True Martial World 1089-1091
ตอนที่ 1089
ค่ายกลลองกระบี่
โดย
Ink Stone_Fantasy
“กระบี่บรรพชนสระใส!”
“กระบี่บรรพชนสระใสจริงๆ ด้วย ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!”
กระบี่บรรพชนสระใสเป็นสมบัติประจำสำนักของสำนักกระบี่สระใส ปกติจะดูแลโดยเจ้าสำนักหรือไม่ก็ผู้อาวุโสสูงสุด ศิษย์ธรรมดาทั่วไปย่อมไม่มีโอกาสได้เห็น มีเพียงศิษย์ที่เป็นยอดฝีมืออย่างเจี้ยนเสี่ยวซวงกับเจี้ยนเฟิงหงที่เคยพบและมีโอกาสลองใช้
เจี้ยนเสี่ยวซวงกับเจี้ยนเฟิงหงเคยลองใช้กระบี่บรรพชนสระใสมาก่อน ตอนที่เจี้ยนเฟิงหงใช้ไม่ได้มีประสิทธิภาพโดดเด่นอะไร ไม่ต่างอะไรกับเจี้ยนปู๋อี้ผู้เป็นอาจารย์ของเขา
แต่เมื่อเจี้ยนเสี่ยวซวงเป็นผู้ใช้กลับต่างออกไป นางอายุน้อยแค่นี้แต่ถูกเจี้ยนอู๋เฟิงให้ความสำคัญก็มีสาเหตุหลักมาจากการที่กระบี่บรรพชนสระใสที่อยู่ในมือนางแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในมือเจี้ยนอู๋เฟิงหนึ่งขั้น
เรื่องนี้ทำให้เจี้ยนปู๋อี้ไม่พอใจเล็กน้อย พวกเขาศิษย์อาจารย์สองคนถูกคู่ศิษย์อาจารย์ของเจี้ยนอู๋เฟิงเอาชนะ เรื่องนี้จึงกำหนดแล้วว่ากระบี่บรรพชนสระใสจะตกทอดสู่เจี้ยนเสี่ยวซวงเป็นคนต่อไป
แต่แน่นอนว่าแม้เจี้ยนปู๋อี้จะไม่พอใจก็มองภาพรวม ยังไม่ถึงขั้นทำเรื่องเกินเลยเพื่อชิงกระบี่บรรพชนสระใส
“สหายน้อยอี้อวิ๋น ข้ายืมกระบี่บรรพชนสระใสนี้ให้เจ้าลอง ภายในกระบี่มีพลังอันยิ่งใหญ่ผนึกไว้ หากไม่ใช่อัจฉริยะกระบี่ก็ไม่อาจใช้”
กระบี่บรรพชนสระใสพุ่งมาหาอี้อวิ๋นเมื่อเจี้ยนอู๋เฟิงพูดจบ
แปะ!
อี้อวิ๋นคว้าด้ามกระบี่ไว้อย่างมั่นคง เมื่อกระบี่บรรพชนสระใสตกสู่มือก็สัมผัสถึงความรู้สึกยิ่งใหญ่ที่ยากจะบรรยายทันที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือกระบี่ชั้นยอด แต่อี้อวิ๋นกลับสัมผัสถึงความรู้สึกไม่สมบูรณ์ได้รางๆ จากกระบี่ เสมือนว่ากระบี่เล่มนี้เคยเสียหายอย่างหนัก
“กระบี่นี่…”
อี้อวิ๋นครุ่นคิดชั่วครู่ เขารู้สึกรางๆ ว่ากระบี่นี้มีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมากเพราะมันเป็นสมบัติประจำสำนักกระบี่สระใส
เมื่อถือกระบี่บรรพชนสระใสไว้ในมือ อี้อวิ๋นก็รู้สึกว่าเจตนากระบี่ในร่างโหมซัดสาดขึ้นมา
“สหายน้อยอี้อวิ๋น บนแท่นคอยกระบี่นี้มีค่ายกลลองกระบี่อยู่ ค่ายกลนี้สำนักกระบี่สระใสของเราเจอจากซากวัตถุโบราณแห่งหนึ่ง มีปรมาจารย์ค่ายกลหลายรุ่นซ่อมบำรุง จนถึงวันนี้ก็นับเป็นค่ายกลอันเลิศล้ำ”
“ค่ายกลลองกระบี่จะใช้งานคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ ถือเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง ทั้งเจตนากระบี่และกฎที่ผู้ใช้ค่ายกลบรรลุล้วนสะท้อนออกมาบนร่างแยกกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่ให้ใช้ร่างแยกกระบี่มาสู้ก็เพราะหนึ่ง ค่ายกลกับร่างแยกมีพลังเท่ากัน เมื่อต่อสู้จึงเป็นการยุติธรรม สอง เพราะสามารถแสดงวิถีกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะบาดเจ็บ”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดแนะนำแท่นคอยกระบี่ หากอี้อวิ๋นแค่แสดงกระบวนท่ากระบี่อย่างเดียวก็คงมองความแข็งแกร่งไม่ออก ดังนั้นจึงต้องมีคู่ต่อสู้
“เช่นนั้นผู้ใช้ค่ายกลนี้…” เจี้ยนอู๋เฟิงกำลังอยากเลือกคนมาใช้ค่ายกลคู่กับอี้อวิ๋น แต่ในตอนนี้เองที่เจี้ยนเฟิงหงเดินออกมาพูดว่า “ท่านเจ้าสำนักอาจารย์ ศิษย์ยินดีใช้ค่ายกลลองกระบี่ขอรับ”
“โอ้?”
เจี้ยนอู๋เฟิงมองเจี้ยนเฟิงหง อานุภาพของค่ายกลลองกระบี่ขึ้นอยู่กับวิถีกระบี่และความเข้าใจด้านกฎของผู้ใช้ ไม่เกี่ยวข้องกับระดับยุทธ์มากนัก
เจี้ยนเฟิงหงฝึกกระบี่มาสี่ร้อยกว่าปี มีผลสำเร็จด้านวิถีกระบี่ที่ไม่เลว เหมาะที่จะเป็นผู้ใช้
“ได้”
เจี้ยนอู๋เฟิงตอบตกลง
จากนั้นเขาก็โบกมือ ริมแท่นคอยกระบี่มีแท่นกระบี่เก้าดาราปรากฏขึ้น บนแท่นมีอักขระสลักอยู่เต็มและมีกระบี่เก้าเล่มปักอยู่รอบๆ
เจี้ยนเฟิงหงมองแท่นกระบี่เก้าดาราแล้วมองมาทางอี้อวิ๋น มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ
เป็นธรรมดาที่คนเราจะมีใจอิจฉา เจี้ยนเฟิงหงไม่ใช่คนไม่ดี แต่เจ้าสำนักกระบี่สระใสชมคนที่อายุน้อยกว่าเขาต่อหน้าศิษย์น้องที่เขาชอบเช่นนี้ หากเจี้ยนเฟิงหงไม่ใช่นักบุญก็ย่อมไม่พอใจอยู่บ้าง
แท่นคอยกระบี่เป็นโอกาสอันดี เขาอยากลบรัศมีของอี้อวิ๋น
เจี้ยนเฟิงหงชักกระบี่คู่ของตัวเองออกมาและยืนบนแท่นกระบี่เก้าดารา เขาหันมามองอี้อวิ๋น “ขึ้นแท่นกระบี่เถอะ แสดงพลังทั้งหมดของเจ้าออกมา อย่าโทษว่าข้ารังแกเด็ก ในเมื่อท่านเจ้าสำนักอาจารย์อาให้ความสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนี้ก็คงมีความสามารถอยู่บ้าง ข้าเองก็จะไม่ออมมือเช่นกัน”
“ข้าไม่ต้องการแท่นกระบี่” อี้อวิ๋นตอบเรียบๆ คำพูดนี้ทำให้เจี้ยนเฟิงหงเลิกคิ้วขึ้น “อะไรนะ?”
“ข้าคุ้นชินกับการสู้ด้วยตัวเองมากกว่า” ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็เดินเข้าสู่กลางแท่นลองกระบี่
“สู้ด้วยตัวเอง?”
เจี้ยนเฟิงหงขมวดคิ้ว ในการต่อสู้ของจอมยุทธ์ นอกเสียจากว่าพลังจะต่างกับมากแบบอี้อวิ๋นกับเจี้ยนเสี่ยวซวงที่ดูผลแพ้ชนะได้อย่างง่ายดายจากอานุภาพในกระบวนท่ากระบี่ของอี้อวิ๋น หากจะแบ่งผลแพ้ชนะในกรณีที่พลังใกล้เคียงกันจึงเป็นไปได้มากว่าจะมีฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บ
เจี้ยนเฟิงหงใช้ร่างแยกกระบี่ แต่อี้อวิ๋นจะสู้ด้วยตัวเอง ต่อให้เจี้ยนเฟิงหงแพ้ก็ไม่บาดเจ็บ แต่อี้อวิ๋นกลับไม่เป็นเช่นนั้น หากเขาบาดเจ็บเพราะปราณกระบี่ก็อาจถึงขั้นต้องนอนพักเป็นครึ่งเดือน
“เจ้าจะสู้ด้วยตัวเอง ข้าเองก็อยากทำเป็นเพื่อนเจ้า แต่ระดับยุทธ์ของข้าสูงกว่าเจ้าไปไกล รากฐานก็ลึกล้ำกว่า หากสู้ด้วยตัวเองก็ยากที่จะระงับระดับยุทธ์ให้เหมือนกับเจ้า ข้าขอใช้ร่างแยกกระบี่ที่ระดับยุทธ์เท่ากันกับเจ้ามาสู้ดีกว่า เช่นนี้จะได้ยุติธรรม แต่ข้าขอเตือนก่อนว่าจะไม่ออม หากบาดเจ็บหนักก็อย่าได้โทษข้า”
เจี้ยนเฟิงหงไม่พอใจในคำตอบที่ไม่ใส่ใจของอี้อวิ๋น เขาวางแผนจะให้อี้อวิ๋นประสบความยากลำบาก
วินาทีต่อมาก็มีแสงสีขาวห่อหุ้มลงมา เงาร่างของเจี้ยนเฟิงหงหายเข้าสู่ภายใน
ขณะเดียวกัน ศิษย์สำนักกระบี่สระใสที่เดิมที่อยู่ห่างอี้อวิ๋นไปหลายสิบจั้งก็เหมือนถูกดึงออกไปไกลอย่างฉับพลัน ในดวงตาเหลือเพียงเงาร่างขนาดเล็ก กำแพงหินที่เดิมที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าแท่นคอยกระบี่ก็เป็นแบบเดียวกัน รอบตัวอี้อวิ๋นกว้างโล่งขึ้นมาชั่วขณะ
บนแท่นคอยกระบี่อันกว้างโล่งมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น นี่คือร่างแยกที่เกิดจากปราณกระบี่ คือตัวเจี้ยนเฟิงหงนั่นเอง
ศิษย์ทุกคนในสำนักกระบี่สระใสต่างมองภาพนี้ พวกเขาต่างจำอานุภาพที่เจี้ยนเฟิงหงใช้ค่ายกลลองกระบี่ได้ดีเหมือนใหม่ อย่างไรเจี้ยนเฟิงหงก็เป็นศิษย์พี่ใหญ่ เป็นผู้คุมการทดสอบมาหลายครั้ง ทั้งเขายังเป็นคนเข้มงวด หลายคนถูกเขาจัดการบนแท่นคอยกระบี่นี้จนสะบักสะบอม มีเพียงศิษย์น้องเสี่ยวซวงที่จะได้การดูแลหลายอย่างเมื่อสู้กับเขา
“ท่ากระบี่ของเจ้าล่ะ? ข้าจะโจมตีแล้วนะ!” เจี้ยนเฟิงหงเตือนอี้อวิ๋นก่อนที่โจมตี นับว่ามั่นใจไม่เบา
ตอนนี้บนร่างอี้อวิ๋นไม่มีพลังแต่อย่างใด การประมือของจอมยุทธ์มักทำการสะสมพลังให้ตัวเองอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดก่อน บางครั้งลำพังแค่พลังที่สะสมนี้ก็ตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว
อี้อวิ๋นไม่สะสมพลัง การโจมตีหลังจากนี้ของเขาย่อมด้อยกว่าตอนที่สะสมมาก
“สะสมพลังหรือไม่สะสมก็เป็นเรื่องของข้า เจ้าจะสนใจไปทำไม ตลอดเวลาหลายปีที่ข้าฝึกวรยุทธ์มานี้ก็สู้กับคนระดับเดียวกันน้อยมาก แค่สู้กับคนระดับเดียวกับ ทำไมต้องสะสมพลังด้วย?”
หลายสิบปีที่อี้อวิ๋นฝึกยุทธ์มานี้ก็ไม่รู้สู้กับคนที่ระดับสูงกว่ามาแล้วกี่ครั้ง น้อยครั้งมากที่จะสู้กับคนระดับเดียวกัน สาเหตุเป็นเพราะมีไม่กี่คนในระดับเดียวกันที่ถูกอี้อวิ๋นเรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ได้
ตอนที่ 1090
เรียนเพื่อนำไปใช้
โดย
Ink Stone_Fantasy
เดิมทีคำพูดของเจี้ยนเฟิงหงก็มั่นใจมากแล้ว แต่คำพูดของอี้อวิ๋นกลับไม่ใช่แค่มั่นใจในตัวเอง มันคือการอวดดีชัดๆ
แต่แม้อี้อวิ๋นจะอวดดีก็ไม่มีใครคิดว่าเขาคุยโวโอ้อวด เป็นเรื่องปกติที่อัจฉริยะหลายคนไม่มีศัตรูในวัยหรือระดับเดียวกัน ทุกคนต่างเชื่อเรื่องที่อี้อวิ๋นบอกว่าสู้กับคนระดับเดียวกันน้อยมาก
แต่อี้อวิ๋นเป็นอัจฉริยะ เจี้ยนเฟิงหงก็เป็นอัจฉริยะเช่นกัน เจี้ยนเฟิงหงเติบโตในสำนักกระบี่สระใสของพวกเขา สู้กับเด็กรุ่นเยาว์ในสำนักมาตั้งแต่เด็กและมีพลังไม่ธรรมดา
ยิ่งไปกว่านั้นเจี้ยนเฟิงหงก็แค่ลดระดับยุทธ์ให้อยู่ระดับเดียวกับอี้อวิ๋น ส่วนวิถีกระบี่และความเข้าใจด้านกฎยังคงดังเดิม หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เจี้ยนอู๋เฟิงชมอี้อวิ๋นว่าวิถีกระบี่น่าตื่นตะลึง เช่นนั้นเจี้ยนเฟิงหงมีหรือจะรังแกเด็กและใช้วิถีกระบี่สี่ร้อยปีของเขามาสู้กับอี้อวิ๋น?
“ดี เช่นนั้นข้าจะดูว่าเจ้าจะรับกระบี่นี้ของข้าได้หรือไม่”
เงาร่างเจี้ยนเฟิงหงกระพริบ เขาถือกระบี่พุ่งเข้ามา
กระบี่ในมือเขามีเจตนากระบี่อันเฉียบแหลมวนเวียน เทียบกับเจี้ยนเสี่ยวซวงแล้วก็มีเจตนากระบี่ที่น่ากลัวกว่า เจตนากระบี่นี้ถึงขั้นทำให้ค่ายกลกระบี่กู่ร้องไปด้วย
อูอูอู!
ค่ายกลกระบี่สั่นเทา เมื่อเจตนากระบี่ของเจี้ยนเฟิงหงพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ทันใดนั้นลำแสงกระบี่ก็ประหนึ่งกลายเป็นสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง มันพุ่งตัวผ่านอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นม่านแสง ลำแสงกระบี่ทุกสายเล็งมาที่อี้อวิ๋นจนพลังเขาถูกปิดตาย
แนวคิดแข็งอ่อน กฎแห่งวารี?
อี้อวิ๋นตกใจ เปลี่ยนแข็งเป็นอ่อนเมื่อเจตนากระบี่พุ่งขึ้นถึงขีดสุด คลื่นกระบี่หลายสายเหล่านั้นสั่นกระเพื่อมเหมือนน้ำ มันสอดคล้องกับวิถีของอี้อวิ๋นอย่างไรรูป…นี่คือการเปลี่ยนแปลงเมื่อสิ่งหนึ่งพัฒนาถึงขีดสุด กฎอันโดดเดี่ยวไม่อาจพัฒนาถึงขีดสุด มีเพียงกฎที่ตรงข้ามกันเท่านั้นที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั้งยังทำให้บรรลุหลักแห่งวิถีสายใหญ่
แนวคิดแข็งอ่อนของเจี้ยนเฟิงหงมีวิธีต่างจากอี้อวิ๋นแต่ได้ผลเหมือนกัน ไม่ธรรมดาจริงๆ!
มรดกวิถีกระบี่ของราชาชิงหยางที่สำนักกระบี่สระใสมีไม่สมบูรณ์ หลายคนจึงเพิ่มความเข้าใจของตัวเองลงในวิถีกระบี่ ความเข้าใจเหล่านี้มีส่วนที่น่าตื่นตะลึง ในฐานะที่เจี้ยนเฟิงหงเป็นพี่ใหญ่ของสำนักกระบี่สระใสก็ย่อมมีจุดที่เหนือกว่าคนอื่น
“เหล็กหลอมร้อยครั้งอ่อนนุ่มเหมือนนิ้ว! ศิษย์พี่เฟิงหงใช้วิชาก้นหีบของเขาแล้ว!”
ศิษย์หลายคนตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อเห็นกระบวนท่ากระบี่ของเจี้ยนเฟิงหง หลายคนเข้าใจหลักการที่สิ่งหนึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อพัฒนาถึงขีดสุด แต่การผสานกฎที่ตรงข้ามกันสองอย่างเข้าด้วยกันใช่เรื่องง่ายที่ไหน แม้แต่เจี้ยนเสี่ยวซวงก็ยังทำจุดนี้ไม่ได้
แข็งอ่อนเคียงคู่กัน หนึ่งกระบี่พุ่งผ่านฟ้ามาที่กลางหว่างคิ้วอี้อวิ๋น!
แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นกลับยังไม่ลงกระบี่ในทันที เขาถือกระบี่บรรพชนสระใสไว้ในมือ สายตามองกระบวนท่ากระบี่ของเจี้ยนเฟิงหงอย่างใช้ความคิด
กระบี่แข็งอ่อนสอดคล้องกับวิถีของอี้อวิ๋นพอดี ทั้งยังเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคำนึกถึงมาก่อน เดิมทีการลองกระบี่ครั้งนี้คือการที่อี้อวิ๋นจะแสดงกระบวนท่ากระบี่ให้ศิษย์สำนักกระบี่สระใสได้ดู คิดไม่ถึงว่ากระบวนท่ากระบี่ของเจี้ยนเฟิงหงจะช่วยชี้ทางสว่างให้เขา
“อี้อวิ๋นกำลังทำอะไรน่ะ เหตุใดยังไม่ลงกระบี่อีก?”
ทุกคนรอที่จะได้เห็นผลงานของอี้อวิ๋น แม้จะไม่รู้สึกว่าอี้อวิ๋นมีโอกาสตอบโต้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอัจฉริยะที่เจี้ยนอู๋เฟิงเป็นผู้แนะนำ คงมีความสามารถอยู่บ้าง
“เขาคงไม่ได้ตะลึงค้างไปแล้วหรอกใช่ไหม หากยังไม่ลงกระบี่ก็จะไม่มีโอกาสอีก ไม่ทันการแล้ว!”
“หืม? เดี๋ยวก่อน…เหตุใดเวลาเหมือนเดินช้าลงล่ะ?”
ทุกคนเห็นกับตาว่ากระบี่ของเจี้ยนเฟิงหงกำลังจะแทงเข้าที่หน้าผากอี้อวิ๋น ทว่ากระบี่เล่มนี้กลับเหมือนล่องผ่านเวลาเป็นสิบล้านปีในระยะห่างอันสั้นแค่นี้จนแทงไม่ถึงอี้อวิ๋นสักที
อี้อวิ๋นยืนครุ่นคิดนิ่งๆ อยู่กลางแม่น้ำแห่งกาลเวลา ในที่สุดเขาก็ลงกระบี่
“สิ่งหนึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อพัฒนาถึงขีดสุด แข็งอ่อนเคียงคู่ ในเมื่อกระบี่ของเจ้ามีความแข็งอ่อนผสาน เช่นนั้นข้าจะลองทำเช่นนี้ดู!”
แกร๊ง…!
กระบี่บรรพชนสระใสร้องกังวานเหมือนพยัคฆ์ร้องมังกรคำรามก้องทั่วฟ้า
แค่กระบี่นี้ก็ทำให้ดวงตาเจี้ยนอู๋เฟิงเป็นประกาย
กระบี่บรรพชนสระใสถูกอี้อวิ๋นกระตุ้น แค่อานุภาพในตอนที่ชักกระบี่ออกมาก็เหนือกว่าเจี้ยนเสี่ยวซวงแล้ว!
อัจฉริยะแห่งวิถีกระบี่ ไม่มีอะไรเลิศล้ำไปกว่านี้แล้ว!
ขณะเดียวกันกับตอนที่อี้อวิ๋นชักกระบี่ จู่ๆ มิติเวลารอบตัวเขาก็ปั่นป่วนขึ้นมา
หนึ่งกระบี่ที่เหมือนมาจากความว่างเปล่าในยุคดึกดำบรรพ์แทงเข้าใส่อนาคตอันห่างไกล กระบี่ของอี้อวิ๋นทำให้ทุกคนกลั้นหายใจ
กฎแห่งมิติเวลา?
ศิษย์สำนักกระบี่สระใสรู้สึกถึงแค่ความน่ากลัวในกระบี่ของอี้อวิ๋น แต่พวกเจี้ยนอู๋เฟิง เจี้ยนปู๋อี้และเหล่าผู้อาวุโสในสำนักกลับตกตะลึงอย่างหนักเมื่อเห็นกระบี่นี้
ความเลิศล้ำในกระบี่ของเจี้ยนเฟิงหงมาจากการที่เขาผสานแนวคิดแข็งอ่อนลงในมรดกของราชาชิงหยาง แม้แต่อัจฉริยะด้านวิถีกระบี่หลายคนก็ยังทำจุดนี้ไม่ได้
แต่เมื่อเจี้ยนเฟิงหงประมือกับอี้อวิ๋น กระบวนท่ากระบี่ของอี้อวิ๋นกลับทำจุดนี้ได้เช่นกัน กระบี่ของเขามีแนวคิดสองอย่างผสานซึ่งกันและกันจนไม่อาจทำลาย!
ที่น่ากลัวไปกล่านั้นคือแนวคิดที่เจี้ยนเฟิงหงบรรลุคือแข็งแกร่ง พูดตามตรงแล้วก็เป็นวิธีสายเล็กรองจากเบญจธาตุและวิถีแห่งการสร้าง
แต่วิถีที่อี้อวิ๋นบรรลุคือวิถีแห่งมิติเวลาสายใหญ่
ในยุคที่จักรวาลถือกำเนิด หยินหยางกับมิติเวลาได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อม ถัดมาจึงเกิดเบญจธาตุ นี่จึงไม่ใช่สิ่งที่แนวคิดแข็งอ่อนจะสู้ได้
อี้อวิ๋นผสานวิถีมิติที่ตรงข้ามกันลงในกระบวนท่ากระบี่ของราชาชิงหยาง?
เขาค้นคว้าเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วหรือว่าเป็นกระบวนท่าที่เพิ่งมีหลังจากเห็นกระบวนท่าของเจี้ยนเฟิงหง?
หากเป็นแบบแรกก็นับว่าอี้อวิ๋นมีพรสวรรค์เลิศล้ำ แต่หากเป็นแบบหลัง เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าจินตนาการจริงๆ!
แต่กระบวนท่ากระบี่ดำเนินมาถึงตรงนี้แล้วกลับยังไม่จบลง ผู้อาวุโสทั้งหลายยังไม่ทันได้ร้องตกใจก็เห็นดวงอาทิตย์อันร้อนระอุตกจากฟ้า กลางดวงอาทิตย์มีเงาอีกาทองที่อาบเปลวเพลิงให้เห็นได้รางๆ
ขณะเดียวกันบนคมกระบี่ของอี้อวิ๋นมีลำแสงสีขาวอันเย็นยะเยือกกระพริบ!
ประหนึ่งว่ามองลำแสงที่มาจากกระบี่บรรพชนสระใสเพียงแวบเดียวก็จะถูกแช่แข็ง ทุกที่ที่ลำแสงกระบี่แล่นผ่านเหมือนถูกโลกันตร์น้ำแข็งกวาดล้าง เจี้ยนเฟิงหงอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ แม้จะมีค่ายกลกั้นอยู่ก็ยังรู้สึกเหมือนวิญญาณถูกแช่แข็ง
นี่…หรือจะเป็น…แนวคิดหยินหยาง!?
วิถีหยางบริสุทธิ์สายใหญ่เคียงคู่กับหยินบริสุทธิ์อันเหน็บหนาว กระบี่นี้ของอี้อวิ๋นผสานไว้ทั้งวิถีมิติเวลาและวิถีหยินหยาง!
ภายใต้กฎอันน่ากลัวนี้แนวคิดแข็งอ่อนของเขาก็เป็นดังสายน้ำที่อยู่ต่อหน้ามหาสมุทร อ่อนแรงไร้กำลังอย่างเห็นได้ชัด
ตูม!
ลำแสงกระบี่ของเจี้ยนเฟิงหงถูกกฎทั้งสี่ทำลายพินาศ!
เพราะมีผลวิถีเก้าใบคอยสนับสนุน กฎที่อี้อวิ๋นบรรลุและวิถีกระบี่ที่ฝึกจึงไม่ใช่สิ่งที่เจี้ยนเฟิงหงจะเทียบเคียง!
‘แสงฟ้าทะลุอาทิตย์ทำลายจันทร์โลหิต วิญญาณน้ำแข็งโดดเดี่ยวผนึกเหวเทพ!’
ท้ายที่สุดอี้อวิ๋นก็ฟันกระบี่นี้ลง!
ลำแสงกระบี่สีฟ้ามีเจตนากระบี่ของราชาชิงหยางกับผู้เป็นนายแห่งวังกระบี่หยางบริสุทธิ์แฝงอยู่ ทั้งยังมีเจตนากระบี่ของอี้อวิ๋นเอง…กระบี่มุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด!
ฉัวะ!
ร่างแยกกระบี่ของเจี้ยนเฟิงหงถูกฟันแตกละเอียดจนกลายเป็นฝนแสงนับไม่ถ้วนทั่วฟ้า!
อานุภาพกระบี่ไม่ลดลงแต่อย่างใด มันฟันเข้าที่หน้าผามันวาวอย่างแรง!
หน้าผาที่ผ่านการสนับสนุนจากค่ายกลชั้นแล้วชั้นเล่าถูกกระบี่ฟันแตกเป็นเศษหิน จรดท้องฟ้าลงมาที่พื้นดินมีลอยกระบี่อันน่าตื่นตะลึงทิ้งเอาไว้!
อี้อวิ๋นมีประกายตาตื่นเต้นเมื่อเห็นอานุภาพของกระบี่นี้ เขาคิดไม่ถึงว่าวิถีกระบี่ของเขาจะมีการพัฒนาในขณะที่สู้กับเจี้ยนเฟิงหง!
ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 1091
ได้โดยบังเอิญ
โดย
Ink Stone_Fantasy
อี้อวิ๋นไม่เคยดูถูกวิถีกระบี่ของสำนักกระบี่สระใส แต่ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสมรดกสายใหญ่มามากจริงๆ มรดกหลายอย่างถึงขั้นเหนือกว่าราชาชิงหยาง
มองจากมุมนี้แล้วอี้อวิ๋นคิดว่ามรดกที่สำนักกระบี่สระใสมีอ่อนแอกว่าเล็กน้อย เขาแสดงเจตนากระบี่ของตัวเองก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของราชาชิงหยาง
แต่อี้อวิ๋นไม่เคยคิดว่าในโลกของจอมยุทธ์จะมีอาจารย์ของเราอยู่ทุกที่ แม้ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นจะมีผลวิถีหยินหยางและมิติเวลาในเวลาเดียวกัน แต่การจะผสานวิถีเหล่านี้เข้าสู่กระบวนท่ากระบี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย การทำเช่นนี้เทียบเท่ากับคิดค้นกระบวนท่าขึ้นเองด้วยซ้ำ กระบวนท่ากระบี่ที่อี้อวิ๋นใช้ก่อนหน้านี้มาจากการบรรลุที่วังกระบี่หยางบริสุทธิ์และราชาสายฝน
แม้วิถีกระบี่ของเจี้ยนเฟิงหงจะมีระดับไม่เท่าอี้อวิ๋น แต่อี้อวิ๋นกลับได้แรงบันดาลใจจากกระบวนท่ากระบี่ของเขาจนนับได้ว่าสร้างกระบวนท่าขึ้นเอง
บางครั้งการคิดค้นกระบวนท่าที่เหมาะกับตัวเองที่สุดก็ทั้งง่ายมากและยากมาก
จุดที่ง่ายคือได้แรงบันดาลมาโดยบังเอิญ ส่วนจุดที่ยากคือแรงบันดาลใจนี้อาจต้องใช้เวลาเป็นร้อยเป็นพันปีก็ยังไม่ได้มา
‘กระบวนท่าที่คิดขึ้นเองเหมาะกับเราที่สุดจริงๆ ด้วย’
อี้อวิ๋นมองรอยกระบี่ขนาดยักษ์อย่างพึงพอใจ ตอนนี้แท่นกระบี่เก้าดาราที่อยู่ข้างรอยมีแสงสั่นอย่างรุนแรง
เพล้ง!
ม่านแสงหายใจ เจี้ยนเฟิงหงเดินลงจากแท่นกระบี่อย่างตื่นตกใจ เขาเงยหน้ามองอี้อวิ๋นด้วยแววตาที่มีความสับสน จิตตกและไม่เชื่อ
เจตนากระบี่แข็งอ่อนคือกระบวนท่าที่เขาได้มาด้วยประสบการณ์จากการฟันกระบี่ไม่รู้กี่ครั้งในรอบหลายสิบปีมานี้จึงจะค่อยๆ บรรลุและผสานลงในกระบวนท่ากระบี่ แม้แต่เจี้ยนปู๋อี้ผู้เข้มงวดก็ยังชื่นชมในความสำเร็จนี้ของเขา
เขาเองก็ภูมิใจกับเรื่องนี้เช่นกัน
ตอนที่ประมือกับศิษย์น้องก็แทบไม่ใช่เจตนากระบี่แข็งอ่อน เพราะไม่มีใครต้านกระบี่นี้ของเขาได้ รวมไปถึงเจี้ยนเสี่ยวซวงด้วย
สาเหตุที่เขานำเจตนากระบี่ก้นหีบนี้ออกมาสู้กับอี้อวิ๋นก็เพราะหนึ่ง อยากให้อี้อวิ๋นประสบความลำบากและลบรัศมีอีกฝ่าย สอง ต้องการแสดงฝีมือต่อหน้าศิษย์น้องทั้งหลาย
แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจตนากระบี่แข็งอ่อนของเขาจะถูกทำลาย วิธีที่อีกฝ่ายใช้ทำลายเจตนากระบี่ของเขายังเหมือนของเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน เป็นการผสานของกฎที่ตรงข้ามเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะด้านระดับของกฎหรือการบรรลุแล้วอีกฝ่ายก็เหนือเขาไปไกล!
ทั้งอีกฝ่ายยังใช้กฎที่ตรงข้ามกันถึงสองชุด
แข็งอ่อนปะทะวิถีหยินหยางสายใหญ่กับวิถีมิติเวลาสายใหญ่ แบบนี้จะชนะได้อย่างไร?
เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ หรือ เหตุใดจึงห่างชั้นกับอีกฝ่ายมากถึงเพียงนี้?
ไม่ใช่แค่เจี้ยนเฟิงหง ศิษย์หลายคนในสำนักกระบี่สระใสที่อยู่รอบแท่นคอยกระบี่ต่างตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนมองเจตนากระบี่ในมืออี้อวิ๋นที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบกระบี่บรรพชนสระใสอย่างพูดไม่ออกอยู่นาน
พวกเขาย่อมรู้ดีว่ากระบี่แข็งอ่อนมีอานุภาพเพียงใด แต่ถึงกระนั้นเจี้ยนเฟิงหงก็แพ้
วิถีกระบี่ที่บรรลุมาสี่ร้อยปีต้องมาพ่ายแพ้ภายใต้สถานการณ์ที่อยู่ระดับเดียว นี่ก็คือระยะห่าง
เจี้ยนปู๋อี้นิ่งเงียบ ตอนที่เขาเห็นหยินหยางกับมิติเวลาปรากฏพร้อมกันก็รู้แล้วว่าเจี้ยนเฟิงหงต้องแพ้แน่นอน เจี้ยนเฟิงหงทำทุกอย่างถึงขีดสูงสุดก็ยังไม่อาจข้ามผ่านระยะห่างของเหวสวรรค์
“ศิษย์น้อง ข้าขอถอนคำพูดทั้งหมดที่พูดก่อนหน้านี้ กระบี่นี้ของเด็กคนนี้เพียงพอให้สำนักกระบี่สระใสของเราเป็นศัตรูกับวังวิถีเจ็ดดาราจริงๆ!”
เจี้ยนปู๋อี้เป็นคนที่ยกขึ้นได้ก็วางลงได้ ผิดก็ยอมรับว่าผิด แม้ก่อนหน้านี้จะมีการแก่งแย่งกับเจี้ยนอู๋เฟิงอยู่เล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ทำเพื่อสำนักกระบี่สระใส
กระบี่ที่อี้อวิ๋นแสดงก่อนหน้านี้อยู่เหนือจินตนาการเขา
“ขอบคุณที่ศิษย์พี่ให้การยอมรับ” เจี้ยนอู๋เฟิงหัวเราะ “หากไม่ลองกระบี่ก็คงไม่มีใครเชื่อ ข้าเองก็เชื่อเพราะก่อนหน้านี้เห็นอี้อวิ๋นลงมือกับตามาแล้ว คิดไม่ถึงว่าพลังที่แสดงในขณะประมือกับศิษย์หลานเฟิงหงวันนี้จะทำให้ต้องตกตะลึงอีกครั้ง”
“สหายน้อยอี้อวิ๋น ก่อนหน้านี้ข้าหยาบคายกับเจ้าครั้ง ต้องขออภัยด้วย” เจี้ยนปู๋อี้ประสานมือให้อี้อวิ๋น
โลกของจอมยุทธ์มีผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ สำนักวิถีกระบี่ให้ความสำคัญกับวิถีกระบี่เป็นหลัก
ระดับยุทธ์จะสูงหรือต่ำอาจเป็นเรื่องรองลงมา แต่การบรรลุด้านวิถีกระบี่กลับเป็นตัวแทนของตำแหน่งในสำนัก
เพิ่มระดับยุทธ์เป็นเรื่องง่าย บรรลุวิถีกระบี่เป็นเรื่องยาก!
“ท่านผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้วขอรับ ข้าน้อยเองก็ต้องขออภัยที่ก่อนหน้านี้เสียมารยาท ก่อนที่จะเริ่มสู้ข้าน้อยได้พูดจากำเริบเสิบสานเกินไป สาเหตุเป็นเพราะข้าน้อยประมาทวิถีกระบี่ของสำนักกระบี่สระใส ตอนที่ประมือกับศิษย์พี่เฟิงหงเมื่อครู่ แนวคิดแข็งอ่อนของเขาทำให้ข้าน้อยเกิดสติปัญญาจนวิถีกระบี่มีการพัฒนาครั้งใหญ่ แทนที่จะบอกว่ากระบี่เมื่อครู่คือวิถีกระบี่ที่ข้าน้อยแสดงให้สำนักกระบี่สระใสดู ก็ไม่สู้บอกว่าศิษย์พี่เฟิงหงแสดงวิถีกระบี่ให้ข้าน้อยดูจะดีกว่า กระบี่นี้ทำให้ข้าน้อยได้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวง”
อี้อวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกขอบคุณและเคารพสำนักกระบี่สระใสจากใจจริง ทว่าเมื่อคำพูดนี้ตกสู่หูเจี้ยนปู๋อี้ก็เหมือนมีฟ้าร้องดังก้อง มันทำให้เขาอ้าปากค้างและพูดไม่ออกอยู่นาน
“เจ้าหมายความว่า…เจ้าเพิ่งบรรลุกระบี่เมื่อครู่จากแนวคิดแข็งอ่อนของศิษย์ข้า นำวิถีมิติเวลาสายใหญ่และวิถีหยินหยางสายใหญ่เพิ่มเข้าไปในกระบวนท่า!?”
เสียงของเจี้ยนปู๋อี้สั่นเบาๆ
นี่ต้องอัจฉริยะขนาดไหนกัน? ศิษย์ของเขาเพิ่งทำเรื่องนี้หลังจากที่เขาชี้แนะมาหลายสิบปี แต่อี้อวิ๋นกลับเรียนรู้สำเร็จภายในไม่กี่อึดใจ
ไม่แปลกเลยที่เขาไม่ลงกระบี่ในทันทีแต่ใช้แนวคิดแห่งมิติเวลามาถ่วงกระบวนท่ากระบี่ของเจี้ยนเฟิงหง ที่แท้ก็กำลังพิจารณาและศึกษา!
คนระดับนี้ทำให้หลายคนเกิดความสิ้นหวัง
อี้อวิ๋นพูดว่า “ก่อนหน้านี้ข้าน้อยก็ศึกษาวิถีแห่งมิติเวลาและวิถีหยินหยางมาก่อน แต่แม้กฎทั้งสองประเภทนี้จะรวมเป็นผลวิถี ทว่าการผสานกฎเหล่านี้เข้าสู่เจตนากระบี่และสร้างกระบวนท่าอันสมบูรณ์แบบออกมาล้วนได้การชี้แนะจากศิษย์พี่เฟิงหง”
ผลวิถีเก้าใบสี่ผลอยู่ในมือ ความจริงหากจะเปลี่ยนเป็นพลังต่อสู้ก็มีแค่กระดาษหน้าต่างบางๆ กั้นอยู่ ตอนนี้อี้อวิ๋นเจาะรูหน้าต่างออกแล้ว
“เจ้าบอกว่าศึกษาวิถีมิติเวลา วิถีหยินหยางในเวลาเดียวกันหรือ…”
เจี้ยนปู๋อี้ทอดถอนใจ วิถีใหญ่สองสายนี้ทำให้คนมองแล้วต้องถอยกลับ ก่อนที่จอมยุทธ์จะเข้าสู่ระดับรวมวิถี การได้บรรลุวิถีสายใหญ่สายหนึ่งและรวมผลวิถีได้เจ็ดใบก็ถือว่าไม่เลวแล้ว หากได้แปดใบก็ยิ่งน่าตื่นตะลึง
เขาไม่รู้ว่าอี้อวิ๋นรวมผลวิถีแบบไหน แต่ดูจากผลงานที่ทำแล้วเกรงว่าคงใกล้เคียงผลวิถีเก้าใบกระมัง?
ผลวิถีใหญ่เก้าใบสองผล เจี้ยนปู๋อี้รู้สึกจินจนาการไม่ออกจริงๆ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”
เจี้ยนปู๋อี้เดินไปทางแท่นกระบี่เก้าดารา “ทุกคนในที่นี้ต่างฝึกกระบี่ ผู้แข็งแกร่งถือเป็นอาจารย์ ข้ารู้สึกขอบคุณมากที่เจ้าแสดงกระบี่ของตัวเองให้สำนักกระบี่สระใสได้ดู เพื่อแสดงความนับถือ ถัดจากนี้ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง!”
ศิษย์ทุกคนตะลึงอึ้งไปเมื่อเจี้ยนปู๋อี้พูดเช่นนี้
เจี้ยนปู๋อี้จะใช้แท่นคอยกระบี่ด้วยตัวเองเพื่อเป็นคู่ต่อสู้ให้อี้อวิ๋น?
ด้วยวิถีกระบี่ของเจี้ยนปู๋อี้ การสู้กับเด็กรุ่นเยาว์เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น