True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1149-1151
บทที่ 1149 โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย
โดย
Ink Stone_Fantasy
อี้อวิ๋นรับเทียบโอสถเข้ามาและอ่านสมุนไพรส่วนผสมที่เขียนเอาไว้…หญ้าน้ำแข็ง หยกลายแตก ขนเก้าอีกาเพลิง บุปผาหมอกหทัยหมื่นปี กระดูกสันหลังหมาป่าฟ้าคำราม…
เทียบโอสถที่จั่วชิวเฮ่าอวี้จะให้หลอมมีชื่อว่า ‘โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย’!
ในบันทึกของเทพโอสถมีการพูดถึงเทียบโอสถชนิดนี้เช่นกัน ประวัติความเป็นมาของมันยาวนานมาก มีอยู่ก่อนที่เทพโอสถจะมีชื่อเสียงเสียอีก
ความจริงบันทึกเกี่ยวกับโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยที่เทพโอสถบันทึกไว้มีความยุ่งยากซับซ้อนกว่าเทียบโอสถของจั่วชิวเฮ่าอวี้มาก เมื่อหลอมออกมาแล้วก็มีสรรพคุณดีกว่าเช่นกัน
แต่เพราะการไหลผ่านของกาลเวลา เทียบโอสถโบราณบางชนิดจึงอาจสูญหายไปบางส่วนและถูกคนรุ่นหลังเสริมแต่งเพิ่มเข้าไป สรรพคุณที่ได้จึงอาจไม่ดีเหมือนเก่า
‘คิดไม่ถึงวาจั่วชิวเฮ่าอวี้กับเจ้าเฒ่าฮูเหยียนจะมีของดีแบบนี้’
อี้อวิ๋นมีรอยยิ้มบนใบหน้า ในใจเต็มไปด้วยความสุข
โอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยเป็นโอสถชั้นเลิศที่ทั้งหล่อเลี้ยงวิญญาณ ฟื้นฟูเลือด พัฒนาระดับยุทธ์และหล่อเลี้ยงจุดตันเถียน
ไม่ใช่แค่หลิงเสียเอ๋อร์ที่ต้องการโอสถนี้ แม้แต่กับอี้อวิ๋นก็มีประโยชน์มากเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเข้าสู่ระดับวังวิถีอย่างรวดเร็ว กำลังต้องการโอสถที่จะช่วยหล่อเลี้ยงรากฐาน หากโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยหม้อนี้หลอมสำเร็จได้มากกว่าสิบเม็ด เช่นนั้นอี้อวิ๋นก็ได้กำไรครั้งใหญ่แล้ว
แต่แน่นอนว่าการจะหลอมมันก็ยากมากเช่นกัน ไม่เพียงแต่ต้องมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่การสกัดขนเก้าอีกาเพลิงและกระดูกสันหลังหมาป่าฟ้าคำรามยังต้องใช้วิชาปรมาจารย์อสูรควบคู่ด้วย
แม้วิชาหลอมโอสถกับวิชาปรมาจารย์อสูรจะมีแก่นแท้เดียวกัน แต่เพราะวิธีสกัดสมุนไพรและอสูรปีศาจมีความแตกต่างกันมาก นี่จึงทำให้ปรมาจารย์โอสถหลายคนไม่อาจทำได้ทั้งสองด้าน
เพราะโลกสวรรค์หมื่นปีศาจมีอสูรปีศาจมาก วิชาปรมาจารย์อสูรจึงแพร่หลายกว่า ส่วนโลกสวรรค์เทพหยางก็แพร่หลายด้านวิชาหลอมโอสถมากกว่า
บังเอิญจริงๆ ที่อี้อวิ๋นเชี่ยวชาญทั้งสองวิชา เขามั่นใจกับการหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยมาก
แต่ถึงกระนั้นอี้อวิ๋นก็ไม่ได้ตอบตกลงทันที เขามองจั่วชิวเฮ่าอวี้แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าลงทุนไม่น้อยเลยจริงๆ เกรงว่าสมุนไพรพวกนี้คงมีราคามากกว่าหนึ่งล้านห้าแสนอักขระ สองเท่าก็คือสามล้าน เจ้าคิดว่าข้าชดเชยไหวหรือ?”
“ชดเชยไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ตามกฎของเมืองสรรพสิ่งแล้วหากติดหนี้ก็ชำระด้วยการตัดแขนตัดขาได้ หากยังไม่พออีกก็ชดใช้ด้วยชีวิตได้เช่นกัน แม้ชีวิตเจ้าจะไม่มีค่าอะไรแต่ข้าก็ยินดีรับไว้ อีกอย่าง ข้าคิดว่าเมื่อเทพธิดาอู๋เสียเห็นเจ้าถูกหั่นทีละนิดแล้วก็คงไม่นั่งเฉย”
จั่วชิวเฮ่าอวี้ยกเทพธิดาอู๋เสียออกมาพูดอีกแล้ว อี้อวิ๋นรู้ว่าหากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ องค์หญิงจิ้งจอกขาวก็ไม่มีทางนั่งอยู่เฉยแน่นอน แต่แน่นอนว่าครั้งนี้อี้อวิ๋นมั่นใจว่าจะไม่พลาด
“ข้าจะเปิดหม้อหลอมโอสถที่นี่ในอีกสิบวัน!” อี้อวิ๋นไม่พูดไร้สาระให้มากความ เขาตอบตกลงทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดี! ข้าจะมาดูเจ้าหลอมโอสถด้วยตาตัวเอง!” จั่วชิวเฮ่าอวี้หัวเราะชั่วร้าย เขาผนึกทางถอยของอี้อวิ๋นไว้หมดแล้ว
จั่วชิวเฮ่าอวี้จากไป ผู้คนที่มุงดูก็พากันแยกย้ายเช่นกัน
สิบวันจากนี้อี้อวิ๋นจะเปิดหม้อหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย ข่าวนี้กระจายไปทั่วเมืองสรรพสิ่งอย่างรวดเร็ว
แม้อี้อวิ๋นจะไม่ใช่คนใหญ่คนโต แต่เรื่องนี้พัวพันถึงปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกับจั่วชิวเฮ่าอวี้ ผู้คนที่สนใจจึงย่อมมีมาก
องค์หญิงจิ้งจอกขาวกับเจ้าเมืองฉินย่อมได้ข่าวเช่นกัน
“หืม? สหายของเจ้าคนนี้หลอมโอสถเป็นด้วยหรือ?” เจ้าเมืองฉินแปลกใจเล็กน้อย ฟังจากที่องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดมา อี้อวิ๋นเป็นแค่เด็กรุ่นเยาว์ แค่เวลาฝึกยุทธ์ยังมีไม่พอ นี่เขายังฝึกวิชาหลอมโอสถและกล้าเปิดหม้อหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย?
องค์หญิงจิ้งจอกขาวขมวดคิ้วเบาๆ นางพยักหน้าพูดว่า “ท่านลุงฉิน อี้อวิ๋นเชี่ยวชาญวิชาปรมาจารย์อสูร ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นเขาหลอมธาตุกระดูกปีศาจ ส่วนเรื่องหลอมสมุนไพรเป็นโอสถนี้ข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาอยู่ระดับไหน อีกอย่าง…หากโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยหลอมยากแบบที่ท่านลุงพูดจริงๆ เกรงว่าอี้อวิ๋นคงหลอมสำเร็จไม่ได้ง่ายๆ”
องค์หญิงจิ้งจอกขาวมีความเข้าใจในวิชาปรมาจารย์อสูรของอี้อวิ๋น แม้อี้อวิ๋นจะมีพรสวรรค์โดดเด่นในวิชานี้ แต่หากเทียบกับปรมาจารย์โอสถที่แท้จริงก็เกรงว่าคงมีความห่าง จากที่ท่านเจ้าเมืองฉินพูดมา ปรมาจารย์โอสถที่มีชื่อเสียงหลายคนในเมืองสรรพสิ่งก็ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสำเร็จ
“กำหนดการมีในอีกสิบวัน ถึงเวลานั้นข้าจะไปดูด้วยตัวเอง ดูเอาก็รู้” เจ้าเมืองฉินพูด เรื่องนี้ฟังดูพิลึกพิลั่นถึงเพียงนี้ เขาย่อมไม่พลาดแน่นอน
……
ขณะที่เจ้าเมืองฉินกับองค์หญิงจิ้งจอกขาวกำลังพูดคุยกัน อี้อวิ๋นกลับเก็บตัวศึกษาหม้อโอสถสีเทาขนาดเล็กอยู่ในห้อง
นี่คือหม้อเทพโอสถที่เทพโอสถทิ้งเอาไว้!
ก่อนที่เทพโอสถจะตายก็ได้ใช้หม้อเทพโอสถนี้มาสร้างค่ายกลเพื่อคืนชีพให้บุตรสาวแต่ก็ล้มเหลว เวลาผ่านมาหลายร้อยล้านปี หม้อใบนี้ถูกเผากลางไฟหยางบริสุทธ์ตลอดเวลาจนรูปร่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ลำพังแค่คุณภาพของหม้อเทพโอสถนี้ก็ดีกว่าตอนที่เทพโอสถใช้ในอดีต แต่เรื่องเดียวที่น่าเสียดายคือค่ายกลของตัวหม้อถูกทำลาย
เดิมทีค่ายกลนี้ผสานกับพลังฟ้าดินของทะเลทรายกลบอาทิตย์ ต่อมาพลังฟ้าดินถูกอี้อวิ๋นทำลาย ค่ายกลของหม้อเทพโอสถจึงสลายไปในพลังฟ้าดิน เรื่องนี้ทำให้อี้อวิ๋นเสียดายมาก
แต่ถึงกระนั้น หม้อเทพโอสถที่ค่ายกลถูกทำลายไปส่วนหนึ่งก็ยังแข็งแกร่งกว่าหม้อโอสถของปรมาจารย์ทุกคนในเมืองสรรพสิ่งเป็นร้อยเท่า
มันจะช่วยให้การหลอมโอสถของอี้อวิ๋นได้ผลเป็นสองเท่าโดยลงแรงครึ่งเดียว
“หม้อเทพโอสถนี้เรายังไม่อาจสกัดอย่างสมบูรณ์ ทำได้แค่ใช้บางส่วน น่าเสียดายจริงๆ หากในอนาคตซ่อมบำรุงค่ายกลที่ขาดหายได้ก็จะทำให้หม้อนี้กลับสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต อาจถึงขั้นดีกว่าเดิมก็ได้”
อี้อวิ๋นรู้ว่าตอนนั้นเทพโอสถไม่ได้สร้างค่ายกลเพื่อจะทิ้งให้ผู้สืบทอด ทว่าอี้อวิ๋นก็ยังได้มรดกวิชาของเทพโอสถมาอย่างจับพลัดจับผลูอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็อยากให้ของที่เทพโอสถทิ้งไว้เปล่งประกายรุ่งโรจน์
หากปล่อยให้ไข่มุกที่สว่างสดใสโดนฝุ่นจับก็คงน่าเสียดายเกินไป
อี้อวิ๋นดีดนิ้วเบาๆ สมุนไพรต้นหนึ่งกลายเป็นลำแสงแล้วลอยเข้าสู่หม้อเทพโอสถ มันกลายเป็นน้ำโอสถอย่างรวดเร็วภายใต้การห่อหุมของเปลวเพลิง…
ท้ายที่สุดแล้วหม้อเทพโอสถก็ไม่มีแสงเปล่งออกมาแม้แต่นิดเดียว ดูเป็นแค่หม้อโอสถธรรมดา
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะค่ายกลแกนหลังพังทลาย หม้อโอสถสูญเสียความสุกสกาว แม้จะมีปรมาจารย์โอสถระดับเทพราชาอยู่ที่นี่ก็ยากจะมองออกว่าหม้อนี้มีอะไรต่าง เรื่องนี้ช่วยลดความยุ่งยากให้อี้อวิ๋นไม่น้อยเช่นกัน
ภายในสิบวันนี้เขาต้องปรับตัวเข้ากับหม้อเทพโอสถให้ได้มากที่สุด ส่วนเรื่องเทียบโอสถของโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย ไม่ว่าจะเป็นเทียบตัวเก่าหรือใหม่เขาก็จำได้ขึ้นใจแล้ว ทุกอย่างรอเพียงอีกสิบวัน
เพียงแค่หลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสำเร็จก็จะลงหลักปักฐานในเมืองสรรพสิ่งและได้ทรัพยากรจำนวนมาก
‘เสียเอ๋อร์ ข้าจะทำให้เจ้าฟื้นภายในสามปีแน่นอน’
อี้อวิ๋นพูดในใจเบาๆ
ตอนนี้หลิงเสียเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียงของอี้อวิ๋น ร่างกายนางโปร่งแสง ในมือถือรากคืนวิญญาณ เชื้อเพลิงเทพมารที่ลุกโชติช่วงส่องสะท้อนบนหน้านางจางๆ สีหน้านางสุขสงบเหมือนกำลังหลับสนิท…
………………………………………..
บทที่ 1150 โอสถชำระร่าง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในฐานะที่เป็นโรงโอสถที่ใหญ่ที่สุดของเมืองสรรพสิ่ง โรงโอสถฟ้าประทานจึงไม่เคยขาดแคลนลูกค้า และในฐานะที่เป็นหนึ่งในปรมาจารย์โอสถไม่กี่คนที่อยู่ถาวรที่โรงโอสถฟ้าประทาน ฮูเหยียนชางจึงย่อมเป็นคนหยิ่งทะนง ไม่รู้ว่าแต่ละวันมีคนมาขอให้หลอมโอสถตั้งเท่าไร
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเป็นคนที่จู้จี้กับการหลอมโอสถมาก หากให้ราคาต่ำเกินไปก็ย่อมไม่รับใช้
โอสถที่ง่ายก็เกินไปก็ไม่รับหลอม…เสียเวลาเขาเปล่าๆ
โอสถยากเกินไปก็ไม่รับเช่นกัน…แม้จะไม่ต้องชดใช้ค่าวัตถุดิบ แต่หากหลอมล้มเหลวก็ส่งผลต่อชื่อเสียง
เวลาเป็นเงินเป็นทองสำหรับปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน ขอเพียงแค่เขายอมลงมือก็จะมีอักขระสรรพสิ่งเข้ามา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีแรงขับเคลื่อนที่จะหาอักขระสรรพสิ่ง
และเมื่อปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเข้าสู่วัยชรา ใจที่มุ่งแสวงหาความก้าวหน้าของเขาก็ไม่ค่อยรุนแรงอีก อย่างไรคนอายุเช่นเขาก็ไม่มีทางข้ามผ่านระดับยุทธ์แล้ว ต่อให้ฝึกฝนอย่างเพียรพยายามก็ใช่ว่าจะมีผลลัพธ์ ไม่สู้มีความสุขกับชีวิตจะดีกว่า
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกินโอสถที่ทำให้หน้าอ่อนเยาว์มานานแล้ว ภายนอกเขาดูอายุยี่สิบกว่าปี แต่เลือดลมภายในกลับเริ่มทรุดลงแล้ว
ปรมาจารยืโอสถฮูเหยียนไม่ยอมที่จะแก่ตัว นอกจากที่เขาจะใช้โอสถยืดอายุขัยก็ยังฝึกวิชาลับในห้องนอน ใช้การรับหยินดั้งเดิมของสาวน้อยมากระตุ้นไฟชีวิตที่มอดลงเรื่อยๆ
ความจริงปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเป็นคงหลงใหลในสาวงาม เขามักหลอมโอสถที่เพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ตัวเอง บางครั้งที่จอมยุทธ์หญิงรูปงามมาขอให้เขาหลอมโอสถ เขาก็จะใช้โอกาสนี้มาบังคับให้อีกฝ่ายร่วมหลับนอนด้วยไม่เช่นนั้นจะไม่หลอมโอสถให้
วิธีการเช่นนี้ของเขาถูกหลายคนดูถูกรังเกียจ แต่ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
ในโรงโอสถฟ้าประทาน ณ เวลานี้ ฮูเหยียนชางเพิ่งหลอมโอสถเสียไปหนึ่งหม้อ เสียวัตถุดิบไปหลายหมื่นอักขระ
เขาไม่รู้สึกเสียดายวัตถุดิบ แต่ฮูเหยียนชางกลับรู้สึกว่ายิ่งอายุเขามากขึ้น จิตวิญญาณเขาก็เหมือนจะไม่ไหวแล้วจริงๆ หากย้อนกลับไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน เขาก็หลอมโอสถหม้อนี้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ฮูเหยียนชางอดนึกถึงเดิมพันที่ไปทำกับอี้อวิ๋นที่ห้องหออวิ๋นซินเมื่อห้าวันก่อนไม่ได้ เขาขมวดคิ้วเบาๆ เจ้าเด็กนี่เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?
การหลอมโอสถในอีกห้าวันจะจัดขึ้นต่อหน้าสาธารณะชน จั่วชิวเฮ่าอวี้ยังเชิญปรมาจารย์โอสถบางคนมาเป็นพยาน ไม่มีทางปลอมแปลงได้แน่นอน อี้อวิ๋นคงไม่คิดว่าตัวเองจะหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยสำเร็จจริงๆ หรอกใช่ไหม?
ฮูเหยียนชางเชื่อว่าอี้อวิ๋นคงเข้าใจวิชาหลอมโอสถเล็กน้อย พรสวรรค์ที่ไม่เลวของอี้อวิ๋นก็ทำให้เขาอิจฉามาก ตัวเขากำลังเดินสู่จุดต่ำลง แต่อี้อวิ๋นกลับเยาว์วัยและมีอนาคตไร้ขีดจำกัด จะให้เขารู้สึกดีได้อย่างไร?
“คราวนี้จะจัดการให้เจ้าเด็กนี่ไม่อาจเงยหน้าอ้าปากได้ตลอดกาล…”
ขณะที่ฮูเหยียนชางกำลังคิด จู่ๆ ก็มีเสียงรายงานส่งเข้ามา…
“ท่านปรมาจารย์ฮูเหยียน เจ้าสำนักคลื่นหยกต้องการพบท่านขอรับ”
เจ้าสำนักคลื่นหยก?
ฮูเหยียนชางลูบคางตัวเอง คนผู้นี้มาขอพบเขาหลายรอบแล้วแต่เขาขี้เกียจพบอีกฝ่ายทุกครั้ง เนื่องจากโอสถที่อีกฝ่ายต้องการหลอมต้องใช้เวลานานถึงสี่ห้าวัน เป็นการใช้จิตวิญญาณที่มากเกินไป ในสถานการณ์ที่จิตวิญญาณของฮูเหยียนชางกำลังตกต่ำจึงไม่อยากหลอม ราคาที่เจ้าสำนักคลื่นหยกเสนอก็ไม่น่าสนใจ
หากเป็นเวลาปกติเขาก็คงไล่กลับไปแล้ว แต่วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดี หลังจากที่คิดไปคิดมาจึงพูดกับเจ้าของร้านว่า “ให้เขาเข้ามา”
สำนักคลื่นหยกเป็นสำนักเล็กๆ ในแดนสวรรค์สรรพสิ่ง เทียบกับสำนักกระบี่สระใสแล้วก็เทียบไม่ติด
เจ้าสำนักคลื่นหยกเพิ่งพัฒนาระดับยุทธ์ให้ถึงระดับอรหันต์ครึ่งก้าวได้เมื่อไม่กี่ก่อนอย่างยากลำบาก เรียกได้ว่าเป็นอรหันต์ครึ่งก้าวที่อ่อนแอที่สุด ตัวเขาที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จึงยากที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายของโอสถราคาแพง
“ปรมาจารย์ฮูเหยียน ก่อนหน้านี้ท่านให้ข้าไปเตรียมหญ้าน้ำค้างสวรรค์ ข้าทุ่มเทความพยายามสุดกำลังจนหามาได้ในที่สุด ตอนนี้ท่านช่วยข้าหลอมโอสถชำระร่างตามที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ได้แล้วใช่หรือไม่ ข้าจะรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง”
เจ้าสำนักคลื่นหยกพูดแล้วก็โค้งตัวคำนับให้ฮูเหยียนชาง
“หญ้าน้ำค้างสวรรค์? เจ้าหามาได้จริงหรือนี่” ฮูเหยียนชางคาดไม่ถึงมาก ตอนที่เจ้าสำนักต่งมาหาเขาเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาได้บอกอีกฝ่ายว่าต้องการหญ้าน้ำค้างสวรรค์
แม้สมุนไพรชนิดนี้จะราคาไม่แพงและใช้กับเทียบโอสถไม่กี่ประเภท ทว่าสมุนไพรชนิดนี้กลับหายากเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเมืองสรรพสิ่งที่ชื่อว่ามีทุกอย่างก็ยังไม่มี ฮูเหยียนชางจึงพูดเงื่อนไขนี้กับเจ้าสำนักคลื่นหยกอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ตอนนี้ฮูเหยียนชางไม่อยากหลอมโอสถที่เคยสัญญาเอาไว้ เขาหมดความสนใจในหญ้าน้ำค้างสวรรค์แล้ว
“ลูกสาวเจ้าล่ะ? เหตุใดไม่เห็นนางมากับเจ้า?”
ฮูเหยียนชางถามขึ้นอย่างฉับพลัน
สีหน้าเจ้าสำนักคลื่นหยกแข็งทื่อทันทีเมื่อฮูเหยียนชางถามถึงลูกสาว
ต่งเสี่ยวอวี้ผู้เป็นบุตรสาวของเขามีพรสวรรค์โดดเด่น เมื่อหลายปีก่อนมีคนจัดอันดับอัจฉริยะหญิงในเมืองสรรพสิ่งตามหน้าตาและพรสวรรค์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทพธิดาโยวฉินจะได้อันดับหนึ่ง ส่วนบุตรสาวของเขาก็ติดอันดับเช่นกัน แม้จะอยู่ที่อันดับสิบเก้าแต่ก็เป็นเรียกที่ยากมากแล้วสำหรับสำนักเล็กๆ
เจ้าสำนักต่งมองว่าบุตรสาวของเขาคือความหวังของสำนัก แต่หลังจากที่นางกลับจากการฝึกฝนที่โลกภายนอกเมื่อสองปีก่อนก็เกิดเรื่องประหลาดมาก ไม่ว่านางจะฝึกฝนอย่างไรระดับยุทธ์ก็ไม่พัฒนาแม้แต่น้อย
เรื่องนี้ทำให้เจ้าสำนักต่งร้อนใจมาก เขามีลูกสาวแค่คนเดียว หวังให้นางพาสำนักคลื่นหยกไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอนาคต ตอนนี้เป็นเวลาทองสำหรับการพัฒนาระดับยุทธ์ เวลาแต่ละปีที่เสียไปทำให้ใจเจ้าสำนักคลื่นหยกมีเลือดออก
เขาพาบุตรสาวไปหาหมอทุกที่ หมอคนหนึ่งคาดการณ์ว่าจุดตันเถียนของบุตรสาวเขามีปัญหา หากมีโอสถชำระร่างมาช่วยนางขจัดสิ่งสกปรกก็อาจขจัดปัญหาทั้งหมดสำเร็จ
โอสถชำระร่างเม็ดหนึ่งมีราคามหาศาล เจ้าสำนักคลื่นหยกต้องใช้สมบัติที่สะสมมาทั้งหมดจึงจะรวบรวมวัตถุดิบครบ แต่เขาไม่มีเงินจ่ายค่าหลอมโอสถจริงๆ
เขาเจออุปสรรคในเมืองสรรพสิ่งมาครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะมาถึงฮูเหยียนชาง ราคาที่ฮูเหยียนชางต้องการเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจ่ายได้ นั่นก็คือหญ้าน้ำค้างสวรรค์
คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เวลาผ่านมาหนึ่งปีแล้วฮูเหยียนชางเหมือนจะหมดความสนใจในหญ้าน้ำค้างสวรรค์ เขาโยนหญ้าน้ำค้างสวรรค์กลับลงกล่องหยกอย่างไม่ใยดีและถามอีกครั้งว่า “ลูกสาวเจ้าชื่อต่งเสี่ยวอวี้สินะ? โอสถชำระร่างนี้ก็หลอมเพื่อนาง เหตุใดไม่พานางมาด้วยกัน”
ฮูเหยียนชางลูบคาง เจ้าสำนักคลื่นหยกเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของฮูเหยียนชาง ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยมาลูกสาวมาด้วยกันสักครั้ง
“ท่านปรมาจารย์ฮูเหยียน บุตรสาวข้าร่างกายอ่อนแอ ไม่สะดวกที่จะออกจากบ้าน ข้าจึงมาขอร้องให้ท่านช่วยลงมือหลอมโอสถชำระร่างเพื่อช่วยนาง” เจ้าสำนักคลื่นหยกพูดอย่างนอบน้อมจริงใจ
ฮูเหยียนชางหัวเราะ “ร่างกายอ่อนแอหรือ ไม่สะดวกที่จะออกจากบ้านหรือ? ข้าได้ยินว่านางแค่ระดับยุทธ์หยุดชะงัก ไม่ว่าจะฝึกอย่างไรก็ไม่อาจพัฒนาพลังปราณ ด้านอื่นๆ ไม่ได้รับผลกระทบ จะไม่อาจออกจากบ้านได้อย่างไร?”
“ขอร้องให้ข้าหลอมโอสถแต่เจ้าตัวกลับไม่มาเอง แบบนี้จะดูไม่มีความจริงใจเกินไปหน่อยกระมัง เจ้าไปพานางมา ข้าจะตรวจสอบร่างกายจับชีพจรให้ เช่นนี้จะได้ใช้โอสถที่เหมาะสม”
สีหน้าเจ้าสำนักคลื่นหยกเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินฮูเหยียนชางพูดเช่นนี้ “ท่านปรมาจารย์โอสถไม่ใช่หมอ เหตุใดจึงต้องจับชีพจร?”
“หืม? เจ้าสงสัยข้าหรือ?” ฮูเหยียนชางขมวดคิ้ว เดิมทีวันนี้เขาก็อารมณ์ไม่ดีเพราะหลอมโอสถพังไปหม้อหนึ่ง อยากเจอต่งเสี่ยวอวี้ หากเป็นไปได้ก็จะใช้การหลอมโอสถมาข่มขู่เพื่อเอาเปรียบ อนาคตก็ให้โอสถแก่นางเพื่อจัดการทีละขั้น เรื่องนี้จะช่วยชะลอกำลังจิตวิญญาณที่เสื่อมโทรมลงของเขาเช่นกัน
คิดไม่ถึงว่าเจ้าเฒ่าต่งนี่จะโง่เขลาเพียงนี้ มันทำให้อารมณ์เขายิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก
“เอาสมุนไพรมาแค่ต้นเดียวก็คิดจะให้ข้าช่วยหลอมโอสถชำระร่าง เพ้อฝันจริงๆ! พาลูกสาวเจ้ามาเมื่อไรข้าก็จะคิดเรื่องที่จะหลอมโอสถให้เมื่อนั้น” ฮูเหยียนชางพูดอย่างรำคาญใจด้วยสีหน้าเย็นชา
ใจของเจ้าสำนักคลื่นหยกเดือดดาลขึ้นมา ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนบอกเองว่าต้องการหญ้าน้ำค้างสวรรค์ แต่ตอนนี้กลับจะไม่เอาแล้ว?
หนึ่งปีมานี้เขาตามหาไปทั่วเจ็ดแปดแดนสวรรค์เพื่อหญ้าน้ำค้างสวรรค์ต้นนี้ ไม่พูดถึงเรื่องที่ใช้สมบัติที่เหลือไปจนหมด แต่เขายังไปยืมเงินคนอื่น ตอนนี้ฮูเหยียนชางกลับกลับคำ หญ้าน้ำค้างสวรรค์ของเขาต้นนี้กลายเป็นของไร้ประโยชน์ เพราะแม้มันจะเป็นของหายากแต่มีประโยชน์น้อยเกินไป แทบจะไม่มีปรมาจารย์โอสถคนใดต้องการ
ไม่ใช่แค่นั้น อายุของฮูเหยียนชางก็มากกว่าตัวเจ้าสำนักต่งด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ถามถึงบุตรสาวที่อายุน้อยของเขา พูดคำน่ารังเกียจต่อหน้าเขาผู้เป็นบิดา จะทำกันเกินไปแล้ว!
เจ้าสำนักต่งโมโหจนใจสั่น แต่ฮูเหยียนชางกลับทำแค่เหลือบตามองแวบหนึ่งแล้วพูดยิ้มเยาะว่า “ทำไม เจ้าคิดจะลงมือกับข้าหรือ? ก็แค่อรหันต์ครึ่งก้าวที่ข้ามผ่านระดับเพราะโอสถ เบื้องหลังก็มีแค่สำนักเล็กๆ สำนักเจ้าไม่ได้อยู่ในเมืองสรรพสิ่ง ไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฎของเมือง ระวังจะโดนทำลายเสียล่ะ!”
ฮูเหยียนชางไม่กลัว ริมฝีปากเจ้าสำนักคลื่นหยกสั่นเทา สีหน้าซีดขาวแต่กลับทำอะไรไม่ได้ สำนักคลื่นหยกของเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโรงโอสถฟ้าประทานแม้แต่น้อย
เจ้าสำนักต่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง หมัดที่กำแน่นค่อยๆ คลายออก
ทุกอย่างในโลกล้วนเป็นเช่นนี้ เป็นผู้อ่อนแอก็ต้องถูกรังแก เขาทำได้แค่อดทน
เจ้าสำนักต่งหมุนตัวเดินจากไป ฮูเหยียนชางส่งเสียงเย็นๆ แล้วจงใจพูดกับเจ้าของร้านที่อยู่ด้านข้างเสียงดังว่า “ไปบอกโรงโอสถอื่นๆ ใครก็ตามที่หลอมโอสถให้เขาจะเท่ากับเป็นศัตรูกับข้า”
เขาพูดประโยคนี้ให้เจ้าสำนักต่งฟังโดยเฉพาะ ฝีเท้าเจ้าสำนักต่งชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยังคงเดินออกจากโรงโอสถฟ้าประทาน
ฮูเหยียนชางขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าสำนักต่งก็ยังไม่จำยอม ยิ่งเขาแก่ตัวลงก็ยิ่งมีนิสัยบิดเบี้ยว เขายิ่งดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้ควบคุมชะตาชีวิตคนอื่นเพราะตำแหน่งและพลังที่มี
และเขาก็สนใจในต่งเสี่ยวอวี้จริงๆ การได้ร่วมเสพสมกับหญิงชั้นยอดเช่นนี้มีประโยชน์ต่อการชะลอความแก่ของเขาอย่างใหญ่หลวง
“ท่านปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน ข้าจะทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้ขอรับ” เจ้าของตอบกลับ ขณะที่เขากำลังจะไปประกาศเรื่องนี้ให้โรงโอสถอื่นๆ ทราบก็เห็นว่าแววตาฮูเหยียนชางแข็งทื่อขึ้นมา สีหน้าก็ดูไม่น่ามองมาก
“ท่านปรมาจารย์โอสถ…เป็นอะไรไปหรือขอรับ?”
“ดี กล้ามากจริงๆ”
ฮูเหยียนชางลุกขึ้นยืน แววตามีไฟแห่งความโกรธ
เมื่อครู่นี้จิตของเขาคอยติดตามเจ้าสำนักต่งอยู่ตลอด เขาเห็นกับตาว่าหลังจากที่เจ้าสำนักคลื่นหยกเลี้ยวไปที่มุมถนนก็มาถึงหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง เขาลังเลอยู่หน้าร้านแห่งนี้เล็กน้อยแล้วกัดฟันเดินเข้าไป
บนป้ายร้านนี้มีอักษรตัวใหญ่เขียนไว้สามคำ…ห้องหออวิ๋นซิน!
……………………………………
บทที่ 1151 ผลเก็บเกี่ยวอันไม่คาดคิด
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ไม่ทราบว่าท่านมาทำอะไรเจ้าคะ…”
หรูเอ๋อร์เห็นผู้อาวุโสชุดฟ้าผู้หนึ่งเข้ามาในห้องหออวิ๋นซินจึงออกมาต้อนรับทันที ตอนนี้หรูเอ๋อร์คุ้นชินแล้ว ห้าวันมานี้นอกจากฮูเหยียนชางกับจั่วชิวเฮ่าอวี้ก็ไม่มีลูกค้าคนใดอีก นางไม่คาดหวังอะไรจากลูกค้าที่เข้ามาอย่างฉับพลัน
“คุณชายของเจ้าล่ะ? ข้าอยากให้เขาช่วยหลอมโอสถ”
เจ้าสำนักต่งรู้เรื่องความขัดแย้งระหว่างอี้อวิ๋นกับฮูเหยียนและจั่วชิวเฮ่าอวี้อยู่ก่อนแล้ว เขานับถือเด็กหนุ่มที่ชาติกำเนิดธรรมดาแต่กลับกล้าต่อต้านหอเซียนสรรพสิ่งและโรงโอสถฟ้าประทานผู้นี้มาก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้คิดว่าอี้อวิ๋นจะชนะ
ทว่าวันนี้เขาถูกบีบให้ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ
“โอ้? เจ้าจะหลอมโอสถอะไร?” อี้อวิ๋นเดินลงจากชั้นบน “เจ้าเป็นลูกค้าอย่างเป็นทางการคนแรกที่มาขอให้ข้าหลอมโอสถในห้าวันมานี้”
ห้าวันมาแล้ว อี้อวิ๋นรู้สึกว่าห้องหออวิ๋นซินของเขาล้มเหลวเกินไป หากไม่ใช่เพราะมีจั่วชิวเฮ่าอวี้กับฮูเหยียนชางมาโฆษณาให้ในวันแรก เช่นนั้นห้องหออวิ๋นซินนี้ก็คงต้องปิดตัวไปแล้ว
“คุณชายอี้” เจ้าสำนักต่งโค้งคำนับ “ข้าน้อยต่งเส่าชิงจากสำนักคลื่นหยกขอรับ”
“ยินดีที่ได้พบเจ้าสำนักต่ง” อี้อวิ๋นประสานมือพูด “บอกก่อนว่าข้าไม่ชดเชยค่าวัตถุดิบหากหลอมพลาด หากเจ้ารับเงื่อนไขนี้ได้ข้าก็จะเปิดหม้อหลอม”
“ข้าย่อมรู้กฎเรื่องนี้ดี บอกตามตรงว่าข้ามาที่นี่เพราะไม่มีทางเลือก ได้แต่ลองทุ่มเดิมพันทั้งหมด” ต่งเส่าชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา ต่อให้ฮูเหยียนชางจะไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้โรงโอสถอื่นๆ หลอมโอสถให้เขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีเวลามาเก็บรวบรวมค่าหลอมโอสถอยู่ดี หากลูกสาวยังเสียเวลาต่อไปอีก พรสวรรค์ที่นางมีก็จะสูญเปล่าแล้ว
“ฮ่าฮ่า” อี้อวิ๋นไม่เพียงไม่ได้ไม่พอใจที่ต่งเส่าชิงพูดความจริง เขายังหัวเราะด้วยซ้ำ “เจ้าสำนักต่งมีคำขออะไรก็พูดมาเถอะ”
ต่งเส่าชิงพูดว่า “คุณชายอี้ ข้าต้องการหลอมโอสถชำระร่างให้บุตรสาว วัตถุดิบข้าเตรียมไว้หมดแล้ว ส่วนค่าตอบแทนกลับมีไม่มากนัก ก่อนหน้านี้ฮูเหยียนชางให้ข้าไปหาหญ้าน้ำค้างสวรรค์มาก็จะลงมือหลอมโอสถให้ แต่ตอนนี้เขากลับผิดคำพูด ข้ามีเพียงหญ้าน้ำค้างสวรรค์ต้นนี้ หากคุณชายอี้สนใจก็นำไปเถอะ หลังจากนี้ร้อยปีข้าจะรวบรวมเงินจำนวนหนึ่งแสนอักขระมามอบให้ท่านเพื่อตอบแทน แต่หากคุณชายไม่ต้องการก็ช่างมันเถอะ”
“หญ้าน้ำค้างสวรรค์?”
อี้อวิ๋นตกใจเล็กน้อย เขาเห็นว่าเจ้าสำนักต่งนำกล่องหยกใบหนึ่งออกมา เมื่อเปิดกล่องออกก็เห็นหญ้าสีเหลืองต้นเล็กๆ ที่ดูเหี่ยวเฉามานานมากแล้วอยู่ภายใน แต่ที่แปลกคือบนใบหญ้ามีน้ำค้างเม็ดใสแวววาวเกาะอยู่
“เป็นหญ้าน้ำค้างสวรรค์จริงๆ ด้วย…” อี้อวิ๋นคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอหญ้าน้ำค้างสวรรค์
ในคัมภีร์ของเทพโอสถ หญ้าน้ำค้างสวรรค์เป็นสมุนไพรที่หายากมากชนิดหนึ่ง ต่อให้ขึ้นเขาลงทะเลไปทั่วทั้งสี่ทิศก็ยากจะเจอสักต้น
คัมภีร์ของเทพโอสถบอกไว้ว่าหญ้าน้ำค้างสวรรค์สามารถใช้เป็นโอสถหลักในการหลอมโอสถที่ใช้พัฒนาระดับจิตวิญญาณ โอสถนี้มีชื่อว่า…โอสถน้ำค้างสวรรค์เลี้ยงวิญญาณ
ปกติแล้วระดับจิตวิญญาณของจอมยุทธ์จะสอดคล้องกับระดับยุทธ์ที่ตัวเองมีในปัจจุบัน
แต่ระดับจิตวิญญาณของอัจฉริยะผู้เป็นเอกจะสูงกว่าระดับยุทธ์ของตัวเองหนึ่งถึงสองระดับเล็กๆ
อี้อวิ๋นศึกษากฎวิถีใหญ่ถึงสี่สาย หลังจากที่รวมผลวิถีเก้าใบสี่ผลและสร้างวังวิถีเก้ามุม พลังจิตวิญญาณของเขาก็เทียบเท่ากับคนระดับอรหันต์ครึ่งก้าวได้เลย
แต่หากจะบอกว่าจิตวิญญาณเขาไร้คู่ต่อสู้ในจอมยุทธ์ระดับเดียวกันก็ยังเร็วเกินไป
อย่างไรเขาก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนจิตวิญญาณเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่นเทพธิดาโยวฉิน วิถีฉินที่นางฝึกมีการโจมตีทางจิตกำเนิดขึ้น นางฝึกฝนจิตวิญญาณมาตั้งแต่เด็ก กำลังจิตพัฒนาถึงขั้นที่จอมยุทธ์ระดับเดียวกันไม่อาจจินตนาการได้นานแล้ว เทียบกับอี้อวิ๋นก็เหนือกว่าเช่นกัน
ปกติแล้วจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งจะสะท้อนอยู่บนการรับรู้ การส่งหรือรับแรงโจมตีทางจิต รวมไปถึงการศึกษากฎต่างๆ มันไม่อาจเพิ่มพลังต่อสู้ได้โดยตรง ดังนั้นจอมยุทธ์ที่ฝึกจิตวิญญาณเป็นหลักจึงไม่ได้เปรียบในการต่อสู้แต่อย่างใด
แต่หากเป็นปรมาจารย์โอสถ เป็นปรมาจารย์อสูร เช่นนั้นข้อเรียกร้องด้านกำลังจิตก็จะสูงมาก ปรมาจารย์โอสถที่จิตวิญญาณแข็งแกร่งจะหลอมโอสถได้คุณภาพดีกว่าปรมาจารย์โอสถธรรมดา ทั้งยังลองหลอมโอสถหลายอย่างที่มีความยากสูงขึ้นได้เช่นกัน
อี้อวิ๋นคาดการณ์ว่าเมื่อมีหญ้าน้ำค้างสวรรค์นี้ สักวันหนึ่งจิตวิญญาณของเขาก็จะค่อยๆ พัฒนาจากระดับอรหันต์ครึ่งก้าวมาเข้าใกล้ระดับอรหันต์จริงๆ
เวลานั้นเขาก็จะหลอมโอสถวิญญาณเปล่าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น อี้อวิ๋นคิดแม้กระทั่งว่าจะใช้สมุนไพรอื่นมาแทนที่รากคืนวิญญาณได้หรือไม่
“คุณชายอี้ ข้ารู้ว่าหญ้าน้ำค้างสวรรค์นี้อาจไม่มีประโยชน์อะไรต่อท่านมาก แต่นอกจากหญ้านี้แล้วข้าก็ไม่มีอะไรอีกจริงๆ”
เจ้าสำนักต่งพูดอย่างละอายใจ
อย่างไรเขาก็ถูกฮูเหยียนชางหลอกมา เขารู้ว่าอี้อวิ๋นกับฮูเหยียนชางมีความแค้นต่อกัน เขามาหาอี้อวิ๋นก็เพราะฮูเหยียนชางไม่ยอมหลอมโอสถให้ ตอนนี้ยังมานำสมุนไพรที่ฮูเหยียนชางไม่ต้องการออกมาอีก จะไม่รู้สึกละอายได้อย่างไร
ประโยชน์ไม่มากหรือ?
อี้อวิ๋นตกใจเล็กน้อย เขานึกถึงคำที่ต่งเส่าชิงพูดเมื่อครู่ เดิมทีฮูเหยียนชางบอกว่าต้องการหญ้าน้ำค้างสวรรค์ แต่ต่อมากลับผิดคำพูด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นสมุนไพรต้นนี้ในสายตาจริงๆ
เหตุใดปรมาจารย์โอสถในปัจจุบันจึงไม่เห็นค่าหญ้าน้ำค้างสวรรค์?
หรือว่า…โอสถน้ำค้างสวรรค์เลี้ยงวิญญาณจะเป็นเทียบโอสถที่เทพโอสถมีเพียงลำพัง คนอื่นไม่รู้เรื่องนี้?
อี้อวิ๋นคิดแล้วก็รู้สึกว่าแบบหลังมีความเป็นไปได้มากกว่า เทียบโอสถหลายชนิดถูกคิดค้นโดยตัวปรมาจารย์โอสถเอง ส่วนใหญ่แล้วเป็นความลับที่ไม่ถ่ายทอดให้ใคร หากปรมาจารย์โอสถผู้นี้ไม่มีผู้สืบทอดหรือตัวผู้สืบทอดมีฝีมือจำกัดจนไม่อาจทำตาม เช่นนั้นเทียบโอสถนี้ก็จะค่อยๆ หายไป
เห็นได้ชัดว่าโอสถน้ำค้างสวรรค์เลี้ยงวิญญาณหายสาบสูญไป
ด้วยเหตุนี้หญ้าน้ำค้างสวรรค์จึงกลายเป็นสมุนไพรที่แม้จะหายากแต่ก็ไม่มีประโยชน์ต่อปรมาจารย์โอสถมากนัก
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เขาก็ได้กำไรครั้งใหญ่แล้ว
ตอนแรกอี้อวิ๋นรู้สึกว่าเขาจะไม่คิดค่าหลอมโอสถจากลูกค้าอย่างเป็นทางการคนแรกของเขา แต่เมื่อเห็นหญ้าน้ำค้างสวรรค์เข้าก็อยากได้จริงๆ
อีกอย่าง หากเรื่องราวเป็นดังที่ต่งเส่าชิงพูดมา ปรมาจารย์โอสถที่ต้องการหญ้าน้ำค้างสวรรค์คงมีน้อยจนไม่รู้จะน้อยอย่างไร ตกอยู่ในมือคนอื่นก็เป็นไข่มุกสุกสกาวที่โดนฝุ่นจับเปล่าๆ คงน่าเสียดายเกินไป
อี้อวิ๋นคิดไปคิดมาแล้วก็พูดว่า “เจ้าสำนักต่ง ข้าขอบอกตามตรงว่าข้าบังเอิญต้องการหญ้าน้ำค้างสวรรค์นี้อยู่พอดี ข้าหลอมโอสถชำระร่างให้เจ้าได้ ส่วนเรื่องที่จะจ่ายเงินหนึ่งแสนอักขระให้ภายในร้อยปีก็ช่างมันเถอะ”
อี้อวิ๋นไม่ปิดบัง ต่งเส่าชิงฟังแล้วก็ดีใจ แม้เขาจะไม่แน่ใจว่าอี้อวิ๋นจะหลอมโอสถชำระร่างสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็มีความหวัง
เขามอบหญ้าน้ำค้างโอสถให้อี้อวิ๋น อี้อวิ๋นรับหญ้ามาอย่างระมัดระวัง
“วัตถุดิบ”
อี้อวิ๋นยื่นมือออกมา เจ้าสำนักต่งมอบแหวนมิติวงหนึ่งให้อี้อวิ๋นอย่างไม่ลังเล
“คุณชายอี้ ให้ข้ามารับโอสถเมื่อไรดีขอรับ?”
เจ้าสำนักต่งถามอย่างเป็นกังวล วัตถุดิบในแหวนมิติวงนี้เป็นสมบัติทั้งหมดที่เขามี หากบอกว่าไม่กังวลที่มอบให้อี้อวิ๋นเช่นนี้ก็คงโกหก
อี้อวิ๋นมองเจ้าสำนักต่งอย่างรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หากเจ้าไม่สบายใจก็ตามข้ามาที่ห้องโอสถ ข้าจะมอบให้เจ้าทันทีหลังจากที่หลอมเสร็จ”
………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น