True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1105-1107
ตอนที่ 1105
ทางตัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฟู่…ฟู่…
ในโลกใต้ดินเบื้องล่างทะเลทราย อี้อวิ๋นรู้สึกถึงลมร้อนที่พัดเข้าหน้า มันพัดจนร่างกายเขาเหมือนจะติดไฟขึ้นมา
ต้องบอกก่อนว่าอี้อวิ๋นเป็นผู้ฝึกกฎหยางบริสุทธิ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกรับมือได้ไม่สบายนัก เห็นได้ถึงความรุนแรงในพลังหยางบริสุทธิ์ของที่นี่
อี้อวิ๋นทิ้งตัวลงไปข้างล่างเรื่อยๆ เขาตกลงมาลึกหลายหมื่นจั้งก็ยังไม่เห็นก้นของถ้ำนี้
กระทั่งเมื่อตกลงมาประมาณแสนจั้ง อี้อวิ๋นจึงจะเห็นทะเลสาบใต้ดินอันกว้างใหญ่ผืนหนึ่ง
การที่มีทะเลสาบอยู่ใต้ทะเลทรายทำให้อี้อวิ๋นรู้สึกเหลือเชื่อ
แต่เมื่อมองน้ำในทะเลสาบผืนนี้แล้วอี้อวิ๋นก็ต้องตกใจ น้ำในทะเลสาบเป็นสีแดงเข้มทั้งหมด ไอร้อนหลายสายแผ่ปะทะหน้าเข้ามา
เมื่ออี้อวิ๋นมองดูให้ชัดก็พบว่าสิ่งที่อยู่ในทะเลสาบไม่ใช่น้ำ แต่เหมือนโลหะที่หลอมเหลวมากกว่า
มองไปยังสายน้ำที่ไหลเข้าสู่ทะเลสาบก็พบว่าเป็นเหล็กหลอมเหลวเช่นกัน
แม่น้ำทะเลสาบเช่นนี้… หากเหล็กหลอมเหลวพวกนี้ละเหยขึ้น เช่นนั้นจะกลายเป็นฝนลูกเหล็กหรือเปล่า?
ในหัวอี้อวิ๋นมีความคิดเหล่านี้แล่นผ่าน เขารู้สึกทึ่งในความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้
แต่ในตอนนี้เองที่จู่ๆ ใจอี้อวิ๋นก็ตึงเครียดขึ้นมาและรู้สึกเย็นวาบด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่ากลางแม่น้ำเหล็กหลอมมีศีรษะข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ ดวงตาอันว่างเปล่าจ้องมาที่เขา
อะไรน่ะ!?
อี้อวิ๋นตื่นตัวอย่างหนัก ศีรษะนี้มีขนาดเท่าอ่างล่างหน้า ใบหน้าเหมือนถูกเหล็กหลอมเผาจนมีแต่รู ดูแล้วน่ากลัวเป็นที่สุด
ซ่า!
ศีรษะนี้กระโดดขึ้นจากแม่น้ำจนเหล็กหลอมกระเซ็นไปทั่ว
นี่คือสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ที่สูงสามหมี่ แขนหนาพอๆ กับต้นขาของอี้อวิ๋น กล้ามเนื้อทั่วร่างแน่นเป็นมัดๆ ดูแล้วแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง บนร่างเขามีโซ่ที่ถูกเผาจนแดงล่ามเอาไว้ ในมือถือดาบขนาดยาวเท่าตัวคน เมื่อเดินย่ำบนพื้นก็มีเหล็กหลอมไหลลงมาตามผิวไม่หยุด เหล็ดหลอมหยดลงบนพื้นแล้วกลายเป็นลูกเหล็กสีแดงเข้มเมื่อเย็นตัวลง
อสูรปีศาจหรือมนุษย์?
อี้อวิ๋นคิดไม่ถึงว่าที่โลกใต้ดินจะมีสิ่งเป็นมนุษย์หรือปีศาจก็ไม่รู้
ตูม ตูม!
สิ่งมีชีวิตร่างคนมีน้ำหนักอันน่ากลัว เมื่อเหยียบลงบนพื้นก็เกิดรอยเท้าที่จมลึก และสิ่งที่ทำให้อี้อวิ๋นตกตะลึงที่สุดคือ กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตร่างคนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง มันถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าอี้อวิ๋นด้วยซ้ำ
ตูม!
ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตร่างคนก็พุ่งตัว ฝ่าเท้าเหยียบพื้นจนแตกและฟันดาบเข้าใส่อี้อวิ๋น ดาบนี้ไม่มีการบรรลุด้านกฎหรือเจตนาดาบแต่อย่างใด ทว่ามันกลับมีความเร็วและพลังอันน่ากลัว!
อี้อวิ๋นตกตะลึง ดาบนี้เคลื่อนที่เร็วมาก มันเร็วกว่าความเร็วในการลงกระบี่ของเขาหลายเท่าตัว!
กระบี่แห่งกาลเวลาสามฉื่อ!
ในเมื่อสู้ความเร็วไม่ได้ก็ต้องใช้กฎมาทดแทน!
กระบี่ของอี้อวิ๋นทำให้มิติบิดเบี้ยวเป็นกรงมิติ ทว่ากรงนี้ยังไม่ทันรวมตัวกันก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งทำลาย!
เมื่อการโจมตีของจอมยุทธ์พัฒนาถึงขีดสุดก็ทำลายได้แม้แต่อากาศ ตอนนี้ดาบของสิ่งมีชีวิตร่างคนก็เป็นเช่นนี้!
ฉัวะ!
พลังมิติแตกทลาย อี้อวิ๋นไม่มีทางเลือกอื่น เขาได้แต่ใช้กระบี่หักหยางบริสุทธิ์มารับการโจมตีนี้โดยตรง
แกร๊ง!
ดาบและกระบี่กระทบเข้าด้วยกัน แรงปะทะอันแข็งแกร่งพัดม้วนไปทั่วร่างอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นรู้สึกแขนชา ร่างกายสั่นอย่างรุนแรง ง่ามนิ้วฉีกขาด
เขาส่งเสียงร้องแล้วมีเลือดไหลจากปาก
นี่มันพลังอะไรกัน!?
อี้อวิ๋นตะลึงงัน เขายังไม่ทันรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอะไรก็ถูกโจมตีลงมือ พลังของอีกฝ่ายยังน่ากลัวขนาดนี้อีก!
เมื่อความเร็วและพลังพุ่งขึ้นถึงขีดสุด เพียงแค่การฟันธรรมดาก็มีอานุภาพถึงเพียงนี้
ฟึ่บ!
อี้อวิ๋นเพิ่งต้านดาบนี้ได้อย่างทุลักทุเล สายโซ่ของสิ่งมีชีวิตร่างคนนี้ก็เหวี่ยงมาทางเขา!
สายโซ่ส่งเสียงเกรียวกราวประหนึ่งจะแยกมิติเป็นสองส่วน รูม่านอี้อวิ๋นหรี่ลง ร่างกายถอยไปด้านหลัง!
เขารู้ว่าไม่อาจใช้กระบี่มาต้านสายโซ่ ไม่เช่นนั้นหากสายโซ่รัดพันเข้าที่กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ เช่นนั้นแม้แต่กระบี่ก็คงถูกดึงไปแน่
อี้อวิ๋นต้องถอยออกมาหลายสิบจั้งจึงจะหยุดฝีเท้าได้มั่นคง เขาจับกระบี่หักหยางบริสุทธิ์ไว้แน่น แววตาเคร่งขรึมขึ้นมา
ไม่ต้องพูดถึงพลังโจมตีของสิ่งมีชีวิตร่างคนนี้ แรงป้องกันของอีกฝ่ายก็คงน่าตกตะลึงเช่นกัน อี้อวิ๋นไม่กล้าปะทะตรงๆ เมื่อสู้กับมัน การบาดเจ็บในโลกใต้ดินที่ไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรบ้างไม่ใช่เรื่องน่าล้อเล่น
เขาได้แต่ใช้สมองมาเอาชนะกำลัง
‘สิ่งมีชีวิตประหลาดนี่น่าจะมีสติปัญญาไม่สูง เราต้องใช้ไหวพริบ…’
อี้อวิ๋นพลิกฝ่ามือออกมาอย่างไร้ร่องรอย กงล้อสีดำขนาดเล็กลอยหมุนกลางฝ่ามือ อี้อวิ๋นตัดสินใจแล้วว่าจะหาจังหวะส่งกงล้อหมื่นมารเกิดดับเข้าสู่ร่างสิ่งมีชีวิตร่างคน เช่นนี้ต่อให้แรงป้องกันของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
ทว่า…ในขณะที่อี้อวิ๋นกำลังจะลงมือก็ต้องหยุดชะงักลง กงล้อหมื่นมารเกิดดับที่รวมไว้กลางฝ่ามือก็หายไปด้วยเช่นกัน
ภาพที่เกิดตรงหน้าทำให้อี้อวิ๋นขนลุกตั้งแต่เท้าขึ้นมาถึงศีรษะ
ในแม่น้ำเหล็กเหล็กหลอมที่ไหลรินช้าๆ อยู่ด้านหลังสิ่งมีชีวิตร่างคนมีศีรษะผุดขึ้นติดต่อกันเจ็ดแปดศีรษะ
ทุกศีรษะมีขนาดท่าอ่างล้างหน้า ใบหน้าเป็นรูเหมือนถูกเผาทิ้ง
จากนั้นตรงกลางศีรษะเหล่านี้ก็มีศีรษะที่ขนาดใหญ่ขึ้นไปอีกผุดขึ้น ใบหน้าของศีรษะใบนี้ไม่ได้ถูกเผาทิ้งแต่ชัดเจนสมบูรณ์ดี บนศีรษะยังมีแผ่นโลหะรวมตัวกันเหมือนหมวกเกราะที่ทำอย่างลวกๆ
กลิ่นอายบนตัวสิ่งมีชีวิตร่างคนที่สวมหมวกผู้นี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดว่าเป็นหัวหน้าของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้
เยอะขนาดนี้เชียว!?
ใจอี้อวิ๋นขมขื่น แต่ตัวเดียวเขายังใช่ว่าจะสู้ได้ ตอนนี้มีมาเพิ่มเจ็ดแปดตัวและยังมีหัวหน้าอีก!
คิดไม่ถึงว่าโลกใต้ดินจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ หากพวกมันมีเยอะกว่านี้ขึ้นหน่อยก็อาจทำลายได้แม้กระทั่งวังวิถีเจ็ดดารา
เดิมทีอี้อวิ๋นก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งฝังอยู่ในทะเลทรายกลบอาทิตย์ไม่ธรรมดา แต่ดูจากตอนนี้แล้วเขาอาจประเมินต่ำไปหน่อย
หนี!
สู้ไม่ได้แล้วไม่หนีก็เท่ากับรนหาที่ตาย
อี้อวิ๋นหมุนตัวบินออกไปอย่างไม่แม้แต่จะคิด เขากระตุ้นความเร็วให้ถึงขีดสุด ขณะเดียวกันก็ใช้กฎแห่งมิติเวลา
‘โฮก!’
บรรดาสิ่งมีชีวิตร่างคนร้องคำรามเสียงต่ำและไล่ตามอี้อวิ๋น!
กล้ามเนื้อทั่วร่างพวกมันนูนปูดในขณะที่วิ่งไปบนพื้นด้วยความเร็ว ฝ่าเท้ากระทบกับพื้นดินอย่างรุนแรงจนสั่นสะเทือน ทรายอันร้อนระอุพัดปลิวเป็นมังกร
อี้อวิ๋นเปิดใช้ความเร็วสูงสุดแต่ก็ยังสลัดสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่หลุด พวกมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะเจ้าตัวที่เป็นหัวหน้า มันสูงสี่หมี่และมีความเร็วเหนือกว่าอี้อวิ๋นหนึ่งขั้น!
จะถูกไล่ทันแล้ว!
ใจอี้อวิ๋นเย็นยะเยือก หากถูกไล่ทันก็คงต้องตายแน่นอน!
ในตอนนี้เองที่เรื่องที่ทำให้อี้อวิ๋นต้องสิ้นหวังได้เกิดขึ้น การรับรู้ของเขาสำรวจออกไปแล้วก็ต้องพบว่าเขาวิ่งมาถึงจุดสิ้นสุดของโลกได้ดินนี้แล้ว!
แม้โลกใต้ดินจะกว้างใหญ่ ทว่าจุดที่อี้อวิ๋นลงมาในตอนแรกก็เป็นปลายด้านหนึ่งของโลกนี้อยู่แล้ว ตอนนี้จึงย่อมวิ่งมาถึงทางตัน!
สวรรค์จะฆ่าเขาหรือ?
อี้อวิ๋นคิดอย่างรวดเร็วเพื่อหารอดทางที่เป็นไปได้ในจุดอับจนนี้!
ในตอนที่เขากำลังไร้ซึ่งหนทางและสิ้นหวังนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงอันแก่ชราดังขึ้นข้างหูเขาอย่างฉับพลัน… “มาทางนี้!”
ตอนที่ 1106
เสื้อหยกด้ายทอง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้อี้อวิ๋นไม่มีเวลามาคิดว่าเสียงนี้มาจากไม่ไหน ไม่มีเวลามาคิดว่าเป็นกับดักหรือไม่ เขาพุ่งตัวเขาหาเสียงอย่างไม่คิดอะไรเลย
การเปลี่ยนทิศทางนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตร่างคนที่อยู่ด้านหลังเข้ามาใกล้อี้อวิ๋นมากขึ้น
‘โฮก!’
สิ่งมีชีวิตร่างคนที่เป็นหัวหน้าระเบิดเสียงร้องพร้อมกับฟันดาบเข้าใส่อี้อวิ๋น ดาบนี้อยู่ไกลจากอี้อวิ๋นมาก ทว่าลมที่เกิดจากดาบก็ยังคงฟันลงบนปราณคุ้มครองร่างของอี้อวิ๋นอย่างแรง ปราณคุ้มครองร่างแตกออก เสียผ้าด้านหลังฉีกขาด โลหิตรินไหล!
ตอนนี้อี้อวิ๋นเห็นแล้วว่าเบื้องหน้าเขามีชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัว ชายชราผู้นี้มีผมขาวโพลนทั่วศีรษะ เสื้อผ้าขาดรุ่ยและเก่า เขาพุ่งมาหาอี้อวิ๋น ในมือถือกองแผ่นหยกที่ถูกร้อยด้วยด้ายทอง เมื่อมาถึงตรงหน้าอี้อวิ๋นก็ใช่แผ่นหยกนี้หุ้มร่างเขาทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ
นี่คือเสื้อหยก!
อี้อวิ๋นรู้สึกว่ากลิ่นอายของเขาถูกบดบังทันทีเมื่อเสื้อหยกนี่ร่วงลงบนตัว จากนั้นชายชราก็ดึงแขนเขาให้หลบไปด้านข้าง
ภาพที่ทำให้อี้อวิ๋นต้องตะลึงเกิดขึ้นในวินาทีต่อมา สิ่งมีชีวิตร่างคนสูงสามสี่หมี่ที่อยู่ด้านหลังเขาเหมือนตาบอดอย่างไรอย่างนั้น พวกมันพากันพุ่งผ่านข้างกายอี้อวิ๋นประหนึ่งกำลังไล่ฆ่าอากาศ
จากนั้นสิ่งมีชีวิตร่างคนเหล่านี้ก็หายไปจากสายตา
รอดแล้ว!
อี้อวิ๋นพ่นลมหายใจแรงๆ ด้วยความรู้สึกที่เพิ่งหายตกใจ
เขามองเสื้อผ้าพิเศษบนร่างตัวเอง เสื้อผ้าชุดนี้ทำจากแผ่นหยกบางๆ หลายพันที่นำมาร้อยด้วยด้ายทอง เป็นเสื้อหยกด้ายทองของแท้
แต่เสื้อหยกด้ายทองประเภทนี้มักเป็นสิ่งที่ฝังพร้อมผู้ตายของพวกคนใหญ่คนโตในมนุษย์ธรรมดา คนมีชีวิตที่ไหนจะสวมเสื้อผ้าหนักขนาดนี้
อี้อวิ๋นมองชายชราอีกครั้ง ชายชรารูปร่างผอมแห้ง ผิวหนังซีดเซียว พลังปราณบนร่างก็อ่อนแอมากเช่นกัน ดวงตาเขาขุ่นมัวเล็กน้อย ดูท่าทางแล้วเหมือนคนใกล้ตาย
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตขอรับ” อี้อวิ๋นทำความเคารพ เขารู้สึกได้ว่าระดับยุทธ์ของชายชราไม่ได้ลึกล้ำ ทว่าเขากลับมีชีวิตรอดในโลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยอันตรายแห่งนี้ ทั้งยังช่วยอี้อวิ๋นไว้อีกต่างหาก เรื่องนี้ทำให้อี้อวิ๋นอึ้งมากจริงๆ
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ได้พบกันในอันตรายแห่งนี้ก็นับว่าเป็นวสานา” ชายชราโบกมือแล้วหมุนตัวเดินนำ “ตามข้ามา ที่นี่อันตรายเกินไป…”
ชายชราเดินนำอยู่ข้างหน้าท่ามกลางความมืด ร่างกายอันผอมแห้งของเขาคลุมเสื้อหยกด้ายทองไว้เช่นกัน ร่างเขาส่ายไปมาเหมือนจะถูกลมพัดปลิว
เขาพาอี้อวิ๋นเดินผ่านป่าหินมาถึงยังถ้ำแห่งหนึ่ง
ทางเข้าถ้ำนี้แคบมากแต่ภายในกลับกว้างขวาง ภายในมีกองหญ้าแห้งปูอยู่และจุดตะเกียงเอาไว้
“นั่งสิ”
ชายชราชี้ไปที่หินก้อนหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
อี้อวิ๋นนั่งลงอย่างเคารพแล้วจึงประสานมือถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสบอกได้หรือไม่ขอรับว่าเสื้อหยกด้ายทองที่ข้าใส่อยู่คืออะไร? สิ่งมีชีวิตร่างคนนั่นอีก เหตุใดจึงได้น่ากลัวถึงเพียงนี้?”
เสื้อผ้าชุดหนึ่งปิดบังกลิ่นอายของเขาอย่างสมบูรณ์จนสิ่งมีชีวิตร่างคนพวกนั้นไม่รู้สึกถึงเขา เรื่องนี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆ
ชายชราโบกมือพูดว่า “อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้ มีของชิ้นหนึ่งบนตัวเจ้า เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าได้มาอย่างไร?”
อี้อวิ๋นเกิดความเข้าใจทันทีเมื่อชายชราพูดเช่นนี้ ความจริงอี้อวิ๋นมีการคาดเดาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เขาพลิกฝ่ามือ เข็มทิศโลหะสีทองชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
นี่คือเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูก!
ชายชรามองเข็มทิศนี้แล้วก็ทอดถอนใจ เขาลูบแหวนมิติตัวเองแล้วนำเข็มทิศความลับสวรรค์อีกแผ่นออกมา เข็มทิศนี้คล้ายคลึงกับของอี้อวิ๋นมาก มันแค่มีขนาดใหญ่กว่า
นี่คือเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวแม่
ระหว่างเข็มทิศตัวแม่กับตัวลูกมีความเชื่อมโยงอันลึกล้ำ ในที่สุดวันนี้ก็ได้กลับมารวมกัน
ชายชราผู้นี้น่าจะเป็นท่านปู่ของจีสุ่ยเยียน เขายังไม่ตาย!
“เจ้าได้มันมาได้อย่างไร?” ชายชรามองตาอี้อวิ๋น
“แม่นางสุ่ยเยียนมอบให้ข้าน้อยขอรับ…” อี้อวิ๋นเล่าเรื่องที่เขากับจีสุ่ยเยียนเจอกันให้ชายชราฟังตั้งแต่ต้น
ชายชราถอนหายใจแรงๆ เมื่อได้ยินว่าจีสุ่ยเยียนถูกร้านขยายฟ้าบีบคั้น ความจริงเขาก็เดาความเป็นไปได้นี้อยู่ก่อนแล้วแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ชายชราติดอยู่ในโลกใต้ดินอย่างไร้แรงไร้กำลัง เขาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
“ฟังจากที่เจ้าพูดแล้วเจ้าคือผู้มีพระคุณของเยียนเอ๋อร์ แต่…ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง ไม่ใช่ว่าเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกของเยียนเอ๋อร์ถูกเจ้าแย่งมาใช้ หรืออาจถึงขั้นว่าเจ้าคือคนจากวังวิถีเจ็ดดาราที่เจ้าพูดถึง?”
เสียงของชายชราเรียบช้า เขาคอยมองตาอี้อวิ๋น เขารู้สภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้ดีว่าไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของอี้อวิ๋น การหลบการโจมตีของสิ่งมีชีวิตร่างคนที่อี้อวิ๋นทำก่อนหน้านี้ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ระดับรวมวิถีทั่วไปจะทำได้
แต่ชายชรายังคงไม่กลัว ดวงตาอันขุ่นมัวมองอี้อวิ๋นอย่างนิ่งสงบเหมือนบ่อน้ำโบราณ
อี้อวิ๋นนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ท่านผู้อาวุโสรอสักครู่ เชิญท่านถามได้เองขอรับ”
อี้อวิ๋นขยับความคิด เจดีย์ขนาดเล็กหลังหนึ่งบินออกจากร่าง มันลอยหมุนกลางอากาศช้าๆ จากนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้น สาวน้อยสองคนถูกส่งออก พวกนางคือซินเอ๋อร์กับเยวี่ยเซี่ยวนั่นเอง
ทั้งสองคือสาวใช้คู่กายของจีสุ่ยเยียน
พวกนางยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์เมื่อออกมาก็เห็นชายชราหน้าซีดและผอมแห้งเหมือนฟืนนั่งอยู่ตรงหน้า
แม้หน้าตาของชายชราจะเปลี่ยนไปมาก แต่พวกนางก็จำอีกฝ่ายได้ในทันที
“นายท่าน!?”
สาวน้อยทั้งสองทั้งตกใจทั้งดีใจ ร้านความลับเทพเสื่อมโทรมลงและตกอยู่ในอันตรายตลอดนับแต่ที่นายท่านหายตัวไป หากไม่ใช่เพราะการมาถึงของอี้อวิ๋นก็คงจบสิ้นไปนานแล้ว
เมื่อวานพวกนางถูกอี้อวิ๋นช่วยเอาไว้ วันนี้มาเห็นว่านายท่านของร้านความลับเทพแข็งแรงปลอดภัยดี เรื่องนี้ทำให้พวกนางดีใจจนน้ำตาไหล นี่ใช่ความฝันหรือเปล่า?
“หากท่านผู้อาวุโสมีคำถามก็ถามพวกนางได้ขอรับ”
“คุณชายอี้ ท่านไม่เพียงแต่ช่วยคุณหนูกับพวกข้า ยังช่วยนายท่านไว้อีกหรือเจ้าคะ?” ซินเอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้น
อี้อวิ๋นเหงื่อตกเพราะอายเล็กน้อย เขาถูกชายชราช่วยไว้ต่างหาก
“พอแล้ว ไม่ต้องถามอะไรอีกแล้ว เจ้าคือผู้มีพระคุณของร้านความลับเทพจริงๆ” ชายชราพูดแล้วก็ลุกขึ้นทำความเคารพให้อี้อวิ๋น
อี้อวิ๋นรีบเข้าไปประคองอีกฝ่าย ชายชราผู้นี้อ่อนแอเกินไป เมื่ออี้อวิ๋นยื่นมือไปประคองก็มีแต่กระดูกทั้งร่าง
“ท่านผู้อาวุโสโปรดอย่าทำเช่นนั้น ท่านเองก็ช่วยชีวิตข้าน้อยไว้เช่นกัน” อี้อวิ๋นนึกคำถามก่อนหน้านี้ขึ้นได้อีกครั้งเมื่อพูดถึงตรงนี้ “ท่านผู้อาวุโสยังไม่บอกข้าน้อยเลยว่าสิ่งมีชีวิตร่างคนพวกนั้นคืออะไร แล้วยังเรื่องเสื้อหยกด้ายทองอีก?”
“เสื้อหยกด้ายทอง…” ชายชราถอนหายใจ “เจ้าคงพอเดาได้บ้างแล้วว่านี่ควรเป็นสิ่งที่ฝังพร้อมผู้ตายในสุสาน ความจริงเสื้อนี้มีประโยชน์อย่างอื่นต่อสำนักความลับสวรรค์ของข้า สำนักความลับสวรรค์บอกว่าศึกษาวิชาพื้นภูมิ นี่เป็นแค่คำที่พูดให้ดูดีเท่านั้น ความจริงบรรพบุรุษแรกเริ่มสุดของสำนักคือโจรปล้นสุสาน สุสานของผู้ยิ่งใหญ่หลายคนมีวัตถุประหลาดต่างๆ ประโยชน์ของเสื้อหยกด้ายทองนี้คือมีไว้บดบังกลิ่นอายให้พวกข้าเดินทางในสุสานได้”
อี้อวิ๋นตกใจเล็กน้อยเมื่อชายชราพูดเช่นนี้ ที่แท้สำนักความลับสวรรค์ก็เป็นสำนักโจรปล้นสุสานในยุคเริ่มแรกสุด ก็ใช่ วิถีพื้นภูมิกับการปล้นสุสานก็มีความเกี่ยวข้องกันอยู่จริงๆ
ตอนที่ 1107
พบวังวิถีเจ็ดดาราอีกครั้ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนนี้ชายชราหันมาถามอี้อวิ๋นว่า “เจ้าเองก็มาเพื่อวิญญาณหยางสินะ? เฮ้อ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของเยียนเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้าอยากไปตามหาวิญญาณหยาง เช่นนั้นข้าก็จะไม่ห้าม”
“ที่นี่อันตรายมาก สิ่งมีชีวิตร่างคนข้างนอกพวกนั้นเจ้าหลบเลี่ยงได้ด้วยการใส่เสื้อหยกด้ายทอง แต่เมื่อเข้าสู่พื้นที่ใจกลางจริงๆ ก็มีอันตรายอย่างอื่นรอเจ้าอยู่ ข้าถูกขังที่นี่มานาน ไม่อาจได้วิญญาณหยางหรือออกไปจากที่นี่ ข้ารู้ว่าร้านความลับเทพจะตกอยู่ในอันตรายมากเมื่อไม่มีข้าอยู่ แต่ข้าจนปัญญากับเรื่องนี้จริงๆ ข้าช่วยอะไรเจ้ามากไม่ได้นอกจากช่วยชี้เส้นทาง” ชายชราพูด
อี้อวิ๋นรีบพูดทันทีว่า “แค่เสื้อหยกด้ายทองนี้ก็ช่วยอี้อวิ๋นไว้มากแล้วขอรับ”
หากไม่ใช่เพราะมีเสื้อหยกด้ายทอง เช่นนั้นอี้อวิ๋นก็คงเดินทางในนี้ได้ยากลำบาก สิ่งมีชีวิตร่างคนพวกนั้นน่ากลัวเกินไป
ชายชรานำกริชออกมาด้ามหนึ่งแล้ววาดแผนที่ลงบนพื้น
สภาพแวดล้อมของโลกใต้ดินสลับซับซ้อน หากไม่มีแผนที่แล้วเดินจับจุดเอาเองก็คงต้องเดินอ้อมไปมาไม่น้อย
“ตรงนี้คือพื้นที่ใจกลาง เมื่อเข้าไปในพื้นที่นี้ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้อีก” ชายชราใช้กริชเคาะไปบนพื้นที่จุดหนึ่ง
อี้อวิ๋นจำแผนที่ไว้ในใจและถามอย่างสงสัยว่า “ท่านผู้อาวุโสไม่เคยเข้าสู่พื้นที่ใจกลางหรือขอรับ?”
ชายชราโบกมือ แผนที่บนพื้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาอันขุ่นมัวมีความเจ็บปวดแล่นผ่าน
“คุณชายอี้ ข้ามีเรื่องที่อยากฝากฝัง”ชายชราโค้งคำนับอย่างฉับพลัน
“ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ หากมีอะไรก็พูดมาเถอะขอรับ” อี้อวิ๋นรีบห้ามอีกฝ่าย ชายชราผู้นี้หายใจรวยรินแต่กลับจะคำนับให้เขา เรื่องที่จะฝากฝังนี้คงสำคัญกับเขามาก
ชายชราช่วยชีวิตอี้อวิ๋นไว้ หากเขาทำได้ก็จะไม่บ่ายเบี่ยงแน่นอน
“หากคุณชายอี้พบท่านพ่อของจีสุ่ยเยียนที่นี่ก็โปรดดูด้วยว่าเขายังมีชีวิตหรือไม่” ชายชราพูด
ความจริงชายชรารออยู่ที่นี่มานานมากแล้ว เขาคาดการณ์ว่าพ่อของจีสุ่ยเยียนคงมีโชคร้ายมากกว่าโชคดี
“เรื่องนี้…ผู้อาวุโสเข้าไปในเจดีย์กับพวกซินเอ๋อร์ทั้งสองคนเถอะขอรับ” อี้อวิ๋นพูด
แม้ชายชราที่อยู่ที่นี่จะไม่มีอันตรายจากสิ่งมีชีวิตร่างคนเมื่อสวมเสื้อหยกด้ายทอง แต่ยังมีกลุ่มอิทธิพลอีกจำนวนมากเข้าสู่ทะเลทรายกลบอาทิตย์ ในนี้รวมถึงวังวิถีเจ็ดดาราด้วย
“ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องรบกวนคุณชายอี้ด้วยแล้ว เข็มทิศความลับสวรรค์ตัวแม่นี้สามารถตรวจสอบทิศทางที่ถูกต้องในทุกสภาพแวดล้อม คุณชายอี้โปรดรับไว้” ชายชราลังเลเล็กน้อยแล้วก็ไม่บ่ายเบี่ยงอีก เขาเองก็อยากตามหาท่านพ่อของจีสุ่ยเยียนให้เจอด้วยตัวเอง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหรือตายก็ตาม
ซินเอ๋อร์กับเยวี่ยเซี่ยวประคองชายชราขึ้น อี้อวิ๋นเก็บเจดีย์ลงเมื่อทั้งสามคนเข้าสู่เจดีย์เรียบร้อยแล้ว จากนั้นถือเข็มทิศความลับสวรรค์แม่ลูกออกจากถ้ำ
อี้อวิ๋นเดินตามแผนที่กลับมาอยู่ข้างแม่น้ำเหล็กหลอมเมื่อครู่อีกครั้ง
ศีรษะเก้าศีรษะลอยๆ จมๆ อยู่บนผิวน้ำ ดวงตาอันว่างเปล่ามองกวาดไปรอบด้านอย่างน่ากลัว ทว่าพวกมันกลับมองไม่เห็นอี้อวิ๋นที่อยู่ตรงหน้า
อี้อวิ๋นมองพวกมันแวบหนึ่งแล้วเดินทวนกระแสน้ำขึ้นไป ในแม่น้ำเหล็กหลอมนี้มีกฎหยางบริสุทธิ์อันแข็งแกร่งแฝงอยู่ ต้นกำเนิดของมันก็คือพื้นที่ใจกลางของโลกใต้ดินนี้
เมื่ออี้อวิ๋นเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ก็พบว่านอกจากสิ่งมีชีวิตร่างคนแล้วยังมีสิ่งมีชีวิตโบราณอย่างอื่นด้วย แม้จะมีจำนวนน้อยมากแต่มีแค่ตัวสองตัวก็อันตรายถึงชีวิตแล้ว
ดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเข้าใกล้ได้ ตัวแม่น้ำมีกระแสรองอีกหลายสาย พวกมันไหลผ่านถ้ำอันซับซ้อนนับไม่ถ้วนของโลกใต้ดินจนเกิดทางหลายแพร่งที่ทำให้หลงทางโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่เดินผ่านทางแยกสายหนึ่ง อี้อวิ๋นก็เห็นทะเลสาบสีแดงเข้มที่มีเหล็กหลอมจำนวนมากมารวมตัวกัน นี่คือทะเลสาบที่เขาเห็นเมื่อตอนเข้าสู่โลกใต้ดินครั้งแรก
เหตุใดจึงกลับมาที่ทางเข้า?
อี้อวิ๋นตกใจ แต่ไม่นานเขาก็พบว่าตัวเองไม่ได้กลับมาที่จุดเริ่มต้นจริงๆ แต่เพราะกฎแห่งมิติเวลาของโลกใต้ดินนี้แปรปรวนวุ่นวาย แม้เขาจะเห็นทางที่ตัวเองเดินผ่านมาก่อนหน้านี้ แต่แท้จริงแล้วมีมิติเวลาหลายชั้นคั่นเอาไว้อยู่
หากเข้าไปใกล้จริงๆ ก็จะพบว่าระยะทางไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยความเข้าใจด้านกฎแห่งมิติเวลาของอี้อวิ๋น หากจะกลับไปยังจุดเดิมก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญถ้าไม่มีแผนที่
อี้อวิ๋นเดินหน้าต่อ เขาใช้แผนที่ของชายชราและการชี้นำไม่หยุดของเข็มทิศความลับสวรรค์จนค่อยๆ เขาใกล้ใจกลางของโลกใต้ดินนี้…
ทันใดนั้นอี้อวิ๋นก็ได้ยินเสียงดังกึกก้อง จากนั้นเงาร่างคนจำนวนมากก็บินจากด้านบนลงมา
รูม่านตาอี้อวิ๋นหรี่ลงทันทีเมื่อเห็นคนเหล่านี้
คนจากวังวิถีเจ็ดดารา!
อี้อวิ๋นจะพุ่งตัวถอยในทันที แต่ตอนนี้เขากลับพบว่ากฎรอบด้านมีความวุ่นวาย แท้จริงแล้วคนจากวังวิถีเจ็ดดาราที่อยู่ตรงหน้าเขาอยู่ห่างเขาออกไปไกลมากในอีกที่หนึ่ง
อี้อวิ๋นสงบลงเมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ เขาลูบคาง ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและหยุดอยู่กลับที่อย่างไม่เร็วไม่ช้า
“ฮ่าฮ่า ในที่สุดก็หาทางเข้าเจอ” ชายหนุ่มจากสำนักความลับสวรรค์ผู้หนึ่งพูดเหมือนเอาความดีความชอบ
พวกเขาเดินกลับไปกลับมาในทะเลทรายกลบอาทิตย์มานาน ในที่สุดก็ได้เข้าสู่โลกใต้ดินแห่งนี้ เมื่อเข้ามาก็รู้สึกไอร้อนอันรุนแรงทันที นี่พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาเข้ามาถูกที่
“ยังดีที่วิชาพื้นภูมิของข้าน้อยพอมีประโยชน์อยู่บ้าง” นักปราชญ์วัยกลางคนผู้นี้ถือเข็มทิศอย่างภูมิใจ
อี้อวิ๋นจำนักปราชญ์วัยกลางคนผู้นี้ได้ในทันที เขาคืออาจารย์เทียนเซียวจากสำนักความลับสวรรค์ ตอนนั้นเขาเป็นคนบอกเรื่องที่ร้านความลับเทพมีเข็มทิศความลับสวรรค์ในงานซื้อขาย
และท่ามกลางคนกลุ่มนี้อี้อวิ๋นยังเห็นหลิ่วหรูอี้ที่สวมชุดชาววัง ข้างกายนางยังมีคนยืนอยู่อีกสามคน สามคนนี้มีกลิ่นอายแข็งแกร่ง อี้อวิ๋นจดจำพวกเขาไว้เงียบ
ชายวัยกลางคนชุดดำผู้หนึ่งสะพายดาบเล่มใหญ่ ส่วนอีกสองคนเป็นเด็กหน้าตาเหมือนกันที่สวมผ้าปิดหน้าอกสีแดง
แม้พวกเขาจะมีรูปลักษณ์เป็นเด็ก ทว่าดวงตากลับเย็นชาเป็นผู้ใหญ่ สีหน้าก็เย็นยะเยือกมากเหมือนตุ๊กตากระดาษที่คนธรรมดาเผาในพิธีเซ่นไหว้
วังวิถีเจ็ดดาราให้ความสำคัญกับปรากฏการณ์ในทะเลทรายกลบอาทิตย์ครั้งนี้มาก นอกจากตัวประมุขที่ต้องนั่งบัญชาการที่วังวิถีเจ็ดดาราแล้ว รองประมุขคนอื่นๆ สี่คนรวมถึงหลิ่วหรูอี้ก็มาที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์กันหมด
“น่าเสียดายที่ยากจะคำนวณตำแหน่งที่แม่นยำของวิญญาณหยาง วิชาพื้นภูมิของข้าได้รับผลกระทบเมื่ออยู่ในโลกใต้ดินนี้ หากมีเข็มทิศความลับสวรรค์ก็คงพอคำนวณทิศทางได้ น่าเสียดายที่อยู่ในมืออี้อวิ๋น” อาจารย์เทียนเซียวส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจพูด
“อี้อวิ๋น? เจ้าเด็กที่หลบอยู่ในสำนักกระบี่สระใสสินะ?” เด็กแฝดคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างฉับพลัน เสียงของเขาแก่ชรามากแต่ก็แหลมคม ฟังแล้วแก้วหูเหมือนถูกเสียดสี
“หึหึ ไม่เป็นไร ในเมื่อเขาสร้างความยุ่งยากให้เรา วันหน้าก็ค่อยทำลายสำนักกระบี่สระใส เจ้าเด็กนี่มีพรสวรรค์ไม่เลวก็ให้ข้าดึงวิญญาณลอกหนังมาหลอมเป็นโอสถดีกว่า” เด็กน้อยพูดอย่างชั่วร้าย
“ขอรับ ขอรับ” อาจารย์เทียนเซียวขนลุกเมื่อมองเด็กคนนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น