Super God Gene 3015-3016
ตอนที่ 3015 เงื่อนงำเกี่ยวกับพระเจ้า
“เป็นแบบนี้นี่เอง” หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หานหยี่เฟยก็ดูตื่นเต้นอย่างมาก เธอมองข้อมูลที่อยู่บนหน้าจอด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
หานเซิ่นถามขึ้นมา “สถานการณ์เป็นยังไง? มันมีหนทางที่จะเอาเลือดสีฟ้าออกไปจากร่างกายไหม?”
“ตอบคำถามข้ามาก่อน” หานหยี่เฟยไม่รอให้หานเซิ่นตอบตกลง เธอถามต่อในทันที
“เจ้าออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว” หานเซิ่นพยักหน้า มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่เขาจะปิดบังเรื่องนั้นในตอนนี้
หานหยี่เฟยมองหานเซิ่นด้วยความสนใจ “เจ้าเป็นลูกผสมระหว่างคริสตัลไลเซอร์กับผู้นำเซเคร็ดใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่รู้” ถึงแม้หานเซิ่นจะเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานนั้น แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์
“ใช่ เจ้าเป็น” หานหยี่เฟยบอกหานเซิ่นอย่างมั่นใจ
หานเซิ่นไม่เข้าใจและถามขึ้นว่า “เจ้าแน่ใจได้ยังไง?”
หานหยี่เฟยพูด “นั่นเป็นเพราะข้าเป็นคนที่รับผิดชอบการวิจัยเลือดของผู้นำเซเคร็ด ข้อมูลการวิจัยของข้ามีเพียงแค่ผู้ช่วยที่ได้เห็นมัน ถ้าไม่มีข้อมูลนั้น มันก็ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนที่จะรวมเข้ากับเลือดสีฟ้าได้”
“ผู้ช่วยของเจ้าคือคริสตัลไลเซอร์อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นนึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้หานหยี่เฟยเคยบอกเขาว่าหลังจากที่ยีนของคริสตัลไลเซอร์ได้รับการปรับปรุง สติปัญญาของพวกเขาก็พัฒนาขึ้น หานหยี่เฟยและผู้นำเซเคร็ดจึงได้ใช้พวกเขาเป็นผู้ช่วยในการวิจัย
“ใช่ เป็นคริสตัลไลเซอร์ ถ้าเจ้าเป็นคริสตัลไลเซอร์และเจ้ารวมเข้ากับเลือดสีฟ้าได้ เจ้าก็ต้องเป็นลูกผสมระหว่างคริสตัลไลเซอร์กับผู้นำเซเคร็ดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เนื่องจากการวิจัยนั้นไม่ได้ประสบความสำเร็จซะทีเดียว ซึ่งทำให้เลือดของผู้นำเซเคร็ดนั้นอ่อนมากๆ มันจะไม่ส่งผลกระทบกับเลือดตามธรรมชาติของคริสตัลไลเซอร์ ด้วยเหตุนั้นผู้คนจึงสันนิษฐานไปว่าเจ้าคือคริสตัลไลเซอร์ธรรมดาคนหนึ่ง”
หานหยี่เฟยหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อด้วยรอยยิ้ม
“ไม่อยากจะเชื่อว่าเลฟต์เครซี่จะฉลาดถึงขนาดนั้น เขาเห็นข้อมูลเพียงแค่เล็กน้อย แต่เขากลับทำแบบได้ มันคงจะเป็นอะไรที่ยากลำบากมากๆสำหรับพวกเขา”
“ถึงแม้ข้าจะเป็นลูกผสมระหว่างคริสตัลไลเซอร์กับเลือดของผู้นำเซเคร็ด แล้วเกี่ยวข้องยังไงกับแมวเก้าชีวิต?” หานเซิ่นถาม
“แมวเก้าชีวิต โกสต์คาร์ ฟีนิกซ์และกิเลนศักดิ์สิทธิ์คือสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ด ความจริงแล้วพวกเขาเป็นการวิจัยที่สำคัญของผู้นำเซเคร็ด มันแตกต่างไปจากการวิจัยสุดยอดยีน การวิจัยของอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่นั้นมีจุดประสงค์เพื่อสร้างสปิริตศักดิ์สิทธิ์ และเปลี่ยนพวกมันให้เป็นสิ่งที่ต่อกรกับเทพสปิริตได้ แต่มีเพียงแค่กิเลนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ ส่วนอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือนั้นไม่สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวเก้าชีวิต มันมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในระหว่างการวิจัย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนั้นสีหน้าของหานหยี่เฟยก็ดูจริงจังขึ้นมา เธอเงียบไปและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“มันมีปัญหาอะไร?” สีหน้าของหานเซิ่นแสดงให้เห็นถึงความร้อนรน เขาไล่ตามเรื่องนี้มาเป็นเวลานานหลายปี และในที่สุดเขาก็กำลังจะได้รู้ความจริง
“ข้าไม่รู้” คำตอบของหานหยี่เฟยเกือบจะทำให้หานเซิ่นกระโดดขึ้นมา
“เจ้าจะไม่รู้ได้ยังไง?” หานเซิ่นเบิกตากว้าง เขาจ้องไปที่หานหยี่เฟย
“ข้าไม่รู้จริงๆ กระบวนการวิจัยเพื่อสร้างสปิริตศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นอะไรที่อันตราย ในระหว่างการทดลอง แมวเก้าชีวิตได้รับสปิริตมากเกินไปจนรับไม่ไหว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้มันเสียชีวิต”
หลังจากนั้นหานหยี่เฟยก็มองมาที่หานเซิ่นและพูด “ข้าเพิ่งมารู้จากเจ้าในตอนนี้ว่าแมวเก้าชีวิตนั้นยังไม่ตาย และเลือดของมันก็ใกล้เคียงกับเลือดสีฟ้า นั่นควรจะเป็นไปไม่ได้”
หานเซิ่นมีสีหน้าแปลกๆ ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเขา ในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยความแปลกใจ
“เจ้าจะบอกว่าที่แมวเก้าชีวิตคืนชีพกลับขึ้นมาเป็นเพราะผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าแมวเก้าชีวิต…”
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้พูดออกมา เขาคิดว่าความเป็นไปได้นั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไป
หานหยี่เฟยพยักหน้าและพูด “จากการคาดเดาของข้า มันมีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง อย่างแรกคือมันเป็นอย่างที่เจ้าพูด บางทีผู้นำซเคร็ดคงใช้ร่างของแมวเก้าชีวิตเพื่อทำการทดลองบางอย่าง และแมวเก้าชีวิตก็กลายเป็นภาชนะสำหรับเขา อีกความเป็นไปได้หนึ่งคือผู้นำเซเคร็ดมอบเลือดของเขาให้กับแมวเก้าชีวิต หลังจากนั้นแมวเก้าชีวิตก็คืนชีพขึ้นมาในฐานะสายพันธุ์ใหม่ มีเพียงแค่สองความเป็นไปได้ที่จะอธิบายว่าทำไมเลือดของแมวเก้าชีวิตถึงได้คล้ายคลึงกับเลือดของผู้นำเซเคร็ด นั่นเป็นเหตุผลที่พลังของแมวเก้าชีวิตต่อต้านพลังของเลือดสีฟ้าได้ มีเพียงแค่พลังเซเคร็ดที่จะยับยั้งพลังเซเคร็ดได้”
“เจ้าคิดว่ามันน่าจะเป็นความเป็นไปได้ไหน?” หานเซิ่นมีสีหน้าแปลกๆ เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ปีศาจสาวเตือนให้เขาระวังแมวเก้าชีวิตก่อนที่เธอจะตาย
“ข้าไม่รู้” หานหยี่เฟยปิดเครื่องทดลองและปล่อยให้หานเซิ่นออกมา
หานเซิ่นยื่นเส้นยืนสายขณะที่ถามขึ้นว่า “มันมีหนทางที่จะลบล้างเลือดสีฟ้าที่อยู่ภายในตัวของข้าออกไปไหม?”
“เมื่อยีนถูกรวมเข้าด้วยกันแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลบล้างยีนนั้นออกไป”
หานหยี่เฟยหยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะถามขึ้นว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องการกำจัดมันออกไป? ถ้ามันเป็นแค่ยีนเลือดสีฟ้า มันก็อาจจะเป็นปัญหาสำหรับเจ้า แต่เจ้ามียีนเลือดสีฟ้ากลายพันธุ์ของแมวเก้าชีวิตอยู่ ยีนเลือดสีฟ้ากลายพันธุ์นั้นจะไม่ถูกตัดขาดจากกฎของจักรวาล เจ้าแค่จำเป็นต้องรวมพลังทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียว หลังจากนั้นเจ้าก็จะควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ และเจ้าจะไม่เป็นเหมือนอย่างผู้นำเซเคร็ดที่ถูกทำลายโดยพลังของจักรวาล เจ้าจะประสบความสำเร็จมากกว่าเขา บางทีเจ้าอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้สุดยอดยีนเพื่อฆ่าเทพสปิริต”
“ทำไมข้าถึงต้องฆ่าเทพสปิริต?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
หานเซิ่นเคยเป็นเทพสปิริตด้วยผลของมงกุฎสกายก็อต ถึงแม้เทพสปิริตจะเป็นอันตราย แต่มันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องถูกกำจัด
เมื่อเทียบกันแล้วในความพยายามที่จะทำให้เผ่าพันธุ์ของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เผ่าพันธุ์ต่างๆนั้นได้ก่อกรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าเทพสปิริตซะอีก ภัยอันตรายที่เกิดจากพวกเขานั้นแย่ยิ่งกว่าสิ่งไหนๆที่เทพสปิริตทำ
นอกซะจากเขาจะเกิดมาเป็นศัตรูของเทพสปิริต เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องฆ่าเทพสปิริต
หานหยี่เฟยมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ หลังจากผ่านไปสักพักเธอก็ถอนหายใจออกมา
“เจ้ายังไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเทพสปิริตคืออะไร ถ้าเจ้าเข้าใจ เจ้าจะไม่รู้สึกแบบนั้น”
“เจ้าทำให้ข้าเข้าใจได้” หานเซิ่นมองไปที่หานหยี่เฟยด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
“มันยากที่จะอธิบายอย่างกะทันหัน”
เห็นได้ชัดว่าหานหยี่เฟยไม่ต้องการตอบคำถามนั้น เธอเปลี่ยนเรื่องและพูดขึ้นว่า “เจ้าควรอยู่ที่นี่ ข้าจะหาทางช่วยเจ้าควบคุมพลังของเลือดสีฟ้า ส่วนการจะกำจัดเลือดสีฟ้าไปนั้น ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้”
“หลังจากที่ข้าควบคุมมันได้แล้ว ข้าจะใช้วิชาจีโนอื่นที่ข้ามีได้ไหม?” หานเซิ่นถาม
“เป็นไปไม่ได้ ยีนเลือดสีฟ้าของผู้นำเซเคร็ดนั้นทรงพลังเกินไป ถึงเจ้าจะไม่ถูกตัดขาดจากกฎของจักรวาล เจ้าก็ใช้วิชาจีโนอื่นไม่ได้อยู่ดี เจ้าจะใช้ได้เพียงแค่พลังนี้ แต่มันก็เป็นอะไรที่มากพอ” หานหยี่เฟยพูด
หานเซิ่นมีสีหน้าแปลกๆขณะที่ถาม “เจ้าแน่ใจหรือว่าหลังจากที่มีพลังของเลือดสีฟ้า ข้าจะใช้พลังอื่นไม่ได้อีก?”
“ข้าแน่ใจ เจ้าเองก็มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ไม่ใช่หรอ?” หานหยี่เฟยพูด
“อีกอย่างหนึ่ง ข้าสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับหานจิงจื่อที่เจ้าพูดถึง บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องของเขา” หานหยี่เฟยหลี่ตา
“ข้าจะบอกเจ้า แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าต้องการจะรู้ว่าเทพสปิริตคืออะไร” หานเซิ่นพูด
หานหยี่เฟยมองหานเซิ่นอย่างจริงจังอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“เอาสิ ข้าจะพยายามอธิบาย แต่ข้าไม่สัญญาว่าเจ้าจะเข้าใจมัน”
ตอนที่ 3016 พระเจ้าและความเป็นอมตะ
หานเซิ่นมองไปที่หานหยี่เฟยขณะที่พูด “ถ้าเจ้ายินดีจะอธิบาย ข้าก็ควรจะเข้าใจ”
หานหยี่เฟยไม่ได้แสดงความเห็น เธอพูดขึ้นว่า “นอกจากแอนเชี่ยนท์ก็อตและเทพสปิริตแล้ว สิ่งมีชีวิตของจักรวาลจะต้องตายสักวันหนึ่ง เจ้ารู้ไหมว่าอะไรที่กำหนดอายุขัยของพวกเขา?”
หานเซิ่นคิดอยู่ชั่วครู่และพูด “สิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันจะมีอายุขัยที่ต่างกัน โดยปกติแล้วมันจะถูกกำหนดโดยยีนของพวกเขา”
หานหยี่เฟยพยักหน้า “ถูกต้อง นอกซะจากพวกเขาจะตายโดยอุบัติเหตุ ไม่อย่างนั้นอายุขัยของพวกเขาก็จะขึ้นอยู่กับยีน สิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันจะมียีนที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้อายุขัยของพวกเขาแตกต่างกันไปด้วย แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ในความจริงแล้วมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่ออายุขัย ยกตัวอย่างเช่นเครื่องแช่แข็งที่พบเห็นได้บ่อยๆ มันจะชะลอการชราภาพของยีนและยืดชีวิตของคนๆนั้น”
“เทคโนโลยีเครื่องแช่แข็งนั้นเป็นไอเดียที่โง่เขลา ในตอนที่คนๆนั้นหลับไป เขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนตาย เวลาที่ถูกแช่แข็งนั้นเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เมื่อเทียบกันแล้ว วิชาจีโนธาตุกาลเวลาขั้นสูงที่จะทำให้นาฬิกาของร่างกายถูกหยุด มันทำให้ยีนของร่างกายไม่ชราภาพ โดยหลักการแล้วมันจะทำให้คนๆนั้นเป็นอมตะและคงวัยหนุ่มสาวเอาไว้ได้ตลอดกาล เหมือนอย่างเจ้า” หานเซิ่นมองไปที่หานหยี่เฟยขณะที่พูด
หานหยี่เฟยถูกขังอยู่ในภูเขาสองโลกมาอย่างยาวนานไม่รู้กี่พันล้านปี แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ตายและคงรูปลักษณ์วัยสาวเอาไว้ได้ นั่นจะต้องเป็นผลลัพธ์ของพลังกาลเวลา
หานหยี่เฟยไม่แสดงความเห็น เธอพูดต่อไปว่า “ตามทฤษฎีแล้วมันควรจะมีสิ่งมีชีวิตอีกมายที่มีชีวิตที่เป็นอมตะ แต่ความจริงแล้วมันไม่เป็นแบบนั้น ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาหรือเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตที่มีพลังธาตุกาลเวลา ถ้าพวกเขามีชีวิตเกินกว่าอายุขัยของยีน พวกเขาก็จะตายโดยอุบัติเหตุ ก่อนที่ผู้นำเซเคร็ดจะปรากฏตัว เรื่องแบบนั้นเป็นอะไรที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างมังกรหรือฟีนิกซ์ขั้นทรูก็อตที่มีร่างกายที่แข็งแรงดีก็ตายอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ”
“เจ้าจะบอกว่าเทพสปิริตชิงเอาอายุขัยของสิ่งมีชีวิตไปอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นคิดเรื่องที่เทพสปิริตจะให้สิ่งมีชีวิตอื่นทำการอธิษฐานเพื่อขโมยอายุขัยของพวกเขา
หานหยี่เฟยพยักหน้าและพูด “ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้น ในตอนที่ผู้นำเซเคร็ดปรากฏตัว เขาบังคับให้บาเรียอวกาศเปิดออกและทำให้ปราสาทพระเจ้าเผยตัวออกมา ภายใต้การนำของเขา เซเคร็ดได้ฆ่าเทพสปิริตที่จุติลงมาไปไม่รู้เท่าไหร่ และทำให้ปราสาทพระเจ้าได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในตอนที่เซเคร็ดถูกทำลาย มันมีหลายคนที่ยังมีชีวิตรอด ด้วยอายุขัยของพวกเขา พวกเขาควรจะไม่มีชีวิตอยู่ได้นานนัก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาหลายคนก็ใช้วิธีการต่างๆเพื่อมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ คำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ก็คือการควบคุมของเทพสปิริตนั้นเกิดความบกพร่องขึ้น เนื่องจากการต่อสู้”
“นั่นหมายความว่าที่เซเคร็ดต้องการจะฆ่าเทพสปิริตก็เพื่อความเป็นอมตะอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
ถึงแม้สิ่งที่หานหยี่เฟยพูดจะฟังดูสมเหตุสมผล แต่หานเซิ่นก็ยังคิดว่ามันขาดอะไรบางอย่างไป
“สำหรับข้าแล้วความเป็นอมตะไม่ใช่สิ่งที่ข้าแสวงหา แต่ข้าไม่ชอบความรู้สึกที่ว่าชีวิตของตัวเองนั้นถูกจำกัด ข้าจะมีชีวิตอยู่นานแค่ไหนควรจะเป็นสิ่งที่ข้าเป็นคนกำหนด เพราะยังไงซะนี่ก็เป็นชีวิตของข้า เทพสปิริตพยายามจะช่วงชิงสิทธิของข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำได้สำเร็จ ข้าต้องการทำให้พวกเขารู้ว่ามันรู้สึกยังไง เมื่อชีวิตของพวกเขานั้นอยู่ในกำมือของคนอื่น” หานหยี่เฟยพูด
“ผู้หญิงคนนี้…” หานเซิ่นจำเป็นต้องยอมรับว่าหานหยี่เฟยเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ
หานเซิ่นเริ่มจะนึกถึงไปถึงสิ่งที่ถูกเขียนเอาไว้บนม้วนกระดาษได้ ความผิดของหานหยี่เฟยคือการดูหมิ่นต่อพระเจ้า ตอนแรกเขาคิดว่ามันแปลกที่โทษของเธอนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการฆ่าพระเจ้า แต่ตอนนี้มันเริ่มจะสมเหตุสมผล
หานเซิ่นเชื่อว่าในยุคสมัยของเซเคร็ด เธอคงจะทำการทดลองกับเทพสปิริต นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ความผิดของเธอเลวร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเทพสปิริต
หานเซิ่นจ้องไปที่หานหยี่เฟยขณะที่ถามขึ้นว่า “แล้วผู้นำเซเคร็ดล่ะ? เขาต้องการฆ่าพระเจ้าด้วยเหตุผลนั้นด้วยอย่างนั้นหรอ?”
“นั่นคือสิ่งที่เขาบอกกับข้า แต่ข้าไม่คิดว่านั่นคือเหตุผลที่แท้จริง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเพียงคนเดียว เขาคงจะทำมันเพื่อคนอื่น”
“หว่านเอ๋อร์สินะ?” หานเซิ่นพูดชื่อนั้นออกไปพร้อมกับมองดูปฏิกิริยาของหานหยี่เฟย
หานหยี่เฟยดูตกใจ เธอถาม “เจ้ารู้จักหว่านเอ๋อร์อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นคิด ‘มากกว่าแค่รู้จัก’
หานหยี่เฟยไม่ได้รอฟังคำตอบของหานเซิ่น เธอพูดต่อไปว่า
“ใช่แล้ว นางคือคนที่ผู้นำเซเคร็ดรักมากที่สุด เหตุผลที่ผู้นำเซเคร็ดฆ่าพระเจ้าคงจะเป็นเพราะนาง ไม่อย่างนั้นด้วยพลังของเขาการจะหลีกเลี่ยงเทพสปิริตเพื่อมีชีวิตต่อไปนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
หานเซิ่นสังเกตได้ว่าโทนเสียงของเธอแปลกไปจากเดิม เขารีบถามขึ้น
“หว่านเอ๋อร์เป็นน้องสาวของผู้นำเซเคร็ดจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
“ถึงแม้ผู้นำเซเคร็ดจะบอกว่าหว่านเอ๋อร์เป็นน้องสาวจริงๆของเขา แต่ข้าแน่ใจว่าหว่านเอ๋อร์นั้นไม่ใช่น้องสาวจริงๆของเขา นั่นเป็นเพราะว่าหว่านเอ๋อร์ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเขา” หานหยี่เฟยพูดอย่างมั่นใจ
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าพวกเขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน?” หานเซิ่นถาม
“นั่นเป็นเพราะหว่านเอ๋อร์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับข้า” หานหยี่เฟยพูด
“ตามลำดับความอาวุโส นางควรจะเรียกข้าว่าป้า ข้าได้เห็นนางเติบโตขึ้น แบบนั้นแล้วเจ้าคิดว่าข้าจะเข้าใจผิดอย่างนั้นหรอ?”
“อะไรนะ? หว่านเอ๋อร์เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้า? เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าคืออะไร?”
หานเซิ่นเบิกตากว้างขณะที่มองไปที่หานหยี่เฟย จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าหานหยี่เฟยมาจากเผ่าพันธุ์ไหนกันแน่
“วิทช์” หานหยี่เฟยพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“เผ่าพันธุ์ของพวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ควรจะสูญพันธุ์ไปนานแล้ว ข้าไม่คิดว่ามันจะมีใครในยุคสมัยนี้ที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของพวกเรา นอกจากข้าแล้ว ข้าไม่คิดว่ามันจะยังมีคนอื่นอีกที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อก่อนนั้นมีไท่อี ราชาจุนและเพอเพิลไฟต์ แต่ตอนนี้พวกเขา…”
“ไท่อี? ราชาจุน? เพอเพิลไฟต์? พวกเขาเองก็เป็นเผ่าวิทช์เหมือนกันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
หานหยี่เฟยยิ้มแห้งๆ “ไม่ใช่อีกแล้ว ราชาจุนได้กลายเป็นเทพนภา เขาไม่ใช่เผ่าวิทช์อีกแล้ว เพอเพิลไฟต์ได้ตายไป เพอเพิลไฟต์ที่อยู่บนภูเขาสองโลกนั้นเป็นเพียงแค่จิตวิญญาณของเขา ส่วนไท่อีนั้น เขาหายสาบสูญไป ข้ากลัวว่าเขาคงจะถูกฆ่าตายในการต่อสู้”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกแปลกๆ เขาไม่ได้คาดคิดว่าหว่านเอ๋อร์และหานหยี่เฟยจะมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน และเขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าราชาจุนกับไท่อีนั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นเผ่าวิทช์
หลังจากที่ปราสาทพระเจ้าปรากฏ หานเซิ่นเคยพยายามมองหาวิหารพระเจ้าของราชาจุน เขาต้องการจะฆ่าอีกฝ่ายเพื่อแก้แค้น แต่หลังจากที่มองหาอยู่นาน เขาก็หาธงของราชาจุนไม่เจอ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นซ่อนตัวอยู่ในวิหารพระเจ้าไหนกันแน่
ส่วนไท่อีและวิหารโลหะ หานเซิ่นก็หาไม่เจอเช่นเดียวกัน นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ
หานเซิ่นบอกหานหยี่เฟยเกี่ยวกับการพบกันของเขากับไท่อีและเรื่องที่อีกฝ่ายซ่อมแซมวิหารโลหิตก่อนที่จะเทเลพอร์ตหายไป เขาต้องการรู้ว่าเธอจะคิดยังไงกับเรื่องนั้น
หลังจากที่หานหยี่เฟยได้ยิน เธอก็ดูตกใจอย่างมาก “ไท่อียังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรอ?”
“ใช่แล้ว แต่เขาซ่อมแซมวิหารโลหะและเทเลพอร์ตหายไป และข้าก็ไม่เห็นวิหารโลหะในหมู่วิหารภายในปราสาทพระเจ้า เรื่องนั้นมันคือเรื่องอะไรกันแน่?” หานเซิ่นพูด
หานหยี่เฟยหัวเราะ “แน่นอนว่าเจ้าหามันไม่เจอ วิหารโลหะนั้นเป็นวิหารพระเจ้าจำลองที่เซเคร็ดสร้างขึ้นมาเพื่อดูว่าพวกเขาจะมาแทนที่วิหารพระเจ้าดั้งเดิมและกลายเป็นผู้นำของจักรวาลได้ไหม พวกเขาต้องการจะสร้างปราสาทของพระเจ้าขึ้นมาทั้งปราสาท แต่ก่อนที่พวกเขาจะทำได้สำเร็จ เซเคร็ดก็ถูกทำลายไปซะก่อน วิหารโลหะนั้นได้รับความเสียหายจากการต่อสู้ ข้าไม่คิดว่าไท่อีจะซ่อมแซมมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”
หานเซิ่นต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขารู้สึกว่าทั้งห้องปฏิบัติการเริ่มจะสั่นไหว กำแพงและเพดานน้ำแข็งนั้นพังทลายลงมา เหมือนกับว่ามันกำลังเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
มีออร่าที่น่ากลัวเข้าปกคลุมห้องปฏิบัติการ ถึงตอนนี้หานเซิ่นจะใช้ศาสตร์ตงเสวียนไม่ได้ เขาก็สัมผัสได้ว่าออร่านั้นน่ากลัวขนาดไหน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น