Super God Gene 3052-3057
ตอนที่ 3052 ยีนเรซในภูเขา
โอหยางชิวซานมองไปที่ภูเขา และจู่ๆร่างกายของเขาก็เรืองแสงสีเขียวออกมา
วินาทีต่อมา หานเซิ่นและคนอื่นๆสังเกตเห็นว่าดวงตาของโอหยางชิวซานนั้นกลายเป็นสีเขียวเหมือนกับดวงตาของงู ร่างกายของเขามีเกล็ดงูสีเขียวปรากฎขึ้นมาและมีปีกประหลาดงอกออกมาบนหลังของเขา ร่างกายทั้งร่างของเขาดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดจากการรวมร่างกับยีนเรซ
ก่อนที่จะมีใครตอบสนองอะไรได้ โอหยางชิวซานก็แกว่งมือออกไปในทิศทางที่มีเสียงร้องดังขึ้นมา มีดสายลมที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าไปในป่า กิ่งไม้ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยฟุตถูกตัดจนขาด และตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ
“เรียบร้อย” โอหยางชิวซานพูด
หลังจากที่เห็นแบบนั้น พีชฟูลขมวดคิ้ว ส่วนทางด้านมิสเตอร์หยางนั้นมองไปที่โอหยางชิวซานด้วยความแปลกใจและถาม
“ยีนเรซของเจ้าคือวินด์วิงด์สเนคในตำนานอย่างนั้นหรอ?”
โอหยางชิวซานมีสีหน้าที่อวดดี เขามองไปที่มิสเตอร์หยางและพูด
“สมแล้วที่เป็นมิสเตอร์ เจ้ามีความรู้กว้างขวางมาก นี่คือวินด์วิงด์สเนคของตระกูลโอหยาง”
คนอื่นๆไม่รู้ว่าวินด์วิงด์สเนคคืออะไร ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปที่มิสเตอร์หยางและถาม
“มิสเตอร์หยาง ระดับของยีนเรซวินด์วิงด์สเนคคือระดับอะไร? มันทรงพลังมากอย่างนั้นหรอ? เมื่อเทียบกับสตอร์มไทเกอร์ระดับราชันมันเป็นยังไง?”
เมื่อโอหยางชิวซานได้ยินแบบนั้น เขาก็มีสีหน้าดูถูก แต่เขาไม่คิดจะพูดอธิบาย
มิสเตอร์หยางพูด “สตอร์มไทเกอร์ระดับราชันแข็งแกร่งก็จริง แต่วินด์วิงด์สเนคนั้นแตกต่างออกไป ในตำนานกล่าวเอาว่าขณะที่คนรุ่นก่อนของตระกูลโอหยางกำลังตามหาชีพจรพระเจ้าบนภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต จู่ๆพวกเขาก็เห็นพายุก่อตัวขึ้นในระยะไกล ท้องฟ้าที่สว่างไสวนั้นเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าที่มืดมิด หลังจากนั้นก็มีพายุสีเขียวที่เหมือนกับมังกรปรากฎขึ้นมาทำลายหุบเขา ต้นไม้มากมายถูกถอนรากและลอยขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ พายุสีเขียวนั้นไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้ในหุบเขาแม้แต่นิดเดียว หัวหน้าตระกูลโอหยางคิดว่ามันต้องมีบางสิ่งผิดปกติในหุบเขานั่น ดังนั้นเขาจึงรอคอยอยู่นอกหุบเขาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน เขารอจนกระทั่งพายุสีเขียวหยุดลง ก่อนที่จะเข้าไปในหุบเขา มันมีชีพจรพระเจ้าประหลาดอยู่ข้างใน เขาขุดพบไข่ยีนของวินด์วิงด์สเนคจากในชีพจรพระเจ้านั้น”
“ไข่ยีนของวินด์วิงด์สเนคก่อให้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นอย่างนั้นหรอ?”
ชายคนนั้นพูด “ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องเป็นยีนเรซที่ทรงพลังมากๆ นี่มิสเตอร์ชิวซานนำยีนเรซนี้มาเพื่อช่วยเหลือพวกเราหรอเนี่ย? ข้ารู้สึกปลอดภัยขึ้นมากหลังจากที่ได้รู้เรื่องนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการพบกับยีนเรซที่ทรงพลังอีกต่อไป”
คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาต่างก็พากันชื่นชมโอหยางชิวซาน มันทำให้โอหยางชิวซานดูอวดดียิ่งกว่าเดิม
หานเซิ่นเห็นว่ารอยยิ้มของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ ผู้คนที่กล้ามาที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตนั้นไม่มีใครที่อ่อนแอ พวกเขาแค่คิดที่จะหลอกใช้โอหยางชิวซาน พวกเขาต้องการทำให้โอหยางชิวซานหลงตัวเอง และเมื่อพวกเขาไปพบกับยีนเรซที่แข็งแกร่ง โอหยางชิวซานก็จะอยากแสดงความสามารถของตัวเองและเข้าไปต่อสู้เป็นคนแรก นั่นจะทำให้ความเสี่ยงของพวกเขาลดน้อยลงไป
“ไปดูสิว่ายีนเรซนั่นคือตัวอะไร” พีชฟูลสั่งให้ชายคนนั้นไปเอาตัวของยีนเรซที่โอหยางชิวซานฆ่ามา
เครื่องหมายโลหิตชีพจรเทพสปิริตบนหน้าผากของชายคนนั้นเรืองแสงขึ้นมา และทันใดนั้นยีนเรซที่เหมือนกับวานรก็ถูกเรียกออกมา หลังจากที่รวมร่างกับเจ้าของ คนๆนั้นก็ดูเหมือนกับวานร เขาขึ้นไปบนภูเขาที่ลาดชันมากๆได้อย่างรวดเร็ง
“อ้า!”
ทุกคนรอคอยให้คนๆนั้นนำร่างของยีนเรซกลับมา แต่จู่ๆนั้นชายคนนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาแทน
จ้าวจื่อเย่ที่เป็นหัวหน้าของคนที่ขึ้นไปบนภูเขานั้นรีบตะโกนขึ้นว่า “ลุงเก้า! เกิดอะไรขึ้น?”
ถึงแม้หัวหน้าที่แท้จริงของการเดินทางในครั้งนี้จะคือพีชฟูล แต่เธอพาองครักษ์มาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นนอกจากหานเซิ่น มิสเตอร์หยาง โอหยางชิวซานและโกสต์คิลล์แล้ว คนอื่นๆทุกคนเป็นคนของจ้าวจื่อเย่
เนื่องจากพีชฟูลไม่ได้แนะนำตัวของจ้าวจื่อเย่ หานเซิ่นจึงไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับจ้าวจื่อเย่
จ้าวจื่อเย่ดูเหมือนกับชายแก่ที่อายุราวๆห้าสิบถึงหกสิบปี ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ชอบพูดตลก เขาดูเหมือนกับชายแก่ที่ใจดีคนหนึ่ง
แต่หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าคนอื่นๆดูเหมือนจะเชื่อฟังจ้าวจื่อเย่อย่างน่าแปลก มันไม่ได้ดูเหมือนการเชื่อฟังจากความเคารพ แต่เป็นการเชื่อฟังจากความหวาดกลัวมากกว่า
จ้าวจื่อเย่ตะโกนอีกหลายครั้ง แต่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา มันทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
ใบหน้าของโอหยางชิวซานดูแย่ขึ้นมา เขาเป็นคนที่บอกว่าภัยอันตรายในภูเขานั้นถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้คนๆหนึ่งเพิ่งจะส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา คำพูดของเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้คนของจ้าวจื่อเย่ถูกส่งออกไปเพื่อเก็บร่างของยีนเรซ
ตอนนี้เมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับลุงเก้า ทุกคนก็หันไปมองที่โอหยางชิวซานที่ตอนนี้มีสีหน้าที่มืดมัว
“ข้าจะไปดูเอง” โอหยางชิวซานพูดก่อนที่จะกระพือปีกเกล็ดเขียวเพื่อบินไปในภูเขา
“พวกเราควรไปดูพร้อมกัน” พีชฟูลกังว่ามันจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับโอหยางชิวซานด้วยอีกคน ดังนั้นเธอจึงรวมร่างกับยีนเรซก่อนที่จะขึ้นไปบนภูเขา
ทุกคนเรียกยีนเรซของตัวเองออกมาและรวมร่างกับพวกมันก่อนที่จะตามพีชฟูลไป
“มิสเตอร์หยาง ข้าขอเสียมารยาท” หานเซิ่นถือเสาโลหะอยู่ในมือข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างจับตัวของมิสเตอร์หยาง หลังจากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนภูเขา
หลังจากการกระโดด หานเซิ่นก็วางมิสเตอร์หยางลงและได้ยินเสียงร้องดังมาจากภายในป่า เขารีบตามคนอื่นๆเข้าไปและสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ คนอื่นๆเองก็ดูจะตกใจเช่นเดียวกัน
ใบไม้ร่วงหล่นลงมาจากทุกหนทุกแห่ง และบนต้นไม้ที่สูงเก่าฟุตนั้นมีหนังของวานรติดอยู่ตามลำต้น ขนสีทองของมันถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดง และเลือดยังคงหยดลงมาบนพื้น
เมื่อหานเซิ่นมองดูดีๆ เขาก็สังเกตได้ว่ามันไม่ใช่หนังของวานร แต่มันเป็นของลุงเก้าที่รวมร่างกับยีนเรซข ตอนนี้ลุงเก้าเหลืออยู่เพียงแค่หนังเท่านั้น
โอหยางชิวซานนั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และอ้วกออกมา ไม่สำคัญว่าเขาจะมีพรสวรรค์ขนาดไหน แต่เขาไม่เคยเห็นภาพที่น่าสยดสยองแบบนี้มาก่อน
เลือดยังคงหยดลงมาจากหนังบนต้นไม้ มันทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวและหนาวไปถึงกระดูก
หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้นมาอีกครั้งจากระยะที่ไม่ไกลออกไป เสียงร้องนั้นคล้ายคลึงกับเสียงร้องของทารกและเสียงร้องของแมว ไม่ว่ามันจะเป็นเสียงร้องของตัวอะไรก็ตาม มันก็ทำให้ทุกคนหนาวจนตัวสั่น
หานเซิ่นมองไปในทิศทางที่เสียงร้องดังขึ้นมา เนื่องจากประสาทสัมผัสที่เจ็ดของเขาไม่สามารถใช้งานได้ เขาจึงมองไม่เห็นที่มาของเสียงนั่น
ตอนที่ 3053 บลัดโกสต์สปิริต
“ข้าอยากเห็นจริงๆว่ามันคือตัวอะไรกันแน่” โอหยางชิวซานพูดขึ้นมาก่อนที่จะกระพือปีกบนหลังเพื่อบินออกไป
แต่พีชฟูลหยุดเขาเอาไว้และพูด “ก่อนอื่นพวกเราต้องหาให้ได้ก่อนว่ามันคืออะไร ในภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตนั้นมียีนเรซที่น่ากลัวและโหดร้ายอยู่มากมาย บางทีตอนนี้พวกเราอาจจะไปเจอกับยีนเรซที่น่ากลัวมากๆเข้า พวกเราไม่ควรประมาทศัตรูแบบนั้น”
หนึ่งในคนของจ้าวจื่อเย่พูดขึ้นมาอย่างหวาดกลัว “บลัดโกสต์สปิริต… พวกเราต้องกำลังเจอกับบลัดโกสต์สปิริตแน่ๆ!”
นี่ถือเป็นงานใหญ่ ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีมิสเตอร์แค่คนเดียวที่ร่วมเดินทางมาด้วย นอกจากมิสเตอร์หยางแล้ว จ้าวจื่อเย่ได้พามิสเตอร์มาด้วยอีกสองคน มิสเตอร์ที่ดูหวาดกลัวนั้นคือมิสเตอร์หลี่สามตา ชื่อสกุลของเขาคือหลี่ แต่เหตุผลที่เขาได้สมญานามว่าสามตานั้นเป็นเพราะรอยแผลเป็นบนหน้าผากของเขา
นอกจากที่มิสเตอร์หลี่จะมองหาชีพจรพระเจ้าได้แล้ว เขายังมีความสามารถในการระบุชนิดของไข่ยีนและยีนเรซ เขาแค่จำเป็นต้องเห็นรูปร่างของไข่เพื่อจะระบุชนิดของยีนเรซที่อยู่ภายใน นั่นเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาถูกเรียกว่าหลี่สามตา
ในตอนที่จ้าวจื่อเย่ได้ยินคำว่าบลัดโกสต์สปิริต ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“สามตา เจ้าแน่ใจหรือว่ายีนเรซที่พวกเขากำลังเผชิญหน้านั้นคือบลัดโกสต์สปิริตน่ะ?”
หลี่สามตาตัวสั่นขณะที่พูดยืนยัน “ข้าไม่มีทางดูผิด มันต้องเป็นบลัดโกสต์สปิริตไม่ผิดแน่ ข้าเคยได้ยินว่าในภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตนั้นมีบลัดโกสต์สปิริตอยู่ และตอนนี้หนังของลุงเก้าก็ถูกแขวนอยู่กับต้นไม้ นอกจากบลัดโกสต์สปิริตที่กินเนื้อและกระดูกเป็นอาหารแล้ว มันยังจะเป็นฝีมือของยีนเรซไหนได้อีก?”
พีชฟูลและคนอื่นๆเหมือนกับหานเซิ่น พวกเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับบลัดโกสต์สปิริต พีชฟูลจึงถามขึ้นว่า
“มิสเตอร์หลี่ เจ้าพออธิบายได้ไหมว่าบลัดโกสต์สปิริตนั้นมีธาตุอะไรและอยู่ระดับไหน?”
มิสเตอร์หลี่สามตามีสีหน้าที่ซับซ้อน “ท่านหญิงพีชฟูล ในอาณาจักรฉินนั้นมีนักฆ่าที่ชื่อว่าโมหลี่อยู่ ท่านคงจะเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน”
พีชฟูลพยักหน้าและพูด “โมหลี่นั้นเป็นฮีโร่ของอาณาจักรฉิน เมื่อก่อนในตอนที่อาณาจักรชู เว่ยและหานต้องการจะโจมตีอาณาจักรฉิน โมหลี่นั้นปลอมตัวเป็นนักฆ่าจากอาณาจักรชูเพื่อลอบสังหารราชาของอาณาจักรเว่ย ถึงเขาจะช่วยให้อาณาจักรฉินพ้นภัย แต่เขาก็ต้องถูกคนประณามเป็นเวลาหลายสิบปี ทั้งๆที่จริงๆแล้วเขาคือฮีโร่ของอาณาจักรฉิน”
มิสเตอร์หลี่สามตาพยักหน้าและพูด “ตำนานบอกว่าโมหลี่นั้นมียีนเรซอยู่สามตัว ตัวที่มีชื่อเสียงที่สุดคือโลนสกายดราก้อน มันมีชื่อเสียงจากการสังหารราชาของอาณาจักรเว่ย ทุกคนรู้ในเรื่องนั้น แต่มีน้อยคนที่จะรู้ว่าจริงๆแล้วโมหลี่ใช้ยีนเรซสามตัวในการลอบสังหารราชาของราชาเว่ย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือบลัดโกสต์สปิริต”
“จริงหรอเนี่ย? ระดับของยีนเรซบลัดโกสต์สปิริตคือระดับอะไรกัน? และมันมีพลังแบบไหน?” โอหยางชิวซานถามด้วยความแปลกใจ
มิสเตอร์หลี่สามตาส่ายหัว เขาดูหวาดกลัวขณะที่พูดขึ้นว่า
“ไม่มีใคนรู้ว่าพลังของบลัดโกสต์สปิริตคืออะไร นั่นก็เพราะว่านอกจากโมหลี่แล้ว ไม่มีใครในโลกนี้ที่มีบลัดโกสต์สปิริตอีก ตำนานกล่าวว่าชีพจรพระเจ้าที่ให้กำเนิดบลัดโกสต์สปิริตนั้นอยู่ใต้เมืองหนึ่ง เมืองๆนั้นเคยมีประชากรมากถึงสิบล้านคน แต่ทุกคนถูกฆ่าตายภายในวันเดียว ทั้งเมืองเต็มไปด้วยหนังของมนุษย์และเลือดนองท่วมเมืองโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ในภายหลังชีพจรพระเจ้าถูกค้นพบใต้เมืองแห่งนั้น มันเป็นชีพจรของไข่ยีนที่ให้กำเนิดบลัดโกสต์สปิริต”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของพีชฟูลก็เปลี่ยนไป “เมืองที่มิสเตอร์หลี่กำลังพูดถึงคือเมืองฮาล์ฟเดย์ใช่ไหม?”
“ใช่ มันคือเมืองฮาล์ฟเดย์” มิสเตอร์หลี่สามตาพูดพร้อมกับพยักหน้า
พีชฟูลมองลึกเข้าไปในป่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับเมืองฮาล์ฟเดย์และการมีอยู่ของยีนเรซที่โหดร้ายมากๆ ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันคือบลัดโกสต์สปิริต”
เสียงร้องไห้ดังขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่ามันกำลังตอบรับคำพูดของพีชฟูล ภายในภูเขานั้นดังก้องไปด้วยเสียงร้องประหลาดที่เหมือนกับเสียงร้องไห้ของทารก มันทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวและเหงื่อตก
“ถ้านั่นคือบลัดโกสต์สปิริตจริงๆ ข้ากลัวว่าพวกเราทุกคนคงจะต้องตายอยู่ที่นี่” มิสเตอร์หลี่สามตาพูด
“บลัดโกสต์สปิริตเป็นยีนเรซที่โหดเหี้ยม ถ้าพวกเราไปทำให้มันโกรธ ถึงแม้พวกเราจะหนีออกไปจากภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตได้สำเร็จ แต่มันก็จะไล่ตามไปฆ่าพวกเราทุกคน”
หลังจากที่พูดจบ มิสเตอร์หลี่ก็เหลียวมองไปที่โอหยางชิวซาน
ถึงมิสเตอร์หลี่สามตาจะไม่มองไปที่โอหยางชิวซาน ทุกคนก็รู้ดีว่าโอหยางชิวซานเป็นคนที่โจมตีใส่บลัดโกสต์สปิริต ถ้าพวกเขายอมมอบตัวโอหยางชิวซานไปให้กับบลัดโกสต์สปิริต มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะรอด
นอกจากโอหยางชิวซานที่ยังไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น คนอื่นๆนั้นรู้ดี พีชฟูลรีบพูดขึ้นมา
“พวกเรายังไม่รู้ว่ามันใช่บลัดโกสต์สปิริตจริงๆหรือไม่ ถึงแม้มันจะใช่บลัดโกสต์สปิริตจริงๆ พวกเราจะยอมกลับไปมือเปล่าเพียงเพราะบลัดโกสต์สปิริตอย่างนั้นหรอ?”
หลังจากที่พีชฟูลพูดแบบนั้น จ้าวจื่อเย่ก็ขมวดคิ้ว ที่พีชฟูลพูดออกมาแบบนั้นก็เพราะเธอต้องการจะปกป้องโอหยางชิวซาน ทุกคนรู้ในเรื่องนั้น แต่สิ่งที่เธอพูดก็สมเหตุสมผล พวกเขาทุกคนในที่นี้ล้วนแต่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด พวกเขาจะกลับไปมือเปล่าเพียงเพราะว่ามันอาจจะมีบลัดโกสต์สปิริตอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ยังไง?
ถ้าพวกเขาไปต่อ การมีโอหยางชิวซานที่มียีนเรซวินด์วิงด์สเนคนั้นจะเป็นประโยชน์กับพวกเขาอย่างมาก
จ้าวจื่อเย่ยิ้มขึ้นมา ขณะที่มองไปที่โอหยางชิวซาน “มิสเตอร์ชิวซานเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเราทั้งหมด พวกเราจะฟังคำสั่งของมิสเตอร์ชิวซาน คิดว่าพวกเราควรจะไปต่อหรือไม่”
โอหยางชิวซานยังเด็กเกินไป เขาเป็นคนหนุ่มที่หลงตัวเอง เขาขาดประสบการณ์และไม่รู้ถึงเจตนาที่แอบแฝงอยู่ในคำพูดของคนอื่น เขาคิดว่าทุกคนกำลังหวังพึ่งเขา เขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วจ้าวจื่อเย่ต้องการจะใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ การที่เขาเห็นจ้าวจื่อเย่พูดกับเขาอย่างมีมารยาทนั้นทำให้เขารู้สึกว่าทุกคนกำลังพึ่งพาเขาอยู่ เขาจึงพูดขึ้นว่า
“พวกเรามาที่นี่เพื่อล่ายีนเรซ พวกเราจะปล่อยให้ตัวเองถูกยีนเรซแค่ตัวเดียวขู่จนต้องหนีไปไม่ได้ ข้าจะไปดูลาดเลาข้างหน้าและรับประกันความปลอดภัยของทุกคนเอง”
ทุกคนเอยชมโอหยางชิวซาน พวกเขาทำให้เด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสาคนหนึ่งดูเหมือนกับเทพ หานเซิ่นได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมาเมื่อเห็นว่าโอหยางชิวซานนั้นดีใจกับคำชมที่ได้รับ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พีชฟูลต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนใจและไม่พูดออกมา เรื่องนี้เป็นเรื่องของโอหยางชิวซาน ถ้าเธอพยายามจะปกป้องเขา เธอก็กลัวว่าจะไปยั่วให้คนอื่นเกิดโมโหขึ้นมา ถ้าพวกเขาเริ่มจะแตกคอกันเอง การเดินทางเพื่อตามหาชีพจรพระเจ้าในครั้งนี้ก็จะกลายเป็นหายนะ
ขณะที่พีชฟูลกำลังคิดหาวิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์ เธอก็ได้ยินเสียงร้องประหลาดดังขึ้นมา มันฟังดูใกล้มากๆ มันทำให้ทุกคนรู้สึกหนาว
โอหยางชิวซานนั้นไม่ได้พูดอะไร เขากระพือปีกด้านหลังและเคลื่อนไหวราวกับสายลม เขาบินหายเข้าไปในป่า ดูเหมือนว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปหาที่มาของเสียงร้องนั่น
พีชฟูลกัดฟันและวิ่งตามเข้าไปในป่า เธอกำลังรู้สึกแย่
‘ถ้ารู้ว่าโอหยางชิวซานไร้เดียงสาขนาดนี้ เราก็คงจะไม่ตอบตกลงหัวหน้าตระกูลโอหยางและพาเขามาด้วย’
“อ้า!”
ก่อนที่พีชฟูลจะวิ่งลึกเข้าไปในป่า มันก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเสียงร้องนั้นเป็นเสียงของโอหยางชิวซาน
ตอนที่ 3054 ลิงขนสีม่วง
ใบมีดสายลมบินออกมาจากป่าและตัดต้นไม้ที่อยู่รอบๆจนกลายเป็นพื้นที่โล่ง
มันทำให้หานเซิ่นและคนอื่นๆมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน ใบมีดสายลมเหล่านั้นถูกปล่อยออกมาโดยโอหยางชิวซาน สถานการณ์ของชายหนุ่มคนนั้นเลวร้ายมากๆ
โอหยางชิวซานคุกเข่าลงไปกับพื้น ขณะที่มือของเขาถูกยกขึ้น ใบมีดสายลมยังคงถูกปล่อยออกไป แต่มันมีเงาสีม่วงอยู่ด้านหลังของเขาและมันกำลังจับตัวเขาเอาไว้ แขนที่เต็มไปด้วยขนสีม่วงนั้นเอื้อมผ่านรักแร้ของโอหยางชิวซานเพื่อจับที่คอของเขา มันทำให้โอหยางชิวซานต้องยกมือของเขาขึ้น
สัตว์ประหลาดขนสีม่วงนั้นเป็นเหมือนกับผี มันจับตัวโอหยางชิวซานและใช้เขี้ยวกัดที่ด้านหลังหัวของเขา ใบหน้าที่น่ากลัวของมันดูเหมือนกับว่ากำลังจะดูดน้ำสมองของโอหยางชิวซาน
ไม่มีใครเคยเห็นบลัดโกสต์สปิริตมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับลิงขนสีม่วงนี้ใช่บลัดโกสต์สปิริตหรือไม่
โชคดีที่โอหยางชิวซานรวมร่างกับยีนเรซวินด์วิงด์สเนค ซึ่งเป็นยีนเรซระดับเทพเจ้า ร่างกายของเขาจึงมีเกล็ดงูสีเขียวที่แข็งแรงมากๆ ถ้าเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น พวกเขาก็คงจะมีจุดจบเหมือนอย่างลุงเก้าที่ถูกดูดจนแค่เหลือหนังเท่านั้น
พีชฟูลรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าโอหยางชิวซานนั้นยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นเสือดาว หลังจากนั้นเธอก็ส่งกรงเล็บที่คมเหมือนกับใบมีดที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟออกไปใส่ยีนเรซขนสีม่วง
ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบลัดโกสต์สปิริต ดังนั้นเมื่อได้ยินเกี่ยวกับตำนานของมัน พวกเขาจึงรู้สึกหวาดกลัว แต่ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่ายีนเรซตัวนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้
มันมีความสูงแค่สามฟุตเท่านั้น ร่างกายของมันมีขนปุกปุยสีม่วงที่ดูเป็นประกาย นอกจากเขี้ยวที่ดูน่ากลัวนิดหน่อยแล้ว ตัวของมันก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดน่ากลัวอะไร ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้เห็นมัน ความกลัวของพวกเขาจึงลดน้อยลงไป
แน่นอนว่าเหตุผลหลักก็เป็นเพราะโอหยางชิวซานไม่ได้ถูกฆ่าตายในทันที มันทำให้พวกเขาสงสัยว่ายีนเรซนี้ใช่บลัดโกสต์สปิริตจริงๆหรือเปล่า ถ้ามันเป็นบลัดโกสต์สปิริตจริงๆ โอหยางชิวซานก็ควรจะถูกดูดจนเหลือแต่หนังในชั่วพริบตา เขาไม่ควรจะยังมีชีวิตอยู่
ในเมื่อโอหยางชิวซานยังไม่ถูกฆ่าตาย ผู้คนจึงคิดว่ายีนเรซตัวนี้คงจะไม่ใช่บลัดโกสต์สปิริต ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่ได้หวาดกลัวเหมือนกับก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นว่าพีชฟูลเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่าง คนอื่นๆก็พยายามเข้าไปช่วยเช่นกัน ลิงขนม่วงส่งเสียงร้องประหลาดที่ฟังดูเหมือนกับเสียงร้องไห้ของทารกออกมา ก่อนที่มันจะปล่อยมือออกจากโอหยางชิวซานและกระโดดหนีเข้าไปในป่า
“ไอ้ลิงเวรนั่นมันลอบโจมตีข้าจากพุ่มไม้! ข้าจะฆ่ามัน”
หลังจากที่โอหยางชิวซานถูกปล่อยเป็นอิสระ เขาก็โกรธอย่างมาก เขากระพือปีกบนหลังและไล่ตามลิงขนม่วงไป
พีชฟูลกัดฟันและสั่งให้ทุกคนไล่ตามไปเช่นกัน
จริงๆแล้วเธอไม่ได้สนใจโอหยางชิวซาน แต่เนื่องจากโดยปกติแล้วยีนเรซนั้นมีนิสัยอาฆาต ถ้ามีใครมาทำให้มันโกรธ ยีนเรซก็จะจดจำเรื่องนั้นไปจนวันตาย ถึงแม้มันจะไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายเพื่อแก้แค้นได้ มันก็จะยังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำร้ายศัตรูของมัน
ในเมื่อลิงขนม่วงตัวนี้ไม่น่าใช่บลัดโกสต์สปิริต พวกเขาต้องฆ่ามันให้ตายเพื่อที่มันจะไม่ได้มาเป็นภัยในภายหลัง จ้าวจื่อเย่และคนอื่นๆเองก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาทำตามคำสั่งของพีชฟูล ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่สนใจว่าโอหยางชิวซานจะอยู่หรือตาย
ถึงโอหยางชิวซานที่รวมร่างกับวินด์วิงด์สเนคจะมีความเร็วเหนือกว่าเจ้าลิงขนม่วง แต่ด้วยความคล่องแคล่วว่องไวของเจ้าลิมขนม่วง มันสามารถใช้ประโยชน์จากต้นไม้และก้อนหินภายในป่าได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนั้นโอหยางชิวซานจึงไล่ตามลิงขนม่วงไม่ทัน
เจ้าลิงขนม่วงกระโดดไปเรื่อยๆพร้อมกับส่งเสียงร้องประหลาด มันจะหันกลับมาเป็นครั้งคราวและทำหน้าล้อเลียนโอหยางชิวซาน ซึ่งทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าเดิม เขาตัดสินใจว่าจะไม่หยุดไล่จนกว่าเขาจะได้ชีวิตของมัน
ไม่มีใครสามารถเทียบความเร็วกับโอหยางชิวซาน ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีใครไล่ตามได้ทัน หานเซิ่นต้องแบกมิสเตอร์หยางไปด้วย ดังนั้นเขาจึงอยู่ท้ายสุดของกลุ่ม แต่เขาก็ไม่ได้มีแผนที่จะนำหน้าสุดอยู่แล้ว
ขณะที่มิสเตอร์หยางขี่หลังของหานเซิ่น เขาก็ขมวดคิ้วและพูด
“นายท่าน มันมีบางสิ่งผิดปกติ ดูเหมือนว่าเจ้าลิงตัวนี้กำลังล่อพวกเราไปที่ไหนสักแห่ง”
หานเซิ่นพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาต้องการดูก่อนว่าเจ้าลิงนั้นต้องการจะพาพวกเขาไปที่ไหน
หลังจากที่ไล่ตามอยู่สักพัก พวกเขาก็ไปถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง ลิงขนม่วงยังคงกระโดดไปมาและพยายามหนีไปเรื่อยๆ พีชฟูลและจ้าวจื่อเย่เริ่มจะคิดว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ พวกเขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ พวกเขาไม่ได้เป็นมือใหม่เหมือนอย่างโอหยางชิวซาน
“นายน้อยชิวซาน หยุดแค่นี้เถอะ! อย่าไล่ตามมันไปมากกว่านี้!”
พีชฟูลตะโกนบอกโอหยางชิวซาน ถ้าโอหยางชิวซานที่รวมร่างกับวินด์วิงด์สเนคไม่ได้รวดเร็วแบบนั้น เธอก็คงจะใช้กำลังเพื่อหยุดเขาเอาไว้ แต่ตอนนี้ทั้งหมดที่เธอทำได้ก็คือตะโกนบอกเขา
แต่โอหยางชิวซานไม่ฟังคำพูดของเธอ เจ้าลิงขนม่วงนั้นทำให้เขาโกรธจนเขาไม่คิดอะไรอีก เขาต้องการเพียงแค่ไล่ตามเจ้าลิงไปเพื่อฉีกมันเป็นชิ้นๆ เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่พีชฟูลพูด เขากัดฟันและไล่ตามเจ้าลิงขนม่วงต่อไป
‘เด็กคนนี้กำลังจะประสบกับเคราะห์ร้าย’ หานเซิ่นคิด
จ้าวจื่อเย่หยุดคนของเขาเอาไว้ พวกเขาไม่กล้าจะไล่ตามต่อ ที่พวกเขาอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะพวกเขาไม่ใช่คนที่ทำอะไรบุ่มบ่าม พวกเขารู้ว่าตอนไหนที่ควรไปต่อและตอนไหนที่ควรจะถอยกลับ
สีหน้าของพีชฟูลดูแย่ เธอตะโกนด้วยความโมโห
“ชิวซาน ถ้าเจ้ายังไม่ยอมเชื่อฟังข้า! ในตอนที่พวกเรากลับไป ข้าจะไปบอกกับหัวหน้าตระกูลโอหยางเกี่ยวกับความประพฤติของเจ้าในวันนี้”
“พี่พีชฟูล เจ้าลิงนั้นมาถึงทางตันเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานข้าก็จะฆ่ามันได้ ทั้งหมดที่พี่ต้องทำก็คือรอคอยอีกนิดหนึ่ง”
เห็นได้ชัดว่าโอหยางชิวซานไม่ต้องการจะปล่อยมันไป
พีชฟูลต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องของโอหยางชิวซานพร้อมๆกับเสียงร้องของอะไรบางอย่าง
เสียงร้องที่ฟังดูเหมือนกับเสียงคำรามของเสือดังขึ้นมาจากป่าภายในหุบเขา มันเกือบจะทำลายแก้วหูของทุกคน ทุกคนรู้ว่าเสียงร้องนั้นไม่ได้เป็นของลิงขนม่วง
ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นโอหยางชิวซานวิ่งออกมาจากป่าในสภาพที่ย่ำแย่ และมีอสูรสีขาวเหมือนกับหิมะไล่ตามเขาออกมา ความสูงของมันพอๆกับมนุษย์
อสูรตัวนั้นดูเหมือนกับเสือ แต่มันไม่ใช่เสือ มันดูเหมือนกับสิงโต แต่มันก็ไม่ใช่สิงโต ขนสีขาวของมันปล่อยไอเย็นออกมา มันดูทรงพลังมากๆ
“นั่นมันเจดไลอ้อนคิง! วิ่งหนีเร็วเข้า!” จ้าวจื่อเย่จดจำยีนเรซที่วิ่งออกมาจากป่าตัวนั้นได้ หลังจากที่ตะโกน เขาก็หันกลับหลังเพื่อจะวิ่งหนีไป
ทุกคนก็หันไปด้านหลังเช่นเดียวกัน แต่ในตอนที่พวกเขาทำแบบนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ซีดไป
เจดไลอ้อนปรากฏตัวออกมาจากทุกทิศทาง แม้แต่ทางออกก็ถูกเจดไลอ้อนจำนวนมากขวางเอาไว้ ถึงพวกมันจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอย่างเจดไลอ้อนคิง แต่พวกมันทุกตัวก็ถือว่าเป็นยีนเรซที่ทรงพลัง แค่ดูจากออร่า ทุกคนก็สามารถบอกได้ว่าพวกมันไม่ใช่ยีนเรซระดับต่ำ
หานเซิ่นมองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่ามันมีเจดไล้อนราวๆเจ็ดสิบถึงแปดสิบตัวกำลังล้อมพวกเขาเอาไว้ มีเพียงแค่ลิงขนม่วงที่อยู่ที่ไหนสักแห่งบนกำแพงหินของหุบเขา มันกำลังส่งเสียงร้องประหลาดออกมาราวกับว่ามันกำลังเฉลิมฉลองและเย้ยหยันพวกเขา
ตอนที่ 3055 ติดอยู่ในหุบเขา
เจดไล้ออนระดับราชันนั้นไม่ได้น่ากลัวอะไรสำหรับพวกเขา ถึงแม้เจดไล้ออนจะตัวเต็มวัยแล้ว แต่มันก็เป็นแค่ยีนเรซระดับราชันที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งเท่านั้น
ในเมื่อพวกเขากล้าเข้าไปในภูเขาแอนเชี่ยน์บิ๊กก็อต แน่นอนว่าพวกเขาต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พวกเขาสามารถต่อสู้ได้แม้กระทั่งกับยีนเรซระดับเทพเจ้า ด้วยเหตุนั้นยีนเรซระดับราชันจึงถือว่าไม่เท่าไหร่
แต่เจดไลอ้อนเป็นยีนเรซที่พิเศษ ยีนเรซปกตินั้นจะอยู่อาศัยตามลำพังหรือไม่ก็อยู่อาศัยเป็นกลุ่มเล็กๆประมาณสามถึงสี่ตัว แต่เจดไลอ้อนนั้นเป็นยีนเรซที่ชอบอยู่กันเป็นฝูง การเผชิญหน้ากับฝูงเจดไลอ้อนระดับราชันจึงเป็นอันตรายยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับยีนเรซระดับเทพเจ้าตัวหนึ่ง
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ พีชฟูลคงจะคิดว่าพวกเขาทุกคนคงจะต้องตายอยู่ที่นี่ แต่โชคดีที่เธอรู้ว่าหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่ง ไฟแห่งความหวังในหัวใจของเธอจึงยังไม่ดับลง
เธอพยายามปลุกความกล้าในหัวใจและออกคำสั่ง
“โกสต์คิลล์ เจ้ากับข้าจะคุ้มกันด้านหลัง จ้าวจื่อเย่ พวกเจ้าคอยปกป้องเหล่ามิสเตอร์ หานเซิ่นและชิวซาน…”
พีชฟูลหยุดชะงักไปก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอรู้สึกโกรธมากจนตัวเธอเริ่มจะสั่น เธอเกือบจะละทิ้งภาพลักษณ์เพื่อสาปแช่งโอหยางชิวซาน
เธอตั้งใจจะสั่งให้หานเซิ่นและโอหยางชิวซานช่วยกันเปิดทางออกจากหุบเขาให้กับพวกเขา เนื่องจากทั้งคู่คือสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม นั่นเป็นวิธีการที่พวกเขาจะหนีออกไปจากหุบเขา ด้วยวิธีนั้นพวกเขาถึงจะมีโอกาสรอดออกไป แต่สิ่งที่เธอเห็นคือโอหยางชิวซานกำลังใช้ความสามารถในการบินของวินด์วิงด์สเนคเพื่อหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว เขาตั้งใจจะบินออกไปจากหุบเขาโดยไม่สนใจคนอื่น
ในตอนที่เธอไปที่ตระกูลโอหยางเพื่อพบกับหัวหน้าตระกูล โอหยางชิวซานได้ยินว่าเธอจะเดินทางไปที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต เขาจึงอยากจะร่วมเดินทางไปด้วยอีกคน เขาเรียกเธอว่า “พี่สาว” นี่ “พี่สาว” นั่น และขอร้องหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้พีชฟูลพาเขาไปด้วย
หัวหน้าตระกูลโอหยางช่วยเขาอีกแรง ซึ่งทำให้เธอจำใจพาเขามาด้วย เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดีกับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะโอหยางชิวซานล่ะก็ เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา
แถมโอหยางชิวซานยังคิดจะทิ้งพวกเขาและหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว โอหยางชิวซานดูเหมือนจะไม่สนใจว่าพวกเขาจะอยู่หรือตาย
โอหยางชิวซานกำลังจะบินหนีออกไปจากหุบเขาได้สำเร็จ เนื่องจากเจดไลอ้อนนั้นไม่สามารถบินได้ แต่ทันใดนั้นเงาแสงสีม่วงก็แว็บขึ้นมา พวกเขาเห็นลิงขนม่วงเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าเพื่อจับตัวโอหยางชิวซานเอาไว้
โอหยางชิวซานรู้สึกว่ามีบางสิ่งปกติ และเมื่อเขาหันกลับมา เจ้าลิงขนสีม่วงก็จับตัวของเขาเอาไว้แล้ว มันเริ่มกัดที่หัวของเขา
“อ้า!” โอหยางชิวซานส่งเสียงกรีดร้องดังไปทั่วหุบเขา ขณะที่เขี้ยวของลิงขนม่วงฝังเข้าไปในหัวของเขา
ทุกคนเห็นร่างกายของโอหยางชิวซานเล็กลงเรื่อยๆในเวลาอันสั้น ภายในเวลาไม่กี่วินาทีเขาก็ถูกดูดจนเหลือแค่หนังเกล็ดงู
ลิงขนม่วงจับหนังของโอหยางชิวซานเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างของมันตรึงหลังของเขาเอาไว้กับกำแพงหินของหุบเขาเหมือนอย่างที่มันทำกับหนังของลุงเก้า หนังส่วนแขนและขาถูกยืดออกขณะที่ถูกตรึงกับกำแพง มันยังคงมีเลือดไหลออกมา
หลังจากนั้นเจ้าลิงขนม่วงยังคงอไม่ไปไหน มันมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ สีหน้าของมันดูเหมือนกับว่ากำลังหัวเราะ มันทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกเมื่อเห็นแบบนั้น
ทุกคนรู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วเจ้าลิงขนม่วงนั้นรวดเร็วกว่าโอหยางชิวซานที่รวมร่างกับวินด์วิงด์สเนคมาก มันแค่แกล้งทำตัวอ่อนแอเพื่อล่อพวกเขาเข้ามาในหุบเขา
ทุกคนรู้สึกหนาวไปจนถึงกระดูกสันหลัง พวกเขารู้ว่าถึงจะหนีจากพวกเจดไลอ้อนไปได้ พวกเขาก็ไม่รอดจากการไล่ล่าของลิงขนม่วงที่ชั่วร้ายตัวนั้นอยู่ดี
“มันคงจะไม่ได้เป็นบลัดโกสต์สปิริตตัวจริงหรอกใช่ไหม?”
ทุกคนเริ่มจะรู้สึกหวาดกลัว แต่พวกเขาไม่มีเวลามากังวลว่ามันจะใช่บลัดโกสต์สปิริตตัวจริงหรือไม่ ตอนนี้พวกเขาถูกล้อมโดยฝูงของเจดไลอ้อน มันไม่มีทางไหนให้พวกเขาหนีไปได้
“หานเซิ่นกับโกสต์คิลล์ พวกเจ้าช่วยกันเปิดเส้นทาง!” พีชฟูลออกคำสั่ง
“ข้าและจ้าวจื่อเย่จะคอยคุ้มกันจากด้านหลัง! คนอื่นคอยปกป้องเหล่ามิสเตอร์ พวกเราจะตีฝ่าออกไป!”
จ้าวจื่อเย่และคนอื่นๆรู้สึกไม่พอใจที่พีชฟูลนั้นพาคนอย่างโอหยางชิวซานมาด้วย แต่พวกเขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่นในเรื่องนั้น พวกเขาทำตามคำสั่งและจัดตั้งรูปขบวนเพื่อตีฝ่าออกไป
หานเซิ่นถือเสาโลหะด้วยสองมือและแกว่งมันใส่เหล่าเจดไลอ้อน เจดไลอ้อนเจ็ดแปดตัวที่วิ่งเข้ามาขวางหน้าเขาถูกฟาดกระเด็นออกไป เขาไม่ได้ฆ่าพวกมันในทันที เขาแค่ทำให้พวกมันทั้งหมดได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมา
ทุกคนรู้สึกแปลกใจ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ดีใจอย่างมาก “น้องหาน เจ้าทรงพลังจริงๆ!”
หานเซิ่นแค่ยิ้มตอบ เสาโลหะที่มีความยาวสิบสองฟุตในมือของเขาถูกแกว่งไปมา มันเหมือนกับว่าเขาเต้นระบำท่ามกลางกลุ่มเจดไลอ้อน หลังจากที่พวกมันถูกฟาดกระเด็นไปตามๆกัน มันก็ไม่มีเจดไลอ้อนตัวไหนที่กล้าเข้ามาใกล้อีก หานเซิ่นเปิดเส้นทางให้กับทุกคน
“พลังของน้องหานเหมือนกับเทพที่จุติลงมา ข้าอยากรู้จริงๆว่าเขารวมกับยีนเรซแบบไหนกัน”
“น้องหานมีพลังของเทพ เขาเหนือกว่าเจ้าเมืองซะอีก”
“ข้าอยู่มานานหลายปี แต่ข้าเพิ่งจะได้เห็นพลังของเทพที่แท้จริงก็วันนี้นี่แหละ”
ทุกคนตกตะลึง พวกเขาต่างพากันเอยชมหานเซิ่น ถึงแม้พวกเขาแค่พูดประจบ แต่พลังของหานเซิ่นก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างแท้จริง
ในตอนแรกที่พวกเขาหวาดกลัวที่ถูกล้อมโดยกลุ่มของเจดไลอ้อน แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้ดูสิ้นหวังเหมือนอย่างที่คิด แม้แต่จ้าวจื่อเย่ก็ยิ้มให้กับพีชฟูลและถาม
“ท่านหญิงพีชฟูล ไปหาขุนนางที่เก่งกาจแบบนี้มาจากที่ไหนกัน? ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้ามาที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต”
พีชฟูลได้แต่ยิ้มแห้งๆ เธอหันไปมองหนังของโอหยางชิวซานที่ถูกตรึงอยู่กับกำแพงหินและคิดกับตัวเอง
“โอหยางชิวซานสมควรได้รับแล้ว เรื่องนี้คงจะโทษคนอื่นไม่ได้ แต่เราจะไปอธิบายกับตระกูลโอหยางยังไงดี?”
กลุ่มของเจดไลอ้อนถูกไล่ต้อนโดยหานเซิ่น พวกมันไม่กล้าเข้ามาหยุดพวกเขาเอาไว้ เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะออกไปจากหุบเขาได้สำเร็จ มันก็มีเสียงร้องประหลาดที่เหมือนกับเสียงร้องไห้ของเด็กดังขึ้นมาอีกครั้ง
มีเงาสีม่วงเว็บผ่านท้องฟ้าและมาปรากฏตรงทางเข้าของหุบเขา มันแยกเขี้ยวและกรีดร้องอย่างประหลาด ดวงตาของมันดูแปลกมากๆ
หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรมันมาก เขาแกว่งเสาโลหะเพื่อไล่เจดไลอ้อนที่เหลือออกไป หลังจากนั้นเขาก็พาคนอื่นตรงไปที่ทางออกของหุบเขา
ลิงขนสีม่วงกัดนิ้ว หลังจากนั้นมันก็ชี้นิ้วกลางของมันลงที่พื้น เลือดสีม่วงของมันหยดลงไปในดินของหุบเขา
หานเซิ่นและคนอื่นๆต่างก็สงสัยว่ามันกำลังทำอะไร แต่ทันใดนั้นจู่ๆทั้งหุบเขาก็เริ่มจะสั่นไหว เหล่าเจดไลอ้อนนั้นเริ่มจะทำตัวเหมือนกับแมวขี้กลัวและพากันวิ่งหนีไป
พื้นดินของหุบเขาแยกออกและมีหัวขนาดยักษ์โผล่ออกมาจากพื้น มันเป็นงูประหลาดขนาดใหญ่ยักษ์ ส่วนที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นนั้นยาวกว่าสามสิบฟุตและตัวของมันก็หน่าพอๆกับถังบาร์เรล
งูนั่นดูประหลาดมากๆ ทั้งร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ด หัวของมันมีเขาเป็นคริสตัลที่ดูเหมือนกับหยก
ตอนที่ 3056 โลนสกายดราก้อน
จ้าวจื่อเย่กรีดร้องด้วยความตกใจ “โลนสกายดราก้อน…”
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินชื่อนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว เพราะมันเป็นชื่อของยีนเรซของนักฆ่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังของอาณาจักรฉิน โมหลี่
‘ถ้าลิงขนม่วงนั่นคือบลัดโกสต์สปิริตจริงๆ และตอนนี้โลนสกายดราก้อนก็ยังปรากฏตัวขึ้นมาอีก เรื่องบังเอิญแบบนี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?’ ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่น
มิสเตอร์หยางที่ถูกปกป้องโดยคนของจ้าวจื่อเย่ตะโกนขึ้นมา
“นายท่าน รีบหนีเร็วเข้า! นี่คือโลนสกายดราก้อนที่โตเต็มวัย ภายในอาณาจักรทั้งเจ็ด มันเป็นยีนเรซระดับเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงมากๆ! พวกเราไม่มีทางจะต่อสู้กับมันได้!”
ความจริงแล้วทุกคนต่างก็กำลังพากันวิ่งหนีไป เมื่อฝูงของเจดไลอ้อนสลายตัวไปแล้ว มันก็ไม่มีอะไรมาขวางทางพวกเขาอีก พีชฟูลและจ้าวจื่อเย่ตัดสินใจที่จะพาคนพวกเขาหนีลึกเข้าไปในหุบเขา ไม่มีใครที่ต้องการจะต่อสู้กับโลนสกายดราก้อน
โลนสกายดราก้อนนั้นดูเหมือนกับงูตัวหนึ่ง นอกจากหัวที่มีเขาอยู่หนึ่งเขาแล้ว มันก็ไม่ได้มีเท้าเหมือนอย่างที่มังกรควรจะมี ร่างกายของมันโผล่ขึ้นมาจากพื้นแค่ครึ่งเดียวเหมือนกับรูปปั้นหยกเขียว ดวงตาทั้งสองของมันจ้องมาที่หานเซิ่นและคนอื่นๆ
วินาทีต่อมาโลนสกายดราก้อนอ้าปากและพ่นควันสีเขียวเข้าใส่หานเซิ่น มันรวดเร็วมากๆจนหานเซิ่นหลบไม่ทัน
แต่เขาไม่มีแผนที่จะหลบมันตั้งแต่แรกแล้ว เขาใช้เสาโลหะเป็นเหมือนกับหอกและแทงเข้าใส่ควันสีเขียวที่เข้ามา
ปัง!
ในตอนที่เสาโลหะถูกกับควันสีเขียว ร่างกายของหานเซิ่นก็ถูกส่งกระเด็นออกไปเหมือนกับลูกอุกกาบาต เขากระเด็นไปไกลหลายไมล์ก่อนที่จะชนเข้ากับกำแพงหินและจมลึกเข้าไปข้างใน
เมื่อพีชฟูลและคนอื่นๆเห็นว่าแม้แต่หานเซิ่นก็รับการโจมตีนั้นไม่ได้ พวกเขาก็มั่นใจแล้วว่านั่นคือโลนสกายดราก้อนตัวจริง พีชฟูลกัดฟันและร่างกายของเธอก็ปะทุด้วยไฟฟ้า ดูเหมือนว่าเธอจะรวมร่างกับยีนเรซที่เหมือนกับปลาไหลไฟฟ้า มันทำให้ร่างกายท่อนล่างของเธอกลายเป็นปลา เธอดูเหมือนกับเงือกที่มีสายฟ้าอยู่รอบตัว
เหตุผลที่พีชฟูลกล้าเดินทางมาที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต นั่นก็เป็นเพราะเธอได้เตรียมวิธีการรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นหัวหน้าตระกูลโอหยางก็คงจะไม่วางใจปล่อยให้โอหยางชิวซานร่วมเดินทางมากับเธอ
น่าเสียดายที่โอหยางชิวซานรนหาที่ตายเอง ถ้าเขาไม่ได้เลือกที่จะหนีไปคนเดียวและอยู่กับพีชฟูล เขาก็คงจะไม่ถูกฆ่าตาย
พีชฟูลกดมือลงบนพื้นทำให้เกิดเป็นแสงสายฟ้าที่เชื่อมต่อกันเป็นลวดลาย มันปกคลุมพื้นบริเวณรอบๆกว่าสิบห้าฟุต ทันใดนั้นพีชฟูลและคนอื่นๆก็หายตัวไปในแสงสายฟ้านั่น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้วิธีการเทเลพอร์ตบางอย่างเพื่อหนีไป
มันมีคนอยู่สามคนที่เข้าไปในแสงสายฟ้าไม่ทัน พวกเขาจึงยังคงอยู่ภายในหุบเขา พวกเขาดูสิ้นหวัง
เมื่อเห็นว่าพีชฟูลและคนอื่นๆหนีไปได้ ลิงขนม่วงที่อยู่บนกำแพงหินก็โกรธมากๆ มันส่งเสียงกรีดร้องและโลนสกายดราก้อนก็พ่นควันสีเขียวออกมาเหมือนกับคลื่น คลื่นซัดเข้าไปใส่ทั้งสามคนและทำให้เนื้อหนังหลุดออกจากร่างกายของพวกเขา โดยเหลือทิ้งเอาไว้เพียงแค่โครงกระดูกสามโครง
หานเซิ่นถูกควันสีเขียวของโลนสกายดราก้อนส่งกระเด็นลึกเข้ามาในกำแพงหินของภูเขา ร่างกายทั้งร่างของเขารู้สึกเจ็บปวด แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร มีแค่ผิวหนังภายนอกของเขาเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย
ถึงแม้เขาจะถูกปฏิเสธโดยโลกใบนี้ ทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังได้ดังใจ แต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขายังคงอยู่ ดังนั้นไม่ว่าพลังของโลนสกายดราก้อนจะน่ากลัวสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายกับเขาได้มากนัก
กำแพงของภูเขานั้นถล่มลงมาฝังหานเซิ่นเอาไว้ภายใน ในตอนที่เขากำลังจะใช้พละกำลังเพื่อทำลายหินออกไป หินด้านหลังของเขาก็เริ่มสั่นไหว มันทำให้หานเซิ่นเสียสมดุลและล้มลงไปด้านหลัง เขาค้นพบว่ามันมีถ้ำอยู่ด้านหลังของเขา
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ต้องขมวดคิ้ว มันมีควันสีดำแทรกซึมผ่านระหว่างก้อนหินเข้ามา หานเซิ่นคิดว่ามันเป็นพลังบางอย่างของโลนสกายดราก้อน แต่ปรากฏว่าควันสีดำนั้นมาจากผู้หญิงที่สวมหน้ากากของผีที่ชื่อโกสต์คิลล์
“เจ้ารับการโจมตีของโลนสกายดราก้อนเข้าไปตรงๆ แต่ไม่ถูกฆ่าตาย”
โกสต์คิลล์พูดด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอมองหานเซิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า “พลังของเจ้าจัดอยู่ในอันดับสูงของจักรวาลนี้”
เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เห็นว่าหานเซิ่นไม่เป็นอะไร เธอต้องการมาดูว่าหานเซิ่นตายแล้วหรือยัง ถ้าเขายังมีชีวิตรอด เธอก็มีโอกาสที่จะช่วยชีวิตเขาและได้ใกล้ชิดกับเขา นั่นจะทำให้การลอบสังหารฉินไป๋องค์รัชทายาทของอาณาจักรฉินง่ายขึ้นอย่างมาก
ใครจะไปคาดคิดว่าหานเซิ่นจะได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น โดยรวมแล้วเขาแทบไม่เป็นอะไร
หานเซิ่นมองไปที่โกสต์คิลล์และถาม “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? มิสเตอร์หยางและคนอื่นๆล่ะ?”
“เจ้าไม่ต้องกังวล พีชฟูลจะคอยปกป้องมิสเตอร์หยาง” โกสต์คิลล์พูด
“นางมียีนเรซอิเล็คทริคฟลินต์เอลที่ทำให้นางเทเลพอร์ตหนีไปได้ไกลหลายไมล์ ข้าไม่มีเวลาพอที่จะเข้าไปในขอบเขตการเทเลพอร์ตของอีเล็คทริคฟลินต์เอลได้ทัน ข้าคงจะไม่มาอยู่ที่นี่ ถ้าข้าทำแบบนั้น”
“พีชฟูลนี่เตรียมตัวมาดีจริงๆ” หานเซิ่นไม่ประหลาดใจ มันจะเป็นเรื่องแปลกที่คนอย่างพีชฟูลนั้นจะเดินทางมาที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตโดยที่ไม่ได้เตรียมตัว
โกสต์คิลล์ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆถ้ำที่พวกเขาอยู่ก็เริ่มจะสั่นไหว มีควันสีเขียวแทรกซึมเข้ามาระหว่างก้อนหิน ก้อนหินที่สัมผัสกับควันนั่นจะเรืองแสงสีเขียวก่อนที่จะสลายกลายเป็นผุยผง
“โลนสกายดราก้อนกำลังมา เจ้ายังเดินไหวใช่ไหม?” โกสต์คิลล์ยื่นมือออกมาเพื่อจะช่วยพยุงหานเซิ่น
“ข้ายังเดินไหว” หานเซิ่นและโกสต์คิลล์เดินเข้าไปภายในถ้ำหินด้วยกัน ถ้ำนั่นมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมันมีอุโมงค์ที่แยกออกไปหลายทิศทาง
ด้านหลังของเขายังคงมีเสียงของหินที่ถูกทำลายโดยโลนสกายดราก้อนดังให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลามามัวคิดว่าควรจะเลือกทางไหนดี พวกเขาทำได้แต่เลือกเส้นทางแบบมั่วๆ
โลนสกายดราก้อนยังคงไล่ล่าพวกเขามาจากด้านหลัง และพวกเขายังได้ยินเสียงร้องของลิงขนม่วงอีกด้วย หานเซิ่นหันกลับไปและเห็นลิงขนม่วงกำลังขี่บนหลังของโลนสกายดราก้อน มันกำลังไล่ตามพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเห็นภาพนี้ หานเซิ่นก็รู้สึกแปลกยิ่งกว่าเดิม “นั่นมันคือโลนสกายดราก้อนและบลัดโกสต์สปิริตของโมหลี่จริงๆอย่างนั้นหรอ? ทำไมพวกมันถึงมาอยู่ที่นี่? ผู้คนบอกว่าโมหลี่ลอบสังหารราชาของอาณาจักรเว่ยก่อนที่จะตายไป ยีนเรซของเขาก็ควรจะต้องตายไปกับเขาด้วย ทำไมพวกมันถึงมาอยู่ในภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตได้?”
“ทางนี้” โกสต์คิลล์พูดจากด้านหน้า เธอเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่มีขนาดแค่พอให้คนๆหนึ่งเดินผ่านเข้าไปได้
หานเซิ่นเข้าใจว่าเธอต้องการจะทำอะไร โลนสกายดราก้อนนั้นมีขนาดใหญ่โต เป็นเรื่องยากที่มันจะบีบตัวผ่านช่องเล็กๆแบบนั้นได้ ถ้าพวกเขาสามารถหยุดมันจากการตามได้ พวกเขาก็อาจจะสามารถสร้างระยะห่างได้พอสมควร
หานเซิ่นตามเธอเข้าไปในอุโมงค์ พวกเขาทั้งคู่ผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
โลนสกายดราก้อนไม่สามารถผ่านช่องของอุโมงค์เข้ามาได้ ด้วยเหตุนั้นมันจึงจำเป็นต้องทำลายหินเพื่อจะตามพวกเขามา ความเร็วของมันจึงถูกลดลงไป
หานเซิ่นและโกสต์คิลล์พากันหนีอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่เสียงแตกของหินจากด้านหลังจะเงียบลงไป อุโมงค์ข้างหน้าของเขานั้นเริ่มกว้างขึ้นกว่าเดิม
โกสต์คิลล์หยุดเดินและมองไปที่กำแพงหินรอบๆก่อนที่จะพูดว่า “แปลกจริงๆ ทำไมมันถึงมีร่องรอยการขุดอยู่ที่นี่?”
หานเซิ่นเองก็สังเกตถึงเรื่องนั้น กำแพงหินรอบๆมีลวดลายมากมายอยู่ มันเป็นการเขียนที่ดูเรียบง่าย แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือ
ขณะที่หานเซิ่นกำลังสังเกตลวดลายบนกำแพง ทันใดนั้นตาดำของเขาก็หดเล็กลงด้วยความประหลาดใจ เขาเห็นบางสิ่งที่คุ้นเคยถูกสลักเอาไว้บนกำแพง
ตอนที่ 3057 คริสตัลสีดำ
หานเซิ่นรู้สึกคุ้นเคยกับรอยแกะสลักหนึ่งที่อยู่บนกำแพงมากๆ
ซึ่งรอยแกะสลักนั้นเป็นรูปของไข่ มันดูเหมือนกับไข่ของนกพิราบที่มีดาวนับพันลอยอยู่ภายใน ดูเหมือนกับว่ามีจักรวาลน้อยๆอยู่ภายในนั้น
ถึงแม้มันจะเป็นแค่รอยแกะสลักที่ดูเรียบง่าย แต่หานเซิ่นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ในตอนที่อยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 เขาได้ฆ่าด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์และได้รับคริสตัลสีดำปริศนามา รูปร่างและขนาดของมันเหมือนกับสิ่งที่ถูกสลักไว้บนกำแพงไม่มีผิด
ในภายหลังหานเซิ่นได้กลืนคริสตัลสีดำเข้าไป และมันก็ได้กลายเป็นชุดเกราะคริสตัลสีดำภายในทะเลของเขา มันเป็นชุดเกราะคริสตัลสีดำที่ดึงเขาเข้ามาในโลกนี้
ตอนนี้เมื่อเขาเห็นรอยแกะสลักที่คล้ายคลึงกับคริสตัลสีดำมากๆอยู่บนกำแพง มันก็ทำให้เขาตกตะลึง
“นี่มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือว่ามันมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่?” ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่น
ชุดเกราะคริสตัลสีดำดึงเขาเข้ามาในโลกแห่งนี้ หลังจากนั้นเขาก็กำเนิดออกมาจากไข่ที่อยู่ในภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต รอยแกะสลักของคริสตัลสีดำก็ถูกสลักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งภายในภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตเช่นเดียวกัน
หานเซิ่นตรวจเช็ครอยแกะสลักบนกำแพงอย่างละเอียด และเขาก็ค้นพบว่ารอยแกะสลักนั้นดูเหมือนกับรอยแกะสลักของเหล่ามนุษย์ที่กำลังทำพิธีกรรมบางอย่างอยู่
พิธีกรรมนั้นไม่ได้มีเทพเจ้า ราชาหรือใครบางคนที่จำเป็นต้องบูชา แต่พวกเขากำลังคุกเข่าต่อคริสตัลสีดำ
“ดูเหมือนว่ารอยแกะสลักนี้จะแสดงถึงพิธีกรรมบางอย่าง แต่มันเป็นอะไรที่แปลก” โกสต์คิลล์พูดขึ้นมา
“เท่าที่ข้ารู้ทั้งเจ็ดอาณาจักรต่างก็ศรัทธาในเทพสปิริต พวกเขาจะบูชาแค่เทพสปิริตเท่านั้น แต่สิ่งที่พวกเขากำลังบูชานั้นดูเหมือนกับไข่ยีน ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอาณาจักรที่เคารพบูชาไข่ยีนมาก่อน”
“ถ้าเจ้าไม่รู้ ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน” หานเซิ่นพูด ขณะที่ภายในของเขากำลังคิดไปว่า ‘คริสตัลสีดำจริงๆแล้วคือไข่ยีนอย่างนั้นหรอ? มันมียีนเรซอยู่ภายในชุดเกราะคริสตัลสีดำนั่น?’
หลังจากที่ลองคิดแบบนั้น หานเซิ่นคิดว่ามันดูไม่ถูกเท่าไหร่ ถ้าคริสตัลสีดำเป็นไข่ยีนจริงๆ มันไปอยู่ในก็อตแซงชัวรี่เขต 1 ได้ยังไง แถมพลังของยีนเรซก็แตกต่างไปจากพลังของจักรวาลจีโน ถ้าคริสตัลสีดำเป็นไข่ยีนจริงๆ มันก็ควรจะถูกปฏิเสธโดยกฎของจักรวาลจีโน
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่เพียงแค่คริสตัลสีดำจะไม่ถูกปฏิเสธโดยจักรวาลจีโน มันยังทำให้สิ่งมีชีวิตในจักรวาลจีโนวิวัฒนาการได้อีกด้วย
ทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับสังเกตรอยแกะลสักบนกำแพง มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังรับชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ทอดยาวออกไป รอยแกะสลักนั้นดูเหมือนจะแสดงถึงกระบวนการของพิธีกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ
รอยแกะสลักแรกๆแสดงภาพของมนุษย์นับไม่ถ้วนที่คุกเข่าลงและสวดภาวณาต่อคริสตัลสีดำ หลังจากนั้นพวกเขาก็สังเวยเลือดของตัวเองแก่คริสตัลสีดำ
รอยแกะสลักต่อๆไปนั้นแปลกยิ่งกว่าเดิม มันแสดงภาพของคนที่ดูเหมือนกับผู้นำพิธี เขาโยนคริสตัลสีดำลงไปในสิ่งที่ดูเหมือนกับปล่องของภูเขาไฟ
รอยแกะสลักต่อมาเป็นภาพควันที่ลอยขึ้นมาจากปล่องภูเขาไฟ ผู้คนสวดภาวนาต่อควันนั้น
หานเซิ่นและโกสต์คิลล์ต่างก็อยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเดินไปข้างหน้า ในตอนที่พวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
รอยแกะสลักใกล้กับตอนจบนั้นแสดงภาพของคนนอกที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและเข้าไปในปล่องภูเขาไฟ รอยแกะสลักต่อมาคนนอกคนหนึ่งถือคริสตัลสีดำและหนีออกมาจากปล่องภูเขาไฟ
ในรอยแกะสลักสุดท้ายแสดงภาพของผู้คนมากมายที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเกรี้ยวโกรธ หลังจากนั้นมันก็ไม่มีรอยแกะสลักอะไรอีก รอยแกะสลักบนกำแพงจบลงเพียงเท่านี้
ภาพทั้งหมดที่รอยแกะสลักบรรยายนั้นไม่ค่อยชัดเจน มันบอกได้ยากว่าผู้แกะสลักนั้นพยายามจะบอกอะไร มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าคนที่ขโมยคริสตัลสีดำไปนั้นคือใครกันแน่ แต่หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะคิดว่าคนๆนั้นคือฉินซิว
แต่นั่นเป็นแค่ความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่นเท่านั้น มันไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าคนที่ขโมยคริสตัลสีดำไปคือฉินซิวจริงๆ
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวแบบนี้มาก่อนไหม?”
หานเซิ่นไม่คุ้นเคยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ ดังนั้นเขาจึงหันไปถามโกสต์คิลล์โดยหวังว่าเธอจะพอรู้อะไรบางอย่าง
โกสต์คิลล์เงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้มาก่อน บางทีเหล่ามนุษย์ที่บูชาไข่ยีนนั้นอาจจะเป็นมนุษย์จากอาณาจักรเล็กๆ ในอดีตกาลมันมีอาณาจักรขนาดเล็กอยู่มากมาย ซึ่งแตกต่างจากตอนนี้ที่จักรวาลถูกปกครองโดยอาณาจักรขนาดใหญ่เจ็ดอาณาจักร บางทีรอยแกะสลักบนกำแพงนี้อาจจะบอกถึงเรื่องราวของอาณาจักรในสมัยโบราณที่ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว”
หานเซิ่นพยักหน้า เขามองไปข้างหน้าและเห็นว่ามันไม่มีรอยแกะสลักอีกแล้ว แต่ข้างหน้านั้นมีบันไดหินที่พาลงไปด้านล่าง มันเป็นบันไดเกลียวที่ทอดยาวลงไป พวกเขามองหน้ากันก่อนที่จะพากันเดินลงบันไดหินไป
ทั้งหานเซิ่นและโกสต์คิลล์ต่างก็รู้สึกสนใจที่แห่งนี้อย่างมาก พวกเขาอยากรู้ว่าใครกันที่มาสลักภาพพวกนี้เอาไว้ในภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต
“เท่าที่ข้ารู้ โลนสกายดราก้อนนั้นเป็นยีนเรซระดับเทพเจ้าที่หายากมากๆ” โกสต์คิลล์พูดขณะที่เดินลงบันไดไป
“ตำนานเกี่ยวกับการปรากฏตัวของโลนสกายดราก้อนนั้นมีไม่กี่ครั้ง และที่โด่งดังที่สุดก็คือโลนสกายดราก้อนที่เป็นของโมหลี่ ถ้าลิงขนม่วงนั่นคือบลัดโกสต์สปิริตจริงๆ โลนสกายดราก้อนก่อนหน้านี้ก็คงจะเป็นตัวเดียวกันกับที่โมหลี่เคยเป็นเจ้าของ”
หานเซิ่นไม่ลังเลที่จะถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขากำลังสงสัย “แต่ถ้าโมหลี่ถูกฆ่าตายในพระราชวังของอาณาจักรเว่ย ยีนเรซของเขาก็ควรจะตายไปพร้อมกับเขา พวกมันมาปรากฎตัวที่นี่ได้ยังไงกัน?”
“ข้าไม่รู้ ถ้าพวกมันไม่ใช่ยีนเรซของโมหลี่ โลนสกายดราก้อนและบลัดโกสต์สปิริตจะมาปรากฏตัวพร้อมกันได้ยังไง? ถ้าถามข้า ข้าก็คิดว่ามันดูเป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไป” โกสต์คิลล์พูด
“พวกเรายังยืนยันไม่ได้ว่าลิงขนม่วงตัวนั้นคือบลัดโกสต์สปิริตจริงๆ บางทีมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้” หานเซิ่นพูด
“เจ้าพูดถูก” โกสต์คิลล์พยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
พวกเขาทั้งสองเดินลงบันไดหินไปเรื่อยๆ พวกเขาเดินลงไปหลายร้อยฟุตก่อนที่พวกเขาจะมาถึงที่ปลายบันได และตรงหน้าพวกเขาก็คือประตูหิน
ขณะที่โกสต์คิลล์ตรวจเช็คมัน เธอก็ค้นพบว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับประตูหิน เธอพยายามจะดันประตู แต่ประตูหินนั้นไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“ให้ข้าลองดู” หานเซิ่นใช้เสาโลหะในมือทุบใส่ประตูหิน ด้วยพละกำลังของหานเซิ่น ทำให้ประตูหินแตกกระจายด้วยการทุบเพียงไม่กี่ครั้ง
พวกเขาทั้งสองมองผ่านประตูหินเข้าไป และสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือห้องโถงเก่าๆที่ดูเหมือนกับห้องโถงของปราสาท บนกำแพงของห้องโถงมีรอยแกะสลักอยู่เช่นเดียวกัน
ที่ใจกลางของห้องโถงมีเตาหินที่สูงเก้าฟุตตั้งอยู่ ไฟสีเขียวกำลังลุกโชนจากภายในของมัน ซึ่งทำให้ทั้งห้องโถงสว่างไสว
พวกเขาทั้งสองเข้าไปในห้องโถงด้วยความระมัดระวัง พวกเขามองไปที่เตาหินและเห็นว่าข้างๆเตาหินนั้นมีโครงกระดูกห้อยกลับหัวกลับหางอยู่ โครงกระดูกผุกร่อนเหมือนกับว่าเจ้าของโครงกระดูกได้ตายไปนานแล้ว
หานเซิ่นไม่เห็นความพิเศษอะไรเกี่ยวกับโครงกระดูก ดังนั้นเขาจึงหันไปมองที่รอยแกะสลักบนกำแพง และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาตกใจอย่างมาก
บนกำแพงก่อนหน้านี้ไม่มีข้อความอะไรเขียวเอาไว้ พวกมันทั้งหมดเป็นเพียงแค่รูปภาพเท่านั้น แต่บนกำแพงภายในห้องโถงนั้นเป็นตัวอักษรทั้งหมด และหานเซิ่นก็เข้าใจมัน ที่ด้านบนสุดมันอ่านได้ว่า “เรื่องราวของยีน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น