Super God Gene 3068-3073

 ตอนที่ 3068 กังวลเรื่องเงิน

 

สุดท้ายฟางฉีหยวนก็ยอมมอบโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ให้กับหานเซิ่น


 


ยีนเรซที่ถูกควบคุมแล้วนั้นสามารถถ่ายโอนระหว่างคนที่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริตได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีรับประกันว่ายีนเรซนั้นจะใช้งานได้


 


ถ้าโลหิตชีพจรเทพสปิริตเข้ากันกับยีนเรซไม่ได้ ถึงแม้คนๆนั้นจะมียีนเรซอยู่ เขาก็ไม่สามารถรวมร่างกับมันได้ ถ้าเขาพยายามผืนที่จะรวมร่าง มันก็อาจจะทำร้ายร่างกายของคนๆนั้น


 


หานเซิ่นลองใช้ทะเลจิตเพื่อรับโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ที่ฟางฉีหยวนมอบให้กับเขา ผลลัพธ์ทำให้เขาต้องประหลาดใจ ทะเลจิตสามารถรับโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ได้อย่างราบรื่น หลังจากนี้ผู้คนก็จะไม่สงสัยอีกต่อไปว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากต่างโลก


 


ในเวลาเดียวกันหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นในหัว


“คุณได้รับยีนเรซระดับเทพเจ้าโฮลี่เหวินไวท์เดียร์”


 


หานเซิ่นตรวจเช็คข้อมูลของโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ และผลลัพธ์ก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจอีกครั้ง


 


“โฮลี่เหวินไวท์เดียร์: ยีนเรซระดับเทพเจ้า (ร่างเต็มวัย)”


 


โฮลี่เหวินไวท์เดียร์ตัวนี้เป็นร่างเต็มวัย มันไม่ได้เป็นร่างสุดยอดอย่างที่มิสเตอร์หยางบอกกับเขา


 


แต่ยีนเรซระดับเทพเจ้าร่างเต็มวัยนั้นไม่ใช่สิ่งที่แย่อะไร หานเซิ่นสามารถใช้มันเป็นสัตว์ขี่เพื่อไปไหนมาไหนได้


 


แน่นอนว่าที่หานเซิ่นต้องการโฮลี่เหวินไวท์เดียร์นั้นไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาต้องการสัตว์ขี่เท่านั้น เขาแค่ไม่อยากจะฆ่าฟางฉีหยวนในตอนนี้ การเก็บฟางฉีหยวนเอาไว้จะมีประโยชน์ต่อเขา


 


“ตอนนี้ข้าไปได้แล้วใช่ไหม?” ฟางฉีหยวนกัดฟันขณะที่พูด ยีนเรซทั้งเจ็ดคือชีวิตของเขา ตอนนี้หานเซิ่นเอาพวกมันตัวหนึ่งไป เขาเกลียดเรื่องนั้นอย่างที่สุด


 


“แน่นอน นอกซะจากเจ้ายังอยากอยู่ต่อและรับประทานอาหารเย็นร่วมกับพวกเรา” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“แล้วอีวิลบลัดในตัวข้าล่ะ?” ฟางฉีหยวนถาม


 


“ข้าแค่บอกว่าจะไม่ฆ่าเจ้า” หานเซิ่นพูด


“ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะช่วยกำจัดอีวิลบลัดที่อยู่ในตัวเจ้าออกไป ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยในเรื่องนั้น เจ้าก็ต้องมอบยีนเรซหรือไข่ยีนที่มีระดับเดียวกันกับโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ให้กับข้า”


 


“เจ้า…” ฟางฉีหยวนโมโหอย่างมาก แต่เขาไม่ได้พยายามขอให้หานเซิ่นเอาอีวิลบลัดออกไปจากตัวของเขาอีก


 


ฟางฉีหยวนไม่กล้าจะหันหลังให้กับหานเซิ่น เขาจ้องไปที่หานเซิ่นขณะที่ถอยหลังออกไป หลังจากที่เขาถอยออกไปได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาถึงเริ่มวิ่งหนีราวกับคนบ้า


 


เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นไม่ได้ไล่ตามมา ฟางฉีหยวนก็รู้สึกโล่งใจ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก


“เขาไม่ใช่ยอดฝีมือที่ถูกอาณาจักรฉินส่งตัวมาเพื่อปกป้องเจียงปู้กู่อย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เราก็ควรไปขอซื้อเจียงปู้กู่ดีๆ ถ้าเราทำแบบนั้น เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น”


 


ฟางฉีหยวนจำเป็นต้องหาทางกำจัดพลังอีวิลบลัดออกไปจากตัวของเขาก่อน ถ้าเขาไม่สามารถใช้ยีนเรซได้ เขาก็จะรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก


 


“โชคดีที่อีวิลบลัดไม่ใช่วิชาประสานยีนที่จะฆ่าคนได้ในเวลาอันสั้น เราต้องรอจนกระทั่งฟื้นตัวก่อน หลังจากนั้นเราค่อยกลับไปหาเขา”


ฟางฉีหยวนมองไปที่หานเซิ่นและคนอื่นๆอย่างเกรี้ยวโกรธขณะที่เขายังคงวิ่งหนีไปอย่างรีบร้อน


 


หานเซิ่นเรียกโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ออกมา เขาเห็นกวางขาวที่ดูศักดิ์สิทธิ์ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขา เขาของกวางนั้นดูเหมือนกับคริสตัลและหยก


 


โฮลี่เหวินไวท์เดียร์นั้นมีขนาดใหญ่กว่าม้าเล็กน้อย ผู้คนสองถึงสามคนนั้นสามารถนั่งบนหลังของมันได้อย่างสบายๆ


 


“มิสเตอร์หยางและสองแม่ลูกขึ้นไปนั่งบนหลังของโฮลี่เหวินไวท์เดียร์”


หานเซิ่นต้องการจะเดินทางให้เร็วขึ้น แต่พวกเขาทั้งสามเป็นแค่สามัญชนที่ไม่มียีนเรซ พวกเขานั้นเดินช้าเกินไป


 


แต่มิสเตอร์หยางและแม่กับลูกสาวนั้นไม่กล้าขึ้นไปนั่งบนหลังของโฮลี่ไวท์เดียร์ มิสเตอร์หยางพูดขึ้นว่า


“นายท่าน นายท่านควรขึ้นไปนั่งบนหลังของมัน นายท่านไม่ควรต้องเดิน ขณะที่ข้ารับใช้อย่างพวกเราขี่หลังของมัน ถ้าผู้คนมาเห็นเข้า พวกเขาคงจะคิดว่าพวกเราเป็นข้ารับใช้ที่หยาบคาย”


 


หานเซิ่นพยายามจะโน้มน้าวพวกเขา แต่เขาทำไม่สำเร็จ เขาหยุดพูดและขึ้นไปบนหลังของโฮลี่ไวท์เดียร์ หลังจากนั้นเขาก็หันมาพูดกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อโยวโยวกับแม่ของเธอที่ชื่อเจียงซื่อ


“ให้โยวโยวขึ้นมานั่งกับข้า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าจะเดินช้าเกินไป ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ได้”


 


เจียงซื่อพยักหน้าและยกโยวโยวขึ้นไปบนหลังของกวางขาว


 


โยวโยวอายุราวๆสามถึงสี่ปีเท่านั้น เธอจึงขี้กลัว หานเซิ่นเอาเธอมาไว้ในอ้อมแขนของเขา แต่ตัวเธอสั่นไม่หยุด เธอสั่นรัวเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยๆ


 


เนื่องจากมิสเตอร์หยางและเจียงซื่อไม่สามารถเดินอย่างรวดเร็วได้ ถึงแม้หานเซิ่นจะมีสัตว์ขี่ที่ยอดเยี่ยมมากๆอยู่ แต่พวกเขาก็ยังคงเดินทางได้ช้าอยู่ดี


 


หลี่ปิงหยูเรียกยีนเรซที่ดูเหมือนกับหมาป่าสีดำออกมา และเธอก็ขี่มันไปข้างๆหานเซิ่น แต่ในหัวใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง


 


หลี่ปิงหยูคิด ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหานเซิ่นถึงได้มีบลัดโกสต์สปิริต? ภายในปราสาทหินนั้นมีไข่ยีนของบลัดโกสต์สปิริตอยู่อย่างนั้นหรอ?’


ความคิดที่ว่าหานเซิ่นสามารถชกบลัดโกสต์สปิริตร่างเต็มวัยจนกลับกลายเป็นไข่ได้นั้นไม่เคยผุดขึ้นมาในหัวของเธอ


 


มันมีผู้คนมากมายที่เดินทางมาที่เมืองราชาฉิน พวกเขาเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชมบ้านเกิดของฉินซิว แต่เมื่อหานเซิ่นไปถึง เขาก็รู้สึกผิดหวังอย่างมาก สถานที่แห่งนั้นได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวไปแล้ว มันไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับฉิวซิวและน้องสาวของเขาหลงเหลืออยู่ สิ่งก่อสร้างทั้งหมดเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยที่ฉินซิวยังมีชีวิตอยู่


 


ยุคสมัยของฉินซิวนั้นผ่านมานานแสนนานแล้ว แต่สิ่งก่อสร้างทั้งหมดดูมีอายุราวๆหนึ่งพันปีเท่านั้น พวกมันไม่มีทางมาจากยุคสมัยที่ฉินซิวยังมีชีวิตอยู่ไปได้


 


การเดินทางมาที่ดาวตูรินจึงเป็นอะไรที่น่าผิดหวังสำหรับหานเซิ่น เขาไม่สามารถหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับฉินซิวได้ และเขาก็ไม่พบข้อมูลอะไรเกี่ยวกับฉินหว่านเอ๋อเช่นกัน


 


“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรฉิน ตอนนี้คงจะมีแต่ที่นั่นเท่านั้นที่เราจะหาเบาะแสที่ต้องการได้”


หานเซิ่นเดินทางไปรอบๆเมืองอยู่หลายวัน ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรฉินต่อ


 


สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นหดหู่อย่างที่สุด คือความจริงที่เขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อตั๋วยานอวกาศ


 


พวกเขาได้ใช้เงินที่มิสเตอร์หยางเก็บสะสมเอาไว้ไปจนหมด เดิมทีมิสเตอร์หยางก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ส่วนเจียงปู้กู่ เจียงซื่อและโยวโยวนั้นไม่มีเงินติดตัวเลย


 


หานเซิ่นจำเป็นต้องยืมเงินจากโกสต์คิลล์เพื่อจ่ายค่าเดินทางของพวกเขา พวกเขาก้าวขึ้นไปบนยานอวกาศเพื่อเดินทางไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรฉิน


 


ขณะที่อยู่บนยานอวกาศ หานเซิ่นก็คิดกับตัวเอง ‘หลังจากที่ไปถึงเมืองหลวงของอาณาจักรฉิน พวกเราจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราจะพบเบาะแสที่ตามหา ดังนั้นเราจะเอาแต่ยืมเงินของคนอื่นไม่ได้’


หานเซิ่นอยากรู้ว่าจะหาเงินจำนวนมากในเวลาอันสั้นได้ยังไง มันจะเป็นเรื่องยากในการหาเบาะแส ถ้าเขาไม่มีเงินติดตัวเลย


 


การฆ่ายีนเรซหรือหาไข่ยีนนั้นดูจะเป็นหนทางที่รวดเร็วที่สุดในการหาเงิน แต่หานเซิ่นไม่สนใจจะทำอะไรแบบนั้น สำหรับเขาแล้วมันเป็นอะไรที่เสียเวลา


 


หานเซิ่นครุ่นคิดและสุดท้ายแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าเมื่อไปถึงเมืองหลวงของอาณาจักรฉิน เขาจะเปิดร้านขายไข่ยีน ด้วยพลังของคัมภีร์นภาอำพัน เขาจะหาเงินได้เป็นจำนวนมาก


 


‘แม้แต่ฟางฉีหยวนก็ยังแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ในพระราชวังของอาณาจักรฉินก็คงจะต้องเต็มไปด้วยยอดฝีมือเป็นแน่ ด้วยสถานการณ์ของเราในตอนนี้ การฝ่าเข้าไปในพระราชวังเพื่อหาร่างของฉินหว่านเอ๋อคงจะเป็นไปไม่ได้ เราคงจะต้องหาทางอื่น’ สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่นคือรัชทายาทฉินไป๋


 


แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ส่ายหัวและทิ้งความคิดที่จะพึ่งพาฉินไป๋ไป ถ้าฉินไป๋เป็นราชา การทำงานให้กับเขาก็อาจจะเป็นอะไรที่คุ้มค่า แต่ฉินไป๋นั้นเป็นแค่องค์รัชทายาท หานเซิ่นไม่คิดว่าตัวเองจะมีอำนาจอะไรมากนักถ้าไปรับใช้ฉินไป๋


 


“เราควรเปิดร้านขายไข่ยีนเพื่อหาเงินไปพลางๆก่อน จนกว่าเราจะคิดหาแผนการที่เหมาะสมได้” ถึงแม้หานเซิ่นจะรีบร้อน แต่นี่เป็นบางสิ่งที่เขารู้ว่าต้องทำอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป

 

 

 


ตอนที่ 3069 ลางร้าย

 

“เฒ่าจอมโกหก หนูหิว” บนถนนแห่งหนึ่ง เด็กผู้หญิงกำลังดึงแขนเสื้อของชายแกที่อยู่ข้างๆ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขณะที่เธอมองไปที่เขา เธฮทำให้แน่ใจว่าตัวเองดูน่าสงสารเป็นพิเศษ


 


ใบหน้าของเธอดูเหมือนกับว่าเธอกำลังโหยหิว มันเหมือนกับว่าเธอถูกทารุน มันทำให้คนอื่นๆสงสารเธอและร้องไห้เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องที่เธอเล่า ดวงตาของชายแก่กระตุก เมื่อครึ่งวันก่อนเป่าเอ๋อเพิ่งจะกินอาหารที่แพงที่สุดและใช้เงินของเขาไปจนหมด เขาอยากจะตบปากตัวเองและด่าตัวเองที่ไร้ประโยชน์ เขาไม่สามารถแม้แต่จะเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งได้


 


“เด็กน้อย ตั้งแต่ที่เจ้ามาอยู่กับข้า ปากของเจ้าก็ไม่เคยหยุดขยับเลย”


ชายแก่พูดอย่างหดหู่ “การที่เจ้ากินมากขนาดนั้น ถึงแม้ข้าจะมีภูเขาเงินภูเขาทอง มันก็จะถูกใช้จนหมด นี่หานเซิ่นเลี้ยงเจ้าไหวได้ยังไงกัน?”


 


“พ่อไม่เคยปล่อยให้หนูต้องหิว ถ้าคุณบอกว่าคุณดูแลหนูไม่ได้ หนูจะกลับล่ะ” เป่าเอ๋อพูดอย่างไม่พอใจ เธอหันกลับหลังและเตรียมตัวที่จะจากไป


 


“เด็กน้อย ข้ายอมแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปหาอะไรอร่อยๆกิน” ชายแก่พูดขณะที่จูงมือเป่าเอ๋อไปกับเขา


 


“เฒ่าจอมโกหก คุณอย่าได้พยายามหลอกหนูอีก” เป่าเอ๋อหลี่ตาขณะที่มองไปที่ชายแก่


 


“ถึงข้าจะหลอกคนอื่น แต่ข้าไม่กล้าจะหลอกเจ้า” ชายแก่พูด


“เจ้าแค่จำเป็นต้องอดทนอีกหน่อย ข้าจะพาเจ้าไปกินของดีๆ ที่นั่นเจ้าจะกินมากเท่าไหร่ก็ได้ ข้าให้สัญญาว่าเจ้าจะอิ่มหนำสำราญ”


 


“ใจดีจริงๆ” เป่าเอ๋อยิ้มกว้าง เธอจับมือของชายแก่และทำตัวน่ารัก


 


“เด็กผู้หญิงคนนี้…เลี้ยงดูยากจริงๆ นี่เจ้าหานเซิ่นเลี้ยงดูนางจนโตถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” ชายแก่พูดไม่ออก


 


“ว่าแต่เฒ่าจอมโกหก ข้าคิดว่าท่านไม่มีเงินแล้วซะอีก” เป่าเอ๋อมองไปที่ชายแก่และกระพริบตาปริบๆ


 


“การกินอาหารนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป”


ชายแก่จูงเป่าเอ๋อเดินไปบนถนนขณะที่มืออีกข้างกำลังถือธงเอาไว้ ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังมองหาบางสิ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โค้งตัวลงไปหยิบก้อนหินแหลมคมขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมา


 


เขาจูงมือของเป่าเอ๋อขณะที่เดินไปเรื่อยๆ ในตอนที่พวกเขามาถึงทางแยกรูปตัวT เขาก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะวางหินแหลมคมนั่นบนมุมถนนที่เขาเลือก


 


เป่าเอ๋อกระพริบตาปริบๆและถาม “พวกเราจะหาของกินด้วยวิธีแบบนี้ได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”


 


“แน่นอนอยู่แล้ว ของอร่อยๆจะมาหาพวกเราในไม่ช้า” ชายแก่พูด เขาจูงมือเป่าเอ๋อเดินไปพร้อมกับเขา ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่ริมถนน เขาวางธงในมือลงและเอาผ้าสีเหลืองออกมาปูลงบนพื้น เขาเอาเก้าอี้ออกมาและนั่งลงด้านหลังผ้าเหลืองก่อนที่จะหลับตาลง


 


“เฒ่าจอมโกหก นี่มันจะได้ผลจริงๆน่ะหรอ?” เป่าเอ๋อรอคอยอยู่สักพัก แต่ของอร่อยก็ยังคงไม่ปรากฎออกมา


 


“อย่าเพิ่งใจร้อน มันกำลังจะมา” ชายแก่พูดกับเธออย่างใจเย็นโดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา


 


หลังจากผ่านไปอีกสักพัก จู่ๆไก่และสุนัขบนถนนก็กระโดดอย่างแตกตื่น มีชายขี่ยีนเรซที่เหมือนกับปูตัวใหญ่สีทองมาตามถนน


 


เมื่อปูสีทองตัวใหญ่เหมือนกับรถถังตัวนี้เข้ามาใกล้พวกเขา ดวงตาของชายแก่ก็ลืมขึ้นมา เขาเป่าลมออกจากปากจนเกิดเป็นเสียงประหลาด ในตอนที่ปูยักษ์สีทองได้ยินเสียงนั้น ร่างกายของมันก็หยุดชะงักอย่างกะทันหัน มันทำให้คนที่อยู่บนหลังของมันถูกโยนออกไปข้างหน้า หัวของเขากระแทกลงกับพื้นตรงหน้าของหมอดูแก่คนหนึ่ง


 


หมอดูแก่มองไปที่ชายหนุ่มและพูด “หนุ่มน้อย หน้าผากของเจ้านั้นหมองคล้ำ วันนี้เจ้าจะประสบกับเคราะห์ร้าย”


 


ชายหนุ่มพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น เขาเช็ดเลือดออกจากจมูกและมองไปที่ชายแก่ก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชาว่า “หมอดูเฒ่า เจ้ากล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับข้า? เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”


 


หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นเพื่อจะชกใส่ชายแก่ แต่ชายแก่ไม่ได้หลบ เขาแค่พูดขึ้นว่า


“ถ้าข้าดูไม่ผิด เจ้าเพิ่งจะประสบกับความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้คนที่เศร้าโศกมีความสุขมากๆ”


 


ในตอนที่ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้น เขาก็ดูแปลกใจและลดหมัดลง


 


“หมอดูเฒ่า ใครส่งเจ้ามาที่นี่? ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องของข้า?” ชายหนุ่มมองไปที่ชายแก่ตั้งแต่หัวจรดเท้า


 


ชายแก่ส่ายหัว “ข้าต้องการช่วยเหลือผู้คน แต่ผู้คนมักจะไม่ยอมเชื่อ ช่างเถอะ”


 


หลังจากนั้นชายแก่ก็เก็บข้าวของและจูงมือเด็กผู้หญิงตัวน้อยเดินจากไป ขณะเดียวกันเขาก็พูดกับตัวเอง “พระเจ้าอิจฉาคนที่เป็นอัจฉริยะ มันช่างเป็นอะไรที่น่าเสียดาย…”


 


“เดี๋ยวก่อนหมอดูเฒ่า เจ้าหมายความว่ายังไง? อย่างน้อยก็บอกกับข้ามา ไม่อย่างนั้นข้าจะถอนฟันออกจากปากของเจ้าให้หมด หลังจากนั้นเจ้าจะพูดจาไร้สาระไม่ได้อีก” ชายหนุ่มยื่นมือหยุดพวกเขาทั้งสองเอาไว้


 


ชายแก่ถอนหายใจและพูด “ข้ากลัวว่าถึงข้าจะบอกเจ้าไป เจ้าก็จะไม่เชื่อข้า เอาแบบนี้เป็นไง? ข้าจะให้คำแนะนำเจ้าอย่างหนึ่ง และเจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับข้า ถ้ามันมีประโยชน์กับเจ้า มันก็ถือเป็นความสุขของข้า ถ้ามันไม่มีประโยชน์ พวกเราต่างก็ไม่ได้สูญเสียอะไร”


 


หลังจากนั้นชายแก่ก็เอาเชือกเส้นหนึ่งออกมาและมอบมันให้กับชายหนุ่ม


 


“เจ้าหมายความว่ายังไง?” ชายหนุ่มรับเชือกไปด้วยความสงสัย มันดูเหมือนเชือกธรรมดาที่มีความยาวน้อยกว่าเก้าฟุต ถ้าไม่ใช่เพราะว่าชายแก่เพิ่งจะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้ ชายหนุ่มก็คงจะใช้เชือกเส้นนี้รัดคอของชายแก่ไปเรียบร้อยแล้ว


 


ชายแก่พูดขึ้นว่า “มัดเชือกรอบเอวของเจ้าและมัดปลายเชือกอีกด้านกับยีนเรซนั่น หลังจากนั้นเจ้าก็จะรู้เอง”


 


“ก็ได้ ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าเจ้าต้องการอะไร ถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไรล่ะก็ ข้าจะกลับมาและทำให้เจ้าไม่เหลือฟันในปากแม้แต่ซี่เดียว พวกเจ้ามานี่และค่อยเฝ้าหมอดูเฒ่าคนนี้เอาไว้”


หลังจากที่ชายหนุ่มตะโกน มีชายร่างใหญ่หลายคนปรากฏตัวออกมา พวกเขาเข้ามาขวางทางชายแก่และเด็กผู้หญิงตัวน้อยเอาไว้


 


“ข้ามีเรื่องต้องไปทำ ถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไร ในตอนที่ข้ากลับมา ระวังปากของเจ้าเอาไว้ให้ดี”


หลังจากที่ชายหนุ่มพูดแบบนั้น เขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังของปูยัก์และทำตามคำแนะนำที่ชายแก่มอบให้กับเขา เขามัดปลายเชือกด้านหนึ่งกับเอวของเขาและปลายเชือกอีกด้านกับปูสีทอง หลังจากนั้นเขาก็เตรียมตัวจะจากไป


 


“ช้าก่อน มัดเชือกระหว่างเจ้ากับยีนเรซให้สั้นลงหนึ่งฟุตกับอีกเจ็ดนิ้ว” ชายแก่พูด


 


ในหัวใจของชายหนุ่ม เขาไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ชายแก่พูด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาในวันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะรู้ได้ แต่ชายแก่คนนี้กับสามารถพูดออกมาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงลองทำตามที่ชายแก่บอก


 


ชายหนุ่มมัดเชือกให้สั้นลงและคิด ‘ถ้าเชือกนี่ไม่มีประโยชน์อะไรล่ะก็ ข้าจะทำให้ปากของเขาพูดออกมาไม่ได้อีก’


 


หลังจากนั้นเจ้าปูเริ่มวิ่งออกไป ในตอนที่ถึงทางแยก เจ้าปูยักษ์สีทองก็หมุนตัวด้วยความเร็วสูง มันทำให้ชายหนุ่มร่วงลงมาจากหลังของเจ้าปู ดวงตาของชายหนุ่มเปิดกว้างด้วยความตกใจ เขาเห็นตัวเองเกือบจะร่วงลงไปบนพื้น แต่เชือกที่รัดเอวของเขาอยู่ดึงเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะร่วงลงไปถึงพื้น


 


เมื่อชายหนุ่มเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาก็เริ่มจะเหงื่อตก มันมีหินที่แหลมคมอยู่ห่างไปจากดวงตาของเขาแค่ห้านิ้วเท่านั้น ถ้าเชือกไม่ได้ดึงเขาเอาไว้ ในตอนที่เขาร่วงลงมาจากหลังของปู เขาก็คงจะตาบอดไปแล้ว


 


เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ขาของชายหนุ่มก็อ่อนลงไป หน้าผากของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขารู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายมาได้อย่างหวุดหวิด


 


ชายร่างใหญ่หลายคนล้อมชายแก่และเด็กผู้หญิงเอาไว้ ผู้คนหลายคนกำลังมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มที่เพิ่งจะเลี้ยวผ่านมุมถนนไปนั้นวิ่งกลับมา

 

 

 


ตอนที่ 3070 แมลงแปดเสียง

 

ก่อนที่พวกหานเซิ่นจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรฉิน มันก็ผ่านมาว่าครึ่งเดือนแล้ว ดินแดนของอาณาจักรฉินนั้นกว้างใหญ่ ถึงแม้ยานอวกาศที่พวกเขาโดยสารจะใช้การวาร์ปหลายครั้ง แต่มันก็ใช้เวลากว่าครึ่งเดือน และพวกเขายังต้องเปลี่ยนยานอวกาศถึงสองครั้ง


 


“นี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรฉินอย่างนั้นหรอ?”


มิสเตอร์หยางและคนอื่นๆดูตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เมืองหลวงของอาณาจักรฉินนั้นไม่ได้ถูกสร้างอยู่บนดาวดวงใดดวงหนึ่ง แต่มันเป็นสถานีอวกาศขนาดยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือคน


 


สถานีอวกาศนั้นมีนาดใหญ่ยิ่งกว่าดาวตูรินซะอีก ในตอนที่มองดูจากระยะไกล มันดูเหมือนกับก้อนหยกขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในอวกาศ


 


หลี่ปิงหยูรู้สึกตื่นเต้น เธอคาดเดาว่าหานเซิ่นนั่นคงจะมาที่เมืองหลวงเพื่อพบกับฉินไป๋ ในตอนที่พวกเขาพบกัน โอกาสที่เธอจะได้ลอบสังหารรัชทายาทฉินไป๋ก็จะมาถึง


 


หลี่ปิงหยูพูดอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ในทั้งเจ็ดอาณาจักร มีเพียงแค่เมืองหลวงของอาณาจักรฉินเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกสร้างบนพื้นผิวของดวงดาว เมืองกำแพงหยกนี้คือสิ่งที่ผู้คนของอาณาจักรฉินนั้นภาคภูมิใจมากที่สุด มันถูกสร้างขึ้นโดยราชาฉินองค์แรก ถึงแม้มันจะผ่านมาเป็นพันล้านปีและต้องประสบกับสงครามและภัยพิบัติทางธรรมชาติมากมาย มันก็ยังคงปกป้องชีวิตนับหมื่นล้านชีวิตของอาณาจักรฉินเอาไว้ได้ การก่อสร้างของมันเป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์ และมันคงจะเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เยี่ยมยอดที่สุดในประวัติของจักรวาล”


 


“นี่เป็นฝีมือของฉินซิวอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่เมืองกำแพงหยกที่เป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์


 


เจียงปู้กู่ยิ้มและพูด “ที่อาณาจักรฉินสร้างสิ่งที่เหมือนกับปาฏิหาริย์นี้ขึ้นมาได้สำเร็จ นั่นเป็นเพราะความแข็งแกร่งของราชาฉินองค์แรก เขาเกือบจะครอบครองทั้งจักรวาล มันไม่ใช่ว่าอาณาจักรทั้งหกจะถูกทำลาย แต่พวกเขาต้องจ่ายภาษีให้กับอาณาจักรฉินทุกๆปีเพื่อรักษาความสัมพันธ์ เมื่อเทียบกับตอนนี้ข้าไม่คิดว่าอาณาจักรของพวกเราจะสร้างเมืองกำแพงหยกแบบนี้ขึ้นมาได้ น่าเสียดายในตอนที่อาณาจักรฉินรุ่งเรืองที่สุด ราชาฉินองค์แรกนั้นได้หายตัวไป ราชาฉินองค์ต่อๆมานั้นไม่มีอำนาจพอจะปกครองทั้งจักรวาลเหมือนอย่างเขา”


 


หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับถือฉินซิว “ฉินซิวเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยม มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะฝึกวิชาการต่อสู้จนถึงจุดสูงสุด แต่ฉินซิวไปถึงจุดสูงสุดทั้งความสามารถในด้านการต่อสู้และความสามารถในด้านการปกครอง เขาสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ เราคงจะทำแบบเขาไม่ได้”


 


หลังจากที่เข้ามาในเมืองกำแพงหยก หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าเขาไร้เดียงสาเกินไปหน่อย เขาไม่สามารถเปิดร้านเป็นของตัวเองได้ ด้วยเงินอันน้อยนิดที่พวกเขามีอยู่ แม้แต่ที่อยู่อาศัยพวกเขาก็ยังหาไม่ได้เลย


 


พื้นที่ภายในเมืองหลวงของอาณาจักรฉินนั้นแพงมากๆ แม้แต่การจะเช่าพื้นที่ที่เล็กพอๆกับห้องน้ำห้องหนึ่งก็มีราคาสูงถึงหนึ่งหมื่นฉินต่อเดือน


 


หานเซิ่นหันไปมองที่เจียงปู้กู่และถาม “เจียงปู้กู่ เจ้ารู้ไหมว่าในเมืองกำแพงหยกนี้ พวกขุนนางจะไปล่ายีนเรซกันที่ไหน?”


 


เจียงปู้กู่ตอบ “เมืองกำแพงหยกนั้นมีเครื่องเทเลพอร์ตอยู่เป็นจำนวนมาก นายน้อยเทเลพอร์ตไปยังดวงดาวที่อยู่ใกล้กับเมืองกำแพงหยกได้ บนดาวเหล่านั้นจะมีชีพจรพระเจ้าและยีนเรซอยู่เป็นจำนวนมาก”


 


หานเซิ่นพยักหน้าและคิดกับตัวเอง ‘ในเมื่อเราเปิดร้านขายของที่นี่ไม่ได้ เราก็ควรไปทำร้านขายของออนไลน์แทน’


 


หลังจากหาที่พักได้แล้ว หานเซิ่นก็ให้มิสเตอร์หยางรับผิดชอบเรื่องการเปิดร้านขายของออนไลน์ ส่วนเขาเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังดวงดาวอื่นเพื่อหาไข่ยีนมาขาย


 


หลี่ปิงหยูพูดว่าเธอต้องการจะติดตามไปด้วย แต่คำขอของเธอถูกหานเซิ่นปฏิเสธ


 


‘เขามาที่นี่เพื่อเปิดร้านขายของออนไลน์อย่างนั้นหรอ? เขาช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลย สุดท้ายเขาต้องเป็นไปพึ่งพาฉินไป๋เป็นแน่’ หลี่ปิงหยูคิดอย่างเย้ยหยัน


 


หลี่ปิงหยูรู้ว่าหานเซิ่นไม่มีเงิน ดังนั้นถ้าเขาไม่ไปหาไข่ยีนมาขาย พวกเขาก็คงต้องอดตายเป็นแน่


 


แต่เมืองหลวงไม่เหมือนกับที่อื่นๆ มันเป็นสถานที่ที่ฝ่ายอำนาจต่างๆมาอยู่รวมกัน การขายไข่ยีนเป็นสิ่งที่มีแค่ตระกูลขุนนางที่ใหญ่โตเท่านั้นที่จะทำได้ การจะเปิดร้านขายไข่ยีนด้วยตัวคนเดียวเป็นเรื่องที่ยากมากๆ


 


แถมหานเซิ่นแค่จะเปิดร้านขายของออนไลน์ เขาไม่มีเงินจะทำการโฆษณา และเขาก็ไม่มีช่องทางในการหาทรัพยากรเช่นกัน ธุรกิจที่เขาคิดจะทำนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากจะสำเร็จ มันจะถือว่าเขาโชคดีมากๆถ้าเขาไม่สูญเสียทรัพย์สินจนหมดเนื้อหมดตัว


 


หลี่ปิงหยูเชื่อว่าร้านขายของออนไลน์ของหานเซิ่นจะปิดตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตอนนั้นถ้าหานเซิ่นมาขอเงินจากเธอ เธอก็จะบอกเขาว่าเงินของเธอหมดแล้วเช่นกัน นั่นจะผลักดันให้หานเซิ่นไปพบกับฉินไป๋


 


หานเซิ่นค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองกำแพงหยกภายทางอินเตอร์เน็ต และเช็คร้านขายของออนไลน์ที่ขายไข่ยีน เขาต้องการดูว่าไข่ยีนแบบไหนที่ขายได้ราคาดี


 


ในตอนที่หานเซิ่นไปถึงสถานีเทเลพอร์ต เขารู้สึกแปลกใจจนอ้าปากค้าง เครื่องเทเลพอร์ตของที่นี่นั้นดูเหมือนกับเครื่องเทเลพอร์ตในก็อตแซงชัวรี่ไม่มีผิด


 


“นี่หมายความว่าเครื่องเทเลพอร์ตในก็อตแซงชัวรี่จริงๆแล้วมาจากจักรวาลนี้อย่างนั้นหรอ?” ใบหน้าของหานเซิ่นดูแปลกๆ


 


หานเซิ่นรู้ว่าความสามารถในการสร้างเครื่องเทเลพอร์ตของสหพันธ์ได้มาจากอารยธรรมอื่น ในอดีตเขาคิดว่ามันเป็นเทคโนโลยีของคริสตัลไลเซอร์ แต่เมื่อเห็นเครื่องเทเลพอร์ตของที่นี่ เขาก็สังเกตเห็นว่าพวกเขาคล้ายคลึงกันมากๆ มันยากที่จะเชื่อได้ว่ามันไม่มีความเกี่ยวข้องกัน


 


หลังจากที่จ่ายค่าเทเลพอร์ต หานเซิ่นก็ประสบกับความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยมากๆ หลังจากนั้นเขาก็ไปปรากฏตัวอยู่บนดาวที่ถูกเรียกว่ากู่หย่าง


 


หานเซิ่นได้ทำการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับดาวดวงนี้มาก่อนล่วงหน้า มันเป็นดาวที่มียีนเรซที่หายากอยู่หลายชนิด นอกจากนั้นยีนเรซของที่นี่ไม่ถือว่าหาได้ยากอะไร ขณะที่ไข่ยีนนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ แต่นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับหานเซิ่น


 


มันมียีนเรซระดับไวเคานต์ที่เรียกว่าสปิริตอีวิลอายอยู่ ถึงระดับของมันจะไม่ได้สูงมากนัก แต่วิชาประสานยีนของมันสามารถทำให้มนุษย์มีสายตาเหมือนรังสีเอ็กซ์ ด้วยเหตุนั้นไข่ยีนของสปิริตอีวิลอายจึงมีราคาสูงกว่าไข่ยีนระดับเอิร์ลทั่วๆไปเสียอีก แต่ด้วยความที่ไข่ยีนของมันเป็นสิ่งหายาก มันจึงไม่มีร้านค้าไหนที่ขาย


 


แน่นอนว่าหานเซิ่นไม่ได้มีแผนที่จะหาไข่ยีนของสปิริตอีวิลอาย อย่างแรกเขากลัวว่าคนจะเอามันไปใช้ในทางที่ผิด อย่างที่สองการจะหาสปิริตอีวิลอายนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ


 


“ถ้าเป็นไปได้เราจะหาให้ตัวเองสักตัวหนึ่ง” หานเซิ่นคิดขณะที่เดินไปเรื่อยๆ


 


โฮลี่เหวินไวท์เดียร์นั้นสะดุดตาเกินไป มันมีผู้คนอยู่รอบๆมากมาย ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่เรียกมันออกมาขี่ เขาแค่เดินไปอย่างช้าๆและสำรวจดาวกู่หย่างไปเรื่อยๆ


 


ด้วยข้อมูลที่เขารวบรวมจากอินเตอร์เน็ต ในทิศตะวันตกนั้นจะมีสถานที่ที่เรียกว่าหุบเขาไนท์ครายอยู่ มันเป็นที่อยู่อาศัยของยีนเรซระดับไวเคานต์ที่ถูกเรียกว่าแมลงแปดเสียง มันคือเป้าหมายของหานเซิ่นในการออกล่าครั้งนี้ ไข่ยีนของแมลงแปดเสียงนั้นเป็นสิ่งที่หายากเช่นเดียวกัน พวกมันสามารถขายได้ในราคาที่สูง


 


พลังต่อสู้ของแมลงแปดเสียงนั้นค่อนข้างต่ำ และวิชาประสานยีนของมันก็ทำอะไรไม่ได้มากเช่นกัน แต่มันสามารถทำให้เสียงเพลงและเสียงของมนุษย์ไพเราะขึ้นกว่าเดิม


 


ในจักรวาลนี้การต่อสู้ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขามีวัฒนธรรมและความบันเทิงอยู่ ด้วยเหตุนั้นในยุคสมัยนี้จึงมีนักดนตรีอยู่มากมาย


 


คนหนุ่มหลายคนนั้นปรารถนาที่จะกลายเป็นนักร้องหรือไอดอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าขุนนางที่ชื่นชอบรูปแบบความบันเทิงพวกนั้น


 


ซึ่งแมลงแปดเสียงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับนักร้อง มันมียีนเรซประเภทนี้อยู่ไม่มากนัก ถึงแม้มันจะมียีนเรซที่ระดับสูงกว่าอยู่ แต่คนทั่วๆไปนั้นไม่สามารถหาซื้อพวกมันได้


 


ไข่ยีนของแมลงแปดเสียงนั้นหายากมาก ซึ่งทำให้ความต้องการค่อนข้างสูง แมลงแปดเสียงของหุบเขาไนท์ครายนั้นเป็นร่างเต็มวัย ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีใครมาจับแมลงแปดเสียงในหุบเขาแห่งนี้

 

 

 


ตอนที่ 3071 หุบเขาไนท์คราย

 

ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าในหุบเขาไนท์ครายคงจะไม่มีคนอื่นอยู่เนื่องจากบริเวณนั้นไม่มีชีพจรพระเจ้าและแมลงแปดเสียงร่างเต็มวัยก็เป็นอะไรที่ยากจะจับตัวได้ มันจึงไม่ควรมีใครอยู่ที่นั่น


 


แต่หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไปในหุบเขาได้ไม่นาน เขาก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอปกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าสีเขียว เธอกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ในหุบเขาไนท์คราย ดวงตาของเธอกำลังปิดอยู่ มันดูเหมือนว่าเธอกำลังพักผ่อน


 


หานเซิ่นสังเกตท่าทีของเธอและเข้าใจว่าเธอเองก็คงจะมาที่นี่เพื่อจับแมลงแปดเสียงเช่นกัน แมลงแปดเสียงจะปรากฏตัวในหุบเขาเฉพาะตอนกลางคืน เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรอคอยให้ถึงตอนนั้น


 


หานเซิ่นเชื่อว่ามันคงจะไม่มีใครคนอื่นอยู่ที่นี่ และผู้หญิงคนนั้นเองก็เช่นกัน เธอประหลาดใจไม่ต่างไปจากหานเซิ่น เมื่อพบว่ามีคนอื่นมาที่นี่


 


ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะถูกปกปิดเอาไว้ แต่เพียงแค่มองไปในดวงตาที่เหมือนกับน้ำฤดูใบไม้ผลิของเธอ ผู้คนก็จะรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่งดงามมากๆ


 


หานเซิ่นคิด ‘บางทีมันอาจจะแค่ดวงตาของเธอที่ดูดีแบบนั้น บางทีส่วนอื่นบนใบหน้าของเธออาจจะดูประหลาดและน่าเกลียด เพราะแบบนั้นเธอถึงต้องปกปิดใบหน้า’


ถ้าหานเซิ่นรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เขาก็คงจะเข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้ปกปิดใบหน้าแบบนั้น


 


เธอเป็นหนึ่งในสามไอดอลที่โด่งดังในอาณาจักรฉิน เธอมีชื่อว่า เฟิงเฟยเฟย และเธอมีสมญานามว่านักร้องฟีนิกซ์ ในอาณาจักรฉินนั้นเธอมีชื่อเสียงมากๆ เธอมีแฟนคลับมากมาย ดังนั้นถ้าเธอไม่ปกปิดใบหน้า ในตอนที่เธอออกไปไหนมาไหน มันก็จะมีคนตามติดเธอเป็นขบวน


 


ไอดอลของอาณาจักรฉินนั้นไม่ได้เหมือนกับดาราทั่วๆไป เมื่อก่อนนั้นนักร้องของอาณาจักรฉิน จงลี่ชิง เคยร้องเพลงๆหนึ่ง และขับไล่ยานรบสิบลำของอาณาจักรจ้าวที่พยายามจะบุกโจมตีดาวไช่โม่ไปได้สำเร็จ


 


แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะจงลี่ชิงมียีนเรซร่างสุดยอดที่เรียกว่าแอปโซลูทซาวด์ สามไอดอลที่โด่งดังที่สุดในยุคสมัยนี้ยังไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับจงลี่ชิง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ห่างไกลจากการมีชื่อเสียงระดับนั้นมากนัก พวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่มียีนเรซธาตุเสียงระดับเทพเจ้า พวกเขาไม่ได้เป็นแค่นักร้องหรือดาราธรรมดาๆ


 


ภายในจักรวาลแห่งนี้ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากยีนเรซที่ทรงพลัง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คนๆหนึ่งจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ทุกคนที่อยู่บนจุดสูงสุดแต่ละวิชาชีพนั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวกันทั้งนั้น


 


เฟิงเฟยเฟยมาที่หุบเขาไนท์คลายก็เพื่อจับแมลงแปดเสียง ถึงแมลงแปดเสียงที่ฝักตัวแล้วจะไม่สามารถนำไปเลี้ยงหรือรวมร่างได้ แต่พวกมันก็สามารถใช้ทำเป็นยาที่ทำให้ลำคอชุ่มชื้นได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักร้อง


 


แน่นอนว่าด้วยระดับของเฟิงเฟยเฟย แมลงแปดเสียงธรรมดาทั่วไปนั้นไม่เหมาะสมกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอได้ยินข่าวลือว่าในหุบเขาไนท์คลายนั้นมีแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ที่หาได้ยากอยู่ เธอจึงต้องการมายืนยันด้วยตัวเองว่าข่าวลือนั้นเป็นความจริงหรือไม่ การได้เห็นหานเซิ่นมาอยู่ที่นี่ด้วยนั้นไม่ได้ทำให้เฟิงเฟยเฟยรู้สึกเป็นกังวลแต่อย่างใด ถึงแม้หานเซิ่นจะมาที่นี่เพื่อจับแมลงแปดเสียงเช่นกัน แต่เธอก็ไม่เชื่อว่าเขาจะตัดหน้าเธอได้ แถมเธอต้องการเพียงแค่แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ เธอไม่ได้ต้องการแมลงแปดเสียงธรรมดาตัวอื่นๆ


 


เฟิงเฟยเฟยจึงไม่ได้สนใจที่หานเซิ่นมาอยู่ที่นี่ แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดเหมือนกัน ด้วยการที่มีคนนอกอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะไม่สามารถใช้คัมภีร์นภาอำพันได้อย่างอิสระ ถ้าคนนอกเห็นว่าเขาสามารถเปลี่ยนยีนเรซให้กลายเป็นไข่ยีนได้ ผู้คนอาจจะจับตัวเขาไปทำการวิจัย


 


ขณะที่หานเซิ่นสังเกตท่าทีของเฟิงเฟยเฟยไปเรื่อยๆ เขาก็เข้าใจว่าเธอไม่ใช่คนที่จะเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น นั่นก็คือความรู้สึกที่เขาได้รับ แต่มันไม่มีอะไรมายืนยันว่านั่นเป็นเรื่องจริง


 


เมื่อเห็นว่าเฟิงเฟยเฟยหลับตาลงอีกครั้ง หานเซิ่นก็เดินผ่านเธอไป เขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขาไนท์คลาย เขาต้องการสร้างระยะห่างระหว่างตัวเองกับผู้หญิงคนนั้น เพื่อที่เธอจะได้ไม่เห็นว่าเขาทำอะไร


 


แต่โดยปกติแล้วผู้คนที่ร้องเพลงเก่งนั้นมักจะมีความสามารถในการได้ยินด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟิงเฟยเฟย นอกจากนั้นเธอยังรวมร่างกับยีนเรซพิเศษตัวหนึ่งอยู่ ถึงแม้เธอไม่ลืมตาขึ้นมา แต่เธอก็รู้ถึงความเคลื่อนไหวของหานเซิ่นผ่านหูของเธอ


 


เมื่อรับรู้ว่าหานเซิ่นไม่รู้จักเธอและเดินลึกเข้าไปในหุบเขา เฟิงเฟยเฟยก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก


 


ถ้าเธอถูกจำได้ มันก็จะเป็นปัญหาสำหรับเธอ ถ้าคนอื่นๆรู้ว่าไอดอลระดับท็อปอย่างเฟิงเฟยเฟยมาต่อสู้เพื่อแย่งชิงแมลงแปดเสียงกับสามัญชน ถึงแม้เธอจะมาที่นี่ก่อน ผู้คนก็อาจจะนินทาเธอได้


 


เฟิงเฟยเฟยไม่ได้กลัวการนินทาของผู้คน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นบางสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดี


 


ความจริงแล้วเฟิงเฟยเฟยนั้นคิดมากเกินไป หานเซิ่นไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ เขามาที่นี่เพียงเพื่อจะจับแมลงแปดเสียงธรรมดาๆเท่านั้น


 


หานเซิ่นเดินลึกเข้าไปในหุบเขาไนท์คลาย ถึงแม้มันเพิ่งจะพลบค่ำและท้องฟ้าก็ยังไม่มืดจนเกินไป แต่ยิ่งเขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขามากเท่าไหร่ หุบเขาก็มืดลงมากเท่านั้น


 


มันไม่ได้มีต้นไม้ภายในหุบเขา มันมีเพียงแค่ต้นหญ้าและพืชขนาดเล็ก แต่ใบของต้นหญ้านั้นค่อนข้างยาว พวกมันมีความสูงมากกว่าสามฟุต เหตุผลที่ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าหุบเขาไนท์คลาย นั่นเป็นเพราะว่ายีนเรซของที่นี่จะปรากฎตัวออกมาเฉพาะในตอนกลางคืน ด้วยเหตุนั้นถึงหานเซิ่นจะเดินลึกเข้าในหุบเขา เขาก็ยังไม่พบยีนเรซเลยสักตัว


 


เมื่อหานเซิ่นเดินไปถึงทางตันซึ่งเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขา เขาก็ตัดสินใจจะรอคอยอยู่แถวๆนั้น


 


ในตอนนี้เขาอยู่ห่างจากผู้หญิงคนนั้นพอสมควร เขามองไม่เห็นเธออีกแล้ว และบริเวณรอบๆตัวเขาก็เต็มไปด้วยหญ้าที่มีความสูงสามฟุต ด้วยเหตุนั้นถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่เดินเข้ามา เธอก็จะไม่เห็นว่าหานเซิ่นกำลังทำอะไรอยู่


 


ในส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขา มันมีสระน้ำที่ใสมากๆอยู่ มันมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ขนาดของมันพอๆกับครึ่งหนึ่งของสนามบาสเท่านั้น ด้วยความใสของน้ำ หานเซิ่นสามารถมองเห็นก้อนหินที่อยู่ใต้ผิวน้ำ


 


ใกล้ๆกับสระน้ำมีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่หลายก้อน หานเซิ่นเลือกนั่งบนก้อนหินที่ใหญ่ที่สุดและมองสำรวจรอบๆ


 


เมื่อดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปอย่างสมบูรณ์ หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงหึ่งๆดังขึ้นมา มันเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นค่อนข้างคุ้นเคย มันเป็นเสียงของจิ้งหรีด


 


หานเซิ่นหันไปตามทางที่เสียงดังขึ้นมา แต่เขาหาจิ้งหรีดไม่พบ เขาค้นพบว่าเสียงนั้นดังมาจากช่องว่างในพื้นหินที่อยู่ใกล้ๆกับสระน้ำ


 


ในจังหวะที่หานเซิ่นต้องการจะเข้าไปดูว่ามันใช่ยีนเรซหรือไม่ ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวจากภายในสระน้ำ


 


หานเซิ่นตื่นตัวและจ้องลงไปในน้ำ ถึงแม้แสงภายในหุบเขาจะน้อยมากๆ แต่ด้วยสายตาของหานเซิ่น เขามองเห็นก้นของสระน้ำได้อย่างชัดเจน มันมีสิ่งมีชีวิตประหลาดกำลังขึ้นมาจากน้ำ


 


สิ่งมีชีวิตนั้นดูเหมือนกับตุ๊กแก ตัวของมันมีขนาดใหญ่และมีความยาวหนึ่งฟุต ร่างกายของมันมีสีเขียวเข้มและมีรอยตะปุ่มตะป่ำเหมือนกับคางคก ในตอนที่มันอยู่ในน้ำมันพลางตัวกับมอสส์ของน้ำ ซึ่งทำให้ยากที่จะสังเกตเห็นมัน


 


ตุ๊กแกสีเขียวเข้มตัวใหญ่นั้นปีนขึ้นมาจากสระน้ำ มันมุ่งหน้าไปหาเสียงหึ่งๆที่ดังออกมาจากช่องว่างในพื้นหิน มันดูเหมือนกับงูพิษที่กำลังเคลื่อนที่ไปหาเหยื่อของมัน


 


เมื่อเห็นตุ๊กแกตัวใหญ่กำลังเข้ามาใกล้ ในช่องว่างของพื้นหินก็มีแสงสีแดงเรืองออกมา มีบางสิ่งออกมาจากช่องว่างนั้น

 

 

 


ตอนที่ 3072 โพรงจิ้งหรีด

 

มีจิ้งหรีดสีดำที่มีหัวสีแดงออกมาจากช่องว่างในพื้นหิน มันเริ่มต่อสู้กับตุ๊กแกสีเขียวเข้ม จิ้งหรีดนั้นมีขนาดพอๆกับกำปั้นเท่านั้น ขนาดของมันเล็กกว่าเจ้าตุ๊กแกมาก แต่มันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันไม่ได้เสียเปรียบตุ๊กแกแต่อย่างใด เงาสีดำและเงาสีเขียวเข้าปะทะกันไปมาอยู่ที่ริมของสระน้ำ มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด


 


หานเซิ่นมองดูการต่อสู้ของพวกมันด้วยความสนใจ ระดับของยีนเรซทั้งสองไม่ได้สูงอะไรมากนัก อย่างมากที่สุดพวกมันก็เป็นแค่ระดับไวเคานต์เท่านั้น แต่ด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายสูสีกัน มันจึงให้ความรู้สึกที่ดุเดือด


 


“ถึงแม้พวกมันจะระดับไม่สูงมากนัก แต่ยีนเรซก็คือยีนเรซ เราจะรอคอยจนกระทั่งพวกมันต่อสู้กันเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเราจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นไข่ เราคงจะได้เงินพอสมควรจากการนำพวกมันกลับไปขาย อย่างน้อยๆมันก็ควรจะแก้ไขปัญหาเรื่องที่พักของเราได้”


 


หานเซิ่นมองดูการต่อสู้อย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้นรอยตะปุ่มตะป่ำบนหลังของเจ้าตุ๊กแกก็ระเบิด และทำให้ของเหลวสีเขียวกระจายเหมือนกับดอกไม้ที่บานออก


 


เปลือกของจิ้งหรีดที่สัมผัสกับของเหลวสีเขียวนั้นมีควันสีขาวลอยขึ้นมา เหมือนกับว่ามันถูกกัดกร่อนด้วยกรด


 


จิ้งหรีดส่งเสียงหึ่งๆและหันหลังเพื่อหนีไป เจ้าตุ๊กแตไล่ตามไปเมื่อเห็นว่าการโจมตีของมันได้ผล เจ้าจิ้งหรีดพยายามหนีกลับเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหินที่มันออกมา


 


แต่ของเหลวสีเขียวของตุ๊กแกนั้นมีพิษร้ายแรงเกินไป ก่อนที่จิ้งหรีดจะกลับเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหินได้ เปลือกของมันก็ถูกกัดกร่อนจนเผยให้เห็นเนื้อที่เละเทะอยู่ภายใน ดูเหมือนว่ามันคงจะไม่รอด


 


จิ้งหรีดใช้แรงเฮือกสุดท้ายถีบตัวเองเพื่อกระโดดหลบลิ้นของตุ๊กแก และเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหิน


 


“หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้น มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถึงมันจะหนีกลับเข้าไปในถ้ำได้ มันก็จะตายจากการถูกกัดกร่อนอยู่ดี”


หานเซิ่นรู้ว่าตอนนี้คือเวลาที่เขาต้องลงมือ แต่ทันใดนั้นตาดำของเขาก็หดเล็กลงไป


 


ในตอนที่เจ้าตุ๊กแกไปถึงตรงหน้าช่องว่างในพื้นหิน จู่ๆก็มีแสงเย็นพุ่งออกมาจากช่องว่าง ก่อนที่ตุ๊กแกสีเขียวจะตอบสนองอะไรได้ มันก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นก้อนหิน


 


“นี่จิ้งหรีดตัวนั้นมีความสามารถในการทำให้ศัตรูกลายเป็นหินอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมมันถึงไม่ใช้ให้เร็วกว่านี้?” หานเซิ่นรู้สึกสับสนมากๆ


 


แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาคิดมากนัก เขากังวลว่าด้วยอาการบาดเจ็บของจิ้งหรีด มันจะเสียชีวิตในไม่ช้า ถ้ามันตายไปซะก่อน ไม่ว่าพลังของคัมภีร์นภาอำพันของเขาจะสุดยอดยังไง เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นไข่ได้


 


หานเซิ่นแว็บมาปรากฏตัวตรงหน้าช่องว่างระหว่างพื้นหินอันลึกลับ เขาใช้คัมภีร์นภาอำพันเพื่อเตะใส่เจ้าตุ๊กแกที่กลายเป็นก้อนหินโดยแสงเย็น


 


ถึงแม้ร่างกายของมันจะกลายเป็นก้อนหิน แต่ภายใต้พลังของคัมภีร์นภาอำพัน มันก็ยังคงวิวัฒนาการย้อนกลับ มันกลายเป็นไข่สีเขียวเข้มที่มีขนาดเท่ากับไข่ของนกพิราบอย่างรวดเร็ว


 


หลังจากที่เก็บไข่ของตุ๊กแกขึ้นมา หานเซิ่นก็ชกใส่พื้นหินที่มีแสงเย็นพุ่งออกมา เขาต้องการจะระเบิดช่องว่างให้กว้างขึ้น และดูว่าเจ้าจิ้งหรีดนั้นกำลังทำอะไรอยู่ข้างใน


 


แต่หลังจากที่หานเซิ่นปล่อยหมัดออกไป พื้นหินก็เกิดรอยร้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่สามารถทำลายพื้นหินให้เปิดออกได้


 


“นี่มันอะไรกัน?” หานเซิ่นแปลกใจ พลังหมัดของเขาน่ากลัวมากๆ ไม่ต้องพูดถึงหิน แม้แต่ทองคำขาวบริสุทธิ์ก็จะถูกทำลายเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ตอนนี้คือทิ้งร่องรอยเพียงเล็กน้อยเอาไว้บนพื้นหิน เห็นได้ชัดว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับหินนี่


 


หานเซิ่นเห็นว่าภายในช่องว่างของพื้นหินนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ มันไม่มีแสงส่องออกมาจากช่องว่างอีกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงชกใส่พื้นหินซ้ำๆ ในตอนที่เขาปลดปล่อยหมัดที่สี่ พื้นหินก็แตก ทำให้ช่องว่างขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากับหัวของมนุษย์


 


หานเซิ่นมองเข้าไปในถ้ำและประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น ถ้ำนั้นมีขนาดพอๆกับอ่างอาบน้ำ มันไม่มีจิ้งหรีดอยู่ภายใน มันมีเพียงแค่กองเลือด มีโอกาสสูงที่กองเลือดนั้นคือสิ่งที่หลงเหลือจากร่างกายที่ถูกกัดกร่อนของจิ้งหรีดตัวนั้น


 


“นั่นคืออะไร?” หานเซิ่นมองไปที่กองเลือดและสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง


 


ภายในถ้ำหินนั้นชื้นมากๆและเต็มไปด้วยชั้นของมอสส์ กองเลือดนั้นดูเหมือนจะเป็นกรดที่เริ่มกัดกร่อนมอสส์ภายในถ้ำและเผยให้เห็นหินที่อยู่ใต้ล่าง


 


หินนั้นดูแบนๆ และดูเหมือนว่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยมือคน มันมีสัญลักษณ์บางอย่างสลักเอาไว้ แต่ภายใต้กองเลือดและมอสส์ เขาจึงมองเห็นไม่ชัดเจน


 


หานเซิ่นใช้มือเช็ดมอสส์ออกไปและค้นพบว่าที่ข้างใต้นั้นมีแผ่นหินที่มีสัญลักษณ์พิเศษสลักเอาไว้ หานเซิ่นพยายามทำลายหินที่อยู่รอบๆแผ่นหิน แต่แผ่นหินนั้นมีความยาวราวๆสี่ฟุตและความกว้างหนึ่งฟุต เขาจึงไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าที่เขาจะเอามันขึ้นมาได้


 


หานเซิ่นจำเป็นต้องอดทนและทำลายหินที่อยู่รอบๆแผ่นหินไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็สังเกตเห็นว่าแผ่นหินนั้นมีความหนาเพียงแค่ครึ่งฟุตเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่ยุ่งอยู่สักพัก ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถเอาแผ่นหินขึ้นมาได้สำเร็จ


 


ในตอนที่เขาเอาแผ่นหินขึ้นมาได้ เขาก็สังเกตเห็นว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่แผ่นหิน แต่เป็นกล่อง หินที่ใช้ทำมีสีเทาที่แตกต่างไปจากหินอื่นๆ


 


หานเซิ่นพยายามจะเปิดกล่องหินนั่น แต่เขาพบว่าไม่สามารถทำได้ เขาลองใช้มือเป็นเหมือนกับมีดเพื่อฟันใส่มัน แต่เขาก็ทำได้แค่ทิ้งรอยสีขาวบางๆเอาไว้บนผิวของกล่องหินเท่านั้น


 


“กล่องหินนี้แปลกจริงๆ” หานเซิ่นคิดว่ามันยังคงเหลือเวลาก่อนที่แมลงแปดเสียงจะปรากฎตัว เขาจึงวางกล่องลงและกลับไปเช็คภายในถ้ำหินอีกครั้ง แต่เขาไม่พบอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็ใช้หินที่อยู่รอบๆมากลบถ้ำที่เขาค้นพบเอาไว้


 


หานเซิ่นคิด ‘แสงที่มีพลังในกลายทำให้สิ่งต่างๆกลายเป็นหินนั่นคงจะไม่ได้มาจากเจ้าจิ้งหรีด เพราะยังไงซะมันก็ดูไม่เหมือนยีนเรซธาตุหิน ถ้ามันไม่ได้มาจากจิ้งหรีด มันก็ต้องมาจากกล่องหินนี่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นในตอนที่เราขุดกล่องหินนี่ขึ้นมา ทำไมกล่องหินถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร?’


 


หานเซิ่นมองไปที่ด้านบนของกล่องหินที่เดิมทีมีเลือดของจิ้งหรีดอยู่ แต่ในตอนนี้เลือดแห้งไปเรียบร้อยแล้ว


 


หัวใจของหานเซิ่นเต้นตึกตักและเขาคิดไปว่า ‘สิ่งนี้คงจะไม่ได้มีปฏิกิริยากับเลือดหรอกใช่ไหม?’


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะลองทดสอบด้วยเลือดของตัวเอง เขามองไปรอบๆเพื่อหายีนเรซสักตัว


 


ทันใดนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงที่เหมือนกับเสียงดีดของสายพิณ มันดังมาจากภายในพุ่มหญ้า หานเซิ่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นพระจันทร์ปรากฏขึ้นเหนือหุบเขา ตอนนี้มันถึงเวลากลางคืนแล้ว


 


ไม่นานหลังจากนั้น หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดีดพิณดังขึ้นอีก มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเล่นพิณอยู่ เสียงของมันฟังดูไพเราะมากๆ


 


หานเซิ่นกลั้นหายใจ ร่างกายของเขาหยุดนิ่งเหมือนกับว่าเขาถูกแช่แข็งให้กลายเป็นหิน


 


แมลงแปดเสียงไม่มีความสามารถในการมองเห็น แต่มันมีประสาทหูที่ดีเป็นพิเศษ แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ไกลไปหลายไมล์ก็ไม่สามารถซ่อนตัวจากพวกมันได้ ถ้าผู้คนต้องการจะจับแมลงแปดเสียง พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้เกิดเสียงได้ แม้แต่เสียงเต้นของหัวใจก็จะทำให้พวกมันตื่นตัว


 


เขาจำเป็นต้องรอจนกระทั่งพวกมันออกมาจากพื้นและจัดการกับพวกมันในตอนที่เข้ามาใกล้ เขาไม่สามารถเปิดโอกาสให้พวกมันหนีกลับลงไปในพื้นดินได้


 


หานเซิ่นควบคุมร่างกายและนั่งนิ่งเหมือนกับเป็นก้อนหิน ไม่นานหลังจากนั้นจากเขาก็เห็นแสงสีขาวบินออกมาจากพุ่มไม้ ภายในความมืดยามค่ำคืนนั้นมันดูเหมือนกับหิ่งห้อย

 

 

 


ตอนที่ 3073 ไข่แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะเคยดูวิดีโอในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับแมลงแปดเสียง แต่การได้มาเห็นของจริงก็ยังคงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่ดี


 


มีผีเสื้อที่เรืองแสงสีขาวบินออกมาจากพุ่มไม้ แต่ร่างกายที่ควรจะเป็นแมลงนั้นกลับดูเหมือนกับของมนุษย์ มันทำให้แมลงตัวนั้นดูเหมือนกับมนุษย์ผีเสื้อตัวน้อย


 


ในมือของแมลงแปดเสียงกำลังถือเครื่องดนตรีที่ดูเหมือนกับพิณ แต่ทว่ามันมีทั้งหมดแปดสาย นิ้วของแมลงแปดเสียงกำลังเล่นเครื่องดนตรีเพื่อสร้างเสียงเพลงขึ้นมา


 


เสียงดนตรีที่แมลงแปดเสียงเล่นนั้นฟังดูไพเราะมากๆ แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาที่จะมาชื่นชมพวกมัน ในตอนที่เขากำลังจะใช้คัมภีร์นภาอำพันเพื่อจัดการกับมัน จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงจากอีกเครื่องดนตรีหนึ่ง


 


“นี่มันมีแมลงแปดเสียงออกมาเพิ่มอีกอย่างนั้นหรอ?”


หานเซิ่นตัดสินใจที่จะหยุดนิ่งต่อไป ถ้าเขาลงมือในตอนนี้ แมลงแปดเสียงตัวอื่นก็อาจจะหวาดกลัวและไม่ออกมาอีก


 


ไม่นานหลังจากนั้นก็มีกลุ่มแสงพากันออกมาจากพุ่มหญ้า พวกมันเป็นกลุ่มของแมลงแปดเสียง พวกมันเล่นเครื่องดนตรีประสานเสียงกันโดยที่ไม่มีเสียงไหนที่ขัดแย้ง มันเหมือนกับงานเทศกาลดนตรี


 


แมลงแปดเสียงที่งดงามพากันเต้นระบำออกมาจากพุ่มไม้เรื่อยๆ ในเวลาอันสั้นมันมีแมลงแปดเสียงปรากฎตัวออกมาหลายสิบตัว


 


หานเซิ่นรู้ว่าในหุบเขาไนท์คลายนั้นมีแมลงแปดเสียงอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เขาไม่คิดว่าจะพบกับพวกมันเยอะขนาดนี้ นี่เป็นแค่บริเวณเล็กๆ แต่มันกลับมีแมลงแปดเสียงหลายสิบตัวปรากฎออกมา


 


Ding!


เสียงของเครื่องดนตรีดังขึ้นให้ได้ยินอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงดนตรีนั้นแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินเสียงดนตรีนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ เขาอดไม่ได้ที่จะหลงไหลในเสียงดนตรีนั้น


 


ความจริงแล้วหลังจากที่เสียงของเครื่องดนตรีนี้ดังขึ้นมา แมลงแปดเสียงตัวอื่นก็หยุดเล่นเครื่องดนตรีของตัวเอง


 


หานเซิ่นมองไปในทางที่มีเสียงดังขึ้นมาและเห็นแมลงแปดเสียงที่เรืองแสงสีเงินบินอยู่รอบๆสระน้ำ เขาไม่แน่ใจว่ามันบินมาจากไหน แต่ตอนนี้มันมาโผล่เหนือผิวน้ำ มันบินไปรอบๆขณะที่เล่นพิณแปดสายในมือของมัน


 


แมลงแปดเสียงปกตินั้นจะมีแสงสีขาว แต่แมลงแปดเสียงตัวนี้มีแสงสีเงิน แม้แต่พิณในมือของมันก็ทำขึ้นมาจากหยกเงิน และสายทั้งแปดเส้นก็เรืองแสงสีเงินออกมา นิ้วน้อยๆกำลังดีดพวกมันอย่างอ่อนโยน ทำให้เกิดเป็นเสียงดนตรีที่ไพเราะในหูของหานเซิ่น เขารู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจกำลังถูกชำระล้าง


 


“แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์?” หานเซิ่นรู้สึกดีใจที่เห็นแบบนั้น แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ถือว่าหาได้ยากมากๆ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ที่นี่


 


โดยไม่ลังเล ร่างกายของหานเซิ่นระเบิดพลังออก เขาเป็นเหมือนกับเงาที่แว็บไปปรากฏตัวต่อหน้าแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ กำปั้นของเขาห่อหุ้มด้วยแสงสีแดง ขณะที่ชกออกไปใส่แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์


 


แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นั้นเป็นเพียงแค่ระดับเอิร์ลเท่านั้น ถึงมันจะแข็งแกร่งกว่าแมลงแปดเสียงระดับไวเคานต์ธรรมดาๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเซิ่น มันถือว่าอ่อนแอ่มากๆ


 


หานเซิ่นไม่ได้รอคอยผลลัพธ์ของการโจมตี ก่อนที่ร่างกายของเขาจะแว็บหายไปอีกครั้ง เขาไปปรากฎตัวตรงหน้าแมลงแปดเสียงตัวอื่นๆก่อนจะชกใส่ออกไป


 


แมลงแปดเสียงทั้งหมดถูกวิวัฒนาการย้อนกลับจนกลายเป็นไข่ยีนสีขาวในชั่วครู่ แม้แต่แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ก็อดทนได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีก่อนที่มันจะกลายเป็นไข่ยีนเช่นกัน


 


“ด้วยวิชาพิเศษนี่ เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินอีกต่อไป”


หานเซิ่นรีบเก็บไข่ยีนของเหล่าแมลงแปดเสียงขึ้นมา พวกมันกลิ้งไปมาในฝ่ามือของเขาราวกับไข่มุก เขารู้สึกดีใจมากเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ออกมา


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังดีใจอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงฉีกขาดของมิติอวกาศดังขึ้นมาให้ได้ยิน เขาหันไปมองและเห็นผู้หญิงคนนั้นที่กำลังบินมาด้วยปีกสีขาว


 


เฟิงเฟยเฟยเลือกจะรอคอยการปรากฎตัวของแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ที่ใจกลางของหุบเขา เพื่อที่ในตอนที่แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ปรากฎตัวออกมา เธอจะได้เห็นเป็นคนแรก


 


ด้วยเหตุนั้นในตอนที่เสียงดนตรีของแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ดังขึ้นบริเวณสระน้ำ เฟิงเฟยเฟยจึงรีบมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบ เธอพยายามบินมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันยังคงสายเกินไป ในตอนที่เธอมาถึง เธอเห็นเพียงแค่หานเซิ่น เขาได้เก็บไข่ทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้ว


 


เฟิงเฟยเฟยฉีกมิติอวกาศเพื่อจะมาถึงที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เห็นแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์อยู่รอบๆ ดังนั้นเธอรู้ว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล


 


“แปลกจริงๆ เราได้ยินเสียงดนตรีของแมลงแปดเสียงหลายตัว ซึ่งรวมถึงเสียงดนตรีของแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ดังขึ้นมาจากบริเวณสระน้ำ แบบนั้นทำไมมันถึงไม่มีแมลงแปดเสียงอยู่เลยสักตัว?”


เฟิงเฟยเฟยมองไปรอบๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็สัมผัสถึงการมีอยู่ของแมลงแปดเสียงไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว มีเพียงแค่หานเซิ่นเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ เธอจึงคาดเดาไปว่าหานเซิ่นคงจะเป็นฆ่าแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก


 


หานเซิ่นมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น แต่เขาไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะเริ่มเดินออกไปจากหุบเขา


 


เฟิงเฟยเฟยมาขวางหน้าหานเซิ่นเอาไว้ ด้วยการที่เกิดเสียงดังขนาดนี้ แมลงแปดเสียงตัวอื่นก็คงจะซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัว พวกมันคงจะไม่กล้าออกมาเป็นเวลาหลายวัน


 


ด้วยเหตุนั้นเฟิงเฟยเฟยจึงตัดสินใจมาหยุดหานเซิ่นที่กำลังจะออกไปจากหุบเขา “เจ้าจับตัวแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ไปแล้วอย่างนั้นหรอ?”


 


“แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์คืออะไร? ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน” หานเซิ่นทำหน้าเหมือนกับว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไร


 


เฟิงเฟยเฟยรู้สึกโกรธ เธอมั่นใจว่าได้ยินเสียงดนตรีของแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์จากบริเวณสระน้ำ หานเซิ่นอยู่ในบริเวณที่มีเสียงดนตรีดังขึ้นมา ถ้าหานเซิ่นบอกเธอว่าเขาปล่อยให้แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์หนีไปได้ เธอก็คงจะยอมรับได้ แต่นี่มันเห็นได้ชัดว่าเขาพูดโกหก


 


“ได้โปรดอย่าเข้าใจผิด ถ้าเจ้ายินดีขายแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ให้กับข้า ข้ายินดีจะจ่ายเป็นสองเท่าของราคาตลาด” เฟิงเฟยเฟยพูด


 


“ข้าจะไม่ขายมัน” ครั้งนี้หานเซิ่นตอบไปตรงๆ


 


แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นั้นกลายเป็นไข่ยีนไปแล้ว ด้วยเหตุนั้นถ้าเฟิงเฟยเฟยเห็นมัน เธอก็ต้องสงสัยขึ้นมา แถมไข่ยีนมีมูลค่ามากกว่าแค่สองเท่า มันเป็นไข่ยีนกลายพันธุ์ที่หาได้ยาก ถึงแม้ระดับของมันจะไม่สูงมาก แต่เขาก็คงจะขายมันได้เป็นสิบเท่าของราคาตลาด


 


แถมการที่มันเป็นไข่ยีนที่หายากแบบนี้ หานเซิ่นสามารถใช้มันเพื่อดึงความสนใจและสร้างชื่อเสียงให้กับร้านของเขาได้


 


เฟิงเฟยเฟยผิดหวังอย่างมาก แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับมัน


 


หานเซิ่นนำกล่องหินติดตัวเขาไปด้วย ในตอนที่เขาไปถึงใจกลางของหุบเขาไนท์คลาย จู่ๆเขาก็เห็นชายรูปงามคนหนึ่งกำลังขี่ยูนิคอร์นสีขาวเข้ามาในหุบเขา


 


“ไม่ว่าจะด้วยราคาเท่าไหร่ ข้าก็ยินดีจะซื้อแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ บอกราคามา” ชายที่นั่งอยู่บนหลังของยูนิคอร์นมองลงมาที่หานเซิ่นและพูด


 


“มิสเตอร์จิน เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เฟิงเฟยเฟยขมวดคิ้วเมื่อเห็นชายรูปงามคนนี้


 


“ข้าได้ยินมาว่ามิสเตอร์เฟยเฟยเดินทางมาที่หุบเขาไนท์คลายตามลำพัง ข้ากลัวว่าจะตกอยู่ในอันตราย ด้วยเหตุนั้นข้าจึงรีบมาที่นี่” มิสเตอร์จินพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“ขอบคุณมิสเตอร์จิน” เฟิงเฟยเฟยไม่ได้รู้สึกดีใจในเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ปล่อยให้มันแสดงออกมาทางสีหน้า


 


“ด้วยความยินดี” มิสเตอร์จินแสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด


“มิสเตอร์เฟยเฟยจำเป็นต้องใช้แมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นั่น เจ้าแค่บอกข้ามาว่าเจ้าจะขายมันในราคาเท่าไหร่ ไม่ว่าราคาจะสูงขนาดไหน ข้าก็จะไม่ต่อรอง บอกราคากับข้ามา”


 


เฟิงเฟยเฟยต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกมา เธอก็ได้ยินหานเซิ่นพูดว่าเขาไม่ยินดีจะขายมันออกมาเรียบร้อยแล้ว เธอมองไปที่หานเซิ่นด้วยความแปลกใจ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)