True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1123-1124
บทที่ 1123 ปิดด่านใต้ดิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตูมตูมตูม!
กลางใต้ดินมีหินหลอมไหลบ่า อี้อวิ๋นนั่งขัดสมาธิอยู่กลางบ่อหินหลอม หินหลอมสีทองเข้มจมเหนือศีรษะจนทั้งร่างจมอยู่ใต้หินหลอม
หินหลอมเหล่านี้ไม่ใช่แค่ร้อนแผดเผา กฎแห่งหยางบริสุทธิ์อันรุนแรงที่แฝงอยู่ภายในก็มีพิษร้อนปะปน ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ระดับวังวิถีจะถูกพิษซึมเข้าร่างเมื่อแช่อยู่ในหินหลอมเป็นเวลานาน
แต่อี้อวิ๋นมีร่างหยางบริสุทธิ์อยู้แล้ว ในร่างยังมีไม้เทพไม้ฟ้า สิ่งเหล่านี้ช่วยกำจัดพิษร้อนได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงนั่งลงในบ่อหินหลอมโดยไม่กังวลและดูดซึมพลังหยางบริสุทธิ์ภายใน
ตอนที่อี้อวิ๋นเข้าสู่ระดับวังวิถีก่อนหน้านี้ก็คือการฝืนข้ามผ่านระดับ ต่อมาก็เผาแก่นโลหิตเพื่อสังหารคนทั้งสามจากวังวิถีเจ็ดดารา หากเขาไม่รีบตีระดับให้แน่นก็จะทำให้รากฐานไม่มั่นคง วิถียุทธ์ในอนาคตจะได้รับผลกระทบเช่นกัน
พลังหยางบริสุทธิ์ในบ่อหินหลอมนี้มีอย่างไร้จำกัด เป็นสถานที่ฝึกฝนรักษาตัวชั้นยอดสำหรับอี้อวิ๋นพอดี
ขณะเดียวกันปราณเกราะของอี้อวิ๋นก็ยังคงห่อหุ้มร่างหลิงเสียเอ๋อร์
เวลาผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว หลิงเสียเอ๋อร์ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น แต่ร่างวิญญาณของนางหนาแน่นกว่าก่อนหน้านี้มาก
ใช้เพลิงรักษาเพลิง เดิมทีเชื้อเพลิงเทพมารก็เป็นเปลวเพลิงที่เกิดจากฟ้าดิน เพลิงหินหลอมนี้จึงย่อมเป็นสารอาหารที่หล่อเลี้ยงนางได้
ขณะที่อี้อวิ๋นฝึกฝนก็คอยดูสถานการณ์ของหลิงเสียเอ๋อร์อยู่ตลอด
เขาผสานร่างกับเชื้อเพลิงเทพมารจึงมีความเชื่อมโยงพิเศษกับหลิงเสียเอ๋อร์ เขารู้อาการของหลิงเสียเอ๋อร์ทะลุปรุโปร่ง ปราณเกราะของอี้อวิ๋นคอยควบคุมปริมาณพลังหยางบริสุทธิ์ของหินหลอมอย่างแม่นยำ ควบคุมให้พลังเหล่านี้อยู่ในขอบเขตที่หลิงเสียเอ๋อร์รับไหว
การฝึกฝนไม่รู้กาลเวลา อี้อวิ๋นจมดิ่งอยู่กับการฝึก เวลาว่างที่เหลือก็ใช้ไปกับการรักษาหลิงเสียเอ๋อร์
นอกจากพวกผู้อาวุโสจี คนที่รู้ว่าอี้อวิ๋นอยู่ที่นี่ก็ตายไปหมดแล้ว อี้อวิ๋นไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าการปิดด่านฝึกตนของเขาจะมีคนรบกวน ที่ใจกลางพิภพนี้มีเสียงหินหลอมไหลบ่าให้ได้ยินทั้งวัน มันทำให้จิตอี้อวิ๋นสงบลงอย่างประหลาด
อี้อวิ๋นรู้ว่าอันตรายของสำนักกระบี่สระใสยังไม่หายไป การเดินทางในทะเลทรายกลบอาทิตย์ครั้งนี้ รองประมุขจากวังวิถีเจ็ดดาราสี่คนและทูตจาอีกหลายคนล้วนตายลงที่นี่ พลังของวังวิถีเจ็ดดาราหายไปกว่าครึ่ง หากพวกเขาจะวางแผนจัดการสำนักกระบี่สระใสก็เกรงว่าคงทำไม่ได้ดั่งใจ
อีกอย่างสำนักกระบี่สระใสก็มีค่ายกลโบราณปกป้อง หากจะโจมตีก็ไม่ง่ายถึงเพียงนั้น
ส่วนหลิงเสียเอ๋อร์ สถานการณ์ของนางทำให้ใจอี้อวิ๋นต้องกลัดกลุ้ม หลิงเสียเอ๋อร์เป็นร่างวิญญาณ เชื้อเพลิงเทพมารที่เป็นร่างจริงของนางผสานกับอี้อวิ๋นไปแล้ว แต่ร่างวิญญาณนี้อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้นางฟื้นฟูเต็มร้อย
เสียงดังสนั่นจากใต้ดินของทะเลทรายกลบอาทิตย์ค่อยๆ หายไป การเคลื่อนไหวของทรายบนพื้นผิวกลบฝังความเคลื่อนไหวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เหล่าจอมยุทธ์จากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่มาตามหาสมบัติไม่รู้แม้แต่น้อยว่าทะเลทรายกลบอาทิตย์เกิดอะไรขึ้น พวกเขายังคงตามหาบนทะเลทรายต่อไป
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ เมื่อจอมยุทธ์บางคนไม่เจออะไรก็ยอมแพ้ในที่สุด แต่ก็มีคนพยายามตามหาด้วยสาเหตุต่างๆ หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์
ต่อให้ไม่อาจได้วิญญาณหยางที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ แต่หากเจอวัตถุที่มีค่าเทียบเท่าวิญญาณหยางสักครึ่งหนึ่งก็เพียงพอให้ชะตาชีวิตพวกเขาพลิกผันแล้ว
……
“ศิษย์น้องหก ตามหาอีกสักเดือนแล้วเจ้าก็พาพวกอู๋ซวี่กลับไปที่สำนักเถอะ ข้าจะอยู่หาต่อเอง”
กลางทะเลทรายกลบอาทิตย์มีเงาร่างเจ็ดแปดร่างเดินอยู่ ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่เป็นหัวหน้ามีคลื่นพลังปราณบางๆ ส่องกระพริบบนร่างเพื่อตัดขาดจากทรายและไอร้อนที่อยู่ไปทั่ว
ด้านหลังเขามีเด็กรุ่นเยาว์ทั้งชายและหญิงห้าหกคนเดินตาม มีหญิงอายุประมาณสามสิบที่สวมชุดกระโปรงสีดำ หญิงคนนี้ก็คือศิษย์น้องหกที่ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูดถึง
คนกลุ่มนี้มาจากสำนักเล็กๆ ในแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ ชื่อว่าสำนักหม้อชาด
แคว้นสรรพสิ่งอยู่ติดกันกับแคว้นจง ตรงกลางมีทะเลทรายกลบอาทิตย์กั้นอยู่ คนจากสำนักหม้อชาดมาจากอีกฟากหนึ่งของทะเลทราย
นับจากที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์เกิดปรากฏการณ์ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน สำนักหม้อชาดก็มาหาวัตถุล้ำค่าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้สำนักตัวเองเหมือนกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ยังไม่เจออะไร
หนึ่งปีมานี้ปรากฏการณ์ที่เดิมทีครอบคลุมพื้นที่เป็นล้านลี้ก็เหมือนจะหายไป มันไม่มีความเคลื่อนไหวมานานมากแล้ว
กลุ่มอิทธิพลบางส่วนตัดสินใจถอนตัว สาเหตุเป็นเพราะพวกเขาพบว่าสองสามเดือนมานี้พลังหยางในทะเลทรายกลบอาทิตย์กำลังอ่อนแอลง พวกเขาสงสัยว่าสมบัติคงหนีไปแล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่ามีคนได้สมบัติไปพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อ หนึ่งเพราะพวกเขาไม่ต้องการเชื่อว่ามีใครได้โอกาส สองเพราะหนึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขาพยายามตามหาทั่วทะเลทรายกลบอาทิตย์อยู่ตลอดก็ไม่เห็นว่าที่ตั้งสมบัติจะปรากฏ
ดังนั้นคนที่มารวมตัวในทะเลทรายกลบอาทิตย์จึงมีน้อยลงเรื่อยๆ ตอนนี้มีคนไม่ถึงหนึ่งส่วนของช่วงที่รุ่งเรือง
ชายวัยกลางคนร่างใหญ่ผู้นี้กับศิษย์น้องหกฝึกยุทธ์ด้วยกันมาหลายปี มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ตอนนี้พวกเขาพาเด็กรุ่นเยาว์ของสำนักหม้อชาดมาสำรวจที่นี่ มีความตั้งใจที่จะให้พวกเขาได้ฝึกฝนเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้ผลลัพธ์อะไรมาตลอดหนึ่งปี ใจของหญิงชุดกระโปรงดำเกิดความคิดที่จะยอมแพ้ขึ้นจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของท่านเจ้าสำนักในเวลานี้แล้วนางก็สะบัดหัวไล่ความคิด
“ตามหาต่อไปเถอะ เจ้าสำนักหมดสติมานานสิบปี จะปล่อยให้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายไปตลอดก็ไม่ใช่ทางออก ต้องหาวัตถุดิบล้ำค่าจึงจะช่วยท่านเจ้าสำนักได้ หากไม่มีเจ้าสำนัก สำนักเล็กๆ ของเราก็ถูกทำลายได้ทุกเมื่อ”
หากไม่ใช่เพื่อช่วยท่านเจ้าสำนัก พวกเขาก็คงไม่มาที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่นิ่งเงียบไปเมื่อได้ยินคำของหญิงกระโปรงดำ เด็กรุ่นเยาว์ที่พวกเขาพามาต่างมีสีหน้าเศร้าโศกและไม่สบายใจเช่นกัน
สาวน้อยชุดเหลืองไข่ห่านผู้หนึ่งก้มศีรษะลงมากกว่าใคร ดวงตานางแดงเล็กน้อย
เฮ้อ ช่างน่าอนาถจริงๆ เจ้าสำนักไม่ได้สติ ตัวสำนักอยู่ในอันตราย พวกเขามาทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็ยังไม่ได้อะไรอีก…
“ศิษย์น้องหรูเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้อีกแล้วเล่า!” ศิษย์คนหนึ่งพูดเสียงดัง
หรูเอ๋อร์รีบสูดจมูกแล้วรีบส่ายหน้าพูดว่า “ข้าเปล่า…”
“เอาล่ะๆ” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มองหรูเอ๋อร์แล้วก็ไม่สบายใจ ตัวเขาเป็นอาจารย์แต่กลับไม่อาจกุมท้องฟ้าให้ศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้
“ตามนี้ เราจะค้นหาต่ออีกหนึ่งเดือน” ชายวัยกลางคนร่างใหญ่พูด
ในตอนนี้เองจู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นจากใต้เท้า
ทะเลทรายกลบอาทิตย์นิ่งสงบมานาน คนจากสำนักหม้อชาดตื่นตกใจเมื่อจู่ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือน
แต่ครั้งนี้การสั่นสะเทือนกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ตรงกันข้าม มีแรงสั่นที่แรงยิ่งขึ้นส่งมาจากใต้ดิน
ฟิ้ว!
เสียงแหลมเสียงหนึ่งดังออกจากใต้ดินมาเสียดแทงแก้วหู!
ทันใดนั้นลมและก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็รวมตัวกันประหนึ่งถูกเสียงนี้ชักนำ
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่รีบสั่งให้ศิษย์รุ่นเยาว์บินขึ้นกลางอากาศเพื่อคุมร่างให้มั่นคง
……………………………………………………………………………………………………
บทที่ 1124 ไม้เลี้ยงวิญญาณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
พวกเขาเห็นว่าบนทะเลทรายเบื้องล่างมีน้ำวนวงหนึ่งปรากฏขึ้น ทรายที่อยู่รอบๆ พากันไหลเข้าสู่น้ำวน
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มีสีหน้าตื่นเต้น “นี่คือ…ปรากฏการณ์การปรากฏของสมบัติ!”
คิดไม่ถึงจริงๆ พวกเขาเพิ่งตัดสินใจไปว่าจะออกจากที่นี่ในอีกไม่ช้า ปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้น! ในทุกสถานการณ์ที่ไม่ดีมักมีสิ่งดีเกิดขึ้นตามมาอยู่เสมอ! ปรากฏการณ์นี้ก็เกิดขึ้นใต้เท้าพวกเขาพอดี คราวนี้จอมยุทธ์คนอื่นย่อมแย่งชิงไม่ทัน
“ปรากฏการณ์นี้…” หญิงกระโปรงดำผู้นั้นมองน้ำวนเบื้องล่างอย่างตกตะลึง
ภาพเหตุการณ์นี้ดูเหมือนการปรากฏของสมบัติจริงๆ
หลังจากที่เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ตื่นตกใจก็พากันตื่นเต้น
“หา? ปรากฏการณ์หรือ?” หรูเอ๋อร์เอามือป้องปากตัวเอง
เบื้องบนคงได้ยินคำภาวนาของนางเป็นแน่ สำนักหม้อชาดจะไม่โชคร้ายขนาดนี้อีกต่อไป
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่สงบจิตใจลง ตอนนี้ไฟความหวังถูกจุดขึ้นอีกครั้ง
การสั่นสะเทือนค่อยๆ หยุดลง แต่ชายวัยกลางคนก็จำตำแหน่งของน้ำวนเอาไว้แล้ว
เขาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง น้ำวนนี้นิ่งสงบมากเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แทงกระบี่เข้าใส่ก็ไม่มีการตอบสนองอะไร
“ปลอดภัยดี เกรงว่าสมบัติคงอยู่ใต้ดิน พวกเรารีบใช้จังหวะที่จอมยุทธ์คนอื่นๆ ยังมาไม่ถึงมาคว้าสมบัตินี้” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูด
ศิษย์คนอื่นๆ คอยมองชายวัยกลางคนที่กำลังสำรวจ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ก็พากันล้อมเข้ามาอย่างอดใจไม่ไหว
“ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันขุดสมบัติออกมา” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูด
“อื้ม!”
ทว่าในตอนนี้เองที่จู่ๆ ก็มีแรงดูดอันรุนแรงส่งมาจากใต้ดิน พวกเขาทั้งหมดร่วงลงสู่กลางน้ำวนพร้อมกัน
คราวนี้พวกเขาไม่ต้องขุดก็ตกลงไปเองแล้ว!
คนจากสำนักหม้อชาดตกลงสู่ถ้ำขนาดยักษ์ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
ทรายที่อยู่รอบน้ำวนทำการกลบฝังทางเข้าถ้ำอันน่ากลัวนี้อีกครั้ง กลางทะเลทรายหมื่นลี้นี้ทางเข้าถ้ำก็เล็กเหมือนฝุ่นผง ดูไม่มีอะไรสะดุดตาแม้แต่น้อย
“อ้า!”
หรูเอ๋อร์ที่อยู่กลางเสียงกรีดร้องไม่รู้ว่าตัวเองร่วงตกมาลึกแค่ไหนแล้ว นางได้ยินแค่เสียงลมที่พัดผ่านข้างหู ตัวนางร่วงลงเบื้องล่างไม่หยุด พลังความร้อนอันน่ากลัวปะทะใส่ปราณคุ้มครองร่างอย่างต่อเนื่องจนนางไม่อาจหยุดยั้งร่างกายตัวเอง
นี่คือน้ำวนพลังปราณขนาดยักษ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แรงดูดอันน่ากลัวทำให้พวกเขาไม่อาจต้านทานหรือควบคุมการเหาะเหิน
ปราณหยางบริสุทธิ์ที่อยู่ในทะเลทรายกลบอาทิตย์ด้านนอกเริ่มอ่อนแรงลง ทว่าพลังหยางที่นี่กลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
“อาจารย์อาสอง อาจารย์อาหก!”
มีศิษย์รุ่นเยาว์ร้องตะโกน แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อาจารย์อาสองคนนั้นก็ไม่ได้รับมือง่ายไปกว่าศิษย์รุ่นเยาว์นัก
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่คอยเร่งใช้พลังปราณไม่หยุด แต่เขาก็ทำได้แค่ให้ความเร็วในการร่วงหล่นของตัวเองช้าลงเล็กน้อย หญิงชุดโปรงดำผู้นั้นก็มีสถานการณ์ไม่ต่างกัน
ด้วยสภาพของพวกเขาสองคนจึงไม่อาจดูแลเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์
หรูเอ๋อร์ค่อยๆ เห็นแสงไฟสีแดงประหนึ่งนรกที่ด้านล่าง
ส่วนสมบัติที่คาดหวังนั้นก็ไม่มีให้เห็นแม้แต่น้อย
‘ถูกดูดเข้าที่นี่อย่างฉับพลัน ไม่รู้ว่าเป็นโชคหรือเป็นเคราะห์กันแน่ จะเจอโอกาสหรือเปล่า’ หรูเอ๋อร์คิดอย่างเป็นกังวล
ตุบตุบตุบ!
เสียงร่วงสู่พื้นของบรรดาศิษย์ดังขึ้นติดๆ กัน แต่ละคนรู้สึกเจ็บไปทั้งร่าง
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหญิงกระโปรงก็ร่วงสู่พื้นแล้วเช่นกัน ทั้งคู่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
แม้ตอนที่เพิ่งร่วงตกลงมาพวกเขาจะพยายามใช้พลังปราณมาช่วยบรรดาศิษย์ แต่การถูกแรงดูดพลังปราณอันน่ากลัวดูดลงมาจากที่สูงขนาดนั้นก็ทำให้ศิษย์เหล่านี้เจ็บตัวอยู่ดี
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็ไม่เห็นทางเข้าถ้ำอะไรทั้งนั้น มีเพียงทรายบางส่วนที่ยังคงไหลลงจากด้านบน
ส่วนสถานที่แห่งนี้…
หรูเอ๋อร์ร่วงจนเจ็บไปทั้งตัว เมื่อลุกขึ้นยืนและเห็นภาพเบื้องหน้าก็ต้องใจเต้นแรง
หินหลอมไหลบ่า ก้อนหินถูกเผาจนแดง พลังหยางบริสุทธิ์อันน่ากลัวทำให้ปราณคุ้มครองร่างของพวกเขาละลายเหมือนน้ำแข็งไม่หยุด เพียงแค่อยู่ในสถานที่เช่นนี้ไม่นานก็จะถูกพิษร้อนเผาร่างจนตายอย่างทรมานแสนสาหัส
หรูเอ๋อร์มีสีหน้าสิ้นหวังเมื่อคิดว่าตัวเองจะต้องกลายเป็นซากศพแห้งๆ ในใต้ดินที่ไม่รู้ลึกเท่าไรนี้ “ท่านอาจารย์อา…”
“อาจารย์เองก็จนปัญญา” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มีความคิดแบบเดียวกับหรูเอ๋อร์ หากมีเขาเพียงคนเดียวก็คงลองปีนไปตามทางที่ร่วงลงมาได้ แต่เขาพาศิษย์มาตั้งหลายคน เรื่องนี้จึงเป็นไปไม่ได้อีก
ตอนนี้บรรดาศิษย์พากันมองเขากับหญิงกระโปรงดำอย่างลนลาน ไม่รู้เลยว่าพวกเขาสองคนก็ไม่สบายใจเช่นกัน
“ทุกคนเปิดใช้ปราณเกราะแล้วเดินเข้ามาใกล้กัน ต้องพยายามประหยัดพลังปราณให้ได้ พวกเราลองเดินไปเรื่อยๆ ดูก่อนว่ามีทางออกอื่นอีกหรือไม่” หญิงกระโปรงดำพูด
นางกับชายวัยกลางคนเองก็ต้องประหยัดพลังปราณ ได้แต่ลดระดับให้พลังปราณอยู่บนผิวหนังเท่านั้น วิธีเช่นนี้ไม่อาจตัดขาดคลื่นความร้อน พวกเขายังคงร้อนแผดเผาอยู่
“อื้ม มีอาจารย์อาทั้งสองท่านอยู่ น่าจะออกไปได้ใช่ไหม?”
“น่าจะได้ ไม่แน่ว่าจะเจอสมบัติด้วย”
คำพูดของเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ทำให้ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหญิงกระโปรงดำสบตากันอย่างอดไม่ได้ พวกเขาต่างเห็นความขมขื่นในดวงตาอีกฝ่าย
เกรงว่าแม้แต่คนที่แข็งแกร่งพวกเขาไปไกลก็รับมือกับสถานที่เช่นนี้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับพวกเขา
แม่น้ำหินหลอมที่ใต้ดินลึกไหลบ่ารุนแรงมาก
หรูเอ๋อร์เช็ดเหงื่อที่หน้าผากตัวเองแล้วค่อยๆ เดินไปข้างหน้าด้วยกันกับอาจารย์อาทั้งสองและศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ
พวกเขาเดินตามแม่น้ำหินหลอมใต้ดินนี้มาสามวันแล้ว แม่น้ำนี้เป็น ‘เส้นทาง’ เพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาหาเจอ
ใต้ดินลึกนี้มีเพียงถ้ำที่แม่น้ำหินหลอมไหลผ่านเท่านั้นที่เรียกว่าเป็นทางได้ แหล่งที่มาเดียวของแสงสว่างคือหินหลอมที่ร้อนระอุ แต่พวกเขาเดินมาตลอดทางแล้วก็ไม่เห็นความหวังที่จะได้ออกไป
“ศิษย์น้องหรูเอ๋อร์” ศิษย์พี่หญิงคนหนึ่งมีประกายสลัวแล่นผ่านดวงตา “พวกเราคงออกไปไม่ได้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าท้ายที่สุดจะต้องตายอยู่ที่นี่ แม้แต่ซากศพก็จะไม่มีใครหาเจอ หากไม่มีวัตถุดิบล้ำค่าที่เราเจอ สำนักหม้อชาดก็จะทรุดโทรมลง เจ้าสำนักหมดสติไม่ฟื้น แม้จะมีไม้เลี้ยงวิญญาณก็ไร้ความหมาย”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะศิษย์พี่ลัว อย่ายอมแพ้” หรูเอ๋อร์พูดแล้วก็แอบยกมือขึ้นมาเช็ดหางตาเงียบๆ
ความจริงนางก็รู้ว่าเป็นเรื่องยากมากที่พวกเขาจะได้ออกจากใต้ดินนี้ พวกเขาไม่รู้ตกลงมาลึกกี่แสนจั้ง แต่ตอนนี้นางกลับไม่รู้สึกว่าพวกเขากำลังเดินขึ้นด้านบนแม้แต่น้อย พลังหยางบริสุทธิ์กับพิษร้อนใต้ดินนี้ก็คอยกัดกร่อนปราณคุ้มครองร่างพวกเขาไม่หยุด ต่อให้มีทางออกจริงๆ ก็เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่ถึงเวลานั้น
หรูเอ๋อร์อดที่จะอยากส่งเสียงร้องไห้ไม่ได้เมื่อคิดว่าตัวเองใกล้ตายแล้ว นางยังไม่อยากตาย
ไม่ใช่แค่หรูเอ๋อร์ คนอื่นๆ ในสำนักหม้อชาดก็สิ้นหวังมากเช่นกัน ตอนแรกคิดว่าจะมีเรื่องดีหลังจากเรื่องร้าย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
ใต้ดินนี้เป็นดังนรกแผดเผาที่กลืนกินพวกเขาเงียบๆ อย่างไม่มีใครรู้
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหญิงชุดกระโปรงดำมีสีหน้าหนักใจเช่นกัน ที่นี่มีกฎแห่งหยางบริสุทธิ์เข้มข้นมาก ทั้งยังมีกฎที่วุ่นวายอีกหลายอย่าง มันทำให้พวกเขาแยกทิศทางไม่ออกและทำลายพื้นดินออกไปไม่ได้
เป็นทางตันโดยแท้
ตูม ตูม ตูม!
ในตอนนี้เองที่มีเสียงดังสนั่นเบาๆ ส่งมาจากด้านหน้า
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เงยหน้าขึ้นทันที เหตุใดเสียงนี้จึงคล้ายคลึงกับเสียงจากใต้ดินที่ดังก่อนที่พวกเขาจะตกลงมา?
หรือพวกเขาจะเดินวนจนกลับมาที่เดิมก่อนหน้านี้?
“ไปดูกันเถอะ” หญิงกระโปรงดำพูดเสียงเบา
พวกเขาตกลงจากพื้นผิวปกติก็เพราะความเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ตอนนี้พวกเขาใกล้ตายแล้ว ต่อให้สถานที่ที่เสียงนี้ส่งออกมาจากมีอันตรายอะไรก็ไม่น่ากลัวอีก
เมื่อพวกเขาเดินไปข้างหน้า เสียงเหมือนฟ้าร้องนี้ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ใต้ดินลึกนี้มีเสียงเช่นนี้ได้อย่างไร?
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงถ้ำที่ค่อนข้างใหญ่ สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นในถ้ำคือบ่อหินหลอมสีทองที่โหดซัดสาด บ่อหินหลอมนี้มีกระแสรุนแรงมาก พลังความร้อนที่แผ่ออกมาทำให้พวกเขาแสบผิวจนยากที่จะเข้าใกล้
แต่ต่อมาหรูเอ๋อร์ก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างฉับพลัน นางชี้มือไปที่บ่อหินหลอมนี้พร้อมกับอ้าปากค้าง
“ท่านอาจารย์อา ศิษย์พี่ พวกท่านดูเร็ว!”
หรูเอ๋อร์ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง เดิมทีนางคิดจริงๆ ว่าสถานที่แห่งนี้มีแค่คนจากสำนักหม้อชาดของพวกนาง คิดไม่ถึงว่าจะมีคนอื่นอีก!
สองคนนั้นมีคนหนึ่งนอนอยู่บนก้อนหินด้านข้าง อีกคนแช่อยู่กลางบ่อลึก
ความจริงตอนที่ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหญิงกระโปรงดำเข้ามาในถ้ำนี้ก็สังเกตเห็นสองคนนี้อยู่ก่อนแล้ว
แต่คนที่นอนบนก้อนหินไม่มีร่องรอยชีวิตแม้แต่น้อย ส่วนคนที่อยู่ในบ่อลึกก็จะมีมนุษย์ที่ไหนแช่อยู่ที่นี่?
“ที่แท้” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ถอนหายใจ “ที่แท้ก็มคนโชคร้ายแบบพวกเราเช่นกัน ดูแล้วคนที่นอนอยู่เป็นเด็กผู้หญิง แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่มีชีวิต ส่วนคนในบ่อลึก…ไม่รู้ว่าก่อนตายต้องเจอความเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน”
หญิงชุดกระโปรงดำมองสองคนนี้แล้วก็รู้สึกว่าพวกเขาคงมีชะตากรรมเดียวกัน
ส่วนหรูเอ๋อร์ก็รู้สึกหนักหน่วงในใจ ด้วยสภาพของพวกเขาในตอนนี้แล้วก็ไม่อาจเข้าใกล้บ่อลึก ไม่อาจช่วยจัดการศพให้สองคนนี้เช่นกัน
แต่ในตอนนี้เองที่จู่ๆ เงาร่างที่แช่ในบ่อลึกก็ลุกตัวขึ้นมา ในร่างเขามีเสียงฟ้าร้องดังส่งออกมา ทั้งยังมีเสียงร้องแหลมดังออกมาเช่นกัน!
ชายคนนี้หันหน้ามาลืมตาทางพวกเขา
นี่เป็นดวงอันนิ่งสงบ กลางดวงตาอันลึกล้ำนี้มีเปลวไฟสีเทาสองดวงสั่นไหวอย่างประหลาด
แววตานี้ทำให้คนจากสำนักหม้อชาดใจเต็นระรัว!
ที่แท้นี่ก็เป็นคนที่ยังมีชีวิต!
ดูจากท่าทางอีกฝ่ายแล้วก็อายุน้อยมาก เป็นเด็กหนุ่มที่อายุไม่ได้มากไปกว่าพวกเขาเหล่านี้เท่าไร
สวรรค์ เขาใช้ชีวิตอยู่ในที่แบบนี้หรือกำลังฝึกฝน? ดูท่าทางแล้วเหมือนจะอยู่ที่นี่มานานมาก
แล้วเด็กผู้หญิงตรงหน้าเขาเป็นอะไรไป?
ขณะที่คนจากสำนักหม้อชาดกำลังใจสั่นเทา เด็กหนุ่มคนนั้นก็พูดขึ้นว่า “เมื่อครู่นี้พวกเจ้าว่าอะไรนะ? ไม้เลี้ยงวิญญาณหรือ?”
……………………………………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น