True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1146-1147

 บทที่ 1146 กลั่นแกล้ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ฮ่าฮ่า!” ตอนนี้เองที่จู่ๆ ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ทราบว่าสหายน้อยท่านนี้จะเอาธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไปทำอะไรหรือ?”


อี้อวิ๋นขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเมื่อครู่นี้จั่วชิวเฮ่าอวี้คงส่งเสียงคุยอะไรบางอย่างกับปรมาจารย์ฮูเหยียนแน่นอน เดิมทีพวกเขาสองคนก็รู้จักกัน ทั้งจั่วชิวเฮ่าอวี้ยังทำการขัดขวาง เกรงว่าการซื้อขายครั้งนี้คงไม่ราบรื่นนัก


“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนแค่ขายโอสถ ไม่จำเป็นต้องถามข้าว่าใช้ทำอะไรกระมัง เมื่อครู่นี้ท่านบอกราคาห้าแสนห้าหมื่น ข้าน้อยยินดีรับราคานี้”


เสียเอ๋อร์กำลังอยู่ในอันตราย อี้อวิ๋นได้แต่ระงับอารมณ์ในใจ แต่ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกลับทำแค่ลูบครางที่ไร้เคราโดยไม่ตอบอะไร บนใบหน้ามีรอยยิ้มสนุกสนาน


อี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “หรือท่านจะกลับคำ?”


อี้อวิ๋นพยายามไม่แสดงความร้อนใจ คนทั้งสองจะได้ไม่ใช้จุดนี้มาเล่นงานเขา แต่ในความเป็นจริงเขาจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร หากชักช้าต่อไปก็จะทำให้เสียเอ๋อร์เกิดโรคตกค้างแน่นอน


“กลับคำ? เจ้าถามข้าหรือ?” สีหน้าปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนจมลงเล็กน้อย “ข้าคือปรมาจารย์โอสถ ข้าจะขายโอสถของตัวเองให้ใครก็เป็นอิสระของข้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือผู้อาวุโสจากกลุ่มอิทธิพลที่มาซื้อโอสถจากข้าก็ปฏิบัติต่อข้าอย่างสุภาพกันทั้งนั้น!”


ใจอี้อวิ๋นจมลง ฟังจากน้ำเสียงก็เห็นได้ชัดว่าคงไม่ยอมขายโอสถให้ง่ายๆ ทั้งยังให้โอกาสนี้มาบีบคั้นอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นนิ่งไปสักพักแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินจากท่านเจ้าเมืองฉินและเทพธิดาอู๋เสียว่าโรงโอสถฟ้าประทานมีปรมาจารย์โอสถที่หลอมธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณเป็นจึงมาซื้อ”


ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็นำแผ่นหญิงสีแดงโลหิตออกมา บนแผ่นหยกมีตราประทับของเจ้าเมืองฉิน ไม่มีทางเป็นของปลอม


“หืม? เจ้าเมืองฉิน?” ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ เขารู้ว่าอี้อวิ๋นยกชื่อเจ้าเมืองฉินมาพูดเพื่อกดดันเขา หากมีอี้อวิ๋นเพียงคนเดียวเขาก็เล่นงานได้ตามใจชอบ แต่หากมีเจ้าเมืองฉินด้วยก็ต้องคิดคำนึงให้มากขึ้น


เมื่อครู่นี้จั่วชิวเฮ่าอวี้ส่งเสียงบอกที่มาของอี้อวิ๋นให้เขารู้ จั่วชิวเฮ่าอวี้ส่งคนไปสืบค้นข้อมูลของอี้อวิ๋น รู้ว่าอี้อวิ๋นเพิ่งมาเมืองสรรพสิ่งได้ไม่นาน ไม่มีทางมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าเมืองฉิน


หากเจ้าเมืองฉินจะซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณก็ไม่มีทางส่งเด็กที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาให้มาซื้อ เช่นนั้นความเป็นไปได้เดียวที่มีคืออี้อวิ๋นจะซื้อเองและยืมอักขระสรรพสิ่งจากเจ้าเมืองฉิน


เหตุใดเจ้าเมืองฉินจึงให้เขายืมอักขระสรรพสิ่งมากถึงเพียงนี้?


ในตอนนี้เองที่จั่วชิวเฮ่าอวี้หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน “น้องชายช่างมีความสามารถ! ทำให้เทพธิดาอู๋เสียช่วยเอ่ยปากยืมอักขระสรรพสิ่งจากท่านเจ้าเมืองให้เจ้าได้ นับว่ามีความสามารถด้านการเกาะผู้หญิงกินระดับหนึ่งแล้ว นับถือ นับถือ!”


จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดเย้ยหยันด้วยสายตาเย็นชา


เขาใช้ความพยายามมากมาย ส่งของขวัญล้ำค่าต่างๆ ไปให้และเชิญชวนครั้งแล้วครั้งแล้วก็ยังไม่อาจโน้มน้าวเทพธิดาโยวฉินหรือเทพธิดาอู๋เสียแม้แต่คนเดียว แต่อี้อวิ๋นผู้นี้ไม่เพียงไม่ส่งของขวัญใดๆ ก็กลับได้ความช่วยเหลือจากเทพธิดาอู๋เสีย เทพธิดาอู๋เสียดีต่อคนประเภทนี้มากกว่าเขาถึงเพียงนี้


จะไม่ให้จั่วชิวเฮ่าอวี้โมโหได้อย่างไร?


“ดูแล้วเจ้ากับเทพธิดาอู๋เสียคงมีความสัมพันธ์ที่เลวต่อกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็เชิญนางมาที่นี่สักครั้ง ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณก็จะขายให้เจ้า” จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดเรียบๆ


แววตาอี้อวิ๋นมีประกายเย็นยะเยือก จั่วชิวเฮ่าอวี้ผู้นี้ได้คืบจะเอาศอก ถึงขั้นพูดข้อเสนอที่เลยเถิดมากขึ้นเรื่อยๆ


แม้เขากับองค์หญิงจิ้งจอกขาวจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ถึงกระนั้นเขาจะตอบตกลงเงื่อนไขเช่นนี้แทนนางได้อย่างไร


จั่วชิวเฮ่าอวี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขารู้ว่าข้อเรียกร้องของตัวเองไร้เหตุผล จงใจกลั่นแกล้งอี้อวิ๋น สอนบทเรียนให้อีกฝ่ายรู้ว่าจอมยุทธ์เช่นเขาไม่นับเป็นอะไรสำหรับเมืองสรรพสิ่งทั้งนั้น


จั่วชิวเฮ่าอวี้มีทั้งอิทธิพลและเส้นสาย เพียงแค่ขยับริมฝีปากก็ทำให้อี้อวิ๋นทุกข์ทรมานได้แล้ว


จั่วชิวเฮ่าอวี้คิดว่าในเมื่ออี้อวิ๋นยอมยืมอักขระสรรพสิ่งจากเจ้าเมืองฉินเพื่อซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ เช่นนั้นเขาก็คงต้องคว้าโอสถมาให้ได้จึงจงใจกลั่นแกล้งอีกฝ่าย


“เฮ้อ คุณชายเฮ่าอวี้ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนพูดยิ้มๆ “ในเมื่อเป็นอักขระสรรพสิ่งที่ท่านเจ้าเมืองให้ยืม เช่นนั้นข้าก็จะไว้หน้าท่านเจ้าเมืองฉิน แบบนี้แล้วกัน เมื่อครู่ข้าได้ยินคุณชายเฮ่าอวี้บอกว่าเจ้ากับเขามีความขัดแย้งต่อกัน เช่นนั้นหากเจ้าขอโทษเขาที่นี่ก็ปล่อยจะให้เรื่องนี้จบไป ข้าขายธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณให้เจ้าในราคาเก้าแสนอักขระ”


เก้าแสน?


อี้อวิ๋นยิ้มเยาะ ช่างเป็นสิงโตอ้าปากกว้างจริงๆ เขาไม่เพียงแต่จะไม่ขอโทษ เพราะต่อให้ขอโทษแล้วก็มีอักขระไม่ถึงเก้าแสน


“ทำไม? มีอักขระไม่พอหรือ?” จั่วชิวเฮ่าอวี้ย่อมมองออกว่าแผ่นหยกในมืออี้อวิ๋นใส่ได้สูงสุดที่แปดแสนอักขระ “จิๆๆ อักขระที่ยืมมามีไม่พอ? ไม่เป็นไร ข้าให้สัญญาได้ว่าหากเจ้าตบหน้าตัวเองก็จะลดราคาให้หนึ่งหมื่นอักขระในแต่ละครั้ง ยิ่งตบมากก็ยิ่งลดมาก ฮ่าฮ่าฮ่า”


จั่วชิวเฮ่าอวี้หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่ว ตอนนี้ใจเขารู้สึกสะใจมาก นี่คือประโยชน์ที่เกิดจากอิทธิพลและฐานะ ต่อให้ใช้อำนาจรังแกคนแล้วเจ้าจะทำอะไรได้?


เขารู้ว่าอี้อวิ๋นมีพรสวรรค์ไม่เลว คนประเภทนี้ส่วนใหญ่ภูมิใจในตัวเอง ยิ่งเป็นเช่นนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกชนะที่ได้กดอัดอีกฝ่าย


เขาต้องการให้อี้อวิ๋นทรมานจนกระอักเลือด ให้เขารู้ว่าคนชั้นต่ำเช่นมดแบบเขาต้องก้มหัวให้ต่ำเมื่ออยู่ต่อหน้าตัวเอง


อี้อวิ๋นกำหมัดแน่นแล้วค่อยๆ คลายออก ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณมีความยากในการหลอมที่ไม่น้อย การจะหลอมได้ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวัน ทั้งยังต้องเตรียมวัตถุดิบจำนวนมากไว้ล่วงหน้า วัตถุดิบสมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่รวบรวมได้ง่ายๆ ตอนนี้ชีวิตหลิงเสียเอ๋อร์อยู่ในอันตราย อี้อวิ๋นไม่มีเวลามาหลอมธาตุกระดูกด้วยตัวเองแล้ว


วันนี้อี้อวิ๋นเตรียมใจมาแล้วว่าหากอีกฝ่ายไม่ทำเกินไป ไม่ว่าอะไรเขาก็ทนได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้เรื่องราวกลับดำเนินมาถึงจุดที่ไม่อาจถอยกลับ


อี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แววตาเขาเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง เขามองปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าไม่อยากขายธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ เช่นนั้นก็เก็บไว้ซื้อโลงศพเถอะ!”


อะไรนะ?


ใบหน้าปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกลายเป็นสีเขียว เขาคิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นที่เป็นเด็กรุ่นเยาว์จะกล้าพูดคำเช่นนี้กับเขาที่เป็นอรหันต์โอสถ


“ยังมีเจ้า” อี้อวิ๋นหันไปมองจั่วชิวเฮ่าอวี้ “ข้าแนะนำให้เจ้ารีบใช้เวลาที่ตัวเองยังได้ใจมาเก็บโอสถชั้นดี เพราะเมื่อวันหน้าถูกทำให้พิการทั้งร่างแล้วก็คงถูกทางตระกูลทอดทิ้งเหมือนสุนัขข้างทาง ถึงเวลานั้นคงไม่มีเงินซื้อโอสถอีก”


จั่วชิวเฮ่าอวี้ฟังแล้วก็หัวเราะ อี้อวิ๋นเป็นแค่มดตัวหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมาพูดจากำเริบเสิบสานเช่นนี้


“หากไม่ใช่เพราะตอนนี้อยู่ในร้าน เจ้าก็คงไม่มีชีวิตกลับออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันข้างหน้า” เสียงของจั่วชิวเฮ่าอวี้เย็นยะเยือกขึ้นมาเมื่อพูดถึงประโยคครึ่งหลัง เขาอยากชักกระบี่สังหารอี้อวิ๋นตั้งแต่ตอนนี้ แต่ในเมืองสรรพสิ่งไม่อนุญาตให้สู้กัน ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษจากกลุ่มอิทธิพลทั้งหมดในเมือง


“นี่เองก็เป็นสิ่งที่ข้าอยากพูดเช่นกัน วันหน้ายังอีกยาวไกล ข้าจำเรื่องวันนี้ไว้แล้ว”


อี้อวิ๋นพูดจบก็หมุนตัวจากไป


“หืม? เจ้า…”


 จั่วชิวเฮ่าอวี้เห็นว่าเงาร่างอี้อวิ๋นกระพริบไปที่ทางเข้าโรงโอสถฟ้าประทาน จากนั้นก็เดินออกไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เรื่องนี้ทำให้สีหน้าจั่วชิวเฮ่าอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย


หรือเขาจะมองผิดไป อี้อวิ๋นไม่ได้ต้องการธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณขนาดนั้น?


ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนขมวดคิ้วเช่นกัน “คุณชายเฮ่าอวี้ เมื่อครู่ท่านบอกว่าเจ้าเด็กนี่ยอมทำทุกอย่างเพื่อซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไม่ใช่หรือ ข้าตั้งราคาสูงขึ้นไปอีกแล้วถือโอกาสรีดไถเขาก็พอไม่ใช่หรือ?”


ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนไม่พอใจเล็กน้อยที่เสียการค้าก้อนนี้ แม้เขาจะไม่กังวลว่าจะขายธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ขายที่ราคาห้าแสนอักขระ เมื่อครู่นี้เขารู้สึกว่าหากเรียกราคาที่แปดแสนอักขระอี้อวิ๋นก็ตอบตกลง ได้เงินมากกว่าปกติถึงสามแสน แม้ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนจะร่ำรวยก็ไม่มีทางมองข้ามเงินก้อนนี้ ทว่าตอนนี้อี้อวิ๋นกลับจากไปแล้ว


“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน ท่านจะสนใจความสูญเสียเล็กน้อยนี้ไปทำไม ข้าไม่เคยผิดต่อสหาย ในเมื่อวันนี้ท่านสูญเสีย หอเซียนสรรพสิ่งของข้าก็จะช่วยท่านหากลับมาแน่นอน”


จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดอย่างหงุดหงิดใจ ตอนแรกเขาคิดว่าวันนี้จะจัดการอี้อวิ๋นได้แน่แล้ว คิดจะเหยียบย่ำอีกฝ่ายให้สาสม คิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะเด็ดขาดและจากไปเลย


แต่จั่วชิวเฮ่าอวี้เชื่อว่าอี้อวิ๋นที่ซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไม่สำเร็จก็ต้องเสียหายหนักเช่นกัน เรื่องนี้ปลอบใจเขาได้เล็กน้อย


“ในเมื่อคุณชายเฮ่าอวี้พูดเช่นนี้ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก แต่เจ้าเด็กนี่ล่วงเกินข้าถึงเพียงนี้ กล้าบอกให้ข้าเก็บธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไว้ซื้อโลงศพ จะให้ข้าปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ขอเพียงแค่เขายังกล้าอยู่เมืองสรรพสิ่งต่อ ข้าก็จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่นอน”


ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเชี่ยวชาญด้านวิชาหลอมโอสถ กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในเมืองสรรพสิ่งต่างยกเขาเป็นแขกชั้นสูง พากันดึงตัวมาเป็นพวก เคยโมโหแบบนี้และถูกเด็กรุ่นเยาว์ด่าที่ไหนกัน


“หึ ต่อให้ท่านไม่ลงมือข้าก็ไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่แล้ว” จั่วชิวเฮ่าอวี้ลูบแหวนมิติของตัวเอง ตลอดเวลาหลายปีมานี้ไม่เคยมีใครที่ล่วงเกินเขาแล้วมีจุดจบที่ดี


ส่วนเรื่องเจ้าเมืองฉินเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรมาก อี้อวิ๋นไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าเมืองฉิน เจ้าเมืองสรรพสิ่งกับกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในแดนสวรรค์สรรพสิ่งก็มีความสัมพันธ์ที่ถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ขอเพียงไม่ทำผิดกฎก็ไม่ใครฉีกหน้าใคร



บทที่ 1147 ห้องหออวิ๋นซิน

โดย

Ink Stone_Fantasy

หรูเอ๋อร์คอยดูแลหลิงเสียเอ๋อร์ไม่ห่างหลังจากที่อี้อวิ๋นออกไป นางเห็นว่าร่างกายหลิงเสียเอ๋อร์โปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งจะสลายหายไป ทว่าด้วยระดับยุทธ์ของหรูเอ๋อร์แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ร้อนใจอยู่ด้านข้าง


“น้องสาว เจ้ารอคุณชายก่อนนะ คุณชายคงไปคิดหาวิธีช่วยเจ้าแน่นอน” หรูเอ๋อร์พูดเสียงเบา


นางไม่รู้ว่าหลิงเสียเอ๋อร์เป็นอะไรกับอี้อวิ๋น แต่นางรู้ว่าอี้อวิ๋นให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมาก


ในตอนนี้เองที่ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างฉับพลัน เงาร่างอี้อวิ๋นปรากฎขึ้น


หรูเอ๋อร์มีสีหน้าดีใจ “คุณชายกลับมาแล้ว!”


“หรูเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อน ปิดประตูห้องให้สนิท”อี้อวิ๋นพูด


ซื้อธาตุกระดูกบำรุงวิญญาณไม่สำเร็จ จะให้หลอมเองก็เป็นไปไม่ได้ เขาได้แต่ใช้วิธีก่อนหน้านี้แล้ว


ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นก็เคยคิดไว้แล้วว่าหากให้หลิงเสียเอ๋อร์กินรากคืนวิญญาณก็จะผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้


แต่การหลอมโอสถวิญญาณเปล่าของเขาต้องรอเวลาอีกสามปี ทั้งยังต้องมีรากคืนวิญญาณเป็นวัตถุดิบ อี้อวิ๋นจึงจำเป็นต้องซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ


แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว


เขามีคัมภีร์ที่เทพโอสถทิ้งไว้ ภายในคัมภีร์บันทึกไว้ซึ่งแก่นความเข้าใจที่เทพโอสถมีต่อวิถีโอสถในขณะที่ยังมีชีวิต อี้อวิ๋นยังมีผลึกม่วงที่เป็นสมบัติชั้นยอด เขาควบคุมพลังวิญญาณในสมบัติฟ้าดินทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยผลึกม่วง ต้องช่วยหลิงเสียเอ๋อร์ได้แน่นอน


นับจากวันนี้เขาจะฝึกฝนวิชาโอสถอย่างหนัก


เมื่อหรูเอ๋อร์ปิดประตูห้องลง อี้อวิ๋นก็เดินไปตรงหน้าหลิงเสียเอ๋อร์ กระบี่หักอยู่ในมือ เขายกกระบี่ขึ้นฟัน ทันใดนั้นรากคืนวิญญาณที่อยู่ในมือที่แทบจะโปร่งแสงอย่างสมบูรณ์ของหลิงเสียเอ๋อร์ก็ขาดเป็นสองท่อน ส่วนร่างวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์ก็ไม่ถูกผลกระทบจากปราณกระบี่แม้แต่น้อย


อี้อวิ๋นต้องคำนึงเรื่องที่จะรักษาร่างวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์หลังจากนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้รากคืนวิญญาณแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งยังคงวางไว้ในมือหลิงเสียเอ๋อร์


เรื่องนี้ไม่อาจชักช้า รากคืนวิญญาณขนาดครึ่งท่อนอยู่ในมือ อี้อวิ๋นเปิดใช้ผลึกม่วง เขาส่งพลังปราณสายหนึ่งออกไปในขณะที่เริ่มสกัดแก่นพลังในรากคืนวิญญาณ


ในเมื่อใช้รากคืนวิญญาณได้แค่ครึ่งเดียวจึงยิ่งไม่อาจสิ้นเปลืองแก่นพลังแม้แต่น้อย หากคนอื่นเป็นผู้ลงมือก็ไม่มีทางสำเร็จ แต่กับอี้อวิ๋นแล้วต่างออกไป


อี้อวิ๋นเห็นแก่นพลังทั้งหมดได้อย่างชัดเจนจากการมองเห็นพลังของผลึกม่วง เขาสกัดพลังอย่างละเอียดรอบคอบพลังสายแล้วสายเล่าถูกอี้อวิ๋นส่งเข้าสู่ร่างวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์ แก่นพลังของรากคืนวิญญาณผสานเข้ากับร่างวิญญาณ ร่างกายที่โปร่งแสงของหลิงเสียเอ๋อร์ค่อยๆ หนาแน่นขึ้นทีละนิดๆ


จิตใจอี้อวิ๋นจดจ่อ เขาไม่สิ้นเปลืองพลังแม้แต่เสี้ยวเดียว ควบคุมพวกมันให้เข้าสู่ร่างหลิงเสียเอ๋อร์อย่างแม่นยำ หลังจากที่เวลาผ่านไปหนึ่งวันเต็ม ในที่สุดอี้อวิ๋นก็ออกจากห้องด้วยสีหน้าอิดโรย


รากคืนวืญญาณครึ่งท่อนนั้นสหายเป็นผุยผงไปแล้ว พลังภายในถูกอี้อวิ๋นสกัดให้หลิงเสียเอ๋อร์ดูดซึมทั้งหมด


ความจริงรากคืนวิญญาณเพียงครึ่งท่อนนี้ช่วยให้ร่างวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์เสถียรแค่ชั่วคราว อี้อวิ๋นต้องส่งปราณหยางบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลเพิ่มให้นาง


เขากินธาตุกระดูกหลายเม็ดเพื่อเพิ่มพลังปราณไม่หยุดและส่งให้หลิงเสียเอ๋อร์


รากคืนวิญญาณครึ่งท่อนที่เหลือยังคงวางอยู่บนมือหลิงเสียเอ๋อร์


เพราะใช้รากคืนวิญญาณไปครึ่งท่อน หลังจากนี้อี้อวิ๋นจึงต้องหลอมโอสถที่หล่อเลี้ยงบำรุงวิญญาณก่อนจึงจะทำให้หลิงเสียเอ๋อร์รอถึงเวลาที่จะได้กินโอสถวิญญาณเปล่าสำเร็จ


เรื่องทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกับจั่วชิวเฮ่าอวี้


“หรูเอ๋อร์” อี้อวิ๋นพูด


หรูเอ๋อร์วิ่งเข้ามาทันที ความจริงนางคอยอยู่ไม่ไกลออกไปด้วยความกังวลมาโดยตลอด หลังจากที่อี้อวิ๋นออกมาก็แอบสังเกตสีหน้าอี้อวิ๋น เมื่อเห็นเขามีสีหน้าสงบจึงแน่ใจว่าน้องสาวคนนั้นคงไม่เป็นอะไรแล้ว


“คุณชายมีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ?” หรูเอ๋อร์ถาม


“ตามข้าไปหอสรรพสิ่ง” อี้อวิ๋นพูด


“ไปหอสรรพสิ่งทำอะไรหรือเจ้าคะ?” หรูเอ๋อร์กระพริบตาปริบๆ


จะแลกเปลี่ยนอักขระสรรพสิ่งก็แลกมาแล้ว ร้านค้าก็เช่าแล้ว เหตุใดคุณชายจึงจะไปอีกรอบภายในเวลาสั้นๆ?


แววตาอี้อวิ๋นนิ่งเรียบ “เราเอาร้านนี้ไปคืนแล้วเช่าร้านใหม่”


ตอนที่รักษาให้หลิงเสียเอ๋อร์ อี้อวิ๋นก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว


ในเมื่ออักขระจำนวนแปดแสนใช้ซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไม่สำเร็จก็เอามาทำอย่างอื่นดีกว่า ตัวเขาที่อยู่ในเมืองสรรพสิ่งก็นับว่ายากจนมากจริงๆ เงินแปดแสนอักขระนี้คือเงินทุนของเขา


ไม่เช่นนั้นแม้อี้อวิ๋นจะเก็บรวบรวมเงินทองได้ช้าๆ แต่หลิงเสียเอ๋อร์คงรอไม่ไหว ก่อนที่จะซื้อวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถวิญญาณเปล่า หลิงเสียเอ๋อร์ยังต้องใช้โอสถประเภทวิญญาณบางอย่าง ทั้งหมดล้วนมีค่าใช้จ่าย


“เช่าร้านใหม่?” หรูเอ๋อร์งงงัน แต่นางจะสงสัยการตัดสินใจของอี้อวิ๋นได้อย่างไร นางพยักหน้าพูดทันทีว่า “เช่นนั้นหรูเอ๋อร์จะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ…”


……


สองวันต่อมา ในพื้นที่อันคึกคักพลุกพล่านของเมืองสรรพสิ่ง ร้านที่ขายเครื่องรางยันต์ต่างๆ ก็เปลี่ยนเจ้าของเป็นโรงโอสถ


โรงโอสถแห่งนี้อยู่ห่างจากโรงโอสถฟ้าประทานและร้านค้าของกลุ่มอิทธิพลทั้งสิบที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางเพียงถนนไม่กี่สาย เป็นระยะทางที่สั้นเหมือนดื่มน้ำสำหรับจอมยุทธ์


เพราะที่นี่คึกคัก ค่าเช่าจึงย่อมสูงมากเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่พวกสำนักหรือกลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่เปิดร้านที่นี่ ทว่าร้านที่เปิดใหม่นี้กลับตกแต่งเรียบง่าย เป็นเพียงตึกไม้อันงดงามเงียบสงัด


ภายในร้านไม่มีพนักงานอะไร มีเพียงสาวน้อยคนหนึ่งคอยร้องเรียกลูกค้า ส่วนเจ้าของร้านก็เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง


ที่ประตูร้านมีแผ่นป้ายธรรมดาเรียบง่ายแขวน ด้านบนเขียนไว้ว่า…ห้องหออวิ๋นซิน


คำว่าอวิ๋นมาจากชื่ออี้อวิ๋น ส่วนคำว่าซินก็มาจากชื่อหลินซินถง ชื่อทั้งสองรวมกันเป็นชื่อโรงโอสถแห่งใหม่ของอี้อวิ๋น


ไม่มีใครกล้าเปิดโรงโอสถใหม่ใกล้กับโรงโอสถฟ้าประทาน แต่อี้อวิ๋นไม่สนใจเรื่องนี้ เดิมทีเขาก็ไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับโรงโอสถฟ้าประทาน แต่ในเมื่อมีความแค้นต่อกันไปแล้วจึงเปิดโรงโอสถของตัวเองที่หน้าทางเข้าโรงโอสถฟ้าประทานเสียเลย


โรงโอสถไม่มีพิธีเปิด ไม่มีคนมาร่วมยินดี มันเปิดขึ้นอย่างเรียบง่ายธรรมดา


หลายคนอดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นโรงโอสถที่เปิดขึ้นใหม่นี้


ธุรกิจที่ทำเงินมากที่สุดในเมืองสรรพสิ่งก็คือโรงโอสถ อย่างไรพวกอาวุธ ยันต์หรือค่ายกลก็เป็นของใช้ภายนอก แต่โอสถและธาตุกระดูกทั้งช่วยชีวิตทั้งมีความสัมพันธ์กับพลังของจอมยุทธ์ ไม่ว่าจะด้านไหนก็เป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ต้องคว้ามาอย่างไม่คิดใช้จ่าย


แต่การเปิดโรงโอสถมีข้อเรียกร้องที่ใหญ่มาก ต้องมีปรมาจารย์โอสถระดับสูงนั่งบัญชาการ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางอยู่รอดในเมืองสรรพสิ่ง เสียค่าเช่าไปเปล่าๆ


ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน กล้าเปิดโรงโอสถข้างโรงโอสถฟ้าประทานได้อย่างไร รอความตายหรือ


บางคนที่สงสัยก็ลองมาดูที่ห้องหออวิ๋นซินสักรอบ เมื่อเห็นภาพภายในโรงโอสถก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก


ภายในโรงโอสถไม่มีโอสถหรือธาตุกระดูกอะไรแม้แต่น้อยประหนึ่งขาดแคลนเงินทุน โอสถที่อยากซื้อก็ไม่มีขาย พนักงานและเจ้าของร้านที่อายุน้อยก็ทำให้หมดคำจะพูดจริงๆ


คงเป็นคุณชายชาติกำเนิดโดดเด่นที่เห็นว่าขายโอสถได้เงินดีแต่ไม่รู้ว่าธุรกิจนี้ยากแค่ไหน ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจึงมาเปิดร้านที่นี่ แค่คิดเอาก็รู้ผลลัพธ์แล้ว อยู่ได้สองสามเดือนคงต้องเปลี่ยนเจ้าของ


อี้อวิ๋นย่อมได้ยินบทสนทนาของผู้คนรอบๆ แต่เขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย


เขาเพิ่งเขียนป้ายใบหนึ่งเสร็จและพูดกับหรูเอ๋อร์ว่า “หรูเอ๋อร์ เอาป้ายนี้ออกไปแขวน”


 ………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)