True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1148

 บทที่ 1148 ธุรกิจเข้ามาถึงที่

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เจ้าค่ะคุณชาย”


หรูเอ๋อร์รับแผ่นป้ายมา อักษรบนป้ายทรงพลังงดงาม…ตั้งแต่ที่อี้อวิ๋นฝึกกระบี่ ปลายพู่กันเขาก็เป็นดังคมกระบี่ ภายในแฝงไว้ซึ่งเจตนาแท้จริงแห่งวิถีกระบี่ มองแล้วยากจะลืมเลือน


“คุณชาย ท่านจะรับหลอมโอสถหรือเจ้าคะ?”


แม้ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นจะมีเงินแปดแสนอักขระ แต่เขาเสียเงินไปกับการเช่าร้านตรงนี้เป็นจำนวนไม่น้อย หากนำอักขระที่เหลือมาซื้อวัตถุดิบหลอมโอสถหมดก็จะยากจนข้นแค้นเกินไป ต่อให้หลอมโอสถออกมาได้จำนวนหนึ่งก็ใช่ว่าจะขายได้เพราะยังไม่มีชื่อเสียง


ด้วยเหตุนี้อี้อวิ๋นจึงแขวนป้ายว่ารับหลอมโอสถ นี่เป็นธุรกิจที่ไร้ต้นทุน มีเงินทุนน้อยก็ไม่เป็นไร


“ถูกต้อง” อี้อวิ๋นพยักหน้า “โอสถในเมืองสรรพสิ่งมีไม่พอตามความต้องการของตลาด ขอเพียงโอสถที่ข้าหลอมมีคุณภาพได้มาตรฐานก็จะค่อยๆ เป็นที่นิยม”


“แต่คุณชาย…” หรูเอ๋อร์อึกอัก มีคำพูดบางอย่างที่ไม่กล้าพูด จากแผ่นป้ายที่อี้อวิ๋นแขวนออกไปเขียนไว้ว่าการหลอมโอสถครั้งแรกจะไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่หลังจากนั้นราคากลับเทียบเท่าโรงโอสถฟ้าประทาน แบบนี้จะมีลูกค้าหรือ?


ความจริงหรูเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าวิชาหลอมโอสถของอี้อวิ๋นอยู่ขั้นไหน ต่อให้อี้อวิ๋นจะหลอมโอสถเก่งกาจมากก็ควรคิดราคาต่ำในตอนเริ่มแรก


“คุณชาย เราเพิ่มเข้าไปอีกสักประโยคดีหรือไม่ เพิ่มว่าหากทำวัตถุดิบของลูกค้าเสียหายก็จะชดเชยให้กี่เท่า…”


หรูเอ๋อร์พูดเสียงเบา แม้หรูเอ๋อร์จะไร้เดียงสาแต่ก็เข้าใจหลักการบางอย่าง แขวนแผ่นป้ายนี้ของอี้อวิ๋นออกไปและไม่ถูกหัวเราะก็ไม่เลวแล้ว จะมีคนมาหลอมโอสถได้อย่างไร คนอื่นรวบรวมวัตถุดิบหลอมโอสถอย่างยากลำบาก ใครจะกล้านำมาให้ปรมาจารย์โอสถที่ไร้ชื่อเสียงลองวิชากัน เพราะหากหลอมล้มเหลวจริงๆ ก็เสียหายหนัก


อี้อวิ๋นหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของหรูเอ๋อร์


“หรูเอ๋อร์ ข้าไม่ถือสาว่าจะเพิ่มคำพูดประโยคนี้หรือไม่ ไม่ว่าแบบไหนก็ไม่ส่งผลต่อข้า แต่วิชาหลอมโอสถของข้าสืบทอดมาจากผู้อาวุโสที่เก่งกาจด้านนี้มาก ราคาไม่ใช่ธรรมดา”


“โอสถที่ข้าหลอมต่างจากคนอื่น หากข้าไม่มั่นใจว่าจะหลอมสำเร็จก็ไม่มีทางลงมือ ดังนั้นจึงย่อมไม่เกิดสถานการณ์ที่ทำให้วัตถุดิบเสียหาย”


“หากข้าหลอมสำเร็จทุกครั้งและเป็นโอสถคุณภาพสูง เช่นนั้นข้าก็จะทำให้คนที่ยินดีเชื่อในตัวข้าได้ผลตอบแทนมหาศาล ส่วนพวกคนที่ไม่เชื่อจะไปไหนก็เรื่องของพวกเขาเถอะ”


อี้อวิ๋นมีผลึกม่วงต้นกำเนิด ทั้งยังมีเชื้อเพลิงเทพมารกับมรดกวิชาจากเทพโอสถ เคยศึกษาวิชาปรมาจารย์อสูรตั้งแต่ตอนที่อยู่โลกระดับต่ำกับสกุลลั่ว ทั้งวิชาโอสถทั้งวิชาปรมาจารย์อสูรก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงหนึ่งถึงสองปีมานี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจึงย่อมมีความภาคภูมิใจเป็นของตัวเอง


คนอย่างปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนถูกกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ยกเป็นพระโพธิสัตว์ จะยอมลงมือหรือไม่อยู่ที่อารมณ์ ต่อให้ลงมือแล้วก็ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป ทั้งยังไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย


แต่อี้อวิ๋นกลับทั้งต้องลดราคา ทั้งชดเชยวัตถุดิบ มีหลักการแบบนี้ที่ไหนกัน? ทำแบบนั้นก็ไม่สู้ให้เปล่าไปเลยดีกว่า


เส้นทางแห่งยุทธ์ต้องจ่ายราคาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ นี่เป็นเรื่องที่เหมือนกันหมดทุกคน


หรูเอ๋อร์พยักหน้าแล้วแขวนป้ายออกไป


เมื่อแผ่นป้ายถูกแขวนก็ย่อมดึงดูดความสนใจจากคนจำนวนไม่น้อย


ผู้คนตกตะลึงเมื่ออ่านแผ่นป้าย


“ไม่คิดค่าใช้จ่ายแค่ครั้งแรก หากวันหน้าใครจะหลอมโอสถก็ใช้ราคามาตรฐานเดียวกับโรงโอสถใหญ่ทั้งสาม?”


“วัตถุดิบรวบรวมมาเอง หลอมพังแล้วไม่ชดเชยอีก?”


หลายคนพูดไม่ออกเมื่อเห็นเงื่อนไขบนแผ่นป้าย…หากนี่เป็นเงื่อนไขที่โรงโอสถฟ้าประทานกำหนดก็คงไม่มีใครกล้าพูดอะไร ความจริงโรงโอสถระดับสูงอย่างโรงโอสถฟ้าประทานก็มีเงื่อนไขเช่นนี้เหมือนกัน ลูกค้าทุกคนต้องยอมรับ หากหลอมล้มเหลวก็เป็นโชคร้ายของตัวเอง


แต่เมื่อร้านอย่างห้องหออวิ๋นซินกำหนดเงื่อนไขเช่นนี้จึงเป็นเรื่องน่าขัน


ส่วนเรื่องลูกค้าที่เดินเข้ามาให้อี้อวิ๋นหลอมโอสถก็ไม่มีแม้แต่คนเดียว ใครจะนำวัตถุดิบที่เก็บรวบรวมอย่างยากลำบากมาเสี่ยงกัน? หากทำเช่นนั้นจริงก็เกรงว่าคงกลายเป็นเรื่องน่าขันของเมืองสรรพสิ่ง


อี้อวิ๋นไม่สนใจปฏิกิริยาของคนรอบๆ เขานำบันทึกของเทพโอสถออกมาศึกษาต่อ


เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หากไม่มีคนมาหลอมโอสถก็จะศึกษาวิชาโอสถและวิชาปรมาจารย์อสูร การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดล้วนปูทางให้วิถียุทธ์ของอี้อวิ๋น


“หรูเอ๋อร์ เจ้าดูพวกคนที่หัวเราะพวกเราด้านนอกเอาไว้ จดจำหน้าตาพวกเขา…”


“เจ้าคะ? ทำอะไรนะเจ้าคะ?” หรูเอ๋อร์งงงัน


“ไม่มีอะไร พวกเขาไม่เชื่อข้าก็ไม่เป็นไร แต่ข้ารำคาญที่พวกเขาพูดเย้ยหยัน หากวันหน้าพวกเขากลับมาให้ข้าหลอมโอสถก็จะคิดราคาเป็นสองเท่า ข้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นนะจะบอกให้”


อี้อวิ๋นพูดอย่างเกียจคร้าน หรูเอ๋อร์ได้แต่พยักหน้า ฟังจากน้ำเสียงคุณชายแล้วเหมือนจะมั่นใจมากว่าวันหน้าคนเหล่านี้จะกลับมาให้หลอมโอสถ แต่ร้านที่เงียบเหงาไร้ผู้คนแบบตอนนี้จะมีคนมาจริงๆ หรือ?


หรูเอ๋อร์ตั้งตาคอยลูกค้า แต่ผลลัพธ์กลายเป็นว่าตลอดทั้งบ่ายก็ไม่มีลูกค้าเข้ามาแม้แต่คนเดียว ได้แต่จดจำใบหน้าของจอมยุทธ์สองสามร้อยคนที่หัวเราะเยาะแผ่นป้าย


หรูเอ๋อร์เป็นคนฉลาด นางจำหน้าตาคนเหล่านี้ได้อย่างสบายๆ


กระทั่งเมื่อตกกลางคืน แสงไฟในย่านการค้าสว่างขึ้น บนท้องถนนไม่เพียงแต่คนไม่น้อยลง มันคึกคักกว่าเดิมด้วยซ้ำ


หรูเอ๋อร์เฝ้ามองประตูด้วยใจปรารถนา ขณะที่นางเริ่มคล้อยหลับเล็กน้อยก็มีคนชุดผ้าไหมผู้หนึ่งเดินเข้ามาในร้านอย่างฉับพลัน คนผู้นี้กวาดตามองในร้านแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าของร้านล่ะ? ข้าจะให้เขาหลอมโอสถ!”


ธุรกิจเข้ามาถึงที่แล้ว?


หรูเอ๋อร์ดีใจ ค่าเช่าที่แพงถึงเพียงนี้ หากไม่มีลูกค้าไปตลอดก็คงร้อนใจตาย นางรอคอยให้คุณชายรับธุรกิจและสร้างชื่อเสียง


“คุณชายอยู่ด้านบน ท่านลูกค้าจะหลอมโอสถอะไรหรือเจ้าคะ ข้าจะเรียกคุณชายลงมา”


หรูเอ๋อร์พูดอย่างมีความสุข ในตอนนี้เองที่อี้อวิ๋นเดินลงจากชั้นสองพอดี ความจริงเขารู้สึกตั้งแต่ก่อนที่คนผู้นี้จะเข้าร้านเสียอีก


อี้อวิ๋นเก็บม้วนคัมภีร์ในมืออย่างไม่เร็วไม่ช้า เขามองลูกค้าในห้องโถงแล้วเดินลงมาทีละก้าว


“ดูถูกกันจริงๆ คิอไม่ถึงว่าลูกค้าคนแรกของห้องหออวิ๋นซินของข้าจะเป็นเจ้า…ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า! ธุรกิจเข้ามาถึงที่ หรือเจ้าจะไม่ต้อนรับ?” เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่ว ชายอีกผู้หนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขาคือจั่วชิวเฮ่าอวี้!


“ข้าก็คิดอยู่ว่าใครกันที่กล้าตั้งราคามาตรฐานเดียวกับโรงโอสถฟ้าประทาน ต่อมาจึงรู้ว่าว่าเป็นเจ้านี่เอง ข้าสงสัยว่าก่อนหน้านี้วิญญาณเจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า กินธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไม่ทันเวลาจึงจิตวิญญาณแตกซ่านและกลายเป็นคนปัญญาอ่อน กล้าดีอย่างไรมาเปิดโรงโอสถใกล้โรงโอสถฟ้าประทาน ทั้งยังเขียนป้ายน่าขันเช่นนี้อีก”


เสียงของจั่วชิวเฮ่าอวี้ดังกังวานจนดึงให้หลายคนในย่านการค้าหยุดฝีเท้าและพากันมองมา


“การต่อสู้ด้วยคำพูดมีความหมายอะไร เจ้าก็เหมือนแม่ค้าปากตลาดตามบ้านนอกในสายตาข้า มีอะไรไม่พอใจก็ไปด่าทอหน้าบ้านคนอื่น นอกจากจะทำให้คนอื่นมองเจ้าต่ำแล้วมีประโยชน์อะไรอีก?”


เสียงของอี้อวิ๋นนิ่งเรียบ ตอนนี้รอบด้านมีคนมามุงดูจำนวนมากเพราะการปรากฏตัวของจั่วชิวเฮ่าอวี้กับปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน


หลายคนไม่รู้เรื่องความขัดแย้งของอี้อวิ๋นกับจั่วชิวเฮ่าอวี้ที่เกิดในโรงโอสถฟ้าประทาน พวกเขางงงันว่าเหตุใดจั่วชิวเฮ่าอวี้จึงพูดจาหยาบคายเช่นนี้


ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนลูบคางตัวเอง คนเท้าเปล่ามักไม่กลัวที่จะสู้กับคนใส่รองเท้า อี้อวิ๋นเป็นเด็กรุ่นเยาว์ที่ไร้ชื่อเสียง ทั้งยังติดประกาศหลอมโอสถเหมือนคนบ้า อี้อวิ๋นเป็นคนบ้าบวกคนปัญญาอ่อนในสายตาพวกเขา ต่ำต้อยจนไม่รู้จะต่ำต้อยอย่างไรแล้ว


แต่พวกเขาสองคนเป็นคนมีตำแหน่ง คนมีตำแหน่งเป็นฝ่ายบุกมาเย้ยหยันคนบ้าเองก็จะทำให้คนบ้านี่มีชื่อเสียงเพิ่มเปล่าๆ ส่วนฝ่ายพวกเขาเองก็จะถูกคนอื่นดูถูก


“คุณชายเฮ่าอวี้ ที่นี่เป็นเขตการค้า มีคนมุงดูมากเกินไป เจ้าเย้ยหยันเขาไปก็ไร้ความหมาย”


“ข้ารู้แล้ว” จั่วชิวเฮ่าอวี้ส่งเสียงเย็นแล้วหันไปมองอี้อวิ๋น “อี้อวิ๋น เจ้าคิดประกาศโง่เขลาถึงเพียงนี้ ให้ลูกค้าเป็นฝ่ายเตรียมวัตถุดิบหลอมโอสถเอง ล้มเหลวแล้วยังไม่ชดเชย เจ้ารู้ไม่ว่าคนที่เตรียมวัตถุดิบสมุนไพรต้องทุ่มเทกำลำจิตนับไม่ถ้วน บางครอบครัวที่ล่มจมถึงขั้นต้องใช้เวลาเป็นพันปีจึงจะรวบรวมสำเร็จและฝากฝังความหวัง เจ้าคิดจะใช้ความหวังของคนอื่นมาฝึกฝีมือ เคยคิดถึงราคาที่คนอื่นต้องจ่ายหลังจากเจ้าล้มเหลวไหม ช่างไร้ยางอายจริงๆ”


คำพูดของจั่วชิวเฮ่าอวี้ทำให้หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาที่เป็นจอมยุทธ์ที่ไม่มีกลุ่มอิทธิพลใหญ่ให้พึ่งพาเหล่านี้ไม่ได้รวบรวมวัตถุดิบได้ง่ายๆ แต่ละคนล้วนผ่านความยากลำบาก


อี้อวิ๋นรู้ว่าจั่วชิวเฮ่าอวี้มาด้วยเจตนาไม่ดี เขาพูดยิ้มเยาะว่า “จั่วชิวเฮ่าอวี้ ในเมื่อเจ้าพูดไร้สาระมากถึงเพียงนี้แล้วเหตุใดจึงมาหลอมโอสถที่นี่อีก สมองมีปัญหาหรือ?”


“หึหึ” ดวงตาจั่วชิวเฮ่าอวี้มีประกายชั่วร้ายแล่นผ่าน “ข้าจะพูดอะไรก็ไม่ส่งผลต่อเป้าหมายที่ข้ามาที่นี่ ในเมื่อเจ้าเปิดร้านหลอมโอสถ เช่นนั้นข้าจะไม่สนับสนุนได้อย่างไร? ข้ามีเทียบโอสถอยู่เทียบหนึ่งที่อยากให้เจ้าหลอม หากหลอมสำเร็จก็จะจ่ายราคาให้สองเท่า แต่ขณะเดียวกัน เพราะวัตถุดิบสมุนไพรที่ข้าเตรียมพวกนี้มีค่าเกินไป หากเจ้าหลอมล้มเหลวก็จะให้เจ้าชดใช้เป็นสองเท่าเช่นกัน!”


“เช่นนี้นี่เอง” อี้อวิ๋นหัวเราะเบาๆ เขารู้อยู่แล้วว่าจั่วชิวเฮ่าอวี้มาหาเรื่อง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมเทียบโอสถที่มีความยากสูงมากมา ทั้งยังใช้วัตถุดิบที่ล้ำค่าเป็นพิเศษเพื่อหาเรื่องเขาโดยเฉพาะ จงใจล่อให้เขาต้องล่มจม


คิดไม่ถึงว่าการค้าก้อนแรกของเขาจะเป็นแบบนี้ อี้อวิ๋นจะตอบตกลงต่อเงื่อนไขเช่นนี้ได้อย่างไร?


“เจ้ายังไม่ตื่นนอนหรือไร? ข้าหลอมโอสถให้เจ้า หากหลอมสำเร็จเจ้าก็ได้โอสถไป ส่วนข้าก็ได้แค่ค่าหลอมโอสถสองเท่า แต่หากหลอมล้มเหลวกลับต้องชดเชยค่าวัตถุดิบเป็นสองเท่า วัตถุดิบพวกนี้คงมีราคาสูงระดับสวรรค์สินะ เห็นได้ชัดว่าเป็นการค้าที่ขาดทุน ข้าจะทำหรือ?”


หรูเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเพิ่งเข้าใจเมื่ออี้อวิ๋นพูดถึงตรงนี้ ป้ายที่อี้อวิ๋นเขียนไว้ก่อนหน้านี้นับว่าชาญฉลาดมาก หากตอนนี้เขาเขียนบนป้ายว่าจะชดเชยค่าวัตถุดิบที่หลอมล้มเหลว ตอนนี้จั่วชิวเฮ่าอวี้ก็คงสั่งให้อี้อวิ๋นหลอมโอสถได้อย่างสมเหตุสมผล ใช้งานอี้อวิ๋นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อี้อวิ๋นไม่แม้แต่จะต่อรองราคาได้ด้วยซ้ำ


“เหอะ! ถ้าเจ้าหลอมสำเร็จข้าก็จะไม่เอาโอสถ ถือว่ามอบให้เจ้า! ทั้งยังจ่ายค่าหลอมโอสถให้สองเท่า แต่หากล้มเหลวก็ต้องชดใช้สองเท่า เจ้ากล้าไหม?”


จั่วชิวเฮ่าอวี้ทุ่มสุดตัวแล้วเช่นกัน เขาไม่ปิดบังเจตนาตัวเองแม้แต่น้อย แม้แต่โอสถก็ไม่เอา เพราะหากเขามาเพื่อหลอมโอสถจริงๆ ก็คงไม่เสนอเงื่อนไขเช่นนี้


“เทียบโอสถ!” อี้อวิ๋นโบกมือ


“ดี!” แววตาจั่วชิวเฮ่าอวี้มีประกายสนุกสนาน เขาไม่เชื่อว่าอี้อวิ๋นเป็นปรมาจารย์โอสถ วิชาหลอมโอสถเรียนง่ายที่ไหนกัน ยิ่งไปกว่านั้นเทียบโอสถที่เขาเตรียมมาก็ยากเกินปกติ


จั่วชิวเฮ่าอวี้โบกมือ ม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งลอยไปหาอี้อวิ๋น


 …………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)