True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1141-1143
บทที่ 1141 ข่าว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ไม่ใช่กระมัง เหมือนว่าเทพธิดาอู๋เสียจะกำลังมองมาทางพวกเรา”
ชายหนุ่มท่าทางซื่อตรงที่อยู่ข้างอี้อวิ๋นย่อมรู้สึกถึงสายตาขององค์หญิงจิ้งจอกขาวเช่นกัน
“นางกำลังมองพวกเรา? ไม่น่าเป็นไปได้กระมัง…”
ชายหนุ่มที่เล่นผลวอลนัทไว้ในมือไม่กล้าเชื่อเรื่องนี้ แม้เขาจะเป็นคนหมกมุ่นแต่ก็รู้ตัวเองดี บิดาเขาเป็นเพียงเจ้าของร้านเล็กๆ จะได้ความชื่นชอบจากเทพธิดาได้อย่างไร
แต่สายตาของเทพธิดาอู๋เสียก็มองมาทางพวกเขาจริงๆ
แววตาอี้อวิ๋นมีประกายแล่นผ่าน เขาสบตากับองค์หญิงจิ้งจอกขาว
องค์หญิงจิ้งจอกขาวขยับริมฝีปากเบาๆ ในหัวอี้อวิ๋นมีเสียงนางดังขึ้นทันที
‘อี้อวิ๋นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอเจ้าที่นี่’
อี้อวิ๋นพยักหน้า ‘ข้าเองก็คาดไม่ถึง’
‘เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?’ องค์หญิงจิ้งจอกขาวถาม
‘เรื่องนี้พูดแล้วก็ยาว…’ อี้อวิ๋นส่ายศีรษะ เขาผ่านอะไรมามากมายจนไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดจากตรงไหน ‘องค์หญิงล่ะมาแดนสวรรค์สรรพสิ่งได้อย่างไร?’
‘ข้ามาโลกสวรรค์เทพหยางโดยไม่ตั้งใจ ส่วนเรื่องที่มาแดนสวรรค์สรรพสิ่งก็เพราะติดตามอาจารย์มา ก่อนที่ข้าจะมาโลกสวรรค์เทพหยางก็พบโอกาสที่ทำให้พลังพัฒนาขึ้นมากอีกขั้น ด้วยเหตุนี้จึงถูกอาจารย์ถูกใจรับเป็นศิษย์ ท่านอาจารย์เป็นสหายเก่ากับเจ้าเมืองฉิน มีความแค้นบางอย่างกับสำนักอภิรมย์จึงส่งข้ามาตรอกสมบัติสวรรค์’
‘เช่นนี้นี่เอง ข้าขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ’ อี้อวิ๋นมีความประทับใจที่ดีต่อองค์หญิงจิ้งจอก หากอีกฝ่ายเจอโอกาสอะไรเข้าเขาก็ยินดีด้วยจากใจ
‘อี้อวิ๋น คืออย่างนี้…ข้ามีเรื่องต้องพูดกับเจ้า เรื่องนี้น่าจะค่อนข้างสำคัญสำหรับเจ้า…’
โอ้?
อี้อวิ๋นสงสัย องค์หญิงจิ้งจอกขาวมีเรื่องสำคัญอะไรจะบอกเขา?
‘เชิญองค์หญิงพูด’
องค์หญิงจิ้งจอกขาวพิจารณาคำพูดชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า ‘ความจริงโอกาสที่ข้าเจอมาก่อนหน้านี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับเจ้า หลังจากที่โลกไม้ฟ้าพยับหมอกพังทลาย โลกสวรรค์หมื่นปีศาจก็มีเส้นทางลับสายหนึ่งที่มุ่งสู่โลกพิศวงปรากฏ’
‘จอมยุทธ์อัจฉริยะหลายคนของโลกสวรรค์หมื่นปีศาจต่างมีโอกาสเข้าสู่โลกนี้ นอกจากข้าแล้วองค์หญิงลั่วหั่วเอ๋อร์จากสกุลลั่วก็ไปด้วยเช่นกัน’
‘โลกพิศวงนี้ดูไม่มีอันตรายอะไร แต่มิติภายในวุ่นวายแปลกประหลาด จอมยุทธ์หลายคนหลงทิศทางอยู่ข้างใน บางคนถึงขั้นลืมตัวเอง ท้ายที่สุดก็จมดิ่งเรื่อยๆ จนหายไปในส่วนลึกของโลกนี้’
‘ข้ากับหั่วเอ๋อร์ถูกขังไว้ในมิติอันวุ่นวายที่มีภาพลวงตาแทรกซ้อน หาทางออกไม่เจอ ต่อมา…พวกข้าก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งในมิติอันวุ่นวายแห่งนั้น นางงดงามสมบูรณ์แบบ พลังแข็งแกร่ง พวกข้าหลุดพ้นจากอันตรายและได้ประโยชน์อันใหญ่หลวงก็เพราะความช่วยเหลือจากนาง’
‘หญิงชุดขาวคนนั้นเป็นผู้มีพระคุณของพวกข้า’
‘เมื่อได้สนทนากัน พวกข้าจึงรู้ว่านางอยู่ในมิติอันวุ่นวายนี้มาหลายสิบปีแล้ว คุยเรื่องอดีตของกันและกัน ลั่วหั่วเอ๋อร์รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร นางคือ…หลินซินถง!’
อะไรนะ!?
อี้อวิ๋นลุกขึ้นยืนทันที ถ้วยชาตรงหน้าร่วงตกสู่พื้น
เพล้ง!
เสียงแตกที่ดังขึ้นทำเอาชายสองคนที่อยู่ด้านข้างสะดุ้งตกใจ
“น้องชาย เจ้าทำอะไรน่ะ?” ชายหนุ่มท่าทางซื่อตรงรีบพูด ไม่ใช่กระมัง น้องชายผู้นี้เห็นว่าเทพธิดาอู๋เสียมองมาจึงตื่นเต้นขนาดนี้
แต่ตอนนี้มีหรือที่อี้อวิ๋นจะสนใจ เขามององค์หญิงจิ้งจอกขาวอย่างไม่เชื่อ
‘ที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือ?’
‘แน่นอน หั่วเอ๋อร์รู้เรื่องระหว่างเจ้ากับหลินซินถงอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินหญิงนางนั้นพูดชื่อตัวเองและประสบการณ์ที่มีกับเจ้าจึงแน่ใจ หั่วเอ๋อร์บอกข่าวของเจ้าให้แก่นาง ตอนนั้นเจ้าหายไปพร้อมโลกไม้ฟ้าพยับหมอก ราชาสายฝนกำลังตามหาเจ้าแต่ไม่พบร่องรอยอยู่เช่นกัน… หลินซินถงฟังเรื่องนี้แล้วก็เหมือนจะตกใจมาก’ องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูด
อี้อวิ๋นหายใจถี่รัว เป็นหลินซินถงจริงๆ…นางยังมีชีวิตและปลอดภัยดี
ซินถง ในที่สุดก็ได้ข่าวเกี่ยวกับเจ้าแล้ว!
ตั้งแต่ที่มาสิบสองยอดสวรรค์ ส่วนลึกในใจอี้อวิ๋นก็อยากตามหาหลินซินถงอยู่ตลอด
ทว่าสิบสองยอดสวรรค์กว้างใหญ่อย่างไม่มีอะไรเทียบ ยอดฝีมือมากมายดุจเมฆ หากไม่ระวังก็อาจจบชีวิตได้ทุกเมื่อ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อี้อวิ๋นที่ยังอ่อนแอจึงไม่มีพลังไปตามหาหลินซินถง และเขาก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มหาจากตรงไหน
คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ยินข่าวคราวของหลินซินถงจากองค์หญิงจิ้งจอกขาว!
หลินซินถงอยู่ในมิติอันวุ่นวายนั่นมาหลายสิบปี นี่หมายความว่าตอนที่พวกเขาเดินทางจากโลกเทียนหยวนมาสิบสองยอดสวรรค์และพลัดพรากกันกลางพายุมิติ ตัวอี้อวิ๋นโชคดีมาอยู่ที่โลกของสกุลลั่ว แต่หลินซินถงกลับเข้าสู่โลกพิศวงและอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด
“เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน จะเสียมารยาทเกินไปแล้ว”
คนทั้งห้องโถงกำลังฟังฉินอย่างสบาย รอการประลองขั้นสุดยอดของเสวี่ยอู๋เสียกับเทพธิดาโยวฉิน ความเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของอี้อวิ๋นทำให้คนในห้องโถงตกใจเล็กน้อย
จั่วชิวเฮ่าอวี้ขมวดคิ้วเช่นกัน ตอนนี้มีทั้งผู้อาวุโสของตรอกสมบัติสวรรค์และเจ้าเมืองฉินอยู่ ทั้งเทพธิดาโยวฉินทั้งเสวี่ยอู๋เสียต่างก็มีฐานะสูงศักดิ์ จะปล่อยให้เด็กรุ่นเยาว์ก่อกวนในงานเช่นนี้ได้อย่างไร
“เจ้าเด็กนี่รบกวนอารมณ์ดีดฉินของเทพธิดาโยวฉิน ไล่เขาออกไป!”
จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดเสียงเย็น เขารู้สึกว่าคำพูดของเขาเด็ดขาดมากแล้ว ในความคิดเขา ต่อให้จัดการคนประเภทนี้ให้พิการก็ไม่นับเป็นอะไร
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำสองสามคนเดินมาหาอี้อวิ๋นทันที ตอนนี้อี้อวิ๋นยังตกอยู่ในความตะลึง ประหนึ่งไม่รู้ว่ารอบตัวเกิดอะไรขึ้น
มือของเหล่าชายฉกรรจ์จะมาถึงตัวอี้อวิ๋นแล้ว
“หยุดนะ!”
องค์หญิงจิ้งจอกขาวตะโกนขึ้นอย่างฉับพลัน ร่างกายนางขยับเบาๆ เข็มขัดผ้าปลิวสยาย เพียงชั่วพริบตาก็หายไปจากห้องรับรองระดับสวรรค์มาอยู่ตรงหน้าอี้อวิ๋น
องค์หญิงจิ้งจอกขาวมีฐานะสูงศักดิ์ พลังอานุภาพรุนแรง เหล่าชายฉกรรจ์งุนงงเมื่อนางอยู่ที่นี่ ย่อมไม่กล้าลงมืออีก
“คุณชายจั่วชิว คนผู้นี้เป็นสหายของข้า เขารบกวนอารมณ์ดีดฉินของข้าหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะตัดสิน” เสียงขององค์หญิงจิ้งจอกขาวเย็นชา
สายตาที่จั่วชิวเฮ่าอวี้มองนางทำให้นางไม่พอใจอยู่ก่อนแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอี้อวิ๋นเป็นคนรู้จักของนาง ทั้งภรรยาของอี้อวิ๋นก็ช่วยชีวิตนางที่โลกขนาดเล็กเอาไว้จนเจอโอกาส ด้วยเหตุนี้องค์หญิงจิ้งจอกขาวจึงยิ่งไม่ต้องไว้หน้าจั่วชิวเฮ่าอวี้
คำพูดขององค์หญิงจิ้งจอกขาวทำให้เสียงของจั่วชิวเฮ่าอวี้ชะงักไป สีหน้าเขาดูไม่ดีขึ้นมา
เดิมทีเขาคิดจะแค่สอนบทเรียนให้เจ้าเด็กนี่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกองค์หญิงจิ้งจอกขาวตบหน้าเสียเอง
อยู่ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้จั่วชิวเฮ่าอวี้จึงทำตัวไม่ถูก
ตอนนี้อี้อวิ๋นเหมือนไม่ได้ยินบทสนทนาเหล่านี้แม้แต่น้อย สายตาเขารวมอยู่บนตัวองค์หญิงจิ้งจอกขาว ‘ทางเข้าโลกพิศวงนั่นอยู่ที่ไหน?’
อี้อวิ๋นส่งเสียงถาม แม้เขาจะอยู่ไกลถึงโลกสวรรค์เทพหยาง แต่อี้อวิ๋นกลับไม่ต้องการรออีกแม้แต่วินาทีเดียว เขาอยากลงมือเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นความหวังที่จะเจอหลินซินถงก็จะยิ่งน้อย
ทว่าองค์หญิงจิ้งจอกขาวกลับส่ายหน้าพูดว่า ‘คงต้องทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ความจริงทางเข้าโลกพิศวงตั้งอยู่เป็นเวลาสั้นมาก ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะออกไปไม่ได้ได้อย่างไร? ข้ากับหั่วเอ๋อร์ออกจากโลกใบนั้นได้อย่างราบรื่นก็เพราะความช่วยเหลือจากแม่นางหลิน แต่หลังจากที่พวกข้าสามคนออกมาก็แยกจากกัน ข้าหมดสติไปในพายุมิติ เมื่อฟื้นมาอีกครั้งก็พบว่าอยู่โลกสวรรค์เทพหยางแล้ว!’
องค์หญิงจิ้งจอกขาวรู้สึกขอโทษ นางรู้จากลั่วหั่วเอ๋อร์ว่าอี้อวิ๋นเป็นห่วงเรื่องหลินซินถงมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้นางกลับไม่อาจมอบข้อมูลที่มีค่าอะไรนักให้ได้
หลังจากที่ออกจากโลกพิศวงนั้นมาก็มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าจะอยู่ส่วนไหนของสิบสองยอดสวรรค์ อาจถึงขั้นว่าอยู่ในร่องสมุทรด้วยซ้ำ
อี้อวิ๋นพ่นลมหายใจออกแรงๆ หน้าอกรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนในห้องโถง รวมถึงจั่วชิวเฮ่าอวี้ เทพธิดาโยวฉิน เจ้าเมืองฉินต่างมองการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าอี้อวิ๋น
พวกเขาเห็นว่าอี้อวิ๋นผู้นี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าซีดเซียว ส่วนเสวี่ยอู๋เสียก็มีสีหน้าเสียใจ
พวกเขาย่อมไม่รู้เนื้อหาที่อี้อวิ๋นกับเสวี่ยอู๋เสียส่งเสียงคุยกัน แต่ที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คืออี้อวิ๋นมีน้ำหนักในใจเสวี่ยอู๋เสียมาก ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่บินลงจากห้องรับรองระดับสวรรค์มาอยู่ข้างกายอี้อวิ๋นเช่นนี้
บทที่ 1142 วิถีฉินจิ้งจอกสวรรค์
โดย
Ink Stone_Fantasy
ได้ข่าวของหลินซินถงโดยบังเอิญท่ามกลางคนมากมายแต่ก็กลับทำให้อี้อวิ๋นไม่อาจตามหาอยู่ดี แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าหลินซินถงปลอดภัยดี
‘ขอบคุณองค์หญิงมากที่บอกข่าวนี้ให้ข้ารู้ ข้าพอใจมากแล้วที่ได้รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่’
‘ขอโทษด้วยที่ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้’ องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดอย่างรู้สึกผิด
‘องค์หญิงพูดเกินไปแล้ว อีกอย่าง…เรื่องลั่วหั่วเอ๋อร์ องค์หญิงรู้ไหมว่านางไปที่ไหน?’ อี้อวิ๋นกังวลเรื่องลั่วหั่วเอ๋อร์มากเช่นกัน สาวน้อยผู้ร่าเริงคนนี้มีน้ำหนักใจเขาค่อนข้างมากอยู่
เสวี่ยอู๋เสียส่ายหน้าแบบเดิม ‘หลังจากที่พวกข้าออกจากโลกใบเล็กนั่นอย่างยากลำบากก็แยกย้ายกัน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าหั่วเอ๋อร์อยู่ที่ไหน’
‘เข้าใจแล้ว…’
อี้อวิ๋นไม่พูดอะไร นี่เป็นผลลัพธ์ที่อยู่ในความคาดหมาย ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไร ความจริงเขามีคำถามหลายอย่างที่อยากถามองค์หญิงจิ้งจอก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับโลกใบเล็กนั่นและสิ่งที่หลินซินถงเจอในช่วงหลายปีนี้
แต่ตอนนี้สมองอี้อวิ๋นกำลังสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าควรเริ่มถามจากอะไรไปชั่วขณะ เขาตัดสินใจจะขอตัวลาไปก่อนแล้วค่อยหาเวลาพูดคุยกับองค์หญิงจิ้งจอกขาว
แต่ในขณะที่อี้อวิ๋นกำลังจะเอ่ยปากพูด เงาคนตรงหน้าเขาก็สั่นไหวขึ้นมา จั่วชิวเฮ่าอวี้บินลงจากห้องรับรองชั้นสอง
จั่วชิวเฮ่าอวี้ลอยตัวอยู่กลางอากาศเหนืออี้อวิ๋น เขาพูดกับอี้อวิ๋นว่า “ในเมื่อน้องชายเป็นสหายของเทพธิดาอู๋เสียก็เป็นแขกผู้มีเกียรติของเมืองสรรพสิ่งเช่นกัน ข้าเห็นว่าน้องชายเป็นอัจฉริยะ ยินดีทำความรู้จักด้วยเช่นกัน อยากเชิญทั้งสองไปพูดคุยที่ห้องรับรอง ไม่ทราบว่าน้องชายและท่านเทพธิดาคิดเห็นอย่างไร?”
เสียงของจั่วชิวเฮ่าอวี้สุภาพมาก แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นมีอะไรคุยกับคนอื่นที่ไหนกัน เขาเงยหน้ามองจั่วชิวเฮ่าอวี้ เขาย่อมรู้ว่าก่อนหน้านี้คนผู้นี้จะไล่เขาออกไป
อี้อวิ๋นไม่ใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่โดนไล่ แต่ตอนนี้เขารู้สึกถึงความดูถูกเหยียดหยามอันตรวจจับได้ยากจากแววตาที่ดูเหมือนถ่อมตนและจริงใจของอีกฝ่าย
เห็นได้ชัดว่าจั่วชิวเฮ่าอวี้ผู้นี้อยากรู้จักองค์หญิงจิ้งจอกขาว
องค์หญิงจิ้งจอกขาวมีอาจารย์ที่เก่งกาจ รู้จักเจ้าเมืองฉิน ทั้งยังเป็นอัจฉริยะหญิง การจะเชิญตัวนางย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย จั่วชิวเฮ่าอวี้ลดตัวลงมาเชิญอี้อวิ๋นด้วยก็เพื่อไม่ให้คำเชิญดูล่วงเกินเกินไป เขาจะใช้อี้อวิ๋นเป็นเครื่องมือแต่กลับดูถูกอี้อวิ๋นในใจ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อี้อวิ๋นย่อมไม่มีความรู้สึกดีต่ออีกฝ่าย
เดิมทีใจเขาก็สับสนวุ่นวายอยู่แล้ว ไม่มีกะจิตกะใจจัดการความเสแสร้งของจั่วชิวเฮ่าอวี้ เขาพูดกับองค์หญิงจิ้งจอกขาวโดยตรงว่า “องค์หญิง วันนี้ไม่สะดวกที่จะคุยกันนาน ข้าขอตัวก่อน วันหน้าค่อยหาโอกาสคุยกันใหม่ ตอนนี้ข้าจะอยู่ที่เมืองสรรพสิ่งไปก่อน”
อี้อวิ๋นพูดจบก็หมุนตัวจากไป เขาไม่พูดกับจั่วชิวเฮ่าอวี้แม้แต่ประโยคเดียว
ตอนนี้จั่วชิวเฮ่าอวี้ยังคงลอยอยู่กลางอากาศพร้อมมองลงมาที่อี้อวิ๋น รอยยิ้มบนหน้าเขาแข็งชะงักเมื่ออี้อวิ๋นหมุนตัวจากไป เจ้าเด็กนี่จากไปแบบนี้เลย?
จั่วชิวเฮ่าอวี้ถูกทิ้งให้ลอยกลางอากาศ แววตามีไฟแห่งความโมโห
เสวี่ยอู๋เสียพูดกับเขาอย่างเย็นชาก็ช่างมันเถอะ อย่างไรนางก็เป็นอัจฉริยะหญิง เป็นธรรมดาที่จะมีนิสัย
แต่เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน? ฐานะเขาสูงศักดิ์ถึงเพียงไหน ยอมลงมาคุยด้วยก็ถือว่าไว้หน้าแล้ว
จอมยุทธ์สองคนที่อยู่ข้างอี้อวิ๋นงุนงงเล็กน้อย พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเทพธิดาอู๋เสียจะเหมือนมีอดีตที่ลึกซึ้งกับอี้อวิ๋น ยิ่งคิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะไม่สนใจจั่วชิวเฮ่าอวี้ต่อหน้าคนมากมาย ขี้เกียจแม้แต่จะพูดปฏิเสธและมองข้ามเขาไปเลย
จั่วชิวเฮ่าอวี้เป็นคุณชายที่ค่อนข้างมีตำแหน่งคนหนึ่งในหมู่เด็กรุ่นเยาว์ของหอเซียนสรรพสิ่ง อี้อวิ๋นได้คิดถึงผลที่ตามมาจากการล่วงเกินเขาหรือไม่?
สีหน้าจั่วชิวเฮ่าอวี้เคร่งขรึมเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่ตื่นตกใจของคนรอบด้าน เขาถอยกลับไปยังห้องรับรองของตัวเองเงียบๆ อย่างไม่พูดอะไร
เขามองแผ่นหลังอี้อวิ๋นอย่างมีความหมาย แววตามีจิตสังหารแล่นผ่าน “ตรวจสอบคนผู้นี้!”
……
“หรูเอ๋อร์” อี้อวิ๋นเรียกหรูเอ๋อร์
“คะ…เจ้าค่ะ!” หรูเอ๋อร์เพิ่งตั้งสติได้และรีบลุกขึ้นยืน ก่อนที่นางจะไปก็ไม่ลืมที่จะมองเสวี่ยอู๋เสียอีกครั้ง จากนั้นก็รีบหมุนตัวไล่ตามฝีเท้าอี้อวิ๋น
เทพธิดาคนเมื่อครู่ช่างงดงามมากจริงๆ ไม่รู้ว่าคุณชายมีความสัมพันธ์อะไรกับเทพธิดา…หรูเอ๋อร์คิดในใจ
เสวี่ยอู๋เสียมองแผ่นหลังที่จากไปของอี้อวิ๋นพร้อมถอนหายใจในใจเบาๆ จากนั้นเงาร่างนางก็กลายเป็นควันสีขาวกลับไปตรงหน้าห้องรับรองระดับสวรรค์บนชั้นสองอีกครั้ง
นางมองเทพธิดาโยวฉินกับเจ้าเมืองฉินแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “ได้พบสหายเก่า อู๋เสียเสียมารยาทแล้ว”
“ไม่เป็นไร” เทพธิดาโยวฉินพูดด้วยเสียงอันอ่อนโยน แต่แววตามีประกายสงสัยแล่นผ่าน
ส่วนเจ้าเมืองฉินก็หัวเราะ “คิดไม่ถึงว่าอู๋เสียเจ้าจะมีสหายอยู่ที่นี่ แต่วันนี้เป็นวันที่เจ้ากับเทพธิกาโยวฉินจะแลกเปลี่ยนฝีมือกัน หากครั้งหน้ามีโอกาสก็แนะนำสหายของเจ้าให้ข้ารู้จัก”
“เจ้าค่ะ ท่านลุงฉิน” องค์หญิงจิ้งจอกขาวมองเทพธิดาโยวฉิน กู่ฉินในมือลอยไปในอากาศตรงหน้า นิ้วมืออันอ่อนนิ่มไร้ที่ติดีดไปบนสายฉินเบาๆ
“เชิญชี้แนะ”
ปึง!
ดุจสายลมครวญคราง ดุจสายฝนโหมกระหน่ำ ดุจหงส์คำรามเก้าชั้นฟ้า เมื่อเสียงฉินขององค์หญิงจิ้งจอกขาวดังขึ้น ผู้คนในตรอกสมบัติสวรรค์ที่เมื่อครู่ยังคงพูดคุยกันก็ประหนึ่งเข้าสู่การหยุดนิ่งของเวลาภายในชั่วพริบตา
ข้างหูพวกเขามีเพียงเสียงฉินขององค์หญิงจิ้งจอกขาว สายตามีเพียงนิ้วมือทั้งสิบที่คล่องแคล่วของนาง
อักขระแสงตัวแล้วตัวเล่ากระเพื่อมออกจากสายฉินประหนึ่งแสงดาวหมื่นพันที่ร่ายรำรอบเสวี่ยอู๋เสีย
ในตอนนี้เองที่ด้านหลังองค์หญิงจิ้งจอกขาวมีดวงตาสีฟ้าปรากฏ
ดวงหน้านี้ราวกับกลืนกินแสงทั้งหมด มันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้าทุกคน ขยายใหญ่จนห่อหุ้มเงาร่างองค์หญิงจิ้งจอกขาว ตอนนี้องค์หญิงจิ้งจอกขาวเป็นดังเทพธิดากลางแม่น้ำดวงดาว คอยบรรเลงฉินอยู่กลางท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
เนตรจิ้งจอกสวรรค์!
ตอนที่องค์หญิงจิ้งจอกขาวแข่งขันกับอี้อวิ๋นที่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ก็เคยเรียกเนตรจิ้งจอกสวรรค์ออกมา แต่เนตรจิ้งจอกสวรรค์ในเวลานั้นเป็นแค่เค้าโครงรางๆ เทียบกับตอนนี้ไม่ติด
เดิมทีเผ่าจิ้งจอกขาวก็เชี่ยวชาญวิชาจิตวิญญาณอยู่แล้ว การนำจิตวิญญาณมาผสานกับวิถีฉินจึงเป็นเรื่องที่องค์หญิงจิ้งจอกขาวชำนาญที่สุดพอดี
นางถูกท่านอาจารย์ถูกใจและบ่มเพาะอย่างเต็มที่ก็เพราะเหตุนี้
เจ้าเมืองฉินพยักหน้าอย่างชื่นชม เขาย่อมรู้ชาติกำเนิดขององค์หญิงจิ้งจอกขาว สายเลือดเผ่าปีศาจโบราณที่แข็งแกร่งระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่เผ่ามนุษย์จะเทียบได้ ศิษย์ของสหายเขาคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เรียกได้ว่ามีความสามารถคนละแบบกับเทพธิดาโยวฉินที่เป็นผู้สืบทอดของสำนักอภิรมย์
เทพธิดาโยวฉินมีสีหน้าจริงจัง นางสัมผัสได้ว่าพรสวรรค์ด้านจิตวิญญาณของอีกฝ่ายมีมาตั้งแต่กำเนิด
……
“คุณชาย” หรูเอ๋อร์เดินตามอี้อวิ๋นอย่างระมัดระวัง นางเห็นว่าอี้อวิ๋นเดินประหนึ่งคิดอะไรบางอย่าง ประหนึ่งในใจมีเรื่องยุ่งเหยิง
วันนี้อี้อวิ๋นได้ข่าวของหลินซินถงอย่างฉับพลัน เขาทั้งดีใจทั้งอารมณ์ซับซ้อน
ไม่รู้ว่าทางเข้าโลกขนาดเล็กนั่นจะไปเปิดอยู่ที่ไหน สิบสองยอดสวรรค์กว้างใหญ่ถึงเพียง เขาจะไปตามหาหลินซินถงที่ไหน?
สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งยากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก เดิมทีอี้อวิ๋นแน่ใจว่าหลินซินถงอยู่ที่โลกสวรรค์หมื่นปีศาจ แต่ตอนนี้นางอาจอยู่ที่ไหนก็ได้
ใจเขาค่อยๆ สงบลงหลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก
‘ร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้ว่าซินถงปลอดภัยดี’ อี้อวิ๋นส่ายศีรษะ
เขาไม่มีวิธีตามหาหลินซินถง ทำได้แต่รอ รอให้เขามีพลังที่เพียงพอให้ส่งผลกระทบต่อทั้งสิบสองยอดสวรรค์ ชื่อเสียงกระจายไปทั่วทุกที่ เมื่อนั้นหลินซินถงก็ย่อมรู้ที่อยู่ของเขา
ตอนนี้อี้อวิ๋นยังไม่คิดออกจากแดนสวรรค์สรรพสิ่ง หลิงเสียเอ๋อร์เกือบถูกฆ่าตายเพราะเขา อี้อวิ๋นสาบานแล้วว่าจะช่วยให้นางฟื้นกลับมา ย่อมไม่ละทิ้งแน่นอน
“หรูเอ๋อร์”
จู่ๆ อี้อวิ๋นก็หยุดฝีเท้าลง “กลับไปที่ร้านกันเถอะ”
ไม่ว่าภายในใจจะปั่นป่วนวุ่นวายเพียงใด แต่ทุกอย่างก็ต้องทำอย่างสอดคล้องกับความเป็นจริง
อี้อวิ๋นต้องอยู่เมืองสรรพสิ่งไปก่อน เขาต้องเตรียมพร้อมเพื่อสมุนไพรสามอย่างในงานซื้อขายสามปีข้างหน้า
มีเพียงหลอมโอสถวิญญาณเปล่าเท่านั้นที่จะช่วยให้หลิงเสียเอ๋อร์ฟื้นตื่นจากการหลับใหล
บทที่ 1143 ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ร้านที่อี้อวิ๋นเช่าจากหอเซียนสรรพสิ่งทั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทางตอนเหนือของเมืองสรรพสิ่ง ผู้คนที่นี่ค่อนข้างน้อย ด้านข้างมีลำธารสายเล็กๆ อันใสสะอาด ริมลำธารสองข้างมีต้นหลิวอายุมากกว่าพันปี สภาพแวดล้อมงดงามเงียบสงบ
หลังจากที่เข้าพัก หรูเอ๋อร์ก็ทำความสะอาดตัวร้านและลานบ้าน อี้อวิ๋นวางหม้อโอสถไว้ในห้องๆ หนึ่งและเปลี่ยนเป็นห้องโอสถ
ร่างของหลิงเสียเอ๋อร์ถูกเขาวาไว้ในห้องที่เงียบที่สุด ให้นางหลับใหลอย่างสงบ
สาเหตุหลักที่อี้อวิ๋นหลอมโอสถก็เพื่อฝึกฝนจิตวิญญาณ พัฒนาความสามารถด้านการหลอมโอสถ ขณะเดียวกันก็ขจัดโรคที่ยังตกค้างจากการข้ามผ่านระดับก่อนหน้านี้
การหลอมโอสถวิญญาณเปล่าจำเป็นต้องใช้สมุนไพรที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังต้องใช้เวลาหลอมค่อนข้างนาน อี้อวิ๋นนั่งอยู่หน้าหม้อโอสถ ในมือนำม้วนคัมภีร์ม้วนหนึ่งของเทพโอสถออกมาศึกษา
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว กระทั่งเมื่อพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน จู่ๆ อี้อวิ๋นที่กำลังฝึกเงียบๆ ก็ลืมตาขึ้น
เงาร่างเขากระพริบพุ่งออกนอกประตู
“คุณชาย?” หรูเอ๋อร์กำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ในลานบ้าน นางตกใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าจู่ๆ อี้อวิ๋นก็พุ่งตัวออกจากห้องโอสถดุจลมแรงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เกิดอะไรขึ้นหรือ?
ตอนนี้นางเห็นว่าอี้อวิ๋นพุ่งตัวเข้าสู่ห้องห้องหนึ่ง
นี่คือห้องที่หลิงเสียเอ๋อร์หลับใหล…
“เสียเอ๋อร์!” อี้อวิ๋นพุ่งตัวเข้าสู่ภายใน
เขากับเชื้อเพลิงเทพมารผสานเชื่อมต่อกัน เขาจึงสัมผัสถึงสถานการณ์ทุกอย่างของหลิงเสียเอ๋อร์ได้โดยตรง
เมื่อครู่นี้เขารู้สึกได้ว่าหลิงเสียเอ๋อร์ที่กำลังหลับใหลอ่อนแอลงอย่างฉับพลัน!
อี้อวิ๋นมาถึงภายในห้อง ร่างกายขนาดเล็กของหลิงเสียเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียงหยกอันเย็นยะเยือกอยู่เงียบ ผิวพรรณละเอียดนุ่มนวล ดวงตาปิดสนิท
และกลางมือทั้งสองของนางก็มีรากคืนวิญญาณวางไว้อยู่
ทว่าร่างกายนางกลับกำลังโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ รากคืนวิญญาณที่อยู่ในมือก็ใกล้จะมองไม่เห็นแล้วเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” อี้อวิ๋นร้อนใจ ตอนนี้เขาไม่อาจหลอมโอสถวิญญาณเปล่า แต่ร่างวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์กลับเกิดความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงในเวลานี้
จิตของอี้อวิ๋นตรวจสอบสถานการณ์ของหลิงเสียเอ๋อร์ นิ้วมือข้างหนึ่งแตะลงกลางหน้าผากนางเพื่อคอยส่งปราณหยางบริสุทธิ์เข้าร่างไม่หยุด
ทว่าปราณหยางบริสุทธิ์เหล่านี้กลับหายเข้ากลีบเมฆ
ดูแล้วในฐานะที่หลิงเสียเอ๋อร์เป็นวิญญาณฟ้าดิน ลำพังแค่รากคืนวิญญาณกับปราณหยางบริสุทธิ์คงไม่พอแล้ว
อี้อวิ๋นไม่เคยคาดคิดเรื่องนี้มาก่อน ใจเขาเจ็บแปลบๆ เมื่อเห็นร่างวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์อ่อนแอลงเรื่อยๆ
เขาสัญญาไว้ว่าจะช่วยหลิงเสียเอ๋อร์ รออีกแค่สามปีนางก็จะฟื้นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้นางกลับรอสามปีนี้ไม่ไหวแล้ว
“ต้องมีวิธีแน่นอน…คิดสิคิด”
อี้อวิ๋นคิดอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าที่หลิงเสียเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ก็เป็นจิตวิญญาณนางอ่อนแอเกินไป
หากให้หลิงเสียเอ๋อร์กินรากคืนวิญญาณในเวลานี้ ให้แก่นพลังทั้งหมดในรากคืนวิญญาณผสานเข้าสู่วิญญาณนางก็ช่วยได้แค่ให้นางผ่านพ้นเรื่องนี้ไป
แต่อี้อวิ๋นมีรากคืนวิญญาณเพียงต้นเดียว ทั้งยังต้องเก็บไว้หลอมโอสถวิญญาณ และเมื่อไม่มีการหล่อเลี้ยงจากตัวรากก็ไม่รู้ว่าหลิงเสียเอ๋อร์จ่ะผ่านพ้นเวลาสามปีนี้ได้หรือไม่
อี้อวิ๋นต้องการโอสถมาแทนที่รากคืนวิญญาณ
อี้อวิ๋นครุ่นคิด ในบันทึกอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตของเทพโอสถ เขานึกถึงโอสถหล่อเลี้ยงวิญญาณที่มีสรรพคุณไม่ธรรมดาได้หลายชนิด
แต่พวกมันส่วนใหญ่เป็นของหายาก ไม่ก็มีเพียงเทพโอสถที่หลอมเป็น หลังจากที่คัดโอสถออกไปทีละตัวก็เหลือโอสถชนิดเดียวที่หาง่ายที่สุด…ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ
ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณนี้หลอมขึ้นจากกระดูกปีศาจโบราณที่มีจิตวิญญาณแข็งแกร่ง สามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ แม้สรรพคุณจะไม่ท้าทายสวรรค์เท่าโอสถวิญญาณเปล่า แต่ถึงกระนั้นก็เป็นโอสถประเภทจิตวิญญาณที่มีมูลค่าสูงเป็นอย่างยิ่งในโลกของจอมยุทธ์
ตอนนี้อี้อวิ๋นไม่มีวัตถุดิบที่ใช้หลอมธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณอยู่ในมือ และต่อให้หาวัตถุดิบได้ก็ไม่มีเวลามาหลอม
เขามองหลิงเสียเอ๋อร์พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ได้แต่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้ว
ตอนนี้เขามีองค์หญิงจิ้งจอกขาวเป็นสหายเก่าเพียงคนเดียวในเมืองสรรพสิ่ง องค์หญิงจิ้งจอกขาวฝึกจิตวิญญาณเช่นกัน เป็นไปได้ว่าจะมีโอสถประเภทนี้
เรื่องนี้ไม่อาจรอช้า สถานการณ์ของหลิงเสียเอ๋อร์ไม่อาจเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
“คุณชาย!” หรูเอ๋อร์ตามเข้ามาในห้อง เมื่อนางเห็นสภาพของหลิงเสียเอ๋อร์ก็ตกใจเช่นกัน
นางยังไม่ทันถามอะไรอี้อวิ๋นก็พุ่งตัวออกไปเหมือนควันสายหนึ่ง มีเพียงเสียงของเขาที่ส่งมาจากไกลๆ
“หรูเอ๋อร์ ดูแลนางให้ดี!”
……
จวนเจ้าเมืองสรรพสิ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง มันสูงตระหง่านยิ่งใหญ่ ปกคลุมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร
อี้อวิ๋นวิ่งมาตลอดทาง เงาร่างปรากฏหน้าประตูจวนเจ้าเมือง
“ผู้ใด!” องครักษ์สองคนของจวนเจ้าเมืองเป็นคนต่างเผ่ารูปร่างสูงใหญ่ พวกเขาถือดาบใหญ่ไว้ในมือ เสียงลึกทุ้มและมีอำนาจสั่นสะเทือนสยบที่รุนแรง
“ข้ามาพบเทพธิดาเสวี่ยอู๋เสีย ทั้งสองท่านโปรดแจ้งให้ที บอกว่าอี้อวิ๋นมีเรื่องต้องการพบ!” อี้อวิ๋นพูดอย่างอดทน
ใจเขาร้อนรนดั่งไฟ แต่ค่ายกลของจวนเจ้าเมืองทรงพลัง ไม่อาจบุกฝ่าเข้าไป
องครักษ์สองคนมองเขาแล้วหลีกทางให้ทันที
“เข้าไปเถอะ”
“หืม?” อี้อวิ๋นแปลกใจเล็กน้อย ดูแล้วองค์หญิงจิ้งจอกขาวคงจัดการเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว
เดิมทีเขาก็นัดกับนางไว้ว่าจะคุยเรื่องเกี่ยวกับหลินซินถง เรื่องนี้ช่วยประหยัดเวลาให้อี้อวิ๋นไม่น้อย
อี้อวิ๋นเดินเข้าสู่จวนเจ้าเมือง ภายในจวนเต็มไปด้วยพื้นที่ต้องห้าม ทว่าเส้นทางสายหนึ่งกลับถูกยกเว้น อี้อวิ๋นคิดในใจว่านี่คงเป็นทางที่มุ่งสู่ที่พักขององค์หญิงจิ้งจอกขาว ฝีเท้ามุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด
เขาได้ยินเสียงฉินอันรื่นหูดังจากที่ไกลๆ
เสียงฉินนี้เป็นดังสายน้ำบนสวรรค์ เมื่อดังเข้าหูก็ทอดตัวยาวไม่หยุด ใจที่ร้อนรนของอี้อวิ๋นสงบลงเล็กน้อย
เขาเดินตรงไปข้างหน้าก็เห็นทะเลสาบที่ใสราวกระจก
กลางทะเลสาบมีเรือลำหนึ่ง เสียงฉินส่งมาจากบนเรือ
แกร๊ง!
เสียงฉินหยุดลง เงาร่างที่เป็นดังเทพธิดาร่างหนึ่งลอยขึ้นจากเรือ ชุดกระโปรงขาวดั่งหิมะ เส้นผมสีเงินเป็นดังแม่น้ำดวงดาวกระจายตัว มันปลิวสยายกลางอากาศ
องค์หญิงจิ้งจอกขาวกอดกู่ฉินไว้ในอกแล้วร่อนลงตรงหน้าอี้อวิ๋น
“เจ้ามีเรื่องในใจหนักอึ้งมาก” เสียงขององค์หญิงจิ้งจอกขาวเป็นดังเสียงฉินเช่นกัน ฟังแล้วน่าหลงใหล
อี้อวิ๋นได้สติขึ้นมาทันที เขาพ่นลมหายใจแล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก”
เสียงฉินขององค์หญิงจิ้งจอกขาวทำให้ใจเขาไม่ร้อนรนขนาดนั้นแล้ว
“ครั้งนี้เจ้ามาเพื่อ…”
“เรื่องของซินถงเอาไว้คุยกันวันหลัง” อี้อวิ๋นพูดอย่างจริงจัง เขาประสานมือแล้วโค้งตัวคำนับ “ข้ามาครั้งนี้เพราะมีเรื่องจะให้องค์หญิงช่วย”
ดวงตาองค์หญิงจิ้งจอกขาวกระพริบเบาๆ ภายในดั่งมีแสงดาวกระพริบผ่าน
อี้อวิ๋นในความทรงจำของนางไม่ใช่คนที่เอ่ยปากติดหนี้บุญคุณคนอื่นง่ายๆ เขาคงเจอเรื่องที่ยุ่งยากมากแน่นอน
“คุณชายอี้ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนี้ ข้ารอดชีวิตจากโลกใบเล็กได้ก็เพราะภรรยาเจ้าช่วยเอาไว้ ถ้าเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยก็พูดมาได้เลย หากข้าช่วยได้ก็บ่ายเบี่ยงแน่นอน” องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูด
อี้อวิ๋นเอ่ยหน้าพูดว่า “สหายคนหนึ่งของข้าบาดเจ็บหนัก จำเป็นต้องใช้ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณโดยด่วน โอสถชนิดนี้มีสรรพคุณหล่อเลี้ยงวิญญาณ ไม่ทราบว่าองค์หญิงจิ้งจอกขาวพอมีหรือไม่?”
“ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ…ข้าเองก็เคยได้ยิน”
ใจอี้อวิ๋นจมลงเมื่อองค์หญิงจิ้งจอกขาวพูด ฟังจากน้ำเสียงแล้วเหมือนจะไม่มี
องค์หญิงจิ้งจอกขาวรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าของอี้อวิ๋น “เจ้าอย่าเพิ่งผิดหวัง แม้ข้าจะไม่มีโอสถชนิดนี้ แต่ตอนที่ข้ามาเมืองสรรพสิ่งก็เคยได้ยินท่านอาจารย์พูดมาก่อน เรื่องที่เมืองสรรพสิ่งมีทุกอย่างไม่ใช่เรื่องโกหก ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณนี้มีประโยชน์ต่อการฝึกของข้าเช่นกัน ข้าจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ รู้มาว่าหาซื้อได้ในเมืองสรรพสิ่ง”
…………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น