True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1101-1104
ตอนที่ 1101
ดูละคร
โดย
Ink Stone_Fantasy
คนอย่างหยกโลหิตมีนิสัยโหดเหี้ยม เขาฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ทำทุกอย่างโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด เป็นคนประเภทที่อี้อวิ๋นเกลียดที่สุดพอดี หากใช้กระบี่หักหยางบริสุทธิ์มาสังหารเขาก็เท่ากับดูถูกผู้เป็นนายแห่งวังกระบี่หยางบริสุทธิ์ มอบให้พวกซินเอ๋อร์จัดการถือเป็นการยืมมือพวกนางล้างแค้นให้สาวน้อยนับไม่ถ้วนที่ถูกหยกโลหิตฆ่าตายก่อนหน้านี้
เมื่อโซ่โลหะถูกกระบี่ของอี้อวิ๋นทำลาย เหล่าสาวน้อยจากร้านความลับเทพเหล่านี้ก็รู้สึกว่าพลังตัวเองกลับคืนมา
ก่อนหน้านี้พวกนางไร้ที่พึ่ง สิ้นหวังและตายเสียยังดีกว่าอยู่ แต่เพียงพริบตาเดียวก็ได้อิสระคืนมาอีกครั้ง
“ขอบคุณคุณชายอี้ที่ช่วยชีวิตเจ้าค่ะ”
ดวงตาซินเอ๋อร์เต็มไปด้วยน้ำตาในขณะที่คุกเล่าลงบนพื้น คืนที่คุณหนูของนางร่วมรับประทานอาหารใต้แสงจันทร์ด้วยกันกับอี้อวิ๋น ซินเอ๋อร์ก็ทำแค่ยืนเฝ้าประตู นางรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่อี้อวิ๋นทำไม่ได้
คุณชายหยกโลหิตที่อยู่ใต้เท้าซินเอ๋อร์ถูกทำลายพลังชีวิตจนหายใจรวยริน ซินเอ๋อร์กัดฟันมอง นางเองก็เกลียดคนแบบคุณชายหยกโลหิตเข้ากระดูกดำ นางคว้ากริชด้วยใจที่ไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปแน่นอน
ริมฝีปากของคุณชายหยกโลหิตสั่นเทาเมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารของซินเอ๋อร์ แววตามีความเคียดแค้นและไม่ยอม เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเขาที่หลอกลวงผู้หญิงมากมายมาชั่วชีวิตจะต้องมาตายอยู่ในมือผู้หญิง
ในตอนนี้เองที่มีเสียงระเบิดดัง ‘ตูม’ เขตแดนวิถีเกิดการสั่นสะเทือน ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดบินตัวขึ้นตบฝ่ามือเข้าใส่ม่านพลังของเขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างอย่างฉับพลัน
แต่ต่อมาเขาก็รู้สึกถึงพลังที่เหมือนจะทำลายล้างทุกอย่างโถมมาทางฝ่ามือและพุ่งไปทั่วร่าง
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ส่งเสียงร้องในขณะที่ถอยตัวติดกันหลายก้าว คิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกม่านพลังสะท้อนกลับจนบาดเจ็บเล็กน้อย
แม้ม่านพลังเขตแดนวิถีจะถูกการโจมตีของปรมาจารย์ฮว่าอวี่ทำให้สั่นสะเทือนแต่ก็ไม่เสียหายแม้แต่น้อย!
ใจของปรมาจารย์ฮว่าอวี่จมลงเมื่อเห็นภาพนี้
ทำลายไม่ได้! พลังยุทธ์หมื่นปีของเขากลับทำลายเขตแดนวิถีของเด็กคนหนึ่งไม่ได้!
ตอนนี้ปรมาจารย์ฮว่าอวี่เชื่อแล้วว่าสิ่งที่อี้อวิ๋นพูดก่อนหน้านี้เป็นความจริง ม่านพลังนี้ไม่ใช่ค่ายกลโบราณที่อี้อวิ๋นได้โดยบังเอิญแต่เป็นเขตแดนวิถีของเขาจริงๆ เพราะเขารู้สึกถึงกฎที่คล้ายคลึงกับเขตแดนนี้จากกระบวนท่าที่อี้อวิ๋นใช้กับคุณชายหยกโลหิตเมื่อครู่
ชายผู้นี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ตอนนี้ใจของปรมาจารย์ฮว่าอวี่เกิดความกลัว หากย้อนเวลากลับไปได้ เช่นนั้นต่อให้เขาต้องฆ่าเหยียนเทียนชงก็ไม่ขอพบอี้อวิ๋นเด็ดขาด
“ท่านอาจารย์ ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีขอรับ?”
เหยียนเทียนชงหน้าซีดเมื่อเห็นคุณชายหยกโลหิตนอนอยู่ใต้เท้าสาวน้อยพวกนั้นเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว
เขาคิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เห็นแค่เขาชนะเจี้ยนเสี่ยวซวง ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าเจี้ยนเสี่ยวซวงแค่ไหนกันแน่ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอี้อวิ๋นไม่ใช่แค่เด็กรุ่นเยาว์ แต่เป็นคนระดับสัตว์ประหลาด
แม้แต่อาจารย์ของเขาก็เกรงว่าจะมีโอกาสชนะอี้อวิ๋นไม่มาก
ถึงกระนั้นเหยียนเทียนชงก็ยังมีความหวังสุดท้ายอยู่ เขาหวังว่าปรมาจารย์ฮว่าอวี่จะพลิกสถานการณ์ได้
“ทำอย่างไร?” ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดของเหยียนเทียนชง โดยเฉพาะตอนนี้ที่เหยียนเทียนชงเอาแต่หลบอยู่หลังเขา เห็นได้ชัดว่าจะใช้เขาเป็นโล่กันอี้อวิ๋น
“อี้อวิ๋นคือคนที่เจ้าหาเรื่องมา แต่เจ้ากลับถามข้าว่าจะทำอย่างไร? คิดจะให้ข้าตายแทนเจ้าหรือ?”
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่คว้ามือเข้าที่คอเหยียนเทียนชงอย่างฉับพลัน
“ทะ…ท่านอาจารย์!”
เหยียนเทียนชงตกใจ เขาถูกปรมาจารย์ฮว่าอวี่บีบคอยกขึ้นจากพื้น ออกแรงจับที่มือปรมาจารย์ฮว่า ขาทั้งสองเตะไปมาในอากาศอย่างไร้กำลัง
เขาไม่กล้าเตะปรมาจารย์ฮว่าอวี่ รู้ตัวดีว่าไร้แรงต้านทานอีกฝ่าย
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่จับเข้าที่ข้อมือเหยียนเทียนชง
กร๊อบ!
มีเสียงดังขึ้น เหยียนเทียนชงร้องโหยหวน ข้อมือเขาถูกปรมาจารย์ฮว่าอวี้บีบแหลก
“ศิษย์ชั่ว! ข้ารับเจ้าเป็นศิษย์แต่เจ้ากลับนำภัยมาให้ข้า! ตอนนี้คุณชายอี้บุกสังหารมาแต่เจ้ากลับให้ข้าเป็นคนกันธนู? งามหน้านัก!”
ขณะที่ปรมาจารย์ฮว่าอวี่พูดก็บีบอีกครั้ง!
กร๊อบ!
มีอีกข้างของเหยียนเทียนชงถูกปรมาจารย์ฮว่าอวี่บีบแหลก กระดูกข้อมือแหลกเป็นผุยผง แม้จะมีวัตถุดิบล้ำค่าก็ยากที่จะรักษาบาดแผลประเภทนี้
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ทำลายมือทั้งสองของเหยียนเทียนชงเสร็จก็พูดกับอี้อวิ๋นว่า “คุณชายอี้ วันนี้ข้าขอขับศิษยั่วคนนี้ออกจากสำนัก! ข้าทำลายมือทั้งสองและขอมอบให้คุณชายอี้จัดการ! ทุกอย่างที่ศิษย์ชั่วผู้นี้ทำไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้า ข้าละอายใจนักที่ไม่ได้ออกมือช่วยในตอนที่ร้านความลับเทพยากลำบากก่อนหน้านี้ หวังว่าคุณชายอี้จะโปรดให้อภัย ก่อนหน้านี้ข้ากับคุณชายก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน หวังว่าคุณชายจะปล่อยข้าไปสักครั้ง ข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้แน่นอน!”
ขณะที่ปรมาจารย์ฮว่าอวี่พูดก็คำนับให้อี้อวิ๋นอย่างเคารพนบนอบ
เหยียนเทียนชงสิ้นหวังเมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์ฮว่าอวี่ เขารู้ว่าปรมาจารย์ฮว่าอวี่จะเสียเรือเพื่อรักษาขุน ยอมสละเขาเพื่อให้อี้อวิ๋นพอใจ
เรื่องนี้ทำให้ความเคียดแค้นในใจเขาพุ่งถึงขีดสุด!
“ฮว่าอวี่ คิดว่าทำกับข้าแบบนี้แล้วอี้อวิ๋นจะปล่อยเจ้าไปหรือ? หากเจ้าอยากได้วัตถุดิบอะไรจากร้านขยายฟ้า ข้าก็คอยสรรหามาให้อย่างเต็มที่ตลอด แต่วันนี้เจ้ากลับไร้เยื่อใยต่อข้าถึงเพียงนี้ ต่อให้ต้องตายก็จะดึงเจ้าไปด้วย!”
เหยียนเทียนชงพูดได้แค่ครึ่งเดียวก็ถูกปรมาจารย์ฮว่าอวี่บีบคอ แววตาปรมาจารย์ฮว่าอวี่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เพียงแค่เขาออกแล้วก็หักคอเหยียนเทียนชงได้เลย
“มีหน้ามาบอกว่าข้าไร้เยื่อใยด้วยหรือ? เจ้าเป็นแค่ศิษย์ในนามของข้า คอยใช้ชื่อเสียงข้าไปแย่งชิงสมบัติ คิดว่าข้าโง่หรือไร!”
ขณะที่ปรมาจารย์ฮว่าอวี่พูดก็ตบหน้าเหยียนเทียนชงจนเนื้อหนังฝั่งซ้ายเละเทะ ฟันที่เปื้อนเลือดร่วงหลุดจากปาก
จากนั้นเขาก็เตะไปที่หัวเข่าเหยียนเทียนชงสองครั้ง ตอนนี้เหยียนเทียนชงเป็นดังสุนัขที่ถูกทำให้พิการ สีหน้าเขาหมดอาลัยตายอยาก สูญเสียความปรารถนาที่จะมีชีวิตอย่างสมบูรณ์
อี้อวิ๋นไม่ลงมือ เขายืนเอามือไขว่หลังดูละครเรื่องนี้อยู่ด้านหลัง
สาวน้อยจากร้านความลับเทพสิบกว่าคนที่อยู่ด้านหลังอี้อวิ๋นเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง ก่อนหน้านี้เหยียนเทียนชงยโสโอหังมาโดยตลอด พูดเพียงคำเดียวก็ควบคุมความเป็นความตายของพวกนาง ส่วนปรมาจารย์ฮว่าอวี่ก็เป็นอาจารย์ที่เหยียนเทียนชงแทบจะเคารพเป็นเทพเจ้าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ที่เป็นผู้อาวุโสกลับทำร้ายเหยียนเทียนชงที่มักใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างไร้เกียรติเพื่อเอาตัวรอดเพียงเพราะอี้อวิ๋นจะฆ่าพวกเขา
นี่คือแรงสยบที่มาจากพลังอันแข็งแกร่ง!
ซินเอ๋อร์สูดลมหายใจ แววตาที่มองอี้อวิ๋นเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา นี่ต่างหากที่เป็นจุดสูงสุดของจอมยุทธ์ นี่คือพลังของจอมยุทธ์ พูดเพียงคำเดียวก็ตัดสินเป็นตาย ควบคุมฟ้าดินและเป็นเจ้าแห่งจักรวาล!
“คุณชายอี้ ข้าจัดการเหยียนเทียนชงเรียบร้อยแล้ว ควรปล่อยข้าออกไปแล้วหรือไม่?”
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ถามอี้อวิ๋นอย่างเคารพในขณะที่จับเหยียนเทียนชงที่มีสภาพเหมือนสุนัขตาย
ตอนที่ 1102
มุกสังหารเทพ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ปล่อยเจ้าไป?” อี้อวิ๋นหัวเราะ เขาแปลงโฉมเพื่อมาค่ายกลส่งข้ามของเมืองแสงหยก หากปล่อยปรมาจารย์ฮว่าอวี่ไป เช่นนั้นอีกฝ่ายก็คงรายงานเรื่องที่เขามาค่ายกลส่งข้ามของเมืองแสงหยกให้วังวิถีเจ็ดดารารู้ทันที ถึงเวลานั้นวังวิถีเจ็ดดาราก็จะมาล้อมจับอี้อวิ๋น ต่อให้ล้อมจับไม่สำเร็จก็จะรู้ว่าอี้อวิ๋นมีตำราเคลื่อนดาราเปลี่ยนสวรรค์ เรื่องนี้จะเพิ่งความเสี่ยงให้กับการเดินทางในทะเลทรายกลบอาทิตย์เป็นอย่างมาก
“ข้าจะมอบสิ่งชดเชยให้คุณชายอี้แน่นอนขอรับ” แววตาปรมาจารย์ฮว่าอวี่เป็นประกาย เขาปฏิบัติต่ออี้อวิ๋นด้วยท่าทีหยอกล้อ แม้ในใจจะโมโหแต่ก็ไม่กล้าระเบิดอารมณ์
“การแสดงสุนัขกัดสุนัขเมื่อครู่นี้ของเจ้าทำได้ไม่เลว เจ้าผลักศิษย์ตัวเองไปตายเพื่อเอาตัวรอด จะให้ข้าปล่อยคนเช่นเจ้าไปหรือ?” อี้อวิ๋นปล่อยมือที่ไขว้หลังลง มือขวายื่นออกไปข้างหน้า กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ปรากฏกลางฝ่ามือ “ศิษย์อาจารย์เป็นเช่นนี้ก็ถือว่าน่าเศร้า แต่อย่างน้อยก่อนหน้านี้เหยียนเทียนชงก็เข้าใจเรื่องนี้ได้ เมื่อเข้าม่านพลังแห่งการทำลายล้างข้าก็ไม่คิดจะปล่อยพวกเจ้าคนใดรอดออกไป พวกเจ้า…ต้องตายทุกคน!”
“อี้อวิ๋น! เจ้าอย่าบังคับข้า! เจ้าคิดว่าตัวเองชนะแน่แล้วหรือ ข้ายอมสูญเสียพลังยุทธ์ตัวเองเพื่อใช้ท่าไม้ตาย อย่าคิดว่าจะรอด!”
เมื่อปรมาจารย์ฮว่าอวี่รู้ว่าอี้อวิ๋นจะฆ่าตนเองให้ได้ก็โมโหถึงขีดสุด เขาร้องคำรามแล้วเหวี่ยงมือโยนเหยียนเทียนชงเข้าใส่อี้อวิ๋นเหมือนโยนกระสอบทราย!
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่โถมพลังปราณอันรุนแรงของตัวเองเข้าสู่ร่างเหยียนเทียนชงในการโจมตีนี้จนอวัยวะภายในพังลงอย่างสมบูรณ์ จากนั้นพลังปราณเหล่านี้ก็รวมตัวในจุดตันเถียนของเหยียนเทียนชงเพื่อระเบิดออกมา
คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์ฮว่าอวี่จะใช้เหยียนเทียนชงเป็นระเบิดมนุษย์
อี้อวิ๋นยิ้มเยาะ กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ในมือแทงออกไป
ฉัวะ!
กระบี่ของอี้อวิ๋นแทงเข้าสู่จุดตันเถียนของเหยียนเทียนชง กระบี่ฟันทำลายจุดตันเถียน พลังปราณอันรุนแรงทั้งหมดถูกกฎแห่งการทำลายล้างของอี้อวิ๋นกลืนกิน การระเบิดจึงย่อมไม่เกิดขึ้น
ทว่าในตอนนี้เองที่อี้อวิ๋นกลับต้องเลิกคิ้วขึ้น เขาชักกระบี่หักหยางบริสุทธิ์กลับ ร่างกายถอยตัว ขณะเดียวกันก็แตะนิ้วออกไป
และในขณะที่อี้อวิ๋นแตะนิ้ว ไข่มุกสีดำเม็ดหนึ่งก็พุ่งออกจากร่างเหยียนเทียนชงมาที่หน้าอกเขา!
มุกสังหารเทพ!?
ดวงตาอี้อวิ๋นมีประกายแล่นผ่าน มุกสังหารเทพคือไข่มุกที่เกิดจากพลังปราณที่ยังไม่สลายตัวในจุดตันเถียนขอ
ยอดฝีมือที่กำลังจะหมดอายุขัย เมื่อโจมตีออกมาก็จะทำให้เกิดการระเบิด
มุกสังหารเทพมีความล้ำค่ามาก เพราะอย่างไรมันก็เกิดจากยอดฝีมือที่ใกล้สิ้นอายุขัย ทั้งยังสร้างขึ้นด้วยพลังปราณของตัวเอง จอมยุทธ์หลายคนยอมตายให้พลังปราณสลายหายไปก็ยังดีกว่าทำเช่นนี้ ดังนั้นมุกแต่เม็ดจึงมีราคาไม่น้อย
อี้อวิ๋นเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าตอนที่ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ลงมือกับเหยียนเทียนชงก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เพราะหวังว่าอี้อวิ๋นจะปล่อยเขาไป แต่ได้ทำการซ่อนมุกสังหารไว้ในร่างเหยียนเทียนชงเพื่อระเบิดเขาให้ตายต่างหาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าเตรียมมุกสังหารเทพเม็ดนี้อย่างตั้งใจเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ ดูซิว่าเจ้าจะตายอย่างไร!”
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ร้องคำรามและทิ้งระยะออกห่างจากอี้อวิ๋น
และตอนนี้อี้อวิ๋นก็แตะนิ้วไปบนมุกสังหารเทพเบาๆ
“รนหาที่ตาย!” ปรมาจารย์ฮว่าอวี่มีรอยยิ้มชั่วร้าย “สัมผัสมุกสังหารเทพ เจ้าไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนอย่างไรหรือ!”
ทว่าในชั่วพริบตาที่อี้อวิ๋นสัมผัสมุกสังหาร กงล้อสีดำขนาดเล็กวงหนึ่งก็ประทับเข้าสู่มุกสังหารเทพอย่างไร้ซุ่มเสียง จากนั้นมุกสังหารที่เดิมทีพลังจะปะทุออกอย่างสมบูรณ์และระเบิดในวินาทีถัดไปก็เสถียรลงอย่างฉับพลัน
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่เบิกตาโพลงเมื่อเห็นภาพนี้ เกิดอะไรขึ้น? กงล้อวงเล็กๆ ควบคุมพลังอันน่ากลัวในมุกสังหารเทพ?
“นี่น่ะหรือท่าไม้ตายของเจ้า? ช่างทำให้ข้ายิ่งหวังยิ่งนัก ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะใช้กระบวนการที่พอใช้ได้ ที่แท้ก็พึ่งพาวัตถุภายนอก”
อี้อวิ๋นยิ้มเยาะ นิ้วมือดีดออกไป มุกสังหารเทพบินกลับมาหาปรมาจารย์ฮว่าอวี่!
ขณะเดียวกันเขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างก็หดลงอย่างฉับพลัน พลังแห่งการทำลายล้างกดอัดเข้าใส่ร่างปรมาจารย์ฮว่าอวี่จากรอบทิศจนเขาไม่อาจหลบหลีก
“อ้ากกก!”
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ร้องคำราม ฝ่ามือตบเข้าใส่มุกสังหารเทพเพื่อปัดให้กระเด็น
ทว่าในตอนนี้เองที่อี้อวิ๋นขยับความคิด กงล้อสีดำขนาดเล็กที่ประทับในมุกสังหารเทพหายไปอย่างฉับพลัน
ชั่วพริบตาที่มือของปรมาจารย์ฮว่าอวี่กระทบลงบนมุกสังหารเทพ ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ก็รู้สึกทันทีว่าพลังที่เดิมทีสงบนิ่งภายในมุกกลับมาอาละวาดอีกครั้ง
“สัมผัสมุกสังหารเทพ เจ้าไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนอย่างไรหรือ?”
อี้อวิ๋นนำคำที่ปรมาจารย์ฮว่าอวี่เคยพูดกับเขามาพูดตอกกลับไป ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นใช้กงล้อหมื่นมารเกิดดับมากลืนกินลายค่ายกลที่ก่อให้เกิดการระเบิดในมุกสังหารเทพ แต่กงล้อยังไม่ทันได้กลืนกินสมบูรณ์ดีเขาก็ดีดมุกสังหารเทพกลับไป ทั้งยังนำกงล้อหมื่นมารเกิดดับออก
สิ่งที่รอปรมาจารย์ฮว่าอวี่อยู่จึงเป็นท่าไม้ตายของตัวเขาเอง!
“ไม่…!”
ปรมาจารย์ฮว่าอวี่ร้องอย่างสิ้นหวัง วินาทีต่อมาก็มีแสงจ้าตาลูกหนึ่งยิงออกจากฝ่ามือเขาและกลืนกินเขาอย่างสมบูรณ์!
ตูม!
มุกสังหารเทพระเบิดออก พลังอันน่ากลัวพัดม้วนไปรอบด้าน อี้อวิ๋นหดเขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างให้มาอยู่ตรงหน้าตัวภายในชั่วพริบตาเพื่อใช้เป็นกำแพงอันแข็งแรง!
พลังที่ระเบิดจากมุกสังหารเทพปะทะเข้าที่กำแพงนี้จนเขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างสั่นอย่างรุนแรง แม้แต่อี้อวิ๋นก็ยังรู้สึกแปรปรวนที่หน้าอก อานุภาพของมุกสังหารเทพน่ากลัวจริงๆ หากเขาโจมตีมุกนี้ตรงๆ โดยไม่ระวังก็คงอันตราย
เรื่องนี้ทำให้อี้อวิ๋นตื่นตัวยิ่งขึ้น ระดับยุทธ์ของเขาในตอนนี้ยังไม่ถือว่าสูงลึก แม้จะเจอคนที่พลังห่างชั้นกับเขาอยู่ไกลก็ห้ามประมาทเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจเป็นฝ่ายพลาดพลั้งเอง
คลื่นระเบิดดำเนินอยู่สิบชั่วอึดใจเต็มๆ จึงจะหายไป แขนทั้งสองข้างของอี้อวิ๋นชาไปหมด พลังปราณก็ถูกใช้ไปมาก
เขากวาดตามองรอบด้าน นอกจากพวกซินเอ๋อร์ที่เขาป้องกันไว้ด้านหลังแล้วที่อื่นก็พังเรี่ยรายไปหมด ซากศพและชิ้นเนื้อกระจายเต็มพื้น
“ตายหมดแล้ว” อี้อวิ๋นพ่นลมหายใจเบาๆ เขาหมุนตัวไปมองพวกซินเอ๋อร์ “พวกเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“เจ้าค่ะคุณชายอี้”
“ขอบคุณคุณชายอี้ที่ช่วยชีวิต!”
สาวน้อยสิบกว่าคนพากันก้มกราบ การลงมือครั้งนี้ของอี้อวิ๋นเป็นดังการมอบชีวิตใหม่ให้พวกนาง
“ข้ารู้ว่าเจ้าชื่อซินเอ๋อร์ เจ้าชื่ออะไร?”
อี้อวิ๋นถามสาวน้อยชุดเหลืองท่าทางอายุสิบเจ็ดสิบแปด ตอนที่อยู่ในทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็มีสาวน้อยนางนี้เลิกม่านประตูเรือทรายออกและเรียกเขาเอาไว้
“เรียนคุณชายอี้ บ่าวมีนามว่าเยวี่ยเซียวเจ้าค่ะ”
“เยวี่ยเซียว? อืม…” อี้อวิ๋นพยักหน้า “หายนะของร้านความลับเทพครั้งนี้เกิดจากข้า สมควรที่ข้าจะต้องช่วยพวกเจ้าอยู่แล้ว ข้าติดค้างร้านความลับเทพ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณ แม้ตอนนี้ข้าจะช่วยพวกเจ้า แต่พวกเจ้ามีที่ไปอื่นหรือไม่?”
ร้านความลับเทพถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้ทั้งทะเลทรายกลบอาทิตย์มีคนชั่วร้ายต่างๆ มารวมตัว หากกลุ่มสาวน้อยบริสุทธิ์ไม่มีที่ไปในทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็เท่ากับโยนลูกแกะเข้าฝูงหมาป่า จุดจบคงไม่ได้ดีไปกว่าถูกขายในตลาดมากนัก
ตอนที่ 1103
ทำลายขยายฟ้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
จะไปที่ไหน?
ซินเอ๋อร์นิ่งค้างไปชั่วครู่ ร้านความลับเทพไม่เหลืออยู่แล้ว เมืองแสงหยกก็ไม่กล้ากลับ พวกนางมีที่ไปที่ไหนกัน?
เดิมทีนางคิดจะพูดความจริง ทว่าเยวี่ยเซี่ยวกลับพูดแทรกก่อนซินเอ๋อร์ว่า “เรียนคุณชาย พวกข้ารู้จักโอเสซิสแห่งหนึ่งในทะเลทรายกลบอาทิตย์ โอเอซิสนี้ค่อนข้างซ่อนเร้น พวกข้าไปหลบภัยที่นั่นได้เจ้าค่ะ”
โอเอซิส?
อี้อวิ๋นมองเยวี่ยเซี่ยว เมื่อเห็นสาวน้อยคนอื่นๆ ไม่ได้มีสีหน้าผ่อนคลายแม้แต่น้อยเมื่อเยวี่ยเซี่ยวพูดถึงโอเอซิส อี้อวิ๋นก็รู้ว่าโอเอซิสนี้คงไม่เข้าท่าอะไรนัก
ตอนนี้ทะเลทรายกลบอาทิตย์กำลังวุ่นวาย ยอดฝีมือจำนวนมากรวมตัวกันที่นี่ ยังจะมีโอเอซิสอะไร ‘ซ่อนเร้น’ อีก? หากซ่อนเร้นจริงๆ แล้วสาวน้อยอ่อนแออย่างเยวี่ยเซี่ยวรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
จากที่นี่ไปโอเอซิสผืนนั้นก็เกรงว่ามีระยะทางยาวไกลและเต็มไปด้วยอันตราย หากมีองครักษ์ก็คงดีอยู่บ้าง แต่หากมีแค่พวกนางเพียงลำพังก็เกรงว่าไปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็คงเจอเหตุไม่คาดคิดแล้ว
“เจ้าพูดเช่นนี้เพราะกลัวจะรบกวนข้าหรือ?”
อี้อวิ๋นเข้าใจขึ้นมาทันที ตอนนี้ทะเลทรายกลบอาทิตย์มีปรากฏการณ์ ตัวเขายังเสี่ยงภัยจากการถูกไล่ฆ่าของวังวิถีเจ็ดดารา เป้าหมายของการแปลงโฉมกลับมาที่นี่ก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว นั่นคือมาเพื่อสมบัติในทะเลทรายกลบอาทิตย์
เยวี่ยเซี่ยวที่นิสัยเริ่มเป็นผู้ใหญ่เล็กน้อยย่อมเล็งเห็นถึงจุดนี้
นางรู้ว่าหากพวกนางทั้งกลุ่มติดตามอี้อวิ๋นก็จะเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ อี้อวิ๋นคงไม่ต้องตามหาสมบัติกันพอดี แค่ปกป้องพวกนางก็ยุ่งมากแล้ว ดังนั้นนางจึงพูดเรื่องที่หลบภัยที่ไม่ปลอดภัยแม้แต่น้อยอย่างโอเอซิส
“ช่างเถอะ พวกเจ้ามากับข้าแล้วกัน!”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็โบกมือเรียกเจดีย์ขนาดเล็กออกมา
นี่คือเจดีย์เทพจุติของราชาชิงหยาง
ตอนที่อยู่โลกไม้ฟ้าพยับหมอก ในฐานะที่เจดีย์เทพจุติเป็นวัตถุโจมตีและป้องกันของอี้อวิ๋นจึงช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ทว่าพลังภายในเจดีย์ก็ถูกใช้ไปจนหมด ตอนนี้เวลาผ่านมานาน เจดีย์เทพจุติได้ดูดซึมปราณฟ้าดินจนค่อยๆ ฟื้นฟูพลังได้ส่วนหนึ่ง แม้ตอนนี้จะยังไม่มีอานุภาพเหมือนเก่าแต่ก็ใช้ได้ตามปกติ
“พวกเจ้าเข้ามาให้หมดเถอะ ไม่ต้องต่อต้าน”
ขณะที่อี้อวิ๋นกำลังพูด บนเจดีย์เทพจุติก็มีแสงสีฟ้าส่องออกมาม้วนพวกซินเอ๋อร์กับเยวี่ยเซี่ยวทั้งสิบหกคนเข้าไป
จากนั้นพวกนางก็มาปรากฏอยู่ในโลกขนาดเล็กอันงดงาม นี่คือมิติอิสระภายในเจดีย์เทพจุติ
“นี่คือ…”
พวกซินเอ๋อร์มองไปรอบด้านอย่างตื่นตะลึง เทียบกับทะเลทรายกลบอาทิตย์ที่เต็มไปด้วยการหลอกลวงและฆ่าคนปล้นสมบัติแล้ว ที่นี่ก็เป็นดังสวรรค์อันสุขสงบ
หลายวันมานี้จิตใจของพวกซินเอ๋อร์ตึงเครียดและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เมื่อได้มายังสถานที่แห่งนี้อย่างฉับพลันก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน ไว้ข้าจะพาพวกเจ้าไปพบจีสุ่ยเยียนในอนาคต”
อี้อวิ๋นคิดแล้วก็นำคัมภีร์วิชาและโอสถจำนวนหนึ่งออกมามอบให้สาวน้อยทั้งสิบหกคน
“พวกเจ้าอาจต้องอยู่ในนี้เป็นเวลานาน เลือกฝึกวิชาพวกนี้ตามสบายแล้วกัน”
สิ่งที่อี้อวิ๋นนำออกมาไม่ใช่วิชาชั้นสูงอะไร บางวิชาราชาชิงหยางทิ้งไว้ในห้องตำราอย่างไม่ใส่ใจ บางวิชาอี้อวิ๋นก็ได้หลังจากที่สังหารศัตรู ราชาชิงหยางกับอี้อวิ๋นต่างก็ไม่ฝึกวิชาเหล่านี้ วางทิ้งไว้เฉยๆ ก็เสียของ ไม่สู้เอามาให้พวกนางศึกษาจะดีกว่า
แต่วิชาที่อี้อวิ๋นไม่สนใจเหล่านี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงสำหรับพวกซินเอ๋อร์
เยวี่ยเซี่ยวพลิกแผ่นหยกดูแค่สองสามชิ้นก็ต้องตกตะลึง วิชาที่นางฝึกก่อนหน้านี้มีชื่อว่า ‘ดาบจันทร์เสี้ยว’ วิชานี้ร้านความลับเทพซื้อมาจากงานประมูล ทั้งยังมีแค่สองเล่มแรก ส่วนที่เหลือขาดหายไป
แต่เมื่อนำมาเทียบกับบรรดาวิชาที่อี้อวิ๋นนำออกมาอย่างไม่ใส่ใจพวกนี้ เช่นนั้นแม้แต่วิชา ‘ดาบจันทร์เสี้ยว’ ที่ครบสมบูรณ์ก็ยังดูห่างชั้นไปมาก
วิชาล้ำค่าที่ทำให้เกิดการแย่งชิงในงานประมูลได้เลยกลับถูกอี้อวิ๋นโยนออกมาเหมือนโยนผักกาดขาว ยากจะจินตนาการได้จริงๆ ว่าอี้อวิ๋นเก็บสะสมอะไรไว้บ้าง
“คุณชาย…วิชาพวกนี้ล้ำค่าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ…”
“พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจ เดิมทีข้าก็ไม่ใช้วิชาพวกนี้อยู่แล้ว พวกเจ้าอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ ข้าออกไปก่อนล่ะ”
อี้อวิ๋นพูดจบก็เงาร่างกระพริบออกจากเจดีย์เทพจุติ
ทิ้งไว้เพียงสาวน้อยสิบหกนางที่กำลังงงงัน จากนรกมาสวรรค์เป็นการเปลี่ยนพลิกที่มากเกินไปจนพวกนางรู้สึกเหมือนกำลังฝัน
“พวกเราปลอดภัยแล้ว!” ซินเอ๋อร์ผู้ใสซื่อและอายุแค่สิบสี่สิบห้าปีกระโดดอย่างดีใจ การได้เข้าที่พำนักของอี้อวิ๋นในทะเลทรายกลบอาทิตย์ที่มีคนดีคนเลวปะปนกันทำให้พวกนางรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด
มิติภายในเจดีย์เทพจุติกว้างใหญ่มาก อี้อวิ๋นยกพื้นที่ทั้งชั้นให้พวกเยวี่ยเซี่ยว นอกจากที่นี่จะเป็นโลกขนาดเล็กอันงดงามแล้วยังมีตำหนักห้องพักอยู่ด้วย สาวน้อยทั้งสิบหกหาที่พักของตัวเองแล้วเริ่มชีวิตที่ทั้งสงบและมีความสุข
กฎแห่งการทำลายล้างยังคงปกคลุมรอบด้าน อี้อวิ๋นดีดลูกไฟหยางบริสุทธิ์ออกมาสองสามลูกเพื่อเผาศพพวกเหยียนเทียนชงให้เป็นธุลี จากนั้นก็เก็บพลังแห่งการทำลายล้างทั้งหมดกลับคืน เขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างจึงย่อมหายไปเช่นกัน
ตอนนี้จอมยุทธ์หลายคนกำลังรีบมาที่นี่ พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จอมยุทธ์ที่รุดหน้าเข้ามาต่างมีพลังจำกัด ยอดฝีมือที่แท้จริงไปอยู่ในทะเลทรายกลบอาทิตย์กันหมดแล้ว
อี้อวิ๋นไม่สนใจจอมยุทธ์อ่อนแอเหล่านี้แม้แต่น้อย เงาร่างเขากระพริบออกไป ผู้คนยังไม่ทันเห็นหน้าเขาชัดก็พุ่งออกจากฝูงชนไปแล้ว
เขาไม่ได้ไปจากที่นี่ในทันที แต่เลือกมาที่เมืองแสงหยก
ในจวนร้านขยายฟ้าของเมืองแสงหยก ณ เวลานี้ เหยียนผิงชวนกำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้โบราณอย่างเรียกได้ว่าสุขสมหวัง
ในฐานะที่เป็นผู้นำของร้านขยายฟ้า ไม่นานมานี้ร้านของเขาเพิ่งกลืนยึดร้านความลับเทพหยางสมบูรณ์ภายใต้การควบคุมของเขากับเหยียนเทียนชงผู้เป็นหลายชาย
นับจากนี้ร้านขยายฟ้าก็เป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่อันดับสองของเมืองแสงหยกรองจากร้านประมูลเจ็ดดารา
“ไม่รู้ว่าชงเอ๋อร์จะดึงคุณชายหยกโลหิตให้เป็นพวกสำเร็จหรือเปล่า มอบสาวน้อยให้เป็นคู่นอนเขามากถึงเพียงนั้น คุณชายหยกโลหิตน่าจะพอใจ…”
เหยียนผิงชวนลูบคางอย่างค่อนข้างลำพองใจ เหยียนเทียนชงเป็นคนจัดการสิ่งต่างๆ ได้เรียบร้อยจนเขาภูมิใจในหลานคนนี้ หากได้คุณชายหยกโลหิตมาเป็นพวกอีกคน เช่นนั้นฐานะของร้านขยายฟ้าก็จะยิ่งมั่นคง
“นายท่านวางใจเถิด เรื่องที่คุณชายจัดการต้องไม่มีข้อผิดพลาดแน่นอน”
ตรงหน้าเหยียนผิงชวนมีผู้อาวุโสของร้านขยายฟ้านั่งกันอยู่สองสามคน แต่ละคนมีสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่ทำลายร้านความลับเทพก็ย่อมมีการแบ่งสมบัติ พวกเขาที่เป็นผู้อาวุโสต่างได้ประโยชน์อย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงสมบัติ สาวน้อยคู่หลับนอนที่คุณชายหยกโลหิตไม่เลือกอาจถูกแบ่งมาให้พวกเขาบันเทิงใจด้วยก็ได้
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุย ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกถึงจิตสังหารอันน่ากลัวที่ปกคลุมลงมา จากนั้นรอบตัวก็มืดขมุกขมัว ใจทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกกดดันที่ยากจะบรรยาย
“ใคร!?”
“ผู้ใด!”
เหยียนผิงชวนตื่นตัวขึ้นมา เขาลุกตัวขึ้นจากเก้าอี้ไม้โบราณ
“คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่กัดหมด แบบนี้ข้าจะได้ไม่ต้องไปหาทีละคน” อี้อวิ๋นปรากฎตัวตรงหน้าเหยียนผิงชวน ข้างกายมีดาบบินพันหิมะร่ายรำ
อี้อวิ๋นรู้มานานแล้วว่าร้านขยายฟ้าเป็นคนอย่างไร เช่นนั้นคนที่นั่งหาผลประโยชน์อยู่ที่นี่ย่อมไม่มีคนใดบริสุทธิ์ สมควรตายกันทั้งนั้น
“พวกข้าไม่รู้จักเจ้า ไม่มีความแค้นใดๆ ต่อกัน เจ้าเป็นใครกันแน่ คิดจะทำอะไร? หากต้องการเงินทองข้าก็มอบให้ได้”
เหยียนผิงชวนค่อยๆ สงบลง หลายวันมานี้ทะเลทรายกลบอาทิตย์เต็มไปด้วยพวกเสือสิงห์กระทิงแรด ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่มีคนรู้ชื่อเสียงของร้านขยายฟ้าจึงมาปล้นสะดม ขอเพียงอีกฝ่ายมีความต้องการ ไม่ได้มุ่งมาสังหารใคร เช่นนั้นเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
“ความแค้นก็นับว่าไม่มีจริงๆ แต่ข้ามาแก้แค้นให้คนอื่น จีสุ่ยเยียนดีกับข้าไม่น้อย เข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกที่ล้ำค่าที่สุดก็มอบให้ข้า เป็นเรื่องสมควรที่ข้าจะช่วยนางทำลายร้านขยายฟ้า”
สีหน้าเหยียนผิงชวนเปลี่ยนพลิกทันทีเมื่ออี้อวิ๋นพูดเช่นนี้ “เจ้าคืออี้อวิ๋น!?”
“ใช่!”
อี้อวิ๋นถูกวังวิถีเจ็ดดาราไล่ฆ่าอยู่ไม่ใช่หรือ? เขาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
เหยียนผิงชวนคิดอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้เขามีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน
“ชะ…ช้าก่อน! เจ้าอย่าฆ่าข้า เจ้าจะทำลายร้านขยายฟ้าเพราะร้านความลับเทพดีต่อเจ้า เช่นนั้นขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป ร้านขยายฟ้าของข้าจะดีต่อเจ้ามากกว่าร้านความลับเทพเป็นสิบเท่า” เหยียนผิงชวนกลัวแล้วจริงๆ เขาถูกเขตแดนวิถีแห่งการทำลายล้างของอี้อวิ๋นห่อหุ้มไว้ภายใน ลำพังแค่เขตแดนวิถีนี้ก็ทำให้เขาสูญเสียความกล้าที่จะต่อต้านแล้ว
“ข้าไม่ต้องการสมบัติ หลานเจ้าไปนรกก่อนเจ้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเดี๋ยวนี้!”
ชงเอ๋อร์…ตายแล้ว!?
หัวใจเหยียนผิงชวนแทบจะหยุดเต้น แต่จากนั้นลำแสงดาบที่เป็นดังหิมะก็กลืนกินเขาอย่างสมบูรณ์…
……
อี้อวิ๋นออกจากเมืองแสงหยกในอีกครึ่งเค่อต่อมา แกนกลางสำคัญของร้านขยายฟ้าถูกอี้อวิ๋นกวาดล้างหมด เหยียนผิงชวนกับผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งถูกอี้อวิ๋นสังหารและทำลายซากศพขจัดร่องรอย
เช่นนี้แล้วร้านขยายฟ้าจึงย่อมตกอยู่ในความวุ่นวายแน่นอน ไม่อาจเลี่ยงความตกต่ำ ดังนั้นจึงไม่อาจมีใจคิดร้ายต่อร้านความลับเทพต่อ
ส่วนเรื่องที่จะสร้างร้านความลับเทพขึ้นใหม่ก็ปล่อยให้จีสุ่ยเยียนเป็นคนทำเถอะ
ไม่กี่เค่อต่อมาอี้อวิ๋นก็มายังค่ายกลส่งข้ามที่อยู่ใกล้เมืองแสงหยกอีกครั้ง
เขาไม่แม้แต่จะผ่านองครักษ์ที่ดูแลค่ายกลส่งข้ามนี้ด้วยซ้ำ แต่ใช้กฎแห่งมิติที่ฝึกฝนมากระตุ้นค่ายกลโดยตรง วินาทีต่อมาก็ท่องผ่านความว่างเปล่าไปยังส่วนลึกของทะเลทรายกลบอาทิตย์ที่อยู่ห่างไปแสนลี้ ส่วนองครักษ์ที่ดูแลค่ายกลก็ไม่แม้แต่จะตอบสนองทัน
ตอนที่ 1104
ทางเข้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทะเลทรายกลายอาทิตย์กว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง สายตาอี้อวิ๋นพร่ามัวเล็กน้อยเมื่อเดินทางผ่านค่ายกลส่งข้าม เมื่อวิสัยทัศน์ชัดเจนอีกครั้งและมอบไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในโอเอซิสขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
เพราะพลังหยางในทะเลทรายกลบอาทิตย์รุนแรงเกินไป โอเอซิสที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจึงไม่มีให้เห็น โอเอซิสทั้งหมดที่นี่มีค่ายกลสนับสนุนจึงคงอยู่ได้
โอเอซิสแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่ จอมยุทธ์จำนวนหนึ่งมาถึงที่นี่ผ่านค่ายกลส่งข้ามเช่นกันและยังไม่จากไปไหน
เมื่ออี้อวิ๋นปรากฎขึ้นกลางค่ายกลส่งข้ามก็รู้สึกถึงสายตาและการรับรับรู้จำนวนไม่น้อยที่กวาดมาทางเขาทันที
การรับรู้เหล่านี้ไม่อ่อนแอ เมื่ออี้อวิ๋นกวาดการรับรู้ก็พบว่ามีพลังที่แข็งแกร่งมีสองสามกลุ่ม คนที่มาที่นี่ต่างก็วางแผนที่จะไปสำรวจส่วนลึกของทะเลทรายกลบอาทิตย์ พลังจึงย่อมไม่อ่อนแอ
เมื่อสายตาและการรับรู้เหล่านี้เห็นว่าอี้อวิ๋นเป็นแค่จอมยุทธ์แปลกหน้าก็พากันเลิกสนใจ
‘มาจากกลุ่มสำนักกันทั้งนั้น’ อี้อวิ๋นมองไปก็เห็นจอมยุทธ์เหล่านี้รวมตัวเป็นกลุ่มย่อยๆ แต่ละคนสวมเครื่องแบบประจำสำนัก จอมยุทธ์อิสระแบบอี้อวิ๋นมีน้อยมากจึงไม่เป็นที่สนใจ
ตอนนี้เขาเห็นภาพเหมือนของตัวเขาเองอยู่บนหินก้อนยักษ์นอกค่ายกลส่งข้าม
เมื่ออี้อวิ๋นเดินเข้าไปดูก็พบว่าเป็นประกาศจับของเขา ผู้ประกาศจับคือวังวิถีเจ็ดดารา
‘วังวิถีเจ็ดดารา…’ อี้อวิ๋นยืนดูประกาศจับอยู่หน้าหินก้อนยักษ์ด้วยสีหน้านิ่งเฉย เขากับวังวิถีเจ็ดดาราคงนับได้ว่าไม่ตายไม่เลิก ท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งเกินไปก็ทำให้วังวิถีเจ็ดดาราเกรงกลัว วังวิถีเจ็ดดารากลัวว่าเมื่ออี้อวิ๋นเติบโตขึ้นในอนาคตแล้วจะมาเอาคืน นี่เป็นสิ่งที่อี้อวิ๋นคิดจะทำจริงๆ เสียด้วย
“ไอ้หนู เลิกดูเถอะ คนในภาพเหมือนไม่ใช่คนที่เจ้าจะหาเรื่องได้”
เสียงที่เหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชนดังขึ้นอย่างฉับพลัน อี้อวิ๋นหันไปมองก็เห็นชายสูงวัยที่สวมชุดผ้าทอหยาบๆ ผู้หนึ่ง ใบหน้าเต็มด้วยรอยย่น ผิวหนังก็แดงเหมือนตากแดดตากลมมา ในมือถือบ้องยาสูบท่อนหนึ่งพร้อมสูบควันออกมา บนบ้องยาสูบมีถุงยาเส้นห้อยอยู่ด้วย
อี้อวิ๋นงงงันเล็กน้อยเมื่อเห็นการแต่งกายของคนผู้นี้ หลายปีมานี้เขาท่องไปในโลกสวรรค์หมื่นปีศาจกับโลกสวรรค์เทพหยาง ชายชราที่เจอไม่มีท่ามีเหมือนเซียนก็เหมือนคนป่วยที่ดูก็รู้ว่าฝึกวิชานอกรีต ไม่เคยเจอแบบชายชราตรงหน้านี้มาก่อน
หากไม่ใช่เพราะรู้สึกคลื่นพลังพิเศษบนร่างอีกฝ่าย เช่นนั้นอี้อวิ๋นก็คงคิดว่าเขาเป็นชาวนาจากในหุบเขาสักแห่ง
“เอ๋?” ชาวนาเฒ่ามองอี้อวิ๋นแล้วส่ายศีรษะ “เจ้า…ค่อนข้างน่าสนใจ”
ชาวนาเฒ่าเหมือนพูดพึมพำกับตัวเอง อี้อวิ๋นฟังแล้วก็แปลกใจ น่าสนใจหรือ?
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย แต่ข้าขอแนะนำให้เจ้าเลิกคิดเรื่องสมบัติประหลาดในทะเลทรายกลบอาทิตย์จะดีกว่า” ชาวนาส่ายหน้าไปด้วยชี้ไปทางค่ายกลส่งข้ามด้านหลังอี้อวิ๋นไปด้วย “สองสามวันนี้มีคนคิดที่จะกลับออกไปแล้ว”
สองสามวันมานี้มีจอมยุทธ์หลายคนเข้าสู่ใจกลางทะเลทรายกลบอาทิตย์ แต่พื้นที่ที่ปรากฏการณ์ปกคลุมกว้างใหญ่เกินไป ไม่มีใครรู้ว่าสมบัติอยู่ตรงไหนกันแน่
จอมยุทธ์หลายคนตามหาไปทั่วทะเลทรายกลบอาทิตย์เหมือนแมลงวันไร้หัว แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เจออะไร
เดิมทีในทะเลทรายก็พอมีสมบัติอย่างอื่นปรากฏ แต่เพราะสองสามวันมานี้มีคนตามหาสมบัติมากเกินไป จำนวนสมบัติมีน้อยแต่มีคนมาก ไม่ต้องพูดถึงสมบัติที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าดิน ลำพังแค่วัตถุดิบล้ำค่าธรรมดาก็มีไม่เยอะ
หลายคนไม่เพียงแต่ไม่ได้ประโยชน์ พวกเขายังถูกจอมยุทธ์ที่ปล้นสะดมฆ่าตายด้วยซ้ำ นี่จึงทำให้หลายคนคิดว่าจะถอยตัว
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เตือนขอรับ” อี้อวิ๋นประสานมือ “ข้าน้อยใช่ว่าจะต้องตามหาสมบัติเสมอไป ได้เปิดหูเปิดตาก็ไม่เลว”
“ฮ่า ตามใจ”
ชายชราพูดจบถือบ้องยาสูบจากไป
‘ชายเฒ่าผู้นี้แปลกจริงๆ…’
อี้อวิ๋นขมวดคิ้วเบาๆ สัญชาตญาณของเขาบอกว่าชายผู้นี้ไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีที่มายังไงกันแน่
อี้อวิ๋นดูเหมือนออกจากโอเอซิสอย่างไม่คิดอะไร เมื่อเขามาถึงยังจุดที่ไร้ผู้คนและใช้การมองเห็นด้านพลังของผลึกม่วงมายืนยันว่ารอบด้านไม่มีคนแล้วจึงยื่นมือไปลูบที่แหวนมิติ บนฝ่ามือมีเข็มทิศโบราณชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นทันที
นี่คือเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูก ตอนที่จีสุ่ยเยียนมอบเข็มทิศนี้ให้อี้อวิ๋นก็ได้บอกวิธีใช้ให้กับเขา
หลายคนตามหาไปทั่วทะเลทรายกลบอาทิตย์เหมือนแมลงวันไร้หัว แต่อี้อวิ๋นมีของวิเศษชิ้นนี้
เขาส่งตราคาถาเข้าใส่เข็มทิศ ทันใดนั้นด้านบนเข็มทิศก็มีแสงสลัวๆ สว่างขึ้น
‘มีการตอบสนอง…แม้จะอ่อนแรงมากก็เถอะ…’
อี้อวิ๋นจัดเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกแล้วเริ่มหาทิศทาง
การพบเจอกับชายชราเมื่อครู่ทำให้ใจอี้อวิ๋นตื่นตัวขึ้น การเดินทางในทะเลทรายกลบอาทิตย์ครั้งนี้คงมียอดฝีมือไม่น้อย เขาต้องระวังตัวให้มากที่สุด
เข็มทิศความลับสวรรค์เป็นสมบัติที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณของสำนักความลับสวรรค์ ความเชื่อมโยงระหว่างเข็มทิศตัวแม่กับตัวลูกเกี่ยวเนื่องถึงวิชาพื้นภูมิ ยากที่จะถูกตัดขาด
แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นกลับพบว่าแม้จะมีเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกในมือ ตำแหน่งของเข็มทิศตัวแม่ก็ยังคลุมเครือเล็กน้อยอยู่ดี เขาตามหาอยู่หลายชั่วโมงก็ทำได้แค่ให้แสงของตัวลูกสว่างขึ้นเล็กน้อย
‘คงจะมีพลังกั้นอยู่…’
อี้อวิ๋นขมวดคิ้วพูดกับตัวเอง แม้ความเชื่อมโยงระหว่างเข็มทิศความลับสวรรค์แม่ลูกจะไม่ถูกตัดขาดง่ายๆ แต่หากมีค่ายกลหรือพลังมิติเวลาขวางกั้น เช่นนั้นความเชื่อมโยงนี้ก็อาจแปรปรวนขึ้นมา เขาต้องอยู่ใกล้เข็มทิศตัวแม่ให้มากพอจึงจะหาตำแหน่งของเข็มทิศตัวแม่เจอ
แต่อี้อวิ๋นไม่ร้อนใจในเรื่องนี้ เขามีเข็มทิศตัวลูกยังหายากขนาดนี้ นับประสาอะไรกับจอมยุทธ์คนอื่นๆ
เข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกอยู่ในมือ อี้อวิ๋นค่อยๆ หาตำแหน่งที่ถูกต้อง ยิ่งเข้าไปไกลเท่าไร อี้อวิ๋นก็รู้สึกถึงพลังหยางที่ยิ่งรุนแรง หากจอมยุทธ์ทั่วไปมาอยู่ที่นี่ก็คงอวัยวะภายในมอดไหม้ไปนานแล้ว
ทรายของที่นี่อ่อนนุ่มขึ้น เมื่อเหยียบลงไปก็จมมาถึงหลังเท้า หากไม่ใช่เพราะมีพลังปราณหุ้มเท้าอยู่ก็คงติดไฟเมื่อเหยียบลง
ทันใดนั้นแสงของเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกก็สว่างวาบขึ้น ทว่าเมื่ออี้อวิ๋นมองไปรอบด้านก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษ
“หืม?” อี้อวิ๋นก้มมองทรายอ่อนนุ่มอันร้อนระอุที่อยู่ใต้เท้าอย่างฉับพลัน
รอบๆ นี้ไม่มีอะไรให้เห็น แต่เข็มทิศตัวลูกกลับรู้สึกถึงตำแหน่งของตัวแม่…
“เปิด!” อี้อวิ๋นชักกระบี่ออกมาฟันลงบนทรายเบื้องหน้า
ทันใดนั้นทรายสีเหลืองที่ม้วนแยกออกจนเผยให้เห็นร่องลึกสายหนึ่ง
หลังจากที่ฟันกระบี่ไปสองสามครั้งก็ต้องตาเป็นประกาย
ปากถ้ำอันมืดมิดปรากฏอยู่ใต้ดินลึก
ตัวปากถ้ำถูกเผาจนเป็นสีแดง ภายในมีเปลวไฟสีแดงส่องสว่างเหมือนทางเข้านรก
อี้อวิ๋นถือเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกไว้ในมือและกระโดดตัวเข้าสู่ภายในอย่างไม่ลังเล
ทรายสีเหลืองปกคลุมลงมาทันที เพียงพริบตาก็กลบทับทางเข้าถ้ำและกลับเป็นทะเลทรายเหมือนเดิม
ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม แม้แต่ความร้อนระอุก่อนหน้านี้ก็หายไปด้วย ประหนึ่งเป็นแค่ภาพลวงตา
หากไม่ใช่เพราะมีเข็มทิศความลับสวรรค์ตัวลูกก็คงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าด้านล่างจะมีโลกอีกใบหนึ่ง
ขณะที่อี้อวิ๋นกำลังเข้าถ้ำ บนทะเลทรายที่ห่างจากเขาออกไปพันลี้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินหน้าอย่างช้าๆ
หากอี้อวิ๋นอยู่ที่นี่ก็คงจำคนเหล่านี้ได้ในทันที
คนกลุ่มนี้สวมชุดคลุมที่ปักลายดาวเจ็ดดวง ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าคือหลิ่วหรูอี้ผู้เป็นรองประมุขของวังเจ็ดดารา ด้านหลังนางมีอาจารย์เทียนเซียวจากสำนักความลับสวรรค์เดินตามอยู่
ตอนนี้อาจารย์เทียนเซียวกำลังถือเข็มทิศชิ้นหนักเพื่อพยามยามอนุมาน หน้าผากเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ หลังจากที่อนุมานอยู่ใต้ดวงอาทิตย์อันร้อนระอุมาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ก็ได้แต่วางเข็มทิศลงอย่างหงุดหงิดใจ
“อาจารย์เทียนเซียว เจ้ายังคำนวณตำแหน่งไม่ได้อีกหรือ?” หลิ่วหรูอี้ขมวดคิ้วถาม พวกนางมาอยู่ในจุดที่เกิดปรากฏการณ์ขึ้นได้สองสามวันแล้วแต่กลับไม่ได้อะไรเลย
อาจารย์เทียนเซียวพูดว่า “พลังปราณที่นี่ผันผวนจนเกิดเป็นค่ายกลตามธรรมชาติ ข้าใช้วิชาพื้นภูมิมาอนุมานพลังฟ้าดินก็เท่ากับถอดรหัสความลับสวรรค์ มันทำง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน? แต่รองประมุขหลิ่วโปรดวางใจ แม้ข้าจะช้าไปบ้าง แต่อย่างมากสุดก็ใช้เวลาสิบวันในการเจอตำแหน่งของสมบัติแน่นอน!”
“ตอนนี้ทั้งทะเลทรายกลบอาทิตย์มีข้าเพียงคนเดียวที่มีความสามารถนี้ คนอื่นๆ หาไม่เจอแน่นอน”
อาจารย์เทียนเซียวพูดอย่างมั่นใจ
“นานขนาดนั้นเลย?”
หลิ่วหรูอี้ไม่พอใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้ก็ได้แต่ทำเช่นนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น