True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1125-1127

บทที่ 1125 หรูเอ๋อร์

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าตัวเองอยู่ในทางตัน ไม่อาจออกจากที่นี่ หากไม่มีวัตถุดิบล้ำค่า สำนักหม้อชาดก็จะตกต่ำลง เจ้าสำนักหมดสติไม่ฟื้น แม้จะมีไม้เลี้ยงวิญญาณก็ไร้ความหมายใช่หรือไม่?”


อี้อวิ๋นมองไปที่หญิงชุดแดงคนหนึ่ง หญิงชุดแดงคนนี้ท่าทางอายุยี่สิบปี รูปร่างสมบูรณ์ สีหน้าซีดขาว อี้อวิ๋นจำได้ว่าหรูเอ๋อร์เรียกนางว่าศิษย์พี่ลัว


ศิษย์พี่ลัวคนนี้ถูกอี้อวิ๋นถามจนอกสั่นขวัญหาย นี่เป็นคำที่นางพูดกับหรูเอ๋อร์จริง แต่พูดตั้งแต่เมื่อครึ่งเค่อก่อนแล้ว


คิดไม่ถึงว่าในโลกใต้ดินที่มีพิษร้อนอยู่ทั่วและหินหลอมไหลบ่า เด็กหนุ่มคนนี้จะได้ยินสิ่งที่นางพูดจากระยะไกลๆ และยังพูดทวนได้ทุกคำอีกต่างหาก


การรับรู้นี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว


นี่ก็หมายความว่าคำคร่ำครวญก่อนหน้านี้ที่พวกเขาพูดถึงการตายอันน่าอนาถของเด็กหนุ่มก็ถูกอีกฝ่ายได้ยินทั้งหมดเช่นกัน


พวกชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มคนนี้แช่ในบ่อหินหลอมอย่างสบายใจเหมือนอาบน้ำ หินหลอมสีทองเข้มพวกนั้นไหลลงจากร่างเขาจนเผยให้เห็นผิวที่ละเอียดเหมือนหยก ไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียว


ตอนนี้เด็กหนุ่มถามเรื่องไม้เลี้ยงวิญญาณ เขาคงสนใจไม้นี้เป็นแน่!


ไม้เลี้ยงวิญญาณนี้คือสมบัติสำคัญเพียงชิ้นเดียวของสำนักหม้อชาด เรื่องที่ชีวิตเจ้าสำนักแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็เป็นความลับของพวกเขาเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะมายังสถานที่ซ่อนเร้นแห่งนี้และความหวังที่จะออกไปมีน้อยลงเรื่อยๆ เช่นนั้นศิษย์พี่ลัวก็คงไม่พูดขึ้นมา


ตอนนี้ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เดินออกมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง เขากันบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ไว้ด้านหลังแล้วฝืนใจทำความเคารพ “ผู้อาวุโสท่านนี้…”


คนที่แช่หินหลอมอยู่ที่นี่ได้ย่อมไม่มีทางอายุเท่าพวกหรูเอ๋อร์จริงๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ยิ่งใหญ่อายุมากหลายคนจะรักษาหน้าตาที่อ่อนเยาว์เอาไว้


“พวกข้ามาที่นี่โดยไม่ตั้งใจ ไม่มีเจตนารบกวนการฝึกของท่านผู้อาวุโส หวังว่าท่านไม่ถือโทษ” ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนพูด


หญิงชุดกระโปรงดำผู้นั้นลังเลเล็กน้อยแล้วพูดอธิบายตามว่า “ความจริงพวกข้าถูกปรากฏการณ์ของทะเลทรายกลบอาทิตย์ดึงดูดเข้ามา เมื่อสามสี่วันก่อนมีเสียงฟ้าร้องดังมาจากใต้ดินอย่างฉับพลัน จากนั้นทะเลทรายก็ยุบตัวเป็นน้ำวนที่ดูดพวกข้าเข้ามา นับแต่นั้นพวกข้าก็ติดอยู่ใต้ดินนี้และพยามยามตามหาทางรอด ไม่ได้มีเจตนารบกวนท่านผู้อาวุโสจริงๆ”


อี้อวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เกิดความเข้าใจ ตอนที่การปิดด่านฝึกตนก่อนหน้านี้ของเขาจบลงก็ทำเสียงดังมากไปหน่อย ตรงกับตอนที่คนเหล่านี้ถูกปรากฏการณ์ดึงดูดเข้ามาพอดี


อี้อวิ๋นรู้ว่าคนเหล่านี้ติดอยู่ใต้ดินก็เพราะเขา พื้นที่แห่งนี้รวบรวมไว้ซึ่งพลังหยางบริสุทธิ์กลุ่มสุดท้ายของทะเลทรายกลบอาทิตย์ มันย่อมมีประโยชน์ต่อเขาและหลิงเสียเอ๋อร์ที่เกิดจากเชื้อเพลิงเทพมาร แต่สำหรับจอมยุทธ์เหล่านี้แล้วก็เป็นพิษร้อนที่ยากจะรับไหว


อี้อวิ๋นลุกขึ้นเดินออกจากบ่อหินหลอม เขาเปลือยร่างท่อนบน ลายกล้ามเนื้ออันแข็งแรงเต็มไปด้วยความรู้สึกสมบูรณ์แบบของพลัง ภายในร่างยังมีพลังปราณอันยิ่งใหญ่ ดูแล้วให้ความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรงจนไม่กล้ามองตรงๆ


เขาเดินขึ้นมาอย่างสบายๆ แต่ที่ใต้เท้าเขากลับมีกฎแห่งหยางบริสุทธิ์รวมตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ พลังปราณเหล่านี้รวมตัวเป็นอีกาทองนกทองตัวเล็กๆ ที่ประหนึ่งทำความเคารพขั้นสูงสุดให้อี้อวิ๋น


ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ศิษย์สำนักหม้อชาดตื่นตะลึงจนพูดไม่ออก นี่ต้องเป็นคนระดับไหนกันแน่ ทั้งกฎที่เขาบรรลุและวิถีที่เขาฝึกล้วนแต่ก็อยู่เหนือจินตนาการพวกเขาไปไกล


“พวกเจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้า ไม้เลี้ยงวิญญาณที่พวกเจ้าพูดถึงสิ่งใดกัน?”


ตอนนี้ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ทำตัวไม่ถูก ไม้เลี้ยงวิญญาณย่อมสำคัญต่อพวกเขา แต่หากตอนนี้ไม่ตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์ เช่นนั้นก็เกรงว่าศิษย์เหล่านี้คงจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว


คิดถึงสิ่งเหล่านี้แล้วชายวัยกลางคนก็กัดฟันตอบว่า “ความจริงสำนักหม้อชาดของข้ายากจนมาก แต่ทางสำนักก็เคยโชคดีได้ไม้เทพท่อนหนึ่งมาจากสถานที่วิเศษ ไม้นี้เป็นสีดำสนิททั้งท่อน สามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณ คนที่วิญญาณบาดเจ็บหนักก็ใช้ไม้นี้มารักษาได้ แต่ในแง่ของการฝึกฝนแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไร”


ขณะที่ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูดก็คอยสังเกตปฏิกิริยาของอี้อวิ๋นไปด้วย เขาหวังว่าคำพูดของเขาจะทำลายความคิดที่อี้อวิ๋นมีต่อไม้เลี้ยงวิญญาณ


‘หล่อเลี้ยงวิญญาณ…เป็นสีดำสนิท ใช่จริงๆ ด้วย นี่ก็คือสมุนไพรวิเศษที่มีบันทึกถึงบันทึกของเทพโอสถ…รากคืนวิญญาณ! สำนักหม้อชาดคงไม่รู้จักรากคืนวิญญาณ เรียกมันว่าไม้เลี้ยงวิญญาณก็นับว่าเหมาะสมดี’


อี้อวิ๋นมองหลิงเสียเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนก้อนหิน หนึ่งปีมานี้เขาคอยส่งพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปเป็นสารอาหารให้ร่างนางไม่หยุด ร่างกายของหลิงเสียเอ๋อร์หนาแน่นขึ้นมาก แต่นางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น


ลำพังแค่พลังหยางบริสุทธิ์อย่างเดียวไม่อาจรักษาความเสียหายทางวิญญาณ แต่รากคืนวิญญาณนี้กลับทำให้อี้อวิ๋นมองเห็นความหวัง


“สำนักพวกเจ้าอยู่ที่ไหน?” อี้อวิ๋นถาม


หัวใจของชายวัยกลางคนจมลง เขากัดฟันแล้วตอบอย่างซื่อตรงว่า “อยู่ที่แคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ขอรับ พวกข้าเป็นแค่สำนักเล็กๆ…”


ชายวัยกลางคนรู้สึกขมขื่นในใจ เพียงแค่รู้ชื่อสำนักหม้อชาดก็จะหาเจอได้อย่างง่ายดาย เขาไม่อาจปิดบังเรื่องนี้ ได้แต่คอยพูดเน้นย้ำว่าสำนักหม้อชาดยากจนมาก หวังว่าจะทำให้ผู้อาวุโสท่านนี้ปล่อยพวกเขาไป


แต่เรื่องนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่างในโลกของจอมยุทธ์ ขอเพียงแค่มีความแข็งแกร่ง เช่นนั้นการไปแย่งชิงสมบัติหรือฆ่าคนปล้นทรัพย์ก็ไม่นับเป็นอะไรได้ ชายวัยกลางคนรู้มูลค่าของไม้เลี้ยงวิญญาณดี ด้วยพลังของสำนักหม้อชาดแล้วก็ปกป้องไว้ไม่ได้แน่นอน


หากมีคนรู้เรื่องนี้เข้า เช่นนั้นหากจะมีคนบุกมาชิงไม้เลี้ยงวิญญาณแล้วฆ่าคนทั้งสำนักหม้อชาดเพื่อปิดข่าวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!


“แคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์…”


อี้อวิ๋นรู้จักสถานที่แห่งนี้ ในบันทึกที่เทพโอสถทิ้งไว้มีม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เจ๋อเทียนจี้’ ภายในบันทึกถึงสถานที่ที่เทพโอสถไปเยือนและพักอยู่เป็นเวลานาน สถานที่ส่วนใหญ่อยู่ในร่องสมุทรและโลกสวรรค์เทพหยาง ภายในรวมถึงแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ด้วย


เทพโอสถไปที่แคว้นนี้หลายครั้งเพราะสาเหตุต่างๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อยู่ที่นั่นนานหลายสิบปี


ขณะที่อี้อวิ๋นกำลังคิดเรื่องเหล่านี้ จู่ๆ เด็กหญิงท่าทางอายุแค่สิบห้าสิบหกปีคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ของสำนักหม้อชาดก็เดินออกจากกลุ่มอย่างรวดเร็ว นางคุกเข่าลงตรงหน้าอี้อวิ๋นดังตุบ


ร่างกายขนาดเล็กของนางหมอบลงบนหินที่ร้อนระอุ แต่แม้จะเจ็บปวดจากความร้อนนางก็ไม่ขยับตัว


“หรูเอ๋อร์ เจ้าทำอะไรน่ะ” หญิงชุดกระโปรงดำมีสีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ


“หรูเอ๋อร์! เจ้าอย่าล่วงเกินท่านผู้อาวุโส”


ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่รีบไปดึงตัวหรูเอ๋อร์ แต่ไม่ว่าอย่างไรหรูเอ๋อร์ก็ไม่ยอมลุกขึ้น นางพูดขึ้นว่า “ท่านผู้อาวุโส ไม้เลี้ยงวิญญาณเป็นความหวังของสำนักหม้อชาด หากท่านผู้อาวุโสเอามันไป เช่นนั้นท่านพ่อของข้าก็จะวิญญาณแตกซ่านภายในเวลาสามวัน! ตอนนั้นท่านพ่อสู้กับโจรโลหิตมรกตเพื่อปกป้องข้ากับท่านแม่จึงทำให้วิญญาณเสียหายและหลับใหลไม่ได้สติ”


หรูเอ๋อร์กัดริมฝีปากแน่นเมื่อพูดถึงตรงนี้ หางตามีน้ำตาซึม เพราะนางพุ่งออกจากขอบเขตปราณเกราะของชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ แขนสีขาวทั้งสองข้างจึงถูกพิษร้อนทำให้บาดเจ็บหนัก


“ท่านพ่อเป็นเจ้าสำนักหม้อชาด ท่านหลับใหลมานานสิบปีเพราะช่วยข้า สำนักหม้อชาดมีท่านพ่อเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด หากท่านพ่อไม่อาจฟื้นคืนและถูกศัตรูรู้เรื่องนี้เข้า เช่นนั้นแม้แต่ที่ตั้งของสำนักหม้อชาดก็คงไม่อาจรักษาไว้ได้ ครั้งนี้พวกข้ามาทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็เพื่อหาโอสถให้ท่านพ่อ แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่แค่ไม่เจออะไร พวกข้ายังเข้ามายังที่ฝึกของท่านผู้อาวุโสโดยไม่ตั้งใจ ติดอยู่ในนี้มาสามวัน หาทางออกไม่เจอและหมดหนทาง!”


“หรูเอ๋อร์รู้ว่าท่านผู้อาวุโสมีระดับยุทธ์สูงส่ง สำนักหม้อชาดของข้ามีแค่ไม้เลี้ยงวิญญาณท่อนเล็กๆ เป็นแค่ตัวช่วยประดับบารมีสำหรับท่านผู้อาวุโส แต่สำหรับสำนักหม้อชาดของข้าแล้วมันกลับเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตคนทั้งสำนัก ผู้อาวุโสโปรดเมตตาด้วย! หากผู้อาวุโสยินดีปล่อยพวกข้าไปจากที่นี่ เช่นนั้นหรูเอ๋อร์ก็ยินดีเป็นบ่าวเป็นทาสเพื่อตอบแทนความเมตตา”


หรูเอ๋อร์พูดคำเหล่านี้หมดในคราเดียว น้ำตานางหยดเป็นสายฝน ดูแล้วน่าสงสารมาก


ประหนึ่งว่านางจงใจลงโทษตัวเอง ปล่อยให้แผลที่ถูกลวกบนแขนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมลุกขึ้น


…………………………………………………………………………………………………….



บทที่ 1126 เงื่อนไข

โดย

Ink Stone_Fantasy

“หรูเอ๋อร์ เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ!”


ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหญิงชุดกระโปรงดำตื่นตกใจ ก่อนหน้านี้หรูเอ๋อร์คุกเข่าลงก็มากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะพูดคำเช่นนี้อีก


แต่หรูเอ๋อร์กลับกัดฟันพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ท่านพ่อเป็นเช่นนี้ก็เพราะช่วยข้า สำนักหม้อชาดตกอยู่ในอันตรายก็เพราะข้าอีกเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนออกมาตามหาโอสถจนตกอยู่ในดินแดนอันตรายที่ออกไปไม่ได้ หากท่านผู้อาวุโสมีจิตเมตตายอมเอาชีวิตข้ามาแลกทางรอดของทุกคน เช่นนั้นหรูเอ๋อร์จะรู้สึกขอบคุณไปชั่วชีวิต”


สิบปีมานี้หรูเอ๋อร์ต้องมองท่านพ่อที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง นางจมอยู่กับความรู้สึกผิดมาโดยตลอด รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบาปของสำนักหม้อชาด หากทำสิ่งใดให้ท่านพ่อให้สำนักหม้อชาดได้บ้าง เช่นนั้นต่อให้ต้องตายนางก็ยินดี


“หนูเอ๋อร์ เจ้าพูดบ้าอะไรน่ะ!” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหญิงชุดดำรีบทำความเคารพให้อี้อวิ๋น “หรูเอ๋อร์อายุน้อยไม่รู้ความ ท่านผู้อาวุโสโปรดอย่าได้ถือสา”


ผู้ยิ่งใหญ่ที่แช่หินหลอมได้เหมือนอาบน้ำไม่รู้อยู่มากี่หมื่นปี พลังยุทธ์ไร้ขีดจำกัด แค่โบกมือง่ายๆ ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นผุยผงได้แล้ว เงื่อนไขอันน้อยนิดแค่นี้ของหรูเอ๋อร์จะนับเป็นอะไรได้สำหรับเขา?


หากเขามีความคิดต้องการไม้เลี้ยงวิญญาณจริงๆ เช่นนั้นหรูเอ๋อร์ก็เป็นแค่ของหวานหลังจากที่เขากินไม้เลี้ยงวิญญาณ


เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นเร็วมาก อี้อวิ๋นมองภาพเหตุการณ์แล้วก็ตะลึงไปชั่วครู่ เขาคิดไม่ถึงว่าคำถามสองสามประโยคของเขาจะทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้จนคนจากสำนักหม้อชาดหวาดกลัวถึงขีดสุด ส่วนสาวน้อยที่ชื่อหรูเอ๋อร์ก็คุกเข่าไม่ยอมลุก ทั้งยังสาบานว่ายินยอมเป็นทาสรับใช้ของเขา ขอเพียงแค่เขาส่งคนเหล่านี้ออกจากที่นี่


พูดตามตรงแล้วที่นี่ก็เกิดจากการฝึกยุทธ์ของอี้อวิ๋น พวกเขาเข้าสู่ที่นี่อย่างไม่ตั้งใจและออกไปไม่ได้ อี้อวิ๋นสมควรที่จะส่งพวกเขาออกไปอยู่แล้ว จำเป็นต้องมีอะไรตอบแทนที่ไหนกัน


อี้อวิ๋นมีสีหน้าประหลาดอย่างอดไม่ได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ เรากลายเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน?


คิดดูอย่างละเอียด ความจริงเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ระดับยุทธ์และพลังเขาก็พัฒนาวันละพันลี้ เขาไม่ใช่คนที่ถูกผู้อื่นมองเป็นเด็กอีกต่อไป แต่เป็นผู้อาวุโสที่มีวิชาลับทำให้ดูหนุ่ม


ในโลกของจอมยุทธ์ที่มีความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ ผู้อาวุโสที่ควบคุมความเป็นความตายของผู้อื่นได้อย่างสบายๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคำข่มขู่ เพียงแค่ถามไม่กี่ประโยคก็เพียงพอให้คนอื่นกลัวแล้ว


อี้อวิ๋นพูดอย่างหัวเราะร้องไห้ไม่ออกว่า “เจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรพวกเจ้า”


อี้อวิ๋นโบกมือ พลังหยางบริสุทธิ์สายหนึ่งพุ่งมาพยุกหรูเอ๋อร์ให้ลุกขึ้น


ดินแดนอันตรายแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังหยางบริสุทธิ์ที่คนอื่นยากจะต้านทาน แต่ที่แปลกคือพลังหยางบริสุทธิ์ที่อี้อวิ๋นส่งออกมากลับให้ความรู้สึกอบอุ่น เมื่อห่อหุ้มลงบนร่างก็รู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง


อี้อวิ๋นเห็นว่าแขนอันอ่อนนุ่มของหรูเอ๋อร์ถูกลวกจนแดง เนื้อหนังก็ถลอกปอกเปิด ผิวที่ขาวละเอียดมามีบาดแผลเช่นนี้ก็น่าสงสาร


อี้อวิ๋นโบกมือดูดพิษร้อนทั้งหมดในร่างหรูเอ๋อร์ออกมา จากนั้นก็ส่งพลังปราณอันอบอุ่นเข้าไป แผลที่แขนหรูเอ๋อร์สมานกันด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า


นี่…


หรูเอ๋อร์ตกตะลึง เดิมทีนางคิดว่าผู้อาวุโสที่เก็บตัวฝึกฝนเงียบๆ ที่นี่จะมีนิสัยประหลาดไม่แน่นอน แค่เขาไม่ลงมือฆ่าคนทันทีก็ไม่เลวแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะรักษาบาดแผลให้นางด้วย โดยเฉพาะพลังปราณของเขาที่นุ่มนวลเป็นมิตรถึงเพียงนี้ มันทำให้นางรู้สึกประหนึ่งแช่กลางน้ำพุร้อน ความเจ็บปวดทั้งหมดก่อนหน้านี้มลายหายไป


“ในเมื่อท่านพ่อเจ้าเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเจ้าเอาไว้ เช่นนั้นเจ้าก็ควรทะนุถนอมร่างกายตัวเองให้ดีจึงจะถูก เจ้ารู้ไหมว่าหากมอบตัวเองเป็นทาสให้ผู้ชายแล้วจะมีผลลัพธ์เช่นไร?”


อี้อวิ๋นเองก็ขี้เกียจอธิบายที่ถูกคนเหล่านี้เข้าใจผิดว่าเป็นผู้อาวุโส แต่ปฏิกิริยาอันรุนแรงของเด็กสาวคนนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจ


“ข้า…” หรูเอ๋อร์หน้าแดง แม้นางจะอายุน้อย แต่สิบปีมานี้สำนักหม้อชาดอยู่ในสถานการณ์ง่อนแง่น เคยเจอกับความไม่แน่นอนของจิตใจมนุษย์จนเข้าใจหลายๆ เรื่อง มีหรือที่นางจะไม่รู้ว่าถ้ามอบตัวเป็นทาสแล้วจะเกิดอะไรขึ้น “ข้ารู้…ข้าเพียงแค่อยากเป็นลูกกตัญญู…”


เดิมทีหรูเอ๋อร์คิดจะสละตัวเองเพื่อแลกกับความปลอดภัยของคนอื่นในสำนักหม้อชาด แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกขึ้นมาอย่างฉับพลันว่าผู้อาวุโสท่านนี้มีไมตรีจิตมาก แม้จะไม่รู้ว่าเขาอายุมากกว่านางกี่หมื่นปี แต่หน้าตาที่หล่อเหลาของเขาก็ทำให้ดูเหมือนอายุพอๆ กันกับนาง พลังก็แข็งแกร่ง นิสัยก็ดี…


“เจ้าชื่อหรูเอ๋อร์ใช่ไหม?”


“เจ้าค่ะ! ข้าน้อยมีสกุลคู่ว่าหนานอวิ๋น ชื่อของข้าคือหนานอวิ๋นหรู” หรูเอ๋อร์ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกอี้อวิ๋นถาม นี่ทำให้นางตอบคำถามอย่างประหม่า


“พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ ข้าจะส่งพวกเจ้าออกไป…” ศิษย์สำนักหม้อชาดต่างยินดีเมื่ออี้อวิ๋นพูดถึงตรงนี้ ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้แสดงความดีใจ คำพูดประโยคถัดมาของอี้อวิ๋นกลับทำให้ใจพวกเขาจมลง!


“ส่งพวกเจ้าออกไปเป็นแค่เรื่องง่ายๆ แต่ข้าขอพูดตามตรงว่าข้าต้องการไม้เลี้ยงวิญญาณนั่นจริง!”


“นี่…” คนจากสำนักหม้อชาดต่างร้อนใจ พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรเมื่อเผชิญกับอี้อวิ๋น


หางตาหรูเอ๋อร์มีน้ำตา นางเผยอปากเพื่อจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก นางรู้ว่าหากผู้อาวุโสท่านนี้ต้องการไม้เลี้ยงวิญญาณจริงๆ เช่นนั้นแค่เขาไปแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ก็ได้แล้ว ตัวนางที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอ ไม่มีทางใช้ตัวเองเป็นเงื่อนไขให้อีกประนีประนอมอะไรได้


“พวกเจ้าเองก็เห็นแล้วว่าด้านหลังข้ามีเด็กหญิงอยู่คนหนึ่ง นางเองก็บาดเจ็บด้านวิญญาณ บาดเจ็บหนักมากด้วย ข้าต้องการใช้ไม้เลี้ยงวิญญาณเป็นโอสถที่จุดไฟวิญญาณนางขึ้นอีกครั้ง แต่…ข้าจะไม่เอาไม้วิญญาณของพวกเจ้าเปล่าๆ แน่นอน ข้าจะไปแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ด้วยกันกับพวกเจ้า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าสำนักพวกเจ้าได้”


“อะไรนะ? ท่านผู้อาวุโสจะลงมือช่วยเจ้าสำนักของพวกข้า?” คนจากสำนักหม้อชาดต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำของอี้อวิ๋น เดิมทีพวกเขาคิดว่าการเจออี้อวิ๋นคือหายนะ คิดไม่ถึงว่าจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง อี้อวิ๋นที่มีพลังยิ่งใหญ่และสังหารพวกเขาได้ในเสี้ยวพริบตากลับยินดีคุยเงื่อนไขกับพวกเขาด้วยฐานะที่เท่าเทียมกัน เรื่องนี้ทำให้พวกเขาที่คุ้นชินกับการที่ผู้แข็งแกร่งรังแกผู้อ่อนแอในโลกของจอมยุทธ์รู้สึกไม่ชินเล็กน้อย


พิจารณาถึงความแข็งแกร่งของอี้อวิ๋นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเขา ดูท่าเขาคงยินดีช่วยรักษาท่านเจ้าสำนักจริงๆ คนจากสำนักหม้อชาดต่างดีใจมาก


พลังของผู้อาวุโสท่านนี้น่าตื่นตะลึงถึงเพียงนี้ เขาอาจทำสำเร็จจริงๆ ก็ได้


“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ตื่นเต้นมาก เขาโค้งคำนับให้อี้อวิ๋นอย่างขอบคุณ


หรูเอ๋อร์ยิ่งตื่นเต้นจนหน้าแดง ไม่รู้ว่าควรขอบคุณอี้อวิ๋นอย่างไร


“อย่าเพิ่งดีใจกันไป ข้าอาจช่วยเขาไม่สำเร็จก็ได้”


อี้อวิ๋นไม่รับประกัน เพราะอย่างไรเจ้าสำนักหม้อชาดก็บาดเจ็บทางวิญญาณเช่นกัน แต่แม้จะเป็นการบาดเจ็บด้านวิญญาณเหมือนกัน วิญญาณที่อ่อนแอก็ย่อมรักษาง่ายหน่อย แต่วัตถุฟ้าดินอย่างหลิงเสียเอ๋อร์เกิดวิญญาณขึ้นได้หลังจากที่ผ่านมาหลายร้อยล้านปี กรณีย่อมรักษายาก


“หากท่านผู้อาวุโสทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นนี่ก็คงเป็นชะตากรรมของท่านเจ้าสำนัก พวกข้าคงยิ่งไม่ตั้งความหวัง”


ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูดจากใจจริง


“ได้ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้ายังมีเรื่องบางอย่างต้องจัดการ เมื่อจัดการเสร็จแล้วก็จะเดินทางไปแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ด้วยกันกับพวกเจ้า!”


…………………………………………………………………………………………………………



บทที่ 1127 จัดเตรียมไว้พร้อม

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตั้งแต่ที่อี้อวิ๋นได้ยินชื่อแดนสวรรค์สรรพสิ่งก็อยากไปเยือนสักครั้งแล้ว


ใน ‘เจ๋อเทียนจี้’ ของเทพโอสถมีบันทึกเกี่ยวกับที่นี่ ทั้งยังเคยไปที่แดนสวรรค์ด้วยตัวเองหลายครั้ง นั่นเป็นเพราะแดนสวรรค์สรรพสิ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ภายในมีจุดเชื่อมมิติตามธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับแดนสวรรค์หลายแห่งในโลกสวรรค์เทพหยาง เรียกได้ว่าเดินทางไปทั่วทุกสารทิศได้อย่างสะดวก!


เงื่อนไขทางสภาพแวดล้อมที่เป็นใจนี้ทำให้แดนสวรรค์สรรพสิ่งกลายเป็นที่ซื้อขายสมบัติที่ใหญ่ที่สุดของโลกสวรรค์เทพหยาง คำว่า ‘สรรพสิ่ง’ ที่อยู่ในชื่อก็มาด้วยเหตุนี้


เปรียบเทียบกันแล้วแดนสวรรค์กลางก็เป็นแค่หนึ่งในแดนสวรรค์อันมากมายของโลกสวรรค์เทพหยาง


“ท่านผู้อาวุโสเชิญจัดการทุกสิ่งได้ตามสบาย เช่นนั้นพวกข้าจะรอท่านอยู่ที่ไหนดี?” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูดอย่างเคารพนบนอบ เขาย่อมไม่กล้ามีข้อคิดเห็นขัดแย้งต่อการจัดการของอี้อวิ๋น


“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่แล้วกัน”


อี้อวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจ คนจากสำนักหม้อชาดตกใจเบาๆ เมื่อได้ยิน ที่นี่มีพิษร้อนไหลบ่า พวกเขาจะรอได้อย่างไร?


“ข้าไม่ได้ไม่เชื่อพวกเจ้า แต่ไม้เลี้ยงวิญญาณสำคัญกับข้ามากจริงๆ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดแล้วพวกเจ้าจงอยู่ที่นี่จนกว่าข้าจะกลับมา ห้ามไปที่ไหนทั้งนั้น อีกเรื่องคือข้าจะตีตราติดตามไว้บนร่างพวกเจ้า เช่นนั้นต่อให้เกิดอะไรจริงๆ ข้าก็จะรู้ตำแหน่ง”


ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็ดีดนิ้ว ชิ้นส่วนกฎรวมตัวบนปลายนิ้วแล้วกลายเป็นกงล้อสีเทาวงเล็กๆ


 นี่คือตราประทับที่เกิดจากแนวคิดแห่งการทำลายล้างของอี้อวิ๋น จากทำลายได้ก็ต่อเมื่อมีพลังเหนือกว่าอี้อวิ๋นไปไกล


กงล้อขนาดเล็กเจ็ดแปดวงบินเข้าสู่ร่างศิษย์สำนักหม้อชาดทุกคน


จากนั้นอี้อวิ๋นก็โบกมือโคจรกฎแห่งมิติเวลา มิติร้อยจั้งรอบด้านถูกเกิดการบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง มันกลายเป็นมิติที่เป็นเหมือนไข่ใบยักษ์และห่อหุ้มทุกคนไว้ภายใน


ตูม!


พื้นดินใต้เท้าแยกออกแล้วม้วนตัวขึ้นเป็นกำแพงผนึกมิตินี้ มันห่อหุ้มทุกคนให้ตกลงสู่ใต้ดินลึกอย่างรวดเร็ว


ศิษย์สำนักหม้อชาดทุกคนมีสีหน้าตื่นกลัวเมื่อเห็นพื้นดินแยกตัวไม่หยุดและกำแพงมิติโถมลงด้านล่างด้วยความเร็ว


ในที่สุดกำแพงมิติก็หยุดลงกลังจากที่ผ่านไปร้อยอึดใจเต็มๆ


จากนั้นอี้อวิ๋นก็ยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้น ดินที่อยู่ในกำแพงมิติถูกเขาขุดเจาะไม่หยุดจนกลายเป็นทางเดินและบ้านหิน เพียงไม่นานก็เกิดเป็นพระราชวังใต้ดินขนาดเล็ก


อี้อวิ๋นไม่ค่อยเชื่อใจคนจากสำนักหม้อชาด ไม่อยากให้พวกเขาเข้าเจดีย์เทพจุติ เขาจึงเลือกใช้วิธีที่ยุ่งยากนี้มาสร้างเมืองไว้ใต้ดินลึก ทั้งยังมีกำแพงมิติคอยผนึก ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกคนอื่นเจอจึงแทบเป็นศูนย์ ปลอดภัยแน่นอน


แต่แน่นอนว่าหากไม่มีอี้อวิ๋น พวกเขาก็ออกไปไม่ได้


ศิษย์สำนักหม้อชาดบางคนกังวลเมื่อตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ หากอี้อวิ๋นผิดสัญญา เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ถูกขังที่นี่จนตายหรือ? อยู่ในโลกใต้ดินลึกก็ไม่ต่างอะไรกับฝังทั้งเป็น


“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่แหละ อย่างเร็วก็ครึ่งปี อย่างช้าก็หลายปี ข้าจะกลับมาหาพวกเจ้า”


อย่างช้าก็หลายปี?


ศิษย์สำนักหม้อชาดรู้สึกขมขื่นในใจ แม้ที่นี่จะกว้างขวางพอให้พวกเขาอยู่ แต่การอยู่ที่นี่หลายปีโดยไม่มีอะไรทำก็เป็นเรื่องที่น่าทำให้สติแตก


แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าตั้งคำถามกับการจัดการของอี้อวิ๋น ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย


ในตอนนี้เองที่อี้อวิ๋นลูบมือไปที่แหวนมิติ หีบสามใบบินออกมา


ตุบ!


ฝาหีบเปิดออก หีบใบแรกเป็นพวกแผ่นหยกและม้วนคัมภีร์ หีบใบที่สองเป็นขวดโอสถและกล่องหยกที่บรรจุไว้ซึ่งโอสถธาตุกระดูก ใบสุดท้ายเป็นอาวุธของวิเศษต่างๆ


หลายปีมานี้อี้อวิ๋นฆ่าคนมาเยอะมาก สมบัติที่อยู่ในแหวนมิติของจอมยุทธ์ที่ตายเหล่านี้อี้อวิ๋นก็จะริบมาเช่นกัน เขามีวิชา โอสถและอาวุธที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขาจำนวนมา


สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่ออี้อวิ๋นแม้แต่น้อย


เขานำหีบสามใบออกมาอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดกับศิษย์สำนักหม้อชาดว่า “พวกเจ้านำโอสถเหล่านี้ไปกินเถอะ วิชากับอาวุธพวกนี้ก็เลือกฝึกตามสบาย ข้าไปก่อนล่ะ!”


ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็กระพริยร่างหายไปจากกำแพงมิติ


ศิษย์สำนักหม้อชาดที่เหลืออยู่มองหน้ากันไปมา หรูเอ๋อร์เดินออกไปนำขวดโอสถใบหนึ่งออกมาจากหีบโอสถหลังจากที่เวลาผ่านไปอยู่นาน


เมื่อเปิดขวดออกก็มีโอสถสีเขียวสองสามเม็ดกลิ้งออกมาอย่างซุกซน กลิ่นหอมอันรันจวนใจทำให้หรูเอ๋อร์รู้สึกร่างเบาหวิว นี่มันธาตุกระดูกผลวิถีไม่ใช่หรือ?


ธาตุกระดูกผลวิถีที่ทำให้จอมยุทธ์ระดับทะยานฟ้าเข้าสู่ระดับรวมวิถีและใช้เพื่อรวมผลวิถี…


หรูเอ๋อร์ตกตะลึงแล้วรีบดูอย่างอื่นต่อ


“ท่านอาจารย์ทั้งสอง พวกท่านรีบมาดูเร็วเจ้าค่ะ ทั้งโอสถทั้งอาวุธพวกนี้…”


คนจากสำนักหม้อชาดล้อมเข้ามาดูทันที


เมื่อดูแล้วก็ต้องตกตะลึงจริงๆ


ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ไม่ได้พูดโกหก สำนักหม้อชาดยากจนมากจริงๆ พวกเขาที่เป็นศิษย์ออกมาฝึกฝนก็เพื่อตามหาทรัพยากรและสมบัติ


สิบปีมานี้ศิษย์สำนักหม้อชาดต้องฝึกอย่างเสี่ยงภัยแต่ก็มีผลลัพธ์น้อยนิด ทว่าผู้อาวุโสท่านนี้กลับมอบวัตถุไว้ให้มากมายอย่างไม่ใส่ใจ


คิดดูอย่างละเอียดแล้วสิบปีมานี้ศิษย์สำนักหม้อชาดเจออันตรายมานับไม่ถ้วน มีศิษย์ที่ต้องล้มตายเช่นกัน แต่เมื่อนับรวมวัตถุทั้งหมดที่ได้มาแล้วก็มีค่าแค่หนึ่งในไม่กี่ส่วนของวัตถุในหีบเหล่านี้…


หรูเอ๋อร์มีความรู้สึกซับซ้อนมาก พวกเขาห่างชั้นกับผู้อาวุโสท่านนี้มากเกินไปจริงๆ


“พวกเราใช้ของพวกนี้ได้ตามสบายจริงๆ หรือ?” หรูเอ๋อร์ลูบธาตุกระดูกผลวิถีขวดนี้อย่างอาลัยอาวรณ์ โอสถประเภทนี้มีประโยชน์ต่อการฝึกยุทธ์ในอนาคตของนางมาก แต่หากจะให้ใช้ก็รู้สึกฟุ่มเฟือยเกินไปหน่อย


ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มองแววตาที่เป็นประกายของบรรดาศิษย์แล้วก็ขยับลำคอก่อนที่จะพูดว่า “ในเมื่อท่านผู้อาวุโสนำออกมาก็หมายความว่าของพวกนี้ไม่นับเป็นอะไรสำหรับเขา…พวกเราก็ใช้กันเถอะ”


……


ตูม! อี้อวิ๋นพุ่งออกจากใต้ดิน!


ก่อนหน้านี้หลิงเสียเอ๋อร์ถูกอี้อวิ๋นเก็บเข้าเจดีย์เทพจุติแล้ว แม้หนึ่งปีมานี้นางจะยังไม่ได้สติ แต่สภาวะด้านวิญญาณก็เสถียรมานานแล้ว รับมือกับมิติที่บิดเบี้ยวของค่ายกลส่งข้ามได้อยู่


หลังจากที่อี้อวิ๋นปรากฎตัว ในรัศมีร้อยลี้รอบๆ ก็มีจอมยุทธ์จำนวนหนึ่งตามหาสมบัติอยู่


ทว่าพวกเขายังไม่ทันมาถึงก็เห็นเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งไปที่เส้นขอบฟ้า เพียงพริบตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


“ไม่รู้ว่าเป็นผู้อาวุโสคนไหน…”


จอมยุทธ์เหล่านี้พากันหยุดฝีเท้าลง ผู้อาวุโสประเภทนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะมีเรื่องด้วยได้


อี้อวิ๋นมุ่งตรงมาถึงค่ายกลส่งข้ามของเมืองแสงหยก องครักษ์ที่ดูแลค่ายกลรู้สึกถึงลมสีเทาที่พัดเข้าสู่ค่ายกลส่งข้ามอย่างฉับพลัน พวกเขาตื่นตกใจ ทว่ายังไม่ทันทำอะไรก็พบว่าค่ายกลเกิดการโคจรเองขึ้นมา จากนั้นก็มีลำแสงกระพริบ สายลมสีเทาหายไปแล้ว


“เกิดอะไรขึ้น เหมือนว่าเมื่อครู่นี้ค่ายกลส่งข้ามจะถูกใช้งานนะ?”


เหล่าองครักษ์ที่ดูแลค่ายกลส่งข้ามรู้สึกไม่เข้าใจ และตอนนี้อี้อวิ๋นก็มาถึงยังพื้นที่ที่ห่างออกมาหลายหมื่นลี้


หลังจากที่เขาออกจากค่ายกลส่งข้ามก็ใช้วิชาท่าร่างก็บินอย่างรวดเร็ว เขามาถึงจุดเชื่อมมิติตามความทรงจำตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อข้ามผ่านจุดเชื่อมมิตินี้เขาก็จะพุ่งผ่านระยะทางหลายแสนลี้ไปถึงมิติภายในสำนักกระบี่สระใส


……………………………………………………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)