True Martial World 1087-1088
ตอนที่ 1087
สำนักกระบี่สระใส
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่เจดีย์ของเจี้ยนอู๋เฟิงบินมาไม่รู้กี่แสนลี้ก็เข้าสู่จุดเชื่อมมิติและทำการกระโดดผ่านมิติ จากนั้นวิสัยทัศน์ก็สว่างแจ้งขึ้นมา
ตรงหน้าทุกคนมีภูเขาหิมะที่ทอดตัวยาวไม่หยุดปรากฏ ภูเขาเหล่านี้สูงหลายหมื่นจั้งแตกต่างกันไปจนชั้นเมฆอยู่ใต้ตีนเขา ยอดเขาที่ใหญ่ที่สุดสองสามลูกรวมตัวกันล้อมรอบทะเลสาบขนาดใหญ่
แม้ทะเลสาบผืนนี้จะตั้งอยู่บนยอดเขาหิมะที่อากาศหนาวจัดแต่ก็ไม่ถูกแช่แข็ง กลางทะเลทรายมีบัวหิมะหลายดอกเบ่งบาน แต่ละดอกอยู่มาหลายพันปี มองจากไกลๆ ก็เหมือนเกล็ดหิมะที่ตกลงบนทะเลสาบ เป็นภาพที่งดงามมาก
“ทะเลสาบผืนนี้มีชื่อว่าภูเขาหิมะสระใส เป็นที่ตั้งของทางเข้าสู่สำนักกระบี่สระใส ที่สำนักกระบี่ของเรามีชื่อเช่นนี้ก็เพราะมัน”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดแล้วก็ควบคุมให้เจดีย์เดินทางผ่านมิติอีกครั้ง เหนือทะเลสาบมีทางเข้าสู่สำนักกระบี่สระใสปรากฎรางๆ นี่คือโลกที่เป็นอิสระขนาดเล็ก
วิสัยทัศน์เปลี่ยนไป ทะเลสาบยังคงอยู่ ทว่าทิวทัศน์รอบด้านกลับเปลี่ยนไปสิ้นเชิง กองหิมะที่มีอยู่ทั่วไปหมดได้หายไปแล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คืออาคารหรูหราที่ทอดตัวยาวสุดสายตา ภายในมีต้นไม้ดอกไม้ประดับตกแต่ง ดูแล้วเหมือนแดนเซียนในโลกมนุษย์
อี้อวิ๋นเห็นว่าบนแผ่นป้ายเหนือประตูบานใหญ่ของอาคารเหล่านี้มีคำว่าสระใสเขียนไว้อย่างประณีตทรงพลัง เจตนากระบี่ที่แฝงในลายพู่กันทำให้มองแล้วตกใจ
เจดีย์ของเจี้ยนอู๋เฟิงบินผ่านประตูและร่อนลงบนสนามฝึกแห่งหนึ่ง
สนามฝึกแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณสิบลี้ ตรงกลางมีหม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่ดูทรงพลังมาก
อี้อวิ๋นไม่รู้สึกอะไรที่ต้องมาสถานที่แปลกตาอย่างฉับพลัน แต่จีสุ่ยเยียนกลับสับสนเล็กน้อย
จากเมืองแสงหยกมาถึงที่นี่ก็มีระยะทางถึงสิบล้านลี้
“แม่นางสุ่ยเยียน ในเมื่อมาที่นี่แล้วก็อยู่อย่างมีความสุขเถอะ การมาสำนักกระบี่สระใสเป็นเพียงแผนชั่วคราว วันหนึ่งข้าจะพาเจ้ากลับไปที่เมืองแสงหยกแน่นอน” อี้อวิ๋นเข้าใจความคิดของจีสุ่ยเยียนจึงพูดอย่างจริงจัง
จีสุ่ยเยียนย่อมไม่สงสัยในคำสัญญาของอี้อวิ๋น
“ส่วนเรื่องร้านความลับเทพ…ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดแล้วจะทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนไปด้วย” อี้อวิ๋นรู้ว่าการจากมาอย่างฉุกละหุกของเขากับจีสุ่ยเยียนครั้งนี้ไม่อาจพาคนของร้านความลับเทพมาด้วย คนที่อยู่ในร้านความลับเทพย่อมตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
จีสุ่ยเยียนส่ายหน้า “คุณชายอี้โปรดอย่าได้พูดเช่นนี้ หากไม่มีคุณชาย ร้านความลับเทพก็คงไม่ได้แค่ไม่เหลือ จุดจบของข้าเองก็คงน่าอนาถมาก”
“แม้การจากมาครั้งนี้ของพวกเราจะล่วงเกินวังวิถีเจ็ดดารา แต่ทางวังวิถีเจ็ดดาราคงไม่สนใจกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ อย่างร้านความลับเทพ ถึงกระนั้นก็เกรงว่าร้านประมูลเจ็ดดารากับเหยียนเทียนชงคงไม่ปล่อยร้านความลับเทพเอาไว้ ก่อนที่ข้าจะเข้าสู่ที่พำนักพกพาก็ได้บีบแผ่นหยกส่งเสียงให้คนใกล้ชิดที่ไว้วางใจหนีออกจากเมืองแสงหยกผ่านทางลับ ส่วนคนอื่นๆ ก็ให้พวกเขาสวามิภักดิ์ต่อร้านขยายฟ้าให้หมด ขอเพียงมีชีวิตรอดเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นสังเกตเห็นว่าจีสุ่ยเยียนบีบแผ่นหยกส่งเสียงจริงๆ นางทั้งเตรียมทางลับไว้ล่วงหน้า ทั้งออกคำสั่งเช่นนี้ในช่วงเวลาสำคัญ นับว่าพิจารณาได้รอบคอบมาก ขอเพียงแค่รักษาชีวิตไว้ได้ก็จะดีเอง ต่อให้เสียทรัพย์สมบัติก็หากลับคืนมาได้
……
“ท่านเจ้าสำนักกลับมาแล้ว”
เจี้ยนอู๋เฟิงเพิ่งก้าวลงพื้นก็มีคนในสำนักกระบี่สระใสจำนวนมากออกมาต้อนรับ
“ท่านเจ้าสำนักอาจารย์อา!”
ชายชุดแดงผู้หนึ่งเดินเข้าด้วยรอยยิ้ม ชายผู้นี้ดูพิเศษกว่าคนอื่น เพราะเขาสะพายกระบี่สองเล่มไว้ที่ด้านหลัง
เขาใช้กระบี่คู่ เรื่องนี้ทำให้อี้อวิ๋นค่อนข้างแปลกใจ
ราชาชิงหยางใช้กระบี่มือเดียว กระบี่คู่ก็มีความยากกว่ากระบี่มือเดียวมาก สำนักกระบี่สระใสไม่มีมรดกที่ครบสมบูรณ์ของราชาชิงหยาง แต่ชายชุดแดงผู้นี้กลับยังคงเลือกกระบี่คู่ที่มีความยากมากขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก
“ศิษย์น้องเสี่ยวซวง ลำบากเจ้าแล้ว”
ชายหนุ่มชุดแดงทำความเคารพให้เจี้ยนอู๋เฟิงเสร็จก็หันมาพูดกับเจี้ยนเสี่ยวซวงเสียงอ่อน เขาเพิ่งพูดจบก็เห็นอี้อวิ๋นที่อยู่ด้านหลังเจี้ยนเสี่ยวซวง
เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจเล็กน้อย “ผู้นี้คือ?”
สำนักกระบี่สระใสเป็นสำนักซ่อนเร้นครึ่งหนึ่ง ที่ตั้งของสำนักเป็นความลับที่ไม่อาจแพร่งพรายออกไป
ศิษย์ในสำนักเองก็ไม่อาจพาคนนอกเข้ามา
ชายหนุ่มชุดแดงไม่เข้าใจเมื่อจู่ๆ ตอนนี้มาเห็นว่าเจี้ยนอู๋เฟิงพาคนนอกกลับมา เขาคงไม่ใช่ศิษย์ที่เจี้ยนอู๋เฟิงรับหรอกกระมัง? สำนักกระบี่สระใสของพวกเขามีคนไม่มาก มาตรฐานในการรับศิษย์เข้มงวดมาก
ก่อนหน้านี้เจี้ยนอู๋เฟิงรับเจี้ยนเสี่ยวซวงเป็นศิษย์แค่คนเดียว ส่วนตัวชายหนุ่มชุดแดงเป็นศิษย์ประจำตัวของผู้อาวุโสสูงสุดคนปัจจุบัน
ชายหนุ่มชุดแดงกับเจี้ยนเสี่ยวซวงจึงนับได้ว่าเป็นคู่อัจฉริยะของสำนักกระบี่สระใส
ทว่าเจี้ยนอู๋เฟิงกลับไม่สนใจคำถามของชายหนุ่มชุดแดง เขาพูดขึ้นว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้ผนึกประตูทางเข้า เปิดค่ายกลอำพราง หากไม่มีการอนุญาตจากข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามออกจากสำนัก! อีกเรื่องคือให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือข้าศึก เข้าสู่สภาวะเตรียมรบระดับหนึ่ง!”
คำสั่งของเจี้ยนอู๋เฟิงทำให้หลายคนที่มาต้อนรับเขางงงัน
สภาวะเตรียมรบระดับหนึ่ง? การเตรียมรบระดับหนึ่งจะทำให้ไม่มีศิษย์คนใดได้ปิดด่านฝึกตน จำเป็นต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและเปิดค่ายกลป้องกันทั้งหมด ทุกๆ วันจะใช้ศิลาพิภพจำนวนมหาศาล
เกรงว่าสำนักกระบี่สระใสคงไม่ได้เข้าสู่สภาวะเตรียมรบระดับหนึ่งมาหลายหมื่นปีแล้ว สภาวะเตรียมรบนี้ต้องปิดผนึกสำนักไม่ให้เข้าออก นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือจะมีศัตรูบุกมาสังหาร?
“เฟิงหง เจ้ามัวงงอะไรอยู่ รีบไปถ่ายทอดคำสั่งเดี๋ยวนี้!”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดกับชายหนุ่มชุดแดง เจี้ยนเฟิงหงมีโอกาสถามเรื่องอี้อวิ๋นที่ไหน เขารีบบอกลาและไปถ่ายทอดคำสั่ง
ไม่นาน ทั่วทั้งสำนักกระบี่สระใสก็เต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด ทุกคนออกจากที่ฝึก พวกเขาต่างเดาว่าคงมีศัตรูที่แข็งแกร่งบุกมาโจมตี
“ท่านเจ้าสำนักอาจารย์อา เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ มีคนจะโจมตีสำนักเรางั้นหรือ? อีกฝ่ายเป็นใคร?”
เจี้ยนเฟิงหงถามอย่างอดไม่ได้หลังจากที่ถ่ายทอดคำสั่งลงไปแล้ว
“จะโจมตีหรือไม่ข้าไม่รู้ อีกฝ่าคือวังวิถีเจ็ดดารา” เจี้ยนอู๋เฟิงพูดเรียบๆ แต่เจี้ยนเฟิงหงฟังแล้วกลับตะลึงงัน
อะไรนะ!? วังวิถีเจ็ดดารา!
วังวิถีเจ็ดาราเป็นกลุ่มอิทธิพลชั้นยอดของแคว้นจงแห่งดินแดนสวรรค์ ลำพังแค่ทูตทั้งเจ็ดในวังวิถีเจ็ดดาราก็สู้เจี้ยนอู๋เฟิงได้ทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีประมุขวังที่แข็งแกร่งจนไม่อาจคาดเดา!
หากสำนักกระบี่สระใสสู้กับวังวิถีเจ็ดดาราก็ไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย
“ศิษย์น้องอู๋เฟิง เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้าไปมีเรื่องกับวังวิถีเจ็ดดาราหรือ?”
ในตอนนี้เองที่มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ชายวัยกลางคนร่างอ้วนผู้หนึ่งเดินมากับสายลม
ชายผู้นี้สวมชุดสีแดงเช่นกัน รูปร่างเขาอวบอ้วนแต่กลับเคลื่อนตัวพลิ้วไหวดุจนกนางแอ่น เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ข้ามผ่านระยะห่างหลายร้อยจั้งมาถึงตรงหน้าเจี้ยนอู๋เฟิง
ชายผู้นี้คืออาจารย์ของเจี้ยนเฟิงหง หรือก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักกระบี่สระใส
สำนักกระบี่สระใสมีผู้กุมอำนาจสองคนมาโดยตลอด ทั้งสองจะหารือซึ่งกันและกันเมื่อเจอปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่ขณะเดียวก็ไม่อาจเลี่ยงเรื่องที่พวกเขาจะแย่งชิงอำนาจกันระดับหนึ่ง
“ทุกเรื่องย่อมมีสาเหตุ ข้าไม่มีทางเลือกอื่น” เจี้ยนอู๋เฟิงส่ายหน้า การมีเรื่องกับวังวิถีเจ็ดดาราถือเป็นปัญหาที่รับมือยากโดยแท้
ตอนที่ 1088
กระบี่บรรพชนสระใส
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ทุกเรื่องย่อมมีเหตุผล?” ชายวัยกลางคนชุดแดงกลัดกลุ้มใจเมื่อได้ยินคำตอบของเจี้ยนอู๋เฟิง “ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอะไรก็ไม่ควรมีเรื่องกับวังวิถีเจ็ดดารา ข้าบอกเจ้าแล้วว่าต้องอดทนกับทุกเรื่องเมื่อออกไปนอกสำนัก”
ชายชุดแดงร่างอ้วนมีนามว่าเจี้ยนปู๋อี้ เขาอายุมากกว่าเจี้ยนอู๋เฟิงหลายปี ย่อมไม่พอใจในปัญหาที่เจี้ยนอู๋เฟิงนำมา เขารู้ว่าเจี้ยนอู๋เฟิงมีนิสัยซื้อตรงและหัวแข็ง ง่ายต่อการมีเรื่องกับผู้อื่น
ในตอนนี้เองที่อี้อวิ๋นเป็นฝ่ายลุกออกมาพูดว่า “ที่ก่อนหน้าท่านผู้อาวุโสอู๋เฟิงมีเรื่องกับคนจากวังวิถีเจ็ดดาราก็เพราะข้า”
“เจ้า?”
เจี้ยนปู๋อี้มองอี้อวิ๋นอย่างงุนงง เด็กคนนี้เป็นใครกัน?
“ข้าน้อยมีนามว่าอี้อวิ๋นขอรับ”
อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนของสำนักกระบี่สระใส อี้อวิ๋นถูกเจี้ยนอู๋เฟิงช่วยชีวิตไว้ เขาจึงค่อนข้างเคารพสำนักแห่งนี้
เจี้ยนปู๋อี้พูดไม่ออกเล็กน้อย เขาไม่สนว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะชื่ออี้อวิ๋นหรือเอ้อร์อวิ๋น สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้คือปัญหาเรื่องวังวิถีเจ็ดดารา
“ศิษย์พี่ ที่ข้าช่วยสหายน้อยผู้นี้ก็เพราะอี้อวิ๋นมาจากเชื้อสายเดียวกับเรา”
“หืม? เชื้อสายเดียวกัน?” เจี้ยนปู๋อี้งุนงง สำนักกระบี่สระใสของพวกเขามีเพียงสำนักเดียว จะมีเชื้อสายได้อย่างไร
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดต่อว่า “สำนักกระบี่สระใสของเราเติบโตมาถึงตอนนี้ได้ก็เพราะสืบทอดมรดกจากท่านบรรพชน สหายน้อยอี้ผู้นี้สืบทอดมรดกจากท่านบรรพชนเช่นกัน ทั้งเขายังเป็นอัจฉริยะชั้นเลิศ เข้าใจวิถีกระบี่ของท่านบรรพชนอย่างยอดเยี่ยม สำหรับอัจฉริยะเชื้อสายเดียวกันเช่นนี้แล้วก็ไม่ใช่แค่มีเรื่องกับวังวิถีเจ็ดดารา ต่อให้ต้องมีเรื่องกับสำนักทั้งหมดในแคว้นจงแห่งแดนสวรรค์ข้าก็จะช่วยเขา”
คำพูดของเจี้ยนอู๋เฟิงทำให้ศิษย์สำนักกระบี่สระใสที่อยู่ที่นี่ตะลึงงัน อี้อวิ๋นสืบทอดมรดกจากท่านบรรพชน?
แม้ศิษย์ส่วนใหญ่ในสำนักจะไม่รู้จักราชาชิงหยาง แต่พวกเขารู้จักบรรพชนสระใสผู้เป็นที่เคารพ วิถีกระบี่ของเขายอดเยี่ยมเลิศล้ำที่สุด สำนักกระบี่ของพวกเขาสืบทอดมรดกมาแปดส่วน แม้จะขาดไปสองส่วน แต่หลายปีมานี้ก็มีอัจฉริยะแต่ละรุ่นในสำนักมาช่วยเสริมจนมีวิถีกระบี่เป็นของตัวเอง
ในด้านความแข็งแกร่ง สำนักกระบี่สระใสย่อมไม่ใช่กลุ่มอิทธิพลชั้นยอดของแคว้นจงแห่งแดนสวรรค์ แต่หากเป็นเรื่องมรดกกระบี่และความเข้าใจต่อกระบี่แล้วพวกเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองไม่เป็นสองรองใคร
ความภูมิใจของสำนักกระบี่สระใสมาจากกระบี่!
ตอนนี้เจี้ยนอู๋เฟิงบอกว่าอี้อวิ๋นสืบทอดมรดกจากท่านบรรพชน เข้าใจวิถีกระบี่อย่างเลิศล้ำ ชายชุดแดงร่างอ้วนฟังแล้วย่อมไม่เห็นด้วย
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้สหายน้อยอี้รับปากไว้ว่ายินดีแสดงวิถีกระบี่ที่เขาบรรลุให้ดู ข้าอยากให้ศิษย์ทุกคนมาดูกันให้หมด สหายน้อยอี้เองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขายินดีแสดงวิถีกระบี่ให้ดูซ้ำๆ ส่วนจะเข้าใจได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดเช่นนี้ให้ศิษย์ทั้งหลายของสำนักกระบี่สระใสฟัง
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตะลึงงัน
ก่อนหน้านี้เจี้ยนอู๋เฟิงบอกว่าวิถีกระบี่ของอี้อวิ๋นเลิศล้ำก็มากพอแล้ว พวกเขารู้สึกว่าในเมื่ออี้อวิ๋นเป็นเด็กรุ่นเยาว์ เช่นนั้นหากแค่เลิศล้ำในระดับของเด็กรุ่นเยาว์ก็ยังพอรับได้ แต่ตอนนี้เจี้ยนอู๋เฟิงกลับให้ทุกคนในสำนักกระบี่สระใสมาศึกษาวิถีกระบี่ของอี้อวิ๋น?
เจี้ยนอู๋เฟิงยังบอกอีกว่าจะบรรลุแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเอง พูดอย่างกับว่าพวกเขาศึกษาไม่เป็น จะดูถูกกันเกินไปแล้ว หลายคนในสำนักกระบี่สระใสมีตำแหน่งสิบสุดยอดนักกระบี่ของแคว้นจงแห่งแดนสวรรค์เป็นเป้าหมาย ส่วนสาเหตุที่ไม่ตั้งอันดับหนึ่งเป็นเป้าหมายก็เพราะมียอดฝีมือในสำนักอย่างเจี้ยนเฟิงหงกับเจี้ยนเสี่ยวซวงอยู่ พวกเขารู้สึกว่าไม่อาจก้าวข้ามสองคนนี้ก็เท่านั้น
เจี้ยนปู๋อี้ขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเจี้ยนอู๋เฟิงมีมาตรฐานสูงมาก ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความสามารถจริงๆ
“เจ้าฝึกกระบี่มานานแค่ไหนแล้ว?” เจี้ยนปู๋อี้ถาม
“หกสิบปีแล้วขอรับ” อี้อวิ๋นตอบ
“หืม?” เจี้ยนปู๋อี้เลิกคิ้วขึ้น เวลาแค่นี้จะสั้นเกินไปแล้วกระมัง ต่อให้อี้อวิ๋นจะมีความสามารถเพียงใดก็มีข้อจำกัดด้านเวลา จะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว เจี้ยนอู๋เฟิงคิดจะทำอะไรกันแน่?
“หกสิบปี? ข้าฝึกกระบี่มาสามร้อยหกสิบปีแล้ว!”
มีศิษย์สำนักกระบี่สระใสที่อยู่ห่างไปไม่ไกลพูดบ่นๆ ฝึกกระบี่มาสามร้อยหกสิบปีแต่กลับต้องมาศึกษาจากอี้อวิ๋น แต่ในเมื่อเจ้าสำนักเป็นผู้ออกคำสั่งจึงไม่อาจโต้แย้ง
ศิษย์หลายคนในสำนักกระบี่สระใสฝึกกระบี่มาหลายร้อยปี เจี้ยนเฟิงหงเองก็ฝึกมาสี่ร้อยปีแล้ว
แม้เจี้ยนเฟิงหงจะนับว่าฝีมือในสำนักกระบี่สระใสด้อยเล็กน้อย แต่ในด้านของวิถีกระบี่แล้วเขาก็อยู่ระดับเดียวกับผู้อาวุโสทั่วไป
เจี้ยนเสี่ยวซวงที่ไร้คู่ต่อสู้ในวัยเดียวกันก็ยังเรียนรู้เมื่อเจอกับเจี้ยนเฟิงหง
เจี้ยนเฟิงหงรู้สึกดีกับเจี้ยนเสี่ยวซวงมาโดยตลอด ย่อมยอมประกระบี่กับเจี้ยนเสี่ยวซวงอย่างอดทน แต่อี้อวิ๋นเป็นใครกัน จะให้ยอมใจที่ต้องศึกษากระบี่กับอี้อวิ๋นได้อย่างไร?
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป หลังจากที่เปิดค่ายกลป้องกันทั้งหมดแล้วให้ศิษย์ทุกคนมาที่แท่นคอยกระบี่!”
เจี้ยนอู๋เฟิงเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เจี้ยนปู๋อี้ไม่โต้แย้งแต่อย่างใด เขาอยากเห็นว่าอี้อวิ๋นมีความสามารถอะไร
แท่นคอยกระบี่ของสำนักกระบี่สระใสตั้งอยู่บนยอดเขาคอยกระบี่ ทางสำนักได้สร้างแท่นประลองแท่นหนึ่งขึ้นที่นี่ ตรงหน้าแท่นมีกำแพงหินที่ทอดตัวยาวไม่หยุด กำแพงหินสีขาวแวววาวเหมือนกระจก เมื่อเดินอยู่เบื้องหน้าก็สะท้อนเงาคนให้เห็นรางๆ
ศิษย์สำนักกระบี่สระใสหลายคนพากันมารวมตัวที่นี่ พวกเขาได้ยินว่าเจ้าสำนักนักเจี้ยนอู๋เฟิงมีเรื่องกับวังวิถีเจ็ดดาราเพื่อช่วยเด็กคนหนึ่ง และตอนนี้เด็กคนนี้ก็จะแสดงกระบี่ต่อหน้าทุกคน
ศิษย์สำนักกระบี่สระใสมารวมตัวมากขึ้นเรื่อยๆ อี้อวิ๋นคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้ นี่เองก็เป็นความปรารถนาดีที่เจี้ยนอู๋เฟิงมีต่อสำนัก เขาหวังว่าศิษย์ทุกคนจะมีโอกาสได้เพิ่มความแข็งแกร่ง
อี้อวิ๋นไม่ถือสาในเรื่องนี้ เดิมทีเขาก็ต้องการนำวิชาของราชาชิงหยางมาถ่ายทอดให้ทายาทของเขาอยู่แล้ว ยิ่งมีคนมามากก็ยิ่งตอบแทนบุญคุณได้หมดจด
“ช้าก่อน ข้ามีกระบี่อยู่เล่มหนึ่ง ลองดูว่าเจ้าจะใช้ได้หรือไม่!”
ขณะที่เจี้ยนอู๋เฟิงพูดก็นำกล่องไม้ใบยาวออกมา
กล่องไม้อันเรียบง่ายโบราณใบนี้ดูมีอายุมากแล้ว เจี้ยนอู๋เฟิงเปิดฝากล่องออกและเผยให้เห็นกระบี่ที่ห่อด้วยผาแพรสีฟ้า
ดวงตาเจี้ยนปู๋อี้มีประกายแล่นผ่านเมื่อเห็นกระบี่เล่มนี้
“กระบี่บรรพชนสระใส?”
ที่มาของกระบี่บรรพชนสระใสเป็นปริศนา สำนักกระบี่สระใสได้กระบี่เล่มนี้จากโบราณสถานแห่งหนึ่งเมื่อสิบล้านปีก่อน กระบี่เล่มนี้พิเศษมาก เป็นกระบี่ประจำสำนักของสำนักกระบี่สระใส
ผู้ครอบครองกระบี่บรรพชนสระใสคนก่อนได้ทิ้งกระบี่เล่มนี้ให้เจี้ยนอู๋เฟิง เรื่องนี้ทำให้เจี้ยนปู๋อี้ไม่พอใจเล็กน้อย เพราะอย่างไรเขาก็เป็นศิษย์ลำดับโต แต่ที่เขาไม่คัดค้านอะไรก็เพราะเมื่อกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือเจี้ยนอู๋เฟิงแล้วจะแข็งแกร่งกว่าอยู่กับเขา
พลังของกระบี่บรรพชนสระใสแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล มันมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง หากคนที่ไม่ได้การยอมรับจากมันเป็นผู้ใช้ก็จะไม่ต่างอะไรกับท่อนเหล็ก แต่หากเป็นผู้ที่ได้การยอมรับก็จะเป็นกระบี่เทพชั้นยอด ทำลายฟ้าทำลายดิน ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น