Super God Gene 3017-3023
ตอนที่ 3017 ชาโดว์ก็อต
“เศษซากของเซเคร็ดที่หลงเหลืออยู่ โผล่หัวออกมา!”
กำแพงและผนังน้ำแข็งของห้องปฏิบัติการพังทลายภายใต้เสียงพูดอันก้องกังวาล
หานหยี่เฟยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งออกไปจากห้องปฏิบัติการขณะที่ถือมีดฝ่าตัดอยู่ในมือ เธอเอาลูกโลหะออกมาจากกระเป๋าและโยนมันขึ้นไปบนท้องฟ้า
ลูกโลหะระเบิดออกและปล่อยแสงสว่างออกมา แสงเหล่านั้นตัดกันจนกลายเป็นใบเสมาที่ปกป้องห้องปฏิบัติซีโร่จากการพังทลาย
หานเซิ่นและดราก้อนเลดี้วิ่งออกไปจากห้องปฏิบัติการน้ำแข็ง มิติของอวกาศรอบๆตัวพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีดำ มันเหมือนกับว่าบริเวณที่พวกเขาอยู่นั้นถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก
ในความมืดนั้นมีเงาดำลอยอยู่ มันกำลังมองมาที่เขา
เนื่องจากเงาและความมืดนั้นกลมกลืนกัน พวกเขาจึงมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย พวกเขาเห็นเพียงแค่ดวงตาที่เรืองแสงสีแดง
หานเซิ่นรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมาที่เขา แถมสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเมื่อครู่ก็เป็นสิ่งที่พอจะแปลความได้ อีกฝ่ายนั้นมาเพื่อตามล่าตัวของเขา
“เจ้าเป็นใคร ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?” หานเซิ่นถามออกไป
“ข้าชาโดว์ก็อตมาที่นี่ก็เพื่อบดขยี้เศษซากที่เหลือรอดของเซเคร็ด”
เสียงที่ทรงพลังดังขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีแดงในอากาศดูโกรธยิ่งกว่าเดิม
‘ชาโดว์ก็อตขั้นแอนนิฮิเลชั่นจุติลงมาเองแบบนี้ ดูเหมือนว่าเทพสปิริตนั้นจะหวาดกลัวเลือดของผู้นำเซเคร็ดจริงๆ’
สีหน้าของหานเซิ่นยังคงสงบนิ่ง เขามองไปที่ชาโดว์ก็อตและถามอย่างเย็นชา “ถ้าจะกำจัดเศษซากที่เหลืออยู่ของเซเคร็ด เจ้าควรไปตามล่าคนที่มอบเลือดสีฟ้าให้กับข้าแทนไม่ดีกว่าหรอ? เจ้าจะไม่ไปฆ่าคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือยังไง? ทำไมเจ้าถึงเลือกมาหาข้าที่เป็นผู้รับเคราะห์จากเลือดสีฟ้า? ดูเหมือนว่าเทพสปิริตจะเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวที่กล้ารังแกแต่คนที่อ่อนแอกว่า”
“ตราบใดที่เจ้าเป็นเศษซากที่เหลือรอดของเซเคร็ด เจ้าจะต้องตาย”
ชาโดว์ก็อตพูด ดวงตาของเขาเรืองแสงสีแดงขึ้นมา พวกมันเปลี่ยนเป็นลำแสงที่พุ่งตรงออกไปหาหานเซิ่น หานเซิ่นเตรียมตัวจะต่อสู้ แต่หานหยี่เฟยเคลื่อนไหวก่อนเขา เธอมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น ขณะที่ถือรีโมทคอนโทรลอยู่ในมือ เธอสัมผัสรีโมทสองครั้ง ทำให้มีหน้าจอแสงปรากฏออกมาจากรีโมทคอนโทรล หน้าจอนั้นดูเหมือนกับกระจก
เมื่อลำแสงสีแดงของชาโดว์ก็อตปะทะเข้าที่หน้าจอ มันก็ถูกสะท้อนกลับไป มันทำให้ชาโดว์ก็อตต้องปล่อยลำแสงออกมาอีกครั้งเพื่อยับยั้งมันเอาไว้
“ชาโดว์ก็อต ข้าไม่สนใจว่าเจ้าต้องการจะฆ่าใคร แต่ถ้าเจ้ากล้ามาทำลายห้องปฏิบัติการของข้า เจ้าก็ต้องชดใช้อย่างสาสม” หานหยี่เฟยพูด
“หานหยี่เฟย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ถ้าเจ้าไม่ต้องการถูกขังอีกพันล้านปี เจ้าควรจะไปจากที่นี่ซะ” ชาโดว์ก็อตพูด
“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะขังข้าเป็นพันล้านปียังไง?” หานหยี่เฟยพูด
“ถ้าเจ้าอยากตายมากนัก ข้าจะทำให้เจ้าสมใจเอง”
เสียงของชาโดว์ก็อตดังก้อง ดวงตาของเขาเรืองแสงสีแดงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้กลายเป็นแสงเลเซอร์ที่พุ่งออกมาจากตาของเขา มันดูเหมือนกับดวงอาทิตย์สีแดงที่ส่องสว่างอย่างประหลาดจากในความมืด
สีหน้าของหานเซิ่นและดราก้อนเลดี้เปลี่ยนไป พวกเขารวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อจะต่อต้าน แต่พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายสูญเสียการควบคุม พวกเขาเป็นเหมือนกับตุ๊กตาไม้ที่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่
และไม่ใช่เพียงแค่นั้น จู่ๆร่างกายของหานเซิ่นก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวของมันเอง แขนข้างที่ถือแอนเชี่ยนท์สปิริตซีดอยู่ถูกยกขึ้น มือของเขาเคลื่อนที่เข้าไปจับหัวของตัวเองก่อนที่จะเริ่มบิด มันเหมือนกับว่าเขาพยายามจะบิดหัวของตัวเองให้หลุดออกมา
ดราก้อนเลดี้เป็นเหมือนกับเขา เธอยกมือขึ้นและพยายามบิดหัวของตัวเอง คอของเธอถูกบิดไปเก้าสิบองศาเรียบร้อยแล้ว และมันยังคงบิดต่อไปเรื่อยๆ กระดูกคอของเธอเริ่มจะแตกร้าวและส่งเสียงออกมา มันเหมือนกับว่าหัวของเธอกำลังจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ มันทำให้ปากและจมูกของดราก้อนเลดี้มีเลือดไหลออกมา
ทางด้านหานเซิ่นเองก็สถานการณ์ไม่ดีเช่นกัน เขารู้สึกว่าคอของเขาใกล้จะขาดเต็มทีแล้ว ขากรรไกรของเขาเกือบจะสัมผัสกับหลังของตัวเอง ใบหน้าของเขาดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะระเบิด
“ข้ากำลังฉีกหัวของตัวเอง นั่นเป็นหนทางใหม่ที่จะตาย”
หานเซิ่นเย้นหยันตัวเอง เขารู้ว่าตัวเองและดราก้อนเลดี้นั้นถูกควบคุมโดยพลังของชาโดว์ก็อต แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นพลังแบบไหนกันแน่ เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายตัวเองโดยที่เขาไม่รู้ตัวได้ยังไง?
หานเซิ่นถูกจำกัดโดยเลือดสีฟ้า ด้วยเหตุนั้นเขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ นอกซะจากเขาจะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดหรือใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อเปิดใช้พลังของเลือดสีฟ้า นอกจากการทำแบบนั้นแล้วเขาไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้
ปัง!
ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดว่าควรจะใช้พลังไหนดี เขาเห็นมือของหานหยี่เฟยกดรีโมทคอนโทรลและมีลำแสงออกมา ลำแสงนั้นพุ่งออกไปสามฟุตก่อนที่จะแพร่กระจายออก มันกลายเป็นร่มแสง
หานหยี่เฟยกดปุ่มบนรีโมทคอนโทรลที่กลายเป็นด้ามจับของร่มอีกครั้ง และร่มแสงก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เธอยกมันขึ้นเหนือหัวเพื่อป้องกันอิทธิพลจากแสงสีแดงของชาโดว์ก็อต
หานเซิ่นและดราก้อนเลดี้ถอนหายใจออกมา พวกเขากลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้ง
หานเซิ่นยังคงรู้สึกเจ็บปวดขณะที่เขาถามขึ้นว่า “พลังแสงสีแดงนั่นคืออะไร?”
“แสงสีแดงนั่นเป็นเพียงแค่ตัวช่วย พลังที่แท้จริงของเขาคือนั่นต่างหาก” หานหยี่เฟยชี้ไปที่พื้น
หานเซิ่นมองไปที่พื้น แต่เขาไม่เห็นอะไรผิดปกติ เขาเห็นแค่พื้นหิมะที่พวกเขากำลังยืนอยู่
แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เข้าใจว่าหานหยี่เฟยพูดถึงอะไร เธอกำลังพูดถึงเงา ภายใต้ความสว่างของแสงสีแดง ร่มสีดำของหานหยี่เฟยสร้างเงาสีดำขึ้นที่พื้น มันครอบคลุมเงาของหานเซิ่นและดราก้อนเลดี้เอาไว้
“เจ้าคิดว่าร่มนั่นจะป้องกันพลังชาโดว์ก็อตของข้าได้อย่างนั้นหรอ?”
ชาโดว์ก็อตถามอย่างเลือดเย็น ดวงตาของเขาเรืองแสงสีแดงสว่างไสวยิ่งกว่าเดิม มันทำให้เงาบนพื้นชัดเจนมากขึ้น
หานเซิ่นค้นพบอย่างรวดเร็วว่าร่มในมือของหานหยี่เฟยเริ่มจะสั่นไหว ดูเหมือนว่ามันพร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อ หานหยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอต้องการจะทำบางสิ่ง แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงระฆังดังอย่างต่อเนื่อง มันเหมือนกับว่ามีระฆังหลายอันสั่นพร้อมๆกัน หานเซิ่นและคนอื่นๆหันไปมองและเห็นแสงสีม่วงพุ่งออกมาจากความมืด แสงสีม่วงนั้นคือมังกรเมฆนับสิบที่กำลังลากรถม้าทองแดงคันหนึ่งมา
“นั่นมัน…รถม้าทองแดงของเพอเพิลไฟต์” หานเซิ่นจดจำมันได้ ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าไปหลบในดวงตาของเพอเพิลไฟต์ที่นั่งอยู่ในรถม้าคันนั้น
มังกรเมฆลากรถม้ามาอยู่เหนือห้องปฏิบัติการน้ำแข็ง มันปกคลุมทั้งห้องปฏิบัติการด้วยเงาของรถม้าและมังกรเมฆ
หลังจากนั้นประตูของรถม้าทองแดงก็เปิดออก เพอเพิลไฟต์เดินออกมา เขามองไปทางชาโดว์ก็อตที่อยู่ในความมืด
ตอนที่ 3018 ขุนพลอับดับหนึ่ง
“ขุนพลอับดับหนึ่งของเซเคร็ด เพอเพิลไฟต์ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาก่อน”
ชาโดว์ก็อตพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเพอเพิลไฟต์ “แต่น่าเสียดายที่… ตอนนี้เจ้าเหลือแค่จิตวิญญาณเท่านั้นที่”
เพอเพิลไฟต์เมินเฉยต่อสิ่งที่ชาโดว์ก็อตพูด เขามองไปที่หานหยี่เฟย
หานหยี่เฟยมองด้วยความดูถูกและพูดอย่างเย็นชา “เรื่องของข้าไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า”
เพอเพิลไฟต์ตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“ข้าไม่ได้จะเข้าไปยุ่งเรื่องของเจ้า ข้าแค่จะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายเจ้าเท่านั้น”
“เจ้าคิดว่าข้าเทียบชั้นกับเขาไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” หานหยี่เฟยดูไม่พอใจ
เพอเพิลไฟต์ส่ายหัว “ไม่ใช่ มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะทำร้ายเจ้า มันก็ต้องผ่านข้าให้ได้ซะก่อน”
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกขนลุก เขาคิดในใจ
‘ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะมีความสัมพันธ์บางอย่าง แต่หานหยี่เฟยบอกว่าเพอเพิลไฟต์นั้นตายไปแล้ว และมีเพียงแค่จิตวิญญาณของเขาก็ยังคงอยู่ เพอเพิลไฟต์ที่เรากำลังเห็นตอนนี้ไม่ใช่ร่างจริงๆอย่างนั้นหรอ?’
“พอสักที พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่มีตัวตนหรือยังไง?”
ชาโดว์ก็อตทนฟังไม่ได้อีกต่อไป เสียงที่เกรี้ยวโกรธของเขาดังก้องเหมือนกับฟ้าร้อง แสงสีแดงจากดวงตาของเขาส่องสว่างขึ้นและย้อมโลกอันมืดมืดด้วยสีแดง
ภายใต้เงาของรถม้าทองแดง เงาของหานเซิ่นและคนอื่นๆถูกครอบคลุมเอาไว้ ชาโดว์ก็อตไม่สามารถควบคุมพวกเขา ขณะที่พวกเขาอยู่ใต้เงาของรถม้าได้
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ต้องตกใจ เมื่อค้นพบว่าตัวเพอเพิลไฟต์ไม่มีเงา เขาเป็นเหมือนกับผีหรือวิญญาณ
ขณะที่แสงสีแดงจากดวงตาของชาโดว์ก็อตสว่างขึ้น ร่างกายของเขาที่อยู่ในความมืดมิดก็เริ่มจะเผยออกมาให้เห็น ตอนนี้หานเซิ่นและคนอื่นๆเห็นชาโดว์ก็อตได้อย่างชัดเจน
ชาโดว์ก็อตนั้นดูเหมือนกับมังกรดำที่ชั่วร้าย ร่างกายทั้งร่างปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำเหมือนกับหมึก เขามีปีกผีเสื้อสีดำคู่หนึ่ง หัวของเขาดูเหมือนกับมังกร แต่เขามีเขาแค่เขาเดียว ร่างกายทั้งร่างของเขาปลดปล่อยไฟสีดำประหลาดออกมา มันดูเหมือนกับว่าความมืดมิดนั้นออกมาจากร่างกายของเขา
หานเซิ่นเห็นปีกของชาโดว์ก็อตกระพือ และทันใดนั้นความมืดมิดรอบๆตัวพวกเขาก็เริ่มรวมตัวกันกลายเป็นอสูรสีดำที่ล้อมพวกเขาจากทุกทิศทาง
มันมีทั้งมังกร ฟีนิกซ์ กิเลนและฟิชเบิร์ด สิ่งมีชีวิตต่างๆจากในตำนานปรากฏตัวจากในความมืด พวกเขาทุกตัวมีออร่าที่น่ากลัว ร่างกายของมันดำเหมือนกับหมึก พวกมันดูเหมือนกับเงามืด แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ดูเหมือนจะมีรูปธรรม มันเป็นอะไรที่ประหลาดมากๆ พวกมันทั้งดูเหมือนจริงและดูไม่เหมือนจริงในเวลาเดียวกัน
“เงาสีดำที่กลายเป็นซีโน่เจเนอิคนั่นคงจะต่อสู้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ ถ้าพวกมันมีพลังในการต่อสู้ ถึงพวกเขาจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่า มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะต้านทานสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเหล่านี้
สีหน้าของหานหยี่เฟยไม่เปลี่ยนแปลง เธอพูดอย่างสบายใจ
“เงาพวกนั้นเกิดขึ้นมาจากพลังของชาโดว์ พวกมันไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคจริงๆ”
หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจ แต่หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า “แต่เงาพวกนี้มีพลังประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของซีโน่เจเนอิคเดิม”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหานเซิ่นก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ในตอนนี้รอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยเงาของซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว มันมีแม้กระทั่งเงาของฟีนิกซ์ พวกมันทั้งหมดล้วนแต่เป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต ไม่ต้องถึงพูดถึงพลังแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แค่เงาพวกนี้มีพลังครึ่งหนึ่ง มันก็มีจำนวนมากกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้แล้ว
“เงาในความมืด ฟื้นคืนดวงวิญญาณ! ลงทัณฑ์โลกนี้… อาณาจักรเงา… ความมืดจุติ”
ด้วยเสียงร้องคำรามของชาโดว์ก็อต ซีโน่เจเนอิคเงานับไม่ถ้วนก็ร้องคำรามตอบ พวกมันตรงเข้าไปที่ดาวโคลด์จากทุกทิศทาง
เงาของซีโน่เจเนอิคแต่ละตัวนั้นแข็งแกร่ง พวกมันแต่ละตัวสามารถทำลายดวงดาวทั้งดวงได้อย่างสบายๆ ตอนนี้พวกมันเป็นเหมือนกับคลื่นของอสูรที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดิน พวกมันวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนกับคลื่นปีศาจสีดำ มันเป็นภาพที่น่าตกใจเมื่อได้เห็น
ดราก้อนเลดี้และหานเซิ่นเตรียมตัวจะต่อสู้ ด้วยจำนวนศัตรูที่มากขนาดนั้น พวกเขาไม่คิดว่าเพอเพิลไฟต์จะต้านทานศัตรูได้ด้วยตัวคนเดียว
หานเซิ่นกำลังไตร่ตรองว่าควรจะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อหนีไปดีไหม เหล่าเงาซีโน่เจเนอิคที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับมือได้
หานหยี่เฟยยังคงยืนนิ่งโดยที่ไม่ได้รู้สึกร้อนใจอะไร มันเหมือนกับว่าเธอไม่คิดจะต่อสู้ เธอเอาแต่มองซีโน่เจเนอิคเงาที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างใจเย็นโดยที่ไม่ทำการเคลื่อนไหวใดๆ
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่น่าสะพรึงกลัว มันเหมือนกับจิตวิญญาณการต่อสู้จากสมัยโบราณกาล มันปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดินรอบๆตัวพวกเขา
หานเซิ่นหันไปมองเพอเพิลไฟต์ที่ตอนนี้กำลังปลดปล่อยลมปราณสีม่วงออกมา ร่างกายทั้งร่างของเขาลุกโชนด้วยเปลวไฟสีม่วง จิตวิญญาณการต่อสู้ที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นเปลี่ยนเป็นวงแหวนสีม่วงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ความมืดดูเหมือนจะถูกปัดเป่าออกไปโดยแสงสีม่วงเหล่านั้น
“ข้าบอกแล้วว่าตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครทำร้ายนางได้” เสียงของเพอเพิลไฟต์ฟังดูเย็นชา ขณะที่ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ
“ให้ข้าดูสิว่าจิตวิญญาณของขุนพลอันดับหนึ่งของเซเคร็ดจะมีดีสักแค่ไหนกัน”
ร่างกายของชาโดว์ก็อตลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีดำ มันทำให้เงาในความมืดสร้างซีโน่เจเนอิคขึ้นมาเพิ่มอีก
ถึงซีโน่เจเนอิคจะหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่สีหน้าของเพอเพิลไฟต์ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ในวินาทีต่อมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเพอเพิลไฟต์ก็ระเบิดออก และเพลิงสีม่วงก็รวมตัวกันกลายเป็นดวงอาทิตย์สีม่วง หลังจากนั้นตัวเขาก็ระเบิดออกมา
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่น่ากลัวนั้นกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆเหมือนกับซูเปอร์โนวา แรงระเบิดนั้นสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้
ซีโน่เจเนอิคเงาที่หลั่งไหลเข้ามาเหมือนกับคลื่นยักษ์นั้นถูกฆ่าตายโดยแสงสว่าง ความมืดที่ปกคลุมอวกาศถูกเปลี่ยนเป็นสีม่วงที่สว่างไสว เพอเพิลไฟต์เป็นเหมือนกับดาวฤกษ์ที่เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล และดวงดาวเต็มท้องฟ้าก็โคจรรอบตัวของเขา
ซีโน่เจเนอิคที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดินถูกกวาดล้างไปในคราวเดียว ชาโดว์ก็อตส่งเสียงกรีดร้องออกมา ขณะที่สลายหายไปในแสงสีม่วงนั้น
“เพอลเพิลไฟต์ ถ้าข้าไม่ได้ถูกจำกัดพลัง ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำแบบนี้ได้” ชาโดว์ก็อตพูดก่อนที่เสียงของเขาจะหายไป และทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง
เพอเพิลไฟต์ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่หันมามองหานหยี่เฟย ก่อนที่จะกลับเข้าไปในรถม้าทองแดง หลังจากนั้นมังกรเมฆทั้งสิบก็ลากรถม้าทองแดงหายไปในอวกาศ
“เพอเพิลไฟต์แข็งแกร่งจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งหนึ่งเขาเคยต่อสู้กับผู้นำเซเคร็ด” หานเซิ่นเอยชม
หานเซิ่นเคยได้ยินมาว่าเพอเพิลไฟต์นั้นเป็นขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดของเซเคร็ด แต่เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ตอนนี้เขาได้เห็นมันกับตาตัวเอง
เพอเพิลไฟต์ที่เป็นแค่จิตวิญญาณสามารถใช้พลังของเขาเพื่อเอาชนะเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นที่จุติลงมาได้
“กลับเข้าไปในห้องปฏิบัติการเถอะ เทพสปิริตคงจะไม่ส่งใครมาอีกสักพักหนึ่ง พวกเราต้องทำให้เจ้าควบคุมพลังของเลือดสีฟ้าให้ได้”
หานหยี่เฟยมองรถม้าที่หายลับไปในอวกาศ ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องปฏิบัติการอย่างไร้รู้สึก
ตอนที่ 3019 มันจะได้ผล?
ภายในห้องปฏิบัติการ หานเซิ่นกำลังมีสีหน้าแปลกๆ
“การทำแบบนี้มันจะช่วยทำให้ข้าควบคุมพลังของเลือดสีฟ้าได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นพูดขณะที่ยืนอยู่บนแท่นน้ำแข็งด้วยขาข้างเดียว เขาพยายามกางแขนออกเพื่อรักษาสมดุล เขาทำแบบนี้มาเป็นเวลากว่าสิบชั่วโมงแล้ว หานหยี่เฟยบังคับให้เขายืนอยู่ตลอดเวลา และเธอไม่อนุญาตให้เขาทำอะไรอย่างอื่น เธอไม่ได้ให้เขาดื่มจีโนฟลูอิดหรืออะไรทำนองนั้นเช่นกัน และเธอก็ไม่ได้สอนวิชาจีโนใหม่ให้กับเขาด้วย มันทำให้หานเซิ่นสงสัยว่าการทำแบบนี้มันจะช่วยเขาได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?
“นี่มันยังไม่พออย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นเราควรเสริมอะไรเพิ่มดี”
หานหยี่เฟยพูด เธอเอาแอปเปิลลูกหนึ่งมาวางเอาไว้บนหัวของหานเซิ่น เธอดันแว่นตาก่อนที่จะพูดต่อว่า “ควบคุมร่างกายของเจ้าและรักษาสมดุลเอาไว้”
“นี่มันจะได้ผลจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย เขาคิดว่าหานหยี่เฟยกำลังเล่นตลกบางอย่างกับเขา ถ้าการยืนเฉยๆสามารถทำให้เขาควบคุมพลังของเลือดสีฟ้าได้ ทำไมเธอจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อตรวจอาการของเขาอย่างละเอียดด้วย การวิจัยหลายปีของผู้นำเซเคร็ดนั้นดูจะเป็นอะไรที่เสียเปล่า
หานหยี่เฟยถามอย่างเย็นชา “เจ้ารู้ไหมว่าความสงบนิ่งคืออะไร?”
“ข้าเรียนรู้วิชาหลายอย่างเพื่อฝึกความอดทน วิชาจีโนที่ข้าฝึกนั้นทำให้ข้าควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี ข้ามั่นใจมากในเรื่องนี้” หานเซิ่นตอบ
“จริงอย่างนั้นหรอ?” หานหยี่เฟยถือไม้ที่เรียวยาวอยู่ในมือ เธอชี้มันไปที่อกของหานเซิ่นและจิ้มใส่เขา
ร่างกายของหานเซิ่นยังคงสงบนิ่งเหมือนดั่งขุนเขา เขาไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย
หานหยี่เฟยดึงไม้กลับและถามหานเซิ่น “เจ้ารู้สึกอะไรจากการจิ้มครั้งนี้?”
“รู้สึกเจ็บ” หานเซิ่นตอบ
“อย่างอื่นล่ะ?” หานหยี่เฟยถาม
“ข้าจะรู้สึกอะไรอย่างอื่นได้อีก?” หานเซิ่นสับสน
หานหยี่เฟยใช้ไม้ในมือตีใส่อกของหานเซิ่น “ถ้าอย่างนั้นมันก็แสดงว่าเจ้าไม่รู้จักร่างกายของตัวเอง เจ้าไม่แม้แต่จะบรรยายความรู้สึกที่ร่างกายของเจ้าได้รับ สิ่งมีชีวิตชั้นสูงนั้นจะมีการทำงานของร่างกายที่ซับซ้อน แม้แต่ความเจ็บปวดที่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกพื้นๆ แต่ในความจริงๆแล้วมันยังมีความรู้สึกอื่นซ่อนอยู่อีก ในตอนที่ไม้จิ้มลงไป เสื้อผ้าและผิวหนังของเจ้าจะถูกกันและกัน กล้ามเนื้อของเจ้ายุบลงไปและเซลล์ของเจ้าจะได้รับความเสียหาย เส้นเลือดฝอยของเจ้าจะแตก เจ้าน่ะรู้สึกถึงเรื่องเหล่านั้นไหม?”
หานเซิ่นกลืนน้ำลาย เนื่องจากเขาสามารถควบคุมกล้ามเนื้อทุกส่วนได้ด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน การมองและสัมผัสความรู้สึกของร่างกายตัวเองนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ
“ใช้หัวใจของเจ้าสัมผัสความรู้สึกของร่างกาย” หานหยี่เฟยพูดอย่างจริงจัง
“ทำให้ร่างกายของเจ้าสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ ถ้าเจ้าทำแบบนั้นได้ เจ้าก็จะควบคุมเลือดสีฟ้าได้”
หานเซิ่นเริ่มจะเชื่อหานหยี่เฟย ดังนั้นเขาจึงถามอย่างจริงจังว่า “สงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ที่ว่านั่นคืออะไร?”
“เจ้าต้องทำให้อวัยวะภายในหยุดทำงาน ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องสงบนิ่ง นั่นถึงจะเรียกว่าสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์” หานหยี่เฟยอธิบาย
“ถ้าอวัยวะภายในร่างกายหยุดทำงาน ข้าก็ต้องตายน่ะสิ”
หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว ถึงแม้การทำให้หัวใจของตัวเองหยุดเต้นและทำให้เลือดหยุดไหลจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับหานเซิ่น แต่ถ้าเขาทำให้การทำงานทุกอย่างของร่างกายหยุดลง นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องตาย
“การสงบนิ่งไม่ได้หมายถึงการตาย การสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์หมายถึงการทำให้ร่างกายหยุดนิ่ง มันไม่ได้หมายความว่าพลังชีวิตของเจ้าจะหยุดนิ่งไปด้วย ข้าบอกไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ เจ้าจำเป็นต้องสัมผัสมันด้วยตัวเอง ในตอนที่หัวใจสงบนิ่งและร่างกายของเจ้าก็จะสงบนิ่งตาม นั่นก็หมายความว่าเจ้าทำสำเร็จ”
หานหยี่เฟยใช้ไม้ในมือตีก้นหานเซิ่นและพูด “รีบกลับไปฝึกต่อ เจ้ามีเวลาไม่มาก”
หานเซิ่นใช้หัวใจสัมผัสถึงการตีครั้งนั้น ในตอนที่ไม่ตีถูกเสื้อผ้าของเขา พวกมันกดลงบนขนของเขา มันทำให้ขนของเขากดลงไปกับผิวหนังและทำให้เขารู้สึกคัน หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าและผิวหนังของเขาถูกันและกัน จังหวะต่อมาเขาก็สัมผัสได้ว่าผิวและเส้นเลือดของเขารู้สึกถึงความเจ็บปวด
ในตอนที่ความเจ็บปวดปรากฏ เลือดที่อยู่ภายในกดตัวเองและทำให้เขารู้สึกว่ามันบวมขึ้นมา นั่นเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อน
หานหยี่เฟยเดินกลับไปนั่งที่ หลังจากนั้นเธอก็หันไปหาดราก้อนเลดี้และพูด “เจ้าถนัดเรื่องการทุบตีคนอื่นไหม?”
“ข้าถนัดแค่การทำอาหารเท่านั้น” ดราก้อนเลดี้ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นหมูและจับเขาทำอาหาร” หานหยี่เฟยไขว้ขาและยกชาขึ้นดื่มขณะที่พูด
“ถ้าข้าจับเขาทำอาหารจริงๆล่ะ?” ดราก้อนเลดี้ถาม
“ถ้าร่างกายของเขาถูกจับทำอาหารได้ง่ายๆ แบบนั้นข้าก็ได้แต่พูดว่าเขาสมควรแล้ว” หานหยี่เฟยพูด
ดราก้อนเลดี้ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเดินเข้าไปหาหานเซิ่นและยกมือของเธอขึ้น มีดสองเล่มปรากฏขึ้นมาในมือของเธอ มีดเล่มหนึ่งโค้งเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว ขณะที่อีกเล่มเหมือนกับพระจันทร์ครึ่งดวง
หนึ่งในมีดสองเล่มนั้นเป็นมีดสำหรับตัดกระดูก ส่วนอีกเล่มหนึ่งเป็นมีดสำหรับตัดเนื้อ สำหรับเชฟแล้วมีดแต่ละเล่มนั้นมีการใช้งานที่แตกต่างกัน
“พวกเจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม” หานเซิ่นมองดราก้อนเลดี้ที่เดินเข้ามาหาเขาอย่างไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ มันทำให้เขารู้สึกหนาวขึ้นมา
ถึงร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมากๆ แต่เธอมีเลือดของราชาแอนเชี่ยนท์ก็อตอยู่ในตัว และเธอเป็นขั้นทรูก็อตเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเธอไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด ถ้ามีดของเธอฟันลงมา แม้แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาก็ทนต่อการฟันของเธอไม่ได้
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้ล้อเล่น ร่างกายเป็นของเจ้า แต่ความรู้สึกนั้นจำเป็นต้องมีพลังจากภายนอกมาส่งผลกระทบต่อร่างกายของเจ้า ในตอนที่ร่างกายของเจ้าตอบสนอง เจ้าก็จะเข้าใจร่างกายของตัวเอง มันเหมือนกับเด็กที่ไม่เคยออกไปสู่โลกภายนอก เขาจะไม่เคยประสบว่าอะไรที่ดีและอะไรที่ไม่ดี”
หานหยี่เฟยพยายามจะอธิบาย หานเซิ่นรู้สึกว่าที่หานหยี่เฟยบอกนั้นสมเหตุสมผล แต่วิธีการบรรยายของเธอเป็นอะไรที่แปลกมากๆ
“ถอดเสื้อผ้าของเขาออกก่อน มันจะได้ไม่สกปรก”
หานหยี่เฟยพูดกับดราก้อนเลดี้ที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น
ดราก้อนเลดี้ไม่ได้พูดอะไร เธอแกว่งมีดและถอดเสื้อคลุมสีน้ำเงินที่หานเซิ่นสวมใส่อยู่ออก หลังจากนั้นด้วยการฟันไม่กี่ครั้ง เสื้อผ้าของหานเซิ่นก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น
หานเซิ่นสังเกตเห็นว่ามันมีแค่กางเกงในของเขาเท่านั้นที่เหลืออยู่ เขารีบตะโกนขึ้นว่า “พอได้แล้ว… แค่นั้นมันก็พอแล้ว…”
ดราก้อนเลดี้หันไปมองหานหยี่เฟย หานหยี่เฟยพูดขึ้นว่า “ในตอนที่เจ้าจับหมูทำอาหาร หนูจะเหลือเสื้อผ้าเอาไว้บนตัวมันไหม?”
“ไม่” ดราก้อนเลดี้ตอบ เธอแกว่งมีดและกางเกงในของหานเซิ่นก็หลุดออกมา
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร่างกายนั้นถึงรวมกับเลือดเซเคร็ดได้ ไม่เลวเลย” หานหยี่เฟยหลี่ตา ขณะที่มองไปที่ร่างกายของหานเซิ่น
หานเซิ่นต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มีดสำหรับตัดกระดูกที่อยู่ในมือข้างซ้ายของดราก้อนเลดี้แทงเข้ามาในร่างกายของเขาซะก่อน มันทำให้เขาต้องหายใจเข้าลึกๆอย่างเจ็บปวด หนังตาของเขาสั่นรัว เขาเกือบจะกรีดร้องออกมา
“อย่าขยับ ใช้หัวใจสัมผัสถึงร่างกายของเจ้า” หานหยี่เฟยพูดอย่างไร้ความรู้สึก
ตอนที่ 3020 สงบนิ่งอย่างสมบูรณ์
หานเซิ่นสึกราวกับว่าเขาเป็นอาหารที่อยู่บนเขียง ไม่ว่าใครก็ทำอะไรกับเขาก็ได้
ดราก้อนเลดี้ใช้วิธีการทำอาหารต่างๆเพื่อทรมานเขา เธอทั้งใช้มีดฟัน ทั้งใช้ไฟเผา ทั้งใช้น้ำร้อนต้ม เธอใช้เกือบจะทุกวิธีการ เธอถึงขนาดที่เอาเครื่องเทศมาโรยบนตัวของเขา หานเซิ่นเริ่มจะสงสัยว่าดราก้อนเลดี้นั้นต้องการจะทำแบบนี้กับเขามาเป็นเวลานานแล้ว มันเหมือนกับว่าเธอต้องการจะกินเขาเพื่อดูว่าเขารสชาติเป็นยังไง
แต่ถึงหานเซิ่นจะใช้วิชาจีโนไม่ได้ ร่างกายของเขาก็ยังแข็งแกร่งมากๆอยู่ดี มีดในมือของดราก้อนเลดี้สามารถสร้างบาดแผลเล็กๆบนร่างกายหานเซิ่นเท่านั้น และบาดแผลของเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่เหลือแม้แต่รอยแผลเป็นทิ้งเอาไว้
หานเซิ่นรู้ว่าดราก้อนเลดี้นั้นออมมือให้ การโจมตีของเธอปราศจากซึ่งจิตสังหาร มีดตัดกระดูกของเธอฟันเขากว่าร้อยครั้งแล้ว แต่ไม่มีการฟันครั้งไหนที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา
ถึงอย่างนั้นความเจ็บปวดที่แสนสาหัสก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายของหานเซิ่น ถึงแม้หัวใจของเขาจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังคงเจ็บปวดมากอยู่ดี เขาจำเป็นต้องกัดฟันเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งเสียงร้องออกมา
“ความเจ็บปวดนั้นเป็นแค่ระบบเตือนภัยของร่างกาย” หานหยี่เฟยพูดขึ้นมา
“ระบบเตือนภัยของร่างกายจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันมีทั้งการเตือนภัยอย่างความเจ็บปวด ความคัน ความแสบและความชา คนธรรมดานั้นจะรู้สึกได้เฉพาะระบบเตือนภัยที่เด่นชัดที่สุด ยกตัวอย่างเช่นในตอนที่เจ้ารู้สึกคันหลังขณะที่ไปเหยียบบนตะปูเข้า คนธรรมดาจะรู้สึกแค่ความเจ็บปวดที่เท้าและเมินเฉยต่ออาการคันที่หลัง เจ้าต้องฝึกจนกว่าเจ้าจะรู้สึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างภายในร่างกาย ถ้าเจ้าเข้าใจทุกด้านของร่างกาย เจ้าก็จะควบคุมมันได้อย่างแท้จริง”
หานเซิ่นจำเป็นต้องทำใจให้สงบเพื่อจะสัมผัสถึงร่างกายของตัวเองที่ได้รับความรู้สึกเจ็บปวด แค่การได้รับความเจ็บปวดก็จะทำให้ผู้คนรู้สึกแย่แล้ว แต่หานเซิ่นจำเป็นต้องสัมผัสถึงรายละเอียดต่างๆของความเจ็บปวด
ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น หานหยี่เฟยยังบอกให้หานเซิ่นสงบนิ่งเอาไว้ นั่นเป็นอะไรที่ชั่วร้ายสุดๆ
โชคดีที่หานเซิ่นไม่ใช่คนธรรมดาๆ เขาใช้เวลากว่าหนึ่งวันเพื่อที่จะเคยชินกับความรู้สึกเจ็บปวด มันทำให้เขาสามารถสงบจิตใจและสัมผัสถึงรายละเอียดของความรู้สึกเจ็บปวดได้ดียิ่งขึ้น ถึงแม้ความเจ็บปวดจะเป็นหนึ่งในความรู้สึก แต่มันก็มีระดับย่อยอยู่หลายระดับ ความเจ็บปวดที่แตกต่างกันจะทำให้ร่างกายตอบสนองแตกต่างกันไปด้วย ระดับของความเจ็บปวดก็เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตอบสนองของร่างกาย
ความรู้สึกเจ็บปวดเป็นอะไรที่เลวร้าย ถ้าคนๆหนึ่งใช้หัวใจรู้สึกถึงมัน พวกเขาก็จะรู้สึกได้ว่าในความเจ็บปวดนั้นมาพร้อมกับความรู้สึกประหลาดที่ซ่อนเร้นอยู่ มันบอกได้ยากว่ามันจะทำให้รู้สึกดีขึ้นหรือแย่ลง
“การวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและทนทานขึ้น พวกเขาคิดว่านั่นคือสิ่งที่ดี จนหลงลืมที่จะพัฒนาความสามารถในการรู้สึก ถึงร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่ง ขณะที่ความสามารถในการรู้สึกของพวกเขาด้อยลงไป นี่ไม่ใช่การวิวัฒนาการที่ถูกต้อง การไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่ได้หมายความว่าร่างกายไม่ได้รับความเสียหาย การมีร่างกายที่ประสาทสัมผัสไวจะทำให้ร่างกายของคนๆนั้นมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่า ซึ่งส่งผลทำให้คนๆนั้นรวดเร็วกว่าคนอื่นๆ”
หานหยี่เฟยอธิบายต่อ “มันเหมือนกับการที่เจ้านอนหลับและขาของเจ้าถูกเผาด้วยเปลวไฟ ร่างกายของเจ้าจะส่งสัญญาญเตือนด้วยความเจ็บปวด มันจะส่งไปที่สมองของเจ้าและสมองของเจ้าก็จะเริ่มสั่งการให้เจ้าตอบสนองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดนั้นคือสัญญาณเตือนภัยของร่างกาย เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าจะทำและทำการตอบสนองได้ทันที แบบนั้นปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าถึงจะรวดเร็วที่สุด ถ้าเจ้าใช้ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายในระหว่างการต่อสู้ เจ้าก็จะรวดเร็วยิ่งกว่าคนอื่นๆ เพราะเจ้าไม่จำเป็นต้องหยุดคิด เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว มันจะช่วยลดเวลาในการตอบสนองของเจ้าไปได้มาก”
หานเซิ่นคิด ‘นั่นหมายความว่าเราจะกลายเป็นแค่ชายไร้สมองที่พึ่งแต่แขนขาที่แข็งแรงน่ะสิ’
หานหยี่เฟยดูเหมือนจะมองทะลุถึงความคิดของหานเซิ่น เธอยิ้มและพูด
“อย่าได้ประเมินปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายต่ำเกินไป การไม่ต้องใช้สมอง ไม่ได้หมายความว่าเจ้านั้นโง่เขลา ถ้าเจ้าทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยตัวเองในระหว่างการต่อสู้ได้ ด้วยพลังของเลือดเซเคร็ด เจ้าก็ไม่แม้แต่จะต้องใช้สมองเพื่อฆ่าศัตรู”
ถึงแม้สิ่งที่หานหยี่เฟยพูดจะฟังดูสมเหตุสมผล แต่หานเซิ่นกลับไม่เห็นด้วย เขาคิดว่าทุกอย่างจะดีกว่าในตอนที่เขาพึ่งพาการคิดวิเคราะห์
แต่ถ้าเขามีปฏิกิริยาตอบสนองแบบที่หานหยี่เฟยพูดถึงจริงๆ มันก็ไม่ใช่อะไรที่เลวร้าย ถ้าเขาจะมีติดตัวเอาไว้
ความจริงแล้วสิ่งที่หานหยี่เฟยพูดนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงแต่ว่าคนอื่น ซึ่งรวมถึงหานเซิ่นมักจะไม่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้
หานเซิ่นใช้หัวใจเพื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวด ด้วยความช่วยเหลือของดราก้อนเลดี้ หานเซิ่นใช้เวลาไม่กี่วันก่อนที่ร่างกายของเขาจะตอบสนองต่อความรู้สึกเล็กๆน้อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังควบคุมเลือดสีฟ้าไม่ได้ มันยังคงทำงานด้วยตัวของมันเอง และไม่รวมเข้ากับเลือดสีแดงของเขา
หานเซิ่นจึงถามคำถามกับหานหยี่เฟย ซึ่งเธอตอบกลับมาว่า
“การเข้าใจความรู้สึกของร่างกายเป็นเพียงแค่ขั้นแรก ต่อจากนี้จะเป็นของจริง เจ้าจำสิ่งที่ข้าบอกได้ใช่ไหม? เจ้าต้องสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ก่อนที่เจ้าจะควบคุมเลือดสีฟ้าได้ เจ้าต้องทำให้ร่างกายหยุดนิ่งและสัมผัสร่างกายของตังเองอย่างละเอียด เจ้าจะควบคุมเลือดสีฟ้าได้หรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง มันไม่มีใครช่วยเหลือเจ้าได้”
ตั้งแต่ที่ดราก้อนเลดี้หยุดทำร้ายเขา หานเซิ่นก็แค่ยืนอยู่ตามลำพังโดยที่ไม่เคลื่อนไหว แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค้นพบว่าการจะสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เขาทำให้หัวใจหยุดเต้นและปอดหยุดหายใจ แถมเขายังทำให้เลือดของตัวเองหยุดไหล แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายของเขาก็ยังคงมีฟังก์ชั่นหลายอย่างที่ยังคงทำงานอยู่
อย่างเช่นสมองและการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้พวกมันสงบนิ่ง แต่ยิ่งเขาพยายามทำ ร่างกายของเขาก็อึกทึกมากยิ่งกว่าเดิม เซลล์จำนวนนับไม่ถ้วนยังคงทำงาน เหมือนกับพวกมันกำลังจัดปาร์ตี้ในไนต์คลับ
เนื่องจากการฝึกก่อนหน้านี้ ร่างกายของหานเซิ่นจึงมีประสาทสัมผัสที่ไวอย่างที่สุด และยิ่งเขารู้สึกถึงร่างกายตัวเองมากเท่าไหร่ เขาก็พบว่ามันยากที่จะทำให้ร่างกายสงบนิ่งมากขึ้นเท่านั้น
จนในที่สุดหานเซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับหานหยี่เฟยว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์”
“พลังของเลือดสีฟ้านั้นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกฎของจักรวาลนี้” หานหยี่เฟยพูดอย่างเย็นชา
“ถ้าเจ้าควบคุมร่างกายของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบไม่ได้ เจ้าจะควบคุมพลังที่อยู่นอกเหนือกฎของจักรวาลได้ยังไง?”
เนื่องจากหานหยี่เฟยพูดอย่างสมเหตุสมผล หานเซิ่นจึงไม่ได้พูดอะไรอีก มีแค่คนที่พิเศษเท่านั้นที่จะทำสิ่งที่พิเศษได้ ถ้าเขาไม่ได้เหนือกว่าคนอื่นๆ มันก็ไม่มีทางที่เขาจะควบคุมพลังที่อยู่เหนือกฎได้
หานเซิ่นต้องสงบร่างกายของเขาลงให้ได้ เขาหวังว่าตัวเองจะไปถึงความสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ตามที่หานหยี่เฟยพูดถึง
ยิ่งหานเซิ่นต้องการให้ร่างกายสงบนิ่งมากเท่าไหร่ ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายก็รุนแรงขึ้นเท่านั้น มันทำให้การยืนเฉยๆโดยที่ไม่เคลื่อนไหวนั้นดูจะเป็นอะไรที่ยากเย็นยิ่งกว่าการต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตาย
ดราก้อนเลดี้มองหานเซิ่นที่ยืนแข็งทื่อเหมือนกับรูปปั้น ก่อนที่จะหันไปถามหานหยี่เฟย “เขาจะทำได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”
“เขาจำต้องทำให้ได้” หานหยี่เฟยพูดอย่างจริงจัง
“มันเป็นหนทางรอดเดียวเพียงทางเดียว เทพสปิริตนั้นจะไม่มีวันปล่อยคนที่มีเลือดสีฟ้าไป ในตอนที่เทพสปิริตจุติลงมาอีกครั้ง มันจะไม่เหมือนอย่างชาโดว์ก็อต”
ตอนที่ 3021 ชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ด
ในมุมมืดของระบบจักรวาลร้าง มีอสูรตัวน้อยตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพังของปราสาทศักดิ์สิทธิ์ อสูรตัวนั้นดูเหมือนกับแมว แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับแมวซะทีเดียว มันดูเหมือนกับจิ้งจอก แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกับจิ้งจอกซะทีเดียวเช่นกัน ข้างๆมันมีชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง… อาเหมย… อีแร้งแก้… พวกเจ้าหายไปไหน?” ชายหนุ่มตะโกน เขาพยายามค้นหาด้วยความหวังว่าจะพบอะไรบางสิ่ง
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เขาต้องผิดหวัง นอกจากรอยเลือดแล้ว มันไม่มีอะไรอย่างอื่นที่หลงเหลืออยู่
“นี่มัน…เลือดของอาเหมย….” ชายหนุ่มเห็นรอยเลือดบนกำแพงและรู้สึกช็อค ใบหน้าของเขาซีดลงไปเล็กน้อย
เฒ่าแมวกระโดดขึ้นบนกำแพงที่พังทลาย มันดมกลิ่นเลือดและพูดอย่างจริงจัง “มันเป็นเลือดของนางไม่ผิดแน่”
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” เสี่ยวฮวากัดฟัน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสกับรอยเลือด ในจังหวะที่มือของเขาแตะรอยเลือด พลังประหลาดบางอย่างก็ไหลเข้าไปในรอยเลือด
หลังจากนั้นบนรอยเลือดก็มีแสงเงาประหลาดปรากฏขึ้นมา มันเหมือนกับว่าเวลาถูกย้อนกลับ มันแสดงภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เขาดูเหมือนกับภาพวิดีโอ
ภายในวิดีโอนั้นแสดงภาพของฉินหลานที่ลงมือฆ่าอาเหมย เมื่อเห็นแบบนั้นเสี่ยวฮวาก็กัดฟันอย่างรุนแรนจนริมฝีปากของเขามีเลือดไหลออกมา
น่าเสียดายที่วิดีโอนั้นแสดงแค่ภาพของฉินหลานในตอนที่ฆ่าอาเหมย มันไม่ได้แสดงภาพอะไรอย่างอื่น
เสี่ยวฮวาเดินไปที่รอยเลือดอีกรอยหนึ่ง เขาใส่พลังกาลเวลาและอวกาศเข้าไปในรอยเลือดและได้เห็นภาพของฉินหลานฆ่าอีแร้งแก่ อสูรไร้ดวงตาและเรดโกสต์
“ข้าจะฆ่าเขา! เฒ่าแมว บอกข้ามาว่าเขาอยู่ที่ไหน” ดวงตาของเสี่ยวฮวาเปลี่ยนเป็นสีแดง
“เสี่ยวฮวาใจเย็นก่อน เจ้ายังต่อสู้กับเขาไม่ได้” เฒ่าแมวพูด
เสี่ยวฮวาจ้องไปที่เฒ่าแมวและถาม “เจ้าบอกข้าไม่ใช่หรือยังไงว่าข้าแค่ต้องเก็บจีโนพ้อยให้เต็ม หลังจากนั้นข้าก็จะออกมาจากก็อตแซงชัวรี่และเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วน่ะ? บอกข้ามาว่าต้องทำยังไง”
เฒ่าแมวดูหดหู่ขณะที่พูด “เจ้าเพิ่งจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า ขณะที่ฉินหลานคนนั้นก้าวข้ามขั้นทรูก็อตไปแล้ว การจะเพิ่มระดับขึ้นมากขนาดนั้นในเวลาอันสั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ มันมีอยู่วิธีหนึ่ง แต่มันเป็นวิธีการที่ทรมานและเจ็บปวดมากๆ”
“บอกข้ามาว่าต้องทำยังไง ไม่ว่าจะยังไงข้าก็จะล้างแค้นให้กับอาเหมยและคนอื่น” เสี่ยวฮวาพูดอย่างแน่วแน่
“ก็ได้ ข้าหวังว่าสิ่งนั่นจะยังคงอยู่ที่นี่” เฒ่าแมวลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเดินไปยังซากปรักหักพังของปราสาทเซเคร็ด มันเดินไปที่รูปปั้นของฉินซิวที่พังทลาย
เฒ่าแมวเดินวนไปรอบๆฐานรูปปั้นอยู่สองรอบ ก่อนที่จะใช้อุ้งเท้าของมันกดลงบนปุ่มที่อยู่หลังฐานรูปปั้น หลังจากนั้นฐานของรูปปั้นก็เริ่มจะเคลื่อนไหว และเผยให้เห็นบันไดหินที่นำลงไปสู่ชั้นใต้ดิน
“ตามข้ามา” เฒ่าแมวเรียกเสี่ยวฮวาขณะที่เดินลงบันไดหินไป
เสี่ยวฮวาเดินตามไปจากด้านหลัง บันไดนั้นไม่ได้ยาวอะไรมาก หลังจากที่เดินไปได้ประมาณเก้าสิบฟุต พวกเขาก็มาถึงปลายบันได ที่ปลายสุดบันไดมีประตูหินที่ดูเก่ามากๆอยู่ มันมีสัญลักษณ์ประหลาดมากมายสลักเอาไว้บนประตู สัญลักษณ์พวกนั้นบอกได้ยากว่าพวกมันหมายถึงอะไร
“ลองดูว่าเจ้าจะเปิดประตูนั่นได้ไหม” เฒ่าแมวพูด
“ถ้าสิ่งที่อยู่ในนั้นไม่ได้ถูกเอาไป ข้าคิดว่ามันจะช่วยเจ้าได้มาก”
เสี่ยวฮวายื่นมือออกไปเพื่อดันประตูหิน แต่ถึงเขาจะออกแรงเต็มที่ ประตูหินก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าจำเป็นต้องใช้พลังของร่างกายศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปิดประตู” เฒ่าแมวพูด
เสี่ยวฮวาพยักหน้า ร่างกายของเขาลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีขาว มิติอวกาศรอบๆตัวเขาบิดเบี้ยวโดยออร่าของเปลวไฟนั่น เขายื่นมือออกไปสัมผัสกับประตูหิน
เปลวเพลิงสีขาวบนร่างกายของเขาเป็นเหมือนกับน้ำที่ละลายเข้าไปในสัญลักษณ์บนประตู สัญลักษณ์เหล่านั้นถูกย้อมด้วยสีขาวและปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ในตอนที่สัญลักษณ์บนประตูหินสว่างไสวขึ้น ประตูหินก็ค่อยๆถูกเสี่ยวฮวาดันเปิดออก มีแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากช่องว่างของประตู มันกำลังสว่างขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนที่ประตูหินถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ เสี่ยวฮวาก็มองเข้าไปข้างใน
เหนือประตูหินไปคือห้องโถงเก่าๆห้องหนึ่ง บริเวณจุดที่ลึกที่สุดของห้องโถงนั้นมีชุดเกราะลึกลับสีดำตั้งอยู่ มันเหมือนกับมีรูปปั้นที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
เสี่ยวฮวามองไปที่ชุดเกราะสีดำและถาม “เฒ่าแมว นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดถึงอย่างนั้นหรอ? มันคือชุดเกราะชุดนี้?
“ใช่แล้ว ชุดเกราะนั่นคือชุดเกราะที่ผู้นำเซเคร็ดสวมใส่ มันเป็นสมบัติที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล เจ้าแค่ต้องได้รับการยินยอมจากมัน เมื่อเจ้าสวมใส่มัน เจ้าจะมีพลังที่จะต่อกรกับทุกคนบนโลกนี้ได้ มันจะไม่ใช่แค่ฉินหลานเท่านั้น แม้แต่ฉินหลานสิบคนก็ไม่อาจจะต่อกรกับเจ้าได้ เพียงแต่ว่า…” เฒ่าแมวหยุดเงียบไป
“เพียงแต่ว่าอะไร?” เสี่ยวฮวาถาม
“เพียงแต่ว่าชุดเกราะนี้เป็นสิ่งที่มีแค่ผู้นำเซเคร็ดฉินซิวเท่านั้นที่ใช้ได้”
เฒ่าแมวพูด “นอกจากเขาแล้ว แม้แต่เทพสปิริตระดับสูงสุดก็สวมใส่ชุดเกราะนี้ไม่ได้ เจ้ามีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะได้รับความยินยอมจากมันหรือไม่ ถ้ามันไม่ได้ผล เจ้าจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ด้วยเหตุนั้นข้าจึงอยากแนะนำให้เจ้ารออีกหน่อย เมื่อเจ้ากลายเป็นขั้นทรูก็อตและใช้ร่างกายศักดิ์สิทธิ์เพื่อสวมใส่ชุดเกราะ โอกาสสำเร็จก็จะสูงขึ้น”
เสี่ยวฮวามองไปที่ชุดเกราะและถาม “ข้ามีโอกาสสำเร็จมากเท่าไหร่?”
“ประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์” เฒ่าแมวตอบ
เสี่ยวฮวาเดินไปที่ชุดเกราะและพูด “นั่นมากพอที่จะลองเสี่ยงดู ข้ารอต่อไปไม่ได้ บอกข้ามาว่าจะสวมใส่มันได้ยังไง?”
“ใช้ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเพื่อพิชิตมัน” เฒ่าแมวพูดขณะที่หลี่ตาลง
“ถ้าเจ้าได้รับความยินยอมจากมัน มันก็จะให้เจ้าสวมใส่มันได้”
“โอเค” เสี่ยวฮวาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชุดเกราะ แสงสีขาวลุกโชนจากร่างกายของเขา ขณะที่เขายื่นมือออกไปหาชุดเกราะ
ตูม!
ในตอนที่มือของเสี่ยวฮวาสัมผัสกับชุดเกราะ เปลวไฟสีขาวก็เริ่มจะไหลเข้าไปในชุดเกราะ ทันใดนั้นชุดเกราะสีดำก็สว่างไสวขึ้นมา มันเริ่มลุกโชนด้วยเปลวไฟสีขาวเหมือนกับร่างกายของเสี่ยวฮวา
เสี่ยวฮวาขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าพลังจากร่างกายถูกดูดเข้าไปในชุดเกราะ มันเหมือนกับเหวที่ไร้ก้นบึ้งและไม่มีวันจะเติบเต็มได้
ปัง!
ทันใดนั้นชุดเกราะก็แยกตัวออกเป็นชิ้นๆและตรงเข้าไปหาเสี่ยวฮวา มันห่อหุ้มรอบๆร่างกายของเขาและสร้างชุดเกราะชุดใหม่ขึ้นมา
ชุดเกราะชุดใหม่นี้เป็นสีขาวเหมือนกับหิมะและมีรัศมีสีขาวส่องสว่างออกมา มีเพียงแค่บริเวณดวงตาที่เป็นสีดำเหมือนกับหมึกราวกับว่ามันมีเพลิงปีศาจสีดำอยู่ภายใน
“อ้า!” เสี่ยวฮวาที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะเงยหน้าขึ้นและคำรามขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เส้นผมของเขายาวขึ้นอย่างรวดเร็ว มันยาวลงไปจากหมวกของเขาเหมือนกับน้ำตกสีดำ บริเวณช่องว่างของชุดเกราะนั้นมีเพลิงปีศาจสีดำรั่วไหลออกมา สีดำและสีขาวสร้างความแตกต่างที่ตกใจ
ตอนที่ 3022 ชุดเกราะปรากฏ
พลังไหลผ่านร่างกายของเสี่ยวฮวา มิติอวกาศรอบๆตัวเขาบิดเบี้ยว เปลวไฟสีดำและขาวไหลไปยังปราสาทโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทำลาย และมันก็เริ่มจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ มันไม่ใช่แค่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แม้แต่ความมืดมิดที่ปกคลุมเซเคร็ดก็เริ่มจะเกิดความเปลี่ยนแปลงที่เหมือนกับปาฏิหาริย์
ความมืดมิดเริ่มจะจางหายไป และสิ่งก่อสร้างที่พังทลายก็เริ่มจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่สร้างที่ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีหรือสิ่งก่อสร้างที่พุพังจากกาลวเลา พวกมันทั้งหมดถูกซ่อมแซมด้วยพลังประหลาดนั่น เซเคร็ดที่ถูกทำลายนั้นเริ่มกลับมาดูรุ่งเรืองเหมือนในสมัยก่อน มันเป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อ
ไม่นานหลังจากนั้นความมืดที่ปกคลุมเซเคร็ดก็หายไปอย่างสมบูรณ์ ทั้งระบบจักรวาลร้างกลับมาดูงดงามอีกครั้ง ดวงดาวมากมายดูเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
แม้แต่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์และรูปปั้นที่อยู่ภายในก็กลับสู่สภาพเดิม มันมีเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้นที่ไม่ถูกซ่อมแซม ซึ่งมันก็คือรูปปั้นของฉินซิว
“เสี่ยวฮวา เจ้าทำสำเร็จ!” เฒ่าแมวที่อยู่ใกล้ๆเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองเสี่ยวฮวาที่กำลังสวมใส่ชุดเกราะ ตอนนี้เปลวเพลิงบนชุดเกราะได้จางหายไปแล้ว
“ข้ากลายเป็นขั้นทรูก็อตแล้วสินะ?” เสี่ยวฮวาดีใจ เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่อยู่ภายในตัวของเขา
“ไม่ เจ้าไม่ใช่แค่ขั้นทรูก็อต ร่างกายของเจ้าถือเป็นขั้นทรูก็อตระดับท็อป แต่ชุดเกราะจะมอบพลังที่เหนือกว่านั้นให้กับเจ้า เมื่อร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ารวมกับชุดเกราะ เจ้าก็จะมีพลังที่เหนือกว่าที่นักสู้ขั้นทรูก็อตทั่วไป” เฒ่าแมวพูด
“ฉินหลานอยู่ที่ไหน? ข้าต้องการให้เขาชดใช้ต่อสิ่งที่เขาทำกับอาเหมย”
เสี่ยวฮวากำหมัดแน่นขณะที่พูด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้น
“เขาอยู่ที่นั่น…” เฒ่าแมวขึ้นไปยืนอยู่บนปราสาทศักดิ์สิทธิ์และยกอุ้งเท้าชี้ขึ้นไปในอวกาศ เสี่ยวฮวามองตามทิศทางที่เฒ่าแมวชี้และเห็นปราสาทพระเจ้าอยู่บนท้องฟ้า
“เขาเป็นเทพสปิริตอย่างนั้นหรอ? เขาอยู่ในวิหารพระเจ้าไหนกัน?”
ดวงตาของเสี่ยวฮวาลุกเป็นไฟขณะที่เขามองไปที่ปราสาทพระเจ้า
“เขาไม่ใช่เทพสปิริตที่แท้จริง เขาก็แค่คนทรยศของเซเคร็ด ในตอนนี้เขาอยู่ในจีโนฮอลล์ เจ้าจำเป็นต้องเข้าไปในจีโนฮอลล์เพื่อพบกับเขา” เฒ่าแมวพูด
“จีโนฮอลล์งั้นหรอ?” เสี่ยวฮวาจ้องไปที่จุดสูงสุดของปราสาทพระเจ้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ พลังภายในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง
ตูม!
พลังของเสี่ยวฮวาระเบิดออกและเขาก็หายตัวไป เขาบินขึ้นไปสู่จีโนฮอล์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของปราสาทพระเจ้าอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขาเทเลพอร์ต
ปราสาทพระเจ้าปรากฏออกมาเป็นเวลาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ละเผ่าพันธุ์จึงเริ่มจะเคยชินกับการมีอยู่ของปราสาทพระเจ้าบนท้องฟ้า บางครั้งจะมีสิ่งมีชีวิตไปที่ปราสาทพระเจ้าเพื่อทำการอธิษฐาน ส่วนสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจะไปเพื่อท้าสู้กับเทพสปิริต
เฟเธอร์คนหนึ่งเพิ่งจะเข้าไปในเขตแดนของปราสาทพระเจ้า เขากำลังสงสัยว่าควรจะไปทำการขออธิษฐานกับวิหารพระเจ้าไหนดี แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นเปลวเพลิงสีขาวและดำพุ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว มันตรงขึ้นไปสู่ชั้นที่สูงที่สุดของปราสาทพระเจ้า
“ใครกันที่รีบร้อนบินเร็วถึงขนาดนั้น? นี่เขาคิดจะไปขออธิษฐานกับเทพสปิริตขั้นสูงอย่างนั้นหรอ?” เฟเธอร์พูดกับตัวเอง เขาคิดว่าคนที่ดูเหมือนกับเปลวเพลิงนั้นจะขึ้นไปยังวิหารพระเจ้าชั้นที่สูงที่สุดเพื่อทำการอธิษฐาน
เพราะยังไงซะจนถึงตอนนี้การท้าต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นก็เป็นสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่เฟเธอร์คนนั้นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เปลวเพลิงสีขาวและดำพุ่งผ่านวิหารพระเจ้าขั้นดิแซสเตอร์และขั้นแอนนิฮิเลชั่นไป มันยังคงบินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปยังจีโนฮอลล์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของปราสาทพระเจ้า
“นี่เขากำลังทำอะไร?” เฟเธอร์ตกใจ
ผู้คนมากมายในจักรวาลต่างก็รู้สึกสับสนเมื่อเห็นการกระทำของเสี่ยวฮวา
ผู้นำปราสาทนภากำลังมองไปที่เสี่ยวฮวาเช่นเดียวกัน ใบหน้าของเขาดูแปลกๆ เขารีบเทเลพอร์ตเข้าไปในห้องลับ และดึงเอาภาพวาดที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในระฆังยักษ์ออกมา
เขาเทเลพอร์ตออกมาจากห้องลับขณะที่ถือภาพวาดอยู่ในมือและมองขึ้นไปยังเสี่ยวฮวาที่อยู่บนท้องฟ้า เขามองภาพวาดในมือที่เป็นภาพของชายในชุดเกราะ ชุดเกราะนั้นห่อหุ้มร่างกายของชายคนนั้นอย่างมิดชิด แม้แต่ใบหน้าก็ไม่เผยออกมาให้เห็น
ผู้นำปราสาทนภามองชายชุดเกราะในภาพวาด หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองเสี่ยวฮวาที่บินขึ้นไปสู่จีโนฮอลล์ ใบหน้าของเขาดูเอาจริงเอาจรังอย่างมาก ชุดเกราะที่อยู่ในภาพวาดนั้นเป็นสีดำบริสุทธิ์ ขณะที่ชุดเกราะของเสี่ยวฮวาเป็นสีขาวบริสุทธิ์ นอกจากเรื่องนั้นแล้วชุดเกราะทั้งสองเหมือนกันทุกอย่าง
“ท่านผู้นำ…คนๆนั้น…ชุดเกราะนั่น…” ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภารีบมาหาผู้นำปราสาทนภาด้วยความรีบร้อน โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนใจเย็น แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้
ก่อนที่ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาจะพูดออกมาได้ มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวข้างๆผู้นำปราสาทนภา ใบหน้าของเธอดูตกใจขณะที่เธอพูดขึ้นว่า
“ชุดเกราะนั่น…คือชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดไม่ใช่หรอ?”
“มันดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่มันดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย”
ผู้นำปราสาทนภามองชุดเกราะในภาพวาด ก่อนที่จะมองไปที่เสี่ยวฮวาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาดูซับซ้อนเหมือนกับว่าเขารู้สึกไม่แน่ใจ
สิ่งมีชีวิตจากอดีตกาลทั่วจักรวาลมองไปที่เสี่ยวฮวาอย่างตกตะลึง แม้แต่ผู้คนในปราสาทพยุหะโลหิตอย่างจักรพรรดิมนุษย์เองก็มองไปที่เสี่ยวฮวาด้วยความประหลาดใจ
ผู้หญิงชุดแดงที่ถือร่มเอาไว้เหนือหัวเดินเข้าไปหาจักรพรรดิมนุษย์ ร่มสีแดงนั้นปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้ ทำให้ไม่มีใครเห็นใบหน้าของเธอได้
“นายท่าน นั่นคือชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” ผู้หญิงชุดแดงถามด้วยความสับสน
“ข้าไม่รู้” จักรพรรดิมนุษย์ส่ายหัว
ผู้หญิงชุดแดงพูด “จากคำทำนายของหานจิงจื่อ มันเหลือเวลาน้อยกว่าสิบสองชั่วโมง ถ้านั่นคือชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ด และจริงๆแล้วผู้นำเซเคร็ดยังไม่ตาย บางทีมันก็มีโอกาสที่ปราสาทพระเจ้าจะถูกทำลายจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับหานเซิ่น น่าเสียดายที่นายท่านมอบเลือดศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ตอนนี้ร่างกายของนายท่านอ่อนแอ ข้ากลัวว่าพวกเราจะถูกหานจิงจื่อหลอก เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจให้นายท่านมอบเลือดศักดิ์สิทธิ์ให้กับหานเซิ่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”
จักรพรรดิมนุษย์ยิ้มและพูด “บางทีอาจจะไม่เป็นแบบนั้น ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่านั่นใช่ชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดหรือไม่ ถึงมันจะใช่ แต่คนที่สวมมันอยู่ก็ไม่มีทางเป็นผู้นำเซเคร็ดไปได้ ดังนั้นมันยังบอกไม่ได้ว่าคนๆนี้จะทำลายปราสาทของพระเจ้าได้ บางทีหานเซิ่นอาจจะมีประโยชน์เมื่อถึงเวลา การที่พวกเราถูกเขาหลอกนั้นไม่เป็นไร ตราบใดที่พวกเราทำลายปราสาทของพระเจ้าได้ ทุกอย่างก็ถือว่าคุ้มค่า”
“ทำไมนายท่านถึงมั่นใจว่าคนที่อยู่ในชุดเกราะไม่ใช่ผู้นำเซเคร็ด?” ผู้หญิงชุดแดงถามด้วยความสับสน
“เจ้าลืมไปแล้วหรือยังไง? โลหิตชีพจรของข้าใกล้เคียงกับของฉินซิวมากๆ ถ้านั่นคือเขาจริงๆล่ะก็ ข้าจะรู้สึกได้”
จักรพรรดิมนุษย์มองเสี่ยวฮวาที่บินขึ้นไปที่จีโนฮอลล์อย่างใจเย็นและพูดต่อ “แต่ในตอนข้าไม่รู้สึกถึงการเชื่อมต่อทางสายเลือดกับคนๆนั้น บางทีเขาอาจจะมีเลือดของฉินซิวอยู่ในตัว แต่เขาไม่มีทางเป็นฉินซิวไปได้”
ทุกสิ่งมีชีวิตจากโบราณกาลมองไปทางเสี่ยวฮวาที่ตอนนี้เหยียบเท้าลงบนลานกว้างของจีโนฮอลล์
ตอนที่ 3023 การต่อสู้หน้าจีโนฮอลล์
ทุกเผ่าพันธุ์รู้สึกตกใจ จนถึงตอนนี้มีเพียงแค่หานเซิ่นและราชาไป๋เท่านั้นที่กล้าไปท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่น แต่ตอนนี้มีใครบางคนบินขึ้นไปที่จีโนฮอลล์โดยตรง มันทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึง
ในจังหวะที่เท้าของเสี่ยวฮวาเหยียบลงบนลานกว้างของจีโนฮอลล์ ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ทำอะไรก็มีเสียงดังออกมาจากภายในจีโนฮอลล์
“เจ้ารู้ไหมว่าการดูหมิ่นเทพสปิริตนั้นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงแค่ไหน?”
ประตูของจีโนฮอลล์ค่อยๆเปิดออกและเผยให้เห็นแสงสว่างอันเจิดจ้าที่อยู่ภายใน มีเงาของใครบางคนอยู่ในแสงสว่างนั้น คนอื่นๆมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เพียงแค่ได้เห็นเงาลางๆก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
เสี่ยวฮวาจ้องไปยังเงาที่อยู่ภายในจีโนฮอลล์และพูด
“ข้าไม่ได้ต้องการจะดูหมิ่นเทพสปิริต ข้าแค่มาที่นี่เพื่อหาตัวฉินหลาน ส่งตัวฉินหลานมาให้กับข้า และข้าจะไปจากที่นี่ทันที”
หานเซิ่นที่อยู่บนดาวโคลด์เบิกตากว้าง เขาจ้องมองเสี่ยวฮวาที่อยู่ต่อหน้าจีโนฮอลล์ ถึงแม้มันจะผ่านมาหลายปี แต่เขาก็ยังจำลูกของตัวเองได้เป็นอย่างดี เขาแน่ใจว่านั่นคือเสี่ยวฮวา
“เสี่ยวฮวาไปทำอะไรที่นั่น?” หานเซิ่นรู้สึกร้อนรนขึ้นมา เขาเคยต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นมาก่อน เขาจึงรู้ดีว่าเทพสปิริตขั้นสูงนั้นน่ากลัวแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แค่ทรงพลังมากๆ ดังนั้นถ้าต้องต่อสู้กัน เขาก็ยังพอจะมีโอกาสชนะ
แต่ความน่ากลัวของเทพสปิริตที่อยู่ในจีโนฮอลล์นั้นยากจะหยั่งถึง พวกเขาไม่ได้แค่ทรงพลัง พวกเขาเป็นอะไรที่มากยิ่งกว่านั้น
“แปลกจริงๆ…” หานหยี่เฟยหันไปมองเสี่ยวฮวาที่ยืนอยู่ในลานกว้างของจีโนฮอลล์ เธอขมวดคิ้วและพูดกับตัวเอง
“ถึงชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดจะยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็สะดุ้ง เขารีบหันมาถาม “เจ้าว่าอะไรนะ? ที่เสี่ยวฮวาใส่คือชุดเกราะของฉินซิว?”
หานหยี่เฟยประหลาดใจ เธอมองมาที่หานเซิ่นและถาม “เจ้ารู้จักคนที่สวมใส่ชุดเกราะนั่นอยู่อย่างนั้นหรอ?”
“นั่นคือลูกชายของข้า” หานเซิ่นรีบตอนก่อนที่จะถามขึ้นว่า
“เจ้าบอกว่าชุดเกราะนั่นคือชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นใช่ไหม? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ลูกชายของเจ้า?” หานหยี่เฟยแปลกใจ เธอไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น เธอดูจะไม่เชื่อสิ่งที่หานเซิ่นพูด
“เจ้าแน่ใจหรือว่าคนที่สวมชุดเกราะนั่นคือลูกชายของเจ้า เขาเป็นลูกชายทางสายเลือดอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าแน่ใจว่านั่นคือลูกชายทางสายเลือดของข้า” หานเซิ่นพูดด้วยความมั่นใจ
“เขาถูกแมวเก้าชีวิตพาตัวไปที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังเล็ก แต่ข้าแน่ใจว่านั่นคือเขา”
หานเซิ่นไม่คิดว่าตัวเองจะมองผิดไปได้ เพราะไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นพ่อลูกกัน แถมเขายังรู้สึกถึงร่างกายราชาสปิริตขั้นสุดยอด ซึ่งนอกจากลูกชายของเขาแล้ว ในจักรวาลนี้ไม่มีทางเป็นคนอื่นได้ไป
“นั่นเป็นอะไรที่แปลก ยีนของเจ้าส่วนใหญ่มาจากคริสตัลไลเซอร์ ถ้าเขาเป็นลูกชายของเจ้า ไม่ว่าเขาจะได้รับการถ่ายทอดยีนมาจากเจ้ายังไง เขาก็เป็นแค่คริสตัลไลเซอร์ มันไม่มีทางที่เขาจะสวมใส่ชุดเกราะนั่นได้ นอกซะจาก…” ใบหน้าของหานหยี่เฟยดูจริงจัง
“นอกซะจากอะไร?” หานเซิ่นแทบจะอดไม่ได้ที่จะเปิดหัวของหานหยี่เฟยเพื่อหาคำตอบจากในนั้น
“นั่นเป็นไปไม่ได้” หานหยี่เฟยส่ายหัว ดูเหมือนว่าเธอจะปฏิเสธการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตัวเอง
“แค่บอกข้ามาถึงสิ่งที่เจ้าคิด” หานเซิ่นรู้สึกร้อนรนเหมือนกับว่าเขากำลังถูกไฟเผา
“ข้าไม่แน่ใจ มันเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น และมันก็ไม่ใช่ว่าการคาดเดาของข้าจะถูกต้อง พวกเราควรรอดูไปก่อน”
หานหยี่เฟยมองไปที่หานเซิ่นและพูดต่อ “มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะร้อนรน ถึงแม้นั่นจะเป็นลูกชายของเจ้าจริงๆ เจ้าก็ยังไปที่นั่นไม่ได้ ก่อนที่เจ้าจะควบคุมเลือดสีฟ้าได้ การไปที่จีโนฮอลล์ก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย ส่วนคนที่เจ้ากล่าวอ้างว่าเป็นลูกชายของเจ้า ถ้าเขาสวมใส่ชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดอยู่จริงๆล่ะก็ เขาก็มีโอกาสอยู่ ในตอนนี้เจ้าจำเป็นต้องใจเย็นเอาไว้ เจ้าจำเป็นต้องสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ให้ได้เร็วที่สุด แบบนั้นถ้าลูกชายของเจ้าเอาชนะเทพสปิริตไม่ได้ เจ้าก็จะได้ไปช่วยเขา”
หานเซิ่นเข้าใจในเรื่องนั้น แต่เขาพยายามจะสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์มาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำไม่สำเร็จ แถมตอนนี้เขาก็รู้สึกร้อนรนจนไม่สามารถสงบลงได้
‘หานหยี่เฟยพูดถูก เราต้องใจเย็นเอาไว้ เราต้องมีพลังเพียงพอถึงจะแก้ไขปัญหานี้ได้’ หานเซิ่นหายใจเข้าลึกและบังคับให้ตัวเองสงบจิตใจ
ในเวลานี้เงาที่อยู่ในจีโนฮอลล์เดินออกมาจากประตูเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คนๆนั้นเดินออกมา ประตูของจีโนฮอลล์ก็ปิดลง
“พระเจ้าชั่วพริบตา!” ในที่สุดผู้คนก็เห็นคนที่ออกมาจากจีโนฮอลล์
หานเซิ่นเองก็เห็นเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เขาเคยได้ยินพระเจ้าบอกว่าจีโนฮอลล์นั้นถูกเฝ้าโดยเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นทั้งสิบสองคน บางทีเวลานี้อาจจะเป็นเวลาของพระเจ้าชั่วพริบตาที่ต้องเฝ้าจีโนฮอลล์ พระเจ้าชั่วพริบตายังคงดูเย็นชาเหมือนเช่นเคย เธอยืนอยู่บนขั้นบันไดของจีโนฮอลล์และมองลงมาที่เสี่ยวฮวา
“ไม่ว่าเจ้าจะมาด้วยเหตุผลอะไร การดูหมิ่นมีโทษตาย”
หลังจากนั้นพระเจ้าชั่วพริบตาก็ยกแขนขึ้นอย่างช้าๆ เธอชี้นิ้วออกไปที่เสี่ยวฮวา ในตอนที่นิ้วของเธอยื่นออกไปจนสุด คลื่นประหลาดก็เข้าปกคลุมทั้งจีโนฮอลล์ มันเหมือนกับว่ากาลเวลานั้นถูกหยุด ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแช่แข็งเอาไว้
พลังในการหยุดเวลาของพระเจ้าชั่วพริบตานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยเห็นในการต่อสู้ครั้งก่อน ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นอะไรที่น่าตกใจอยู่ดี เมื่อเห็นว่านิ้วของพระเจ้าชั่วพริบตาถูกยกขึ้นมาชี้ไปที่เสี่ยวฮวาเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็คิดว่าเสี่ยวฮวาคงจะตอบโต้อะไรไม่ได้
แต่เสี่ยวฮวายังเคลื่อนไหวได้ ถึงแม้เวลาจะถูกหยด เขายกกำปั้นขึ้นมาและชกไปที่พระเจ้าชั่วพริบตา
ปัง!
เปลวเพลิงสีขาวที่น่ากลัวทำลายแสงจากนิ้วมือของพระเจ้าชั่วพริบตา มันเหมือนกับดาวตกที่พุ่งไปหาเธอ สีหน้าของพระเจ้าชั่วพริบตาเปลี่ยนไป ร่างกายของเธอแว็บหายไปเพื่อหลบหลีกพลังหมัดนั้น
หมัดเพลิงสีขาวปะทะเข้ากับประตูของจีโนฮอลล์จนเกิดเป็นเสียงที่ดังกังวาน ถึงแม้ประตูของจีโนฮอลล์จะไม่ได้รับความเสียหาย แต่มันก็ทำให้ประตูสั่นไหว
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” ทุกสิ่งมีชีวิตรู้สึกแปลกใจ
พลังของพระเจ้าชั่วพริบตานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง แต่ตอนนี้มันมีคนที่สามารถทำลายพลังหยุดเวลาได้โดยการใช้เพียงแค่หมัดเดียว แม้แต่ตัวพระเจ้าชั่วพริบตาก็ไม่กล้าจะรับพลังนั้นตรงๆ มันแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของพลังนั้น
“คนๆนี้เป็นใครกัน?”
“เขามีพลังที่น่ากลัวมากๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ในจักรวาลมียอดฝีมือที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่?”
ทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาลตกตะลึง แม้แต่สีหน้าของสิ่งมีชีวิตจากโบราณกาลก็เปลี่ยนไป พวกเขาดูไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าไม่ต้องการฆ่าฟัน อย่าให้ข้าต้องทำแบบนั้น ส่งตัวฉินหลานมาให้กับข้า”
เสี่ยวฮวาเริ่มก้าวออกไปหาประตูของจีโนฮอลล์ ใบหน้าของเขาดูเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“แสง…ชั่วพริบตา…” พระเจ้าชั่วพริบตาไม่ตอบ คลื่นอันลึกลับกระเพื่อมออกจากร่างกายของเธอ มันเหมือนกับว่าแม่น้ำของกาลเวลาถูกผลักดัน และทำให้กาลเวลาไหลเร็วขึ้นกว่าเดิม เวลาชั่วพริบตาคือเวลาหนึ่งพันปี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น