True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1144-1145
บทที่ 1144 เจ้าเมืองฉิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ซื้อได้โดยตรงหรือ?” อี้อวิ๋นตกใจ “ซื้อได้จากที่ไหน?”
“เมืองสรรพสิ่งมีโรงโอสถใหญ่อยู่ทั้งหมดสามแห่ง โรงที่ใหญ่ที่สุดชื่อว่าโรงโอสถฟ้าประทาน ภายในโรงโอสถฟ้าประทานมีปรมาจารย์โอสถที่เชี่ยวชาญด้านโอสถจิตวิญญาณอยู่คนหนึ่ง เจ้าไปซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณจากที่นั่นได้”
“เช่นนี้หรือ…” อี้อวิ๋นครุ่นคิดเล็กน้อย ซื้อโดยตรงดูง่ายก็จริง…
“อี้อวิ๋น เจ้าขาดแคลนอักขระสรรพสิ่งใช่หรือไม่?”
องค์หญิงจิ้งจอกขาวเห็นสีหน้าอี้อวิ๋นก็เดาออกแล้ว อักขระสรรพสิ่งของเมืองสรรพสิ่งจะแลกได้ด้วยวัตถุล้ำค่าเท่านั้น อี้อวิ๋นคงจะเพิ่งมาเมืองสรรพสิ่ง คงไม่ร่ำรวยอะไรนัก
อี้อวิ๋นยิ้มขมขื่นแล้วพยักหน้า
องค์หญิงจิ้งจอกขาวคิดสักพักและพูดขึ้นว่า “คุณชายอี้โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่”
นางเพิ่งพูดจบก็กระพริบร่างหายไปจากตรงหน้าอี้อวิ๋น
ภายในจวนเจ้าเมืองเต็มไปด้วยค่ายกลจำกัด องค์หญิงจิ้งจอกขาวถูกส่งไปที่อื่นภายในเสี้ยวพริบตา
ไม่นานเงาร่างนางก็ปรากฏขึ้นอีกขึ้น แต่ครั้งนี้มีชายวัยกลางคนคิ้วรูปกระบี่ดวงตาเป็นประกายดุจดาวปรากฏพร้อมนาง
“ท่านเจ้าเมืองฉิน…”
ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นเคยพบชายวัยกลางคนผู้นี้ที่ตรอกสมบัติสวรรค์
“ท่านลุงฉิน คนผู้นี้เป็นสหายของข้า อี้อวิ๋น” องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดพร้อมโค้งตัวลงเล็กน้อย
ครั้งนี้องค์หญิงจิ้งจอกขาวมาแดนสวรรค์สรรพสิ่งก็เพื่อฝึกฝนจิตวิญญาณและวิถีฉิน ช่วงเวลาระหว่างนี้ย่อมหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายบางอย่างไม่ได้ ฉินอู๋อินผู้เป็นอาจารย์ของนางได้สั่งไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าหากต้องการอักขระสรรพสิ่งก็ขอจากเจ้าเมืองฉินได้เลย ถึงเวลาแล้วท่านอาจารย์จะคืนให้เอง
องค์หญิงจิ้งจอกขาวรู้ว่าท่านอาจารย์ของนางสนิทสนมกับเจ้าเมืองสรรพสิ่ง ข้อเรียกร้องนี้จึงไม่มีปัญหา แต่เรื่องที่นางจะใช้เงินเป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องที่จะใช้เพื่ออี้อวิ๋นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะการช่วยอี้อวิ๋นต้องใช้อักขระสรรพสิ่งก้อนใหญ่ องค์หญิงจิ้งจอกขาวเองก็รู้สึกเกินขอบเขตเล็กน้อย
“หนุ่มน้อย พวกเราพบกันอีกแล้ว”
เจ้าเมืองฉินมองอี้อวิ๋นอย่างสนใจ ตอนที่อยู่ตรอกสมบัติสวรรค์ก่อนหน้านี้ก็สงสัยอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้ว เขาชื่นชมเสวี่ยอู๋เสียมาก เชื่อว่านางจะมีอนาคตที่ดี เสวี่ยอู๋เสียปฏิบัติต่ออี้อวิ๋นเป็นอย่างดี นางถึงขั้นเรียกร้องคำขอที่ล่วงเกินเล็กน้อยเพื่ออี้อวิ๋น
เจ้าเมืองฉินมองอี้อวิ๋นอย่างประเมินแล้วพยักหน้าพูดว่า “พรสวรรค์เจ้าไม่เลวเลย เจ้าเป็นสหายของอู๋เสีย อู๋เสียขอยืมเงินแปดแสนอักขระจากข้าให้เจ้า ข้าไม่คิดจะปฏิเสธ แต่ถึงกระนั้นก็อยากมาพบเจ้าด้วยตัวเอง อยากเห็นว่าเจ้ามีอะไรที่ทำให้อู๋เสียปฏิบัติดีด้วยเช่นนี้”
เจ้าเมืองฉินนำแผ่หยกสีแดงเข้มชิ้นหนึ่งออกมามอบให้อี้อวิ๋น
องค์หญิงจิ้งจอกขาวที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “คุณชายอี้ ข้าจำได้ว่าธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณมีราคาห้าแสนอักขระ แผ่นหยกนี้น่าจะเพียงพอแล้ว ข้านำอักขระมาที่เมืองสรรพสิ่งด้วยไม่มาก ดังนั้นจึงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากท่านลุงฉิน ข้าเห็นว่าเจ้าร้อนใจมากจึงตัดสินเอง…”
อี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขารู้ว่าองค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดเช่นนี้เพราะกลัวว่าศักดิ์ศรีเขาจะรับไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหยิ่งทะนง อี้อวิ๋นจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ เขารับแผ่นหยกมาแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านเจ้าเมืองฉินมากขอรับ ข้าจะคืนให้ได้ภายในสามเดือน!”
สามเดือน?
เจ้าเมืองฉินตกใจเล็กน้อย คืนอักขระสรรพสิ่งจำนวนแปดแสนภายในสามเดือน ไม่ใช่แค่เด็กรุ่นเยาว์ แม้แต่คนรุ่นอาวุโสก็ไม่กล้าคุยโวเช่นนี้
เจ้าเมืองฉินขมวดคิ้วเบาๆ หรือเขาจะมองผิดไป? ที่แท้เด็กคนนี้เป็นคนหยิ่งผยองที่พูดจาไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง?
ความจริงเจ้าเมืองฉินเป็นคนเปิดเผย ไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินทอง โดยเฉพาะเงินที่ให้คนอื่นยืมที่เหมือนน้ำที่สาดออกไปในสายตาเขา หากได้คืนกลับมาก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง คิดว่าเก็บได้ด้วยโชค แต่หากไม่ได้คืนก็เป็นเรื่องปกติ เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ไว้อยู่ก่อนแล้ว
ทุกคนมีราคาในใจเจ้าเมืองฉิน สหายบางคนมีค่าให้เขาบุกน้ำลุยไฟ แต่บางคนก็มีค่าแค่ไม่กี่หมื่นหรือไม่กี่แสนอักขระ หากราคาเกินกว่านี้เขาก็จะไม่ให้ยืม
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เสวี่ยอู๋เสียเอ่ยปากขอยืมเงินแปดแสนอักขระก็ย่อมไม่เป็นปัญหา แม้อี้อวิ๋นจะหายตัวไปหลังจากนี้เขาก็ไม่เอาความ คิดเสียว่าใช้เงินแปดแสนมาทำให้เสวี่ยอู๋เสียเห็นชัดว่าสหายที่นางคบเป็นคนเช่นไร วันหน้าจะได้ไม่พลาดพลั้งไปมากกว่านี้
แต่เจ้าเมืองฉินคิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะพูดอย่างจริงจังว่าจะคืนให้ภายในสามเดือน คำสัญญานี้ฟังดูไม่น่าเชื่อถือจริงๆ
“หนุ่มน้อย เจ้าฝึกฝนให้สอดคล้องกับหลักความเป็นจริงก็พอ ข้าให้เจ้ายืมอักขระสรรพสิ่งก็เพราะอู๋เสียขอ เจ้ามีมิตรภาพเช่นนี้กับอู๋เสียได้ก็ควรทะนุถนอมให้ดี ข้าหวังว่าเจ้าจะคืนอักขระก้อนนี้สำเร็จ ส่วนเรื่องระยะเวลาก็ไม่ต้องกำหนด ทำตามกำลังตัวเองก็พอ”
คำพูดของเจ้าเมืองฉินนิ่มนวลมาก เขามองว่าด้วยอายุและพลังของอี้อวิ๋น หากคืนหนี้ก้อนนี้ได้ภายในห้าสิบปีก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
อี้อวิ๋นย่อมฟังความหมายในคำพูดของเจ้าเมืองฉินออก แต่ตอนนี้ชีวิตหลิงเสียเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตราย เขาไม่มีอารมณ์มาอธิบาย
“ขอบคุณท่านเจ้าเมืองฉิน เทพธิดาอู๋เสีย”
อี้อวิ๋นประสานมือพูด เขาไม่มีอะไรจำเป็นต้องพูดอีก อี้อวิ๋นจำบุญคุณครั้งนี้ไว้แล้ว
“ข้าน้อยยังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อนขอรับ!”
“ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ไปทำเถอะ” เจ้าเมืองฉินโบกมือพูด
“คุณชายอี้ เจ้ารีบไปเถอะ” องค์หญิงจิ้งจอกขาวมองออกว่าอี้อวิ๋นมีเรื่องสำคัญมากต้องไปจัดการ
อี้อวิ๋นวิ่งตรงไปที่โรงโอสถฟ้าประทานทันทีเมื่อออกจากจวนเจ้าเมือง
เมืองสรรพสิ่งกว้างใหญ่มาก มีขนาดเท่าอาณาจักรเล็กๆ ในโลกของคนธรรมดาเลยทีเดียว ภายในเมืองไม่อนุญาตให้เหาะเหิน อี้อวิ๋นจึงได้วิ่ง
‘เสียเอ๋อร์ อดทนไว้ก่อน!’
……
ข้างทะเลสาบกระจกในจวนเจ้าเมือง เจ้าเมืองฉินมององค์หญิงจิ้งจอกขาวพร้อมพูดว่า “อู๋เสีย อาจารย์เจ้าเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายของข้า ในเมื่อนางส่งเจ้ามาฝึกที่เมืองสรรพสิ่งข้าก็ย่อมดูแลเจ้าอย่างดี สหายของเจ้าคนนี้กลิ่นอายเก็บสงวน พรสวรรค์โดดเด่น นับเป็นอัจฉริยะ”
“เพียงแต่…เขาพูดจาโอ้อวดเกินไปจนทำให้คนอื่นดูถูก หากครั้งนี้เขาไม่ผิดต่อความเชื่อใจของเจ้า เช่นนั้นข้าก็พอชี้แนะให้ได้ แต่หากเขาทำให้ผิดหวัง เช่นนั้นต่อจากนี้เจ้าก็อยู่ให้ห่างเขา ถือเป็นเป็นบทเรียนว่าอย่าเชื่อใจใครง่ายๆ”
เจ้าเมืองฉินสอนองค์หญิงจิ้งจอกขาวอย่างจริงใจ เขามองว่าองค์หญิงจิ้งจอกขาวใส่ซื่อไร้เดียงสา ยากที่เลี่ยงไม่ให้ถูกคนอื่นเอาเปรียบในบางครั้ง
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ อี้อวิ๋นไม่ใช่คนที่พูดแล้วทำไม่ได้” องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดพร้อมยิ้มบางๆ ไม่ว่าจะตอนที่อยู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ก่อนหน้านี้หรือตอนที่เป็นศิษย์ราชาสายฝน ผลงานของอี้อวิ๋นก็ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงอยู่เสมอ
ปาฏิหาริ์ยเหมือนจะไม่เรียกว่าปาฏิหาริย์อีกต่อไปเมื่ออยู่ในมืออี้อวิ๋น
“ในเมื่อเจ้าเชื่อมั่นเขาถึงเพียงนี้ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก ใช่แล้ว อาจารย์เจ้าส่งเจ้ามาเมืองสรรพสิ่ง นางจะมาร่วมงานซื้อขายในอีกสามปีหรือเปล่า?” แววตาเจ้าเมืองฉินมีประกายอ่อนโยนในขณะที่พูด
องค์หญิงจิ้งจอกขาวส่ายหน้า “เรื่องนี้…อู๋เสียก็ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ หลังจากที่ท่านอาจารย์พาข้ามาส่งที่นี่ก็ออกท่องเที่ยว ข้าไม่รู้เช่นกันว่านางจะร่วมหรือไม่”
“นี่เองก็เป็นนิสัยของนาง…” เจ้าเมืองฉินมองทะเลสาบกระจก บนทะเลสาบมีภาพก้อนเมฆสีขาวส่องสะท้อน สายลมเบาๆ พัดผ่านให้เย็นสบาย พัดผ่านคนที่อยู่ข้างทะเลสาบ เจ้าเมืองฉินถอนหายใจเบาๆ และไม่พูดอะไรอีก…
บทที่ 1145 โรงโอสถฟ้าประทาน
โดย
Ink Stone_Fantasy
พื้นที่ใจกลางเมืองสรรพสิ่งมีร้านค้าระดับสูงสิบกว่าร้าน แบ่งเป็นร้านขายโอสถ ของวิเศษ ค่ายกล คัมภีร์ เป็นต้น ความมั่งคั่งที่แต่ละร้านได้รับในแต่ละปีมีมากจนไม่อาจจินตนาการ แต่ละร้านถูกกุมไว้ในมือกลุ่มอิทธิพลทั้งสิบ ตัวร้านไม่เคยปล่อยเช่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะขาย
‘ที่นี่คือโรงโอสถฟ้าประทาน!’
อี้อวิ๋นเห็นสิ่งปลูกสร้างหน้าตาเหมือนหม้อโอสถจากที่ไกลๆ ด้านบนมีแผ่นป้ายที่เขียนว่าโรงโอสถฟ้าประทานแขวนเอาไว้
โรงโอสถฟ้าประทานนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสรรพสิ่ง บนหม้อโอสถขนาดยักษ์ตกแต่งด้วยอัญมณีนับไม่ถ้วนที่ส่องประกายจ้าตา กลิ่นหอมของโอสถอันหนาแน่นลอยส่งมาไกล จอมยุทธ์ที่เข้าออกอย่างขวักไขว่ ที่นี่พลุกพล่านกว่าตรอกสมบัติสวรรค์เสียอีก
โอสถธาตุกระดูกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในกระบวนการฝึกของจอมยุทธ์ การเสพสุขเป็นแค่การผ่อนคลาย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นธรรมดาที่โรงโอสถฟ้าประทานจะคึกคักมาก
อี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาสงบจิตสงบใจแล้วเข้าสู่โรงโอสถฟ้าประทาน
เมื่อเข้าสู่ภายในก็เห็นขวดโอสถนับไม่ถ้วนตั้งเรียงรายบนชั้นหยก ลำพังแค่ขวดโอสถบางส่วนก็ราคาไม่ธรรมดาแล้ว
โรงโอสถฟ้าประทานมีหลายชั้น จอมยุทธ์ส่วนใหญ่จะทำการซื้อขายที่ชั้นหนึ่ง ถัดจากชั้นสองขึ้นไปจะมีเพียงผู้มีอิทธิพลที่ขึ้นไปได้
อี้อวิ๋นไม่อาจรออีกแม้แต่วินาทีเดียว เขากวาดสายตาไปในร้านอย่างรวดเร็วแล้วเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่หลังตู้สินค้า ชายผู้นี้ถือลูกคิดไว้ในมือและสวมชุดหยวนเป่า
“ข้าต้องการซื้อโอสถ” อี้อวิ๋นเดินเข้าไปพูดด้วย
ชายวัยกลางคนเลิกเปลือกตาขึ้นมองอี้อวิ๋นแวบหนึ่งแล้วพูดช้าๆ ว่า “ทุกคนที่นี่ต่างก็ซื้อโอสถ เจ้ารอสักครู่ เดี๋ยวก็มีพนักงานมาดูแลเอง”
ท่าทีของชายวัยกลางคนเย็นชา เขาเป็นเจ้าของร้าน ดูแลเฉพาะลูกค้าระดับสูง ลูกค้าในร้านต่างก็เดินดูไปก่อนกันทั้งนั้น เมื่อพนักงานว่างก็ย่อมออกมาดูแลสอบถามเอง
พูดตามตรงแล้วโอสถในร้านก็ไม่กลัวว่าจะขายไม่ได้ ทางร้านไม่ได้เป็นฝ่ายร้องขอลูกค้า มีแต่ลูกค้ามาเข้าแถวซื้อเอง
อี้อวิ๋นขมวดคิ้ว ตอนนี้เขามีเวลามาฟังคำพูดวางมาดพวกนี้ที่ไหนกัน
“ขอต้องการธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ” อี้อวิ๋นนำแผ่นหยกสีแดงเข้มออกมาวางบนตู้สินค้าโดยตรง ดวงตาจดจ้องชายวัยกลางคนตรงหน้า
จิตวิญญาณอี้อวิ๋นแข็งแกร่ง แม้ชายวัยกลางคนผู้นี้จะมีระดับยุทธ์สูงมากแต่ก็พัฒนาระดับได้เพราะโอสถ ส่วนความเข้าใจด้านกฎก็อ่อนแอเป็นที่สุด เมื่อถูกอี้อวิ๋นจ้องมองจึงใจกระตุกทันที
คำพูดของอี้อวิ๋นก็ทำให้เขาตกใจเช่นกัน
ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ? นั่นเป็นโอสถระดับสูงที่มีราคามหาศาล เจ้าเด็กนี่จะซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ?
ชายวัยกลางคนมองอี้อวิ๋นอย่างพิจารณาอีกครั้ง “ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณมีราคาไม่ธรรมดา หากเจ้าจะซื้อจริงๆ ข้าก็จะไปเชิญปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนให้ ตอนนี้ในร้านมีธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณขายแค่เม็ดเดียว คนที่หลอมธาตุกระดูกนี้ก็คือปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน”
“ต้องเชิญปรมาจารย์โอสถด้วย?” อี้อวิ๋นไม่อยากเตะถ่วงเวลา
“เจ้าไม่รู้อะไร โอสถในโรงโอสถฟ้าประทานของเราไม่เคยกังวลว่าจะขายไม่ออก แม้แต่ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณที่เป็นโอสถระดับสูงเช่นนี้ก็มีลูกค้าหลายคนอยากได้ โอสถระดับสูงถูกปรมาจารย์โอสถนำมาฝากขายที่นี่ หากจะขายก็ย่อมต้องผ่านการเห็นชอบของพวกเขา” เจ้าของร้านวัยกลางคนพูดอย่างทะนงตน คำพูดเขาตั้งใจบอกอี้อวิ๋นว่าอย่าคิดว่าซื้อโอสถราคาหลายแสนอักขระแล้วจะมีอะไรวิเศษ โรงโอสถฟ้าประทานไม่ขาดแคลนลูกค้าระดับสูง
อี้อวิ๋นรู้ว่าคนผู้นี้ไม่ได้โกหก โอสถหลายอย่างที่นี่มีราคาแต่ไม่มีขาย เมื่อเวลาผ่านไปนาน เจ้าของและผู้ดูแลเหล่านี้จึงหยิ่งทะนง
“เช่นนั้นก็รีบไปเชิญปรมาจารย์โอสถเถอะ” อี้อวิ๋นพูด
“ตามข้ามา” ชายวัยกลางคนพาอี้อวิ๋นมาที่ชั้นสอง บนชั้นสองตกแต่งเหมือนห้องรับรองอันงดงาม สภาพแวดล้อมหรูหรามาก เตาหอมหม้อหนึ่งส่งกลิ่นหอมคลุ้งออกมา
อี้อวิ๋นนั่งรอบนเก้าอี้ด้วยใจที่ร้อนดั่งไฟอยู่สักพักก็ไม่เห็นว่าปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนจะออกมา
“เหตุใดปรมาจารย์โอสถจึงยังไม่ออกมา? ข้ามีเรื่องด่วน ซื้อโอสถเพื่อช่วยชีวิตคน” อี้อวิ๋นพูดกับเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านออกไปดูแล้วกลับมาพูดว่า “ปรมารย์ฮูเหยียนกำลังคุยเล่นกับสหาย ข้ารายงานให้แล้ว เขาบอกให้เจ้ารอสักครู่”
คุยเล่น!
ใจอี้อวิ๋นโมโหขึ้นมาทันที เขากำลังรอเพื่อช่วยชีวิตคน แต่ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนอะไรนั่นกลับกำลังคุยเล่นกับสหายอย่างสบายใจ
หากไม่ใช่เพราะที่นี่คือโรงโอสถฟ้าประทานซึ่งเป็นหนึ่งในเขตแดนของหนึ่งในกลุ่มสิบอิทธิพลใหญ่แห่งเมืองสรรพสิ่ง เช่นนั้นอี้อวิ๋นคงทนไม่ไหวและลงมือชิงโอสถแล้ว
ในที่สุดชายหน้าตาเฉื่อยชาที่สวมชุดคลุมยาวหรูหราคนหนึ่งก็เดินลงมาจากชั้นบน “เจ้าคือคนที่จะซื้อโอสถ?”
ดูแล้วคนผู้นี้คงเป็นปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน เขามีสีหน้าหยิ่งทะนงและเย็นชา คงคุยด้วยไม่ง่าย
อี้อวิ๋นลุกขึ้นยืน ดูจากภายนอกแล้วปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนผู้นี้ดูอายุแค่ยี่สิบกว่าปี อี้อวิ๋นเดาว่าในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์โอสถก็คงมีโอสถลับที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์
“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน ข้าจำเป็นต้องรีบใช้ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ ได้ยินว่าท่านเป็นผู้หลอมโอสถเม็ดนี้ ขายให้ข้าได้หรือไม่?”
“ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ? ถูกต้อง ข้าเป็นผู้หลอมเอง เมืองสรรพสิ่งมีปรมาจารย์โอสถที่หลอมโอสถประเภทจิตวิญญาณแค่ไม่กี่คน ข้าเพิ่งหลอมธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณหม้อหนึ่งไปเมื่อไม่กี่วันก่อนพอดี หลอมสำเร็จออกมาแค่สองเม็ด”
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนพูดอย่างทะนงตน ส่วนใหญ่แล้วหม้อโอสถหนึ่งหม้อจะหลอมโอสถสำเร็จสิบสองเม็ดขึ้นไป แต่ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนหลอมสำเร็จแค่สองเม็ด นับว่าล้มเหลวเป็นอย่างยิ่ง แต่ฟังน้ำเสียงอีกฝ่ายแล้วเหมือนไม่อายแต่ภูมิใจด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณหลอมยากเป็นที่สุด หม้อหนึ่งหลอมได้สองเม็ดก็เพียงพอให้โอ้อวดแล้ว
“หักจากที่ข้าจะใช้เองไปหนึ่งเม็ดก็จะขายเพียงเม็ดเดียว ราคาห้าแสนห้าหมื่นอักขระ” ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนพูด
ห้าแสนห้าหมื่น? ราคานี้แพงกว่าราคาที่องค์หญิงจิ้งจอกขาวรู้มาก่อนหน้านี้ห้าหมื่น แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นไม่มีเวลามาใส่ใจแล้ว
ขณะที่เขากำลังจะตอบตกลง ในตอนนี้เองที่มีเสียงไม่เร็วไม่ช้าดังมาจากชั้นบน
“ข้าก็คิดว่าใครกันที่ซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ ที่แท้ก็เจ้านี่เอง”
เสียงนี้ฟังดูคุ้นหูเล็กน้อย
อี้อวิ๋นเลิกคิ้วขึ้น จั่วชิวเฮ่าอวี้!
จั่วชิวเฮ่าอวี้มีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าเมื่อเห็นอี้อวิ๋น
“ทำไม พวกเจ้ารู้จักกันหรือ?” ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกวาดตามองทั้งคู่อย่างเกียจคร้าน
จั่วชิวเฮ่าอวี้ยิ้มบางๆ “เคยเจอกันครั้งหนึ่ง”
เขามองมาที่อี้อวิ๋นอีกครั้งเมื่อพูดจบ “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีเงินมากขนาดนี้ ทั้งยังจะซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ ทำไม วิญญาณเสียหายหรือ?”
จั่วชิวเฮ่าอวี้ถามด้วยความสนใจ หากจิตวิญญาณเสียหายก็ไม่ใช่จะรักษาได้ง่ายๆ นี่เป็นบาดแผลขั้นร้ายแรง ถ้าวิญญาณอี้อวิ๋นเสียหายจริงๆ ก็คงสนุกแล้ว
สีหน้าอี้อวิ๋นจมลง เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าสหายที่คุยเล่นกับปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนก่อนหน้านี้จะเป็นจั่วชิวเฮ่าอวี้
จั่วชิวเฮ่าอวี้ไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีอะไรให้อี้อวิ๋น เขาไม่อยากพูดกับคนผู้นี้ให้มากความ
“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน โปรดทำการขายทันทีเถอะ ข้ายอมรับราคานี้…” อี้อวิ๋นพูด
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนไม่ตอบอะไร อี้อวิ๋นเห็นว่าเขากับจั่วชิวเฮ่าอวี้สบตากัน ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที…
……………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น