True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1115-1116
ตอนที่ 1115
ทำลายค่ายกล
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลิงเสียเอ๋อร์เกิดมาหลายร้อยล้านปีจึงจะมีสติปัญญาในที่สุด แต่ตอนนี้นางกลับจะถูกฆ่า ร่างจริงจะถูกศัตรูนำไปสกัด
หลิงเสียเอ๋อร์ดิ้นรนไม่หยุด ใบหน้าเล็กๆ มีประกายหวาดกลัวถึงขีดสุด
หากร่างจริงของเชื้อเพลิงเทพมารอยู่ที่นี่ เช่นนั้นนางก็คงไม่กลัวคนเหล่านี้ แต่ลำพังแค่ร่างทางจิตอย่างเดียวนางก็ไม่มีพลังต่อสู้ใดๆ!
“แรงเปลืองแรงเถอะ เป็นแค่ร่างทางจิตแต่คิดต่อต้านข้าหรือ? ไม่ใช่แค่เจ้า ต่อให้เทพราชาตายไป เมื่อร่างวิญญาณถูกดึงออกมาก็ต้านแส้ขังวิญญาณของข้าไม่ได้เช่นกัน!” หลิ่วหรูอี้พูดจบก็ส่งพลังปราณสายหนึ่งเข้าสู่แส้
ทันใดนั้นบนแส้ขังวิญญาณก็มีกลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ออกมา ขณะเดียวกันก็มีเสียงภูตผีร้องโหยโหว ร่างกายหลิงเสียเอ๋อร์แข็งตึงขึ้นมา
“อ้า!” หลิงเสียเอ๋อร์ร้องอุทาน
“ท่านรองประมุขหลิ่ว ร่างจิตของวิญญาณหยางนี่ต้องถูกฟาดนานแค่ไหนจึงจะตายหรือขอรับ?” อาจารย์เทียนเซียวรวบรวมความกล้าแล้วถาม เขาทรมานมามากพอแล้ว อยากรีบไปจากที่นี่
แววตาหลิ่วหรูอี้มีประกายพอใจ “แส้ขังวิญญาณของข้าคือสมบัติโบราณที่ข้าได้จากซากวัตถุโบราณแห่งหนึ่งด้วยความบังเอิญ มันมีไว้ทำลายวิญญาณโดยเฉพาะ หากเป็นวิญญาณของมนุษย์ปกติก็สังหารได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรวิญญาณหยางนี้ก็เกิดจากฟ้าดิน ใช้เวลาหลายร้อยล้านปีจึงจะมีร่างทางจิต แต่ถึงกระนั้นนางก็ยืนหยัดได้ไม่นานนัก อย่างมากสุดก็สองสามวัน พวกเจ้าสองคนมาควบคุมแส้ขังวิญญาณร่วมกันกับข้า คอยใช้แส้ฟาดนางตลอดเวลา ห้ามหยุดแม้แต่วินาทีเดียว”
รองประมุขร่างเด็กสองคนนั้นพยักหน้าทันที พวกเขามองหลิงเสียเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“สกัดวิญญาณหยางเสร็จค่อยไปหาอี้อวิ๋น จากนั้นก็ผสมเข้าไปในโอสถ” เด็กน้อยพูดอย่างเย็นยะเยือก
อาจารย์เทียนเซียวมองหลิงเสียเอ๋อร์แวบหนึ่ง เขาอยากให้เด็กหญิงคนนี้สลายเป็นขี้เถ้าทั้งแต่ตอนนี้มากจริงๆ เช่นนั้นเขาจะได้ทรมานน้อยลงหน่อย
แต่ในเมื่อตอนนี้วิญญาณหยางอยู่ในมือ อี้อวิ๋นที่เผชิญกับรองประมุขวังวิถีเจ็ดดาราทั้งสามก็ยากจะหนีรอด อาจารย์เทียนเซียววางใจลงแล้ว
“อ้า! เจ็บ เจ็บมาก!”
ร่างกายเล็กๆ ของหลิงเสียเอ๋อร์ดิ้นรนไปมาพร้อมกับร้องครวญคราง ทว่าพวกหลิ่วหรูอี้กลับไม่หวั่นไหวต่อสภาพทรมานของเด็กหญิง พวกเขายังคงส่งพลังเข้าสู่แส้ขังวิญญาณ
‘ข้าจะตายแล้วหรือ…’
หลิงเสียเอ๋อร์สิ้นหวัง นางอยากขอความช่วยเหลือจากอี้อวิ๋นแต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสามคนนี้แม้แต่น้อย
หากเรียกให้อี้อวิ๋นมาก็เท่ากับทำร้ายเขาเปล่าๆ
ความเจ็บปวดที่ฝังลึกเข้ากระดูก ความรู้สึกประหนึ่งวิญญาณจะแตกซ่านทำให้หลิงเสียเอ๋อร์ทรมานจนอยากหมดสติไปตั้งแต่ตอนนี้ แต่นางกลับรู้ว่าหากนางหมดสติไปก็มีแต่จะวิญญาณแตกสลายเร็วขึ้น
เหตุใดข้าจึงไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้…คิดจะจัดการพวกเขาสามคนแต่กลับโดนเล่นงานเสียเอง…
“หืม? นังเด็กนี่ดื้อดึงไม่เบา นี่ก็ผ่านมาสามชั่วยามแล้ว ไม่พูดถึงเรื่องที่จะทรมานนางให้ตาย ตอนนี้วิญญาณนางอ่อนแอลงไม่เท่าไรด้วยซ้ำ หมัวซา หมัวเสวี่ย พวกเจ้ามาทำ!”
หลิ่วหรูอี้เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วมอบอำนาจในการควบคุมแส้ขังวิญญาณให้ผู้อาวุโสร่างเด็กสองคน
“หึหึ ข้าอยากลองมานานแล้ว”
หมัวเสวี่ยเลียริมฝีปาหตัวเองแล้วรับแส้ขังวิญญาณมาไว้ในมือ “ดูท่านังเด็กนี่อาจยืนหยัดได้ถึงแปดเก้าวัน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตายเร็วเกินไปก็คงไม่สนุก”
ขณะที่หมัวเสวี่ยพูดก็เริ่มใช้แส้ขังวิญญาณ แม้แต่อาจารย์เทียนเซียวก็ยังขนลุกเมื่อได้ยินเสียงของเขา ตาแก่นี่ช่างโรคจิตจริงๆ
……
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า อี้อวิ๋นไม่รู้แม้แต่น้อยว่าหลิงเสียเอ๋อร์กำลังเจออะไรอยู่ เขาจมดิ่งอยู่ในการบรรลุจนไม่รู้ว่าเวลาในโลกภายนอกผ่านมานานแค่ไหนแล้ว
ข้างกายเขามีม้วนกระดาษกองเต็มอย่างไม่รู้ตัว รอบกายมีลายอักขระและอักษรที่บันทึกในม้วนกระดาษนับไม่ถ้วนบินสว่างรอบตัวเขาเหมือนหิ่งห้อย
อี้อวิ๋นเหมือนผสานเป็นร่างเดียวกับอักษรเหล่านี้และอยู่ในมิติเดียวกัน
เขาถือม้วนกระดาษแล้วเหมือนเห็นขั้นตอนที่เทพโอสถสร้างค่ายกลนี้ขึ้นเมื่อตอนนั้น จากนั้นก็เห็นการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของโลก เวลาผ่านไปหลายร้อยล้านปี ค่ายกลนี้ค่อยๆ ผสานเข้ากับพลังฟ้าดินของที่นี่
โอเอซิสที่เคยมีถูกพลังหยางบริสุทธิ์ทำลาย ผืนแผ่นดินถูกเผาเป็นทะเลทราย จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากค่ายกลทั้งสิ้น
อี้อวิ๋นเหมือนข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนานร่วมกันกับแผ่นดินนี้ เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็เข้าใจทุกอย่าง
“แบบนี้นี่เอง…เทพโอสถไม่ใช่แค่บรรลุวิถีโอสถถึงขั้นสุดยอด เขายังบรรลุวิถีแห่งการเกิดดับ ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้วิถีโอสถเป็นรากฐานในการสร้างค่ายกลเกิดดับอีกทีโดยหวังย้อนวัฎจักรเพื่อช่วยลูกสาวที่ตายไปหลายปี แต่ท้ายที่สุดก็ล้มเหลว”
“หัวใจของค่ายกลนี้ก็คือสังสารวัฏภูมิวิถีหก!”
อี้อวิ๋นมองสังสารวัฏภูมิวิถีหกนี้อยู่นาน แท้จริงแล้ววิถีเกิดดับก็คือวิถีแห่งการสร้างและทำลาย!
อี้อวิ๋นฝึกกฎแห่งความโกลาหลต้นกำเนิดและกฎแห่งการทำลายล้างแบบใหญ่ ความโกลาหลต้นกำเนิดสร้างทุกสิ่งในจักรวาล ส่วนการทำลายล้างแบบใหญ่ก็คือจุดจบของสรรพสิ่ง
ท้ายที่สุดแล้ววิถีเกิดดับก็คือส่วนหนึ่งของมหาวิถีโกลาหลทำลายล้าง!
“เราใช้วิถีโกลาหลทำลายล้างมาแทนที่วิถีเกิดดับได้ ส่วนพลังฟ้าดินหยางบริสุทธิ์ก็มีผลวิถีหยางบริสุทธิ์เก้าใบ วิถีโอสถลำดับสุดท้ายก็ใช้วิชาปรมาจารย์อสูรมาทำลาย!”
“อย่างไรนี่ก็เป็นค่ายกลอายุหลายร้อยล้านปี จุดตันเถียนเรามีผลวิถีเก้าใบถึงสี่ผล ไม่เชื่อว่าจะทำลายไม่สำเร็จ”
อี้อวิ๋นมาถึงตรงหน้าหัวใจค่ายกล ดวงตาเป็นประกายเหมือนดาว
เกิดดับ วิถีโอสถ หยางบริสุทธิ์ คงมีแค่อี้อวิ๋นที่เชี่ยวชาญกฎทั้งสามในเวลาเดียวกัน
แม้ระดับยุทธ์อี้อวิ๋นจะไม่สูง แต่เขากลับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการทำลายค่ายกลนี้!
“เป็นไปได้ไหมว่า…”
อี้อวิ๋นยกมือทั้งสองขึ้น น้ำวนสีดำรวมตัวขึ้นกลางมือเป็นกงล้อสีดำขนาดยักษ์
กลางกงล้อมีมารเทพวุ่นวาย นี่คือกงล้อหมื่นมารเกิดดับของอี้อวิ๋น
กงล้อหมื่นมารเกิดดับที่เป็นสัญลักษณ์ของการทำลายล้างยังไม่เพียงพอ อี้อวิ๋นขยับความคิด พลังโกลาหลต้นกำเนิดสายหนึ่งพุ่งออกจากต้นไม้พิภพในร่างมารวมเข้าใจกลางกงล้อหมื่นมารเกิดดับ!
พลังโกลาหลต้นกำเนิดเพียงสายเดียวก็แข็งแกร่งดุจขุนเขา กดอัดพื้นดินและแยกมหาสมุทรได้
หลังจากที่พลังโกลาหลต้นกำเนิดกับกงล้อหมื่นมารเกิดผสานเข้าด้วยกันทั้งหมด วิถีเกิดดับก็ครบสมบูรณ์
จิตใจอี้อวิ๋นจดจ่อ เขามองกงล้อหมื่นมารเกิดดับผสานเข้ากับสังสารวัฏภูมิวิถีหกของเทพโอสถ
เดิมทีวิถีเกิดดับก็เป็นหนึ่งในวิถีสายใหญ่ หากไม่มีกฎแห่งความโกลาหลทำลายล้างที่สูงกว่ามันก็คงทำลายยากเหมือนขึ้นสวรรค์
กงล้อเกิดดับกับสังสารวัฏค่อยผสานเข้าด้วยกัน ตอนนี้อี้อวิ๋นเห็นว่าเปลวไฟสีเทาที่อยู่บนสังสารวัฏภูมิวิถีหกยังคงติดอยู่ที่นี่
นี่คือเพลิงต้นกำเนิดของหลิงเสียเอ๋อร์
ครึ่งเดือนมานี้อี้อวิ๋นจดจ่อกับการศึกษาบันทึกที่เทพโอสถทิ้งไว้ ไม่ได้สนใจหลิงเสียเอ๋อร์ แม่หนูน้อยคนนี้ไปไหนแล้ว?
เขาเห็นว่าเปลวเพลิงสีเทาบนภูมิวิถีส่ายไปมาอย่างไม่มั่นคงประหนึ่งจะแตกซ่านได้ทุกเมื่อ เรื่องนี้ทำให้อี้อวิ๋นใจเต้นขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้น!?
อี้อวิ๋นไม่สนใจการผสานของกงล้อเกิดดับและภูมิวิถีแล้ว เขาส่งการรับรู้ไปยังเชื้อเพลิงเทพมาร ‘เสียเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?’
อี้อวิ๋นมั่นใจประมาณหกเจ็ดส่วนว่าจะทำลายค่ายกลสำเร็จ จากนั้นก็พาหลิงเสียเอ๋อร์ไปจากที่นี่ แต่ตอนนี้เขากลับตระหนักได้ว่าอาจเกิดเรื่องขึ้นกับหลิงเสียเอ๋อร์!
หลังจากที่อี้อวิ๋นถามออกไปก็ไม่มีการตอบรับอยู่นาน กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปสิบกว่าอึดใจ ข้างหูเขาจึงมีเสียงขาดๆ หายๆ อันอ่อนแรงดังขึ้น
‘พี่อี้อวิ๋น ข้าจะไม่ไหวแล้ว…’
แววตาอี้อวิ๋นมีประกายแล่นผ่าน! นี่คือเสียงของหลิงเสียเอ๋อร์!
ตอนที่ 1116
ผสาน
โดย
Ink Stone_Fantasy
สีหน้าอี้อวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของหลิงเสียเอ๋อร์อ่อนแอมาก
เชื้อเพลิงเทพมารอยู่ตรงหน้าอี้อวิ๋น แม้มันจะถูกขังในค่ายกลแต่ก็ส่ายไปมาไม่หยุดและมีแนวโน้มว่าจะแตกร้าวด้วยซ้ำ แต่ในแง่การดับมอดแล้วก็เป็นไปไม่ได้
แต่หลิงเสียเอ๋อร์กลับบอกว่านางจะไม่ไหวแล้ว นี่หมายความว่าร่างจริงของเชื้อเพลิงเทพมารไม่เป็นอะไร ที่จะแตกเป็นเถ้าถ่านคือร่างวิญญาณของเด็กหญิง
หลิงเสียเอ๋อร์ใสซื่อไร้เดียงสา นางมีนิสัยไม่ต่างอะไรกับเด็กหญิงจริงๆ หากร่างวิญญาณตายลง เช่นนั้นหลิงเสียเอ๋อร์ก็จะตายจริงๆ หลงเหลือเพียงเชื้อเพลิงเทพมาร
‘เสียเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่ไหน?’ อี้อวิ๋นรีบถาม
เสียงอันอ่อนแรงของหลิงเสียเอ๋อร์ดังขาดๆ หายๆ หลังจากที่เงียบไปนาน ‘พี่อี้อวิ๋น ท่านรีบไปจากที่นี่เถอะ คนพวกนี้จะทำร้ายท่าน…’
ใจอี้อวิ๋นเต้นระรัว คนจากวังวิถีเจ็ดดารา!? พวกเขาจับหลิงเสียเอ๋อร์?
พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเชื้อเพลิงเทพมารอยู่ในเปลวไฟสีเทานี้ หลิงเสียเอ๋อร์ที่เป็นแค่ร่างความคิดไม่มีพลังต่อสู้มากนัก
‘เสียเอ๋อร์ เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้าอยู่ที่ไหน พวกเขาทำอะไรเจ้า?’ แววตาอี้อวิ๋นเย็นยะเยือกขึ้นมา
หลิงเสียเอ๋อร์ไม่ตอบคำถามอี้อวิ๋น นางทำแค่พูดอย่างขาดช่วงว่า ‘พี่อี้อวิ๋น ข้าโง่เกินไปเอง… เดิมทีข้าคิดจะขังพวกเขาเอาไว้…คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายถูกขังเสียเอง’
‘พี่อี้อวิ๋น นับแต่ที่ข้ามีสติปัญญาก็อยู่ที่นี่เพียงลำพังมาหลายร้อยล้านปี กระทั่งเมื่อท่านปรากฏตัวจึงได้พูดคุยด้วยสองสามประโยค นับดูอย่างละเอียดแล้วจนถึงวันนี้ก็พูดมาหลายสิบประโยค ชีวิตข้ายืนยาวมากแต่ก็เหมือนจะสั้นมากเช่นกัน…’
‘ข้าอาจต้องตายแล้ว ข้าชอบชื่อที่พี่อี้อวิ๋นตั้งให้มาก…’
เสียงของหลิงเสียเอ๋อร์ค่อยๆ อ่อนแรงลง คำพูดท่อนยาวประโยคสุดท้ายเหมือนพลังเฮือกสุดท้ายก่อนตาย
อี้อวิ๋นฟังคำพูดเช่นนี้แล้วก็รู้สึกทิ่มแทงหัวใจมาก
เขาจมอยู่ในการบรรลุ ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นที่โลกภายนอก คิดไม่ถึงว่าช่วงเวลาระหว่างนี้จะเกิดเรื่องมากขนาดนี้ หลิงเสียเอ๋อร์ออกจากค่ายกลเพื่อปกป้องเขาแน่นอน นางเสี่ยงอันตรายไปขังตัวคนจากวังวิถีเจ็ดดาราแต่กลับถูกขังเสียเอง
เด็กน้อยไร้ประสบการณ์เช่นนางจะต่อกรกับคนจากวังวิถีเจ็ดดาราได้อย่างไร?
“หลิ่วหรูอี้ เจ้าสติฟั่นเฟืองไปแล้วจริงๆ!”
อี้อวิ๋นกัดฟันแน่น เขาร้องตะโกนว่า “เสียเอ๋อร์ เสียเอ๋อร์!”
ทว่า…แม้อี้อวิ๋นจะส่งจิตเข้าในเปลวไฟสีเทา เสียงของหลิงเสียเอ๋อร์ก็ไม่ดังขึ้นอีก
ฟึ่บ!
ชั่วพริบตานี้เปลวไฟสีเทาเหมือนจะมีความเศร้าโศกแผ่ออกมา
ทันใดนั้นใจอี้อวิ๋นก็ประหนึ่งถูกมือข้างหนึ่งบีบอย่างแรง!
“เสียเอ๋อร์!”
อี้อวิ๋นกำหมัดทั้งสองข้างแน่นจนเล็บฝังลงในเนื้อ เบื้องหน้าเขาเหมือนมีภาพบทสนทนาระหว่างเขากับหลิงเสียเอ๋อร์ปรากฏขึ้น
‘เจ้ามีชื่อหรือไม่? …เช่นนั้นข้าจะตั้งชื่อให้แล้วกัน ต่อไปนี้เจ้าก็ชื่อหลิงเสียเอ๋อร์เถอะ…’
จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์จะสังหารกันเองเพื่อผลประโยชน์ พวกเขาหลอกลวงกันไปมาในแดนลับ ฆ่าคนเพื่อปล้นสมบัติ ไม่รู้ว่าสังหารชีวิตมามากเท่าไรเพื่อให้เป้าหมายของตัวเองบรรลุ หลิงเสียเอ๋อร์มีปฏิสัมพันธ์กับเขาแค่ผิวเผินแต่กลับปกป้องเขาเช่นนี้
กลายเป็นว่าเชื้อเพลิงเทพมารนี้มีนิสัยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่สุดในโลก
“หลิงเสียเอ๋อร์…” อี้อวิ๋นเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเขามีจิตสังหารที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งปรากฏ!
“วังวิถีเจ็ดดารา! วันหน้าข้าจะบุกไปสังหารถึงที่จนพวกเจ้าก็แหลกเป็นผุยผงทั้งหมดแน่นอน!”
อี้อวิ๋นมองไปที่เชื้อเพลิงเทพมาร เดิมทีเขาแค่คิดจะทำลายค่ายกลเพื่อพาหลิงเสียเอ๋อร์ออกไปเท่านั้น แต่ตอนนี้…
‘เสียเอ๋อร์ เจ้าได้ยินข้าไหม? เดิมทีข้าแค่จะทำลายค่ายกลเพื่อพาเจ้าออกไป แต่ตอนนี้วิญญาณเจ้าถูกกักขัง ข้าจำเป็นต้องใช้พลังของเจ้ามาสังหารศัตรูพวกนี้’ อี้อวิ๋นพูดจบก็พุ่งตัวไปทางแผ่นภูมิสังสารวัฏ
มีค่ายกลฟ้าดินอยู่ นอกจากตัวหลิงเสียเอ๋อร์แล้วก็ไม่มีใครเข้าใกล้แผ่นภูมินี้ได้ แต่ตอนนี้ใต้เท้าอี้อวิ๋นแผดเผาไปด้วยเปลวเพลิง กงล้อหมื่นมารเกิดดับในมือพุ่งเข้าสู่ค่ายกล
ตูมตูมตูม!
กงล้อหมื่นมารเกิดดับกับสังสารวัฏภูมิวิถีหกปะทะเข้าด้วยกันจนเกิดคลื่นพลังที่รุนแรงประหนึ่งเบิกฟ้าแยกดิน ทั่วทั้งโลกใต้ดินสั่นสะเทือนไปหมด
แต่ท่ามกลางคลื่นพลังนี้เงาร่างอี้อวิ๋นกลับพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลางแรงปะทะ เขาเข้าสู่ค่ายกลแล้วยื่นมือไปรองเปลวไฟสีเทาลูกนั้น
นี่คือเพลิงเทพที่เกิดในร่องสมุทร ตอนนั้นเทพโอสถนำเพลิงบริสุทธิ์จักรพรรดิฟ้ากับเชื้อเพลิงเทพมารมาผสานรวมกัน จากนั้นเพลิงบริสุทธิ์จักรพรรดิฟ้าก็ถูกเชื้อเพลิงเทพมารกลืนจนทำให้เชื้อเพลิงนี้กลายเป็นเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ตามหลักแล้วก็ไม่ใช่แค่อี้อวิ๋นที่อยู่ระดับรวมวิถี แต่ให้เป็นคนระดับอรหันต์ก็ทำอะไรเพลิงที่ทรงพลังขนาดนี้ไม่ได้เช่นกัน แม้แต่เทพราชาเองก็ต้องระมัดระวัง ไม่กล้ารับประกันว่าจะสกัดสำเร็จ
แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นกลับประคองเพลิงนี้ไว้ในมือ
เปลวเพลิงที่เผาทำลายได้ทั้งจักรวาลกลับไม่ทำอันตรายต่อมือทั้งสองของอี้อวิ๋นแม้แต่น้อย
เชื้อเพลิงเทพมารนี้สงบลงอย่างประหลาดเมื่ออยู่ในมืออี้อวิ๋นด้วยซ้ำ มันเป็นดังภูติพรายที่กระโดดไปมากลางค่ำคืน ส่งความอบอุ่นเข้าสู่ร่างกายอี้อวิ๋น
“เทพโอสถใช้ค่ายกลนี้มาหลอมโอสถคืนชีพ วันนี้ข้าก็จะใช้ตัวเองเป็นหม้อบรรจุเชื้อเพลิงเทพมาร!”
ฟึ่บ!
เชื้อเพลิงเทพมารเข้าสู่ร่างอี้อวิ๋นเหมือนมีชีวิต
ขณะเดียวกันกงล้อหมื่นมารเกิดดับกับสังสารวัฏก็ผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ กงล้อเกิดดับสีแดงหมุนอยู่ใต้เท้าอี้อวิ๋น พลังในร่างเขาเพิ่มขึ้นไม่หยุด ดวงตาที่ลึกล้ำดังราตรีก็มีเปลวไฟสองลูกลุกโชนขึ้นมา
เปลวไฟนี้ไม่ได้เป็นสีแดงแต่เป็นสีเทา มันส่ายไหวไปมาไม่หยุดจนอี้อวิ๋นดูเหมือนเทพมารที่มาจากนรก
พลัง เขาต้องการพลัง!
อี้อวิ๋นรู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่มีทางชนะรองประมุขของวังวิถีเจ็ดดารา เขาต้องทำให้พลังตัวเองพัฒนาถึงขีดสุด
เชื้อเพลิงเทพมารลอยเข้าสู่จุดตันเถียนของอี้อวิ๋น จากนั้นก็ผสานลงในต้นไม้เทพไม้ฟ้า ตอนนี้ต้นไม้เทพเหมือนมีพระอาทิตย์ดวงหนึ่งผุดขึ้นในร่าง กิ่งก้านทั้งหมดกลายเป็นสีแดงเพลิง ไม้เทพเติบโตอย่างบ้าคลั่ง ลำต้นหนาขึ้นเรื่อยๆ กิ่งไม้หลายเส้นงอกเงย ใบไม้แตกหน่อด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและโตขึ้นไม่หยุด!
ใบไม้เหล่านี้มีรูปร่างแตกต่างกันไป ไม่มีแบบไหนที่ซ้ำกันสองใบ พวกมันเป็นเหมือนหม้อใบเล็กเล็กๆ เหมือนกระบี่ เหมือนแผนผังแปดทิศ… ลวดลายบนใบถูกสลักไว้ด้วยหลักการแห่งวิถีใหญ่
ตอนนี้อี้อวิ๋นรู้สึกได้ชัดเจนว่าเชื้อเพลิงเทพมารผสานทุกอย่างเข้ากับตัวเขา มันส่งพลังทั้งหมดเข้าสู่จุดตันเถียนของอี้อวิ๋น!
นี่คือพลังฟ้าที่อยู่มาหลายร้อยล้านปี รวบรวมไว้ซึ่งพลังฟ้าดินของทะเลทรายกลบอาทิตย์
ภายใต้การรวมตัวของพลังอันยิ่งใหญ่นี้ ระดับรวมวิถีช่วงปลายของอี้อวิ๋นก็พุ่งทะยานขึ้น!
แต่นี่ยังห่างไกลจากขีดจำกัดของพลังนี้!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น