Super God Gene 3074-3077

ตอนที่ 3074 ปล้น?


 


เฟิงเฟยเฟยมองไปที่หานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ การปฏิเสธความยั่วยวนของเงินนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เขาก็ควรจะคํานึงถึงฐานะของคนที่เป็นคนยื่นข้อเสนอด้วย


 


กงซูจินเป็นบุตรชายของกงซูบันที่มีถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะ เขามีชื่อเสียงมากๆภายในเมืองกําแพงหยก เขาไม่ใช่เก่งแค่เรื่องการต่อสู้เท่านั้น เขายังมีพรสวรรค์ในการหาชีพจรพระเจ้าของตระกูลกงซูอีกด้วย ถึงเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอาณาจักรฉิน แต่ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดาเช่นกัน


 


กงซูจินเป็นหนึ่งในมิสเตอร์ที่หาได้ยากในอาณาจักรฉิน ผู้คนมากมายต่างก็ต้องการจะผูกสัมพันธ์กับเขา


 


เฟิงเฟยเฟยไม่ค่อยชอบกงซูจินเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องการจะล่วงเกินเขา เหตุผลหลักนั้นเป็นเพราะว่าเขาเป็นมิสเตอร์ของตระกูลกงซู


 


แต่หานเซินกลับตอบปฏิเสธเขาไปในทันที นอกจากหานเซิ่นจะมีภูมิหลังที่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับกงซูจินได้ ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของกงซูจิน เขาไม่มีทางปล่อยหานเซิ่นไปง่ายๆ อย่างแน่นอน


 


เฟิงเฟยเฟยรู้จักคนที่มีอํานาจภายในเมืองกําแพงหยกทุกคน แต่เธอไม่รู้ว่าหานเซิ่นเป็นใคร นี่ทําให้เธอแปลกใจ


 


หานเซินยังคงเดินต่อไปโดยไม่สนใจกงซูจิน ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็หายตัวออกไปจากหุบเขาไนท์คลาย ดวงตาของกงซูจินนั้นดูอาฆาต แต่มันแสดงออกมาเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็กลับมาดูงดงามและอ่อนโยน


 


“ข้าอยากจะทําบางสิ่งเพื่อมิสเฟยเฟย แต่ข้าทําไม่สําเร็จ”


 


กงซูจินพูดขณะที่เดินเข้าไปหาเพิ่งเฟยเฟย “ข้ารู้สึกเสียใจและละอายจริงๆ”


 


“ไม่เป็นไรมิสเตอร์จิน ข้าแค่สนใจมันเพียงชั่วครู่ ตอนนี้ข้าไม่สนใจมันแล้ว” เชิงเฟยเฟยพูด


 


“ข้าจะส่งมิสเฟยเฟยเอง” กงซูจินขึ้นนั่งบนหลังยูนิคอร์นและทําท่าทางบอกให้เฟิงเฟยเฟยขี้นมานั่งด้วยกัน


 


“มิสเตอร์จิน ขอบคุณในความหวังดี แต่ข้าไม่อยากจะรบกวน ข้าขอเดินทางกลับด้วยตัวเอง” เฟิงเฟยเฟยโค้งคํานับก่อนที่จะกระพือปีกและบินออกไปจากหุบเขา


 


เห็นได้ชัดว่าเฟิงเฟยเฟยไม่ต้องการจะไปกับเขา ถึงอย่างนั้นกงซูจินก็ยังจําเป็นต้องทําตัวเป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้นเขาไม่สามารถบังคับเธอได้ เขามองดูเพิ่งเฟยเฟยจากไปด้วยความโกรธ เขาพูดขึ้นว่า


 


“เฟิงเฟยเฟย ข้าจะทําให้เจ้าเสียใจ”


 


หลังจากที่หานเซิ่นออกมาจากหุบเขาไนท์คลาย เขาก็เดินทางกลับไปที่เครื่องเทเลพอร์ต


 


ก่อนหน้านี้ในตอนที่กงซูจินบอกราคากับเขา เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ถ้าเขารู้ว่ามันจะมีคนยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ขนาดนั้น เขาก็คงจะไม่เปลี่ยนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ให้กลายเป็นไข่ยืน


 


ยังไงซะหานเซิ่นที่ต้องการจะขายมันอยู่แล้ว ไม่สําคัญว่าเขาจะขายมันให้กับใคร ถ้ามีคนต้องการจะซื้อมันด้วยราคาที่สูง หานเซิ่นก็ยินดีจะขายมัน แต่น่าเสียดายที่แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นั้นถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นไข่ยนไปแล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาไม่สามารถขายมันทั้งๆอย่างนั้นได้


 


ก่อนที่หานเซิ่นจะกลับไปถึงเครื่องเทเลพอร์ต เขาก็เห็นเงาของใครบางคนฉีกมิติอวกาศมาปรากฏตรงหน้าของเขา คนๆนั้นก็คือผู้หญิงที่เขาพบในหุบเขาในท์คลาย เฟิงเฟยเฟย


 


“เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรอ? ถ้าเจ้ามาเพื่อแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ล่ะก็ มันก็ไม่มีความจําเป็นที่พวกเราต้องพูดคุยอะไรกัน” หานเซิ่นถาม


 


เฟิงเฟยเฟยส่ายหัว “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ เจ้ารู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”


 


“ไม่” หานเซิ่นพูด


 


“เป็นแบบนี้นี่เอง” เฟิงเฟยเฟยยิ้มแห้งๆ


 


“เขาเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของเมืองกําแพงหยก ชื่อของเขาคือกงซูจิน พ่อของเขาคือกงซูบัน ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เจ้าเพิ่งจะเสียมารยาทกับเขา เขาคงจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่”


 


เรื่องทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากเฟิงเฟยเฟย เธอไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะเธอ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงมาเพื่อเตือนหานเซิ่น


 


“ขอบคุณที่เตือน แต่ถ้าเจ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน” หานเซิ่นพูด


 


“เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรอ?” เฟิงเฟยเฟยรู้สึกประหลาดใจกับความใจเย็นของหานเซิ่น เธอคิดว่าหานเซิ่นคงจะไม่เชื่อที่เธอพูด


 


เฟิงเฟยเฟยลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่หลังจากนั้นเธอก็ถอดผ้าคลุมหน้าออกและเผยใบหน้าที่งดงามของเธอ เธอถอยหายใจและพูดขึ้น


 


“ข้าไม่ได้โกหกกับเจ้า ถ้าเจ้าเชื่อข้า ข้ามีไอเดียที่จะช่วยเหลือเจ้าได้”


 


“ขอบคุณในความหวังดี แต่มันไม่มีความจําเป็น” หานเซิ่นพูดขอบคุณและเดินจากไป


 


เฟิงเฟยเฟยมองหานเซิ่นเดินจากไปด้วยความแปลกใจ เธอถอดผ้าคลุมหน้าออก แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับเรื่องนั้น


 


“เขาไม่รู้จักเราอย่างนั้นหรอ?” เฟิงเฟยเฟยมองไปทางหานเซิ่นด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อน แต่ทว่าเธอไม่ได้ไล่ตามเขาไป


 


เธอทําเท่าที่ทําได้แล้ว ถ้าหานเซิ่นเจอกับปัญหา มันก็ไม่เกี่ยงข้องอะไรกับเธออีก


 


เฟิงเฟยเฟยเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ใช่แค่กลับผู้คนในอาณาจักรฉิน แม้แต่ผู้คนในอาณาจักรอื่นก็รู้จักเธอ ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นเธอตัวเป็นๆ แต่พวกเขาก็ต้องเคยเห็นเธอภายในอินเตอร์เน็ต


 


เฟิงเฟยเฟยคิดว่าหานเซิ่นนั้นอาจจะแสแสร้งทําเป็นว่าเขาไม่รู้จักเธอเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แต่หานเซิ่นไม่รู้จริงๆว่าเฟิงเฟยเฟยเป็นใคร เขาเพิ่งมาถึงโลกนี้ได้ไม่นาน เขาไม่มีเวลาจะมาให้ความสนใจกับดาราของที่นี้


 


ส่วนคําเตือนของเฟิงเฟยเฟย หานเซิ่นเชื่อ แต่กงซูจินแค่คนเดียวนั้นไม่คู่ควรต่อความสนใจของเขา


 


“มิสเตอร์หยาง ร้านขายของออนไลน์เป็นยังไงบ้าง?” หานเซิ่นกลับไปยังที่อยู่อาศัยและถามความคืบหน้าจากมิสเตอร์หยาง


 


“ข้าได้จัดเตรียมการทุกอย่างที่นายท่านสั่งเอาไว้แล้ว นายท่านจะเริ่มขายเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ


 


มิสเตอร์หยางมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆขณะที่ถามขึ้นว่า “ว่าแต่นายท่านจะใช้ชื่อนี้จริงๆ อย่างนั้นหรอ?”


 


“ใช่” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


หานเซิ่นไม่เก่งเรื่องการตั้งชื่อ ชื่อร้ายขายของออนไลน์ของเขาจึงเรียกว่า “ร้านขายของ” ในความคิดของมิสเตอร์หยาง ชื่อนี่เป็นชื่อที่ธรรมดาและไม่สะดุดตาอะไร ชื่อร้านนั้นควรจะเป็นอะไร ที่ฟังดูมีอํานาจแต่ในเมื่อหานเซิ่นเลือกชื่อนี้ เขาก็ไม่คิดจะคัดค้าน


 


“มิสเตอร์หยาง เดี๋ยวเจ้าช่วยเอาของพวกนี้ไปวางขายให้ข้าที พวกเราจะมีกินมีใช้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการขายของพวกนี้”


 


หานเซิ่นพูดด้วยความตื่นเต้น เขาเคยเป็นใหญ่ในโลก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดร้ายขายของ


 


มิสเตอร์หยางมีรอยยิ้มแห้งๆ เขาและหลี่ปิงหยูรู้สึกเหมือนกัน พวกเขาไม่คิดว่าการเปิดร้านขายของออนไลน์นั้นเป็นไอเดียที่ดี


 


แต่เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นตื่นเต้นที่จะได้เปิดร้านเป็นของตัวเอง เขาก็ไม่คิดจะห้ามหานเช่น เขาถามขึ้นว่า “นายท่านคิดจะขายอะไรอย่างนั้นหรอ?”


 


หลี่ปิงหยูที่อยู่ใกล้ๆหันมามองที่หานเซิ่น เธอเองก็อยากรู้ว่าหานเซิ่นหวังที่จะขายอะไร


 


“ข้าเดินทางไปที่ดาวคู่หย่างและโชคดีไปพบไข่ยืนเข้า พวกมันระดับไม่สูงมากนัก แต่มันควรจะทําให้พวกเรามีกินมีใช้ไปสักพัก มิสเตอร์หยางช่วยดูให้ข้าหน่อยว่าควรจะขายพวกมันในราคาเท่าไหร่?” หานเซิ่นพูดพร้อมกับเอาไข่ยื่นออกมาให้มิสเตอร์หยางดู


 


มิสเตอร์หยางไม่คิดว่าหานเซิ่นจะได้ไข่ยืนกลับมาจากการเดินทางแค่สองวัน เขาหยิบไข่ยืนใบหนึ่งขึ้นมาดูและพูดขึ้นว่า


 


“นายท่าน นายท่านโชคดีมากๆ นี้เป็นไข่ของตุ๊กแกพิษระดับไวเคานต์มันมีวิชาประสานยืนที่อกซิกสเปรย์ที่ถือว่ามีพลังค่อนข้างสูงในบรรดาระดับไวเคานต์ด้วยกัน นายท่านขายมันได้หลายพันฉิน”


 


“แล้วไข่ยีนนี่ล่ะ?” หานเซิ่นนำไข่ยืนอีกใบออกมาให้มิสเตอร์หยางดู


 


“นี่คือ…ไข่ยีนของแมลงแปดเสียง… นายท่านโชคดีมากจริงๆ ถึงแม้ไข่ยีนของแมลงแปดเสียง จะเป็นแค่ระดับไวเคานต์เหมือนกัน แต่ราคาของมันสูงยิ่งกว่าไข่ยีนของตุ๊กแกพิษเสียอีก นายท่านจะขายไข่ยีนนี้ได้ในราคาหลักหมื่น ส่วนนายท่านควรจะขายมันในราคาเท่าไหร่นั้น ข้าจําเป็นต้องทําการวิจัยตลาดอย่างละเอียดอีกที” มิสเตอร์หยางรู้สึกแปลกใจ


 


“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เอาพวกมันไปขายหมดนี้เลย” หานเซิ่นเอาไข่ยีนแมลงแปดเสียงออกมามอบให้กับมิสเตอร์หยางหลายสิบใบ


 


มิสเตอร์หยางมองไข่ยนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมา


 


หลังจากผ่านไปสักพัก มิสเตอร์หยางก็ถามขึ้นว่า “นายท่าน นี่นายท่านไปปล้นคนอื่นมาอย่างนั้นหรอ?”


ตอนที่ 3075 สมบัติในกล่อง


 


“ปล้น? ข้าจะไปปล้นไข่ยีนพวกนี้มาจากที่ไหนได้?”


 


หลังจากที่พูดจบ หานเซิ่นก็เอาไข่ยืนสีเงินของแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ออกมาและโยนมันไปให้กับมิสเตอร์หยาง


 


มิสเตอร์หยางรับมันเอาไว้ในตอนที่เขาก้มลงไปมองสิ่งที่อยู่ในมือ ดวงตาของเขาก็เกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า “นายท่าน นายท่านขุดไข่นี้ขึ้นมาจริงๆอย่างนั้นหรอ?”


 


หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว มันดูเหมือนว่าข้าฝึกพวกมันออกมาด้วยตัวเองหรือยังไง?”


 


มิสเตอร์หยางไม่อยากจะเชื่อ หานเซิ่นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับวิธีการหาชีพจรพระเจ้า เขาแค่ไปที่ดาวกู่หย่างเพื่อขุดแบบสุ่มๆ แต่เขากลับพบไข่ยีนของแมลงแปดเสียงเป็นสิบใบ นอกจากนั้นหนึ่งในพวกมันยังเป็นไข่ของแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์อีกด้วย นั่นเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ มันเป็นปาฏิหาริย์อย่างที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ถ้าทุกคนโชคดีเหมือนกับหานเซิ่น มิสเตอร์ทุกคนในจักรวาลก็คงจะอดตายกันหมด นี่เป็นครั้งแรกที่มิสเตอร์หยางสงสัยในวิชาชีพของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี


 


หลี่ปิงหยูเองก็ไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะขุดไข่ยืนของแมลงแปดเสียงขึ้นมาได้ เธอคิด “เขาต้องติดต่อกับฉันไปแน่ๆ ดูเหมือนว่าโอกาสของเราจะมาถึงในอีกไม่ช้า”


 


“มิสเตอร์หยาง ข้าจะมอบไข่ยืนพวกนี้ให้กับเจ้า ขายมันในราคาดีๆ ชีวิตของพวกเราขึ้นอยู่กับพวกมัน” หานเซิ่นพูดกับมิสเตอร์หยาง


 


“นายท่าน นายท่านไม่ควรขายไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นี่”


 


มิสเตอร์หยางพูด “นายท่านแค่ขายไข่ยืนของแมลงแปดเสียงธรรมดาก็พอ ไข่ยีนกลายพันธุ์นี้ ควรเก็บเอาไว้ในฐานะไฮไลท์ของร้าน มันจะช่วยดึงดูดผู้คนให้มาที่ร้านของพวกเรา”


 


“เจ้าทําตามที่เห็นสมควรได้เลย” จริงๆแล้วหานเซิ่นไม่ได้สนใจในเงินตรา เขาแค่จําเป็นต้องมีเงินมากพอที่จะอาศัยอยู่ในเมืองกําแพงหยก


 


“ร่างกายของฉันหว่านเอ๋อถูกซ่อนอยู่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นพยายามมองดูแผนที่ของเมือง แต่เมืองกําแพงหยกนั้นมีขนาดใหญ่โตเกินไป มันยากที่จะหาสถานที่ลึกลับที่ไป๋ม่อพูดถึงได้


 


หานเซิ่นสั่งซื้อถุงเลือดยืนเรซแช่แข็งจํานวนมากมาจากอินเตอร์เนต พวกมันเป็นของยีนเรซระดับต่ำ ดังนั้นราคาพวกมันจึงไม่ได้สูงมากนัก


 


ด้วยระบบขนส่งแบบเทเลพอร์ต ถึงแม้ของที่สั่งจะอยู่ห่างไกลออกไปหลายระบบจักรวาล พวกเขาก็สามารถส่งมาที่สถานีเทเลพอร์ตที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ชั่วพริบตา


 


หานเซิ่นจึงได้รับเลือดของยีนเรซในเวลาเพียงไม่นาน หลังจากนั้นเขาก็ล็อคตัวเองอยู่ในห้อง


 


หานเซิ่นวางกล่องหินที่ได้มาจากหุบเขาไนท์ครายลงในอ่างน้ำ ก่อนที่จะเทเลือดในถุงลงไป บนกล่องหินในตอนที่เลือดสัมผัสกับกล่องหิน สัญลักษณ์ประหลาดบนกล่องก็เรืองแสงขึ้นมา พวกมันปลดปล่อยแสงเย็นที่มีพลังในการทําให้สิ่งต่างๆกลายเป็นหินออกมา


 


อะไรก็ตามที่ถูกแสงเย็นสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นโลหะหรือเนื้อหนังจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหิน แม้แต่เสื้อผ้าของหานเซิ่นก็กลายเป็นหินไปด้วย


 


แต่แสงนั้นไม่สามารถทําอะไรกับร่างกายของหานเซิ่นได้ มันแค่ทําให้หานเซิ่นรู้สึกเย็นเล็กน้อยเท่านั้น ผิวหนังและเส้นผมของเขาสามารถหลีกเลี่ยงจากการถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหินได้


 


ราวกับว่าลวดลายบนกล่องหินสามารถดูดเลือดเข้าไป ไม่ว่าหานเซิ่นจะเทเลือดในถุงไปบนกล่องหินมากเท่าไหร่ เลือดก็จะหายไปจนหมด


 


หานเซิ่นเทถุงเลือดลงไปบนกล่องหลายต่อหลายถุง และลวดลายบนกล่องหินก็ ดูเข้มขึ้นเรื่อยๆ แสงเย็นที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นก็ดูจะรุนแรงขึ้นเช่นกัน ในตอนที่หานเซิ่นเหลือถุงเลือดเพียงแค่ถุงเดียว เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนกับการปลดล็อคแม่กุญแจดังขึ้น


 


“ในกล่องนี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่?” หานเซิ่นรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาเปิดผากล่องออกและตกใจกับสิ่งที่อยู่ข้างใน


 


สิ่งที่บรรจุอยู่ในกล่องนั้นเป็นหินทรงกลมที่มีรูปร่างเหมือนกับไข่ มันมีปากอยู่ด้านบนและด้านข้างมีรูอยู่หกรู ทั้งก้อนหินนั้นมีสีเทา โดยรวมแล้วมันดูเหมือนกับซุน


 


ซุนเป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง และมันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไรสําหรับหานเซิ่น เซียงหยินที่เป็นหนึ่งในขุนพลของจอมมารนั้นเคยสอนวิธีการเป่าซุนให้กับเขา


 


น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่เก่งเรื่องดนตรี เขาพยายามเรียนรู้มันอยู่สักพัก แต่เขาก็ทําไม่สําเร็จ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้แตะต้องมันอีก


 


ในตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นซุนอีกครั้ง มันก็ทําให้เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย หลังจากที่เซียงหยินวิวัฒนาการไปสู่ก็อตแซงชัวร์เขต 4 เขาก็พยายามจะตามหาเธอ แต่เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นทําให้หานเซิ่นรู้สึกแย่


 


แสงเย็นของกล่องหินนั้นได้หายไปแล้ว หานเซิ่นยื่นมือออกไปสัมผัสซุนที่อยู่ในกล่อง ก่อนที่จะถอนหายใจ “พี่สาวเซียงหยิน พี่ไปอยู่ที่ไหนกัน?”


 


บนผิวของซุนนั้นไม่ได้มีลวดลายอะไร และหินที่ใช้ทํามันก็ดูหยาบกระด้างและไม่งดงาม เลยสักนิดเดียว มันดูเหมือนกับบางสิ่งที่มาจากสมัยโบราณกาล


 


หานเซิ่นค้นกล่องหินจนทั่ว แต่นอกจากชุนแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่อีก


 


“กล่องหินนี้เป็นอะไรที่แปลกประหลาด ดังนั้นอะไรก็ตามที่อยู่ภายในไม่มีทางเป็นบางสิ่งที่ธรรมดาๆไปได้”


 


หานเซิ่นพยายามพลิกซ้ายพลิกขวา แต่ไม่ว่าเขาจะมองดูจากด้านไหน มันก็ดูไม่มีอะไรพิเศษ


หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็ตัดสินใจยกมันขึ้นมาที่ปากของเขาและพยายามจะเป่ามัน เขาต้องการดูว่าซุนหินนี่จะมีพลังพิเศษอะไรหรือเปล่า


 


แต่ในตอนที่หานเซิ่นเป่ามัน ซุนก็ไม่ได้ส่งเสียงดนตรีใดๆออกมา นอกจากเสียงเป่าของหานเซิ่นแล้ว มันไม่มีเสียงอะไรอีก


 


“แปลกจริงๆ ทําไมมันถึงไม่มีเสียงดังออกมา?”


 


หานเซิ่นมองไปที่ซุนด้วยความตกใจ เขาตรวจเช็คมันอยู่สักพัก แต่เขาก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ ซุนหินไม่ได้เสียหายอะไร และรูของมันก็ไม่ได้มีอะไรมาอุดตัน ด้วยเหตุนั้นความจริงที่มันไม่สร้างเสียงใดๆขึ้นมาจึงเป็นอะไรที่แปลก


 


เขายกซุนขึ้นมาที่ปากอีกครั้ง ครั้งนี้หานเซิ่นใช้คัมภีร์นภาอําพันและใส่พลังเข้าไปในลมหายใจ


 


มีเสียงดนตรีดังออกมาจากซุน หานเซิ่นลองเคลื่อนไหวนิ้วมือเพื่อสร้างโทนเสียงต่างๆ


 


แต่หลังจากที่ขยับนิ้ว หานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ารูของซุนนั้นเริ่มจะมีควันลอยออกมา ควันรวมตัวกันในอากาศและเปลี่ยนเป็นเมฆสีขาว


 


“นี่คืออะไร?” หานเซิ่นหยุดเป่าซุนและมองไปที่เมฆสีขาวในอากาศ มันดูเหมือนกับเมฆของซุนหงอคง


 


หลังจากนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดังมาจากก้อนเมฆ มันเป็นเสียงที่ไม่ได้เบามาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ฟังได้ยาก มันฟังดูเหมือนกับเสียงพึมพําของผู้หญิง มันเหมือนกับว่านางนั้นกําลังสวดมนต์อยู่


 


“ใครอยู่ในนั้น?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว หลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ เขาก็ลองชกใส่ก้อนเมฆหมัดของเขาทะลุผ่านก้อนเมฆไป และทําให้ก้อนเมฆสลายไปพร้อมกับเสียงนั้น


 


“สิ่งนี้คืออะไรกัน?” หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขาหยิบซุนขึ้นมาและเริ่มเป่ามันอีกครั้ง รูของซุนเริ่ม จะปล่อยควันออกมาเพื่อก่อตัวเป็นเมฆก้อนใหม่


 


หานเซิ่นพยายามจะเอนหูไปข้างหน้าเพื่อฟังให้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้ยินแค่เสียงพี่มทําที่ฟังไม่รู้เรื่องดังออกมาจากก้อนเมฆ มันฟังดูเหมือนกับว่าเสียงนั้นทั้งใกล้และไกล มันเป็นอะไรที่ไม่เสถียร


 


หานเซิ่นพยายามตั้งใจฟัง และจู่ๆสีหน้าของเขาก็ดูตกใจเหมือนกับว่าเขาได้ยินบางสิ่งที่น่าตกใจ แต่ก้อนเมฆนั้นสลายไปซะก่อน


 


เขารีบหยิบซุนขึ้นมาและเปาก้อนเมฆออกมาอีกก้อน ครั้งนี้หานเซิ่นตั้งใจฟังยิ่งกว่าเดิม หลังจากฟังอยู่สักพักสีหน้าของเขาก็ดูตกใจยิ่งกว่าเดิม


ตอนที่ 3076 ขุนนางมากมายอยู่ใต้เท้าขององค์


 


เสียงที่ดังมาจากก้อนเมฆนั้นเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นเคยได้ยินมาก่อน พวกมันเป็นเสียงเดียวกันกับที่ดังออกมาจากประตูทองของโกลเด้นโกรวเลอร์


 


ไม่มีใครรู้ว่าในประตูทองนั่นไปมีอะไรอยู่ ใครก็ตามที่ถูกดึงเข้าไปข้างในมักจะต้องตาย มันไม่เคยมีใครกลับออกมาหลังจากที่ถูกดึงเข้าไปในประตูทอง


 


ในตอนที่หานเซิ่นยืนอยู่ต่อหน้าประตูทอง เขาจะได้ยินเสียงประหลาดมันฟังดูเหมือนกับเสียงสวดมนต์ แต่เนื่องจากหานเซิ่นไม่เคยเข้าไปในประตูมันจึงเป็นบางสิ่งที่ไม่ชัดเจน


 


ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นพยายามนึกถึงมัน เสียงจากประตูทองก็ฟังดูเหมือนกับเสียงที่ออกมา จากก้อนเมฆนี้หานเซิ่นแค่ยังไม่เข้าใจความหมายของเสียง


 


ผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นรักการช้อปปิ้ง แม้แต่สามนักร้องที่โด่งดังที่สุดเองก็เช่นกัน ซึ่งนั่นรวมถึงเฟิงเฟยเฟย ขณะนี้เธอกําลังอยู่ระหว่างการค้นหาสินค้าภายในชุมชนเสมือน แต่เธอแตกต่างไป จากผู้หญิงทั่วๆไป เธอไม่ได้ต้องการจะซื้อเครื่องสําอาง เธอกําลังพยายามค้นหาแมลงแปดเสียง


 


เธอไม่ได้รับแมลงแปดเสียงจากการไปที่หุบเขาไนท์คราย และเธอก็ขี้เกียจจะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงคิดจะซื้อแมลงแปดเสียงจากอินเตอร์เน็ตแทน เธอต้องการจะสร้างยาที่ช่วยบํารุงคอของเธอ


 


เธอทําการค้นหาแมลงแปดเสียงโดยจัดเรียงจากราคาสูงสุดไปต่ำสุด เฟิงเฟยเฟยไม่สนใจว่า มันจะราคาเท่าไหร่ เธอต้องการแค่ของที่ดีที่สุดเท่านั้น


 


ในตอนที่รายชื่อสินค้นเสมือนแต่ละชิ้นปรากฏขึ้นมาตรงหน้า สินค้าชิ้นแรกสุดก็ทําให้ เธอต้องตกใจ


 


“ไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์? ของจริงหรอเนี่ย?”


 


เฟิงเฟยเฟยรีบคลิกดูสิ้นค้า และรูปโฮโลแกรมของไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ก็ปรากฏขึ้นมา


 


“มันเป็นไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์จริงๆด้วย!” เฟิงเฟยเฟยรู้สึกดีใจอย่างมาก ภายในชุมชนเสมือนสินค้าที่ถูกนํามาวางขายนั้นจะต้องผ่านการสแกนเพื่อพิสูจน์ว่าสินค้านั้นๆเป็นของจริง


 


แต่ในตอนที่เฟิงเฟยเฟยเห็นราคาของมัน เธอก็ต้องขมวดคิ้ว ราคาที่ถูกตั้งเอาไว้นั้นเป็นราคาสูงสุด ซึ่งก็คือ 9,999,999 ฉิน


 


ไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นั้นเป็นอะไรที่หายากมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นแค่ยืนเรซ ระดับเอิร์ลอยู่ดีด้วยเหตุนั้นไม่ว่าจะดูยังไง ราคาที่ตั้งเอาไว้ก็สูงเกินไป เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร้านไม่ได้มีเจตนาที่จะขายมัน


 


“คุณเจ้าของร้าน คุณจะขายไข่ยีนกลายพันธุ์แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นี้ยังไง?” เฟิงเฟยเฟย ติดต่อไปหาคนที่รับผิดชอบร้าน


 


“เรียนคุณลูกค้า ร้านค้าของเราขายสินค้าตามราคาที่ถูกตั้งเอาไว้ ตราบใดที่สินค้ายังไม่หมด คุณลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าได้ทุกเมื่อ ทางเราจะทําการส่งสินค้าภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าสินค้าไม่ไปถึงมือคุณลูกค้าภายในเวลานั้น ทางเรายินดีจะจ่ายเงินคืนให้เป็นสองเท่า”


 


คนรับหน้าที่ติดต่อกับลูกค้านั้นไม่ใช่มิสเตอร์หยาง แต่เป็นเพียงชื่อ เธอตั้งใจทํางานอย่างมาก ถึงแม้เธอจะได้รับคําบ่นจากคนที่ติดต่อเข้ามา เธอก็ไม่เคยรู้สึกโกรธแต่อย่างใด


 


เจียงซื่อและโยวโยวเคยเป็นทาสมาก่อน ตอนนี้เมื่อพวกเธอได้มาติดตามหานเซิ่น เขาก็ไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเธอเหมือนกับทาส เจียงซื่อรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากในเรื่องนั้น เธอจึงพยายามทํางานที่หานเซิ่นบอกให้ทําอย่างเต็มที่


 


“ข้าต้องการจะซื้อมันจริงๆ ดังนั้นบอกว่าพวกคุณจะขายมันในราคาเท่าไหร่” เฟิงเฟยเฟยพูด


 


“เรียนคุณลูกค้า ทางเราจะไม่ขายมันในราคาที่ต่ํากว่านี้” เจียงซื่อพูด


 


“นั่นคือราคาที่ต่ําที่สุดแล้ว ถ้าคุณลูกค้าไม่ถูกใจราคา คุณลูกค้าลองดูสินค้าอื่นในภายร้าน นอกจากไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์แล้ว ในร้านของเรายังมีไข่ยีนแมลงแปดเสียงระดับไวเคานต์วางขาย พวกมันมีคุณภาพดีและราคาไม่แพง


 


คําพูดเหล่านี้เป็นสิ่งที่มิสเตอร์หยางสอนให้กับเจียงซื่อ และเธอก็พูดพวกมันออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว


 


เฟิงเฟยเฟยมองไปรอบๆ และเห็นว่าร้านค้าขายไข่ยีนของแมลงแปดเสียงธรรมดาด้วยเช่นกัน แต่ด้วยฐานะของเธอ ไข่ยีนของแมลงแปดเสียงธรรมดาจึงไม่ถูกใจเธอ


 


“ถ้าคุณเกิดต้องการจะขายมันขึ้นมา คุณช่วยติดต่อมาหาฉันได้ไหม?” เฟิงเฟยเฟยพูดก่อนที่จะจากไป


 


เฟิงเฟยเฟยรู้สึกหดหูเล็กน้อย เธอไม่ได้ต้องการจะซื้อไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์มาใช้เอง แต่เธอต้องการจะมอบมันเป็นของขวัญให้กับหลานสาวของเธอ


 


ถึงแม้เฟิงเฟยเฟยจะมียีนเรซธาตุเสียงที่ดีกว่าอยู่ แต่ระดับของพวกมันสูงเกินไป หลานสาวของเธอยังเด็ก เธอยังไม่สามารถรวมร่างกับยืนเรซที่มีระดับสูงได้


 


ส่วนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นั้นระดับไม่สูงมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นแค่ไข่ยีน ถ้ามันฟักตัวออกมา มันจะเป็นแค่ยืนเรซวัยเยาว์ ดังนั้นมันจึงเหมาะสมกับเด็ก และในตอนที่แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์เติบโตขึ้นมาจนกลายเป็นร่างสุดยอด มันจะช่วยพัฒนาเสียงของคนๆนั้นอย่างมาก มันดียิ่งกว่ายืนเรชระดับมาร์ควิสหรือดยุกซะอีก


 


“น่าเสียดายที่เจ้าของร้านไม่มีเจตนาที่จะขายมัน” เฟิงเฟยเฟยมองไปที่ชื่อของร้านและ สังเกตเห็นว่าร้านๆนั้นมีชื่อว่า “ร้านค้า


 


ภายในคฤหาสน์ของตระกูลกงซู คนงานคนหนึ่งเข้าไปในห้องกงซูจินและโค้งคํานับก่อนที่จะพูดว่า


 


“นายน้อย ข้อมูลที่นายน้อยให้ข้าไปตรวจสอบอยู่นี่แล้ว”


หลังจากนั้นคนงานก็เอาไฟล์ข้อมูลที่ออกมาวางลงตรงหน้ากงซูจิน


 


“ดีมาก” กงซูจินมองดูข้อมูลและพูดขึ้นว่า


 


“เจ้าคนบ้านนอกนั้นมาจากเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตอย่างนั้นหรอ? เขาไม่มีภูมิหลัง แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับกล้าดูถูกข้าอย่างนั้นหรอ? ข้าคงจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่เข้าใจว่าการที่ขุนนางมากมายอยู่ใต้เท้าขององค์ชายคนหนึ่งนั้นมันหมายความว่ายังไง?”


 


“นายน้อย คนอย่างเขาไม่คู่ควรให้นายน้อยต้องลงมือเอง นายน้อยแค่ส่งใครสักคนไปก็เพียงพอแล้ว” คนงานโค้งคํานับและพูดแนะนํา


 


“เจ้าพูดถูก” กงซูจินพูด “ข้าจะให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ จําเอาไว้ว่าเจ้าต้องนําร่างของแมลงแปด เสียงกลายพันธุ์กลับมาในสภาพสมบูรณ์ มันจะถึงวันเกิดของคุณเฟยเฟยในอีกไม่กี่วัน ข้าจ มอบมันเป็นของขวัญให้กับนาง”


 


“ นายน้อยไม่ต้องกังวล ข้าจะทําเรื่องทั้งหมดนี้อย่างลับๆ” โหลวจิ๋วพูดด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


“นายท่าน ไข่ยีนของแมลงแปดเสียงห้าใบถูกขายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ละใบขายได้ในราคาสามหมื่นห้าพันฉิน และมีผู้คนเป็นจํานวนมากที่พยายามจะถามราคาของไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์” มิสเตอร์หยางรายงานผลลัพธ์ด้วยความดีใจ


 


ร้านของพวกเขาเพิ่งจะเปิดทําการได้เพียงแค่วันเดียว แต่พวกเขาก็ขายไข่ยีนได้เงินเป็นจํานวนมากแล้ว มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกดีใจ


 


“ทําได้ดีมาก” หานเซิ่นพยักหน้า เงินที่ได้จากการขายไข่ยีนถือว่าไม่ใช่จํานวนน้อยๆสําหรับมิสเตอร์หยาง แต่มันไม่ได้มีความหมายอะไรสําหรับหานเซิ่น จริงๆแล้วเขาไม่ได้สนใจอะไรมัน 


 


“อีกเรื่องหนึ่ง นี่นายท่านได้ยินเกี่ยวกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกับเมืองกําแพงหยกไหม?” มิสเตอร์หยางถาม


 


หานเซิ่นมองไปที่มิสเตอร์หยางและถาม “เรื่องประหลาดอะไร?”


 


มิสเตอร์หยางพูด “ในวันที่เจ็ดของเดือนก่อน มันเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นภายในเมืองกําแพงหยก วิหารอัลฟาของราชวงศ์ฉินนั้นถูกทําลายไป คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ามันมีลําแสงสีทองพุ่งจากวิหารขึ้นไปสู่อวกาศ


 


ที่มิสเตอร์หยางนําเรื่องนี้มาบอกกับหานเซิ่น ก็เพราะว่าในวันที่เจ็ดของเดือนก่อนเป็นวันที่เขากับมิสเตอร์เหมิงขุดไข่ยืนของหานเซิ่นขึ้นมา เขาจึงคิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างเหตุการณ์ทั้งสอง


 


“มันมีเรื่องแบบนั้นด้วยอย่างนั้นหรอ? ว่าแต่การที่แผ่นดินไหวและทําให้สิ่งก่อสร้างพังทลายมันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือยังไง?” หานเซิ่นถาม


 


“แผ่นดินไหวถือเป็นเรื่องปกติสําหรับเมืองอื่น แต่เมืองกําแพงหยกนั้นเป็นสถานีอวกาศที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือคนแบบนั้นมันจะเกิดแผ่นดินไหวได้ยังไง?” มิสเตอร์หยางพูด


 


หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นถามขึ้นว่า “วิหารอัลฟ่าของราชวงศ์ฉินนั่นอยู่ที่ไหนกัน?”


 


“คนปกติไปที่นั่นไม่ได้” มิสเตอร์หยางรีบตอบ


 


“มันมียอดฝีมือหลายคนที่คอยเฝ้าที่นั้นเอาไว้ โดยปกติแล้วมีเพียงแค่สมาชิกของราชวงศ์ที่จะไปที่นั่นเพื่อทําการสักการะบูชาในงานพิธีต่างๆ”


ตอนที่ 3077 การแข่งขันยีนที่น่ากลัว


 


หลังจากที่ได้ยินว่ามีเรื่องแบบนั้นอยู่ด้วย หานเซิ่นก็ตัดสินใจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ มิสเตอร์หยางนั้นไม่ได้รู้อะไรมาก เขาบอกกับหานเซิ่นเกี่ยวกับข้อมูลทั่วๆไปเพียงเท่านั้น


 


ถึงแม้งานพิธีกรรมจะถูกจัดขึ้นที่วิหารของราชวงศ์ทุกปี แต่คนปกตินั้นไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็ทําได้แค่ถ่ายภาพเหตุการณ์จากระยะไกล ด้วยเหตุนั้นมันจึงพอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับวิหารของราชวงศ์อยู่บ้างในอินเตอร์เน็ต


 


หานเซิ่นทําการค้นหาข้อมูลอยู่สักพักและได้รู้เกี่ยวกับตําแหน่งที่ตั้งของวิหารอัลฟาของราชวงศ์ฉิน เขายังได้รู้อีกว่าวิหารนั้นมีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นยังไง


 


“ทําไมวิหารนี้ถึงได้ดูเหมือนกับวิหารโลหะที่ไท่อีซ่อมแซม?” หานเซิ่นมองไปที่วิหารในภาพวิดีโอด้วยความแปลกใจ


 


นอกจากที่ภายนอกของวิหารนี้จะดูเก่ากว่าแล้ว รูปลักษณ์ของวิหารอัลฟ่าของราชวงศ์ฉินนั้น ดูเหมือนกับวิหารโลหะไม่มีผิด แต่ที่ด้านหน้าของวิหารถูกเขียนเอาไว้ว่า “วิหารอัลฟาฉิน” แทนที่จะเป็น “วิหารโลหะ”


 


หานเซิ่นตัดสินใจจะไปดูวิหารนั่นด้วยตัวของเขาเอง เพราะยังไงซะถ้าเขาต้องการจะเข้าไปใน วิหาร เขาก็ต้องสอดแนมให้ดีก่อน


 


สภาพของวิหารในตอนนี้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน มันมีหลายจุดของวิหารที่พังทลายลงมาด้วยเหตุนั้นการที่วิหารมีขนาดใหญ่โต ถึงแม้วิหารนั้นจะมียามรักษาการณ์เฝ้าอย่างแน่นหนา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะคุ้มกันวิหารได้อย่างทั่วถึง


 


หานเซิ่นไม่กล้าจะเข้าไปใกล้มากจนเกินไป เขาเพียงแค่เดินไปรอบๆวิหารเพื่อหาว่ามันมีหนทางที่จะแอบเข้าไปได้ไหม แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ต้องขมวดคิ้ว


 


การป้องกันวิหารนั้นแน่นหนากว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้ มันมีเครื่องมือต่างๆติดตั้งเอาไว้ทั่ววิหาร ด้วยเหตุนั้นการที่เขาไม่สามารถใช้วิชาจีโนได้ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแอบเข้าไปในวิหารโดยที่ไม่ทําให้คนอื่นรู้ตัว


หานเซิ่นไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งที่อยู่ภายในวิหารกําลังเรียกหาเขา มันเรียกให้เขาเข้าไปข้างใน


 


แต่น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปในวิหาร เขาจําเป็นต้องคิดหาทางอื่น


 


ในระหว่างที่เดินทางกลับไปยังที่พัก หานเซิ่นก็เห็นอาหารว่างที่ดูน่าอร่อย เขามองดูเวลาและสังเกตเห็นว่ามันใกล้จะถึงเวลาทานอาหารกลางวันแล้ว ดังนั้นเขาจึงซื้อพวกมันกลับไปด้วย


 


ในตอนที่เขากลับมาถึงที่พัก หานเซิ่นก็เรียกมิสเตอร์หยา งเจียงปู้กู่และคนอื่นๆให้มากินอาหารด้วยกัน ดูเหมือนว่ามีเพียงแค่หลี่ปิงหยูที่ไม่อยู่ พวกเขาห้าคนนั่งรอบโต๊ะอาหาร ขณะที่หานเซิ่น นําอาหารที่ดูเหมือนกับพายออกมาและกําลังจะเริ่มกิน จู่ๆเจียงปู้กู่ก็หยุดเขาเอาไว้


 


“นายน้อยจะกินสิ่งนี้ไม่ได้” เจียงปู้กู่พูด


 


หานเซิ่นวางพายลงและถาม “ข้ากินพายนี้ไม่ได้?”


 


เจียงปู้กู่พยักหน้า “ในจักรวาลนี้มียีนเรซอยู่มากมาย ไม่สําคัญว่าพวกมันจะเป็นยีนเรชระดับสูงหรือระดับต่ํา ทุกยีนเรซนั้นจะมีลักษณะเฉพาะตัว ถ้าพวกมันถูกใช้ในทางที่ถูก แม้แต่ยีนเรซระดับต่ำก็เป็นอะไรที่มีประโยชน์ มันจึงมีคํากล่าวที่ว่ามันไม่มียีนเรซที่เป็นขยะ มันมีแต่ผู้ใช้ยีนเรซที่เป็นขยะ”


 


“เจ้าจะบอกว่ามันมียีนเรซอยู่ในพายนี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


เจียงปู้กู่บอกให้คนอื่นๆวางชิ้นพายลงและพูดต่อไปว่า


 


“ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ มันมีแมลงกินอวัยวะอยู่ในพายนี้ ถ้านายน้อยกินพายนี้เข้าไป พวกมันจะเติบโตอย่างรวดเร็วในร่างกายของนายน้อย พวกมันจะกัดกินอวัยวะภายในทั้งหมดของนายน้อยจนไม่มีอะไรเหลือ ถึงแม้พวกมันจะเป็นแค่ยีนเรซระดับมาร์ควิส แต่ในสมัยอดีตมีผู้ใช้ยีนเรซระดับเทพเจ้ามากมายที่ต้องตายเพราะแมลงกินอวัยวะพวกนี้ แมลงกินอวัยวะนั้นเป็นยีนเรซที่หาได้ยากมากๆ ข้าไม่แน่ใจว่านายน้อยไปล่วงเกินใคร พวกเขาถึงขนาดใช้วิธีการแบบนี้ ในพายนี้มีแมลงกินอวัยวะอยู่ถึงหกตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการจะฆ่านายน้อย”


 


“แมลงกินอวัยวะ!” สีหน้าของมิสเตอร์หยางเปลี่ยนไป เขารู้ว่าแมลงกินอวัยวะนั้นน่ากลัวขนาดไหน


 


สีหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไปเช่นกัน ตัวเขาเองไม่ได้หวาดกลัวแมลงกินอวัยวะ แต่มนุษย์ของจักรวาลนี้แตกต่างออกไป ถึงมันจะมียอดฝีมืออยู่มากมายที่สามารถทําลายท้องฟ้าและผืนดินได้ แต่ร่างกายที่แท้จริงของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่ มันมีแค่ตอนที่พวกเขารวมร่างกับยuนเรซเท่านั้นที่ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับหานเซิ่นที่วิวัฒนาการร่างกายของตัวเองแล้ว มันแตกต่างกันอย่างมาก


 


ถึงแมลงกินอวัยวะจะเข้าไปในร่างกายของหารเซิ่น พวกมันก็ไม่ส่งผลอะไรต่อเขา แต่สําหรับมิสเตอร์หยางและคนอื่นๆแล้ว พวกมันคือหายนะ แม้แต่คนอย่างเจียงปู้กู่ก็ไม่แน่ใจว่าจะรอดชีวิตจากพวกมันได้


 


เจียงปู้กู่หยิบมีดขึ้นมาและตัดพายเปิดออก เขาเขี่ยเนื้อที่อยู่ภายในพายออกมาและภายในเนื้อนั้นมีแมลงขนาดเล็กตัวหนึ่งอยู่ ขนาดของมันพอๆกับเม็ดงา ด้วยเหตุนั้นถ้าไม่สังเกตดีๆ มันก็ยากที่จะสังเกตถึงมันได้ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้คนจะไม่นั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อยู่ข้างในก่อนที่พวกเขาจะกินเข้าไป


 


ใบหน้าของทุกคนดูแย่ และคนที่ดูแย่ที่สุดคือตัวหานเซิ่นเอง ถ้าเจียงปู้กู่ไม่อยู่ที่นี้ด้วย มิสเตอร์หยางและคนอื่นก็อาจจะไม่รอด


 


“ไม่ต้องกังวล ถึงแมลงกินอวัยวะจะน่ากลัว แต่พวกมันไม่มีพิษภัยอะไร ตราบใดที่พวกมันอยู่นอกร่างกายของพวกเรา พวกมันจะหลับไหลและไม่ทําอะไรทั้งนั้น ดังนั้นไม่มีความจําเป็นต้องกลัวพวกมัน”


 


เจียงปู้กู่หยิบเอาแมลงกินอวัยวะทั้งหกตัวออกมาและใส่มันลงไปในถ้วนใบหนึ่ง ถึงแม้พวกมันจะถูกย้ายไปอยู่ในนั้น พวกมันก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย


 


หานเซิ่นถามขึ้นว่า “เจ้าหาได้ไหมว่าใครกันที่จะทําเรื่องแบบนี้?”


 


เจียงปู้กู่ส่ายหัว “ถ้าพวกเรามียีนเรซกระจกนภาอยู่ พวกเราก็อาจจะหาตําแหน่งของคนที่วางแผนฆ่านายน้อยได้ น่าเสียดายที่ยีนเรซนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆภายในอาณาจักรฉิน”


 


หานเซิ่นมองไปที่เจียงปู้กู่และถาม “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกมันเข้าไปในร่างกาย? เจ้าของพวกมันจะสัมผัสถึงเรื่องนั้นได้ไหม?”


 


“เมื่อแมลงกินอวัยวะเข้าไปในร่างกายแล้ว เจ้าของของพวกมันจะสัมผัสถึงเรื่องนั้นได้” เจียงปู้กู่พูด


 


“โดยปกติแล้วด้วยความเร็วในการขยายพันธุ์ของแมลงกินอวัยวะ พวกเราจะตายภายในสามวัน อวัยวะภายในร่างกายของพวกเราทั้งหมดจะถูกกินจนไม่มีเหลือ”


 


หานเซิ่นพยักหน้า เขาหยิบแมลงกินอวัยวะทั้งหกขึ้นมาและเดินออกจากห้องไป หลังจากที่เขาพ้นจากสายตาของคนอื่นๆแล้ว หานเซิ่นก็ใส่แมลงกินอวัยวะทั้งหกเข้าไปในปากของเขาและกลืนพวกมันเข้าไป หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปข้างนอก


 


“มันได้ผล!” โหลวจิ๋วที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆกับโรงแรมที่หานเซิ่นพักอยู่นั้นรู้สึกดีใจเมื่อสัมผัสได้ว่าแมลงกินอวัยวะเริ่มทํางาน


 


ไม่นานหลังจากที่เขารู้สึกว่าแมลงกินอวัยวะกําลังถูกเคลื่อนที่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงตามการเคลื่อนไหวของพวกมัน และเขาก็ได้เห็นหานเซินเดินออกมานอกโรงแรมตามลําพัง เขาคิดว่ามันน่าแปลก เขาขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง “แปลกจริงๆ ทําไมแมลงกินอวัยวะทั้งหกตัวถึงอยู่ภายในร่างกายของเขา?”


 


แต่หลังจากนั้นเขาก็คิดว่าแบบนี้มันก็ดี การที่แมลงกินอวัยวะถึงหกตัวอยู่ภายในร่างกายของ หานเซิ่นมันจะช่วยเร่งเวลาที่พวกแมลงจะกินอวัยวะภายในของหานเซิ่น


 


โหลวจิ๋วนั้นไม่คิดว่าจะมีใครที่รอดจากการถูกกินโดยแมลงกินอวัยวะได้ ตอนนี้เมื่อในร่างกายของหานเซิ่นมีแมลงกินอวัยวะอยู่ถึงหกตัว เขาก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าหานเซิ่นต้องตายอย่างแน่นอน


 


“เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าจําเป็นต้องโทษตัวเองในเรื่องนี้ มันเป็นความผิดของเจ้าที่ไปล่วงเกิ นมิสเตอร์จิน” โหลวจิ๋วหัวเราะอย่างชั่วร้าย


 


โหลวจิ๋วใช้พลังในการสัมผัสแมลงกินอวัยวะเพื่อติดตามหานเซิ่นไป เขายังจําเป็นที่ต้องเอาแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์มาจากหานเซิ่น เขาคิดที่ไปจะเอามันมาหลังจากที่หานเซิ่นตายไปแล้ว


 


โหลวจิ๋วสัมผัสได้ว่าแมลงกินอวัยวะนั้นเริ่มจะขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วภายในร่างกายของหานเซิ่น มันมีพวกมันเป็นจํานวนมากจนเขารู้สึกแปลกใจ


 


“ดูเหมือนว่ามันจะใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันเพื่อทํางานนี้ให้เสร็จ ด้วยการทํางานที่ดีขนาดนี้ มิสเตอร์จินจะต้องให้รางวัลกับข้าอย่างงามเป็นแน่”


 


โหลวจิ๋วตามหลังหานเซิ่นไปสักพัก และเขาก็เห็นหานเซิ่นเดินไปซื้ออาหารบนร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนน โหลวจิ๋วหัวเราะอย่างชั่วร้ายและพูดอยู่ในใจว่า


 


“เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากําลังเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขายังมีหน้ามาซื้อหาอาหารกินอีก เขาเป็นเหมือนกับหมูอ้วนโง่เขลาที่เอาแต่กินอย่างเดียว


 


ทันใดนั้นสีหน้าของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไป เขาเอามือกุมท้องของตัวเองและย่อตัวลงไปด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นเขาก็เริ่มวิ่งออกไปในทิศทางของโรงพยาบาล เขาวิ่งไปตามถนนและเข้าไปในตรอกที่ไร้ผู้คน เขาล้มลงไปบนพื้นและเริ่มร้องโอดครวญ ขณะที่ร่างกายของเขาสั่นรัว มันดูเหมือนกับว่าเขากําลังจะตาย


 


เมื่อเห็นว่าไม่มีใครภายในตรอกนั้น โหลวจิ๋วก็คิดว่านี่เป็นโอกาสเหมาะและคิดว่ามันไม่มีความจําเป็นที่ต้องซ่อนตัวอีกต่อไป เขาจึงเดินเข้าไปในตรอกและเดินเข้าไปหาหารเซิ่น


 


“พยายามทําตัวให้ฉลาดกว่านี้ในตอนที่เจ้าไปเกิดชาติหน้า อย่าได้ล่วงเกินคนที่เจ้าไม่อาจจะล่วงเกิน”


 


โหลวจิ๋วพูดก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปเพื่อจับตัวหานเซิ่น แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ หลังจากที่ผู้คนถูกกินโดยแมลงกินอวัยวะ พวกเขาจะมีเลือดไหลออกมาเป็นจํานวนมาก แต่เขาไม่เห็นเลือดแม้แต่นิดเดียวบนตัวของหานเซิ่น


 


โหลวจิ๋วเห็นท่าไม่ดีและต้องการจะหันกลับเพื่อหนีไป แต่ทันใดนั้นมีคนๆหนึ่งเข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้ ก่อนที่จะจับเขาที่คอและยกตัวเขาขึ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)