Super God Gene 3034-3037
ตอนที่ 3034 ปีแรกของศักราชดอลลาร์
หานเซิ่นต้องการจะฆ่าฉินซิว แต่ร่างสปิริตของฉินซิวนั้นแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้จะใช้ท่าตบขั้นสุดยอดอย่างเต็มกำลัง แต่ภายในเวลาสั้นๆหานเซิ่นไม่สามารถทำลายร่างสปิริตของฉินซิวได้
ฉินซิวดึงหานเซิ่นเข้าไปในรอยแยกของกาลเวลาและอวกาศ หว่านเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆกับพวกเขาก็ร่วงเข้าไปข้างในด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งสามตกลงไปในรอยแยกของกาลเวลาและอวกาศที่ประหลาดนั่น
หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดไม่สามารถต่อต้านพลังประหลาดของอุโมงค์ได้ ร่างกายของเขากำลังถูกย่อยสลาย
สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นแปลกใจก็คือความจริงที่ฉินซิวดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากพลังของอุโมงค์ เขาไม่ได้ถูกย่อยสลายเลยแม้แต่นิดเดียว
พลังสีทองของหว่านเอ๋ออีกเองก็ไม่สามารถต่อต้านพลังประหลาดของอุโมงค์ได้เช่นเดียวกัน ร่างกายของเธอกำลังถูกย่อยสลายอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าของหานเซิ่นซะอีก
“จริงๆด้วย เจ้ายังฝึกเรื่องราวของยีนไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงจะไม่ถูกย่อยสลายโดยพลังของอุโมงค์ตรงกันข้าม” ฉินซิวปล่อยมือออกจากหานเซิ่นและอุ้มหว่านเอ๋อเอาไว้ขณะที่พูด
หานเซิ่นตกใจ นี่เป็นโอกาสที่ฉินซิวจะจัดการกับเขา ถ้าฉินซิวดึงหานเซิ่นลึกลงไปในอุโมงค์เรื่อยๆ ถึงหานเซิ่นจะฆ่าอีกฝ่ายได้ พวกเขาก็จะตายไปด้วยกัน
ฉินซิวพูดขณะที่ลูบผมของหว่านเอ๋อและจูบแก้มของนาง
“เจ้าต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับข้า เจ้าต้องดูแลหว่านเอ๋อ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องรับประกันว่านางจะมีชีวิตอย่างมีความสุข”
ด้วยการจูบนั้นแสงสีแดงจากร่างกายของฉินซิวเข้าไปหาหว่านเอ๋อ มันห่อหุ้มร่างกายของหว่านเอ๋อเอาไว้ ชั้นแสงสีแดงนั้นช่วยหยุดพลังของอุโมงค์ตรงกันข้ามไม่ให้ทำลายร่างกายของเธอ
เนื่องจากสูญเสียพลังไปเป็นจำนวนมาก ร่างกายของฉินซิวจึงมัวลงไปจากการกัดกร่อนของพลังประหลาดในอุโมงค์ตรงกันข้าม เขาดูริบหรี่ราวกับว่าร่างกายของเขาสามารถสลายไปได้ทุกเมื่อ
เขาผลักมือไปข้างหน้าเพื่อดันหว่านเอ๋อไปให้กับหานเซิ่น หานเซิ่นรับตัวหว่านเอ๋อเอาไว้ หลังจากนั้นฉินซิวก็ยิ้มให้กับเขา แต่รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ดูรู้สึกเศร้า
“กลับไป พาหว่านเอ๋อกลับไปยังโลกของเจ้า บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนาง อะไรที่พลาดไปแล้วไม่อาจทวงคืนได้ ข้าฉินซิวไม่อาจจะต่อต้านท้องฟ้าได้”
หลังจากนั้นฉินซิวก็ระเบิดด้วยแสงสีแดง ร่างกายของเขากลายเป็นเปลวไฟสีแดงที่ห่อหุ้มหานเซิ่นกับหว่านเอ๋อและดันพวกเขาไปสู่ทางเข้าของอุโมงค์ตรงกันข้าม
ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ทางเข้าของอุโมงค์ตรงกันข้าม เปลวไฟสีแดงของฉินซิวก็อ่อนลง ฉินซิวเปลี่ยนพลังชีวิตของเขาเป็นพลังสีแดง ในตอนที่เปลวไฟสีแดงดับลง มันก็จะเป็นจุดจบของเขา
เมื่อพวกเขาไปถึงทางเข้าของอุโมงค์ตรงกันข้าม แสงสีแดงของฉินซิวก็ดับไป หานเซิ่นใช้พลังของตัวเองเพื่อออกไปจากที่นั่น
ในตอนที่หานเซิ่นกำลังจะออกมา มีเสียงร้องของบางสิ่งดังออกมาจากทะเลจิตของเขา ทันใดนั้นชุดเกราะคริสตัลสีดำก็พุ่งออกมาด้วยตัวของมันเองและเข้าห่อหุ้มร่างกายของหานเซิ่น
แต่สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นตกใจยิ่งกว่าคือความจริงที่หลังจากที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำห่อหุ้มตัวของเขา มันดึงร่างกายของเขาลึกลงไปในอุโมงค์ตรงกันข้าม
“นี่เจ้ากำลังทำอะไร?” หานเซิ่นพยายามจะใช้พลังของตัวเองเพื่อออกไปจากอุโมงค์ตรงกันข้าม แต่มันไม่ได้ผล ชุดเกราะคริสตัลสีดำดึงเขาลึกลงไปเรื่อยๆ
ไม่มีใครตอบคำถามของเขา ชุดเกราะคริสตัลสีดำนั้นเงียบสนิท มันแค่ดึงหานเซิ่นลงไปเรื่อยๆ พลังของอุโมงค์ตรงกันข้ามนั้นไม่สามารถทำอะไรชุดเกราะคริสตัลสีดำได้
แต่ทว่าภายในอุโมงค์ตรงกันข้าม มันมีพลังประหลาดพลุ่งพล่านภายในชุดเกราะคริสตัลสีดำและไหลเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่น มันทำให้ร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถหยุดพลังนั้นได้
หว่านเอ๋อนั้นมีพลังของฉินซิวปกป้องอยู่ เธอจึงไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงนั้น
อุโมงค์ตรงกันข้ามเป็นเหมือนกับเหวที่ไร้ก้น ขณะที่หานเซิ่นและหว่านเอ๋อจมลงไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับว่าร่างกายของพวกเขากำลังถูกกลืนโดยความว่างเปล่า
…
ปีแรกของศักราชดอลลาร์
ในปีนี้ อัลฟ่าของมนุษย์ดอลลาร์ได้เอาชนะผู้ทำลาย ช่วยจักรวาลจีโนและชีวิตนับไม่ถ้วนเอาไว้ได้สำเร็จ เพื่อเป็นเกียรติต่อดอลลาร์ที่ตายไปพร้อมกับผู้ทำลาย ปีนั้นจึงถูกตั้งชื่อว่าเป็นปีแรกของศักราชดอลลาร์ ศักราชใหม่ของจักรวาลเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ตอนนี้มนุษย์และสปิริตกลายเป็นเป็นสมาชิกของจักรวาลจีโนอย่างเป็นทางการ มันมีมนุษย์และสปิริตยอดฝีมือจากสเปชการ์เด้นและเซเคร็ดอยู่นับไม่ถ้วน มันทำให้มนุษย์และสปิริตขึ้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่สำคัญและทรงอำนาจในจักรวาล
หวังอวี่ฮังเข้าไปในห้องปฏิบัติการและถามเซี่ยชิง “พี่เซี่ย ตอนนี้การวิจัยไปถึงไหนแล้ว? มันมีหนทางที่พวกเราจะเปิดอุโมงค์สู่โลกปฎิสสารแล้วหรือยัง?”
“ยัง พลังของโลกปฎิสสารนั้นแปลกเกินไป” เซี่ยชิงพูด
“พวกเราได้ลองพยายามเข้าไปสู่โลกปฎิสสารผ่านทางแม่น้ำอันเดอร์เวิลด์ แต่ไม่มีสสารไหนที่ทนต่อพลังของโลกปฎิสสารได้”
ซินเสวียนเดินเข้ามาพร้อมกับบันทึกในมือ “ตลอดสองปีที่ผ่านมา พวกเราลองใช้ทุกวิธีทางเพื่อจะเปิดอุโมงค์สู่โลกปฎิสสาร แต่ไม่มีวิธีไหนที่ประสบความสำเร็จ พวกเราจำเป็นต้องหาทางอื่น”
“พระเจ้าของจีโนฮอลล์ต้องรู้วิธีที่จะเปิดอุโมงค์ไปสู่โลกปฎิสสารแน่ แต่เขาไม่ยอมบอกพวกเรา”
“นั่นไม่เป็นอะไร พวกเรารู้ว่าหานเซิ่นยังไม่ตาย ถ้าเขาผ่านอุโมงค์ไปสู่โลกปฎิสสารได้ มันก็ต้องมีหนทางที่พวกเราจะผ่านไปได้เช่นเดียวกัน” ซินเสวียนพูด
“ใช่ พวกเราต้องหาหนทางให้ได้ พวกเราจะปล่อยให้หานเซิ่นยึดครองโลกปฎิสสารเพียงคนเดียวไม่ได้” หวังอวี่ฮังพูด
ซีโร่เดินเข้ามาในห้องปฏิบัติการ เธอขมวดคิ้วและถาม “พวกนายเห็นเป่าเอ๋อไหม?”
“ไม่เห็น มันผ่านมาสักพักแล้วตั้งแต่ที่พวกเราเห็นนางเป็นครั้งสุดท้าย บางทีนางอาจจะพาหกน้อยและเก้าน้อยออกไปล่า” เซี่ยชิงพูด
หวังอวี่ฮังพูดขึ้นว่า “อย่ากังวลไปเลย ภายในสเปชการ์เด้นไม่มีอะไรทำร้ายเป่าเอ๋อได้ ถ้ามีใครคิดจะทำร้ายเป่าเอ๋อ คนๆนั้นก็ต้องโง่เง่ามากๆ”
ในเวลาเดียว บนภูเขาในสเปชการ์เด้น เป่าเอ๋อยืนอยู่บนวัตถุทองแดงประหลาด ดวงตาของเธอมองไปที่วัตถุทองแดง ซึ่งวัตถุทองแดงนั่นก็คือลูกบาศก์สี่แกะของหานเซิ่น
ข้างๆของเป่าเอ๋อมีหมอดูแก่ที่กำลังถือธงยืนอยู่ บนธงนั้นมีคำว่าโชคชะตาเขียนเอาไว้
เป่าเอ๋อหันมามองหมอดูแก่และถาม “สิ่งนี้จะพาหนูไปหาพ่อได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”
“แน่นอน ข้าขอสาบานต่อพระเจ้าด้วยชีวิตว่าไม่ได้โกหก” หมอดูแก่สาบานต่อพระเจ้า
ตอนที่ 3035 ไข่ยีนในตำนาน
“เจอแล้ว… ในที่สุดข้าก็หาเจอ… มีคนมากมายที่ต้องตายไป… แต่ในที่สุดพวกเราก็หาเจอ…”
ในถ้ำใต้ดินอันมืดมิด มีน้ำตกที่เกิดจากแม่น้ำใต้ดินไหลลงมา ถ้าลองมองดูดีๆ จะเห็นว่าน้ำนั้นเป็นสีแดงเหมือนกับเลือด
มีคนแปดคนยืนอยู่ข้างๆน้ำตก พวกเขาทุกคนจ้องมองลงไปในน้ำ ขณะที่พวกเขายืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายของพวกเขาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น
“มิสเตอร์หยาง สิ่งที่อยู่ในน้ำนั่นใช่สิ่งนั้นไหม?”
ชายวัยกลางคนมองไปที่ผู้อาวุโสที่มีผมสีขาว เสียงของเขาสั่นรัวขณะที่เขาถามขึ้นมา
ผู้อาวุโสคนที่ถูกเรียกว่ามิสเตอร์หยางมองไปรอบๆ เขามองอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ที่นี่ต้องเป็นรังของมังกรโลหิตไม่ผิดแน่ มันเป็นสถานที่ที่ชีพจรพระเจ้าดังและชัดเจนมากที่สุด มันต้องมีไข่ยีนระดับท็อปอยู่ภายในอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างเดียวที่ข้าไม่รู้ก็คือว่ามันจะใช่ไข่ยีนของราชาฉินที่พวกเราตามหาหรือเปล่า มิสเตอร์เหมิงจำเป็นต้องไปหาความจริงด้วยตัวเอง”
“ข้าเชื่อว่ามันต้องเป็นที่นี่ไม่ผิดแน่ ที่นี่ต้องสถานที่ที่ราชาฉินฝังไข่ยีนเอาไว้ ไข่ยีนต้องอยู่ในน้ำนั่น รีบลงไปและหยิบไข่ยีนขึ้นมา”
มิสเตอร์เหมิงเห็นแสงสีแดงภายใต้น้ำตก ดังนั้นเขาจึงบอกให้คนอื่นรีบไปเอามันขึ้นมา
ถึงแม้พวกเขาจะหวาดกลัว แต่ด้วยอำนาจของมิสเตอร์เหมิง พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระโดดลงไปในน้ำ พวกเขาว่ายไปหาแสงสีแดงที่อยู่ใต้ผิวน้ำ มีเพียงแค่มิสเตอร์เหมิงและมิสเตอร์หยางที่ยืนดูอยู่บนฝั่ง
ในเวลาไม่นานทั้งหกคนก็ขึ้นมาจากน้ำ พวกเขาช่วยกันนำวัตถุสีแดงที่อยู่ในน้ำขึ้นมา มันคือไข่ที่มีขนาดใหญ่ถึงสามฟุต
ในตอนที่ไข่ถูกนำขึ้นมา แสงสีแดงก็หายไปจากน้ำ มีเพียงแค่ไข่ที่ยังคงเรืองแสงสีแดงออกมา ไข่ยักษ์ดูงดงามเหมือนกับหยกสีเลือด
ขณะที่มองไปยังไข่ยักษ์ที่งดงามและประหลาด ทุกคนดูจะถูกครอบงำด้วยความโลภ มิสเตอร์เหมิงตื่นเต้นซะจนเริ่มจะพูดไปเรื่อยๆ
“จะต้องใช่แน่ๆ นี่ต้องเป็นไข่ยีน ราชาฉินกำเนิดขึ้นมาด้วยสายเลือดที่ไม่ดี ในตอนที่เขายังเด็ก เขาจึงมักจะถูกรังแก หว่านเอ๋อน้องสาวของเขามีเลือดที่พิเศษมากๆ เพื่อจะช่วยพี่ชาย หว่านเอ๋อได้มอบเลือดของตัวเองให้กับราชาฉิน หลังจากนั้นพวกเขาก็สร้างอาณาจักรฉินขึ้นมา แต่เนื่องจากหว่านเอ๋อสูญเสียเลือดของนางไป นางจึงกลายเป็นคนป่วยที่ฝึกวิชาไม่ได้ ต่อมานางก็เสียชีวิตไป ถ้าหว่านเอ๋อไม่ได้สูญเสียเลือดของนาง นางก็ไม่มีทางล้มป่วยแบบนั้น ราชาฉินคงจะโทษตัวเองในเรื่องนั้น ความทุกข์ใจต่อการตายของหว่านเอ๋อทำให้เขาเป็นบ้า เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะทำให้หว่านเอ๋อกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทุกคนนั้นรู้ว่าอาณาจักรฉินนั้นกำลังค้นหาความเป็นอมตะ แต่ผู้คนไม่เคยรับรู้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เขาทำทั้งหมดก็เพื่อหว่านเอ๋อ ราชาฉินค้นพบไข่ยีนระดับท็อปในตำนานนี้ เขาหวังว่าพลังยีนของมันจะทำให้หว่านเอ๋อกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
“แต่คนที่ตายไปแล้วไม่อาจจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้ เมื่อไม่มีหว่านเอ๋ออยู่ ทั้งโลกก็ดูไร้ความหมายสำหรับราชาฉิน เขาทิ้งไข่ยีนนี้เอาไว้ บรรพบุรุษของข้าเป็นราชองครักษ์ที่เคยติดตามราชาฉิน เขารู้ว่าราชาฉินไม่ได้เอาไข่ยีนออกไปและไม่เคยกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่บรรพบุรุษของพวกเราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ พวกเขาพยายามค้นหามาเป็นเวลานานหลายต่อหลายรุ่น และในที่สุดข้าก็พบไข่ยีนนี้ ด้วยไข่ยีนนี่… ตระกูลเหมิงจะกลายเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง…” หลังจากที่พูดจบ มิสเตอร์เหมิงก็หัวเราะออกมา
“อ้า…” ก่อนที่มิสเตอร์เหมิงจะหยุดการหัวเราะ คนในทีมของเขาก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ทั้งหกคนที่ลงไปเก็บไข่ยีนขึ้นมาจากน้ำนั้นลงไปนอนกลิ้งกับพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
มิสเตอร์เหมิงและมิสเตอร์หยางตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนของพวกเขากำลังดิ้นไปมาและร่างกายของพวกเขาก็เริ่มจะเน่าเปื่อย
“มิสเตอร์…ช่วย…ช่วยพวกเราด้วย…” พวกเขาดิ้นรนอย่างเจ็บปวดและพยายามยื่นมือไปขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์เหมิง แต่หลังจากพูดได้ไม่กี่คำ ร่างกายของเขาก็เน่าเปื่อยกลายเป็นกองเลือดหกกอง มันไม่มีแม้แต่เส้นผมของพวกเขาหลงเหลืออยู่
มิสเตอร์เหมิงและมิสเตอร์หยางตกใจ พวกเขาลองตรวจสอบน้ำของน้ำตกเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ด้วยเหตุนั้นการที่จู่ๆเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจึงเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
มิสเตอร์เหมิงรู้สึกดีใจที่เขาไม่ได้สัมผัสกับน้ำของน้ำตก
“มิสเตอร์หยาง ได้โปรดช่วยข้านำไข่ยีนนี่กลับไป” มิสเตอร์เหมิงพูดกับมิสเตอร์หยาง
ใบหน้าของมิสเตอร์หยางดูขื่นขม เขายิ้มแห้งๆออกมา “มิสเตอร์เหมิง ข้าเป็นแค่มิสเตอร์ ข้าไม่ได้ฝึกวิชา”
มิสเตอร์เหมิงพูด “มิสเตอร์หยางไม่ต้องกังวล พวกเขาตายเพราะพวกเขาสัมผัสกับน้ำโลหิต ตัวไข่ยีนไม่ได้มีปัญหาอะไร มิสเตอร์หยางไม่จำเป็นต้องไปกลัว”
‘ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ทำไมนายไม่แบกมันไปเองล่ะ?’
มิสเตอร์หยางคิด ถึงแม้เขาจะคิดแบบนั้น แต่มิสเตอร์หยางก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ภายใต้การจับตามองของมิสเตอร์เหมิง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเข้าไปหาไข่ยักษ์ที่ดูเหมือนกับหยกแดง
ถึงแม้ไข่ยักษ์จะสะอาดและไม่มีน้ำโลหิตอยู่บนผิวของมัน แต่มิสเตอร์หยางก็ไม่กล้าจะสัมผัสกับมันตรงๆ เขาถอดเสื้อออกและใช้มันพันรอบๆไข่เพื่อจะยกมันขึ้นมา
Katcha!
แต่ในตอนที่เขาออกแรง ก็มีเสียงแตกดังขึ้นมา ผิวไข่ยักษ์ที่เหมือนกับหยกนั้นแตกร้าว และรอยร้าวแพร่กระจายไปทั่วเปลือกไข่
มิสเตอร์หยางและมิสเตอร์เหมิงตกใจ แต่หลังจากสงบใจได้ มิสเตอร์เหมิงก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า
“พระเจ้าช่วยตระกูลเหมิง ข้าไม่เคยคาดคิดว่าไข่ยีนจะฝักในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในไข่ยีนในตำนานนี้คืออะไรกัน”
มิสเตอร์หยางมองไข่ยีนที่แตกร้าวและพูด “ราชาฉินเป็นราชาผู้ก่อตั้งอาณาจักรฉิน มันเป็นเรื่องที่ผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาจึงกลายเป็นแค่ตำนาน ถ้าตำนานเป็นเรื่องจริงล่ะก็ ไข่ยีนนี้จะฝักยีนเรซหายากให้กับพวกเรา”
ขณะที่พวกเขาพูด เสียงแตกของไข่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในตอนที่รอยร้าวแพร่กระจายไปทั่วผิวของไข่ยักษ์ เปลือกไข่ก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและหล่นลงบนพื้น
มิสเตอร์หยางและมิสเตอร์เหมิงมองสิ่งที่อยู่ภายในไข่ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พวกเขาอึ้งไป
มีชายที่อายุราวๆยี่สิบปีอยู่ภายในไข่ยักษ์นั่น เขามีผมสีดำและผิวที่โปร่งใสเหมือนกับคริสตัล เขาขดตัวราวกับว่าเขากำลังหลับไหลอยู่
“มนุษย์… ยีนเรซมนุษย์…” มิสเตอร์เหมิงตื่นเต้นจนเสียงของเขาสั่นรัว
ตอนที่ 3036 หนึ่งหมัด
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งจะได้เพลิดเพลินกับการหลับใหลที่แสนสุข เขารู้สึกดีจนเกือบจะร้องออกมา
หานเซิ่นลืมตาขึ้น และสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ เขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที
หานเซิ่นจำได้แค่ว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำนั้นลากลงไปในอุโมงค์ตรงกันข้ามจนกระทั่งเขาหมดสติไป
มันเหมือนกับว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำต้องการจะฆ่าเขา และหานเซิ่นคิดว่าตัวเองคงจะต้องตายแน่ๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น มันเหมือนกับว่าเขาแค่หลับไป
ในตอนที่หานเซิ่นตื่นขึ้นมา เขาสังเกตเห็นว่าตัวเองเปลือยเปล่าและขดตัวอยู่ในเศษซากของเปลือกไข่ หว่านเอ๋อหายตัวไปและมีชายวันกลางคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา คนๆนั้นจ้องมองมาที่ร่างกายของเขาด้วยสายตาที่ละโมบ
ในหัวของหานเซิ่นมีหลายคำผุดขึ้นมา หื่นกาม เกย์และแว่นตา หานเซิ่นมองชายวัยกลางที่ค่อยๆเดินมาหาเขาขณะพึมพำ
“เจ้าเป็นของข้า เจ้าเป็นของข้า”
‘ไปลงนรกซะ ไอ้คนวิปริต’ หานเซิ่นคิดแต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาง้างหมัดเพื่อเตรียมจะชกใส่ชายวัยกลางคน
ในตอนที่ชายวัยกลางคนเห็นหานเซิ่นง้างหมัด ใบหน้าของเขาก็ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมขณะที่พูดขึ้นว่า “ยีนเรซมนุษย์ ยีนเรซมนุษย์ที่หายาก ข้าอยากรู้จริงๆว่ามันมีธาตุอะไรกัน ตำนานบอกว่าไข่ยีนของราชาฉินเป็นธาตุกาลเวลาและอวกาศ ถ้านี่คือยีนเรซมนุษย์ธาตุกาลเวลาและอวกาศล่ะก็ หลังจากที่เขาเติบโตขึ้น มันก็มีโอกาศที่เขาจะยึดครองวิหารพระเจ้าและสร้างอาณาจักรของตัวเองได้สำเร็จ”
“มิสเตอร์เหมิงระวัง มันมีบางสิ่งผิดปกติ…” มิสเตอร์หยางที่อยู่ใกล้ๆพยายามจะพูดเตือน
“ไม่ต้องกังวล เจ้าคิดว่ายีนเรซมนุษย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่จะทำอะไรข้าได้อย่างนั้นหรอ?”
มิสเตอร์เหมิงไม่สนใจคำเตือนของมิสเตอร์หยาง เขาไม่รู้สึกถึงพลังจากหมัดของหานเซิ่น
มิสเตอร์เหมิงคิด ‘ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องเอาเขามาเป็นของตัวเองก่อน หลังจากนั้นเราก็จะสั่งสอนเขา ยีนเรซมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ เราจะปล่อยให้ข่าวนี้รั่วไหลออกไปไม่ได้ เราคงจะเก็บมิสเตอร์หยางเอาไว้ไม่ได้’
ทันใดนั้นเขาปลดปล่อยพลังและยื่นมือออกไปเพื่อรับหมัดของหานเซิ่น
ร่างกายของมิสเตอร์เหมิงขยายใหญ่ หัวของเขามีเขาวัวงอกขึ้นมาและเส้นผมของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนกับเหล็ก ร่างกายของเขาดูแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และมันมีออร่าที่ทรงพลังปลดปล่อยออกมา แต่ในตอนที่มือของเขาสัมผัสกับหมัดของหานเซิ่น สีหน้าของมิสเตอร์เหมิงก็เปลี่ยนไป เขาไม่มีโอกาสจะโต้กลับ มือของมิสเตอร์เหมิงถูกบดขยี้โดยหมัดของหานเซิ่นและหมัดพุ่งต่อไปถูกที่อกของเขา ร่างกายของมิสเตอร์เหมิงถูกส่งกระเด็นออกไปชนเข้ากับกำแพงจนระเบิดออกและกลายเป็นรอยเลือดบนกำแพง
มิสเตอร์หยางอ้าปากค้าง เขาตกตะลึงไปเมื่อเห็นมิสเตอร์เหมิงกลายเป็นรอยเลือดบนกำแพง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น
เขาสัมผัสได้ว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ไม่สำคัญว่ายีนเรซจะมีระดับสูงขนาดไหน แต่ในตอนที่มันเพิ่งกำเนิดขึ้นมา มันจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก ถึงแม้ทารกของยีนเรซระดับสูงจะแข็งแกร่งกว่าทารกของยีนเรซทั่วไป แต่มันก็ไม่มีทางที่จะแข็งแกร่งขนาดที่สามารถเปลี่ยนร่างกายของมิสเตอร์เหมิงให้กลายเป็นรอยเลือดบนกำแพงได้ในหมัดเดียวแบบนี้
มิสเตอร์เหมิงเป็นยอดฝีมือระดับที่สูงมากๆของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต ถึงแม้เขาจะไม่ใช้ยีนเรซ แต่เขาก็เหนือกว่าคนส่วนใหญ่ ยีนเรซที่เพิ่งเกิดขึ้นมา ไม่มีทางฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายในหมัดเดียว
มิสเตอร์หยางเชื่อว่าถ้าเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนอื่น มันก็คงจะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา
“ทำไมเขาถึงอ่อนแอแบบนั้น?” หานเซิ่นมองกำปั้นตัวเองด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าอีกฝ่าย เขาคิดว่าชายวัยกลางคนๆนั้นดูค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่อีกฝ่ายกลับอ่อนแอ่มากๆและไม่สามารถทนหมัดๆเดียวได้
ความจริงแล้วนั่นเป็นแค่หมัดธรรมของหานเซิ่น ในตอนที่หานเซิ่นชกออกไป เขาตั้งใจจะจับตัวอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อถามหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้
ใครจะไปรู้ว่าในตอนที่เขาเริ่มใช้วิชาจีโน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัว มันทำให้เขาต้องยับยั้งพลังของตัวเองและลดแรงหมัดลง หมัดที่เขาชกออกไปจึงเหมือนกับหมัดที่ชกใส่น้ำที่มีแรงต้านทานที่สูงมากๆ
แต่หมัดแบบนั้นกลับทำให้ชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแกร่งตัวระเบิดอยู่ดี หานเซิ่นไม่กลัวการฆ่าคน แต่เขากลัวการฆ่าคนดี ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องการจะถามคำถามก่อน โชคร้ายที่สถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว เขารู้สึกแย่ขณะที่หันไปมองมิสเตอร์หยางที่อยู่ใกล้ๆ
มิสเตอร์หยางรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด เมื่อครู่นี้หานเซิ่นฆ่ามิสเตอร์เหมิงในหมัดเดียว ภาพที่น่ากลัวนั้นทำให้ท้องใส้ของเขาปั่นป่วน ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นมองมาที่เขา เขาก็รู้สึกหวาดกลัวราวกับว่าเขากำลังถูกมองโดยราชาปีศาจ มิสเตอร์หยางขาอ่อนและล้มลงไปบนพื้น เขาฉี่ราดออกมา
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาต้องการจะใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตรวจเช็คอีกฝ่าย แต่ในตอนที่เขาใช้ศาสตร์ตงเสวียน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวอีกครั้ง มันเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกใหญ่มาทับตัวของเขา ทำให้เขาไม่สามารถใช้วิชาจีโนได้
หลังจากที่หานเซิ่นยับยั้งวิชาจีโนของตัวเอง แรงกดดันประหลาดก็หายไป
“นี่มันหมายความว่า… เรามาที่อีกโลกหนึ่งอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ ในตอนที่เขาใช้พลังของเลือดสีฟ้า ร่างกายของเขาจะถูกปฏิเสธโดยกฎของจักรวาลจีโน แต่มันไม่ได้รุนแรงขนาดนี้
หานเซิ่นลองดูอีกหลายครั้งและค้นพบว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง พลังของโลกนี้ปฏิเสธเขา แต่มันไม่ได้ปฏิเสธเขาซะทีเดียว ถ้าเขาไม่ได้ใช้วิชาจีโนหรือพลังมากจนเกินไป โลกใบนี้ก็จะไม่ปฏิเสธร่างกายของเขา
“ตอนนี้เราพอจะเข้าใจแล้ว นี่ควรจะเป็นโลกที่ฉินซิวเกิดขึ้นมา ร่างกายของเรามียีนของฉินซิวอยู่ ดังนั้นเราจึงไม่ถูกปฏิเสธ แต่ในโลกนี้วิชาจีโนของจักรวาลจีโนนั้นถูกปฏิเสธ สถานการณ์ของเราเหมือนกับฉินซิวในจักรวาลจีโน” หานเซิ่นรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ในตอนแรกเขากลัวว่าโลกที่ฉินซิวจากมาจะเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากมาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างน้อยๆชายสองคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็อ่อนแอ่มากๆ พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กับหานเซิ่นได้
‘ถ้าฉินซิวเข้าไปในจักรวาลจีโนได้ เราก็ควรจะกลับไปที่นั่นได้เช่นกัน สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการหาข้อมูลเกี่ยวกับโลกใบนี้ บางทีเราอาจจะพอหาข้อมูลเกี่ยวกับฉินซิวได้’ เมื่อคิดได้แบบนั้นหานเซิ่นก็หันไปมองมิสเตอร์หยางที่ตอนนี้ตัวสั่นอยู่บนพื้น
ตอนที่ 3037 พบวิหารพระเจ้าอีกครั้ง
ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตเป็นภูเขาที่เก่าแก่ ถึงแม้ชื่อของมันจะฟังดูคล้ายกับเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต แต่มันไม่ได้เป็นที่ตั้งของเมือง ความจริงแล้วเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตแค่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับภูเขาเท่านั้น
หานเซิ่นสวมใส่ชุดสีดำและตามมิสเตอร์หยางไปที่เมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต เขามองทุกสิ่งทุกอย่างภายในเมืองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทุกอย่างในเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตนั้นเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับหานเซิ่น มันเป็นเมืองที่ทันสมัยมากๆ ความจริงแล้วแทนที่จะเรียกว่าเมือง มันเหมือนกับปราการสมัยใหม่มากกว่า
ภายในเมืองมีทั้งรถและยานอวกาศ จำนวนของพวกมันไม่ใช่น้อยๆเลย
มันมีบางสิ่งที่หานเซิ่นไม่เข้าใจ สำหรับเมืองที่ทันสมัยแบบนี้ มันกลับยังอยู่ในยุคของจักรวรรดิ เมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตอยู่ใต้อาณานิคมของอาณาจักรฉิน
หน่วยที่เล็กที่สุดในอาณาจักรฉินคือเมือง มันไม่มีการแบ่งจังหวัดหรือประเทศ ทุกเมืองจะขึ้นตรงต่ออาณาจักรฉิน และแต่ละดวงดาวจะมีเมืองแค่เมืองเดียวเท่านั้น สิ่งที่แปลกก็คือนอกจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยแล้ว ทุกคนจะมีสัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆอยู่ข้างกายพวกเขา
จากสิ่งที่มิสเตอร์หยางบอก สัตว์เลี้ยงของแต่ละคนถูกเรียกว่ายีนเรซ พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากไข่ยีน หานเซิ่นเองก็ออกมาจากไข่ยีนเช่นกัน และไข่ยีนที่เขาฝักออกมาก็ดูเหมือนจะเป็นระดับสูง
หานเซิ่นมองไปรอบๆ เขาเห็นยีนเรซชนิดต่างๆมากมาย มันมีทั้งเสือ สิงโต ช้างและสิ่งมีชีวิตอื่นๆอีกมากมาย บางคนมีตั๊กแตนสีเขียวยักษ์เป็นยีนเรซของพวกเขา
หานเซิ่นไม่สามารถใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนเหล่ายีนเรซและเรียนรู้เกี่ยวกับพวกมันได้ การมองจากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกมันนั้นไม่สามารถบอกอะไรเขาได้มากนัก
“ข้างหน้านี้คือวิหารพระเจ้าของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต” มิสเตอร์หยางชี้ไปข้างหน้าและยิ้มขณะที่พูด
หานเซิ่นมองไปในทิศทางที่มิสเตอร์หยางชี้ออกไป เขาหลี่ตาและสังเกตเห็นว่าวิหารพระเจ้านั่นตั้งอยู่ที่ใจกลางของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต มันถูกสร้างขึ้นมาจากหินสีม่วงและดูเก่าแก่มากๆ รูปทรงของวิหารนั้นดูแปลกประหลาด เมื่อมองดูจากระยะไหล มันดูเหมือนกับดอกไม้สีม่วงขนาดยักษ์ บนประตูของวิหารสลักเอาไว้ว่า “วิหารอีวิลโลหิตก็อต”
ชื่อและรูปร่างของวิหารนั้นเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นคุ้นเคยอย่างมาก มันทำให้หานเซิ่นคิดไปว่า ‘นอกจากเรื่องที่มันไม่มีธงพระเจ้าแล้ว วิหารนี่เหมือนกับวิหารพระเจ้าของอีวิลโลตัสก็อตไม่มีผิด’
หานเซิ่นต้องการจะเดินเข้าไปข้างในเพื่อดูว่ามีรูปปั้นของอีวิลโลตัสก็อตอยู่ไหม แต่มิสเตอร์หยางดึงเขากลับด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้ วิหารพระเจ้าเป็นรากฐานของเมือง พวกมันเป็นสถานที่สำคัญที่สุดของเมือง เจ้าเมืองจึงให้ยามเฝ้ามันอยู่ตลอดเวลา คนธรรมดาจะเข้าไปไม่ได้ มันจะเปิดให้เข้าเฉพาะวันเปิดโลหิตชีพจร มีเพียงแค่ผู้คนที่มีอายุที่เหมาะสมเท่านั้น ถึงจะได้เข้าไปรับการอวยพรภายในวิหารพระเจ้าเพื่อเปิดโลหิตชีพจรของพวกเขา”
“ถ้าอย่างนั้นอีกนานแค่ไหนกันกว่าจะถึงวันเปิดโลหิตชีพจร?” หานเซิ่นไม่รีบร้อน
ถึงหานเซิ่นจะยังมีพลังอยู่ แต่จักรวาลปฏิเสธพลังของเขา เขาไม่สามารถใช้พลังอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ได้ จากที่มิสเตอร์หยางบอกกับเขา จักรวาลของโลกใบนี้ก็ถูกเรียกว่าจักรวาลจีโนเช่นกัน ภายในจักรวาลประกอบไปด้วยเจ็ดอาณาจักรด้วยกัน
อาณาจักรฉินเป็นหนึ่งในนั้น และผู้ก่อตั้งอาณาจักรฉินคือคนที่มีชื่อว่าฉินซิว นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นราชาของอาณาจักรฉินในตอนนี้เป็นทายาทของฉินซิว
ถ้าฉินซิวคนนั้นเป็นคนเดียวกับที่หานเซิ่นรู้จัก และในยุคสมัยของฉินซิว เขาไม่สามารถปกครองทั้งจักรวาลได้ นั่นก็หมายความว่าอาณาจักรอื่นทั้งหกจะต้องไม่ด้อยไปกว่าอาณาจักรฉิน และราชาของแต่ละอาณาจักรก็คงจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าฉินซิว
หานเซิ่นเป็นคนจากอีกโลกหนึ่ง เขาจึงถูกปฏิเสธโดยกฎของโลกใบนี้ ในโลกนี้ก็คงจะมีจีโนฮอลล์อยู่เช่นกัน บางทีจีโนฮอลล์ของโลกนี้คงจะพยายามกำจัดเขาเหมือนอย่างที่จีโนฮอลล์ของโลกที่หานเซิ่นจากมาพยายามกำจัดฉินซิว
หานเซิ่นมีแผนที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับจักรวาลจีโนที่เขาอยู่ในตอนนี้ซะก่อน หลังจากนั้นเขาถึงจะตัดสินใจว่าต้องทำอะไรต่อ เขายังไม่ต้องการจะทำตัวเป็นจุดเด่นและดึงดูดความสนใจของจีโนฮอลล์
ตำนานของฉินซิวและหว่านเอ๋อเป็นสิ่งที่หานเซิ่นได้ยินมาจากมิสเตอร์หยาง เขาจึงได้รู้ว่าฉินซิวเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรฉิน
‘ถ้านี่คือโลกปฏิสสาร มันเกี่ยวข้องอะไรกับอีกจักรวาลจีโน? ทำไมชุดเกราะคริสตัลสีดำถึงได้ต้องการพาเรามาที่นี่? ทำไมที่นี่ถึงมีวิหารพระเจ้าเหมือนกัน?’
ในตอนนี้หานเซิ่นต้องการจะเข้าไปในวิหารอีวิลโลตัสก็อตโดยเร็วที่สุด และดูว่าอีวิลโลตัสก็อตที่มิสเตอร์หยางพูดถึงจะใช้อีวิลโลตัสก็อตที่เขารู้จักไหม
“เจ้าต้องรออีกสองวันกว่าจะถึงวันเปิดโลหิตชีพจร เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะมาดูพิธีกรรมพร้อมกับคนอื่นๆได้”
มิสเตอร์หยางพูด เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “บ้านของข้าอยู่ในเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ทำไมเจ้าไม่มาค้างคืนที่บ้านของข้าสักสองวัน?”
“เอาสิ” หานเซิ่นพยักหน้า เขาไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล เขาไม่ใช่หัวขโมยหรือโจร ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่อยากจะใช้กำลัง การรอคอยสองวันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องตีฝ่ายามเพื่อเข้าไปในวิหารพระเจ้า
เมื่อหานเซิ่นไปถึงบ้านของอีกฝ่าย มิสเตอร์หยางก็เชิญหานเซิ่นมานั่งลงในห้องนั่งเล่น ก่อนที่เขาจะนำน้ำชามาให้และพูด
“เจ้ารออยู่ที่นี่สักครู่ ข้าจะไปเตรียมสถานที่ให้เจ้าได้พักผ่อน”
หานเซิ่นมองไปที่มิสเตอร์หยางและพูดอย่างไร้ความรู้สึก
“มิสเตอร์หยาง เจ้ารู้สินะว่าอะไรที่ควรพูดและไม่ควรพูด”
มิสเตอร์หยางรู้สึกหนาวขึ้นมาและตอบอย่างจริงจัง “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าเข้าใจดี เจ้าเป็นแค่คนที่มาจากนอกเมือง”
หลังจากที่มิสเตอร์หยางออกไปแล้ว หานเซิ่นก็นั่งดื่มชาอยู่ในห้องนั่งเล่น นอกจากเรื่องที่พลังถูกจำกัดโดยโลกใบนี้แล้ว อย่างอื่นทุกอย่างนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากจักรวาลจีโนที่หานเซิ่นจากมา แม้แต่น้ำชาก็รสชาติเหมือนกัน
หานเซิ่นเอนตัวพิงกับประตูของห้องนั่งเล่น เขายกชาขึ้นดื่มขณะที่มองไปที่ภาพวาดบนกำแพง
มันเป็นภาพวาดของยีนเรซ หานเซิ่นประหลาดใจกับความจริงที่ว่าหนึ่งในภาพวาดของยีนเรซนั้นดูคุ้นเคยอย่างมาก มันดูเหมือนกับเอมตี้ดราก้อนคิง
ขณะที่หานเซิ่นมองไปที่ภาพวาด จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู “เจ้าคือมิสเตอร์หยางใช่ไหม?”
หานเซิ่นหันไปมองและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกประตู เธอสวมใส่ชุดสีเขียวและดูงดงามมากๆ เธอดูอายุประมาทยี่สิบปี
“เจ้ามาด้วยเรื่องอะไร?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย ถ้านี่เป็นบ้านของมิสเตอร์หยาง และผู้หญิงชุดเขียวมาหาเขาถึงบ้าน แบบนั้นทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นยังไง
“ข้าไม่ได้คาดคิดว่ามิสเตอร์หยางจะยังหนุ่มขนาดนี้ ชื่อของข้าคือพีชฟูล มิสเตอร์ชิวแนะนำให้ข้ามาที่นี่ ข้าต้องการให้มิสเตอร์หยางช่วยข้าคำนวนหาตำแหน่งของชีพจรพระเจ้า” ผู้หญิงชุดเขียวอธิบายว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่อย่างไม่พูดอ้อมค้อม
ก่อนหน้านี้หานเซิ่นได้ยินจากมิสเตอร์หยางว่ามิสเตอร์เป็นแค่ชื่ออาชีพ มันไม่ใช่ชื่อของเขา มิสเตอร์หยางคงจะต้องถูกจ้างโดยมิสเตอร์เหมิงเพื่อหาตำแหน่งของชีพจรพระเจ้า
ไข่ยีนทั้งหมดจะกำเนิดขึ้นมาภายในชีพจรพระเจ้า ชีพจรพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ไข่ยีนจึงหายากตามไปด้วย มิสเตอร์เป็นมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในการหาพวกมัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น