True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1118-1120
ตอนที่ 1118
สิบจั้งแห่งความเป็นความตาย
โดย
Ink Stone_Fantasy
‘หลิงเสียเอ๋อร์!’
ทันใดนั้นอี้อวิ๋นก็ลืมตาขึ้น เปลวไฟสีเทาสั่นกระพริบในตา มิติใต้ดินอันมืดสลัวเหมือนถูกจุดให้สว่าง
ตูม!
กำแพงค่ายกลเหนือศีรษะอี้อวิ๋นทลายออก พลังปราณอันบ้าคลั่งที่เกิดจากค่ายกลที่แตกทลายพัดม้วนเหมือนพายุ แต่เสื้อผ้าทั่วร่างอี้อวิ๋นกลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว พลังในร่างเขารวมตัวกัน แววตามีจิตสังหารเข้มข้นมากจนจะรวมตัวเป็นโลหิต!
‘วังวิถีเจ็ดดารา! หลิ่วหรูอี้!’
ฟึ่บ!
กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ปรากฏในมืออี้อวิ๋น เงาร่างเขาหายไปจากจุดเดิมในชั่วพริบตา!
หลังจากที่เข้าสู่ระดับวังวิถี ความเร็วของอี้อวิ๋นก็พัฒนาถึงจุดที่น่ากลัว!
อีกาทองร้องคำราม ด้านหลังอี้อวิ๋นมีปีกยักษ์คู่หนึ่งปรากฏ เงาร่างอี้อวิ๋นเหมือนห่อหุ้มอยู่กลางเปลวไฟลูกหนึ่งเมื่อสยายปีกกลางอากาศ เขาพุ่งไปยังจุดที่หลิงเสียเอ๋อร์อยู่เหมือนอุกกาบาต
แม้มิติในแดนลับจะแปรปรวนวุ่นวาย แต่หลังจากที่ผสานเข้ากับเชื้อเพลิงเทพมารแล้วอี้อวิ๋นก็รู้สึกถึงตำแหน่งของหลิงเสียเอ๋อร์ แต่ความเชื่อมโยงระหว่างร่างจริงเชื้อเพลิงเทพมารกับหลิงเสียเอ๋อร์เหมือนจะถูกตัดขาดแล้ว…
……
ท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้อง ทั่วทั้งตำหนักศิลาทลายลงอย่างรวดเร็ว ค่ายกลนี้กำลังเดินทางเข้าสู่จุดจบ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็เกรงว่าแม้แต่โลกใต้ดินนี้ก็จะจมอยู่ใต้ทะเลทรายอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหรูอี้สังหรณ์ใจไม่ดีนัก ที่นี่คือค่ายกลฟ้าดิน มันถูกทำลายง่ายๆ ได้อย่างไร?
“เพื่อป้องกันไม่ให้อุปสรรคยิ่งมากเมื่อเวลายิ่งนาน สองพี่น้องหมัวเสวี่ยหมัวซา พวกเราสามคนร่วมมือกันจัดการเด็กคนนี้ให้แตกซ่าน ส่วนเรื่องอี้อวิ๋น ในเมื่อค่ายกลนี้พังทลาย ตัวเขาที่อยู่ในโลกใต้ดินก็คงไม่รอดแน่แล้ว ต่อให้เขาโชคดีรอดออกมาจริงๆ ก็จะตกอยู่ในกำมือเรา” หลิ่วหรูอี้พูดพร้อมกับมองหลิงเสียเอ๋อร์
“หึหึ ได้” รองประมุขร่างเด็กสองคนนั้นสบตากันแล้วส่งพลังปราณออกไป
ดูจากท่าทีอันไม่มั่นคงของหลิงเสียเอ๋อร์ เพียงแค่พลังปราณสองสายนี้ส่งเข้าสู่แส้ขังวิญญาณก็จะทำให้นางตายอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกเขาสองคนลงมือแทบจะพร้อมกัน พลังปราณเชื่อมโยงกันอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ร่างกายหลิงเสียเอ๋อร์สั่นเบาๆ เมื่อพลังปราณส่งเข้าสู่แส้ขังวิญญาณ จิตใจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเสื่อมถอยลง แม้แต่ร่างกายก็เลือนรางขึ้นมา ตอนนี้นางเป็นดังภาพลวงตาในความฝัน กำลังจะกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนที่สลายไปในอากาศ
ขณะเดียวกันอี้อวิ๋นที่กำลังบินอยู่กลางอากาศก็รู้สึกว่าหัวใจทรุดลงขึ้นมา เชื้อเพลิงเทพมารที่อยู่เงียบๆ ในจุดตันเถียนเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าโศกอย่างน่าประหลาด เรื่องนี้ทำให้หัวใจอี้อวิ๋นแทบหยุดเต้น
ย้ากกก!
อี้อวิ๋นคำราม เปลวเพลิงพัดม้วนไปรอบด้านเหมือนพายุ กำแพงมิติรอบด้านถูกพลังนี้ทำลายพินาศ อี้อวิ๋นทำลายมิติเวลาอันบิดเบี้ยวลงอย่างสมบูรณ์แล้วพุ่งมาทางหลิงเสียเอ๋อร์!
ทำลาย!
ตูม!
กำแพงมิติชั้นสุดท้ายถูกอี้อวิ๋นใช้กระบี่ฟันออก ตอนนี้อี้อวิ๋นมาถึงตำหนักศิลาชั้นสุดท้ายแล้ว
เขาเห็นเงาร่างเลือนรางที่แทบจะแตกเป็นจุดแสงของหลิงเสียเอ๋อร์อยู่ห่างออกไปสิบจั้ง เห็นแส้ขังวิญญาณที่รัดพันร่างนางเหมือนมือปีศาจ!
ปราณดำอันชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งไปหาหลิงเสียเอ๋อร์ผ่านทางแส้เส้นนี้ นี่คือปราณที่หมัวซากับหมัวเสวี่ยส่งออกมา มันกลายร่างเป็นปีศาจร้ายตนหนึ่งที่จะกลืนกินหลิงเสียเอ๋อร์
ระยะห่างสิบจั้ง ความเป็นความตายตัดสินในชั่วพริบตา!
“ไสหัวไปให้หมด!”
ลำแสงกระบี่ดุจแสงอาทิตย์จ้าตาพุ่งผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมด มันข้ามผ่านมิติเวลามาพุ่งเข้าที่ปราณปีศาจ
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ปราณปีศาจแตกทลาย! อานุภาพลำแสงกระบี่ไม่ลดลง มันพุ่งเข้าใส่พวกหลิ่วหรูอี้
รูม่านตาหลิ่วหรูอี้หรี่ลง นางบินถอยไปด้านหลังทันที ขณะเดียวกันก็โบกมือต้านลำแสงกระบี่นี้
ทว่าเมื่อพลังปราณของนางปะทะเข้ากับลำแสงกระบี่ สีหน้าหลิ่วหรูอี้ก็เปลี่ยนไปทันที
เพราะพลังปราณอันทรงพลังของนางเป็นดังกระดาษแผ่นหนึ่งที่มิอาจต้านลำแสงกระบี่นี้!
ไม่ใช่แค่นาง เมื่อหมัวเสวี่ยหมัวซาปะทะเข้ากับลำแสงกระบี่นี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาสามคนต้องรวมพลังกันจึงจะต้านลำแสงกระบี่ไว้ได้
ส่วนอาจารย์เทียนเซียวก็ไม่ได้สัมผัสโดนลำแสงกระบี่นี้แม้แต่น้อย ลำพังแค่เห็นลำแสงพุ่งมาตรงหน้าก็ขนลุกไปทั้งตัว หัวใจถูกความรู้อันตรายถึงชีวิตปกคลุม
ใครกัน!
คนที่ปรากฏตัวในเวลานี้คือคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวจากไหนกันแน่!
กลุ่มอิทธิพลจำนวนมากพากันมาที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์ พวกหลิ่วหรูอี้จึงย่อมคิดว่ามีผู้ยิ่งใหญ่จากบางกลุ่มอิทธิพลมายังโลกใต้ดินนี้และคิดจะแย่งวิญญาณหยางไปจากพวกเขา
หลังจากที่ลำแสงกระบี่สายนั้นสลายไป ลำแสงที่เป็นดังพระอาทิตย์ของจริงก็ส่องลงตรงหน้าหลิงเสียเอ๋อร์
ฟึ่บ!
ลำแสงกระบี่แล่นผ่าน หลิ่วหรูอี้รู้สึกเจ็บที่จิตวิญญาณ แส้ขังวิญญาณของนางเกิดเสียงเหมือนโลหะที่แตกออกเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว มันถูกกระบี่นี้ของอี้อวิ๋นฟันขาด
แม้แส้ขังวิญญาณจะไม่ใช่สมบัติขั้นสุดยอดแต่ก็เป็นสมบัติชั้นดี ทว่ามันกลับเป็นดั่งเต้าหู้เมื่ออยู่ภายใต้ลำแสงกระบี่ของคนผู้นี้
ฉัวะฉัวะฉัวะ!
ลำแสงกระบี่ส่องกระพริบอีกครั้ง แส้ขังวิญญาณที่ขาดไปแล้วถูกฟันเป็นชิ้นๆ!
ร่างของหลิงเสียเอ๋อร์ร่วงลงจากอากาศดุจขนนก
เดิมทีนี่ก็เป็นแค่ร่างวิญญาณของนาง ถูกวัตถุชั่วร้ายอย่างแส้ขังวิญญาณทรมานมานานจนเลือนรางไปหมด
อี้อวิ๋นข้ามผ่านมิติมาปรากฏตรงหน้าหลิงเสียเอ๋อร์ เขาอ้าแขนออกเพื่อรับร่างหลิงเสียเอ๋อร์เอาไว้
แต่ใจเขาก็ต้องจมลงในชั่วพริบตาที่กอดร่างหลิงเสียเอ๋อร์ เพราะเขาแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักใดๆ จากร่างนาง!
ดวงตาอันสดใสของหลิงเสียเอ๋อร์สูญเสียแววตาไปแล้ว นางมองอี้อวิ๋น ใบหน้าเล็กๆ มีความงงงวยและดีใจ
นางรู้สึกได้ว่าร่างจริงของนางอยู่ในร่างอี้อวิ๋นอย่างสมบูรณ์และผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ในที่สุดเขาก็พานางออกไปจากที่นี่ได้
นางขยับริมฝีปากเบาๆ เพื่อที่จะยิ้ม แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็หมดพลังและหลับตาลงเบาๆ…
ไฟชีวิตนางแทบใกล้จะดับมอด อี้อวิ๋นกอดร่างที่เบาเหมือนขนนกนี้เอาไว้ ในใจรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที
นี่คือความรู้สึกที่เชื่อมโยงทางสายเลือดหลังจากที่ผสานร่างกับเชื้อเพลิงเทพมาร
“เสียเอ๋อร์ ข้าจะทำให้เจ้าฟื้นคืนมา ข้าจะทำให้ได้แน่นอน” อี้อวิ๋นพูดเสียงเบา เขายื่นมือไปบนหว่างคิ้วนางแล้วคลายคิ้วที่ขมวดแน่นออก
ขณะเดียวปราณบริสุทธิ์ที่ไม้เทพดูดซึมก็ส่งเข้าร่างหลิงเสียเอ๋อร์ไม่หยุดผ่านทางปลายนิ้วอี้อวิ๋น
หลังจากที่เข้าสู่ระดับวังวิถี พลังค่ายกลที่ยังไม่ถูกดูดซึมหมดต่างโถมเข้าร่างหลิงเสียเอ๋อร์ผ่านทางอี้อวิ๋น
นางถูกขังในค่ายกลมานาน เดิมทีก็อ่อนแอไร้กำลังอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาถูกทรมานจนต้นกำเนิดเสียหาย บาดแผลของวิญญาณก็เป็นสิ่งที่รักษายากที่สุด แม้อี้อวิ๋นจะมีต้นไม้เทพไม้ฟ้าสนับสนุนจนส่งแก่นพลังปราณให้นางได้ไม่หยุด แต่ร่างกายที่เลือนรางของหลิงเสียเอ๋อร์ก็เหมือนจะรับพลังเหล่านี้ไม่ได้ พลังส่วนใหญ่จึงสลายว่างเปล่าไป…
ตอนที่ 1119
วันตายของอาจารย์เทียนเซียว
โดย
Ink Stone_Fantasy
อี้อวิ๋นพยายามส่งพลังปราณให้หลิงเสียงเอ๋อร์ พวกหลิ่วหรูอี้ก็มีสีหน้าทั้งตกใจทั้งสงสัย ส่วนอาจารย์เทียนเซียวก็อยากพุ่งศีรษะชนกำแพงเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ทรมานมาตั้งหลายวัน กว่าทุกอย่างจะใกล้จบลงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จู่ๆ ตอนนี้มามียอดฝีมือยื่นมือแย่งวิญญาณอีก!
“ผู้อาวุโสท่านนี้…”
อาจารย์เทียนเซียวลองสืบถามความจริง แต่เขาเพิ่งเอ่ยปากพูดก็ต้องตะลึงงัน
“เจ้า…”
อาจารย์เทียนเซียวรู้สึกว่ากลิ่นอายของอีกฝ่ายมีความคุ้นเคย เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดในใจเขาก็ได้รับการยืนยัน
“อี้อวิ๋น! เป็นเจ้า!”
ตอนนี้หน้าตาอี้อวิ๋นกลับสู่รูปลักษณ์เดิม อี้อวิ๋นเงยหน้ามองพวกเขาอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์เทียนเซียว
“ข้าก็คิดอยู่ว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้เด็กเหลือขอนี่เอง!” อาจารย์เทียนเซียวถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นอี้อวิ๋น แม้ก่อนหน้านี้เขาจะกลัวอี้อวิ๋นอยู่บ้าง แต่นั่นมันตอนที่เขาเผชิญกับอี้อวิ๋นเพียงลำพัง ตอนนี้มีรองประมุขจากวังวิถีเจ็ดดาราถึงสามคน เด็กอย่างอี้อวิ๋นจะนับเป็นอะไรได้
อี้อวิ๋นคือคนที่อ่อนแอที่สุดที่มาถึงที่นี่ เขาใช้เข็มทิศความลับสวรรค์แม่ลูกและเสื้อหยกด้ายทอง หากเจอผู้ยิ่งใหญ่ที่มาถึงที่นี่ได้เพราะพลังของตัวเองจริงๆ เช่นนั้นอาจารย์เทียนเซียวก็คงอยากฆ่าตัวตาย
“ที่แท้เจ้าก็หน้าตาแบบนี้ หึหึ เด็กแบบเจ้ากล้าดีอย่างไรมาแย่งของจากวังวิถีเจ็ดดาราของข้า ใจกล้าไม่เบา!” หมัวเสวี่ยหมัวซาพูดเสียงเย็น
ที่แท้คนที่มาก็คืออี้อวิ๋น ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!
อาจารย์เทียนเซียวขนหัวลุกเล็กน้อยเมื่อถูกดวงตาอันเย็นยะเยือกของอี้อวิ๋นจ้องมอง ทั้งที่อยู่กลางทะเลเพลิงแต่กลับมีเหงื่อเย็นซึมทั่วร่าง
นี่เป็นผลกระทบจากจิตสังหารที่เป็นดังวัตถุจริงของอี้อวิ๋น!
ไม่เจอกันแค่ไม่นาน แต่อี้อวิ๋นกลับเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ตอนนี้ดวงตาอี้อวิ๋นมีเปลวเพลิงสีเทาลุกโชน ดูแล้วเย็นชาเคร่งขรึมมาก ดวงตานี้เหมือนมองออกมาจากเหวลึก
อาจารย์เทียนเซียวเหมือนเห็นนรกทะเลโลหิตจากดวงตาอี้อวิ๋น ความรู้สึกนี้ทำให้ใจเขากระตุกขึ้นมา “เหตุใดระดับยุทธ์เขา…”
อาจารย์เทียนเซียวตื่นตกใจ คิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะเข้าสู่ระดับวังวิถีภายในเวลาอันสั้น
ข้ามผ่านระดับมากขนาดนี้ภายในเวลาสั้นแค่นี้หรือ?
แต่ต่อให้อี้อวิ๋นจะเข้าสู่ระดับวังวิถีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรองประมุขทั้งสามอยู่ดี คนอย่างเขาก็คิดจะแย่งเชื้อเพลิงเทพมารหรือ ฝันไปเถอะ!
พวกหลิ่วหรูอี้ค้นพบถึงเรื่องนี้เช่นกัน แววตาพวกเขามีจิตสังหารสาดกระพริบ ยิ่งอี้อวิ๋นแสดงพรสวรรค์ที่ยิ่งเลิศล้ำเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งอยากรีบกำจัดอี้อวิ๋นเพื่อตัดปัญหาในภายภาคหน้ามากเท่านั้น
ตอนนี้อี้อวิ๋นนำเจดีย์เทพจุติออกมาจากแหวนมิติ ผู้อาวุโสจากร้านความลับเทพและซินเอ๋อร์เยวี่ยเอ๋อร์ที่เป็นสาวใช้สองคนปรากฏตัวขึ้นกลางตำหนักศิลา
“ฝากพวกเจ้าช่วยดูแลนางให้ที” อี้อวิ๋นมอบร่างอันเลือนรางของหลิงเสียเอ๋อร์ให้สาวใช้ทั้งสอง
ซินเอ๋อร์กับเยวี่ยเอ๋อร์รีบรับตัวหลิงเสียเอ๋อร์เอาไว้ พวกนางหน้าซีดเมื่อเห็นพวกคนจากวังวิถีเจ็ดดารา
พวกนางไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นใครกันบ้าง แต่ผู้อาวุโสจีรู้ เขารู้จักเสื้อคลุมวังวิถีเจ็ดดารา
“วังวิถีเจ็ดดารา!?”
ผู้อาวุโสจีตื่นตกใจ จากนั้นเขาก็เห็นอาจารย์เทียนเซียว “เจ้า! เจ้าคนทรยศ! เจ้าเป็นขี้ข้าให้วังวิถีเจ็ดดารา!”
“เหอะ! ไอ้แก่นี่ เจ้าต่างหากที่เป็นคนทรยศของสำนักความลับสวรรค์ วันนี้รองประมุขทั้งสามอยู่ที่นี่ เจ้ารอเวลาตายได้เลย ใครใช้ให้เจ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับไอ้เด็กเหลือขอนี่ พวกเจ้าได้ตายด้วยกันแน่”
อาจารย์เทียนเซียวพูดเหยียดหยาม เขาไม่เชื่อว่าอี้อวิ๋นจะรอดจากสถานการณ์นี้
สีหน้าผู้อาวุโสจีเคร่งขรึมลง เขาไม่พูดโกรธเคืองอะไรอีก เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายบนร่างคนจากวังวิถีเจ็ดดาราสามคนนั้นทรงพลังมาก พวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
อี้อวิ๋นมอบเด็กหญิงคนหนึ่งให้พวกเขาดูแลในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะสู้กับคนจากวังวิถีเจ็ดดาราหรือ?
ตอนนี้อี้อวิ๋นหันไปหาคนจากวังวิถีเจ็ดดารา กระบี่หักหยางบริสุทธิ์อยู่ในมือ พลังกระบี่รวมตัวกันไม่หยุด
เขาเองก็ทำเช่นนี้เพราะไม่มีทางเลือก หลิงเสียเอ๋อร์อ่อนแอเกินไป เขาไม่กล้าส่งนางเข้าไปในเจดีย์เทพจุติด้วยซ้ำ เพราะเจดีย์เทพจุติมีการบิดเบี้ยวของมิติและสั่นกระเพื่อม อาจทำให้ร่างทางจิตของหลิงเสียเอ๋อร์เข้าใกล้การแตกสลายมากขึ้นไปอีก
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หมัวซาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ทำไม? เจ้าคนเดียวคิดจะสู้กับพวกข้าที่เป็นรองประมุขสามคนหรือ? เจ้าแค่เข้าสู่ระดับวังวิถี ไม่มีค่าให้พูดถึงสำหรับพวกข้า!”
หมัวเสวี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “ศิษย์พี่จะพูดไร้สาระกับเขาให้มากความไปทำไม อีกเดี๋ยวเมื่อพวกเราจับเขามาหลอมเป็นโอสถก็จะทำให้เขาอยากตายไม่ได้ตาย อยากอยู่ไม่ได้…หืม?”
หมัวเสวี่ยยังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกถึงจิตสังหารอันรุนแรงที่เพ่งมาทางเขา ขณะเดียวกันอี้อวิ๋นก็ลงกระบี่!
ก้อนอิฐใต้เท้าอี้อวิ๋นระเบิดออก ลำแสงกระบี่เขาพุ่งเข้ามาดังสายฟ้าที่จ้าตา ปราณกระบี่เป็นดังเปลวเพลิง ทุกที่ที่แล่นผ่านล้วนเผาก้อนอิฐเป็นผุยผงในชั่วพริบตา แม้แต่มิติรอบด้านก็ถูกบิดเบี้ยว
คลื่นความร้อนอันน่ากลัวพัดม้วนเข้ามา อาจารย์เทียนเซียวรู้สึกแสบที่ใบหน้า ทันใดนั้นเขาก็ร้องโหยหวนขึ้นมา
หลิ่วหรูอี้เลิกคิ้วขึ้น นางจับอาจารย์เทียนเซียวโยนไปด้านหลัง ในมือมีแส้เส้นหนึ่งปรากฏ
หมัวเสวี่ยหมัวซาเห็นภาพนี้ก็ทั้งตกใจทั้งโมโห อี้อวิ๋นลงมือเด็ดขาดมาก!
ขณะเดียวกันพวกเขาก็ปะทุจิตสังหารที่แข็งแกร่งมากออกมา พวกเขาจะลอกหนังดึงกระดูกอี้อวิ๋นให้ได้!
หมัวเสวี่ยหมัวซาร้องอย่างโมโห ร่างกายที่เหมือนเด็กพุ่งไปทางซ้ายขวาของลำแสงกระบี่ มือทั้งสองมีกรงเล็บสีโลหิตเล่มยาวงอกออกมาเหมือนกรงเล็บปีศาจ กรงเล็บมีปราณโลหิตอันเข้มข้นแผ่ออกมาพร้อมตะปบเข้าใส่ลำแสงกระบี่
“อ้า! อ้า!” อาจารย์เทียนเซียวเกือบล้มจนกระดูกหัก มืออันสั่นเทาของเขาลูบไปที่หน้าตัวเองแล้วก็ยิ่งร้องโหยหวนมากขึ้นไปอีก
“หน้าข้า…หน้าข้า!” ใบหน้าเขาถูกลำแสงกระบี่เผาจนใกล้ละลาย! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขากับสิ่งมีชีวิตร่างคนหน้าตาเละเทะนั่นก็จะเป็นพวกเดียวกันแล้ว เขาเสียขาเสียมือ ตอนนี้ยังมาถูกไฟเผาหน้าทิ้งอีก ไม่รู้ต้องใช้วัตถุดิบล้ำค่ามากแค่ไหนจึงจะรักษาคืน ถึงเวลานั้นวังวิถีเจ็ดดาราก็อาจไม่ยอมทุ่มเทมากขนาดนั้นด้วยก็ได้
“อี้อวิ๋น เจ้าช่างรนหาที่ตายนัก! เมื่อจับเจ้าได้แล้วข้าจะสกัดวิญญาณหยาง จากนั้นก็ให้คนจากร้านความลับเทพและสำนักกระบี่สระใสต้องตายเพราะเจ้าให้หมด!” อาจารย์เทียนเซียวร้องเสียงดัง เขาอยากเห็นจุดจบที่อนาถกว่าเขาเป็นหมื่นเท่าของอี้อวิ๋น ตอนนี้เขาไม่กลัวอี้อวิ๋น พวกเขายังหาร่างจริงของเชื้อเพลิงเทพมารไม่เจอ เขายังมีประโยชน์อยู่ มีรองประมุขทั้งสามปกป้อง ชีวิตเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
ตูม!
ลำแสงกระบี่ของอี้อวิ๋นปะทะเข้ากับกรงเล็บปีศาจของหมัวเสวี่ยกับหมัวซา ทันใดนั้นสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากก้อนอิฐรอบตัวก็สลายเป็นเถ้าถ่าน!
ลำแสงกระบี่ถูกต้านไว้ได้ แววตาอี้อวิ๋นไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย เงาร่างเขาพุ่งเข้ามาพร้อมกับฟันกระบี่อีกครั้งภายในชั่วพริบตา!
กระบี่นี้พุ่งมาทางอาจารย์เทียนเซียว
“เงียบปาก!” แววตาอันเย็นยะเยือกของอี้อวิ๋นประหนึ่งทะลุผ่านลำแสงกระบี่มาที่อาจารย์เทียนเซียว
อาจารย์เทียนเซียวที่เดิมทีร้องเอะอะโวยวายเงียบปากลงทันที ใบหน้ามีความหวาดกลัวอย่างรุนแรง “ท่านรองประมุขหลิ่ว ช่วยข้าด้วย!”
“เจ้ากล้าแบ่งความสนใจไปฆ่าคนอื่นต่อหน้าพวกข้า?” หมัวเสวี่ยหมัวซาพุ่งเข้ามาทันที ตอนนี้พวกเขาย่อมไม่อาจปล่อยให้อาจารย์เทียนเซียวตาย
ขณะเดียวกันก็มีแส้เส้นหนึ่งเข้ามาใกล้อี้อวิ๋นอย่างไร้ซุ่มเสียงเหมือนงูพิษที่ชั่วร้าย
อี้อวิ๋นมีสีหน้านิ่งเรียบเมื่อเผชิญกับการร่วมมือโจมตีของรองประมุขทั้งสามจากวังวิถีเจ็ดดารา ลำแสงกระบี่ของเขายังคงมุ่งไปข้างหน้า!
กระบี่แห่งเวลา!
ลำแสงกระบี่แล่นผ่านอากาศไปปรากฏตรงหน้าอาจารย์เทียนเซียวภายในชั่วพริบตา!
ตูม!
ตัวแส้ปะทะเข้ากับลำแสงกระบี่ สีหน้าหลิ่วหรูอี้เปลี่ยนไปทันที นางรู้สึกเจ็บข้อมือ แส้ของนางถูกลำแสงกระบี่นี้ปัดกระเด็น
หมัวเสวี่ยหมัวซาโจมตีเข้าใส่อี้อวิ๋นพร้อมกันจากซ้ายขวา กรงเล็บปีศาจของพวกเขาตวัดลงในอากาสอย่างแรงจนแม้แต่อากาศก็เกิดรอยแยกสีดำขนาดใหญ่ กรงเล็บนี้พุ่งมาที่ศีรษะอี้อวิ๋น
อี้อวิ๋นไม่แม้แต่จะมองการโจมตีที่พุ่งมาทางศีรษะ ลำแสงกระบี่ของเขาพุ่งไปถึงอาจารย์เทียนเซียวแล้ว!
ลำแสงกระบี่นี้เป็นดังประตูนรก อาจารย์เทียนเซียวหน้าซีดขาว ตัวเขาที่ไร้แขนขาไม่มีทางที่จะมีแรงต้านทาน
“อ้า!”
อาจารย์เทียนเซียวร้องโหยหวน เงาร่างเขาระเบิดเป็นชิ้นๆ ในจุดที่ยืนอยู่ ชิ้นเนื้อเหล่านี้ถูกไฟหยางบริสุทธิ์กลืนกิน ท้ายที่สุดก็กลายเป็นผุยผงที่สลายไปอย่างสมบูรณ์
ท้ายที่สุดแล้วอาจารย์เทียนเซียวผู้คอยยุยงก่อเรื่องและแทบจะคิดว่าสำนักความลับสวรรค์เป็นของเขาเองก็ตายอย่างไม่เหลือแม้แต่ซาก
จนถึงเวลาตายแล้วอาจารย์เทียนเซียวก็ไม่อยากจะเชื่อว่ารองประมุขวังวิถีเจ็ดดาราถึงสามคนร่วมมือกันแล้วก็ยังปกป้องเขาไม่ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น