True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1152-1153

 บทที่ 1152 เริ่มหลอม

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ข้าเข้าไปด้วยได้หรือ?” เจ้าสำนักต่งตกใจ


นอกจากกรณีที่ก่อนหน้านี้ฮูเหยียนชางกับจั่วชิวเฮ่าอวี้เรียกร้องให้อี้อวิ๋นต้องหลอมโอสถต่อหน้าทุกคนเพราะมีจุดประสงค์พิเศษ ปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่ก็ไม่อนุญาตให้คนอื่นดูในขณะหลอม หนึ่งเพราะไม่อยากถูกรบกวน สองเพราะกลัวว่าวิธีผนึกตราและวิชาลับจะถูกคนอื่นเห็นเข้า


ต่งเส่าชิงไม่ได้เรียกร้องอะไรแต่อี้อวิ๋นกลับเป็นฝ่ายอนุญาตให้เขาดูเอง ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว


“คุณชายอี้ หากข้าดูอยู่ด้านข้างแล้วจะไม่รบกวนท่านหรือ?”


อี้อวิ๋นหัวเราะแล้วพูดว่า “หากข้ากลัวว่าจะถูกรบกวน เช่นนั้นการหลอมโอสถต่อหน้าสาธารณะชนในอีกห้าวันข้างหน้าจะไม่ล้มเหลวแน่แล้วหรือ?”


“คุณชายอี้พูดถูกแล้วขอรับ” ต่งเส่าชิงดีใจ แม้จะยังไม่แน่ใจในระดับของอี้อวิ๋น แต่ฟังจากคำตอบที่มั่นใจของอี้อวิ๋นแล้วก็วางใจขึ้นหลายส่วน


หากอี้อวิ๋นเป็นคนไร้ฝีมือจริงๆ ก็คงไม่หาเรื่องให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าผู้คนจึงจะถูก


อี้อวิ๋นพาต่งเส่าชิงมายังห้องหลอมโอสถ ประตูห้องปิดลง หรูเอ๋อร์คอยรับใช้อยู่ด้านข้าง ดูท่าทางเหมือนเด็กโอสถ


การหลอมโอสถของปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่จะใช้เวลาอย่างนานก็สี่ห้าวัน อย่างสั้นก็สองสามชั่วยาม โอสถที่มีระดับสูงกว่าปรมาจารย์โอสถจะต้องวางค่ายกลหลอมเป็นเวลาหลายปีหรือแม้กระทั่งหลายร้อยปี…แต่ค่ายกลใหญ่เช่นนี้มีแต่ปรมาจารย์โอสถชั้นหนึ่งที่สร้างได้ ปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่ไม่มีความสามารถนี้


โอสถอย่างโอสถชำระร่างใช้เวลาแค่สามสี่วันก็ได้แล้ว


ปกติแล้วเวลาแค่สามสี่วันก็ไม่นับเป็นอะไรสำหรับต่งเส่าชิง แค่นั่งสมาธิกำหนดลมหายใจก็ผ่านพ้นไป แต่ตอนนี้เรื่องราวพัวพันถึงชีวิตลูกสาวเขา เขามีกะจิตกะใจมานั่งสมาธิที่ไหนกัน สายตาจับจ้องการหลอมโอสถของอี้อวิ๋นอย่างไม่ละไปไหน


อี้อวิ๋นนำหม้อโอสถสีเทาใบเล็กออกมา หม้อโอสถลอยตัวกลางอากาศ นี่คือหม้อเทพโอสถที่ค่ายกลเสียหาย


ฟึ่บ…


นิ้วมืออี้อวิ๋นแตะออก เปลวไฟลุกโชนขึ้น เขาส่งเชื้อเพลิงเทพมารออกไปหนึ่งสาย


เชื้อเพลิงเทพมารปะปนอยู่ในเปลวเพลิงปกติจึงดูไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย เพียงพริบตาก็เข้าสู่หม้อเทพโอสถ


เชื้อเพลิงเทพมารนี้แผดเผาได้แม้แต่ฟ้าดิน หม้อโอสถทั่วไปไม่มีทางรับไหว แต่หม้อเทพโอสถอยู่กับเชื้อเพลิงเทพมารมาหลายร้อยล้านปีจนแทบจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเชื้อเพลิงเทพมารเข้าสู่หม้อเทพโอสถก็หายสาบสูญไป ดูจากภายนอกแล้วตัวหม้อก็ยังคงเรียบง่ายธรรมดา ประหนึ่งไม่มีเปลวไฟจุดขึ้น


ต่งเส่าชิงงงงันเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนี้ เขาเคยเห็นปรมาจารย์หลอมโอสถมาก่อนเช่นกัน ทว่ามันกลับต่างจากภาพตรงหน้าตอนนี้มาก


อี้อวิ๋นมองวัตถุดิบที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่งแล้วคว้าดอกหยางฉีทั้งกำมาโยนลงสู่หม้อเทพโอสถ


ดอกหยางฉีต้นนี้ถูกเปลวไฟห่อหุ้มทันที


ด้วยความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของอี้อวิ๋นในเวลานี้ เขาควบคุมเชื้อเพลิงเทพมารได้แค่สายเดียวเล็กๆ นี่คือขีดจำกัดของเขาแล้ว


หากเป็นการปล่อยเชื้อเพลิงเทพมารออกมาทำลายล้าง อย่างเช่นเผาวังวิถีเจ็ดดาราก่อนหน้านี้ เช่นนั้นอี้อวิ๋นก็ปล่อยให้เชื้อเพลิงเทพมารแผดเผาเป็นทะเลเพลิงได้ แต่กับการหลอมโอสถแล้วต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ต้องละเอียดแม่นยำเป็นที่สุด


อี้อวิ๋นควบคุมเชื้อเพลิงเทพมารสายหนึ่งได้ง่ายตามใจต้องการ แต่หากเพิ่มเป็นสองสายก็จะเริ่มไม่มั่นคงแล้ว


เปลวไฟเผาดอกหยางฉีให้พลังโอสถภายในแผ่ซ่านออกมา และการดึงรวบรวมพลังโอสถที่แท้จริงกลับไม่ได้ใช้กำลังจิตของอี้อวิ๋น แต่ใช้ผลึกม่วงต้นกำเนิด


ผลึกม่วงต้นกำเนิดเป็นของวิเศษที่มีค่ามากที่สุดของอี้อวิ๋น มันช่วยให้อี้อวิ๋นข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดเมื่อเริ่มเข้าสู่วิถียุทธ์ ตอนที่อยู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์กับโลกไม้ฟ้าพยับหมอก หากไม่ใช่เพราะผลึกม่วง อี้อวิ๋นก็ไม่มีทางบรรลุแนวคิดแห่งการทำลายล้าง ไม่มีทางได้การยอมรับจากต้นไม้เทพไม้ฟ้าจนรวมผลวิถีเก้าใบสี่ผลสำเร็จ


การควบคุมพลังที่สมบูรณ์แบบของผลึกม่วงทำให้อี้อวิ๋นสกัดพลังโอสถของดอกฉีหยางไว้ในมือได้โดยไม่เสียแรงแม้แต่น้อย


กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่สิบชั่วอึดใจ


เมื่อสกัดพลังโอสถของดอกฉีหยางเสร็จ อี้อวิ๋นก็โยนหญ้าหลัวหลิวที่เป็นสมุนไพรชนิดที่สองลงสู่หม้อเทพโอสถต่ออย่างไม่ลัง


พลังโอสถในหญ้าหลัวหลิวถูกสกัดเสร็จภายในสิบชั่วอึดใจเช่นกัน


จากนั้นสมุนไพรต้นแล้วต้นเล่าก็ถูกโยนลงหม้อเทพโอสถ อี้อวิ๋นรักษาความเร็วไว้ได้คงที่ ต่งเส่าชิงที่ดูอยู่ด้านข้างตะลึงอึ้งไปอย่างสมบูรณ์


แม้ต่งเส่าชิงจะไม่เข้าใจการหลอมโอสถ แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ว่าการหลอมโอสถมีกระบวนการอย่างไร


การสกัดพลังโอสถเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุดสำหรับปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่ หากมีข้อผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็จะทำให้สมุนไพรสลายเป็นขี้เถ้า


ปรมาจารย์โอสถหลายคนหลอมโอสถล้มเหลวก็เพราะเหตุนี้ ส่วนกระบวนการหลอมให้เป็นเม็ดจะทำได้ง่ายกว่า


ดังนั้นปรมาจารย์โอสถจึงระมัดระวังกับขั้นตอนแรกมาก


ต่งเส่าชิงไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินว่ามีใครสกัดรวดเร็วและแม่นยำเช่นอี้อวิ๋นมาก่อน


เหตุใดจึงเร็วเช่นนี้? อี้อวิ๋นโยนสมุนไพรลงหม้อทุกๆ สิบชั่วอึดใจประหนึ่งชาวนาหญิงล้างผัก


ไม่นานสมุนไพรทั้งหมดก็ถูกสกัดพลังโอสถเสร็จสิ้น


จากนั้นพลังโอสถก็เริ่มผสานเป็นเม็ดภายใต้การควบคุมของอี้อวิ๋น


อี้อวิ๋นจำเป็นต้องสร้างตราประทับลายวิถีต่างๆ ในขั้นตอนนี้


เขาศึกษาวิชาปรมาจารย์อสูรมาหลายปีตั้งแต่ตอนอยู่โลกสวรรค์หมื่นปีศาจ ทั้งยังมีการควบคุมพลังอันสมบูรณ์แบบของผลึกม่วง การผนึกตราของเขาจึงไม่ยากลำบากอะไร ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงของราชินีเสวียน การผนึกตราของเขาก็ทำได้สมบูรณ์แบบจนเอาชนะองค์หญิงจิ้งจอกขาวและทำให้ทุกคนในงานตกตะลึง


ตราประทับตัวแล้วตัวเล่าถูกอี้อวิ๋นส่งออกไปอย่างไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย เวลาผ่านไปช้าๆ โอสถชำระร่างขึ้นรูปอย่างรวดเร็ว


ต่งเส่าชิงพ่นลมหายใจเบาๆ เมื่อเห็นภาพนี้ การผนึกตราของอี้อวิ๋นไม่ได้พิสดารเหมือนตอนสกัดพลังโอสถ แต่ถึงกระนั้นก็ทำได้เร็วกว่าปรมาจารย์โอสถทั่วไปมาก


เขาคำนวณเวลาแล้วก็พบว่าผ่านมาแค่หกชั่วยาม กระบวนการหลอมโอสถชำระร่างดำเนินมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว


ความจริงต่งเส่าชิงไม่รู้ว่าอี้อวิ๋นลดความเร็วลงระดับหนึ่ง จงใจไม่แสดงฝีมือทั้งหมด


อี้อวิ๋นตบหม้อเทพโอสถเบาๆ ในอีกหนึ่งเค่อต่อมา ฝาหม้อลอยขึ้น ลำแสงสีเขียวสาดออกมาและถูกอี้อวิ๋นรับไว้ในมือ


อี้อวิ๋นแบฝ่ามือออก โอสถสีเขียวมรกตแวววาวจำนวนสามเม็ดปรากฏอยู่กลางมือเขา


หากวัตถุดิบเพียงพอ ปรมาจารย์โอสถส่วนใหญ่ก็จะหลอมสำเร็จหม้อหนึ่งได้หลายเม็ด แต่วัตถุดิบที่ต่งเส่าชิงมอบให้มีจำกัด ทั้งเดิมทีโอสถชำระร่างก็หลอมสำเร็จค่อนข้างน้อย อี้อวิ๋นหลอมออกมาได้สามเม็ดจึงแทบเป็นขีดสูงสุดแล้ว


ต่งเส่าชิงดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นโอสถชำระร่างสามเม็ดนี้


เขาเคยเห็นโอสถชำระร่างมาก่อน เมื่อเห็นว่าโอสถสามเม็ดนี้เต็มไปด้วยสี พื้นผิวโอสถมีลายวิถีส่องแสง เขาก็รู้ว่านี่คือโอสถชำระร่างระดับสูงแน่นอน


เดิมทีเขาก็พอใจกับโอสถหนึ่งเม็ด หากได้สองเม็ดก็ยินดี ส่วนสามเม็ดก็ไม่เคยคาดถึง


“เอาไปเถอะ”


อี้อวิ๋นนำกล่องหยกใบหนึ่งออกมาใส่โอสถสามเม็ดนี้


“คุณชายอี้ ปรมาจารย์อี้…ข้าใช้แค่เม็ดเดียวก็พอแล้วขอรับ อีกสองเม็ดที่เหลือถูกหลอมโดยวิชาโอสถชั้นสูงของท่าน ควรให้ท่านปรมาจารย์อี้เก็บเอาไว้จึงจะถูก”


ต่งเส่าชิงซาบซึ้งจนเปลี่ยนคำเรียกอี้อวิ๋น


อี้อวิ๋นส่ายหน้า แม้โอสถชำระร่างจะมีค่าสำหรับเขาแต่ก็ไม่มาก อีกอย่างเขาก็รับหญ้าน้ำค้างสวรรค์ที่มีแต่ต้องเจอด้วยวาสนาของอีกฝ่ายมาแล้ว เขารู้สึกว่าด้วยเองเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง โอสถชำระร่างที่เกินมานี้จึงย่อมไม่ต้องการอีก


 …………………………………………


บทที่ 1153 เรื่องที่ไม่คาดคิด

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เจ้าจะให้ลูกสาวชำระร่างสินะ? ให้นางกินโอสถสามเม็ดนี้ทุกๆ หนึ่งชั่วยามจะได้ผลลัพธ์ดีขึ้น แต่กระบวนชำระร่างจะเจ็บปวดเล็กน้อย”


อี้อวิ๋นใส่กล่องหยกลงสู่แหวนมิติที่ต่งเส่าชิงมอบให้เขาก่อนหน้านี้แล้วมอบคืนให้อีกฝ่าย


“นี่…” มือที่รับกล่องหยกของต่งเส่าชิงสั่นเบาๆ เขาไม่รู้จะพูดขอบคุณอย่างไรดี


ก่อนหน้านี้โดนกลั่นแกล้งมาไม่รู้เท่าไร กว่าจะหาหญ้าน้ำค้างสวรรค์ได้ก็เผชิญความยากลำบากมากมาย แต่ตอนนี้โอสถชำระร่างสามเม็ดอยู่ในมือเขาแล้ว มันทำให้รู้สึกประหนึ่งกำลังฝัน


“ข้าน้องต่งเส่าชิงจะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้ของท่านปรมาจารย์อี้”


ต่งเส่าชิงถือแหวนมิติพร้อมโค้งคำนับให้อี้อวิ๋น


เขาไม่ปฏิเสธอีกต่อ มีโอสถสามเม็ดก็ย่อมผลลัพธ์ดีกว่า ทั้งยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกในร่างลูกสาวให้พรสวรรค์ดีขึ้นอีกขั้นได้ด้วย เช่นนี้แล้วสำนักคลื่นหยกก็มีความหวังที่จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น


“ด้วยทักษะหลอมโอสถของปรมาจารย์อี้แล้วก็เกรงว่าห้องหออวิ๋นซินคงกลายเป็นโรงโอสถอันดับหนึ่งของเมืองสรรพสิ่ง”


ต่งเส่าชิงหวังจากใจว่าห้องหออวิ๋นซินของอี้อวิ๋นจะเจริญรุ่งเรือง


ทว่าอี้อวิ๋นกลับส่ายหน้า โรงโอสถอันดับหนึ่งใช่จะเป็นกันง่ายๆ ที่ไหน หากจะไปถึงขั้นนั้นก็ต้องมีพลังที่เหมาะสมกันเป็นอันดับแรก


การเพิ่มความแข็งแกร่งคือภารกิจเร่งด่วนของอี้อวิ๋นเช่นกัน


คิดดูอย่างละเอียดแล้วเขาก็ทั้งต้องตีรากฐานให้แน่น ต้องเพิ่มระดับจิตวิญญาณ ต้องรวบรวมวัตถุดิบของโอสถวิญญาณเปล่า ศึกษาคัมภีร์เทพโอสถให้คุ้นเคย ทั้งยังต้องเพิ่มระดับยุทธ์ เขามีเวลาไม่เพียงพอจริงๆ


“ท่านปรมาจารย์อี้ ข้าน้อยต้องขอตัวลาก่อน ไม่ทราบว่าข้าน้อยนำเรื่องในวันนี้ไปโฆษณาภายนอกได้หรือไม่ขอรับ?”


ต่งเส่าชิงถามอี้อวิ๋นอย่างระมัดระวัง


อี้อวิ๋นเข้าใจทันทีว่าต่งเส่าชิงอยากโฆษณาห้องหออวิ๋นซินให้เขา


อี้อวิ๋นไม่สนใจเรื่องนี้ โฆษณาที่ทรงพลังอย่างแท้จริงจะเกิดจากผู้มีชื่อเสียงของเมืองสรรพสิ่งอย่างจั่วชิวเฮ่าอวี้กับฮูเหยียนชาง พวกเขาสองคนไม่เพียงไม่คิดค่าโฆษณา แต่ยังจ่ายเงินให้เขา ใต้หล้านี้มีเรื่องดีแบบนี้ที่ไหนกัน


ส่วนเรื่องที่คำโฆษณาของต่งเส่าชิงจะทำให้จั่วชิวเฮ่าอวี้กับฮูเหยียนชางกลับคำนั้นอี้อวิ๋นก็ไม่เคยคิดมาก่อน วันที่สองคนนั้นบุกมามีคนเป็นพยานมากมาย สัญญาที่ตกลงต่อหน้าสาธารณะชนย่อมมีผลบังคับใช้แน่นอน นอกเสียจากว่าโรงโอสถฟ้าประทานจะไม่อยากทำการค้าแล้ว ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางผิดสัญญา


“แล้วแต่เจ้าเถอะ อย่าโฆษณาเกินจริงก็พอ”


อี้อวิ๋นพูดอย่างสบายๆ เขาไม่สนใจเรื่องนี้


ต่งเส่าชิงขอบคุณอีกครั้งแล้วออกจากห้องหออวิ๋นซิน


ความจริงข่าวเรื่องนี้กระจายไปเร็วกว่าที่อี้อวิ๋นคิดไว้มาก


ใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็กระจายไปทั่วโรงน้ำชาโรงเตี๊ยมต่างๆ ในเมืองสรรพสิ่ง แม้ตอนนี้อี้อวิ๋นจะเป็นคนไม่มีอิทธิพลในเมืองสรรพสิ่งแต่กลับมีชื่อเสียง ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เขาถูกเทพธิดาอู๋เสียบอกว่าเป็นสหายเก่าที่ตรอกสมบัติสวรรค์ ทั้งคู่ไม่ใช่แค่มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา อี้อวิ๋นยังปฏิเสธจั่วชิงเฮ่าอวี้อีกด้วย ตอนนี้เขามีความขัดแย้งกับจั่วชิวเฮ่าอวี้และฮูเหยียนชาง พวกคนที่ไม่มีอะไรทำจึงมักคุยเรื่องพวกนี้ขณะดื่มชากินอาหาร


แน่นอนว่าข่าวนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งไปถึงหูจั่วชิวเฮ่าอวี้กับฮูเหยียนชาง


“อะไรนะ? เจ้าสวะต่งนั่นบอกว่าอี้อวิ๋นหลอมโอสถชำระร่างได้สามเม็ด?”


จั่วชิวเฮ่าอวี้ตกใจมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว หมายความว่าอี้อวิ๋นอยู่ระดับเดียวกับปรมาจารย์โอสถชั้นหนึ่งหรือเปล่า?


ฮูเหยียนชางขมวดคิ้วเบาๆ แล้วส่งเสียงเย็นๆ พูดว่า “เจ้าเฒ่าต่งที่สมควรตายนี่ เขาจงใจปล่อยข่าวนี้เพื่อเอาคืนข้า คิดว่าข้าจะกลัวและยอมแพ้กับสัญญาที่ให้กับเจ้าเด็กนั่นก่อนหน้านี้หรือไง?”


“โอ้? ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนหมายความว่าอย่างไร?” จั่วชิวเฮ่าอวี้ถามขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่ามีทางพลิกผัน


ฮูเหยียนชางดื่มชาหนึ่งคำแล้วพูดช้าๆ ว่า “พูดตามตรงแล้วก่อนหน้านี้ข้าสนใจในบุตรสาวผู้งดงามของเจ้าเฒ่าต่ง แต่เจ้าเฒ่าต่งนั่นจะตอบโต้ข้าเหมือนแมวที่โดนเหยียบหางจึงโดนไล่ออกไป จากนั้นเขาจึงไปห้องหออวิ๋นซิน”


“ข้าเคยเห็นวัตถุดิบที่เจ้าเฒ่าต่งเตรียมมา ต่อให้ข้าลงมือสุดกำลังก็หลอมโอสถชำระร่างได้แค่สองเม็ด สามเม็ดหรือ? ง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน! ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เขาเข้าไปในห้องหออวิ๋นซิน ภายในเวลาหกชั่วยามก็มีข่าวเรื่องหลอมโอสถชำระร่างสำเร็จแพร่ออกมา ความเร็วในการหลอมโอสถเช่นนี้ห่างจากข้าไกลจนไม่เห็นฝุ่น! หากเจ้าเด็กนั่นหลอมโอสถชำระร่างได้ภายในหกชั่วยามจริงๆ เช่นนั้นข้าก็จะกินโต๊ะตัวนี้”


ฮูเหยียนชางพูดอย่างมั่นใจ จั่วชิวเฮ่าอวี้ฟังแล้วก็ถอนใจด้วยความโล่งอก


“หมายความว่าเจ้าเฒ่าต่งจงใจเอาคืนท่านและอยากให้พวกเราตกใจหนีจนเสื่อมเสียชื่อเสียง?”


“นอกจากเรื่องนี้แล้วข้าก็นึกความเป็นไปได้อื่นไม่ออกอีก วิธีคิดของเขาช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ” ฮูเหยียนชางพูดอย่างมั่นใจ


“แบบนี้นี่เอง ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสี่วัน ถึงเวลานั้นพวกเราก็ไปตามสัญญาและทำให้อี้อวิ๋นเผยธาตุแท้”


“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่ต้องถึงสี่วันหรอก หากโอสถชำระร่างนี้เป็นของจริง เจ้าเฒ่าต่งก็ต้องให้ลูกสาวเขากินแน่นอน ถึงเวลานั้นก็จะเห็นผลลัพธ์ ข้าแน่ใจว่าลูกสาวเขาไม่มีทางหายดี”


ความจริงแล้วคำโฆษณาของต่งเส่าชิงก็เป็นที่สงสัยของใครหลายคน อย่างไรการฟังกับหูก็เป็นข่าวลือ เห็นกับตาจึงจะเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะจากความเข้าใจที่มีต่อวิชาหลอมโอสถแล้วก็ยิ่งทำให้ยากที่จะเชื่อคำพูดของต่งเส่าชิง มันแปลกมหัศจรรย์เกินไป


แต่ขณะเดียวกันก็มีคนเชื่อคำพูดของต่งเส่าชิง เพราะอย่างไรต่งเส่าชิงก็เป็นถึงเจ้าสำนัก แม้จะเป็นแค่สำนักเล็กๆ ก็ไม่น่าพูดโกหก มีแต่จะทำลายชื่อเสียงตัวเองเปล่าๆ


ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมาลองเสี่ยงดวงที่ห้องหออวิ๋นซิน ลองดูว่าอี้อวิ๋นจะหลอมโอสถที่พวกเขาต้องการได้เช่นกันหรือไม่


“เฮ้ พวกของร้านพวกเจ้าล่ะ? พวกข้าจะให้เขาหลอมโอสถ”


ชายฉกรรจ์แขนใหญ่เอวหนาสามคนปรากฏตัวกลางโถงห้องหออวิ๋นซินและพูดกับหรูเอ๋อร์เสียงดัง


หรูเอ๋อร์เป็นสาวน้อยเรียบร้อย ไม่ว่าลูกค้าจะมีกิริยาอย่างไรก็จะรินชาให้อย่างเคารพแล้วเรียกให้อี้อวิ๋นลงมา


ชายฉกรรจ์สามคนตบเทียบโอสถลงบนโต๊ะและนั่งลงอย่างอาดๆ


“โอ้! ชาดอกไม้หมอกเจ็ดดารา ชาดีนี่นา รินให้ข้าเพิ่มอีกสองสามถ้วย”


ชายฉกรรจ์คนหนึ่งตาเป็นประกายเมื่อเห็นชาดอกไม้หมอกเจ็ดดาราอันหอมกรุ่น ดื่มชาประเภทนี้แล้วมีประโยชน์ต่อพลังยุทธ์


ขณะที่เขากำลังยกถ้วยชาเพื่อดื่ม ในตอนนี้เองที่จู่ๆ ก็เจ็บกลางหว่างคิ้วขึ้นมา ถ้วยชาในมือเกือบร่วงลงพื้น


“น้ำชาถ้วยละหนึ่งร้อยอักขระ หากจะดื่มก็ต้องจ่ายเงิน”


 มีเสียงอันเย็นชาดังขึ้นอย่างฉับพลัน


ชายฉกรรจ์สะดุ้งตกใจ “อะไรนะ ข้ามาที่นี่เพื่อมอบการค้าให้เจ้า แต่แค่จะดื่มชากลับต้องจ่ายเงิน? ทั้งยังราคาถึงหนึ่งร้อยอักขระ เจ้าไม่ปล้นข้าแทนเลยล่ะ!”


ชายฉกรรจ์พูดอย่างโมโห เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าคนที่ยืนพิงราวบันไดชั้นสองอยู่คืออี้อวิ๋น


อี้อวิ๋นสวมเสื้อสีฟ้า ในมือถือม้วนกระดาษสีดำ มีท่าทางเหมือนบัณฑิตในโลกของคนธรรมดา “หากต้องการให้ข้าหลอมโอสถ ไม่ว่าคุณภาพจะเป็นอย่างไรก็มีราคาเริ่มที่ห้าหมื่นอักขระ หากโอสถมีความยากสูงก็อาจหม้อละหนึ่งแสนอักขระ วัตถุดิบทั้งร่างเจ้ารวมกันแล้วก็มีราคาไม่ถึงหนึ่งพันกระมัง จะให้ข้าหลอมโอสถให้?”


อี้อวิ๋นเห็นเทียบโอสถในมือชายฉกรรจ์ได้อย่างชัดเจน


ภายในมีรายการโอสถมากกว่าสิบประเภท ทั้งหมดล้วนเป็นโอสถราคาถูกคุณภาพต่ำ วัตถุดิบที่ใช้ก็เป็นของที่ถูกจนอี้อวิ๋นเห็นแล้วยังขี้เกียจเก็บ


โอสถสิบกว่าประเภทมีวัตถุดิบเล็กๆ น้อยๆ ร้อยกว่าอย่าง คิดรวมกันแล้วก็มีราคาไม่กี่ร้อยอักขระ แม้การหลอมจะไม่ยากอะไรแต่ก็จุดจิกน่าเบื่อมาก


อี้อวิ๋นเดาได้ว่าคนเหล่านี้คิดอะไร พวกเขาได้ยินจากเจ้าสำนักต่งว่าอี้อวิ๋นหลอมโอสถเป็นจึงมาเสี่ยงดวง จงใจนำวัตถุดิบราคาถูกออกมาใช้ ต่อให้หลอมล้มเหลวก็เสียหายไม่มาก แต่หากหลอมสำเร็จก็จะได้กำไร


อี้อวิ๋นมีเวลามาสนใจคนระดับล่างที่วางแผนหาผลกำไรเล็กๆ ที่ไหนกัน


“เจ้า…”


ชายฉกรรจ์ทั้งสามโมโหจนแทบจะลงมือกับอี้อวิ๋น ทว่าเมื่อสัมผัสถึงแววตาอี้อวิ๋นก็กลับรู้สึกกลัวอย่างน่าประหลาด


“ไสหัวไปเสียเถอะ พวกเจ้าควรขอบคุณกฎของเมืองสรรพสิ่ง ไม่เช่นนั้นวันนี้ก็อย่าหวังจะได้ออกไปอย่างสมประกอบเลย”


สุดท้ายแล้วชายทั้งสามก็ออกไปอย่างผิดหวัง


“หรูเอ๋อร์ ปิดประตูร้าน ข้าจะปิดด่านฝึกตน”


ตอนนี้อี้อวิ๋นจะใช้หญ้าน้ำค้างสวรรค์ที่ได้มาโดยคาดไม่ถึงมาหลอมโอสถน้ำค้างสวรรค์เลี้ยงวิญญาณ ไม่ว่าอย่างไรการพัฒนาตนเองก็เป็นเรื่องเร่งด่วน ในเมื่อมีโอสถอยู่กับตัวก็ต้องใช้


ลูกค้าที่เข้ามาตอนนี้เป็นพวกไม่ได้เรื่องเสียส่วนใหญ่ อี้อวิ๋นมีเวลามาคุยด้วยที่ไหนกัน


“เจ้าค่ะคุณชาย”


หรูเอ๋อร์ปิดประตูร้านทันที พวกคนที่คิดจะมาเสี่ยงดวงที่ห้องหออวิ๋นซินถึงจึงถูกปฏิเสธกันหมด


ชายฉกรรจ์สามคนที่ถูกอี้อวิ๋นไล่ออกจากร้านเริ่มปล่อยข่าวให้ร้ายอี้อวิ๋นเพราะความโกรธในใจ ใส่ร้ายห้องหออวิ๋นซิน บอกว่าอี้อวิ๋นเป็นคนอย่างนู้นอย่างนี้


คนที่สงสัยในอี้อวิ๋นมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทันที


นี่เป็นเรื่องที่ต่งเส่าชิงไม่คาดคิดมาก่อน เขาจะคิดได้อย่างไรว่าคำโฆษณาของเขาจะให้ผลตรงกันข้าม


อี้อวิ๋นเป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้เลวร้ายลงกว่าเดิม


ตอนนี้อี้อวิ๋นกำลังปิดด่านฝึกตน ขี้เกียจสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ต่งเส่าชิงไม่อาจไม่สนใจ เขามีโอสถชำระร่างเป็นหลักฐาน ไม่จำเป็นต้องพูดหักล้างกับใคร


เขาแสดงโอสถชำระร่างของจริงให้หลายคนดู ทั้งยังป้อนโอสถชำระร่างสามเม็ดนี้ให้ลูกสาวกินทุกหนึ่งชั่วยาม


เรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของใครหลายคน ทุกคนอยากเห็นว่าโอสถชำระร่างนี้มีผลลัพธ์อย่างไรกันแน่


ตามหลักแล้วหลังจากที่กินโอสถชำระร่าง สิ่งสกปรกก็จะถูกขับจากร่างผู้กิน พรสวรรค์มีความพัฒนา


ทุกคนรอที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของต่งเสี่ยวหวั่น


ทว่า…สิ่งที่ต่งเส่าชิงคิดไม่ถึงเลยคือ หลังจากที่ต่งเสี่ยวหวั่นกินโอสถชำระร่างอันสมบูรณ์แบบลงไป ไม่นานหลังจากนั้นร่างกายนางก็ค่อยๆ อ่อนแอลง


เวลาผ่านไปแล้วสองเค่อ สีหน้าต่งเสี่ยวหวั่นกลายเป็นสีเขียว ริมฝีปากซีดเซียว ร่างกายเย็นลงเรื่อยๆ ลมหายใจก็อ่อนแรงลง


เมื่อยื่นมือไปจับชีพจรของต่งเสี่ยวหวั่นก็สับสนอลหม่านจนจับไม่ได้ ประหนึ่งว่าป่วยจนไม่อาจเยียวยา


ต่งเส่าชิงตกใจจนหน้าซีด ตอนแรกเขายังมั่นใจว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะลูกสาวเขาใช้โอสถชำระร่างติดต่อกันสามเม็ด โอสถชำระร่างมีคุณภาพสูงเกินไป ร่างกายลูกสาวรับไม่ไหวจึงเกิดผลข้างเคียง


แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ สถานการณ์ของต่งเสี่ยวหวั่นก็มีจะร้ายแรงมากขึ้น แม้แต่ไฟชีวิตก็เริ่มเสื่อมแรงลง ต่งเส่าชิงทำอะไรไม่ถูกแล้ว


นี่ไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เกิดจากพลังโอสถที่แข็งแกร่งเกินไปของโอสถชำระร่างแน่นอน ชีวิตต่งเสี่ยวหวั่นอ่อนแอลงและเริ่มเข้าสู่อันตรายแล้ว!


เหตุใดจึงเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่กินโอสถชำระร่างคุณภาพสูง เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?


ต่งเส่าชิงมึนงงไปหมด


 …………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)