True Martial World 1082-1086
ตอนที่ 1082
เหตุการณ์อันไม่คาดคิด
โดย
Ink Stone_Fantasy
อี้อวิ๋นได้กระบี่หักหยางบริสุทธิ์มานานมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องคุณภาพของกระบี่เล่มนี้อีก แต่น่าเสียดายที่มันหักครึ่ง ทั้งยังผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลาหลายร้อยล้านปี นี่จึงทำให้ประสิทธิภาพของมันไม่ดีเหมือนเก่า หากน้ำค้างบำรุงวัตถุนี้พอซ่อมบำรุงได้เล็กน้อย แม้จะเล็กน้อยมากก็เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งครั้งใหญ่สำหรับอี้อวิ๋น
‘ข้าอยากได้น้ำค้างบำรุงวัตถุ’
อี้อวิ๋นส่งเสียงพูดกับจีสุ่ยเยียน อี้อวิ๋นมีเงินทองไม่มาก ‘คัมภีร์สุดยอดวิชาหมื่นปีศาจ’ ที่มีมูลค่ามากมหาศาลก็ไม่อาจนำออกมา ดังนั้นหากจะได้น้ำค้างบำรุงวัตถุนี้จึงต้องพึ่งร้านความลับเทพ
‘ข้าพยายามสุดกำลังเจ้าค่ะคุณชายอี้’
จีสุ่ยเยียนกัดฟัน นางรู้ว่าอี้อวิ๋นเป็นมังกรแท้บนฟากฟ้า เขาไม่อาจอยู่ที่เมืองแสงหยกไปตลอด แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะพยายามคว้าสิ่งที่อี้อวิ๋นต้องการมาให้ได้
“น้ำค้างบำรุงวัตถุเป็นของดีก็จริง น่าเสียดายที่ข้าใช้ไม่ได้ นี่คือของที่ข้านำออกมาแลกเป็นอย่างอื่น หากสนใจก็มาแลกไปได้” นักพรตซวีสุ่ยนำขวดหยกใบหนึ่งออกมา
เขาเปิดฝาขวดออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมอันน่าประหลาดก็ลอยออกมา
“นี่คือโอสถหมื่นชาดจำนวนหนึ่งเม็ด” นักพรตซวีสุ่ยพูด
โอสถหมื่นชาดคือโอสถที่ช่วยให้จอมยุทธ์ระดับวังวิถีข้ามผ่านระดับ คนส่วนใหญ่จะเก็บไว้กับตัว ไม่เอาออกมาแลกเปลี่ยนเมื่อได้โอสถชนิดนี้ เมื่อตอนนี้มาปรากฏในงานซื้อขายก็ทำให้หลายคนตาเป็นประกายทันที
โอสถชั้นยอดมีประโยชน์ต่ออี้อวิ๋นเช่นกัน แต่เขายอมเลือกน้ำค้างบำรุงวัตถุมากกว่า ร้านความลับเทพก็มีโอสถชั้นยอดเช่นกัน แต่น้ำค้างบำรุงวัตถุมีเพียงหนึ่งเดียว
ตอนนี้ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดขึ้นว่า “โอสถหมื่นชาดนี้ร้านประมูลเจ็ดดาราของข้ายินดีรับซื้อ ไม่ทราบว่านักพรตซวีสุ่ยอยากให้ใช้อะไรมาแลกหรือ?”
ขณะที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดก็เริ่มใช้ปราณเสียงมาพูดคุยกับนักพรตซวีสุ่ย จากนั้นกลุ่มอิทธิพลและร้านค้าต่างๆ ก็พากันนำสมบัติที่แตกต่างกันไปออกมาเสนอ
เพียงครู่เดียวก็เวียนมาถึงคราของร้านขยายฟ้า
ร้านค้าท้องที่ของเมืองแสงหยกมองมาทางร้านขยายฟ้าอย่างสนใจ
การประลองก่อนที่งานซื้อขายจะเริ่มขึ้นทำให้ร้านขยายฟ้าตกอยู่ในสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วน
ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเหยียนเทียนชงผู้เป็นนายน้อยของร้านขยายฟ้าได้ล่วงเกินอี้อวิ๋นอย่างถึงที่สุด อี้อวิ๋นเป็นคนระดับไหนกัน เขามีพรสวรรค์ที่พิสดารยิ่งกว่าเจี้ยนเสี่ยวซวง อนาคตไร้ขีดจำกัดและได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่แน่นอน แต่เหยียนเทียนชงเป็นแค่คุณชายจากตระกูลที่พอมั่งคั่งอยู่บ้าง ฐานะไม่อาจเทียบกับอี้อวิ๋นแม้แต่น้อย
หลายคนสงสัยด้วยซ้ำว่าเหยียนเทียนชงคงอายุไม่ยืนแน่แล้ว ด้วยพลังและความเร็วในการพัฒนาของอี้อวิ๋นในตอนนี้ หากเขาจะลอบสังหารเหยียนเทียนชงก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากอี้อวิ๋นเติบโตมากกว่านี้อีกสักปี เช่นนั้นเขาก็อาจถึงขั้นถอนรากถอนโคนร้านขยายฟ้า
หลายคนมองเหยียนเทียนชงอย่างสนุกสนาน แม้แต่ผู้อาวุโสเฟิงสิงจากร้านประมูลเจ็ดดาราที่สนับสนุนเขาก่อนหน้านี้ก็ยังหลับตานิ่งเงียบเพื่อจงใจไม่สนเหยียนเทียนชง เขาแยกความสัมพันธ์จากเหยียนเทียนชงอย่างเห็นได้ชัด
เหยียนเทียนชงมีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเห็นสีหน้าของคนเหล่านี้ โลกของจอมยุทธ์มีความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง หากมีเรื่องกับคนที่สู้ไม่ได้ก็ถึงคราวจบสิ้นแล้ว
“ร้านขยายฟ้ามีสมบัติอะไรมาแลก? หากไม่มีก็ข้ามไปเถอะ” ผู้อาวุโสเฟิงสิงรออยู่นานก็ไม่เห็นว่าเหยียนเทียนชงจะพูดอะไรจึงพูดเสียงแข็ง
แววตาเหยียนเทียนชงมีประกายเย็นๆ แล่นผ่าน เขามองอี้อวิ๋นที่นั่งอยู่ในศาลาฟากตรงข้ามด้วยแววตาชั่วร้าย เขารู้ว่าอี้อวิ๋นคงไม่ปล่อยเขาไปแน่ แต่เหยียนเทียนชงผู้นี้ก็ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ
หากจะเอาชีวิตเขาก็ต้องเตรียมตัวที่จะตายเสียก่อน!
เหยียนเทียนชงลุกขึ้นพูดว่า “ร้านขยายฟ้าของข้าก็สมบัติที่มูลค่ามากที่สุดอยู่ชิ้นหนึ่ง ข้าจะพูดถึงสมบัติชิ้นนี้กับผู้อาวุโสเฟิงสิงเป็นการส่วนตัว”
“หืม?”
ทุกคนฟังคำของเหยียนเทียนชงแล้วก็มีทั้งคนที่สงสัยทั้งคนที่ดูถูก สมบัติอะไรกัน มีมูลค่ามากที่สุดหรือ?
และต่อให้มูลค่ามากแล้วอย่างไร นำออกมาตรงๆ ก็จบ อย่างกับว่าจะมีปล้นเขาจึงต้องทำลับๆ ล่อๆ
“เจ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะ” ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดพร้อมขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเหยียนเทียนชงเอาเขามาเกี่ยวด้วย
เหยียนเทียนชงพยักหน้า ริมฝีปากไม่ขยับ เขากำลังส่งเสียงคุยกับผู้อาวุโสเฟิงสิง
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จู่ๆ ผู้อาวุโสเฟิงสิงก็มีสีหน้าน่าเหลือเชื่อ เขาพูดออกมาว่า “เรื่องจริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอนขอรับ” เหยียนเทียนชงพูด
ผู้อาวุโสเฟิงสิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา หลังจากที่ลังเลกลับไปกลับมาก็ประสานมือทำความเคารพทุกคนอย่างฉับพลัน “ต้องขออภัยทุกท่านด้วย มีเรื่องบางอย่างที่ข้าไม่อาจตัดสินใจเอง คงต้องขอให้ทุกท่านรอสักครู่”
ขณะที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดก็เดินจากไป
การกระทำเช่นนี้ถือว่าเสียมารยาทแต่ก็ไม่มีใครโมโห แม้พลังของร้านประมูลเจ็ดดาราแห่งเมืองแสงหยกจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่ทุกคนก็รู้ว่าร้านประมูลนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกลุ่มอิทธิพลชั้นยอด ไม่เช่นนั้นกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ก็คงไม่ให้เกียรติร้านประมูลเจ็ดดารา
จากนั้นไม่นานอี้อวิ๋นก็รู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขารู้สึกถึงคลื่นมิติ อี้อวิ๋นเชี่ยวชาญกฎแห่งมิติเวลา รู้ดีว่านี่คือคลื่นพลังจากค่ายกลส่งผ่าน
มีคนเดินทางมาที่เมืองแสงหยกผ่านทางค่ายกลส่งผ่าน
ดูจากความแข็งแกร่งของคลื่นพลังมิตินี้อี้อวิ๋นก็แน่ใจว่าคนผู้นี้เดินทางมาจากสถานที่ที่อยู่ไกลมากแน่นอน
อี้อวิ๋นแผ่การรับรู้ออกไปแต่กลับไม่เจอที่ตั้งของคนผู้นี้ เรื่องนี้ทำให้ใจเขาจมลง เพราะนี่หมายความว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก
เปลือกตาอี้อวิ๋นกระตุกเบา เขาไม่ชอบให้เรื่องราวอยู่เหนือการควบคุมของเขา อี้อวิ๋นไปที่จีสุ่ยเยียนและส่งเสียงพูดว่า ‘ปล่อยเรื่องน้ำค้างบำรุงวัตถุไปก่อน พวกเราควรไปจากงานซื้อขายนี้ชั่วคราว’
‘หืม?’ จีสุ่ยเยียนแปลกใจเล็กน้อย เมื่อครู่นางได้ส่งเสียงคุยเรื่องซื้อน้ำค้างบำรุงวัตถุกับผู้อาวุโสเฟิงสิง ยังไม่ทันตกลงราคากันดีก็มาได้ยินอี้อวิ๋นบอกว่าจะไปจากที่นี่ เรื่องนี้ทำให้จีสุ่ยเยียนเกิดความสงสัยเล็กน้อย แต่อี้อวิ๋นพูดอย่างไรก็ย่อมเป็นอย่างนั้น
นางพยักหน้าและจะออกไปกับอี้อวิ๋น
แต่ในตอนนี้เองที่เหยียนเทียนชงกลับมายืนขวางจีสุ่ยเยียนด้วยรอยยิ้ม “แม่นางสุ่ยเยียน คุณชายอี้ เหตุใดจึงรีบจากไปนักเล่าขอรับ?”
เหยียนเทียนชงเพิ่งพูดจบก็มีเสียงอีกเสียงดังขึ้น “นั่นน่ะสิ แม่นางสุ่ยเยียน ก่อนหน้านี้เจ้าส่งเสียงบอกข้าว่าจะซื้อน้ำค้างบำรุงวัตถุไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังไม่ทันตกลงราคากันดีก็จะไปแล้วล่ะ?”
ผู้พูดคือผู้อาวุโสเฟิงสิง
ร่างกายเข้าโค้งลงเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้ม เขาพูดไปด้วยและเดินนำชายชราสีหน้าซีดเหลืองเข้ามาอย่างเคารพนอบน้อมไปด้วย
เมื่อชายชราผู้นี้ปรากฏก็ดึงความสนใจจากทุกคนทันที เขารูปร่างสูงผอม สวมชุดนักบวชสีฟ้า บริเวณหน้าอกของชุดมีดาวเจ็ดดวงปักเอาไว้ ในดาวทั้งเจ็ดมีลายวิถีส่องสว่างจางๆ
ชายชราเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าสู่ศาลา ทุกย่างก้าวเหมือนเหยียบลงบนจุดใจเต้นของทุกคนจนรู้สึกไม่สบายตัวนัก
ชายชราผู้นี้เป็นใครกัน…
ใจอี้อวิ๋นเคร่งเครียดขึ้นมา เขารู้สึกอย่างฉับพลันว่าพลังของชายชราเพ่งเล็งมาที่เขาอย่างไร้รูป เรื่องนี้ทำให้เขาลูบมือไปที่แหวนมิติของตัวเองตามสัญชาตญาณ
ตอนที่ 1083
วังวิถีเจ็ดดารา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เจี้ยนอู๋เฟิงมาดาวเจ็ดดวงบนชุดคลุมนักบวชของชายชราแล้วก็นึกอะไรได้อย่างฉับพลัน เขาพูดขึ้นว่า “เจ้าคือคนของวังวิถีเจ็ดดารา? วังวิถีเจ็ดดาราสนใจปรากฏการณ์ครั้งนี้เหมือนกันหรือ?”
วังวิถีเจ็ดดาราคือสำนักชั้นยอดสำนักหนึ่งในแคว้นจงแห่งแดนสวรรค์ สำนักนี้มีพลังเหนือกว่าสำนักกระบี่สระใส
วังวิถีเจ็ดดารามีมรดกลึกล้ำประวัติศาสตร์ยาวนาน เมื่อเห็นคนจากวังวิถีเจ็ดดาราปรากฏตัวและคิดเชื่อมโยงถึงร้านประมูลเจ็ดดารา ทุกคนก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าร้านประมูลนี้คงจะเป็นอุตสาหกรรมทางโลกของวังวิถีเจ็ดดารา
สำนักใหญ่หลายสำนักจะสร้างอุตสาหกรรมทางโลกของตัวเองขึ้นมาเพื่อรวบรวมวัตถุล้ำค่า อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นเพียงส่วนขยายสำหรับสำนักใหญ่ ศิษย์ในสำนักที่ไม่ได้เรื่องจะถูกส่งให้มาดูแลที่นี่ แม้จะเป็นผู้รับผิดชอบของอุตสาหกรรมก็เป็นแค่คนตำแหน่งต่ำเมื่ออยู่ในสำนัก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร้านประมูลเจ็ดดาราของทะเลทรายกลบอาทิตย์เป็นอุตสาหกรรมทางโลกของวังวิถีเจ็ดดารา
ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร แต่สำนักใหญ่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจตรวจสอบอุตสาหกรรมของสำนักอื่น ดังนั้นหลายคนจึงไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างร้านประมูลเจ็ดดารากับวังวิถีเจ็ดดารา
เหยียนเทียนชงมีสีหน้าได้ใจเมื่อเห็นชายชราผู้นี้ปรากฏตัว เขากลับไปนั่งที่อีกครั้ง แววตาที่กวาดมองจีสุ่ยเยียนมีความรุกรานอย่างไม่ปิดบัง
เขาจะยืมพลังของร้านประมูลเจ็ดดารามากำจัดอี้อวิ๋น ขอเพียงไม่มีอี้อวิ๋น จีสุ่ยเยียนก็จะตกอยู่ในมือเขาและถูกย่ำยีอย่างตามใจชอบ
จีสุ่ยเยียนขมวดคิ้วเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงสายตาของเหยียนเทียนชง จีสุ่ยเยียนเคยได้ยินชื่อวังวิถีเจ็ดดารามาบ้างเช่นกัน นี่เป็นสำนักชั้นหนึ่ง เป็นกลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งกว่าทุกกลุ่มอิทธิพลในที่แห่งนี้ วัตถุที่เหยียนเทียนชงพูดถึงทำให้สำนักเบื้องหลังของร้านประมูลเจ็ดดาราหวั่นไหวเชียวหรือ?
“ทำไม แม่นางสุ่ยเยียนกับคุณชายอี้ไม่สนใจน้ำค้างบำรุงวัตถุแล้วหรือ?” ผู้อาวุโสเฟิงสิงถาม
“หากผู้อาวุโสเฟิงสิงจริงใจที่จะขายน้ำค้างบำรุงวัตถุก็บอกราคามาเถอะ” อี้อวิ๋นพูดเสียงเย็น
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องรีบร้อนเรื่องน้ำค้างบำรุงวัตถุ ข้าขอแนะนำว่าท่านผู้นี้คือท่านทูตอวี้เหิงจากวังวิถีเจ็ดดารา!” ผู้อาวุโสเฟิงสิงแนะนำด้วยน้ำเสียงที่เคารพนบนอบเป็นอย่างยิ่ง
วังวิถีเจ็ดดารามีทูตทั้งหมดเจ็ดคนควบคู่กับดาวเจ็ดดวง ทูตทั้งเจ็ดต่างก็เป็นบุคคลชั้นหนึ่งของวังวิถีเจ็ดดารา ปกติแล้วก็ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสเฟิงสิง ต่อให้เป็นหัวหน้าร้านประมูลเจ็ดดาราของทั้งทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็ยังเคารพนบนอบเหมือนขันทีเจอจักรพรรดิเมื่อพบกับทูตทั้งเจ็ด วันนี้ผู้อาวุโสเฟิงสิงมีโอกาสได้พบทูตท่านหนึ่งจึงตื่นเต้นมาก นี่เป็นโอกาสอันหาได้ยากยิ่ง หากไม่ใช่เพราะทะเลทรายกลบอาทิตย์เกิดปรากฏการณ์จนพวกเขาที่เป็นผู้ดูแลสาขาแยกของร้านประมูลเจ็ดดารามีสิทธิติดต่อท่านทูตโดยตรง เช่นนั้นเขาจะมีโอกาสได้อย่างไร? แค่ท่านทูตพูดแนะนำเขาเพียงเล็กน้อยก็มีอนาคตไร้ขีดจำกัดแล้ว
“เหยียนเทียนชง ท่านทูตสนใจในวัตถุที่เจ้าพูดถึง เจ้าพูดมาอีกรอบเถอะ!”
เสียงของผู้อาวุโสเฟิงสิงมีความทะนงตน ก่อนหน้านี้เขาต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำอยู่ที่นี่เพราะแข็งแกร่งไม่พอ ในที่สุดตอนนี้ที่พึ่งก็มาแล้ว รู้สึกได้ลืมตาอ้าปากอย่างสบายใจ
“ขอรับ” เหยียนเทียนชงยิ้มแย้ม เขามองชายวัยกลางคนชุดดำที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านพี่เทียนเซียว ท่านเป็นพูดจะดีกว่า”
ชายวัยกลางคนที่ถูกเหยียนเทียนชงเรียกว่าพี่เทียนเซียวถือพัดขนไว้ในมือ เขาไว้เคราแพะเส้นยาวและมีท่าทางเหมือนปัญญาชน ตอนที่อี้อวิ๋นเพิ่งมาถึงงานซื้อขายก่อนหน้านี้ก็สังเกตเห็นชายผู้นี้ อีกฝ่ายยังยิ้มให้เขาอีกด้วย
หลังจากที่งานซื้อขายเริ่มขึ้น ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็นิ่งเงียบมาโดยตลอด ประหนึ่งงูพิษที่ซ่อนในเงามืด ทำให้อี้อวิ๋นไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ข้าน้อยเทียนเซียวซั่ว มีตำแหน่งเป็นอาจารย์เทียนเซียว” เทียนเซียวซั่วโบกพัดพร้อมพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้าไปด้วย “ข้าน้อยมีสมบัติชิ้นหนึ่งที่สำคัญต่อการตามหาสมบัติในทะเลทรายกลบอาทิตย์ครั้งนี้มาก ข้ายินดีร่วมแบ่งปันสมบัติชิ้นนี้ด้วยกันกับทุกท่าน เพราะก่อนหน้านี้ศิษย์ผู้ทรยศคนหนึ่งของสำนักได้ขโมยสมบัติเช่นนี้ไป ท้ายที่สุดก็มาตกอยู่ในมือร้านความลับเทพ ชื่อของมันคือเข็มทิศความลับสวรรค์ แม่นางสุ่ยเยียน เจ้าคงไม่ได้ไม่รู้จักวัตถุนี้หรอกใช่ไหม?”
เทียนเซียวซั่วหันมาทางจีสุ่ยเยียนอย่างฉับพลัน ใจจีสุ่ยเยียนจมลง ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าที่แท้วัตถุที่เหยียนเทียนชงพูดถึงก็คือเข็มทิศความลับสวรรค์! อาจารย์เทียนเซียวผู้นี้มาจากสำนักความลับสวรรค์ ไม่แปลกที่จะรู้ว่าเข็มทิศนี้อยู่กับนาง
จีสุ่ยเยียนยังไม่ทันตอบอะไรก็รู้สึกถึงคลื่นกำลังจิตอันแข็งแกร่งที่พุ่งเข้าสู่จิตวิญญาณนางอย่างฉับพลัน
คลื่นพลังนี้มาจากทูตอวี้เหิง!
จิตของทูตอวี้เหิงใช่สิ่งที่จีสุ่ยเยียนจะต้านไหวที่ไหนกัน หน้านางขาวซีด ร่างกายถอยออกไปหลายก้าวและล้มลง
อี้อวิ๋นตาไวมือไว เขาคว้ามือจีสุ่ยเยียนและดึงให้นางกลับมานั่งที่เก้าอี้
แต่การโจมตีทางจิตในชั่วพริบตาของทูตอวี้เหิงเมื่อครู่นี้ทำให้จีสุ่ยเยียนเหงื่อตกทั่วร่าง ริมฝีปากไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย
“เจ้ามีเจตนาอะไร?”
อี้อวิ๋นโมโหมาก คิดไม่ถึงว่าทูตอวี้เหิงผู้นี้จะลงมือกับหญิงอ่อนแอเช่นจีสุ่ยเยียนอย่างไม่สนฐานะ
ทูตอวี้เหิงส่งเสียงเย็นๆ ในเสียงมีกำลังจิตอันแข็งแกร่งแฝงอยู่จนหลายคนอดที่จะก้าวถอยหลังไม่ได้ “ข้าแค่ส่งกำลังจิตเข้าไปตรวจสอบความคิดของนางในชั่วพริบตาที่นางไม่มีสมาธิหลังจากที่ได้ยินเรื่องเข็มทิศความลับสวรรค์ก็เท่านั้น นี่เป็นวิชาจิตที่นุ่มนวลที่สุดแล้ว ไม่เช่นนั้นหากข้าค้นวิญญาณจริงๆ นางก็คงกลายเป็นคนสติไม่ดี!”
“เมื่อครู่ข้าได้รับการยืนยันแล้วว่าเข็มทิศความลับสวรรค์อยู่ที่ร้านความลับเทพจริงๆ! ในเมื่อเป็นสมบัติของสำนักความลับสวรรค์ก็มอบออกมาเถอะ ข้าเองก็จะไม่ให้สูญเสียและชดเชยให้แน่นอน”
คำพูดของชายชราชุดคลุมเจ็ดดาราไม่เปิดโอกาสให้ใครสงสัย ขณะที่พูดก็ใช้กำลังจิตมาห่อหุ้มอี้อวิ๋นด้วยแรงกดดันจากผู้ที่เหนือกว่า
อี้อวิ๋นวินิจฉัยระดับยุทธ์ของทูตอวี้เหิงผู้นี้ได้ยาก เขาแน่ใจว่าสาเหตุเกิดจากความต่างเรื่องพลัง
ต่อให้อี้อวิ๋นจะมีพรสวรรค์แค่ไหนก็เป็นเด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่งอยู่ดี ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของทูตจากสำนักใหญ่
อี้อวิ๋นกำหมัดเงียบๆ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังแข็งแกร่งไม่พอ เขาฝึกยุทธ์มาสั้นเกินไปจนเติบโตไม่ทัน ทุกอย่างคงต่างไปจากนี้หากเขาอยู่ระดับวังวิถี
“เข็มทิศความลับสวรรค์ถูกท่านปู่ข้านำไปที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์และหายสาบสูญไปแล้ว อีกอย่าง คนที่ทรยศสำนักความลับสวรรค์ไม่ใช่ท่านปู่ของข้า แต่เป็นพวกเจ้าต่างหาก!”
จีสุ่ยเยียนพูดอย่างดุเดือด เทียนเซียวซั่วมีสีหน้าเย้ยหยันต่อเรื่องนี้ เขาไม่สนใจจีสุ่ยเยียนแม้แต่น้อย หันไปพูดกับทูตอวี้เหิงว่า “ท่านทูต ดูแล้วนังโจรทรยศนี้จะไม่ยอมมอบเข็มทิศความลับสวรรค์”
ทูตอวี้เหิงยิ้มบางๆ เขาลูบคางมองอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นรู้สึกถึงเจตนาสังหารบางๆ จากแววตาอีกฝ่าย
เรื่องนี้ทำให้ใจเขาเคร่งเครียด อีกฝ่ายรู้พรสวรรค์ของเขาแต่ยังคิดจะแย่งเข็มทิศความลับสวรรค์ นี่หมายความว่าพวกเขาเข้าใจทะเลทรายกลบอาทิตย์ แรงผลักดันจากผลประโยชน์ทำให้พวกเขายอมที่จะเสี่ยง
แม้เขาจะมีพรสวรรค์เลิศล้ำ แต่แค่รับประกันให้ได้ว่าจะฆ่าสำเร็จจนเขาไม่อาจเติบโต เช่นนั้นเขาก็เป็นภัยคุกคามไม่ได้อีก
ตอนที่ 1084
วิกฤตแห่งความเป็นตาย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทูตอวี้เหิงลูบแหวนมิติของตัวเองพร้อมกับเดินเข้ามาหาจีสุ่ยเยียนช้าๆ
ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในทูตทั้งเจ็ดของวังวิถีเจ็ดดารา ความต่างของพลังระหว่างเขากับจีสุ่ยเยียนจึงใหญ่เหมือนภูเขากับเศษฝุ่น อีกฝ่ายแค่เดินเข้ามา จีสุ่ยเยียนก็รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจติดขัด มุมปากมีเลือดไหล
ด้วยพลังเช่นนี้ของทูตอวี้เหิง เขาไม่จำเป็นต้องลงมือก็ฆ่าคนได้ด้วยกลิ่นอายด้วยซ้ำ!
ตอนนี้บรรยากาศคุกรุ่นอย่างพร้อมจะห้ำหั่นกัน ชีวิตจีสุ่ยเยียนตกอยู่ในอันตราย!
อี้อวิ๋นลูบไปที่กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ ฝ่ามือมีเหงื่อซึม เขารู้ว่าลำพังแค่แรงกดดันจากทูตอวี้เหิงก็ทำให้เส้นลมปราณทั่วร่างจีสุ่ยเยียนเข้าใกล้การพังทลาย เพียงแค่เดินเข้ามาใกล้อีกสองสามก้าวเกรงว่าคงจบชีวิต!
อี้อวิ๋นย่อมไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องนี้
เขารู้ดีถึงความน่ากลัวในพลังของทูตอวี้เหิง หากสู้กันก็แทบไม่มีโอกาสชนะ
ทว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก หากมอบเข็มทิศความลับสวรรค์แล้วจะรับประกันได้ว่าเขากับจีสุ่ยเยียนจะปลอดภัย เช่นนั้นก็ย่อมยอมมอบเข็มทิศแน่นอน
แต่เมื่อครู่นี้เขารู้สึกถึงจิตสังหารจากร่างทูตอวี้เหิงได้อย่างชัดเจน นี่หมายความว่าต่อให้มอบเข็มทิศความลับสวรรค์ก็ต้องเผชิญกับการต่อสู้นี้อยู่ดี
พรสวรรค์อันโดดเด่นของอี้อวิ๋นทำให้ทูตอวี้เหิงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยเขาไป ไม่เช่นนั้นจะมีผลที่ตามมามากมาย
หลายคนถอยตัวไปด้านหลังเมื่อเห็นภาพนี้ แม้ก่อนหน้าพวกเขาจะผูกมิตรกับอี้อวิ๋น แต่อย่างไรก็อิจฉาในอัจฉริยะเช่นอี้อวิ๋น เมื่อตอนนี้เห็นว่าอี้อวิ๋นตกที่นั่งลำบากก็ยินดีที่จะดูอยู่ด้านข้าง หลายคนรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของเขาด้วยซ้ำ
อี้อวิ๋นไม่สนใจปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ตอนนี้ใจเขานิ่งสงบมาก ปราณในร่างหมุนเวียน ผลวิถีเก้าใบทั้งสี่ผลอาบชโลมอยู่กลางพลังปราณ มันพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ
อี้อวิ๋นรู้ว่าทูตอวี้เหิงดูเหมือนกดดันจีสุ่ยเยียน แต่แท้จริงแล้วอีกฝ่ายกำลังกดดันให้เขาลงมือและสังหารในการโจมตีเดียวต่างหาก! การรับรู้ของทูตอวี้เหิงเล็งมาที่เขาตลอด เพียงแค่เขาขยับตัวก็จะเจอการโจมตีที่รุนแรงดุจพายุโหมกระหน่ำ
เขามีโอกาสลงมือแค่ครั้งเดียว!
ตอนนี้เวลาเหมือนเดินช้าลง จีสุ่ยเยียนไร้ทางสู้ ทูตอวี้เหิงเย็นชา อาจารย์เทียนเซียวยิ้มเยาะ เหยียนเทียนชงยิ้มชั่วร้าย ทั้งหมดนี้เหมือนจะเลือนหายไป ใจอี้อวิ๋นมีเพียงกระบี่หักหยางบริสุทธิ์ กระบี่เล่มเย็นส่งความรู้สึกอันแจ่มชัดเข้ามาที่ใจอี้อวิ๋น และในตอนนี้เองที่จู่ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจ…
‘โจมตีด้านซ้าย!’
จิตของอี้อวิ๋นจดจ่อถึงขีดสุด ไม่รู้ว่าเสียงนี้มาจากไหน แต่อี้อวิ๋นไม่สงสัยในเสียงนี้แม้แต่น้อย เขาลงมือโจมตีไปที่หน้าอกซ้ายของทูตอวี้เหิง!
ตูม!
พลังปราณในร่างอี้อวิ๋นปะทุออก กระบี่หักหยางบริสุทธิ์ฟันออกไปด้วยพลังฟ้าดินที่กลายเป็นกงล้อสีดำ กลางกงล้อเต็มไปด้วยเงามารเทพ มารเทพร้องคำราม ฟ้าดินเปลี่ยนสี ประหนึ่งทุกอย่างในโลกจะถูกกงล้อนี้ทำลายพินาศ!
นี่คือ…
แม้แต่ทูตอวี้เหิงที่ระดับยุทธ์สูงกว่าอี้อวิ๋นยังตกตะลึงกับกระบี่นี้ กฎที่แฝงในกระบี่ทำให้เขารู้สึกอึ้ง เด็กคนนี้รวมผลวิถีอะไรกันแน่?
นี่ยิ่งทำให้เขาตัดสินใจว่าจะฆ่าอี้อวิ๋น ปล่อยเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้เด็ดขาด!
เขาปล่อยจีสุ่ยเยียนและตบฝ่ามือมาทางอี้อวิ๋น!
ฝ่ามือนี้เป็นดังขุนเขาพังถล่ม มีพลังอันยิ่งใหญ่ มันพุ่งมารับกงล้อหมื่นมารเกิดดับของอี้อวิ๋น!
ตูม!
กงล้อหมื่นมารเกิดดับสั่นอย่างรุนแรง ฝ่ามือขนาดยักษ์หยุดชะงักเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็กดอัดลงมาอย่างแรง! แม้กฎของอี้อวิ๋นจะแข็งแกร่ง แต่ข้อจำกัดด้านระดับยุทธ์ก็เป็นหุบเขาสวรรค์ที่ไม่อาจข้ามผ่าน อยู่แค่ระดับรวมวิถีจึงไม่อาจต้านทาน!
ในตอนที่ฝ่ามือยักษ์นี้กำลังจะกลืนกินอี้อวิ๋น จู่ๆ ก็มีลำแสงกระบี่สายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน มันเหมือนส่งมาจากความว่างเปล่าในยุคดึกดำบรรพ์!
กระบี่นี้ไร้ร่องรอย มันพุ่งเข้าใส่ทูตอวี้เหิงเหมือนแสงที่พุ่งผ่านท้องฟ้าในยามค่ำคืน
ใคร!?
ทูตอวี้เหิงตกใจ เขาเพิ่งจะต้านกระบี่ของอี้อวิ๋นไปก็มาถูกกระบี่อีกสายโจมตี อี้อวิ๋นโจมตีมาทางซ้าย ส่วนกระบี่นี้โจมตีมาทางขวา ในขณะที่แรงป้องกันของเขามุ่งเน้นไปทางซ้าย ทางด้านขวาจึงมีช่องโหว่!
รนหาที่ตาย!
ทูตอวี้เหิงระเบิดเสียงคำราม เขาถอนการโจมตี มือขวาเหวี่ยงแส้หางม้าออกไป
แส้หางม้านี้ปะทุออกเป็นด้ายเงินหมื่นเส้นและพันเข้าที่กระบี่ที่ปรากฏอย่างฉับพลัน
แต่ในตอนที่แส้หางม้าปะทะเข้ากับกระบี่ ทูตอวี้เหิงก็กลับพบว่าเขาประเมินอานุภาพของกระบี่นี้ต่ำไป เขาคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมียอดฝีมือวิถีกระบี่เช่นนี้อยู่ด้วย การป้องกันอย่างรีบร้อนของเขาจึงไม่อาจป้องกัน
ฉัวะ!
เส้นเงินนับหมื่นถูกกระบี่ฟันขาด อานุภาพกระบี่ไม่ลดลง มันหมุนจากขวาไปซ้ายและแทงเข้าที่หัวใจทูตอวี้เหิง!
ทูตอวี้เหิงขนลุก ร่างกายเขาบินถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันที่หน้าอกก็มีกระจกป้องกันหัวใจทรงกลมลอยออกมารับลำแสงกระบี่
เพล้ง!
กระจกป้องกันหัวใจกระเด็นออก ลำแสงกระบี่ถูกหักเหทิศทางแต่ก็ยังทะลุไหล่ของทูตอวี้เหิง โลหิตสาดกระเซ็น!
ตุบ!
แส้หางม้าร่วงหล่น ทูตอวี้เหิงกุมบ่าตัวเอง เขาถอยหลังหลายก้าว สีหน้าซีดขาว ดวงตาที่เป็นดังอินทรีกวาดมองไปในกลุ่มคน ท้ายที่สุดก็หยุดอยู่ที่คนผู้หนึ่ง
เจี้ยนอู๋เฟิง!
“เป็นเจ้า! เจ้ากล้าลงมือกับข้างั้นหรือ?”
ทูตอวี้เหิงตกใจ สำนักกระบี่สระใสที่เจี้ยนอู๋เฟิงอยู่มีพลังห่างชั้นจากวังวิถีเจ็ดดาราอยู่ไกล แต่นี่เจี้ยนอู๋เฟิงกลับลงมือกับเขา เขาบ้าไปแล้วหรือ?
ไม่ใช่แค่ทูตอวี้เหิง ทุกคนในงานต่างตกตะลึงเช่นกัน เจี้ยนอู๋เฟิงคิดอะไรอยู่?
“เจ้าสำนักสระใส เจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไร? วันนี้วังวิถีเจ็ดดาราของข้าแค่ต้องการทวงคืนเข็มทิศความลับสวรรค์เพื่อเตรียมการต่อการตามหาสมบัติในทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็เท่านั้น แต่เจ้ากลับลงมือต่อท่านทูตอวี้เหิง?”
ผู้อาวุโสเฟิงสิงพูดอย่างร้อนใจ ตอนที่เขารายงานท่านทูตอวี้เหิงก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วว่าอี้อวิ๋นไม่มีความเกี่ยวข้องกับยอดฝีมือในงานมากนัก การสังหารอี้อวิ๋นจึงไม่ยากอะไร แต่ใครจะไปรู้ว่าเจี้ยนอวี้เฟิงจะเสี่ยงอันตรายต่อการที่สำนักถูกทำลายและยืนมือมายุ่ง!
เจี้ยนอู๋เฟิงบ้าไปแล้วหรือเปล่า เขาเพิ่งเคยเจออี้อวิ๋นครั้งแรก ต่อให้ศิษย์ของเขาจะประมือกับอี้อวิ๋นจนเขาเกิดความชื่นชม แต่อย่างไรนี่ก็เป็นแค่ความชื่นชมเท่านั้น เหตุใดต้องเอาชีวิตคนทั้งสำนักกระบี่สระใสมาเสี่ยงเพื่อช่วยอี้อวิ๋น? การกระทำที่ไม่คิดถึงผลลัพธ์นี้ใช่สิ่งที่เจ้าสำนักควรทำที่ไหนกัน?
“ข้าจะทำอะไรต้องให้เจ้าวิจารณ์ด้วยหรือ!”
กระบี่ในมือเจี้ยนอู๋เฟิงบินออกอย่างฉับพลันในขณะที่พูด ผู้อาวุโสเฟิงสิงตกใจ เขาถอยตัวไปด้านหลังอย่างไม่แม้แต่จะคิด กลิ้งตัวไปบนพื้นเพื่อหลบกระบี่!
เขามั่นใจว่ากระบี่นี้ของเจี้ยนอู๋เฟิงจะสังหารเขา เขาไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือเจี้ยนอู๋เฟิง แต่หลังจากที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงกลิ้งตัวออกไปก็เห็นว่ากระบี่นี้ไม่ได้พุ่งมาทางเขา กระบี่บินไปที่ลานด้านหลังร้านประมูลเจ็ดดาราและแทงเข้าที่ค่ายกลส่งผ่านที่อยู่กลางลานเหมือนมีดวงตา
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ค่ายกลส่งผ่านที่มีมูลค่ามหาศาลแตกทลายอย่างสมบูรณ์!
ตอนที่ 1085
คำขู่ของอี้อวิ๋น
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เจี้ยนอู๋เฟิง…เจ้าทำลายค่ายกลส่งผ่านของวังวิถีเจ็ดดารา!?”
เสียงของผู้อาวุโสเฟิงสิงสั่นเทา ค่ายกลส่งผ่านนี้ตัดผ่านระยะทางเป็นสิบล้านลี้ เป็นค่ายกลชิ้นสำคัญของวังวิถีเจ็ดดาราและมูลค่าสูงจนน่ากลัว ในฐานะที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงเป็นผู้ดูแลร้านประมูลเจ็ดดาราของเมืองแสงหยก ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะไรเขาก็ไม่อาจปัดภาระเมื่อค่ายกลส่งผ่านเกิดความเสียหาย
ผู้อาวุโสเฟิงสิงรู้สึกเย็นในใจเมื่อนึกถึงกฎอันเข้มงวดของวังวิถีเจ็ดดารา ด้วยฐานะอันต่ำต้อยของเขาในสำนักก็เรียกได้ว่าต่อให้ฆ่าเขาก็ไม่อาจชดเชยความเสียหายที่ค่ายกลส่งผ่านถูกทำลาย!
“ทำลายแล้วทำไม?”
เจี้ยนอู๋เฟิงเก็บกระบี่กลับคืนด้วยสีหน้านิ่งเฉย ถ้าไม่ทำลายค่ายกลส่งผ่าน เมื่อคนของร้านประมูลเจ็ดดาราส่งข่าวออกไปด้านนอกจนมีคนจากวังวิถีเจ็ดดารามาเพิ่ม เช่นนั้นเขาคงจบสิ้นอยู่ที่นี่แน่ๆ
สู้กับทูตอวี้เหิงคนเดียวคือขีดจำกัดของเจี้ยนอู๋เฟิงแล้ว เขาโจมตีสำเร็จ ทั้งยังมีโอกาสเพราะอี้อวิ๋น
ว่าไปแล้วเจี้ยนอู๋เฟิงก็ทึ่งในความน่ากลัวของอี้อวิ๋น แม้กระบี่เมื่อครู่ของอี้อวิ๋นจะถูกทูตอวี้เหิงทำลายอย่างง่ายดายแต่ก็ยังคงทำให้เจี้ยนอู๋เฟิงสั่นสะพรึง กระบี่นี้รุนแรงกว่าตอนที่สู้กับเจี้ยนเสี่ยวซวงหลายเท่า กฎที่เด็กหนุ่มผู้นี้บรรลุช่างน่าตะลึงจริงๆ อนาคตไม่อาจคาดการณ์!
บรรยากาศเงียบลง ทุกคนถอยห่างออกมาหลายสิบหมี่นานแล้ว ปราณกระบี่อันแข็งแกร่งจากการประมือชั่วพริบตาเมื่อครู่ได้ทำลายศาลาโดยรอบ สระบัวพังทรุดเหมือนถูกพายุพัดผ่าน
ทูตอวี้เหิงโบกมือ แส้หางไม้ที่ตกบนพื้นลอยกลับมาอยู่ในมือเขา แผลกระบี่บนไหล่ถูกเจาะทะลุ แม้โลหิตจะหยุดไหล แต่ปราณกระบี่ที่ทิ้งไว้ในแผลกลับยังคงทำลายเส้นลมปราณ ยากที่จะขจัดไปชั่วขณะ
เรื่องนี้ทำให้ทูตอวี้เหิงตกใจเงียบๆ เจี้ยนอู๋เฟิงแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ!
เดิมทีทูตอวี้เหิงไม่เห็นสำนักกระบี่สระใสอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าตัวเองประเมินพลังของเจี้ยนอู๋เฟิงต่ำไปมาก นี่เป็นศัตรูที่รับมือยากคนหนึ่งแน่นอน ต่อให้ไม่ใช่เพราะก่อนหน้ารับมือกับอี้อวิ๋น แม้จะสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งกับอีกฝ่ายก็ไม่กล้าพูดว่าจะชนะเจี้ยนอู๋เฟิงแน่นอน
“เจี้ยนอู๋เฟิง เหตุใดจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับวังวิถีเจ็ดดาราของข้า บอกเหตุผลมา! หากเจ้าอยากได้เข็มทิศความลับสวรรค์ เช่นนั้นข้าก็รับปากได้ว่าเมื่อนำเข็มทิศกลับไปที่สำนักความลับสวรรค์แล้วจะแบ่งปันกับเจ้า”
การที่ค่ายกลส่งผ่านถูกทำลายทำให้ทูตอวี้เหิงร้อนใจเล็กน้อย เขาชนะเจี้ยนอู๋เฟิงไม่ได้ หากเจี้ยนอู๋เฟิงพาอี้อวิ๋นหนีไปสำเร็จก็จะทำให้ชื่อเสียงของเขาที่วังวิถีเจ็ดดาราเสียหาย
“แบ่งปันเข็มทิศความลับสวรรค์กับข้า? เหอะ! ข้ารู้เรื่องในวันนี้ดี ไม่จำเป็นต้องพูดคำสวยหรู ทำมาพูดว่าจะนำเข็มทิศกลับไปที่สำนักความลับสวรรค์ แท้จริงแล้ววังวิถีเจ็ดดาราของเจ้าอยากได้สมบัติในทะเลทรายกลบอาทิตย์ต่างหาก ก่อนหน้านี้ข้าคงประเมินสมบัตินี้ต่ำไป คิดไม่ถึงว่ามันจะทำให้วังวิถีเจ็ดดาราถึงขั้นไม่เลือกวิธี ทูตจากวังวิถีเจ็ดดาราถึงขั้นลงมือกับเด็กอายุหกสิบและสาวน้อยอ่อนแอ ช่างน่าไม่อายจริงๆ!”
คำพูดเสียดสีของเจี้ยนอู๋เฟิงทำให้ทูตอวี้เหิงยิ่งมีสีหน้าไม่น่ามอง
“ดูท่าเจ้าสำนักสระใสจะไม่บอกเหตุผลกับข้าสินะ”
ทูตอวี้เหิงพูดอย่างชั่วร้าย เขาเคยได้ยินว่าเจี้ยนอู๋เฟิงเป็นคนซื่อตรง แต่ต่อให้จะซื่อตรงอย่างไรก็ไม่มีทางเดิมพันด้วยชีวิตของศิษย์ทั้งสำนักเพื่อคนที่เพิ่งรู้จัก ในนี้ต้องมีสาเหตุอะไรแน่นอน
แม้แต่สมบัติในทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็ไม่เพียงพอให้เจี้ยนอู๋เฟิงทำเช่นนี้ เพราะต่อให้ได้เข็มทิศความลับสวรรค์มาก็ช่วยเพิ่มความหวังที่จะเจอสมบัติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้รับประกันอะไร
เจี้ยนอู๋เฟิงไม่พูดอะไร เขาโบกมือโยนเจดีย์ขนาดเล็กออกมา
อี้อวิ๋นตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจดีย์ เขารู้ว่าเจดีย์นี้น่าจะเป็นที่พำนักพกพา มันมีส่วนคล้ายคลึงกับเจดีย์เทพจุติแต่คุณภาพด้อยกว่ามาก ดูท่าสำนักกระบี่สระใสคงมีบันทึกเกี่ยวกับเจดีย์เทพจุติ ชนรุ่นหลังของสำนักคงสร้างเลียนแบบตามบันทึกเหล่านี้
“พวกเจ้าเข้าไปในที่พำนักพกพาของข้าเสีย!”
เจี้ยนอู๋เฟิงพูดไปด้วย กระบี่ในมือก็ชี้ไปทางทูตอวี้เหิงไปด้วย
ดวงตาทูติอวี้เหิงมีประกายเย็นชาอันน่ากลัว เขารู้ว่าเจี้ยนอู๋เฟิงจะพาคนหนีไปแล้ว เขาอยากขัดขวางแต่ก็บาดเจ็บอยู่ หากสู้ขึ้นมาจริงๆ ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนอู๋เฟิง ไม่มีทางขัดขวางอีกฝ่าย
“ทุกท่าน! ข้าขอเป็นตัวแทนวังวิถีเจ็ดดาราในการออกคำสั่ง ผู้ใดที่ช่วยข้าจับตัวเจี้ยนอู๋เฟิงในวันนี้จะได้รับการตอบแทนจากวังวิถีเจ็ดดาราในอนาคตอย่างเต็มที่แน่นอน!”
ทูตอวี้เหิงรู้ตัวว่าเขาจับเจี้ยนอู๋เฟิงไม่อยู่ ได้แต่ยืมมือยอดฝีมือทั้งหลายจากนอกสำนัก
เขาเชื่อว่าหากทุกคนร่วมมือกัน เช่นนั้นต่อให้เจี้ยนอู๋เฟิงมีปีกก็หนีไม่รอด!
เป็นดังที่คิด คำพูดของทูตอวี้เหิงทำให้บางคนเริ่มเคลื่อนไหว
ใจของเจี้ยนอู๋เฟิงจมลง เขาพูดเสียงเย็นว่า “หากวันนี้ผู้ใดลงมือ เช่นนั้นข้าก็ไม่กล้ารับประกันเรื่องอื่น แต่หากดึงคนสักสองสามคนให้ตายไปด้วยก็พอทำได้อยู่!”
อี้อวิ๋นรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งเมื่อเจี้ยนอู๋เฟิงพูดเช่นนี้
บุญคุณที่ช่วยชีวิตเป็นสิ่งหายาก แต่ที่ยากกว่าคือผู้ช่วยชีวิตยอมจ่ายราคามหาศาลและเสี่ยงชีวิต
อี้อวิ๋นประสานมือพูดว่า “อี้อวิ๋นไม่มีวันลืมบุญคุณของผู้อาวุโสในวันนี้!”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็มองไปยังทุกคนในที่นี้ เขาพูดเสียงเย็นว่า “ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ข้าอยู่มาก็ไม่รู้เจอวิกฤตถึงชีวิตมาแล้วกี่ครั้ง บังเอิญที่ดวงข้าแข็งนัก ไปประตูวิญญาณหลายครั้งพญายมก็ไม่รับไว้สักทีจนมีชีวิตถึงตอนนี้ เรียกว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง!”
“วันนี้ข้าขอสัญญาว่าจะจดจำทุกคนที่ลงมือกับข้าและผู้อาวุโสอู๋เฟิงในวันนี้ หากข้ารอดออกไปจนมีผลสำเร็จด้านยุทธ์ในอนาคตก็จะไปเยี่ยมเยียนทุกท่านทีละสำนักแน่นอน!”
เมื่ออี้อวิ๋นพูดประโยคนี้ถึงท่อนสุดท้ายก็มีจิตสังหารอันเย็นยะเยือกแฝงอยู่
เด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่งพูดขู่ยอดฝีมือจำนวนมาก เดิมทีนี่คงเป็นเรื่องตลกไร้สาระที่น่าขันจนฟันร่วง แต่เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยอี้อวิ๋นก็กลับไม่มีใครหัวเราะออก
พวกเขารู้ว่าหากอี้อวิ๋นไม่มีสำนักแต่เดินมาถึงผลสำเร็จในวันนี้ได้ก็ต้องมีโชคอยู่กับตัวแน่นอน ที่เขาบอกว่าหลายสิบปีมานี้เจอวิกฤตถึงชีวิตมาครั้งแล้วครั้งเล่าและไปเยือนประตูวิญญาณหลายครั้งก็ไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะหากไม่มีประสบการณ์เช่นนี้แล้วอี้อวิ๋นมีผลสำเร็จแบบวันนี้ได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นเจอวิกฤตถึงชีวิตหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ เช่นนั้นวันนี้พวกเขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่าวันนี้จะฆ่าอี้อวิ๋นสำเร็จ? เมื่อศัตรูเช่นนี้เติบโตขึ้นมาก็อาจสังหารพวกเขาทั้งสำนัก!
แม้วังวิถีเจ็ดดาราจะสัญญาเรื่องเงื่อนไขบางอย่าง แต่เงื่อนไขเหล่านี้จะเป็นจริงแค่ไหนก็ยังเป็นปัญหา หลายคนถอยตัวต่อคำขู่ของอี้อวิ๋นในอนาคต
“พวกเจ้า…”
ทูตอวี้เหิงโมโหเมื่อเห็นหลายคนพากันถอย แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เหยียนเทียนชงยิ่งร้อนใจกว่าใคร ก่อนหน้านี้เขาบอกข่าวเรื่องเข็มทิศความลับสวรรค์ก็เพื่อสังหารอี้อวิ๋น แต่ตอนนี้อี้อวิ๋นกลับจะรอดไปแล้ว
ตอนที่ 1086
มุ่งสู่สระใส
โดย
Ink Stone_Fantasy
เหยียนเทียนชงไม่กล้าพูดอะไรตรงๆ ต่อหน้าเจี้ยนอู๋เฟิง เขาคอยส่งเสียงกระตุ้นยอดฝีมือจากสำนักต่างๆ ที่ลังเลไม่หยุดเพื่อให้พวกเขาลงมือกับอี้อวิ๋น
‘เข็มทิศความลับสวรรค์อยู่ในมืออี้อวิ๋น หากเขาหนีไปได้ สมบัติทั้งหมดในทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็จะเป็นของเขา! สังหารเขาแล้วสมบัติในร่างเขาจะเป็นพวกเรา ทั้งอี้อวิ๋นยังเป็นศัตรูของวังวิถีเจ็ดดารา เจ้าจะรอดไปได้อย่างไร?’
เหยียนเทียนชงส่งเสียงไปรอบด้านแต่ไม่มีใครสนใจเขา ตอนนี้เจี้ยนเสี่ยวซวงเข้าไปในเจดีย์ที่พำนักพกพาแล้ว
จีสุ่ยเยียนเข้าสู่ที่พำนักถัดจากเจี้ยนเสี่ยวซวง ก่อนที่นางจะเข้าเจดีย์ก็ได้บีบตราหยกชิ้นหนึ่งให้แตก แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้
คนสุดท้ายคืออี้อวิ๋น เขามองเหยียนเทียนชงกับอาจารย์เทียนเซียวอย่างมีความหมายและพูดช้าๆ ว่า “เหยียนเทียนชง เทียนเซียวซั่ว วันหน้าข้าจะไปเยี่ยมเยียนร้านขยายฟ้ากับสำนักความลับสวรรค์และกระฉากวิญญาณสกัดไขกระดูกพวกเจ้าแน่นอน ให้ร้านขยายฟ้ากับสำนักความลับสวรรค์สลายเป็นเถ้าธุลี!”
คำพูดของอี้อวิ๋นเป็นดังประกาศจากเทพแห่งความตาย เหยียนเทียนชงตัวสั่นและรู้สึกเหมือนจมลงในถ้ำน้ำแข็ง
ส่วนอาจารย์เทียนเซียวก็ยังคงส่ายพัด แม้เขาจะกลัวเล็กน้อยแต่ก็ยังคงสีหน้าดังเดิม “เหอะ! สำนักความลับสวรรค์ของข้าสืบทอดมาไม่รู้กี่หมื่นปี อย่างเจ้าน่ะหรือจะทำลายสำนักได้? น่าขัน!”
อี้อวิ๋นไม่โต้ตอบ เงาร่างเขาหายเข้าไปในเจดีย์ขนาดเล็ก เจี้ยนอู๋เฟิงโบกมือเก็บเจดีย์ จากนั้นร่างกายเขาก็กลายเป็นลำแสงกระบี่สายที่พุ่งไปยังเส้นขอบฟ้า!
นักพรตอวี้เหิงอยากขัดขวาง แต่เงาร่างของเจี้ยนอู๋เฟิงก็หายไปในชั่วพริบตา ความเร็วเช่นนี้ได้ทำลายความคิดที่จะไล่ตามของเขา ไม่พูดถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนอู๋เฟิง ลำพังแค่ความเร็วเขาก็เทียบไม่ได้แล้ว
“เจี้ยนอู๋เฟิง!”
นักพรตอวี้เหิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้ว่าตัวเองต้องรับผิดชอบต่อเหตุอันไม่คาดคิดในวันนี้อย่างหนัก อาจถึงขั้นถูกประมุขวังวิถีเจ็ดดาราลงโทษ แต่แน่นอนว่ายังมีคนอีกผู้หนึ่งที่หนีความรับผิดชอบไม่พ้น
เขาหันไปมองผู้อาวุโสเฟิงสิง ผู้อาวุโสเฟิงสิงตกใจและรีบคุกเข่าลงบนพื้น “ท่านทูตขอรับ ท่านทูตขอรับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยนะขอรับ”
“ก่อนหน้านี้ข้าถามเจ้าว่าจะมีใครช่วยอี้อวิ๋นหรือไม่ เจ้ารับประกันกับข้าว่าอี้อวิ๋นเพิ่งมาเมืองแสงหยกเป็นครั้งแรก ไม่มีใครช่วยเขาแน่นอน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?”
นักพรตอวี้เหิงคว้ามือจับมาที่ผู้อาวุโสเฟิงสิงเหมือนจับลูกไก่ ผู้อาวุโสเฟิงสิงตัวสั่นอย่างไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย
“เจ้าเลิกดูแลร้านประมูลเจ็ดดาราของเมืองแสงหยกเถอะ กลับไปรับโทษที่นรกเจ็ดดารากับข้าเถอะ!”
ผู้อาวุโสเฟิงสิงตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่างเมื่อได้ยินคำพูดนี้ นรกเจ็ดดาราคือสถานที่รับโทษหนักของวังวิถีเจ็ดดารา เขารู้ว่าตัวเองถึงคราวจบสิ้นแล้ว หากถูกส่งไปที่นรกเจ็ดดาราก็ต้องตายแน่นอน
เรื่องที่เกิดในวันนี้นักพรตอวี้เหิงไม่ต้องการแบกความรับผิดชอบหลัก เช่นนั้นผู้อาวุโสเฟิงสิงที่มีตำแหน่งต่ำจึงกลายเป็นแพะรับบาป
เหยียนเทียนชงหวั่นใจเมื่อเห็นผู้อาวุโสเฟิงสิงที่เมื่อวานยังฮึกเหิมและมีอำนาจในเมืองแสงหยกมาถูกนักพรตอวี้เหิงนำตัวไป เขารู้ว่าผู้อาวุโสเฟิงสิงคงมีเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี!
ผู้อาวุโสเฟิงสิงที่มีอำนาจในมือ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาให้ความเคารพยำเกรงสามส่วนกลับถูกจับเป็นนักโทษง่ายขนาดนี้ และทั้งหมดนี้ยังเกิดจากอี้อวิ๋น
ผู้อาวุโสเฟิงสิงทำหน้าที่ได้ไม่ดีในขณะที่เผชิญกับอี้อวิ๋นจึงมีจุดจบเช่นนี้
คิดถึงคำที่อี้อวิ๋นพูดกับเขาก่อนไปแล้วเหยียนเทียนชงก็ขาอ่อนและรู้สึกกดดันอย่างหนัก
……
ห่างออกไปหมื่นลี้ในเวลานี้ เจดีย์ขนาดเล็กหลังหนึ่งกลายเป็นลำแสงที่พุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง เจดีย์นี้คือที่พำนักพกพาของเจี้ยนอู๋เฟิง
เจี้ยนอู๋เฟิงกำลังนั่งขัดสมาธิ เขาควบคุมเจดีย์ไปด้วยนั่งสมาธิปรับลมหายใจไปด้วย ส่วนพวกอี้อวิ๋นกับเจี้ยนเสี่ยวซวงก็ไม่มีอะไรทำอยู่ในเจดีย์
เจี้ยนเสี่ยวซวงนั่งอยู่ตรงหน้าอี้อวิ๋นไม่ไกล ดวงตาคู่โตจ้องอี้อวิ๋นอย่างไม่กระพริบ
ในที่สุดอี้อวิ๋นก็กระแอมไออย่างทนไม่ไหวหลังจากที่ถูกจ้องมาหนึ่งเค่อเต็มๆ “แม่นางเสี่ยวซวง เจ้ามองข้าทำไมหรือ?”
“เจ้าถามว่าข้ามองเจ้าทำไม เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับอาจารย์ข้ากันแน่?”
เจี้ยนเสี่ยวซวงมองออกว่าที่ท่านอาจารย์เสี่ยงชีวิตช่วยอี้อวิ๋นก็ไม่ได้ธรรมดาแค่เพราะชื่นชมเขา สาเหตุสำคัญกว่านั้นคืออี้อวิ๋นกับเขามาจากเชื้อสายเดียวหรืออาจมากกว่านั้น นางไม่รู้เรื่องความเกี่ยวข้องนี้
อี้อวิ๋นรู้สึกสนใจที่เจี้ยนเสี่ยวซวงพูดตรงไปตรงมา เขาพูดว่า “ข้ากับสำนักกระบี่สระใสมีแหล่งกำเนิดบางอย่างเดียวกัน…”
เจี้ยนอู๋เฟิงลืมตาขึ้นมองอี้อวิ๋นเมื่อเขาพูดถึงตรงนี้
“ท่านผู้อาวุโสอู๋เฟิง ข้าน้อยเคยได้มรดกบางอย่างจากผู้อาวุโสราชาชิงหยาง เคยเห็นเจตนากระบี่ที่ท่านแสดงจากในค่ายกลบันทึกภาพ!”
คำพูดประโยคนี้ของอี้อวิ๋นทำให้ใจเจี้ยนอู๋เฟิงเต้นอย่างรุนแรง
ราชาชิงหยาง! เป็นราชาชิงหยางจริงๆ ด้วย! แม้ก่อนหน้านี้เจี้ยนอู๋เฟิงจะแน่ใจแล้วว่าอี้อวิ๋นมีความเกี่ยวข้องกับสำนักกระบี่สระใส แต่ความเกี่ยวข้องจะสืบสาวได้ถึงแค่ไหนเขากลับไม่แน่ใจ เมื่อตอนนี้มาได้ยินอี้อวิ๋นพูดเรื่องราชาชิงหยางแล้วจะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร?
ราชาชิงหยางหายตัวไปหลายสิบล้านปี ความจริงแม้แต่ศิษย์ในสำนักกระบี่สระใสก็ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของพวกเขาคือราชาชิงหยาง เพราะเป็นเวลานานมาแล้วที่ชื่อของราชาชิงหยางเป็นคำพูดต้องห้ามของแคว้นจงแห่งดินแดนสวรรค์ ชาติกำเนิดของสำนักกระบี่สระใสจึงถูกปิดบัง มีเพียงเจ้าสำนักกับผู้อาวุโสสูงสุดที่รู้เรื่องนี้
แม้แต่เจี้ยนเสี่ยวซวงก็ยังงุนงงเมื่อได้ยิน ก่อนหน้านี้นางรู้แค่ว่าสำนักกระบี่สระใสมีบรรพบุรุษที่สุดยอดมากคนหนึ่ง เมื่อตอนนี้มาเห็นท่าทีตื่นเต้นของเจี้ยนอู๋เฟิงก็พอเดาได้ว่าบรรพบุรุษท่านนี้คงจะเป็นราชาชิงหยาง
“ท่านผู้อาวุโสอู๋เฟิง ตอนนั้นราชาชิงหยางถูกศัตรูทำร้ายจึงเดินทางไปที่โลกระดับต่ำ เขาบรรลุเจตนากระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากที่นั่น แม้ระดับยุทธ์ของราชาชิงหยางจะไม่ดีเหมือนเก่า แต่หากเป็นเรื่องเจตนากระบี่แล้วก็เหนือกว่าตอนที่อยู่โลกสวรรค์เทพหยางเสียอีก ข้าน้อยเองก็เคยเห็นเจตนากระบี่นี้”
“หืม? เจตนากระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหรือ?”
เจี้ยนอู๋เฟิงตกตะลึง ตลอดชีวิตที่เขาฝึกยุทธ์มานี้ก็เพื่อไล่ตามจุดสูงสุดของกระบี่ เดิมทีมรดกของราชาชิงหยางที่สำนักกระบี่สระใสมีในครอบครองก็ไม่สมบูรณ์จนทำให้เจี้ยนอู๋เฟิงอดเสียดายไม่ได้ ตอนนี้เขากลับมาได้ยินอี้อวิ๋นพูดว่าราชาชิงหยางไปที่โลกระดับต่ำแล้วมีการพัฒนาด้านวิถีกระบี่ จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
วิถีกระบี่ไร้ขอบเขต เขารู้ว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่ได้เห็นจุดสิ้นสุด แต่อย่างไรเขาก็ต้องปีนให้ยิ่งสูง มองให้ยิ่งไกล
“ผู้อาวุโสอู๋เฟิง ข้าน้อยยินดีแสดงเจตนากระบี่สุดท้ายของราชาชิงหยางให้ดู แต่น่าเสียดายที่ข้าน้อยเลียนแบบกลิ่นอายภายในได้แค่ไม่กี่ส่วน”
“ดี! ดีมาก!” เจี้ยนอู๋เฟิงใจเต้นระรัวเมื่อได้ยินคำของอี้อวิ๋น การได้เห็นความลึกล้ำของกระบี่ที่สูงขึ้นไปอีกคือสิ่งที่ต่อให้อายุสั้นลงหมื่นปีก็ยอม
เขาไม่ได้พูดขอบคุณอะไรที่อี้อวิ๋นสามารถแสดงเจตนากระบี่ให้ดู แม้เขาจะเพิ่งเจออี้อวิ๋นเป็นวันแรกแต่ก็รู้สึกเหมือนเป็นสหายต่างวัยที่คบกันมานาน คำพูดขอบคุณจึงไม่จำเป็นอีก
“ที่พำนักนี้ไม่เหมาะให้แสดง อีกเดี๋ยวพวกเราก็ถึงสำนักกระบี่สระใสแล้ว เจ้าค่อยแสดงตอนนั้นเพื่อให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเถอะ!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น