True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1154-1155
บทที่ 1154 สาเหตุของอันตราย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ข่าวเรื่องการบาดเจ็บหนักของต่งเสี่ยวหวั่นแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กินโอสถชำระร่างของห้องหออวิ๋นซินแล้วก็ไม่เพียงไม่ฟื้นฟูเส้นลมปราณหรือฟื้นฟูพลัง แต่ยังทรุดตัวลงหนักประหนึ่งว่าใกล้ตายแล้ว
คราวนี้ทุกคนแน่ใจแล้วว่าคำพูดที่ต่งเส่าชิงบอกก่อนหน้านี้ว่าอี้อวิ๋นหลอมโอสถชำระร่างสำเร็จเป็นเรื่องโกหก
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฮูเหยียนชางหัวเราะเสียงดัง ตอนนี้เขารู้สึกสะใจมากจริงๆ
“เจ้าต่งเส่าชิงนี่คิดจะเอาคืนข้า แต่ตอนนี้กลับยกหินมาทับขาตัวเอง อีกไม่กี่วันคงมาขอร้องข้าอีกรอบ ไม่เช่นนั้นชีวิตลูกสาวเขาคงไม่รอด”
“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนช่างมีญาณหยั่งรู้ล่วงหน้าจริงๆ” จั่วชิวเฮ่าอวี้หัวเราะด้วยเช่นกัน ในฐานะที่เป็นคุณชายของหอเซียนสรรพสิ่ง จั่วชิวเฮ่าอวี้จึงมีคู่แข่งจากสำนักเดียวกันเป็นจำนวนไม่น้อย เขาต้องผูกมิตรกับฮูเหยียนชางให้ดี “ในเมื่อต้องการให้ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนช่วย ท่านปรมาจารย์ก็ย่อมพาต่งเสี่ยวหวั่นเข้าห้องและค่อยๆ ศึกษาได้”
จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดอย่างมีเลศนัย ฮูเหยียนชางลูบคางตัวเอง ช่วยสาวงามที่หมดสติ ไม่มีแรงต่อต้านอะไรและลงมือได้อย่างตามใจก็เป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อย
“เด็กไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนหนึ่งจะหลอมโอสถชำระร่างได้อย่าง แต่ให้ข้าหลอมโอสถชนิดนี้ก็ยังต้องระวังแล้วระวังอีก อี้อวิ๋นผู้นี้คงหลอมโอสถปลอมออกมาแน่นอน ทั้งภายในก็มีพิษอยู่จำนวนมาก”
ขนาดโอสถที่ได้มาตรฐานยังมีพิษหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอสถปลอม
“การนัดหมายในอีกสามวันคงเป็นวันตายของเจ้าเด็กนี่แน่แท้” จั่วชิวเฮ่าอวี้ถอนใจด้วยความโล่งอก ตอนที่มีข่าวว่าอี้อวิ๋นหลอมโอสถชำระร่างสำเร็จปล่อยออกมาเขาก็กังวลเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาไม่มีประโยชน์ที่ต้องกังวลแล้ว
……
เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้วสามวัน เรียกได้ว่าสามวันมานี้ต่งเส่าชิงไร้ซึ่งหนทาง
เขาไม่รู้ว่าลูกสาวเป็นอะไรไปกันแน่ นางอ่อนแอลงทุกวัน เค้ารางชีวิตเบาบางลงเรื่อยๆ ดูจากแนวโน้มตอนนี้ ใช้เวลาอีกไม่กี่วันนางก็จะตายแน่นอน นี่เป็นแรงปะทะที่รับได้ยากสำหรับต่งเส่าชิง
ตอนนี้เขาสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีสมบัติอะไรอะไรที่ช่วยรักษาลูกสาว ปรมาจารย์โอสถคนอื่นก็ไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องนี้ ได้แต่หาอี้อวิ๋นกับฮูเหยียนชาง
ส่งลูกสาวให้ฮูเหยียนชางก็เท่ากับส่งลูกแกะเข้าปากเสือ จะส่งให้อี้อวิ๋น อี้อวิ๋นก็ปิดด่านฝึกตนอยู่ ไม่ให้ใครพบทั้งนั้น
การปิดด่านฝึกตนของอี้อวิ๋นในเวลานี้ช่วยยืนยันว่าเรื่องที่เขาหลอมโอสถปลอมเป็นเรื่องจริงในสายตาคนอื่น เห็นได้ชัดว่าเขาปิดด่านฝึกตนเพื่อหนีปัญหา
แต่ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร ต่งเส่าชิงก็ไม่เชื่อว่าตัวเองถูกหลอก
เขาตรวจสอบโอสถสามเม็ดนี้ด้วยตัวเอง ต่อให้สายตาเขาจะผิดพลาดจริงๆ แต่ก็ดูกระบวนการหลอมโอสถของอี้อวิ๋นกับตาตัวเอง แม้เขาจะเป็นคนนอกวงการหลอมโอสถก็รู้ว่าทักษะอันเลิศล้ำนั้นไม่ธรรมดา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาได้แต่อดทนกับความร้อนรนในใจ ไม่ไปรบกวนการปิดด่านฝึกฝนของอี้อวิ๋น เขารู้ว่าอี้อวิ๋นจะออกจากการปิดด่านในอีกไม่นาน เพราะวันนี้คือวันที่เขาจะเปิดหม้อหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย
อี้อวิ๋นออกจากปิดด่านในเช้าวันนี้!
เขาใช้เวลาสามวันนี้มาหลอมหญ้าน้ำค้างสวรรค์ให้เป็นโอสถน้ำค้างสวรรค์เลี้ยงวิญญาณ หลังจากที่กินลงไปก็ทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นมาก
แต่เขายังไม่ทันได้ดีใจก็ได้ยินเรื่องที่ชีวิตต่งเสี่ยวหวั่นตกอยู่ในอันตรายจากหรูเอ๋อร์
“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะคุณชาย…”
หรูเอ๋อร์รู้เรื่องนี้อยู่นานแล้วและเพิ่งมาบอกอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นย่อมเป็นคนที่สำคัญที่สุดในสายตานาง
“เจ้าบอกว่าชีวิตต่งเสี่ยวหวั่นตกอยู่ในอันตราย?” อี้อวิ๋นขมวดคิ้ว
“คนในเมืองสรรพสิ่งพากันพูดเช่นนี้ เจ้าสำนักต่งมาที่ห้องหออวิ๋นซินเมื่อสองสามวันก่อน เขาบอกข้าด้วยตัวเองว่าสถานการณ์ของลูกสาวย่ำแย่ลงเรื่อยๆ”
“แปลก โอสถชำระร่างที่ข้าหลอมน่าจะมีพิษปะปนอยู่น้อยมากจึงจะถูก พลังโอสถก็นุ่มนวล ต่อให้กินทีเดียวสามเม็ดก็ไม่ถึงขั้นมีปัญหาเช่นนี้”
อี้อวิ๋นรู้สึกไม่เข้าใจ ในตอนนี้เองที่เขารู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาส่งเสียงไปนอกประตูว่า “เจ้าสำนักต่ง ข้าออกจากการปิดด่านแล้ว เจ้าเข้ามาเถอะ”
ต่งเส่าชิงมารออยู่หน้าประตูห้องหออวิ๋นซินตั้งแต่เมื่อคืน ตัวเขาที่ใจร้อนรนดั่งไฟไม่มีอารมณ์มาทำอะไรอย่างอื่นทั้งนั้น เขาแทบจะนับเวลาสามวันนี้ทุกลมหายใจ
ต่งเส่าชิงดีใจเมื่อได้ยินเสียงของอี้อวิ๋น เขารีบผลักประตูและทำความเคารพให้อี้อวิ๋นทันที
“คุณชายอี้โปรดช่วยลูกสาวข้าด้วยเถิด!”
ต่งเส่าชิงได้แต่ต้องพึ่งพาอี้อวิ๋นแล้ว
เขารู้ว่าขอเพียงอี้อวิ๋นไม่ได้จงใจหลอมโอสถปลอม เช่นนั้นอี้อวิ๋นก็ไม่ติดค้างอะไรเขาทั้งนั้น เขาไม่มีสิทธิเรียกร้องให้อี้อวิ๋นช่วยลูกสาว ได้แต่วิงวอนอีกฝ่าย
“ลูกสาวเจ้าอยู่ที่ไหน?” อี้อวิ๋นเดินลงบันได ต่งเส่าชิงรีบนำที่พำนักติดตัวออกมา…ความจริงสิ่งนี้ไม่อาจเรียกว่าที่พำนัก มันมีขนาดเพียงหนึ่งจั้ง มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นของคุณภาพต่ำ เกรงว่าแม้แต่ที่พำนักที่ต่งเส่าชิงเคยมีก็ถูกจำนำเพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน
ที่พำนักขนาดเล็กนี้เปิดออก อี้อวิ๋นเห็นต่งเสี่ยวหวั่นที่นอนอยู่ภายใน
ต่งเสี่ยวหวั่นรูปร่างไม่สูง นางเป็นเด็กสาวรูปร่างเล็กและหน้าตางดงาม แม้จะหน้าซีดขาวเพราะกินโอสถชำระร้างแต่ก็กลับช่วยเพิ่มความงดงามแบบอ่อนแอให้นาง
อี้อวิ๋นไตร่ตรองชั่วครู่เมื่อเห็นสภาพของต่งเสี่ยวหวั่น สภาพนางดูไม่เหมือนผลข้างเคียงจากโอสถชำระร่างแม้แต่น้อย
“เหมือนว่านาง…จะถูกพิษ”
อี้อวิ๋นคาดเดา ในคัมภีร์ของเทพโอสถมีบันทึกเกี่ยวกับการรักษาคนอยู่เช่นกัน แม้อี้อวิ๋นจะเคยอ่านเนื้อหาส่วนนี้ผ่านๆ ตาแต่ก็ไม่เคยลองทำดูจริงๆ ไม่อาจเปลี่ยนเนื้อหาทางภาคทฤษฎีมาเป็นทักษะของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้อี้อวิ๋นจึงยากจะช่วยให้ต่งเสี่ยวหวั่นหายดี ได้แต่คาดเดาสาเหตุที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้
“ถูกพิษหรือ?” ต่งเส่าชิงตะลึงงัน หมอที่เคยมาดูอาการให้ต่งเสี่ยวหวั่นก่อนหน้านี้ก็เคยพูดถึงความเป็นไปได้นี้ ทว่ามันก็เป็นแค่หนึ่งในความเป็นไปได้จำนวนมาก
“เหตุใดเจ้าสำนักต่งจึงให้ต่งเสี่ยวหวั่นใช้โอสถชำระร่าง คงไม่ใช่แค่เพื่อพัฒนาพรสวรรค์นางใช่ไหม”
อี้อวิ๋นแน่ใจว่าโอสถชำระร่างของเขาไม่มีพิษปนเปื้อนแน่นอน เช่นนั้นความเป็นไปได้อย่างเดียวคือต่งเสี่ยวหวั่นถูกพิษตั้งแต่ก่อนกินโอสถชำระร่าง
“ไม่ได้ให้กินเพราะสาเหตุนี้เป็นหลักขอรับ” ต่งเส่าชิงรีบอธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมด
“โอ้? หลักจากที่นางกลับจากแดนลับแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะฝึกฝนอย่างไรระดับยุทธ์ก็ไม่พัฒนางั้นหรือ? โอสถชำระร่างเป็นเทียบโอสถที่หมอคนหนึ่งสั่งให้?”
อี้อวิ๋นนึกย้อนถึงบันทึกของเทพโอสถ หมอคนนั้นใช้โอสถชำระร่างมารักษาต่งเสี่ยวหวั่นก็ดูไม่มีอะไรผิดพลาด ในเมื่อโอสถชำระร่างใช้ชำระร่างกายได้ เช่นนั้นมันก็ย่อมขจัดสิ่งชั่วร้ายและพิษทั้งหมดในร่าง
แต่ชีวิตต่งเสี่ยวหวั่นกลับตกอยู่ในอันตรายหลังจากกินโอสถชำระร่างนี้!
อี้อวิ๋นครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพิษในร่างลูกสาวเจ้าจะไม่ธรรมดา หลังจากที่กินโอสถชำระร่างแล้วก็ไม่เพียงไม่ถูกกำจัดแต่กลับถูกกระตุ้นขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ชีวิตนางจึงตกอยู่ในอันตราย”
หลังจากที่คิดไปคิดมาแล้วก็มีความเป็นไปได้นี้แค่อย่างเดียว
ต่งเส่าชิงตื่นตกใจเมื่อได้ฟัง ใจเขามีความสิ้นหวังแล่นผ่าน “แม้แต่โอสถชำระร่างก็ขจัดพิษไม่ได้ นี่ต้องเป็นพิษแบบใดกัน ข้าจะช่วยเสี่ยวหวั่นได้อย่างไร?”
ต่งเส่าชิงจนปัญญาแล้วจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้สิ้นเนื้อประดาตัว ต่อให้อยู่ในช่วงที่เขาร่ำรวยกว่าปกติเป็นสิบเท่าก็คงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
อี้อวิ๋นพูดว่า “ข้าคงได้แต่ลองดู ข้าเองก็ไม่ถนัดเรื่องช่วยคน”
อี้อวิ๋นกดนิ้วลงมือข้อมืออ่อนแออันขาวซีดของต่งเสี่ยวหวั่นเพื่อจับชีพจร หากไม่เคยลองจับชีพจรจริงๆ และอาศัยแค่คำบรรยายในคัมภีร์เทพโอสถก็ยากที่จะแยกแยะผลลัพธ์อะไรออก
หลังจากที่อี้อวิ๋นลองจับดูสักพักก็รู้สึกแค่ว่าชีพจรต่งเสี่ยวหวั่นวุ่นวาย ยังคงหาสาเหตุไม่เจออยู่ดี
คิดไปคิดมาแล้วอี้อวิ๋นก็นึกอะไรขึ้นได้ เขาเปิดการมองเห็นพลังของผลึกม่วง
นับจากที่อี้อวิ๋นผสานกับต้นไม้เทพไม้ฟ้า การรับรู้ของเขาก็พัฒนาขึ้นมาก หลังจากที่มองผ่านศิลาแห่งความโกลาหลก็ใช้การมองเห็นพลังของผลึกม่วงน้อยลงมาก
เขาไม่ได้เปิดการมองเห็นพลังมานาน ตอนนี้มาเปิดอีกครั้ง ทุกอย่างรอบด้านที่ไม่มีร่างพลังก็พากันหายไปจากสายตาอี้อวิ๋น เสื้อผ้าและเนื้อหนังของต่งเสี่ยวหวั่นกลายเป็นเพียงลายเป็นอันเลือนราง
ส่วนเส้นลมปราณและจุดตันเถียนที่มีพลังไหลเวียนในร่างต่งเสี่ยวหวั่นกลับปรากฏชัดเจน จากนั้นอี้อวิ๋นก็เห็นภาพที่ทำให้เขาต้องเสียวสันหลังขึ้นมา
เขาเห็นใบหน้าที่ทั้งชั่วร้ายทั้งแก่ชราใบหนึ่งอยู่ในร่างต่งเสี่ยวหวั่น ใบหน้านี้กำลังแสยะยิ้มให้อี้อวิ๋นประหนึ่งเยาะเย้ยเขา
นี่มันตัวอะไรกัน!?
………………………………………
บทที่ 1155 วันเปิดหม้อ
โดย
Ink Stone_Fantasy
อี้อวิ๋นตะลึงงันอย่างสมบูรณ์ จู่ๆ ในจุดตันเถียนของสาวน้อยนางหนึ่งก็มีภาพเช่นนี้ปรากฏ ไม่ว่าใครมาเห็นก็ขนลุกทั้งนั้น
นี่คือวิญญาณหรือสิ่งชั่วร้าย?
อี้อวิ๋นไม่อาจตัดสินใจในทันที เขารู้สึกได้รางๆ ว่าใบหน้าคนอันดุร้ายนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
แม้สำนักคลื่นหยกจะเล็กและอ่อนแอ แต่ต่งเส่าชิงก็พอรู้จักผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะตอนที่พาต่งเสี่ยวหรั่นไปหาหมอทั่วทิศก่อนหน้านี้หรือตอนที่ป่วยหนักอย่างตอนนี้ คนมากมายที่เคยดูอาการนางก็ไม่เจอที่มาของปัญหา
หากไม่เพราะอี้อวิ๋นมีการมองเห็นพลังของผลึกม่วง เขาก็คงยากที่จะรู้สึกถึงสิ่งชั่วร้ายอันแปลกประหลาดนี้
“สองสามวันนี้มีปรมาจารย์โอสถคนใดพบต่งเสี่ยวหรั่นหรือเปล่า?”
อี้อวิ๋นถาม ต่งเส่าชิงพยักหน้า “มีขอรับ หลายปีมานี้ฮูเหยียนชางมีสหายในเมืองสรรพสิ่งอยู่ไม่น้อย คุณชายอี้ก็รู้ ความจริงปรมาจารย์โอสถอาวุโสหลายคนต่างมองเรื่องที่ท่านเปิดห้องหออวิ๋นซินใกล้กับโรงโอสถฟ้าประทานเป็น…เป็น…เรื่องตลก”
ต่งเส่าชิงลังเลใจแต่ก็พูดความจริง การกระทำทั้งหมดก่อนหน้านี้ของอี้อวิ๋นเป็นการไม่ประมาณตนในสายตาคนอื่น พวกปรมาจารย์โอสถที่มีชื่อเสียงมานานแล้วจะเห็นเขาอยู่ในสายตาได้อย่างไร?
“ดังนั้น…หลังจากที่เสี่ยวหวั่นเกิดเรื่องก็มีปรมาจารย์โอสถสองสามคนมาดูโดยบอกว่าจะช่วยดูอาการ ตอนนั้นข้าน้อยร้อนรนทำอะไรไม่ถูก หวังว่าจะมีปรมาจารย์โอสถยอมช่วยเหลือจึงยอมให้พวกเขาดู ทว่าพวกเขาส่วนใหญ่กลับมาเพื่อดูเรื่องตลก มีคนผู้หนึ่งบอกให้ข้าส่งเสี่ยวหวั่นให้ฮูเหยียนชางสองสามวันก็จะ…”
ต่งเส่าชิงพูดไม่ออกอีกเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขามีลูกสาวแค่คนเดียว
จอมยุทธ์ส่วนใหญ่มีภรรยาหลายคน แต่ต่งเส่าชิงเป็นคนรักเดียวใจเดียว เขามีคู่ฝึกแค่คนเดียวมาทั้งชีวิต หลังจากที่ตายไปก็ทิ้งลูกสาวไว้ให้คนเดียวและมีพรสวรรค์โดดเด่น นางเป็นความหวังทั้งหมดของต่งเส่าชิง
อี้อวิ๋นพยักหน้า ไม่มีปรมาจารย์โอสถคนใดเห็นถึงความผิดปกติจริงๆ ด้วย “ตอนนั้นลูกสาวเจ้าเข้าไปยังที่ใด เหตุใดจึงเกิดเหตุเภทภัยเช่นนี้?”
ต่งเส่าชิงพูดว่า “นางเข้าไปในที่ขุดเจาะศิลาพิภพของสำนักคลื่นหยกขอรับ ขณะที่ขุดเจาะก็พบซากวัตถุโบราณใต้ดินที่ไม่รู้ถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหน เสี่ยวหวั่นเกิดความสงสัยจึงเข้าไปข้างใน คนในสำนักจำนวนไม่น้อยก็เดินทางเข้าไปด้วย… เสี่ยวหวั่นเป็นที่นิยมของคนในสำนักมาก ศิษย์พี่ศิษย์น้องหลายคนพากันแย่งที่จะได้เข้าไปกับนาง”
“เช่นนั้นคนพวกนั้น? พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยกันหมดหรือ?” อี้อวิ๋นถามแทรก
“ขอรับ…กระมัง…” เดิมทีต่งเส่าชิงก็มั่นใจ แต่เมื่อถูกอี้อวิ๋นถามก็กลับเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมา
“ตกลงใช่หรือไม่ใช่?”
“เรื่องนี้…อย่างน้อยที่สุดข้าน้อยก็มองไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไรขอรับ” ต่งเส่าชิงตอบอย่างจริงจัง แม้เดิมทีต่งเสี่ยวหวั่นจะไม่อาจฝึกวรยุทธ์แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะอันตรายถึงชีวิต หากไม่ใช่เพราะกินโอสถชำระร่าง เขาก็คงไม่รู้ว่านางเจอหายนะที่น่ากลัวขนาดนี้
อี้อวิ๋นขมวดคิ้วพูดว่า “ข้าจะพยายามช่วยชีวิตลูกสาวเจ้าสุดความสามารถ ขั้นตอนมีความยุ่งยากเล็กน้อยแต่ก็พอมีเบาะแส เจ้าไม่ต้องกังวล ตอนนี้ชีวิตนางยังไม่ตกอยู่ในอันตราย”
แม้สภาพของต่งเสี่ยวหวั่นในตอนนี้จะดูเหมือนพลังชีวิตใกล้ดับมอดและอยู่ได้อีกไม่กี่วัน แต่อี้อวิ๋นกลับแน่ใจว่าหากต่งเสี่ยวหวั่นตายลง สิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในร่างก็จะไร้ที่ซ่อน หากมันมีสติปัญญาอยู่บ้างก็ไม่มีทางทำให้ต่งเสี่ยวหวั่นตายจริงๆ
“ขอบพระคุณคุณชายอี้ขอรับ!”
ต่งเส่าชิงโค้งตัวคำนับ เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่อี้อวิ๋นแล้ว
และในตอนนี้เองที่มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างฉับพลัน…
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ต่งเส่าชิง ลูกสาวเจ้าโอสถปลอมและใกล้ตายแล้ว แต่นี่เจ้ากลับทำความเคารพให้คนที่ทำร้ายนาง ชีวิตนี้ข้าก็เคยเจอคนโง่มาก่อน แต่ไม่เคยเจอใครโง่เท่าเจ้า!”
เสียงของคนผู้นี้ดังก้อง สีหน้าต่งเส่าชิงจมลง เขาหันไปมองก็เห็นรถม้าสีดำคันหนึ่งลากเข้ามาโดยม้าปีศาจมังกรสี่ตัว
ชายที่ดูหนุ่มมากคนหนึ่งเดินลงจากรถม้า เขาคือฮูเหยียนชาง!
ต่อจากฮูเหยียนชางก็มีคนมากมายตามเข้ามา
จั่วชิวเฮ่าอวี้ยอมมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีคนที่สวมชุดหลอมโอสถหลายคน ในคนเหล่านี้มีศิษย์ของฮูเหยียนชางอยู่สองสามคน ทั้งยังมีปรมาจารย์โอสถของเมืองสรรพสิ่งที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ
หลายปีมานี้ฮูเหยียนชางมีสหายในแวดวงหลอมโอสถจำนวนไม่น้อย วันนี้พวกเขาย่อมมาสนับสนุนฮูเหยียนชาง
เมื่อคนกลุ่มนี้มาถึงก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมากทันที ทุกคนย่อมจำได้ว่าวันนี้คือวันที่อี้อวิ๋นจะเปิดหม้อหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย!
ในตอนนี้เองที่บนท้องถนนมีแสงสีเขียวอันอ่อนโยนสายหนึ่งแล่นผ่าน ทุกคนพากันหลบตัวก็เห็นเรือรบวิญญาณที่ทำจากหยกลำหนึ่งบินเข้ามาในฝูงชน
เมืองสรรพสิ่งไม่อนุญาตให้เหาะเหิน แต่ถึงกระนั้นก็มีคนจำนวนน้อยมากที่มีสิทธิพิเศษให้บินระดับต่ำได้ ระยะห่างที่เหนือจากพื้นดินก็เป็นตัวแสดงให้เห็นว่าสิทธิพิเศษสูงแค่ไหนเช่นกัน
เรือรบวิญญาณร่อนตัวลง ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีแดงสดผู้หนึ่งเดินลงมา
“ปรมาจารย์จั่วชิวปั๋วจากหอเซียนโอสถ!”
มีคนรู้จักชายผู้นี้ หอเซียนโอสถเป็นหนึ่งในโรงโอสถใหญ่ทั้งสามของเมืองสรรพสิ่ง โรงโอสถฟ้าประทานก่อตั้งโดยความร่วมมือของหลายกลุ่มอิทธิพล แต่หอเซียนโอสถนี้เป็นธุรกิจส่วนตัวของหอเซียนสรรพสิ่ง
แม้จั่วชิวปั๋วจะมีชื่ออยู่ในหอเซียนโอสถ แต่ความจริงแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้เขาเป็นผู้ลงมือหลอมโอสถ คนระดับเขาไม่เคยปรากฏตัวในหอเซียนโอสถ ยิ่งลงมือน้อยมากไปกันใหญ่ ไม่เหมือนฮูเหยียนชางที่อยู่ถาวรที่โรงฟ้าประทาน ขอเพียงให้เงินมากพอก็เชิญตัวได้
ในโลกของเมืองสรรพสิ่ง ตำแหน่งของจั่วชิงปั๋วย่อมสูงกว่าฮูเหยียนชาง
“ท่านอาปู่หก ท่านเองก็มาด้วยหรือขอรับ”
จั่วชิวเฮ่าอวี้ดีใจเมื่อเห็นจั่วชิวปั๋ว แม้เขาจะเป็นคุณชายของหอเซียนสรรพสิ่งแต่ก็เป็นแค่เด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ความขัดแย้งที่มีกับอี้อวิ๋นก็เป็นความขัดแย้งระหว่างเด็กๆ ไม่มีทางถึงระดับของหอเซียนสรรพสิ่ง
ความจริงแล้วบุคคลสำคัญที่แท้จริงของหอเซียนสรรพสิ่งไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยนี้ จั่วชิวเฮ่าอวี้คิดไม่ถึงว่าจั่วชิวปั๋วจะปรากฏตัว เรื่องนี้ทำให้เขาดีใจมากจริง เขาหวังให้จั่วชิวปั๋วจะให้การสนับสนุนเขาในหอเซียนสรรพสิ่ง
“เฮ่าอวี้ วันนี้ข้าแค่เดินผ่านที่นี่ เนื่องจากได้ยินว่าเจ้าเมืองฉินจะมาจึงหยุดเพื่อทักทายเขาก็เท่านั้น”
จั่วชิวปั๋วพูดเรียบๆ ความจริงเขาไม่สนใจเรื่องที่อี้อวิ๋นหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยแม้แต่น้อย เขามาที่นี่เพราะเจ้าเมืองฉินต่างหาก
จั่วชิวปั๋วเพิ่งพูดจบก็เห็นอสูรโบราณสีทองเข้มเก้าตัวลากรถม้าศึกที่เรียบง่ายธรรมดาคันหนึ่งเข้ามาด้วยเสียงดังสนั่น!
บนรถม้าศึกคันนี้มีชายวัยกลางคนชุดฟ้าผู้หนึ่งยืนอยู่ กลิ่นอายของชายผู้นี้ซ่อนเร้น บนร่างมีแสงจางๆ สาดกระพริบ…นี่คือผลจากการที่ฝึกถึงระดับหนึ่งจนกฎรวมตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ
คนผู้นี้คือเจ้าเมืองฉิน!
ข้างเจ้าเมืองฉินมีสาวงามคนหนึ่ง ใบหน้านางสวมผ้าคลุม อ้อมแขนกอดกู่ฉินเอาไว้ แน่นอนว่าคือองค์หญิงจิ้งจอกขาว
“ท่านเจ้าเมืองฉิน ท่านเจ้าเมืองฉินมาจริงๆ ด้วย!”
ทุกคนพากันตื่นตกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ของเด็กรุ่นเยาว์ระหว่างอี้อวิ๋นกับจั่วชิวเฮ่าอวี้จะทำให้เจ้าเมืองฉินสนใจได้!
……………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น