวในห้องลับของตำหนักเจ้าเมืองเช่นกัน
นอกจากนี้เหรินหงหลินเองก็เหมือนกับว่ากำลังยืนสนทนาอะไรบางอย่างกับสาวน้อยนางหนึ่ง
เย่หยวนเร่งขยับขยายสายตาเข้าพินิจจับจ้องโดยเร็ว ปรากฏว่าสาวน้อยนางนี้มีใบหน้าละไม้คล้ายคลึงกับเหรินหงหลินประมาณเจ็ดถึงแปดส่วน ซึ่งดวงตาของสาวน้อยนางนั้นก็ดูคล้ายกับตัวเขายิ่ง
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มนางนี้คือ…น้องสาวของข้า? ฮ่าฮ่าฮ่า! หวังว่าเจ้าจะดูแลพ่อแม่แทนตัวข้าที่มิได้รับโอกาสนั้น!”
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ เย่หยวนพลันประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน
เย่ฮานและเหรินหงหลินก็มิได้อายุมากอย่างที่คิด พวกเขาที่ให้กำเนิดสาวน้อยนางนี้ เย่หยวนเองก็รู้สึกเบาใจไปหลายเปาะ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถบรรเทาความรู้สึกผิดของเย่หยวนที่มิอาจอยู่ดูแลพวกท่านได้
หลังจากเอ่ยปากชื่นชมอยู่สักพัก เย่หยวนก็เบี่ยงสายตาไปเห็นนิกายเมฆาราตรี ทว่ายามนี้กลับยิ่งใหญ่องอาจประดุจสุริยันยามเที่ยงวัน!
นิกายเมฆาราตรีในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตา ไม่รู้ว่าเป็นกี่สิบเท่าหากเปรียบเทียบกับยุคสมัยที่เย่หยวนยังอยู่
ภายในนิกายเมฆาราตรี เห็นเป็นหลงถังที่สวมชุดจ้าวนิกายยืนตระหง่านอยู่ ปรากฏว่าเขาเองก็ได้ขึ้นกลายเป็นจ้าวนิกายเมฆาตรีแล้วเช่นกัน!
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่หยวนอดคิดถึงภาพฉากวันวานเก่าๆมิได้เลย
เสี้ยวพริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบยี่สิบปีแล้ว ตั้งแต่เขาออกจากดินแดนไร้สิ้นสุด
แม้ว่าดินแดนไร้สิ้นสุดจะเป็นเพียงแดนล่างเล็กๆแห่งหนึ่ง ทว่าที่แห่งนี้กลับผูกพันกับเย่หยวนเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอน ในสายตาของเย่หยวน ณ ปัจจุบัน ดินแดนไร้สิ้นสุดแห่งนี้ยังไม่นับว่าเป็นแดนล่างด้วยซ้ำ
เพราะแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากว้างใหญ่ไพศาล ก็ยังเป็นแค่ดินแดนที่ถูกสร้างขึ้นโดยจอมเทพนิรันดร์
ภายนอกยังมีดินแดนอีกมากมายที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
ทันทีทันใด เย่หยวนเหลือบไปเห็นเผ่ามังกรในภูมิภาคอสูรโดยบังเอิญ แต่นั้นทำให้คู่คิ้วของเขาขมวดแน่นในทันใด พร้อมสายตาที่เปลี่ยนไปกลายเป็นจริงจัง
เหนือน่านฟ้าสูง ฟางเทียนกับเทพอสูรเทวะข่านนั่วกำลังโรมรันสัประยุทธ์เดือดกันอยู่
เทพอสูรเทวะข่านนั่วได้กลับมาแล้ว!
เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ข่านนั่วจะสามารถฟื้นตัวกลับสู่จุดสุดยอดได้แล้วจริงๆ!
เมื่อเย่หยวนเริ่มบันดาลโทสะ จิตนึกคิดของเย่หยวนก็ถูกดึงกลับเข้าร่างโดยพลัน
ทัศนียภาพทั้งหมดพร่ามัว ตัดภาพกลับยังไม่หุบเขาเหวพระเจ้าอีกครั้ง
เย่หยวนรู้สึกได้ทันทีถึงร่างกายใหม่ของเขา ซึ่งนี่ราวกับตัวเขากำลังครอบครองขุมพลังอันไร้ขีดจำกัดอยู่ในกาย ยามนี้เย่หยวนคือโลกทั้งใบ!
“นี่น่ะรึ…อาณาจักรพระเจ้า!”
เย่หยวนเอ่ยขึ้น
ตอนที่ 1272
มารพุทธะปีศาจถ่องแท้ ฝ่ามือล้างพิภพ!
“นี่มิใช่ว่าท่านอาวุโสถึงขั้นลงมือเอง? เทพอสูรเทวะอาจต้องล่วงลับในวันนี้เสีย? ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดท่านก็เคลื่อนไหว! หากมีท่านอาวุโสอยู่เคียงข้าง มวลมนุษย์ทั้งหมดปลอดภัยแล้ว!”
“ท่านผู้นั้นคือใครกัน? เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?”
“เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา? ครั้งล่าสุดที่เผ่าปีศาจบุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในความเป็นจริงกลับเป็นท่านผู้นี้ที่ปราบปรามเทพอสูรเทวะจนประสบความสูญเสียอย่างหนักกันทั้งสองฝ่าย แต่เป็นพวกเมืองนภาศักดิ์สิทธิ์กับไอ้บัดซบจู่เก๋อฉิงซวนที่หากินกับคามทุกข์ร้อนของคนอื่น พวกมันซุ่มโจมตีเผ่ามังกรและสหายในยุคนั้นจนต้องลี้ภัยซ่อนตัว!”
“จะแข็งแกร่งขนาดนั้นเลย? อย่างไรก็ตามแต่ ไอ้พวกเผ่าปีศาจจะกำแหงเกินไปแล้ว! ยามนี้คิดจะทำอะไรกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ควรไตร่ตรองให้ดี! รอจนกว่าท่านจอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะกลับมา หวังจะรังแกดินแดนศักดิ์สิทธิ์เกรงว่าฝันกลางวัน!”
…………………..
การปรากฏตัวขึ้นของฟางเทียน คล้ายเป็นยาคล้ายความกังวลสำหรับเหล่านักสู้ของเผ่ามังกร
ภาพฉากที่ฟางเทียนสามารถเอาชนะข่านนั่วได้ในปีนั้น ยังคงตราตรึงสดใสอยู่กลางจิตใจ
เผ่ามังกรที่เคยเห็นการโจมตีอันน่าอัศจรรย์นั้นของฟางเทียนกับตา ย่อมตระหนักเข้าใจดีเยี่ยม
ส่วนเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าการมาถึงของฟางเทียนจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ในใจของพวกเขา จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ยังคงไร้เทียมทานที่สุด!
ในหัวใจของพวกเขาทุกคน ไม่มีใครสามารถแทนที่เย่หยวนได้อีกต่อไป
พวกเขาไม่รู้จักข่านนั่วว่าแกร่งกล้าเพียงใด และก็ไม่ทราบด้วยว่าฟางเทียนฝีมือเป็นอย่างไร
ในสายตาของมวลมนุษย์ จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ที่สามารถรับมือกับสามเทพอสูรได้ด้วยตัวเพียงลำพัง จนถึงขั้นที่ว่าสามารถสังหารพวกมันหนึ่งในสามลงได้
ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าข่านนั่วหรือฟางเทียนจะแกร่งกล้าเพียงใด แต่ทั้งคู่ยังคงอ่อนด้อยกว่าเย่หยวนอยู่ดี
มีนักสู้ของเผ่ามนุษย์หลายต่อหลายคนที่มิได้สนใจประโยควาจาเหล่านี้แม้สักนิด และไม่คิดว่าฟางเทียนจะพึ่งพาอะไรได้ขนาดนั้น
ในทางตรงข้าม ฟางเทียนมิใช่คนใจแคบอะไรเช่นนั้น แม้จะได้ยินแต่ก็ปล่อยผ่านไป
“เหอะ เหอะ ไอ้เด็กเหลือขอฟางเทียน ยามนั้นข้ายังเรียกเจ้าแบบนี้ได้ ทว่ายามนี้กลับชราลงจนผิดหูผิดตา! ข้ากับเจ้าสู้รบปรบมือมานานนับห้าหมื่นปี วันนี้จำต้องปิดฉากเสียแล้ว!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพรางหัวเราะเสียงเย็น
มันถูกเซียนเต๋าสวรรค์ปราบปรามลงไปเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน ยามนั้นกล่าวได้ว่าข่านนั่วถูกขังอยู่ในผนึกอย่างขมขื่นใจยิ่ง
จนกระทั้งเมื่อห้าหมื่นปีก่อนที่ตัวมันได้เป็นอิสระอีกครั้ง มันตระหนักได้ว่าศาสตร์แห่งสวรรค์ได้สูญสิ้นไปแล้ว มวลมนุษย์ไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้อีก และมันคิดว่าโอกาสของมันมาถึงแล้ว
แต่ใครจะไปคาดคิด ฟางเทียนโผล่มาจากที่ใดไม่ทราบพร้อมเข้าปราบปรามมันจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นระลอกสอง
ณ ปัจจุบัน ในที่สุดมันก็ฟื้นตัวกลับสู่สภาวะสูงสุดได้สำเร็จ พร้อมกลับขึ้นเป็นเทพอสูรเทวะอันเลื่องลืออีกครั้ง
แล้วยังจะรออะไรอีก? ยามนี้ถึงเวลาฟางเทียนชะตาขาด!
หากกล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อฟางเทียน ข่านนั่วรังเกลียดสุดขั้วหัวใจ!
แต่ฟางเทียนกลับกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเรียบนิ่งดุจบ่อน้ำบรรพกาลสงบ น้ำเสียงเอ่ยดังไร้ระลอกคลื่นอารมณ์ใด
“ข่านนั่ว เจ้าเองก็ดิ้นรนพยายามมาหลายปี แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเสียที แล้วนี่ยังจะดื้อรั้นอยู่? แม้เจาจะฟื้นตัวกลับสู้สภาวะสมบูรณ์ได้ แต่คิดจริงๆว่าหรือจะเข้าคู่กับข้าได้? ต่อให้เจาทรงพลังมากกว่านี้ สุดท้ายเจ้าก็เป็นได้แค่อาณาจักรกึ่งพระเจ้าเท่านั้น! ช่องว่างความแตกต่างระหว่างเรากลับมิได้กว้างนัก!”
คำกล่าวของฟางเทียนทำเอาข่านนั่วหัวใจกระหน่ำเต้นแรงในทันใด
วาจาคำกล่าวนี้ของฟางเทียนเร้นซ่อนนัยยะสำคัญบางอย่าง!
หากย้อนกลับไป จอมเทพอสูรนิรันดร์สั่งการให้ข่านนั่วและเยวี่ยจี้เดินทางเข้ามาในดินแดนพฤกษานิรันดร์เพื่อแสวงหาสมบัติเวทย์สวรรค์ทั้งสาม
พวกเขาทั้งสองยังคงดำเนินภารกิจเสาะหาอยู่ในนี้เป็นเวลาเนินนาน แต่ผ่านไปหลายล้านปี ทั้งสองยังคงทำภารกิจไม่สำเร็จเสียที
มิใช่ว่าความแกร่งกล้าของทั้งสองอ่อนแอเกินไป แต่เป็นเพราะเต๋าแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์เลือกที่จะปฏิเสธพวกเขา!
หรือเป็นไปได้ไหมว่า ฟางเทียนจะได้รับไพ่ตายใหม่มา ถึงได้มั่นอกมั่นใจถึงเพียงนี้?
หากไพ่ตายนั้นเป็นหนึ่งในสมบัติเวทย์สวรรค์ ผลลัพธ์ที่ออกมาแม้แต่ข่านนั่วก็ไม่สามารถจินตนาการได้เช่นกัน!
ในเวลานี้ ฟางเทียนสิ้นไร้ไม้ตอกปราศจากวิธีรับมือใดๆแล้ว อย่างมากที่ทำได้เพียงวางกลยุทธ์ป้อมไร้คนเพื่อขู่ให้ข่านนั่วกลัวเท่านั้น
แต่ดูท่าแล้ว กลยุทธ์ป้อนไร้คนกลับได้ผลกว่าที่คิดไว้
“เหอะ แล้วอย่างไร? ถึงเจ้าจะน่ากลัวเพียงใด แต่เมื่อเทียบกับเซียนเต๋าสวรรค์ในปีนั้น เจ้ายังคงอ่อนด้อยกว่านัก! แม้แต่มันยังไม่สามารถทำอะไรพระเจ้าผู้นี้ได้ แล้วพระเจ้าผู้นี้ที่ได้รับพลังจากลูกประคำแก่นปีศาจในปัจจุบัน ตัวเจ้ายังนับเป็นอันใด? เทพอสูรเทวะในตอนนี้ยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าเมื่อห้าหมื่นปีก่อนมากโข! ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่า เต๋าของดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้จะมีดีสักแค่ไหนเชียว!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสยะเย็น
มิใช่เรื่องง่ายที่จะขู่เข็ญ มันเตรียมการมาเป็นเวลาหลายปี มีหรือจะยอมแพ้ให้กับเรื่องง่ายๆเช่นนี้?
กลิ่นอายพลังปีศาจหอบยักษ์โหมสะพัดออกจากร่างข่านนั่วไม่หยุดหย่อน ไอหมอกสีทมิฬควบแน่นกลายเป็นดวงจันทร์จำลองพร้อมบดบังสุริยันจนอับแสง
ในเวลานี้ เหล่านักสู้ของเผ่ามนุษย์ทุกคนทราบแล้วว่า ข่านนั่วผู้นี้มันช่างน่ากลัวเพียงใด!
สีหน้าการแสดงออกของฟางเลวร้ายลงอย่างหาที่เปรียบ เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่า ข่านนั่วจะดีเดือดไม่กลัวตายขนาดนี้ ซึ่งเขาไม่สามารถถ่วงเวลาใดๆได้อีกต่อไป
ฟางเทียนทราบ ยามนี้ไม่มีทางออกอีกแล้ว!
ฟางเทียนหาได้ห่วงชีวิตตนเองไม่ เขามิอาจทนเห็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แปรเปลี่ยนกลายเป็นทะเลเลือดเด็ดขาด
โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ฟางเทียนปลดตราผนึกในมหาสมุทรลมปราณออกทันที คลื่นพลังปราณปริมาณมหาศาลเกินคนานับพรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง ภาพฉากนี้แทบกระตุ้นให้มวลมนุษย์ทั้งหมดในเบื้องล่างต้องก้มกราบโดยมิตั้งใจ
นี่เป็นมหาศึกสัประยุทธ์ที่เข้าคู่กันอย่างยิ่ง!
เมื่อพินิจมองจากปริมาณพลังปราณระหว่างทั้งสองฝ่ายแล้ว ทั้งข่านนั่วและฟางเทียนต่างเป็นเซียนอาณาจักรกึ่งพระเจ้าเหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งแทบมิได้แตกต่างใดๆ
แต่ทันทีที่ฟางเทียนคลายผนึกพันธนาการมหาสมุทรลมปราณออก ฟางเทียนก็ดูชราภาพขึ้นทันทีจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ทันทีที่ข่านนั่วเห็นเช่นนั้น มันก็ตะลึงเล็กน้อยก่อนระเบิดเสียงหัวเราะลั่นกล่าวว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ปรากฏว่าเจ้ามันก็แค่ตะเกียงไร้ไส้! ฟางเทียน หน่อ ฟางเทียน เจ้านี่มันแสบจริงๆ! หลายปีที่ผ่านมา ทำเอาพระเจ้าผู้นี้ประสบความขมขื่นอยู่หลายครา! ในที่สุดวันนี้…ข้าก็จะระบายความเกลียดชังนี้ออกจากหัวใจได้เสียที!”
ข่านนั่วระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเจือพิโรธคุ้นแค้นสุดขีด
ตอนนี้มันทราบแล้วว่า ฟางเทียนเป็นแค่ตะเกียงไฟที่ใกล้จะมอดดับเต็มทน!
หากครั้งก่อนมันไม่กลัวจนต้องถอยมาตั้งหลัก คงไม่ต้องเสียเวลาทำศึกในวันนี้แล้ว
มันไม่จำเป็นต้องฟื้นคืนพลังให้กลับสู่สภาวะสูงสุดด้วยซ้ำ แค่พลังครึ่งๆกลางๆของมันก็มากเกินพอแล้ว!
มันเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ แต่สิ่งที่เฝ้ารอเป็นเวลาเนินนานนี้ก็เป็นผลเช่นกัน!
“ท่านอาวุโส พวกเราขอสู้เคียงข้างกับท่าน!”
ในเวลานั้นเอง มีกลุ่มคนจำนวนนับสิบทะยานขึ้นกลางเวหาเคียงข้างกับฟางเทียน
เต็งหยุน หลงหมิ่น ซ่งจี้เจิน และเหล่ายอดเซียนที่เหลืออีกจำนวนหนึ่ง ภาพฉากนี้ดูแล้วสุดแสนจะกินใจใครเห็นต่างต้องเลือดร้อนปลุกไฟในตัวจนตื่นขึ้น!
“หี! ฝูงมดปลวก! พระเจ้าผ฿นี้จะทำให้พวกเจ้าตระหนักทราบเองว่า สิ่งใดคือเทพอสูรเทวะ!”
ข่านนั่วกวาดตาจับจ้องทุกคนด้วยความรังเกียจ มือทั้งสองของมันร่ายไสวเป็นไอมืด ขั้วพลังสุดน่าสะพรึงอย่างศาสตร์แห่งสวรรค์และพลังปราณฟ้าดินกำลังระดมตัวอย่างบ้าคลั่ง
เหนือห้วงมิติโมฆะทั้งปวง พลังปีศาจอันชั่วร้ายค่อยๆเข้ามาผนวกรวมกับขั้วพลังทั้งสองจนกลายเป็นฝ่ามือขนาดมหึมาปกคลุมทั่วน่านฟ้าเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง!
พลังปีศาจปริมาณมหาศาลเกินพรรณนาที่ปลดปล่อยออกจากฝ่ามือมหึมานี้ ทำเอาทุกคนต่างถอดสีหน้าในบัดดล
“มารพุทธะปีศาจถ่องแท้! ฝ่ามือล้างพิภพ!”
สุ้มเสียงเย็นยะเยือกของข่านนั่วกู่ดังสนั่น คล้ายฎีกาปีศาจสั่งทำลายโลก!
เทพอสูรเทวะที่แท้จริงเป็นอย่างไร ยามนี้ทุกคนรู้ซึ้งแจ่มแจ้ง!
ความรู้สึกเช่นนี้มัน เทพแห่งความตายก็ไม่ปาน!
แค่กลิ่นอายพลังปีศาจก็ทำเอาทุกคนสิ้นสติล่วงลับได้แล้ว
สายตาของทุกชีวิตเบื้องล่างต่างหันเข้าจับจ้องเหล่ายอดเซียนนับสิบบนกลางเวหาเป็นตาเดียว
เพราะเหล่าขั้วอำนาจพวกนี้คือความหวังสุดท้ายของพวกเขาแล้ว!
ผิวพรรณของฟางเทียนซีดขาวราวกับกระดาษแผ่นบาง ไม่แน่ใจว่าเขากำลังจะล่วงลับเพราะอายุขัยหรือเป็นเพราะพลังปีศาจที่พรั่งพรูออกมากันแน่
ฝ่ามือปีศาจขนาดมหึมานี้ค่อยๆขับเคลื่อนเข้าใกล้อย่างแช่มช้า กลิ่นอายแห่งความสิ้นหวังกวาดล้างสรรพสิ่งชีวิตเบื้องล่างจนเหลือแค่เพียงความว่างเปล่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า….จงเพลิดเพลินไปกับความสิ้นหวังครั้งสุดท้ายนี้เสีย! หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรทั้งหมดจะถูกลบออกไปจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ตลอดกาล! ดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้เป็นของเผ่าปีศาจแด่เพียงผู้เดียว!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ
ฝ่ามือปีศาจค่อยๆเคลื่อนกดลงมาช้าๆ ห้วงอากาศมวลเมฆาถึงกับฉีกแยกกระจายออก
มันกำลังล้างพิภพแห่งนี้ให้สิ้นซาก และนี่ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง!
ฝ่ามือปีศาจนี้มีทุนรอนที่สามารถล้างพิภพได้!
ความแข็งแกร่งของฟางเทียนไม่อาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่ง แต่ก็มิได้อ่อนด้อย เขาเข้าต้านรับฝ่ามือปีศาจนี้โดยตรง!
เมื่อคนอื่นๆเห็นเช่นนั้นก็เร่งรุดรีดเค้นพลังทั้งหมดออกมาเพื่อช่วยต้านรับฝ่ามือปีศาจนี้อีกแรง!
“ต้านมันไว้! ต้านมันไว้โดยเร็ว!!”
“ต้านฝ่ามือบัดซบนี้ให้ได้! หากมันตกกระทบพื้นดินเมื่อใด พวกเราได้ตายกันหมดแน่นอน!”
“ท่านอาวุโสผู้นั้นช่างน่าเกร่งขามโดยแท้! ถึงกับสามารถสกัดฝ่ามือปีศาจนั้นได้!”
………………
อย่างไรก็ตามแต่ ทุกคนยังไม่ทันดีใจได้เต็มที่ พวกฟางเทียนที่ต้านรับได้ไม่ถึงสองอึดใจกลับตกสู่สถานการณ์เสียเปรียบในทันที ซึ่งนี่ทำเอาสีหน้าการแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก
ตอนที่ 1273
หยุดฟ้าหนึ่งฝ่ามือ!
พร๊วดด! พร๊วดด! พร๊วดดด!!
กลางเวหาฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ ทั้งสองฝ่ายต่างกระอักพ่นเลือดสดไม่หยุดหย่อน เนื่องโดยแรงกดดันจากฝ่ามือปีศาจมหึมาอันนี้ที่เคลื่อนกดทับลงมาต่อเนื่อง
ร่างไร้วิญญาณนับร้อยพันต่างร่วงกรูกันลงมาจากท้องฟ้าคล้ายหยาดฝน
“ท่านอาวุโสฟางเทียน!”
เต็งหยุนแผดเสียงตะโกนลั่น เขาเร่งระดมพลังปราณที่เหลือไม่มากออกมา พร้อมถ่ายพลังเหล่านั้นไปให้ฟางเทียนหวังเพื่อประคองลมหายใจ
“นี่…นี่เกิดอะไรขึ้น? ไฉน…ไฉนมันแกร่งกล้าขนาดนี้?”
“มนุษย์กับปีศาจ พวกเขาต่างเป็นจุดสูงสุดแห่งเผ่าพันธุ์ทั้งคู่ แต่ทำไม…ยังต่อสู้ได้ไม่เกินสองอึดใจด้วยซ้ำ? สายตา…สายตาของข้าฝ้าฟางแล้วกระมัง?”
“ปีศาจตนนั้นดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา มัน…มันแข็งแกร่งเกินไป!”
“แล้วจอมราชันย์พิชิตสวรรค์อยู่ไหน? ไฉนจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ถึงยังไม่ปรากฏตัว? หรือเป็นไปได้ไหมที่เขา…เขา….”
……………………….
ในเวลานี้นักสู้ของเผ่ามนุษย์ทุกคนตระหนักชัดแจ้งแล้วว่า ข่านนั่วตนนี้แกร่งกล้าเพียงใด
ฝ่ามือปีศาจเพียงแค่เคลื่อนผ่าน แต่แรงกดดันที่ล้นทะลักออกมาก็แทบคร่าชีวิตพวกเขาได้แล้ว
ภายใต้ฝ่ามือปีศาจ ฟางเทียนที่ผนึกกำลังกับเหล่าเซียนของเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูร พวกเขาล้วนเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหนัก ยามนี้ยังเหลือไพ่ตายอันใดอีกไว้ต่อกร?
ในเวลานี้ เหล่าฝูงชนก็เพิ่งหวนรำลึกได้ เย่หยวนในปัจจุบันอยู่ที่ไหน? จวบจนบัดนี้ไฉนยังไม่ปรากฏตัวออกมา?
ผู้นำแห่งมวลมนุษย์และความหวังสุดท้ายของพวกเขาหนีศึกไปแล้วจริงรึ?
ชั่วครู่ต่อมา เสียงกรนด่าสาปแช่งเย่หยวนเริ่มดังระงมกลางฝูงชนเบื้องล่าง
แน่นอนที่พวกเจ้าเป็นเช่นนี้ เพราะมี…ความกลัวเป็นตัวขับเคลื่อน!
ฝ่ามือล้างพิภพของข่านนั่วยังคงเคลื่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง จนแผ่นปฐพีเริ่มสั่นสะเทือนหนัก
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ เสียงกรนด่าสาปแช่งเย่หยวนก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนต่างโยนความผิดทั้งหมดให้แก่เย่หยวน
เรื่องที่เย่หยวนออกเดินทางเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้า มีเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ทราบ โดยส่วนใหญ่ล้วนมิอาจทราบถึงการเคลื่อนไหวของเย่หยวนได้
แม้แต่บุคคลระดับสูงโดยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ
เมื่อเห็นภาพฉากเหล่านี้ เต็งหยุนที่อยู่เหนือเวหาก็มิอาจทานทนได้อีกและตะโกนลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งว่า
“หุบปากไปซะ!!”
เสียงของเต็งหยุนคล้ายระฆังพิภพตีสะท้านดั่งทั่วสารทิศ ทุกคนต่างหุบปากทันทีโดยมิได้นัดหมาย
“ไอ้พวกโง่! พวกเจ้ามันช่างโง่เขลาสิ้นดี! ในตอนนี้เย่หยวนกำลังเดินทางอยู่ในเขตพระเจ้าต้องห้ามในหุบเขาเหวพระเจ้า! ทั้งหมดก็เพื่อเสาะหาโอกาสที่จะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าและกลับมาจัดการข่าวนั่ว! ทั้งๆที่เย่หยวนกำลังเสี่ยงชีวิตครั้งใหญ่แท้ๆ แต่พวกเจ้ากลับเป็นเพียงเศษสวะไร้ประโยชน์! นอกจากยืนพล่ามโทษฟ้าโทษดิน แล้วพวกเจ้าได้ช่วยอะไรบ้าง?!”
ทุกคนล้วนหุบปากเงียบพร้อมกดหน้ากดตาด้วยความละอายใจ
ทันทีที่พวกเขาพบว่าเย่หยวนมิได้อยู่ที่นี่ ทั้งหมดก็ตะโกนด่าออกมาทันที
แต่กลับไม่มีใครทราบจริงๆว่า ยามนี้เย่หยวนกำลังเดินทางอยู่ในเขตพระเจ้าต้องห้ามที่ได้ชื่อว่า สุสานแห่งเซียนอาณาจักรพระเจ้า
ตามสมญานามของมัน แม้แต่เซียนอาณาจักรพระเจ้ายังต้องสังเวยชีวิตให้ที่แห่งนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน!
ดูเหมือนว่า จอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะรู้อยู่แล้วว่า ต่อหน้าความแกร่งกล้าของปีศาจตนนี้ ตัวเขาเพียงลำพังไม่มีปัญญาต่อกรได้แน่ ดังนั้นเขาจึงต้องตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเดินทางเข้าสู่เขตพระเจ้าต้องห้าม เพื่อเสาะหาความหวังให้แก่มวลมนุษย์
แต่…เขาจะทำสำเร็จจริงๆใช่ไหม?
มันเป็นเวลากว่าหนึ่งแสนปีแล้ว ยังไม่มีผู้ใดสามารถทำลายโซ่ตรวนแห่งความเป็นไปได้นั้นลงได้
จอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะทำสำเร็จหรือไม่?
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สิ้นหวัง! จงสิ้นหวังไปให้หมด! ทุกอย่างที่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้นมา ข้า,ข่านนั่วในนามผู้ใต้บัญชาของท่านจอมเทพอสูรนิรันดร์จักทำลายให้สิ้นซาก! ฮ่าฮ่าฮ่า….”
ในวันนี้ที่ปราศจากเซียนอาณาจักรพระเจ้า ตัวมันคือไร้เทียมทาน!
“เร็วเข้า! ปะ-เปิดใช้…ค่ายกลยี่สิบแปดจอมทัพสวรรค์โดยเร็ว!”
ในเวลานี้ฟางเทียนเค้นกำลังที่เหลือเอ่ยปากขึ้นอย่างอ่อนแรง
เต็งหยุนไม่แน่ใจว่านั้นหมายความอย่างไร แต่เสี้ยวอึดใจต่อมาเขาก็เข้าใจได้ทันที!
“เร็วเข้า! เผ่าสี่สัตว์เทวะ เปิดใช้ค่ายกลเจ็ดจอมทัพขึ้นมาพร้อมกัน!”
เต็งหยุนแผดเสียงคำรามสั่งการ
แม้เผ่าสัตว์เทวะทั้งสี่จะมิได้ดำรงอยู่ร่วมกัน แต่พวกเขาเองก็มีค่ายกลปกป้องเผ่าที่เชื่อมต่อระหว่างกันและกันอยู่
คำสั่งการของเต็งหยุนแผ่สะพัดถึงทั้งสี่เผ่าอย่างรวดเร็ว
เสี้ยวอึดใจต่อมา ค่ายกลปกป้องของทั้งสี่เผ่าก็ถูกเปิดใช้ขึ้นทันที จิตวิญญาณสัตว์เทวะทั้งสี่ผนึกกำลังผงาดขึ้นสู่น่านฟ้าอย่างพร้อมเพรียง!
มังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว วิหคเพลิงและเต่าดำ จิตวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งเผ่าสี่สัตว์เทวะได้รวมตัวกันเหนือน่านฟ้าของเผ่ามังกร!
จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่ส่งเสียงกู่ก้องสาดผสานเป็นหนึ่ง สร้างความน่าเกรงขามจนผู้คนโดยรอบต้องขนลุกสะท้านอณู
ระหว่างฝ่ามือล้างพิภพของข่านนั่วกับพื้นดิน วิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่เข้าสะกัดขวางในบัดดล
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ แววตาทุกคนสะท้อนเผยเห็นความหวังอีกครั้ง
ทุกคนต่างไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ยามที่เผ่าสัตว์เทวะทั้งสี่อัญเชิญจิตวิญญาณผู้พิทักษ์ออกมาพร้อมกัน มันจะก่อให้เกิดผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้!
บูมมมม!!
ฝ่ามือล้างพิภพเคลื่อนขยับเข้าใกล้ ส่งผลให้ผืนพิภพสั่นสะเทือนอีกคราใหญ่ ทว่าจู่ๆกลับต้องหยุดชะงักในทันใด
“สกัดไว้ได้! ไม่คิดเลยว่าเผ่าสี่สัตว์เทวะยังมีค่ายกลที่น่าสะพรึงขนาดนี้ไว้ด้วย!”
เสียงโห่ร้องดีใจด้วยความตื่นเต้นดังก้องออกจากฝูงชน
จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่สามารถหยุดฝ่ามือล้างพิภพไว้ได้จริงๆ ผลลัพธ์นี้กระทั้งเต็งหยุนยังแปลกใจเช่นกัน
“ท่านอาวุโส มันได้ผล!”
เต็งหยุนโพล่งกล่าวด้วยความดีใจ
ทว่าฟางเทียนกลับส่ายหัวและกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า
“มะ-ไม่…มันเปล่าประโยชน์”
ฟางเทียนในตอนนี้ได้มาถึงจุดจบของชีวิตแล้ว เขากำลังคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย ลมหายใจที่พรูเข้าออกในแต่ละคราอาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตได้ตลอดเวลา
ซึ่งคำกล่าวของฟางเทียนนี้ก็ทำให้เต็งหยุนใจหายวูบ
ข่านนั่วจับจ้องภาพฉากนี้อย่างเรียบนิ่ง พลางหัวเราะเยาะขึ้นว่า
“จิตวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งเผ่าสี่สัตว์เทวะ? เหอะ เหอะ ผู้สำแดงใช้เป็นรุ่นบรรพชนของพวกเจ้า สิ่งนี้คงน่าเกรงขามไม่น้อย น่าเสียดาย ความแข็งแกร่งของพวกเจ้ายังคงอ่อนแอเกินไป! ช่างน่าอัปยศยิ่งนัก!”
ลูกประคำสีทมิฬขลับกลางหน้าผากของข่านนั่วปลดปล่อยพลังปีศาจสุดข้นคลักออกมาไม่หยุดหย่อน ขุมพลังความแกร่งกร้าวของมันเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าทวีในพริบตา!
ฝ่ามือล้างพิภพของมันทรงอนุภาพทำลายล้างยิ่งขึ้นจนก่อนหน้าเทียบไม่ติด!
แกร๊กก! แกร๊กก! แกร๊กกก!!
ภายใต้ฝ่ามือล้างพิภพ จิตวิญญาณผู้ทักษ์ทั้งสี่ที่ต้านรับมาครู่ใหญ่ ยามนี้เริ่มปรากฏรอยแตกร้าวแผดกระจายคล้ายใยแมงมุม
สุ้มเสียงคล้ายกระจกร้าวดังบาดหูผู้คนโดยทั่ว ซึ่งนี่ทำเอาสีหน้าของทุกคนซีดเผือกลงในบัดดล
นี่กลับไม่ได้ผลจริงๆ!
รอยแตกบาดลึกกระจายกว้างไร้สิ้นสุด ยามนี้จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ไม่สามารถต้านรับฝ่ามือล้างพิภพได้อีกต่อไป!
ทันทีทันใด จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็แตกสลายเหลือแค่เพียงความว่างเปล่า!
ฟู่ววว….
ฝ่ามือล้างพิภพขนาดมหึมายังคงเคลื่อนลงมาใกล้อย่างต่อเนื่อง
พร๊วดดด!
ยังไม่ทันที่ฝ่ามือนี้จะลงถึงพื้นดิน ทว่ากลุ่มนักสู้ที่มีพลังอ่อนแอกลับไม่สามารถต้านทานแรงกดดันระดับนี้ได้แล้ว จนกระอักพ่นเลือดสดกันถ้วนหน้า
บูมม! บูมม! บูมมม!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักสู้ที่มีระดับพลังอ่อนด้อย ร่างของพวกเขาเหล่านั้นระเบิดออกมาโดยตรง เศษเนื้อเศษกระดูกกระจายไม่เหลือ
สีหน้าของเต็งหยุนและคนอื่นๆบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ ข่านนั่วตนนี้แข็งแกร่งเกินไปจนผู้คนต้องหมดหวัง
หากมิใช่เซียนอาณาจักรพระเจ้า พวกเขาไม่มีโอกาสชนะได้เลย!
“พร๊วดดด!!”
ฝ่ามือล้างพิภพปราดเหนือศีรษะไม่ห่างตัวแล้ว ท้ายที่สุดนี้ เต็งหยุนก็มิอาจทานทนได้อีกต่อไป เขากระอักเลือดสดคำโตออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ยามนี้เขาใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทนแล้ว!
“หรือ…หรือเป็นไปได้ไหมว่า ทุกอย่างคงจบลงแค่นี้แล้ว?”
เต็งหยุนประคองสติกล่าวขึ้นอย่างหมดสิ้นหวัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ต่อหน้าเทพอสูรเทวะผู้นี้ พวกดินแดนพฤกษานิรันดร์ก็หามีดีอันใดไม่! ดินแดนที่เสื่อมโทรมจนไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ มันก็แค่ดินแดนขยะแห่งหนึ่ง! หนี้แค้นนับล้านปี วันนี้ขอชำระคืนครบต้นครบดอก! ฝ่ามือล้างพิภพ ฆ่าพวกมันซะ!!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของข่านนั่วอันสุดแสนบ้าคลั่ง ฝ่ามือมหึมาก็ค่อยๆเคลื่อนลงมาจวบจบใกล้สัมผัสพื้นดินแล้ว
สีหน้าของทุกคนเผยถึงความสิ้นหวังอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ยามนี้แทบหยุดหายใจ บางคนถึงกับล้มตัวลงนอนรอความตาย
กลางฝูงชน เสียงร่ำไห้คร่ำครวญดังระงมลั่นมากขึ้นทีละคนสองคน
นี่คือเสียงร้องแห่งความสิ้นหวังอย่างแท้จริง!
บูมมมม!
ทันใดนั้นเอง จู่ๆฝ่ามือนี้ก็หยุดลง!
คลื่นลมเย็นแสนโอนอ่อนพัดผ่าน ทว่ามันกลับรุนแรงจนกวาดล้างสรรพสิ่งในรัศมีหนึ่งแสนลี้กระจายออกไป!
คลื่นลมเย็นนี้ช่วยปกป้องพวกเขาทั้งหมดเอาไว้จากฝ่ามือล้างพิภพ
จากที่ทุกคนข่มตาหลับรอความตายอย่างขมขื่น ยามนี้เห็นนานผิดสังเกต แต่ละคนจึงค่อยๆลืมตาขึ้นแช่มช้า เบื้องหน้าทุกคนปรากฏเพียงร่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้มือแค่ข้างเดียวก็สามารถหยุดฝ่ามือล้างพิภพเอาไว้ได้!
ตอนที่ 1274
เพียงสะบัดมือทัพศึกเหลือแต่ผุยผง!
ไร้ซึ่งท่าทีเกรงกลัวหรือเผยถึงอารมณ์ใด ชายหนุ่มผู้นี้ยืนสงบนิ่งต่อหน้าฝ่ามือล้างพิภพ
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือล้างพิภพอันน่าสะพรึงนี้ เขายืนนิ่งมั่นคงดุจหุบเขาไท่ซาน ที่แม้แต่ฝ่ามือมหึมานี้ก็ไม่สามารถฝ่าผ่านไปได้
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ ชายหนุ่มผู้นี้สามารถหยุดฝ่ามือล้างพิภพได้ด้วยมือแค่ข้างเดียว!
“เย่หยวน!”
“จอมราชันย์พิชิตสวรรค์! นั้นมันจอมราชันย์พิชิตสวรรค์!! ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดท่านจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ก็กลับมาแล้ว!!”
การปรากฏตัวของเย่หยวนทำให้ทุกคนตื่นอกตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่!
ก่อนหน้านี้ จอมราชันย์วิญญาณเพิ่งกล่าวไปว่า จอมราชันย์พิชิตสวรรค์กำลังเดินสำรวจอยู่ในเขตพระเจ้าต้องห้ามเพื่อเสาะหาโอกาสที่จะขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า
แล้วการที่จอมราชันย์พิชิตสวรรค์กลับมาในเวลานี้ นั้นมิได้หมายความว่า…เขาประสบความสำเร็จแล้วรึ?
พวกเขารู้สึกปิติยินดียิ่งจนหัวใจแทบทะลุออกจากทรวงอก!
เมื่อฟางเทียนเห็นว่าเป็นเย่หยวนจริงๆ แววตาอันไร้ชีวิตคู่นั้นก็กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
เต็งหยุนเอ่ยปากกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน เขาเข้าจับมือฟางเทียนอย่างประณีตและกล่าวอย่างตื้นตันว่า
“ท่านอาวุโส เขา…เขากลับมาแล้ว! เขากลับมาแล้วจริงๆ! หรือเป็นไปไม่ไหมที่…ที่….”
ฟางเทียนไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะพูด เขาทำได้เพียงพยักหน้าอย่างมั่นใจ
ยามนี้ฟางเทียนสามารถยืนยันได้แล้วว่า ปรากฏการณ์ฟ้าดินวิปลาสในไม่กี่วันก่อน ที่แท้ก็เกิดจากเย่หยวน!
ซึ่งตราบใดที่เย่หยวนสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย นั้นหมายความว่าเขาสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้แล้วแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้นเอง แนวคิดความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งสวรรค์ฟางเทียนก็ลึกซึ้งและเหนือชั้นกว่าคนอื่นๆยิ่ง เขาสามารถบอกได้ทันทีว่า ภายในร่างกายของเย่หยวนมีบางสิ่งที่แม้แต่เขาก็มิอาจหยั่งถึงได้
ความรู้สึกที่แสนลึกล้ำเกินหยั่งถึงเช่นนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่นึกออก…ศาสตร์แห่งสวรรค์!
ข่านนั่วโพล่งตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน พร้อมจับจ้องภาพฉากตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
มันทราบของมันดี ฝ่ามือล้างพิภพนี้กล้าแกร่งเพียงใด ทว่าเย่หยวนกลับปราบปรามลงได้ด้วยมือข้างเดียว!
“ฝ่ามือล้างพิภพ! บดขยี้มันซะ!!”
ข่านนั่วโคจรพลังปีศาจจนเร็วจี๋ถึงขีดสุด พร้อมระดมพลังอย่างบ้าคลั่งและปลดปล่อยออกไปเต็มสูบ
เย่หยวนพรูลมหายใจออกมาเล็กน้อย พร้อมพลิกฝ่ามือสะบัดออกไปเบาๆ
เพียงคลื่นสายลมบางเบาเข้าสัมผัสกับฝ่ามือล้างพิภพ ฝ่ามือมหึมาอันน่าสะพรึงขวัญนั้นสั่นเทาอย่างหนัก
พลังปีศาจที่ควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือนั้นถึงกับคงความเสถียรไว้ไม่อยู่
ใชที่สุดฝ่ามือล้างพิภพนั้นระเบิดกระจายพร้อมเสียงดังบูม ยามนี้เหนือน่านเวหาเหลือแต่ความว่างเปล่า!
เมื่อทัพศึกของเผ่าปีศาจเห็นดังนั้น พวกมันถึงกับโพล่งตาโตจับจ้องอย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่มันเรื่องบ้าอันใด?! ฝ่ามือ…ฝ่ามือล้างพิภพในตำนาน…ถูกทำลายในพริบตา!”
ปีศาจตนนั้นที่กล่าวขึ้นก็คือเจียหลาน ยามที่เห็นภาพฉากนี้ มันยังสงสัยอยู่เลยว่า สายตาของมันมีปัญหาอันใดหรือไม่?
ฝ่ามือล้างพิภพของเทพอสูรเทวะข่านนั่วแกร่งกร้าวเพียงใด?
หากย้อนกลับไป ตอนที่เข้าสัประยุทธ์เดือดกับเซียนเต๋าสวรรค์ ข่านนั่วเองก็ยังใช้กระบวนฝ่ามือนี้เข้าต่อกรอย่างสูสี!
ทว่าตอนนี้ กระบวนฝ่ามืออันทรงอนุภาพนั้นกลับถูกเย่หยวนบดขยี้ไม่เหลือในพริบตา!
ม่านตาดำไสวของเยวี่ยจี้หดแคบเท่ารูเข็มไม่ต่างกัน นางในฐานะเทพอสูรเทวะเช่นเดียวกับข่านนั่ว ย่อมตระหนักทราบดีถึงความน่ากลัวของฝ่ามือล้างพิภพ
วรยุทธต่อสู้กระบวนนี้ถูกถ่ายทอดโดยท่านจอมเทพอสูรนิรันดร์โดยตรง ดังนั้นพลานุภาพการทำลายล้างจึงจัดได้ว่าไร้ขอบเขต
แม้แต่ข่านนั่วเองก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของฝ่ามือล้างพิภพได้ แต่นั้นก็เกินพอสำหรับล้างโคตรเผ่าพันธุ์ในดินแดนเล็กๆนี้ได้
ดังนั้นแล้ว ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ…เย่หยวนได้รับศาสตร์แห่งสวรรค์และขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
แต่นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?
เย่หยวนหาได้สนใจต่อความประหลาดใจของทุกคน ทันทีทันใด ร่างของเขาก็อันตรธานหายวับไป
ยังไม่ทันรู้สึกตัว เย่หยวนก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งข้างฟางเทียนแล้ว
“ท่านอาวุโส เย่หยวนคนนี้มาสาย ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ให้ท่านตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!”
ในขณะที่เย่หยวนเอ่ยปากกล่าวขึ้น เขาก็ชูนิ้วชี้ขึ้นมา บนปลายนิ้วนั้นปรากฏเป็นลูกไฟสีเขียวจุติขึ้น
เพียงเขานำลูกไฟสีเขียวนี้แตะไปยังกลางหน้าผากของฟางเทียนเบาๆ ลูกไฟสีเขียวก็ซึมซับเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายทันที
พลังชีวิตปริมาณมหาศาลเกินคนานับไหลบ่าดุจน้ำป่าเข้าสู่ร่างกายของฟางเทียน ส่งผลให้ตัวเขาที่ใกล้จะตายฟื้นตัวกลับเป็นปกติในทันใด!
“เย่หยวน นี่…นี่คือสิ่งใด?”
ฟางเทียนยกมือยกเท้าขึ้นพินิจมองอย่างงุนงง ร่างกายที่เหี่ยวย่น ยามนี้กลับฟื้นฟูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จากคนที่ใกล้ตายกลับฟื้นขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง
เย่หยวนกล่าวว่า
“นี่คือสัญญาแห่งชีวิตที่ข้าได้รับมาจากท่านอาวุโสคุนหวู ด้วยสิ่งนี้จะสามารถยืดอายุขัยของท่านได้อีกหนึ่งร้อยปีเป็นอย่างน้อย!”
“นะ-หนึ่งร้อยปี?!”
ฟางเทียนสูดไอเย็นแช่มลึกสุดขั้วปอด พร้อมจับจ้องเย่หยวนราวกับเห็นผี
ก่อนหน้านี้ เย่หยวนใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าจะหลอมกลั่นโอสถต่ออายุขัยสวรรค์ขั้นลี้ลับ แต่นั้นยังช่วยยืดอายุขัยของเขาได้เพียงสามสิบปี
แต่เพียงลูกไฟสีเขียวขนาดจิ๋วบนปลายนิ้วของเย่หยวนเมื่อครู่ สามารถยืดอายุขัยของฟางเทียนได้ยืนยาวถึงหนึ่งร้อยปี!
และหนึ่งร้อยปีที่ว่ายังเป็นอย่างน้อยที่สุด!
นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันอย่างแท้จริง!
เย่หยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ถูกต้องแล้ว! ความแข็งแกร่งของท่านอาวุโสคุนหวูกลับมิใช่สิ่งที่เราสามารถจินตนาการถึงได้ หากมิใช่เพราะร่างกายของท่านทรุดโทรมเกินไป สัญญาแห่งชีวิตนี้จะสามารถยืดอายุขัยได้นานถึงหนึ่งหมื่นปี!”
ทุกคนต่างตื่นตกใจยิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น!
แม้แต่โอสถที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดก็ยังไม่สามารถยืดอายุขัยคนได้นานถึงหนึ่งหมื่นปี!
แต่ไม่เพียงแค่นั้น เย่หยวนยังมีสัญญาแห่งชีวิตถึงสองส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับฟางเทียนและอีกส่วนสำหรับท่านแม่ของเขาเอง
“เย่หยวน เจ้า…เจ้า… เจ้าหรือว่า…”
ยามนี้เต็งหยุนตื่นตะลึงแปรปรวนหลากอารมณ์ยิ่งจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ยามนี้คล้ายคนใบ้พยายามส่งเสียงพูด
เขากังวลใจอย่างยิ่งว่า เย่หยวนจะไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้
เพราะเรื่องเช่นนี้แทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ทว่าภายใต้สถานการณ์อันน่าทึ่งเหล่านี้ หรือเย่หยวนจะสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้จริงๆ?
เย่หยวนแค่ยิ้มและพยักหน้าตอบเท่านั้น
เมื่อได้เห็นดังนั้น ทุกสิ่งที่คาดการณ์ไว้กลับเป็นความจริง ในห้วงความคิดของทุกคนขาวโพล่นว่างเปล่าไปโดยพลัน และไม่สามารถครุ่นคิดอันใดได้อีกต่อไป
ปรากฏว่าเป็นเรื่องจริง!
เย่หยวนทะลวงขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้แล้วจริงๆ!
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่า! เย่หยวน ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
สีหน้าการแสดงออกของเต็งหยุนดูร่างเริงดีใจอย่างยิ่ง ตัวเขามีความสุขราวกับเป็นตนที่กลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าแทน
คนอื่นๆที่เหลือเองก็ตกตะลึงไม่ต่างเช่นกัน
ในเมื่อเย่หยวนขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้ว พวกเขาก็หาได้หวาดกลัวข่านนั่วอีกต่อไป!
นอกจากนี้เอง การที่เย่หยวนสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ นั้นหมายความว่าพวกเขาเองก็สามารถทำได้เช่นกัน!
บางทีศาสตร์แห่งสวรรค์อาจกลับมาจุติบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งแล้ว!
เรื่องราวดีๆเหล่านี้จะไม่ทำให้พวกเขามีความสุขได้อย่างไร?
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ค่อยกล่าวเรื่องนี้กันภายหลัง! ขอจัดการธุระตรงหน้าก่อน!”
มาเหนือเมฆ!
ครั้งนี้เย่หยวนมาเหนือเมฆอย่างแท้จริง!
นี่เป็นวาจาคำพูดที่ควรกล่าวต่อหน้าเทพอสูรเทวะในตำนานอย่างข่านนั่ว? หรือมีเพียงเย่หยวนที่กลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้วในปัจจุบันที่มีทุนรอนกล่าวได้?
เพียงประกายแสงระยับโฉบแล่น ร่างเย่หยวนปรากฏขึ้นอีกครั้งเหนือน่านฟ้านภาสูง
แม้แต่ข่านนั่วในยามนี้ยังเป็นแค่มดตัวหนึ่งในสายตาของเขา
สรรพสิ่งภายใต้อาณาจักรพระเจ้าล้วนไม่นับเป็นอันใด และไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะปริปาก!
หลังจากที่เย่หยวนนิมิตเห็นฟางเทียนกับข่านนั่วสัประยุทธ์เดือดกัน เขาก็ดึงจิตสำนึกตัวเองกลับเข้าร่างก่อนจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้สำเร็จในไม่ช้า หลังจากขอสัญญาแห่งชีวิตของคุนหวูเสร็จสรรพ เพียงสองอึดใจเขาก็ปราดมาถึงเผ่ามังกรและเข้าบดขยี้ฝ่ามือล้างพิภพของข่านนั่วอย่างที่เห็นไป
“ข่านนั่ว เจ้าไม่ควรอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก ดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ไม่ต้อนรับเจ้า! เตรียมตัวตาย!”
วาจาสุดแสนไม่แยแสของเย่หยวนเอ่ยลั่นสนั่นพิภพ ราวกับความเป็นความตายของข่านนั่ววิ่งเล่นอยู่ในมือเขา
สีหน้าการแสดงออกของข่านนั่วแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก มันกล่าวเจือน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า
“ทักศึกแห่งเผ่าปีศาจโจมตี! ฆ่าไอ้เด็กเหลือขอนั้นให้ได้!”
ทัพศึกเผ่าปีศาจรับคำสั่งและเคลื่อนไหวทันที
แม้หนทางข้างหน้าจะเป็นหุบเขาใบมีดหรือทะเลเพลิงเดือด แต่พวกมันก็หาได้เกรงกลัวไม่!
ชั่วครู่ต่อมา ฝูงปีศาจนับหมื่นล้านถาโถมเข้าสู่เย่หยวนประดุจคลื่นยักษ์บดบังน่านนภาทั้งหมด
เหล่าเซียนแห่งเผ่าปีศาจโรมรันเข้าสัประยุทธ์สำแดงกระบวนโจมตีสุดกำลัง
เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมยว่า
“เหอะ! น่าเบื่อสิ้นดี!”
พอสิ้นเสียง เย่หยวนเพียงสะบัดฝ่ามือออกไปเบาๆอย่างคร้านใส่ใจ แต่นั้นถึงขั้นทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีในบัดดล!
มังกรฟ้าขนาดยักษ์ผงาดง้ำกลางห้วงเวหา พร้อมเข้ากลืนกินฝูงปีศาจจำนวนไม่ถ้วนโดยตรง!
บูมมม….
หลังจากนั้นไม่ถึงสิบอึดใจ ผืนแผ่นดินเบื้องหน้าเย่หยวนทั้งหมดกลับเหลือแค่ความว่างเปล่า
เพียงสะบัดฝ่ามือออกไปลวกๆ ทัพศึกของเผ่าปีศาจทั้งหมดก็ถูกเป่าเหลือแค่ฝุ่นผง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น