Super God Gene 2979-2990

 ตอนที่ 2979 ทำให้คำอธิษฐานเป็นจริง

 

หานเซิ่นคิด ‘อำนาจของเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นมีแค่ความมั่นคั่งเนี่ยนะ? พวกพระเจ้าที่เคยบอกว่าจะทำให้ความปรารถนาเป็นจริงนั้นโกหกทั้งเพ ตามกฎของเทพสปิริต เทพสปิริตจะให้ข้อมูลที่เป็นเท็จไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะทำการแลกเปลี่ยนไม่ได้ เพื่อจะให้ได้แลกเปลี่ยน พระเจ้าต้องงัดอุบายทุกอย่างออกมาใช้ ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมพวกเขาถึงได้ทำอะไรที่ยุ่งยากแบบนั้น’


 


นอกจากการแลกเปลี่ยนแล้ว เทพสปิริตยังมีอำนาจที่จะออกไปจากวิหารพระเจ้า แต่พวกเขาไม่สามารถออกจากวิหารพระเจ้าไปเป็นเวลานานได้ เพราะในช่วงเวลาที่พวกเขาไม่อยู่ วิหารพระเจ้าก็จะถูกปิดผนึกและทำให้ไม่มีใครมาท้าพวกเขาสู้ได้


 


นอกซะจากเทพสปิริตจะเข้าสิงสิ่งมีชีวิตของจักรวาล ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะออกมาจากวิหารนานๆไม่ได้ แต่ถ้าพวกเขาทำแบบนั้น พวกเขาก็จะไม่ได้รับการปกป้องจากวิหารพระเจ้าอีกต่อไป ถ้าพวกเขาตาย พวกเขาก็จะตายไปจริงๆ นอกซะจากสิ่งประจำตัวพระเจ้าของพวกเขาจะถูกนำกลับมาที่วิหารพระเจ้า พวกเขาถึงจะเกิดใหม่ได้


 


มันยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เทพสปิริตสามารถท้าสู้กับเทพสปิริตคนอื่นที่มีระดับสูงกว่าได้ แต่นั่นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์สำหรับหานเซิ่น เพราะเขาไม่ใช่เทพสปิริตจริงๆ และเขาก็ไม่สามารถเลื่อนระดับขึ้นไปสูงกว่านี้ได้


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะท้าสู้ ตอนนี้เขาก็เป็นขั้นแอนนิฮิเลชั่นเรียบร้อยแล้ว เขาต้องท้าสู้กับเทพสปิริตที่ระดับสูงกว่าเท่านั้น แม้แต่เทพสปิริตที่เป็นขั้นแอนนิฮิเลชั่น หานเซิ่นก็สู้ไม่ได้แล้ว การจะไปท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นรีบูทก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย หานเซิ่นไม่มีทางจะทำอะไรที่บ้าบิ่นแบบนั้น


 


หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พระเจ้าขยิบตาให้กับเขาและมองไปที่ประตูก่อนจะพูดขึ้นมา “เจ้ามีธุระต้องไปจัดการแล้ว”


 


“เจ้าหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นมองไปที่ประตูของวิหารเทพ แต่เขาไม่เห็นอะไร ในตอนที่เขาหันกลับมามองพระเจ้า พระเจ้าก็ได้หายตัวไปแล้ว


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เห็นใครบางคนบินเข้ามาในปราสาทของพระเจ้า คนๆนั้นกำลังตรงเข้ามาที่วิหารของเขา


 


หานเซิ่นคิด ‘นี่ไม่มีทางเป็นแค่เรื่องบังเอิญไปได้ เราเพิ่งจะกลายเป็นเทพสปิริต แต่มีสิ่งมีชีวิตของจักรวาลก็มาท้าสู้กับเราแล้ว’


 


จากการเฝ้าดูของหานเซิ่น สิ่งมีชีวิตของจักรวาลนั้นจะกล้าท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าท้าเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ด้วยซ้ำ แบบนั้นทำไมมันถึงได้มีสิ่งมีชีวิตของจักรวาลมาท้าสู้กับเขาที่เป็นขั้นแอนนิฮิเลชั่น


 


คนๆนั้นเข้ามาในวิหารพระเจ้าของหานเซิ่นอย่างรวดเร็ว ปราสาทของพระเจ้าและวิหารพระเจ้านั้นตั้งอยู่ในดินแดนที่อยู่ระหว่างความเป็นจริงและอวกาศ ไม่สำคัญว่าคนๆหนึ่งจะอยู่ตรงไหนของจักรวาล ตราบใดที่คนๆนั้นสามารถบินได้ พวกเขาก็จะมาที่ปราสาทของพระเจ้าได้


 


หานเซิ่นจ้องมองไปยังคนที่มา เมื่อเขาเห็นว่าคนๆนั้นเป็นใคร เขาก็รู้สึกแปลกใจ มันเป็นคนที่เขารู้จัก


 


‘ทำไมราชินีจิ้งจอกถึงได้มาที่นี่?’ หานเซิ่นคิด


 


ราชินีจิ้งจอกเป็นภรรยาของขุนพลโกสต์โบน แต่เท่าที่หานเซิ่นรู้ ราชินีจิ้งจอกไม่ได้ถือว่าแข็งแกร่งอะไรมากถ้าเทียบกับคนที่เป็นระดับเทพเจ้าด้วยกัน เธอไม่สามารถต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นได้ด้วยซ้ำ แบบนั้นเธอจะเอาชนะเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นได้ยังไง?


 


ขณะที่หานเซิ่นกำลังคาดเดา ราชินีจิ้งจอกก็ลงมายืนอยู่ในลานกว้างของวิหารพระเจ้า


 


ตามกฎของเทพสปิริต หานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต่อสู้ ถึงแม้เขามีมงกุฏสกายก็อตอยู่ ทำให้เขาไม่ตาย แต่ราชินีจิ้งจอกก็สามารถชิงธงพระเจ้าของเขาไปเพื่อกลายเป็นเทพสปิริตคนใหม่แทนได้


 


ราชินีจิ้งจอกมาถึงตรงหน้าของวิหาร ก่อนที่จะคุกเข่าลงราวกับว่าเธอกำลังสวดภาวณาต่อเทพเจ้า


“พระเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ข้าต้องการทำการอธิษฐานกับท่าน ได้โปรดช่วยข้าด้วย”


 


“ถ้าเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อท้าสู้กับเทพสปิริต ก็เชิญเข้ามาพูดข้างใน” หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจ


 


“ขอบคุณพระเจ้าแห่งความมั่งคั่ง” ราชินีจิ้งจอกเข้ามาในวิหารพระเจ้า


 


หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ประตูของวิหารพระเจ้าปิดลงและเหลือแค่เขากับราชินีจิ้งจอกอยู่ข้างในกันสองคน


 


“บอกคำอธิษฐานของเจ้ามา และข้าจะทำให้คำอธิษฐานของเจ้าเป็นจริง”


หานเซิ่นยืนอยู่บนแท่นบูชาพระเจ้า เขามองไปที่ราชินีจิ้งจอกด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังขณะที่พูดออกมา


 


ราชินีจิ้งจอกเป็นภรรยาของขุนพลโกสต์โบน ดังนั้นเธอจะต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องของเทพสปิริต มันมีโอกาสสูงที่เธอจะรู้เกี่ยวกับผลที่จะตามมาจากการทำการอธิษฐาน หานเซิ่นจึงสงสัยว่าทำไมเธอถึงยังมาทำการอธิษฐานกับเทพสปิริตอีก


 


ราชินีจิ้งจอกคุกเข่าอีกครั้ง เธอจ้องมาที่หานเซิ่นและพูดอย่างนุ่มนวลว่า


“ข้ามีคำอธิษฐานเพียงอย่างเดียว ได้โปรดช่วยเอากระจกไนน์สปินเดสทินี้ที่เป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ของเผ่าจิ้งจอกคืนกลับมาให้กับข้า ถ้าท่านทำได้ ข้ายินดีจะทำทุกอย่าง”


 


หลังจากที่ราชินีจิ้งจอกเอยคำอธิษฐานออกมา มงกุฎสกายก็อตก็ส่งข้อความให้กับหานเซิ่น


 


มงกุฎสกายก็อตบอกว่าถ้าหานเซิ่นทำให้ความปรารถนาของราชินีจิ้งจอกเป็นจริงได้สำเร็จ เขาจะได้รับอายุขัยอย่างน้อยสามร้อยปี แต่มันไม่ใช่ว่าเขาจะได้รับแค่สามร้อยปีเท่านั้น จริงๆแล้วเขาจะได้รับมากกว่านั้น


 


ยกตัวอย่างเช่นถ้าหานเซิ่นแค่เอากระจกไนน์สปินเดสทินี้มามอบให้กับเธอ เขาก็จะได้แค่อายุขัยสามร้อยปีที่ถือเป็นขั้นต่ำสุด แต่ถ้าเขาไปขโมยมันมาจากยอดฝีมือที่น่ากลัวและนำกระจกไนน์สปินเดสทินี้มาคืนให้กับเธอ เธอก็ต้องจ่ายด้วยอายุขัยที่มากยิ่งกว่าเดิม นอกจากนั้นเธอยังจะได้รับผลกรรมที่ต้องจ่ายในอนาคตข้างหน้าอีก


 


อำนาจเทพสปิริตของหานเซิ่นมีแค่ความมั่งคั่ง คำอธิษฐานของราชินีจิ้งจอกไม่ใช่สิ่งที่อำนาจเทพสปิริตของหานเซิ่นจะทำให้เป็นจริงได้ หานเซิ่นจึงจำเป็นต้องหาทางอื่นเพื่อทำให้คำอธิษฐานของราชินีจิ้งจอกเป็นจริง แต่ถ้าเขาทำไม่ได้ อายุขัยของเขาก็จะได้รับความเสียหาย การรับคำอธิษฐานจึงเป็นดาบสองคม ดังนั้นในตอนที่เทพสปิริตจะรับคำอธิษฐาน พวกเขาจึงพยายามใช้กลอุบายทุกอย่างที่มี


 


คำอธิษฐานของราชินีจิ้งจอกเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นทำให้เป็นจริงได้ นั่นก็เพราะเขาเป็นคนที่ครอบครองกระจกไนน์สปินเดสทินี้อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังคงลังเล เขาไม่รู้ว่ากระจกไนน์สปินเดสทินี้จะคุ้มกับอายุขัยแค่สามร้อยปีหรือเปล่า


 


แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตของจักรวาลแล้ว อายุขัยถือเป็นสิ่งที่สำคัญ หานเซิ่นนั้นไม่ได้เป็นเทพสปิริตจริงๆ ดังนั้นเขาไม่ได้เป็นอมตะ ตอนนี้หานเซิ่นมีอายุขัยสองพันปี นั่นดูเหมือนจะยาวนาน แต่สำหรับหลายๆสิ่งมีชีวิตในจักรวาลแล้ว มันถือว่าไม่ได้มากอะไร


 


ราชินีจิ้งจอกเป็นกังวล การมาทำการอธิษฐานกับเทพสปิริตถือเป็นอะไรที่เสี่ยงมากๆ แต่เธอไม่มีทางเลือก เธอจำเป็นต้องทำแบบนี้


 


โดยปกติการไปที่วิหารพระเจ้าเพื่อขอทำการอธิษฐานถือเป็นสิ่งที่เป็นอันตราย ราชินีจิ้งจอกไม่สามารถรู้ได้ว่าเทพสปิริตนั้นจะยอมให้เธอทำการอธิษฐานหรือไม่ ในกรณีที่เทพสปิริตไม่ต้องการฟังคำอธิษฐานของเธอ เธอก็คงจะต้องตาย


 


โชคดีที่หานเซิ่นให้เธอเข้ามาในวิหารเพื่อเอยคำอธิษฐาน ชีวิตของเธอจึงยังปลอดภัยดี แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าหานเซิ่นจะทำให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริงได้ไหม วิธีการที่เทพสปิริตจะทำให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริงนั้นจะส่งผลกระทบต่อตัวเธออย่างมาก


 


ถ้าเทพสปิริตเลือกจะใช้วิธีที่ยุ่งยากมากๆเพื่อทำให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริง เธอก็ต้องจ่ายอายุขัยเป็นจำนวนมาก เธอกลัวว่าอาจจะต้องจ่ายด้วยอายุขัยทั้งหมด


 


หานเซิ่นมองไปที่ราชินีจิ้งจอกและพูด “ข้าจะทำให้คำอธิษฐานของเจ้าเป็นจริง แต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”

 

 

 


ตอนที่ 2980 เป็นทาสรับใช้ตลอดชีวิต

 

หานเซิ่นรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ปล่อยให้ราชินีจิ้งจอกเข้ามาในวิหารและทำการอธิษฐาน หลังจากที่เธอทำการอธิษฐาน เขาก็ไม่สามารถทำร้ายหรือไล่เธอออกไปได้ เขาไม่สามารถปฏิเสธคำอธิษฐานของเธอได้เช่นกัน เขาต้องหาทางทำให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริง


 


กระจกไนน์สปินเดสทินี้มีค่าแค่อายุขัยสามร้อยปี ซึ่งนั่นมันน้อยเกินไปสำหรับเขา ดังนั้นเขาไม่ต้องการจะทำการแลกเปลี่ยน


 


โชคดีที่หานเซิ่นมีตำแหน่งเป็นเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่น เมื่อเทียบกับเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นหรือขั้นดิแซสเตอร์แล้ว เทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นนั้นมีพลังพิเศษ หานเซิ่นสามารถตั้งเงื่อนไขขึ้นมาได้


 


แน่นอนว่าเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นก็สามารถตั้งเงื่อนไขที่เหมือนกันขึ้นมาได้ แต่เงื่อนไงของพวกเขาจะไม่ถูกปกป้องโดยกฎของเทพสปิริต ถึงแม้ผู้อธิษฐานจะผิดเงื่อนไขที่ถูกตั้งเอาไว้ เทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนั้นได้


 


เมื่อได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด ราชินีจิ้งจอกก็ตัวสั่น ถึงแม้เธอจะรู้ว่าต้องสูญเสียอายุขัยส่วนหนึ่งไป แต่การได้ยินว่ามันมีเงื่อนไขเพิ่มเติมนั้นทำให้เธอรู้สึกกลัว


 


จากความรู้ของเธอเกี่ยวกับเทพสปิริต เทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นจะไม่มีการตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติม แต่เธอคิดว่าเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นอาจจะไม่สามารถเอากระจกไนน์สปินเดสทินี้มาจากหานเซิ่นได้ และถึงแม้พวกเขาจะเอามันมาได้ มันก็ต้องเป็นอะไรที่ยากลำบาก ซึ่งนั่นจะทำให้เธอต้องจ่ายในราคาที่สูง


 


ด้วยเหตุนั้นราชินีจิ้งจอกจึงเสี่ยงมาขออธิษฐานกับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่น เธอหวังว่าเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นจะทำให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริงได้อย่างง่ายดาย และเธอจะไม่ต้องจ่ายอายุขัยมากนัก


 


แต่เทพสปิริตระดับสูงนั้นมีพลังในการตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติม และมันเป็นบางสิ่งที่ราชินีจิ้งจอกไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าเธอไม่ยอบรับเงื่อนไขนั้น การอธิษฐานก็จะถือเป็นโมฆะ และมันมีโอกาสที่เธอจะไม่รอดไปจากที่นี่


 


“ท่านบอกมาได้เลย” ราชินีจิ้งจอกมองหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อย ใบหน้าของเธอดูน่าสงสารมากๆ มันเป็นใบหน้าที่สามารถทำให้คนที่มองเห็นอยากจะเข้าไปปลอบเธอ


 


“เจ้ากล้าใช้อุบายแบบนี้กับข้า นี่เจ้าอยากตายหรือยังไง?” หานเซิ่นขึ้นเสียง


 


ร่างกายของราชินีจิ้งจอกสั่นรัว เธอรีบก้มหน้าลงและพูด


“ท่านอย่าพึ่งโกรธ มันเป็นความผิดของข้าเอง ได้โปรดอภัยในความโง่เขลาของข้าด้วย”


 


เมื่อเห็นราชินีจิ้งจอกตัวสั่นอยู่ใต้แท่นบูชา หานเซิ่นก็รู้สึกดีใจ ราชินีจิ้งจอกเคยสร้างปัญหาให้กับเขามากมาย ตอนนี้เมื่อชะตากรรมของราชินีจิ้งจอกมาอยู่ในมือของเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกดีมากๆ


 


น่าเสียดายที่หานเซิ่นปล่อยให้เธอเข้ามาในวิหารเพื่อทำการอธิษฐาน การล่วงละเมิดเพียงแค่นี้จึงไม่เพียงพอที่จะยกเลิกการแลกเปลี่ยน ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำการแลกเปลี่ยนกับเธอต่อไป


 


“ข้าจะช่วยเจ้าเอากระจกไนน์สปินเดสทินี้กลับคืนมา แต่เจ้าต้องกลายเป็นทาสรับใช้ข้าไปตลอดชีวิต” หานเซิ่นพูด


 


หานเซิ่นไม่อยากจะแลกเปลี่ยนกระจกไนน์สปินเดสทินี้กับอายุขัยแค่สามร้อยปี ถ้าราชินีจิ้งจอกไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ การอธิษฐานก็จะถือเป็นโมฆะ และหานเซิ่นก็ไม่จำเป็นต้องมอบกระจกไนน์สปินเดสทินี้ให้กับเธอ


 


แต่ถ้าราชินีจิ้งจอกยอมตกลง ชีวิตของเธอก็จะอยู่ในกำมือของเขา เธอจะกลายเป็นทาสรับใช้ของเขาไปชั่วชีวิต แบบนั้นการให้กระจกไนน์สปินเดสทินี้กับเธอไปก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมาก


 


เมื่อได้ยินเงื่อนไขนี้ สีหน้าของราชินีจิ้งจอกก็ดูย่ำแย่ เงื่อนไขนี้มากเกินกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้ มันเหมือนกับการขอชีวิตของเธอ


 


“ท่านไม่รู้สึกสงสารข้าอย่างนั้นหรอ?” ราชินีจิ้งจอกแกล้งทำเป็นคนน่าสงสารขณะที่คุกเข่า


 


“เจ้าจะพูดแบบนั้นต่อหน้าพระเจ้าไม่ได้ ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ก็ลืมมันไปซะ” หานเซิ่นพูดอย่างไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง


 


“ท่านได้โปรดอย่าโกรธ” ราชินีจิ้งจอกก้มหัวลงไปอีกครั้ง เธอดูจริงใจ แต่ในใจของเธอกำลังคิด ‘เราแค่ต้องการจะลองขออธิษฐานกับพระเจ้าแห่งความมั่งคั่งนี่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะตั้งเงื่อนไขที่ต่ำช้าแบบนี้ แต่นั่นถือเป็นเรื่องดี ถ้าเขาตั้งเงื่อนไขแบบนั้น เขาก็คงจะไม่ขโมยอายุขัยของเราไปทั้งหมด บางทีเราอาจจะสูญเสียอายุขัยไม่มาก ตอนนี้ตัวเลือกของเรามีจำกัด การถูกจับตัวโดยเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นคนนี้ก็อาจจะปลอดภัยมากกว่า ถ้าเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงต้องการจะฆ่าเรา มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา’


 


ถึงแม้เธอจะคิดได้แบบนั้น แต่ลึกๆเธอก็ยังรู้สึกไม่พอใจ


“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะหานเซิ่นคนเดียว ถ้ามันไม่ใช่เพราะเขา เราก็คงจะไม่เสี่ยงไปที่หอคอยแห่งโชคชะตา แถมตอนนี้ไป๋อู๋ซางคนนั้นก็กำลังตามล่าเรา เขาไล่ต้อนเราจนมาถึงจุดนี้ ดังนั้นตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอีกแล้ว”


 


เธอคิดต่อไปว่า ‘ถ้าเราตอบตกลงไป พระเจ้าแห่งความมั่งคั่งก็จะเอากระจกไนน์สปินเดสทินี้กลับมาคืนให้กับเรา ความตายของหานเซิ่นคงจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย’


 


หลังจากที่ได้คิดไตร่ตรองแล้ว ราชินีจิ้งจอกก็รู้สึกตัวว่าเธอไม่มีตัวเลือกมากนัก ถ้าเธอหันไปมองวิหารของเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นคนอื่น ซึ่งพวกเขาอาจจะไม่แม้แต่ให้เธอได้ทำการอธิษฐาน สุดท้ายเธอก็ก้มหัวและพูดขึ้นว่า


“ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านบอก”


 


หลังจากที่ราชินีจิ้งจอกพูดแบบนั้น มงกุฎสกายก็อตก็เรืองแสงอย่างสว่างไสว หานเซิ่นรู้ว่าการอธิษฐานของราชินีจิ้งจอกนั้นเสร็จสิ้นแล้ว เขาแค่ต้องมอบกระจกไนน์สปินเดสทินี้ให้กับเธอและอายุขัยสามร้อยปีของเธอก็จะตกเป็นของเขา


 


‘ราชินีจิ้งจอก! ฉันเดิมพันว่าเธอคงจะไม่เคยคาดฝันว่ามันจะมีวันนี้’


หานเซิ่นรู้สึกอวดดีมากๆ เขาไม่ได้มอบกระจกไนน์สปินเดสทินี้ให้กับเธอในทันที เขาพูดขึ้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว และในอีกสามวันค่อยกลับมาที่วิหารนี้อีกครั้งเพื่อรับกระจกไนน์สปินเดสทินี้”


 


ราชินีจิ้งจอกรีบกล่าวขอบคุณ แต่เธอยังไม่ได้กลับออกไป เธอเปลี่ยนโทนเสียงและพูด “พระเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ข้ามีเรื่องหนึ่งจะบอกท่าน บางทีมันอาจจะช่วยท่านในการเอากระจกไนน์สปินเดสทินี้กลับคืนมา แต่ข้าไม่รู้ว่าควรจะบอกกับท่านดีไหม”


 


หานเซิ่นพูด “โอ้? ไหนเจ้าลองว่ามา”


 


ราชินีจิ้งจอกไม่เห็นใบหน้าของหานเซิ่น แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเท่าไหร่ เธอจึงรีบพูดขึ้นมา


“ตอนนี้กระจกไนน์สปินเดสทินี้อยู่ในมือของคริสตัลไลเซอร์ที่ชื่อหานเซิ่น จากที่ข้ารู้ ในตอนที่เขาได้กระจกไนน์สปินเดสทินี้มาจากหอคอยแห่งโชคชะตา เขาได้ทำลายตุ๊กตาเทพที่อยู่ภายในไปด้วย”


 


“จริงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแกล้งทำเป็นประหลาดใจ


‘ดีมากราชินีจิ้งจอก เธอต้องการโน้มน้าวให้เทพสปิริตมาตามล่าตัวฉัน ฉันจะจดเรื่องนี้เอาไว้ และฉันจะทำให้เธอต้องชดใช้’


 


ราชินีจิ้งจอกมองไปที่หานเซิ่นและรีบพูดต่อ “ตุ๊กตาเทพนั้นอยู่ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมาเป็นเวลายาวนานหลายปี มันต้องเก็มสะสมอายุขัยเอาไว้เป็นจำนวนมาก หานเซิ่นทำลายตุ๊กตาเทพ ดังนั้นเขาต้องมีอายุขัยอยู่เป็นจำนวนมาก”


 


ราชินีจิ้งจอกหยุดพูด แต่เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามจะทำอะไร เธอพยายามจะบอกว่าหานเซิ่นเป็นเหมือนกับเนื้อก้อนใหญ่ที่เขาควรจะกลืนกินให้เกลี้ยง


 


“เจ้านี่รู้เกี่ยวกับเทพสปิริตมากจริงๆ” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่ราชินีจิ้งจอก


 


ราชินีจิ้งจอกตกใจ เธอก้มหัวและพูด “ข้าแค่เคยได้ยินมาเรื่องสองเรื่อง”


 


“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว และอีกสามวันค่อยกลับมารับกระจกไนน์สปินเดสทินี้”


หลังจากที่ราชินีจิ้งจอกไปแล้ว หานเซิ่นก็คิดกับตัวเองด้วยความโกรธ


‘ผู้หญิงคนนี้ชั่วร้ายจริงๆ! ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะราชินีจิ้งจอก ฉันจะทำให้เธอต้องร้องไห้หาพ่อหาแม่’

 

 

 


ตอนที่ 2981 โมเม้นก็อต

 

หลังจากที่ราชินีจิ้งจอกจากไปแล้ว หานเซิ่นก็คิดว่านี่มันไม่ถูก ทำไมราชินีจิ้งจอกถึงมาปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้? และทำไมเธอถึงไม่เลือกเทพสปิริตคนอื่น แต่เธอกลับมาเลือกเขาที่เพิ่งจะปรากฏตัวในวิหารพระเจ้าของตัวเอง


 


“คนที่จะทำแบบนี้ได้คงจะเป็นพระเจ้าคนนั้น” หานเซิ่นเริ่มคิดว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับพระเจ้าที่กำลังสิงอยู่ในร่างของกู่หว่านเอ๋อ


 


‘ไม่ เราจะเปิดวิหารนี้ต่อไปไม่ได้ ถ้าเปิดมันต่อไป บางทีมันอาจจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นได้’ เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็ถอดมงกุฎสกายก็อตและออกไปจากวิหารพระเจ้า


 


หลังจากที่หานเซิ่นถอดมงกุฎสกายก็อตออกแล้ว วิหารของพระเจ้าแห่งความมั่งคั่งก็ปิดตัวลง เนื่องจากมันไม่มีเทพสปิริตอยู่ภายใน ทำให้ไม่มีใครไปที่นั่นเพื่อทำการอธิษฐานหรือท้าสู้ได้


 


‘พระเจ้าคนนั้นต้องการอะไรจากเรากันแน่? ในการประลองบัญชีรายชื่อเทพเจ้าชีวิต อันดับที่สองได้รับเพียงแค่อาวุธประจำตัวพระเจ้าขั้นเดสทรัคชั่นเท่านั้น ถึงแม้เราจะได้รับอันดับที่หนึ่ง เราก็ควรจะได้รับแค่อาวุธประจำตัวระดับเทพเจ้าขั้นดิแซสเตอร์ มันไม่มากเกินไปหน่อยหรอที่จะให้อาวุธประจำตัวพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่นกับคนๆหนึ่ง?’ หานเซิ่นรู้สึกสับสนที่พระเจ้าจงใจทำเรื่องทั้งหมดนี่


 


แต่เมื่อหานเซิ่นมาคิดเกี่ยวกับมัน ถึงแม้เขาจะเป็นพระเจ้า มันก็ไม่มีทางที่เขาจะคาดเดาได้ว่าโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นจะมอบอันดับที่หนึ่งให้กับหานเซิ่น


 


‘เขาตัดสินใจจะให้มงกุฎสกายก็อตหลังจากที่เราได้รับอันดับที่หนึ่งอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นยังคงคิดว่านั่นมันไม่ถูกทำต้อง


 


หานเซิ่นไม่สามารถคิดคำตอบที่สมเหตุสมผลได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงหยุดเสียเวลาและมองขึ้นไปที่ปราสาทของพระเจ้าบนท้องฟ้า เขาสแกนหาวิหารของโนเวิลด์ก็อต เขาต้องการจะต่อสู้กับโนเวิลด์ก็อตก่อนเป็นอันดับแรก


 


แต่ทว่าในตอนที่หานเซิ่นหาวิหารของโนเวิลด์ก็อตจนเจอ เขาก็สังเกตเห็นว่าวิหารของโนเวิลด์ก็อตกำลังปิดตัวอยู่


 


“เขาไม่อยู่ในวิหาร” นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ จากข้อมูลที่เขาได้รับมา มันมีอยู่สามเหตุผลที่ทำให้วิหารพระเจ้านั้นปิดตัวลง


 


โดยปกติแล้วเทพสปิริตจะปิดวิหารของตัวเองเพื่อออกไปข้างนอกได้เพียงแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น และทุกครั้งที่พวกเขาออกไปข้างนอก พวกเขาจะไม่สามารถออกไปได้อีกเป็นเวลานาน


 


นอกจากนั้นถ้าเทพสปิริตถูกฆ่าตาย มันไม่สำคัญว่าเทพสปิริตจะถูกเปลี่ยนตัวหรือไม่ ถ้าเทพสปิริตต้องการ พวกเขาจะปิดวิหารพระเจ้าของตัวเองเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม


 


ช่วงเวลายาวนานที่สุดที่วิหารพระเจ้าสามารถปิดตัวได้คือช่วงเวลาที่เทพสปิริตเข้าสิงสิ่งมีชีวิตของจักรวาล ถ้าพวกเขาออกไปจากวิหารพระเจ้าด้วยวิธีนั้น วิหารพระเจ้าของพวกเขาก็แทบจะปิดตัวลงตลอดไป


 


ราชินีจิ้งจอกเข้าไปในวิหารพระเจ้าและทำการอธิษฐาน ทุกสิ่งมีชีวิตเห็นถึงเรื่องนั้น ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าราชินีจิ้งจอกอธิษฐานอะไรกับเทพสปิริต แต่มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกๆ


 


มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ต้องการจะไปที่วิหารพระเจ้าเพื่อขอคำอธิษฐานเช่นกัน เทพสปิริตส่วนใหญ่นั้นไม่รังเกียจที่ผู้คนมาขอคำอธิษฐานกับพวกเขา นอกซะจากมันจะเป็นกรณีพิเศษ โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่ฆ่าคนที่มาขอคำอธิษฐาน


 


หลังจากที่หานเซิ่นเงียบอยู่ชั่วครู่ เขาก็บินออกไปยังวิหารหนึ่งที่อยู่ในปราสาทของพระเจ้า เนื่องจากโนเวิลด์ก็อตไม่อยู่ ดังนั้นหานเซิ่นจึงเลือกเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์อีกคนหนึ่ง เขาต้องการจะทดสอบว่าเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน


 


“นั่นดอลลาร์ไม่ใช่หรอ?”


“เป็นเขาจริงๆ! อันดับที่หนึ่งของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนกำลังจะท้าสู้กับเทพสปิริต”


“อันดับที่หนึ่งอะไรกัน? โกลเด้นโกรวเลอร์แค่มอบให้กับเขาเท่านั้น”


“ถึงอย่างนั้น ดอลลาร์ก็เป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ ข้าอยากรู้จริงๆว่าเขาจะท้าสู้กับเทพสปิริตระดับไหนกัน”


“คงจะเป็นเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่นนั่นแหละ ยังไงซะมันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่กล้าท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์”


“ไม่มีทาง! เขากำลังบินขึ้นไปชั้นต่อไปของปราสาทพระเจ้า นี่เขาคิดจะไปช่วยโกลเด้นโกรวเลอร์อย่างนั้นหรอ?”


“อย่าพูดตลก แม้แต่ก็อดฟาเธอร์หานกับทรูก็อตอีกสองคนจากเอมตี้เมาท์เทนยังพ่ายแพ้ต่อพระเจ้าชั่วพริบตา ดอลลาร์จะถูกฆ่าตาย ถ้าเขาไปที่นั่น”


“เรื่องนั้นยากจะบอกได้ ดอลลาร์และโกลเด้นโกรวเลอร์มีความสัมพันธ์ที่พิเศษ โกลเด้นโกรวเลอร์นั้นมอบอันดับที่หนึ่งให้กับเขา มันถือเป็นเรื่องปกติที่เขาจะพยายามช่วยโกลเด้นโกรวเลอร์เป็นการตอบแทนถูกไหม?”


 


หลังจากผ่านไปสักพัก ทุกคนก็เห็นว่าหานเซิ่นบินไปหยุดอยู่ที่หน้าวิหารของเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์คนหนึ่ง


“บอกแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะไปท้าสู้กับพระเจ้าชั่วพริบตา นั่นไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย”


 


“โกลเด้นโกรวเลอร์ดูคนผิดจริงๆ ทำไมมันถึงได้มอบอันดับที่หนึ่งให้กับคนแบบนี้ เขาไม่เหมือนกับก็อดฟาเธอร์หาน”


 


ขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน หานเซิ่นก็เข้าไปยืนอยู่ในลานกว้างของวิหาร


 


มันเป็นวิหารที่ดูเก่าแก่มากๆ มันดูเหมือนกับโบสถ์ยุคกลาง วิหารมีสองชั้นและชั้นบนนั้นเป็นนาฬิกาหินขนาดใหญ่


 


เข็มวินาที นาทีและชั่วโมงกำลังเดินไปเรื่อยๆ มันดูเหมือนกับนาฬิกาปกติ เพียงแต่ว่ามันมีขนาดใหญ่มากๆเท่านั้นเอง


 


“โมเม้นก็อต” หานเซิ่นมองชื่อที่อยู่บนธงพระเจ้า


 


ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่าโมเม้นก็อตคนนี้คงจะเป็นเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ธาตุกาลเวลา ที่หานเซิ่นมาท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ก็เพราะเขาต้องการจะทดสอบดูว่าโหมดซีโน่เจเนอิคนั้นพอจะสู้กับเทพสปิริตไหวไหม และที่เขาเลือกโมเม้นก็อตก็เพราะเขาต้องการจะเตรียมความพร้อมเพื่อไปต่อสู้กับพระเจ้าชั่วพริบตา


 


พวกเขาทั้งคู่เป็นเทพสปิริตธาตุกาลเวลาเหมือนกัน ถ้าหานเซิ่นไม่สามารถสู้กับเทพสปิริตธาตุกาลเวลาที่เป็นขั้นดิแซสเตอร์ได้ เขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับพระเจ้าชั่วพริบตาที่เป็นขั้นแอนนิฮิเลชั่นได้เช่นกัน


 


มีเสียงแหลมดังออกมาจากประตูหินของวิหารพระเจ้า “มันมีถนนไปสู่สรวงสวรรค์ เจ้ากลับไม่เดิน นรกนั้นไม่มีประตู แต่เจ้ากลับบุกเข้ามา เจ้าอยากตายมากอย่างนั้นหรอ?”


 


หลังจากนั้นประตูหินก็เริ่มเปิดออก และมีเงาของสิ่งมีชีวิตเดินออกมาจากวิหารพระเจ้า


 


หานเซิ่นและสิ่งมีชีวิตทั่วจักรวาลจับจ้องไปยังเทพสปิริตที่กำลังเดินออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีสิ่งมีชีวิตท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ ทุกคนจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ


 


ในตอนที่เงานั้นเดินออกมาจากประตูของวิหารหิน สิ่งมีชีวิตมากมายก็เห็นว่ามันคือเทพสปิริตที่ดูแปลกประหลาด


 


เขาดูเหมือนกับมนุษย์ แต่ผิวของเขาเป็นกระดองสีดำ มันทำให้เขาดูเหมือนกับมนุษย์แมลง ดวงตาของเขาดูแปลกประหลาดมากๆ มันไม่มีตาดำ มันมีเพียงแค่สีขาว ภายในสีขาวของดวงตานั้นดูเหมือนกับหน้าปัดของนาฬิกา มันมีแม้กระทั่งเข็มบอกเวลาที่กำลังหมุนไปรอบๆ


 


ไม่ว่าศัตรูจะมีรูปลักษณ์เป็นยังไง หานเซิ่นก็จะไม่ประมาท เพราะยังไงซะเขาก็ไม่เคยต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์มาก่อน เทพสปิริตที่เขาเคยฆ่านั้นเป็นแค่ขั้นเดสทรัคชั่นทั้งหมด


 


หานเซิ่นถือหอกสกายไวน์แรดิชและรวบรวมพลังไปที่ปลายหอก เขาใช้ศาสตร์ตงเสวียนจนถึงขีดจำกัด ทันใดนั้นทั้งจักรวาลก็กลายเป็นเครื่องจักรที่ซับซ้อนในสายตาของหานเซิ่น ฟันเฟืองจักรวาลนับไม่ถ้วนกำลังหมุน


 


เมื่อหานเซิ่นหอกแทงออกไปข้างหน้า มันก็เหมือนกับว่ามิติของอวกาศถูกเจาะทะลวงโดยหอกนั้น มันพุ่งไปปรากฏตรงหน้าของโมเม้นก็อต


 


โมเม้นก็อตยิ้มออกมา เข็มในดวงตาข้างซ้ายที่เหมือนกับนาฬิกานั้นหมุนเร็วขึ้น ถึงหอกของหานเซิ่นจะรวดเร็วมากๆ แต่โมเม้นก็อตนั้นรวดเร็วยิ่งกว่า โมเม้นก็อตโยกตัวไปทางซ้ายเล็กน้อยเพื่อหลบหอกสกายไวน์แรกิชก็อต


 


สีหน้าของหานเซิ่นยังคงสงบนิ่ง หอกนั้นเป็นเหมือนกับห่าฝนที่กระหน่ำลงมา แต่โมเม้นก็อตก็เคลื่อนไหวอย่างสบายๆ มันเหมือนกับว่าเขาเคลื่อนไหวโดยไม่ได้คิด แต่การโจมตีของหานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสร่างกายของเขาได้

 

 

 


ตอนที่ 2982 ควบคุมกาลเวลา

 

“การล่วงเกินเทพสปิริตนั้นมีโทษตาย”


โมเม้นก็อตมองไปที่หานเซิ่นและเข็มในดวงตาข้างขวาของเขาก็เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว แต่มันแตกต่างไปจากเข็มที่อยู่ในดวงตาข้างซ้าย เข็มในดวงตาข้างขวานั้นกำลังหมุนทวนเข็มนาฬิกา


 


ในจังหวะที่เข็มในดวงตาข้างขวาของโมเม้นก็อตกำลังหมุน ในสายตาของทุกคนการเคลื่อนไหวของหานเซิ่นก็ดูเหมือนจะช้าลงไป มันเหมือนกับว่าเขากำลังเคลื่อนที่แบบสโลว์โมชั่น


 


ความเร็วของโมเม้นก็อตไม่ได้ลดลงเหมือนกับหานเซิ่น เขายังคงรวดเร็วมากๆ คนหนึ่งเร็ว คนหนึ่งช้า ความแตกต่างระหว่างความเร็วของทั้งคู่นั้นเห็นได้อย่างชัดเจน โมเม้นก็อตเทเลพอร์ตมาตรงหน้าหานเซิ่นและใช้เล็บมือที่แหลมคมแกว่งเข้าไปใส่ใบหน้าของหานเซิ่น เล็บมือของโมเม้นก็อตเป็นเหมือนกับปลายหอกที่กำลังจะแทงเข้าไปในดวงตาของหานเซิ่น


 


ใบหน้าของโมเม้นก็อตดูเหมือนกับว่าเขากำลังยิ้มเยาะอย่างชั่วร้าย แต่ทันใดนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็หายไปต่อหน้าต่อตาของเขา


 


ในจังหวะต่อมา หานเซิ่นก็มาปรากฏที่ด้านหลังของโมเม้นก็อต พร้อมกับหอกสกายไวน์แรดิชก็อตที่แทงเข้าไปที่คอของคู่ต่อสู้


 


“นั่นเป็นวิชาเทเลพอร์ตที่ทรงพลังมาก แต่มันไม่มีประโยชน์กับข้า”


เข็มในดวงตาของโมเม้นก็อตหมุนไปคนละทิศทาง ความเร็วของหานเซิ่นถูกลดลง ขณะที่ความเร็วของโมเม้นก็อตเพิ่มสูงขึ้น


 


โมเม้นก็อตสร้างระยะห่างระหว่างพวกเขา ก่อนที่จะหันกลับมาและชกหมัดใส่ท้องของหานเซิ่น หานเซิ่นเป็นเหมือนกับคนแก่ที่มีปฏิกิริยาเชื่องช้า เขาเห็นหมัดของโมเม้นก็อต แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวเพื่อหลบได้ เขาจำเป็นต้องใช้การเทเลพอร์ต


 


หมัดของโมเม้นก็อตยังคงช้าเกินไปต่อการเทเลพอร์ตของหานเซิ่น ร่างกายของหานเซิ่นไปปรากฏที่อีกด้านหนึ่งของลานกว้าง


 


ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือน พลังของโมเม้นก็อตที่สามารถควบคุมเวลาได้นั้นเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆ ความสามารถในการเทเลพอร์ตของหานเซิ่นก็น่าตกตะลึงเช่นกัน มันยังไม่มีฝ่ายไหนที่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้


 


“ดอลลาร์แข็งแกร่งจริงๆ เขาต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ได้อย่างสูสี”


“แต่เขาแค่ใช้วิชาเทเลพอร์ตเพื่อเคลื่อนที่ไปมา”


“อย่าพูดแบบนั้น โมเม้นก็อตเป็นเทพสปิริตธาตุกาลเวลา เขามีพลังที่จะชะลอกาลเวลาของดอลลาร์ลง นั่นไม่ได้ทำให้แค่ร่างกายของเขาช้าลงเท่านั้น แม้แต่การไหลเวียนของพลังก็ช้าลงไปด้วย ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ ถึงแม้พวกเขาจะมีวิชาเทเลพอร์ต พวกเขาก็จะถูกฆ่าตายในทันทีโดยโมเม้นก็อต แต่วิชาเทเลพอร์ตของดอลลาร์นั้นฉับพลันราวกับว่ามันไม่ได้ถูกจำกัดโดยพลังการเวลาของโมเม้นก็อต ในจักรวาลนี้มีน้อยคนนักที่จะฝึกวิชาเทเลพอร์ตได้ถึงขั้นนี้ มันยอดเยี่ยมพอๆกับวิชาก็อตส์วอนเดอร์ของเวรี่ไฮ”


“ไม่สำคัญว่าวิชาเทเลพอร์ตของเขาจะทรงพลังขนาดไหน เขาก็เอาชนะโมเม้นก็อตไม่ได้อยู่ดี”


 


หานเซิ่นมีอาณาเขตกาลเวลาให้ใช้ แต่นั่นเป็นของอีกตัวตนหนึ่งของเขา เขาไม่สามารถใช้มันขณะที่เป็นดอลลาร์ได้


 


แถมอาณาเขตกาลเวลาของวิญญาณอสูรไทม์โกสต์ก็ด้อยกว่าพลังของโมเม้นก็อต ถึงแม้เขาจะใช้มัน มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมาก การใช้พลังธาตุกาลเวลาต่อหน้าเทพสปิริตธาตุกาลเวลานั้นก็เหมือนกับการใช้มีดสั้นต่อหน้ากวนอู หานเซิ่นไม่คิดจะทำแบบนั้น


 


เนื่องจากหานเซิ่นมีอาณาเขตกาลเวลาของตัวเอง เขาจึงรู้ว่ามันมีวิธีที่จะทำลายพลังกาลเวลาของโมเม้นก็อตอยู่สองวิธี วิธีหนึ่งจำเป็นต้องใช้ความเร็ว อีกวิธีจำเป็นต้องใช้พลังอันเด็ดขาด อีแร้งแก่นั้นเคยใช้ความเร็วในการก้าวข้ามอาณาเขตกาลเวลาของหานเซิ่น


 


แต่หานเซิ่นไม่มีความเร็วแบบนั้น ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือการใช้พลังที่เด็ดขาดทำลายพลังกาลเวลาของโมเม้นก็อต


 


“ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นกาลเวลาหรืออวกาศ พวกมันทั้งหมดอยู่ในกฎของจักรวาล พวกมันถูกควบคุมโดยฟันเฟืองจักรวาล ถ้าเราควบคุมฟันเฟืองของจักรวาลได้ แม้แต่พลังของเทพสปิริตก็ไม่ส่งผลกระทบกับเรา”


หานเซิ่นเทเลพอร์ตหลบการโจมตีของโมเม้นก็อตพร้อมกับใช้ศาสตร์ตงเสวียนอย่างเต็มกำลัง เขาใส่พลังทั้งหมดที่มีเข้าไปในอาณาเขตตงเสวียน เขาพยายามจะใช้พลังที่เด็ดขาดเพื่อควบคุมการหมุนของฟันเฟืองจักรวาล


 


“ในโหมดซีโน่เจเนอิค พลังของเราเหนือกว่าทรูก็อตทั่วๆไป ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่รู้ว่ามันเพียงพอที่จะเอาชนะพลังของเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์หรือเปล่า”


หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อกดดันฟันเฟืองจักรวาลที่ได้รับผลกระทบจากพลังกาลเวลาของโมเม้นก็อต


 


ถึงฟังเฟืองจักรวาลเหล่านั้นจะไม่ได้ถูกหยุดโดยสมบูรณ์ แต่ความเร็วในการหมุนของมันก็ช้าลงไป ซึ่งทำให้ผลของมันที่มีต่อหานเซิ่นอ่อนลงไปด้วย


 


“พลังของโหมดซีโน่เจเนอิคยังด้อยกว่าพลังของเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์หรอเนี่ย” หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


ถึงอย่างนั้นแต่ด้วยพลังของอาณาเขตตงเสวียน ทั้งผลการชะลอความเร็วและการเร่งความเร็วของโมเม้นก็อตต่างก็ด้อยลงไป มันทำให้หานเซิ่นหันไปเป็นฝ่ายรุกบ้าง เขาไม่ได้พึ่งพาแค่วิชาเทเลพอร์ตเพื่อต่อสู้กับโมเม้นก็อตอีกต่อไป


 


หอกสกายไวน์แรกิชก็อตแทงถูกกรงเล็บของโมเม้นก็อตเป็นครั้งแรก พลังของโมเม้นก็อตและพลังของหอกปะทะกันจนเกิดเป็นแรงระเบิดที่น่ากลัว หานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปไกลหลายฟันไมล์ ขณะที่เท้าของโมเม้นก็อตจมลงไปในลานกว้างของวิหารพระเจ้าจนเกิดเป็นรอยลึก


 


‘พลังของเขาส่งผลกระทบต่อพลังกาลเวลาของเรา ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้ามาท้าสู้กับเรา!’


ดวงตาของโมเม้นก็อตเปล่งประกายขึ้นมา เข็มในดวงตาของเขายังคงหมุน พวกมันดูน่ากลัวและแปลกประหลาด เขาพูดขึ้นว่า


“ถ้าเจ้าคิดว่าเพียงแค่นั้นจะทำให้เจ้าต่อสู้กับข้าได้ล่ะก็ เจ้าก็คิดผิดแล้ว ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตของจักรวาลและเทพสปิริต”


 


หลังจากนั้นโมเม้นก็อตก็ใช้กรงเล็บควักลูกตาออกมา


 


เลือดทะลักออกมา ขณะที่กรงเล็บอันแหลมคมทั้งสองควักลูกตาออกมาจากเบ้าตก


 


นี่มันอยู่เหนือสิ่งที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้ ภายในเบ้าตานั้นมีแสงแห่งเทพส่องสว่างออกมา ลูกตาที่ถูกควักออกมานั้นไม่ใช่ทั้งหมด มันยังมีลูกตาอีกหลายลูกเริ่มออกมาตามๆกัน พวกมันกลิ้งออกมาจากเบ้าตาทีละลูกๆ


 


ในตอนที่ลูกตาทั้งหมดถูกควักออกมา โมเม้นก็อตก็คำรามอย่างบ้าคลั่ง ลูกตาที่ถูกควักออกมานั้นมีทั้งหมดสิบสองลูก พวกมันเรียงกันอยู่เป็นเหมือนกับนาฬิกาข้อมือ และมันยังมีเลือดไหลออกมาจากดวงตาของเขา


 


หานเซิ่นมองไปที่สร้อยข้อมือลูกตา ลูกตาทั้งหมดเป็นเหมือนกับหน้าปัดของนาฬิกา เข็มของลูกตาแต่ละลูกนั้นชี้ไปยังเวลาที่แตกต่างกันออกไป เมื่อหานเซิ่นสังเกตดูดีๆ เขาก็ค้นพบว่าเข็มของลูกตาแต่ละลูกนั้นชี้เวลาต่างกันลูกละหนึ่งชั่วโมง


 


“สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่โง่เขลา เจ้ากล้าดียังไงมาล่วงเกินเทพสปิริต วันนี้ข้าจะลบเจ้าไปออกจากหน้าประวัติศาสตร์ ข้าจะทำให้สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำทั้งหมดได้รู้ว่าพวกเขาไม่อาจจะล่วงละเมิดเทพสปิริตได้”


โมเม้นก็อตถือสร้อยข้อมือลูกตาเหมือนกับลูกประคำขณะที่ยังคงมีเลือดหยดออกมาจากเบ้าตาของเขา เขาเริ่มพูดพึมพำกับตัวเองเหมือนกับคนบ้า


 


หลังจากนั้นเขาก็ดีดลูกตาออกไปทีละลูกๆ สร้ายคอสว่างไสวขึ้นมา แสงของมันเข้าปกคลุมทั้งอวกาศ

 

 

 


ตอนที่ 2983 รอยสลักเวลา

 

มิติอวกาศภายในวิหารพระเจ้ากำลังบิดเบี้ยว ไม่มีอะไรมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้แต่ภาพที่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้ามองเห็นก็บิดเบี้ยวเหมือนกับเงาในน้ำที่กำลังกระเพื่อม


 


โมเม้นก็อตถือสร้อยลูกตา ขณะที่เขาพึมพำราวกับพระสงฆ์ที่กำลังสวดมนต์ให้กับคนตาย ภายในมิติอวกาศที่บิดเบี้ยวนั้นร่างกายของโมเม้นก็อตก็เหมือนกับเทพที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าของวิหาร ขณะที่หานเซิ่นเป็นเหมือนกับมดเล็กๆตัวหนึ่ง


 


“รับความโกรธของพระเจ้า…ไทม์เอทชิ่ง…” โมเม้นก็อตพูดขณะที่ยกสร้อยลูกตาขึ้น เข็มที่อยู่ในลูกตาทั้งสิบสองกำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง


 


ไม่นานหานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าเขาเห็นการไหลของเวลา ดวงตาทั้งสิบสองนั้นปล่อยแสงที่ประหลาดออกมา แสงเชื่อมต่อกันเหมือนกับตาข่ายขนาดยักษ์ที่ปกคลุมทั้งวิหารพระเจ้า หานเซิ่นไม่มีที่ให้หลบ


 


ขณะที่หานเซิ่นเห็นแสงที่ตัดกันเหมือนกับตาข่ายกำลังลงมา เขาก็พยายามใช้อาณาเขตตงเสวียนจนถึงขีดสุด แต่เขาก็ยังไม่สามารถหยุดพวกมันได้


 


เส้นของกาลเวลาลงมาที่ชุดเกราะตงเสวียนของหานเซิ่นเหมือนกับแสงเลเซอร์ และทิ้งรอยประหลาดเอาไว้บนชุดเกราะของเขา มันเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของเวลา มันสลักทั่วทั้งผิวของชุดเกราะตงเสวียน


 


“นี่คือ…” หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าร่างกายของตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่รอยสลักพวกนั้นกำลังปลดปล่อยพลังบางอย่างออกมา


 


หานเซิ่นต้องการจะยกมือขึ้นเพื่อดูว่าอะไรที่ถูกสลักอยู่บนชุดเกราะ แต่เขาต้องตกใจเมื่อพบว่าแขนไม่ยอมเชื่อฟังอีกต่อไป เขาไม่สามารถขยับมันได้


 


“เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นค้นพบอย่างรวดเร็วว่ามันไม่ใช่แค่แขนเท่านั้น ตอนนี้ร่างกายทั้งร่างของเขาไม่สามารถขยับได้ เขาใช้ไม่ได้กระทั้งวิชาจีโน


 


หานเซิ่นรู้สึกแปลกมากๆ ถึงเขาจะขยับเขยื้อนไม่ได้ เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงร่างกายและการไหลเวียนของพลัง ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นปกติดี แต่ในตอนที่เขาต้องการจะทำอะไรสักอย่าง แขนขาและพลังของเขากลับไม่เชื่อฟัง


 


โมเม้นก็อตมองไปที่หานเซิ่นอย่างไร้ความรู้สึก เลือดยังคงไหลออกมาจากเบ้าตาของเขา เขากำลังถือสร้อยลูกตาขณะที่พูดขึ้นว่า


“พยายามไปก็เสียเวลาเปล่า เวลาของร่างกายเจ้าถูกแทนที่ด้วยพลังของไทม์เอทชิ่ง ตอนนี้เจ้าทำอะไรกับมันไม่ได้อีกแล้ว เจ้าทำได้แค่รับบทลงโทษของพระเจ้า นี่เป็นผลลัพธ์จากการที่เจ้ามาล่วงเกินเทพสปิริต”


 


เนื่องจากหานเซิ่นเคยฝึกวิชาจีโนธาตุกาลเวลา เขาจึงเข้าใจว่าโมเม้นก็อตนั้นหมายถึงอะไร สิ่งที่โมเม้นก็อตพูดนั้นช่วยทำให้หานเซิ่นเข้าใจเกี่ยวกับพลังไทม์เอทชิ่งของโมเม้นก็อตมากขึ้น


 


มันเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย โดยปกติแล้วในตอนที่หานเซิ่นต้องการอะไรสักอย่าง เมื่อจิตใจสั่งการ ร่างกายของเขาก็จะตอบสนองในทันที แต่ทว่าพลังไทม์เอทชิ่งทำให้เกิดช่วงเวลาที่ว่างเปล่าในตอนที่จิตใจของหานเซิ่นสั่งการกับร่างกาย ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจำเป็นต้องรอจนกระทั่งช่วงเวลาที่ว่างเปล่านั้นหมดลง ร่างกายของเขาถึงจะกลับมาตอบสนองอีกครั้ง


 


มันเหมือนกับการเล่นเกมออนไลน์ และจู่ๆอินเตอร์เน็ตก็เกิดมีปัญหาขึ้นมา ช่วงเวลานั้นไม่ว่าจะกดปุ่มไหน ตัวละคนในเกมก็จะไม่ตอบสนอง เขาต้องรอให้อินเตอร์เน็ตกลับมาอีกครั้ง เขาถึงจะเล่นต่อได้


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่ว่างเปล่าของพลังไทม์เอทชิ่งนั้นนานแค่ไหน แต่เมื่อดูจากท่าทางของโมเม้นก็อตแล้ว เขาก็รู้ว่ามันคงจะไม่ใช่เร็วๆนี้แน่นอน


 


โมเม้นก็อตยังคงถือสร้อยลูกตาขณะที่เดินมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น เบ้าตาที่เต็มไปด้วยเลือดมองมาที่หานเซิ่น หลังจากนั้นโมเม้นก็อตก็พูดขึ้นมา


“เจ้าเป็นนักสู้ที่มีฝีมือไม่ใช่รึ ข้าเดินมาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังไม่เคลื่อนไหว?”


 


หานเซิ่นอยากจะตบหน้าอีกฝ่ายเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของเขาไม่ยอมเชื่อฟัง พลังไทม์เอทชิ่งนั้นสลักเวลาที่ว่างเปล่าเอาไว้ในร่างกายของเขา เขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดอะไรออกมาได้


 


“อย่าบอกว่าข้าไม่มอบโอกาสให้กับเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่คิดจะเคลื่อนไหว เจ้าก็จะได้รับบทลงโทษจากพระเจ้า” โมเม้นก็อตหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาค่อยๆยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อจะจับหัวของหานเซิ่น


 


“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องใช้มัน” หานเซิ่นเตรียมตัวจะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด มีเพียงแค่ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเท่านั้นที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากอะไรแบบนี้


 


ถึงแม้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดจะอยู่ได้ไม่นานเนื่องจากอิทธิพลของหว่านเอ๋อร์ แต่มันก็น่าจะเพียงพอสำหรับหานเซิ่น ตอนนี้เนื่องจากโมเม้นก็อตมั่นใจในพลังไทม์เอทชิ่งของตัวเอง เขาจึงไม่ได้ระมัดระวังตัวและเดินมายืนอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น


 


โมเม้นก็อตยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เล็บมือที่แหลมคมเหมือนกับกรงเล็บค่อยๆเข้ามาใกล้หัวของหานเซิ่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้หานเซิ่นตายเร็วเกินไป


 


“เจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปไหม? ถ้าเจ้าร้องขอชีวิตต่อหน้าข้า บางทีข้าอาจจะปล่อยให้สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างเจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไป” โมเม้นก็อตพูดด้วยรอยยิ้ม


 


ทุกคนเห็นว่าดอลลาร์นั้นถูกพลังของโมเม้นก็อตเข้าและไม่สามารถขยับร่างกายได้ มันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ


 


ถึงแม้ดอลลาร์จะไม่ได้เป็นนักสู้อันดับหนึ่งของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนจริงๆ แต่พลังที่แท้จริงของเขาต้องติดสิบอันดับแรกอย่างแน่นอน ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจจะต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ได้ แบบนั้นคนอื่นๆจะไม่รู้สึกตกใจได้ยังไง?


 


นั่นเป็นเพียงแค่เทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ เหนือกว่าขั้นดิแซสเตอร์ยังมีขั้นแอนนิฮิเลชั่นและขั้นรีบูทอีก เทพสปิริตสองขั้นที่สูงกว่านั้นต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างที่สุด


 


“พวกเราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตของจักรวาล พวกเราไม่อาจจะต่อสู้กับเทพสปิริตได้ มีเพียงแค่การกลายเป็นเทพสปิริตเท่านั้น พวกเราถึงจะละทิ้งร่างกายของสิ่งมีชีวิตอันต่ำต้อยนี้ได้ นั่นเป็นหนทางเดียวที่พวกเราจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง”


 


หานเซิ่นแค่มองไปที่โมเม้นก็อตอย่างเงียบๆ เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ถึงแม้เขาจะทำได้ เขาก็จะไม่ร้องขอชีวิตต่อหน้าโมเม้นก็อต นั่นไม่ต่างอะไรจากการทำการอธิษฐานกับโมเม้นก็อต เขารู้ว่าการทำการอธิษฐานแบบนั้นจะทำให้เขาต้องจ่ายคืนด้วยราคาที่สูงมากๆ


 


ดวงตาที่ดูไม่หวาดกลัวของหานเซิ่นทำให้โมเม้นก็อตรู้สึกโกรธ เขาพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้าอยากตายมากขนาดนั้น ข้าก็จะทำให้เจ้าได้สมหวังเอง”


 


หลังจากนั้นเล็บมือของโมเม้นก็อตก็พุ่งตรงออกไปที่หัวของหานเซิ่น หานเซิ่นไม่ได้พยายามขัดขืนอะไร เขาแค่มองดูเล็บมือของอีกฝ่ายตรงเข้ามาที่หัวของเขา


 


“หยุด!” มีเสียงดังมาจากนอกวิหารพระเจ้า แต่ไม่มีใครสนใจ


 


นั่นเป็นเพราะว่าในจังหวะนั้น ร่างกายของหานเซิ่นก็เรืองแสงอย่างสว่างไสว เขาเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ เครื่องหมายของไทม์เอทชิ่งที่ปกคลุมชุดเกราะของเขาถูกเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวที่ลุกโชน

 

 

 


ตอนที่ 2984 ฆ่าเทพสปิริต

 

โมเม้นก็อตไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะทำลายพลังไทม์เอทชิ่งของเขาได้ ตอนนี้เขาอยู่ใกล้กับหานเซิ่นมากเกินไป เขาต้องการจะใช้พลังกาลเวลาเพื่อหยุดหานเซิ่นอะไรไว้ แต่มันไม่ได้ผลอีกต่อไป


 


ในแสงสว่างที่ลุกโชติช่วง หานเซิ่นกำลังถือหอกสกายไวน์แรดิชอยู่ในมือ และแทงมันเข้าใส่อกของโมเม้นก็อต


 


“เจ้าแทงข้าได้แล้วมันจะยังไง ร่างกายของเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกทำร้ายโดยคนอย่าง…”


ก่อนที่โมเม้นก็อตจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาก้มไปมองและเห็นหอกสกายไวน์แรดิชของหานเซิ่นแทงทะลุอกของเขา หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มแตกสลาย


 


“ไม่… นี่มันเป็นไปไม่ได้…” โมเม้นก็อตกรีดร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่นานร่างกายของเขาก็สลายกลายเป็นผุยผงไป


 


‘ดูเหมือนว่าโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเราจะแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากที่เราเลื่อนระดับขึ้น’ หานเซิ่นประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าโมเม้นก็อตจะตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแบบนั้น เขาแค่หวังจะสร้างความเสียหายให้กับโมเม้นก็อตเท่านั้น


 


หานเซิ่นเลือกใช้ท่าตบขั้นสุดยอดที่เป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเพื่อจะสร้างความเสียหายกับโมเม้นก็อต แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเกินความคาดหมายของเขา เขาระเบิดโมเม้นก็อตที่เป็นเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ให้กลายเป็นผุยผงได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ถึงแม้โมเม้นก็อตจะไม่ได้ระวังตัว แต่เหตุผลหลักที่เขาฆ่าอีกฝ่ายได้นั้นเป็นเพราะโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขาแข็งแกร่งเกินไป


 


จากการคำนวณของหานเซิ่น ถึงแม้เขาจะใช้สปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ มันก็ไม่สามารถเทียบกับพลังของโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดได้


 


แต่เนื่องจากหว่านเอ๋อร์ โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดจึงอยู่พอแค่ให้หานเซิ่นทำการโจมตีครั้งเดียวก่อนที่มันจะหายไป และหานเซิ่นก็กลับสู่สภาพปกติ


 


ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากๆ สิ่งมีชีวิตของจักรวาลเห็นร่างกายของหานเซิ่นระเบิดแสงสีขาวออกมา และในจังหวะต่อมาเขาก็ใช้หอกแทงทะลุอกของโมเม้นก็อต


 


โมเม้นก็อตที่เป็นเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์นั้นไม่สามารถต่อต้านอะไรได้ เขากรีดร้องและสลายกลายเป็นผุยผง หลังจากนั้นทั้งจักรวาลก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด


 


มันผ่านไปสักพักก่อนที่สมองของทุกคนในจักรวาลจะประมวลผลถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มพูดคุยกัน


 


“ไม่แปลกใจเลยที่ดอลลาร์ได้อันดับที่หนึ่งในบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน แค่หอกเดียวก็ระเบิดเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์จนกลายเป็นผุยผง เขาไร้เทียมทาน”


 


“ก่อนหน้าเจ้าไม่ได้พูดแบบนี้หนิ เจ้าบอกว่าที่ดอลลาร์ได้อันดับที่หนึ่งของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน ก็เพราะโกลเด้นโกรวเลอร์มอบมันให้กับเขา”


 


“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าจะบอกว่าที่โกลเด้นโกรวเลอร์มอบอันดับที่หนึ่งให้กับเขา ก็เพราะมันรู้ว่ายังไงมันก็ต้องพ่ายแพ้ ไม่อย่างนั้นทำไมมันถึงต้องยอมมอบอันดับที่หนึ่งให้กับเขาด้วย? มันหมายความว่าดอลลาร์นั้นแข็งแกร่งเกินไป”


 


“ดอลลาร์แข็งแกร่งเกินไปจริงๆนั่นแหละ เขาต้องเป็นคนแรกในจักรวาลที่สังหารเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ได้สำเร็จ”


 


ทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อสูรขนเขียวจากเอมตี้เมาท์เทนกัดฟันและพูดด้วยความโกรธ


“ดอลลาร์มีพลังมากขนาดนั้น แต่เขากลับไม่ไปช่วยเหลือผู้นำเมาท์เทนน้อย ถ้าเขาร่วมมือกับหานเซิ่น บางทีพวกเขาก็คงจะช่วยผู้นำเมาท์เทนน้อยมาจากวิหารพระเจ้าของพระเจ้าชั่วพริบตาได้แล้ว”


 


กาน่าหญิงพูดขึ้นว่า “จิตใจเยี่ยงหมาป่า ลมหายใจเยี่ยงสุนัข”


 


พวกเขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นกับดอลลาร์นั้นไม่สามารถร่วมมือกันได้


 


ที่ไม่มีใครสงสัยว่าหานเซิ่นและดอลลาร์เป็นคนๆเดียวกัน ก็เพราะว่าพวกเขามีเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน มันเหมือนกับการที่ไม่มีใครเชื่อว่าแมวตัวหนึ่งกับสนัขตัวหนึ่งจะเป็นสัตว์ตัวเดียวกัน


 


ภายในจีโนฮอลล์ พระเจ้ามองไปยังหานเซิ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าวิหารพระเจ้า เขาขมวดคิ้วและคิด ‘พลังนี้… มันเกือบจะไปถึงระดับนั้น ร่างกายของเขาแตกต่างออกไปจริงๆ’


 


ภายในพยุหะโลหิต จักรพรรดิมนุษย์หลี่ตาขณะที่มองไปที่หานเซิ่น


 


บนถนนของดวงดาวเล็กๆ หมอดูแก่คนหนึ่งเบิกตากว้าง เขามองไปยังหานเซิ่นที่อยู่ตรงหน้าวิหารพระเจ้า เขาเต็มไปด้วยความสับสนและพูดขึ้นว่า


“แปลกจริงๆ… เขาไม่ใช่เทพสปิริต… แบบนั้นเขาใช้พลังที่เหมือนกับของเทพสปิริตได้ยังไง?”


 


ผู้นำปราสาทนภาขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ‘ดอลลาร์ เขาเป็นคนเผ่าพันธุ์ไหนกันแน่? ทำไมเขาถึงมีพลังแบบนั้น?’


 


ตรงหน้าวิหารพระเจ้า โมเม้นก็อตที่สลายกลายเป็นผุยผงนั้นไม่ได้จางหายไปเหมือนกับเทพสปิริตคนอื่นที่ถูกฆ่าตาย แท่นบูชาภายในวิหารพระเจ้าก็ไม่ทำงานเช่นกัน ทันใดนั้นจู่ๆธงที่มีชื่อของโมเม้นก็อตก็เปลี่ยนเป็นสีขาวและวิหารพระเจ้าก็เริ่มจะมัวหมองลงไป มันกลายเป็นเหมือนกับวิหารว่างเปล่าที่ไม่มีเทพสปิริตอยู่ภายใน


 


“เกิดอะไรขึ้น…? ทำไมเทพสปิริตถึงไม่เกิดใหม่อีกครั้ง?” ทุกคนแปลกใจ พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น


 


เทพสปิริตที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นอมตะนั้นไม่เกิดใหม่อีกครั้ง


 


หานเซิ่นเองก็รู้สึกสับสนกับเรื่องนั้นเช่นกัน หลังจากที่ฆ่าโมเม้นก็อต เขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นในหัว


 


“เทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์โมเม้นก็อตถูกฆ่า”


 


เสียงประกาศนั้นเป็นแค่ประโยคๆเดียว มันไม่มีเสียงประกาศเกี่ยวว่าเขาได้ค้นพบยีนเทพสปิริต มันแตกต่างไปจากตอนที่หานเซิ่นฆ่าเทพสปิริตก่อนหน้านี้


 


“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเป็นเพราะท่าตบขั้นสุดยอดอย่างนั้นหรอ? หรือเป็นโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดที่เป็นปัญหา?” หานเซิ่นมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในหัว


 


ในลานกว้างของวิหารพระเจ้าอีกด้านหนึ่ง มีคนๆหนึ่งกำลังยืนอยู่ เขากำลังมองมาที่หานเซิ่นด้วยความตกใจ หลังจากผ่านไปสักพัก ใบหน้าที่ดูตกใจก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแปลกๆ


“ดอลลาร์เก่งกาจสมคำล่ำลือจริงๆ แค่หอกเดียวเขาก็สังหารเทพสปิริตได้ ในจักรวาลนี้เขาต้องเป็นอันดับที่หนึ่งไม่ผิดแน่”


 


“ราชาไป๋?” หานเซิ่นหันไปมองและรู้สึกแปลกๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมราชาไป๋ถึงมาที่นี่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าราชาไป๋มาเพื่อช่วยเขา ถ้าเขาไม่ได้ใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ราชาไป๋ก็คงจะเข้ามารับการโจมตีของโมเม้นก็อตแทน


 


หานเซิ่นไม่คิดว่าระหว่างเขากับราชาไป๋จะมีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรกันขนาดนั้น จนถึงตอนนี้ทุกอย่างที่ราชาไป๋ทำนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกสับสนอย่างมาก


 


หานเซิ่นมองไปที่ราชาไป๋และถาม “ทำไม?”


 


“ที่นี่ไม่เหมาะที่พวกเราจะพูดคุยกัน” หลังจากที่พูดแบบนั้นราชาไป๋ก็บินออกไป


 


หานเซิ่นบินตามราชาไป๋ออกไป เขาต้องการจะรู้ถึงเหตุผลที่ราชาไป๋ปฏิบัติกับเขาแบบนี้ หานเซิ่นและราชาไป๋หายตัวไปจากสายตาของทุกคน หลังจากที่พวกเขาออกไปจากปราสาทพระเจ้า


 


สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตสับสน


 


“เทพสปิริตเป็นอมตะไม่ใช่หรอ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ดอลลาร์ฆ่าเทพสปิริตได้ยังไง?”


 


“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมโมเม้นก็อตถึงไม่เกิดใหม่ภายในวิหารพระเจ้าของเขา?”


 


“โอ้มายก็อด! ดอลลาร์สังหารเทพสปิริตได้”


 


“ดูเหมือนว่าเทพสปิริตจะไม่ได้เป็นอมตะจริงๆ พวกเขาบอกว่าตัวเองเป็นอมตะ แต่โมเม้นก็อตกลับถูกดอลลาร์ฆ่าตาย”


 


ทั้งจักรวาลต่างพากันพูดถึงเรื่องที่ดอลลาร์สังหารเทพสปิริต ภาพลักษณ์ที่ดูไร้เทียมทานของเทพสปิริตนั้นเริ่มจะแตกร้าว


 


ในตอนที่หานเซิ่นและราชาไป๋เพิ่งจะออกไปจากปราสาทพระเจ้าเพื่อหาที่เงียบๆคุยกัน จู่ๆวิหารพระเจ้าหนึ่งภายในปราสาทของพระเจ้าก็เรืองแสงขึ้นอย่างสว่างไสว

 

 

 


ตอนที่ 2985 เทพสปิริตจุติ

 

ภายในปราสาทพระเจ้า วิหารที่อยู่ใต้จีโนฮอลล์เริ่มปลดปล่อยแสงออกมา มันเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังระเบิด


 


หลังจากนั้นวิหารพระเจ้าที่ส่องสว่าง จู่ๆก็ดับไป ในชั่วพริบตาวิหารที่เคยมีสีทองอร่ามนั้นกลับเต็มไปด้วยฝุ่น


 


“เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นและราชาไป๋ตกใจ


 


วิหารพระเจ้าที่ปลดปล่อยแสงสว่างออกมานั้นอยู่สูงมากๆ มันอยู่ถัดลงมาจากจีโนฮอลล์แค่ขั้นเดียว มันเป็นวิหารพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่น เมื่อมองดูวิหารพระเจ้าในตอนนี้ มันดูเหมือนว่าวิหารนั้นได้ปิดตัวลง


 


“ในจักรวาลนี้ใครกันที่จะเอาชนะเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นและทำให้วิหารปิดตัวลงได้แบบนั้น?”


ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยในเรื่องนี้ เขาเห็นประตูของวิหารเปิดออกและมีเงาของอะไรบางอย่างออกมาจากประตู


 


สิ่งมีชีวิตของจักรวาลมองร่างกายที่ออกมาได้ไม่ทัน ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นคือเงาที่แว็บออกไป มันดูเหมือนว่าเงานั้นออกไปจากปราสาทของพระเจ้า


 


“โอ้ ไม่นะ!” สีหน้าของราชาไป๋เปลี่ยนไป


 


หานเซิ่นมองไปที่ราชาไป๋แลถาม “เกิดอะไรขึ้น?”


 


“เทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นนั่นเข้าสิงร่างกายหนึ่งเพื่อจุติลงมา พวกเราควรรีบหนีไปจากที่นี่!” ราชาไป๋พูด


 


เขาต้องการจะหนีไปทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนที่ไปไหน เขาก็เห็นว่ามิติอวกาศใกล้ๆนั้นมีความเคลื่อนไหว มีร่างกายของคนๆหนึ่งปรากฏออกมา ซึ่งมันเป็นร่างกายเดียวกับที่ออกมาจากวิหารพระเจ้า


 


ร่างกายนั้นไม่สูงมากนัก เขาสูงกว่าหานเซิ่นแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น แต่ออร่าของเขาดูน่ากลัวมากๆ เขากำลังสวมใส่ชุดเกราะสีดำ บนไหล่ของเขามีค้อนสีดำที่มีขนาดพอๆกับถังบาร์เรล ดวงตาของเขาจ้องมองมาที่หานเซิ่น


 


“เจ้าฆ่าพระเจ้า! เจ้าสมควรตาย!” เทพสปิริตไม่ได้พูดอะไรมาก เขาพูดแค่ไม่กี่คำก่อนที่จะเริ่มแกว่งค้อนขนาดใหญ่ของเขา


 


หานเซิ่นเข้าใจว่าเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นนั้นเข้าสิงร่างกายและจุติลงมาเพื่อฆ่าเขาโทษฐานที่เขาไปฆ่าโมเม้นก็อต


 


หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อหนีไป แต่ขณะที่เขากำลังอยู่ในอุโมงค์อวกาศ เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดบางอย่างข้างหู หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายถูกอะไรบางอย่างเข้า มันส่งเขากระเด็นออกไปจากอุโมงค์อวกาศ


 


หลังจากที่หลุดออกมาจากอุโมงค์อวกาศ หานเซิ่นก็เห็นว่าตัวเองยังคงอยู่ในอวกาศและเทพสปิริตคนนั้นอยู่ไม่ไกลจากเขา อีกฝ่ายกำลังถือค้อนขนาดใหญ่ที่ดูน่ากลัวอยู่ในมือ


 


อวกาศรอบๆกำลังแตกร้าวเหมือนกับแก้ว ค้อนของเทพสปิริตนั้นทำให้ทั้งระบบจักรวาลแตกร้าว การจะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อหนีไปนั้นดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว หานเซิ่นรู้ว่ามันถึงเวลาที่เขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว แต่แค่จะฆ่าเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ เขาก็ต้องใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดแล้ว ตอนนี้เทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นเข้าสิงร่างกายเพื่อจุติลงมา แค่พลังของค้อนนั่นก็เหนือกว่าพลังของหานเซิ่นแล้ว แม้แต่พลังอย่างเต็มที่ของหานเซิ่นก็ไม่อาจเทียบกับศัตรูคนนี้ได้


 


หานเซิ่นถือหอกสกายไวน์แรดิชเอาไว้แน่น เขาผลักดันพลังของตัวเองจนถึงขีดสุด


 


ราชาไป๋ที่อยู่ใกล้ๆขมวดคิ้ว เขามองไปที่เทพสปิริตและพูด


“ข้าไม่คิดว่าพวกเราล่วงเกินอะไรท่าน ทำไมท่านถึงต้องจุติลงเพื่อต่อสู้กับพวกเรา?”


 


เทพสปิริตที่กำลังถือค้อนตอบกลับอย่างเย็นชา “การฆ่าเทพสปิริตถือเป็นความผิด”


 


หลังจากนั้นเทพสปิริตก็แกว่งค้อนอีกครั้ง เขาอยู่ห่างจากหานเซิ่นพอสมควร พลังของค้อนนั้นไม่ได้ลงมาที่หานเซิ่น แต่มันทุบลงมาใส่อวกาศที่อยู่ตรงหน้าของเขา


 


หลังจากที่ค้อนทุบลงมา ทั้งอวกาศก็สั่นไหว หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาจะถูกทำลายโดยอวกาศที่สั่นสะเทือน


 


หานเซิ่นกระอักเลือดออกมา เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะต่อสู้กับมัน แต่ร่างกายซีโน่เจนอิคของเขาไม่อาจจะทนต่อพลังจากแรงสั่นสะเทือนที่น่ากลัวนั้นได้ อวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายและกระดูกของเขาก็มีรอยร้าวเป็นจำนวนมาก ดูเหมือนกับว่าพวกมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆได้ทุกเมื่อ


 


ราชาไป๋ถูกโจมตีด้วยเช่นกัน ร่างกายของเขาเรืองแสงออกมา มันเป็นโล่แห่งแสงที่เข้าห่อหุ้มร่างกายของเขา มันป้องกันการแตกร้าวของอวกาศที่น่ากลัวนั้นเอาไว้


 


เทพสปิริตทุบลงมาอีกครั้งหนึ่ง การทุบในครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน หานเซิ่นพยายามรวบรวมพลังเพื่อเตรียมตัวจะต่อสู้


 


ตูม!


แต่ทันใดนั้นราชาไป๋ก็มาปรากฏตรงหน้าหานเซิ่น แสงประหลาดนั่นติดตามการเคลื่อนไหวของราชาไป๋มาและสร้างโล่ป้องกันที่บล็อกพลังสั่นสะเทือนจากค้อนขนาดใหญ่ของเทพสปิริตเอาไว้


 


“สปิริตของเทพสปิริต!” หานเซิ่นแปลกใจ แต่เมื่อเขามองดูมันดีๆ มันไม่ใช่เทพสปิริตจริงๆ แสงบนร่างกายของราชาไป๋นั้นเป็นเหมือนกับเทพและปีศาจที่มีสามหัวหกแขน แขนทั้งหกของมันมีอาวุธที่แตกต่างกัน


 


มันมีทั้งดาบ มีด โล่ แส้เหล็ก แหวนและกระจก พวกมันทั้งหมดปลดปล่อยแสงประหลาดที่ลึกลับออกมา มันสามารถป้องกันค้อนของเทพสปิริตเหมือนกับบาเรีย


 


หานเซิ่นมองไปที่แสงนั่นและเห็นว่ามันดูเหมือนวิญญาณอสูรและสปิริตของเทพสปิริต แต่มันแตกต่างออกไป หลังจากนั้นเขาก็นึกย้อนไปถึงซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ที่ไม่มีสปิริตอยู่ เขาคิด ‘พวกนี้คืออาวุธสปิริตที่ทำขึ้นมาจากสปิริตของซีโน่เจเนอิคอย่างนั้นหรอ?’


 


ราชาไป๋จ้องไปที่เทพสปิริตและพูดกับหานเซิ่น “ตอนนี้เจ้ารีบหนีไปซะ”


 


“ทำไมเจ้าถึงปกป้องข้า?” หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าทำไมราชาไป๋ถึงเสี่ยงต่อสู้กับเทพสปิริตคนนี้เพื่อปกป้องเขา ไม่ว่าจะดูยังไงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดี


 


หานเซิ่นไม่เชื่อว่าราชาไป๋จะปกป้องเขาเพียงเพราะเขาเป็นลูกศิษย์ ถึงแม้ลูกชายของราชาไป๋จะตาย ราชาไป๋ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากนัก ส่วนหานเซิ่นก็เป็นแค่ลูกศิษย์คนหนึ่ง


 


ราชาไป๋ยังคงจ้องไปที่เทพสปิริตขณะที่พูด “ข้าไม่มีเวลามาพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ข้าคงจะทนได้อีกไม่นาน เจ้ารีบหนีไปจากที่นี่ ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้”


 


“จะไม่มีใครได้ไปทั้งนั้น! วันนี้พวกเจ้าต้องตายอยู่ที่นี่!”


เสียงของเทพสปิริตดังก้องเหมือนกับฟ้าร้อง หลังจากที่พูดแบบนั้นค้อนขนาดใหญ่ก็ถูกทุบลงมาใส่ราชาไป๋


 


การทุบลงมาในครั้งนี้รุนแรงถึงขนาดที่หานเซิ่นที่อยู่ด้านหลังก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานมันได้


 


ราชาไป๋จ้องไปที่ค้อน เขาไม่ได้ถอยออกไป ร่างกายของเขาเป็นเหมือนกับเงาของเทพปีศาจที่คำรามอย่างเงียบๆในท้องฟ้า เขายกโล่ขึ้นขณะที่วิ่งเข้าไปปะทะกับค้อนขนาดใหญ่ของเทพสปิริต


 


ตูม!


คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นทำลายอวกาศรอบๆ ถึงหานเซิ่นจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับคลื่นกระแทก แต่ชุดเกราะตงเสวียนก็เริ่มจะมีรอยร้าวปรากฏขึ้นมาให้เห็น


 


“หนีไป!” เสียงของราชาไป๋ดังขึ้นอีกครั้ง


 


หานเซิ่นกัดฟัน เขาหันกลับหลังและรีบหนีออกไป


 


“เจ้าจะหนีไปไหน!” เทพสปิริตตะโกน เขาแกว่งค้อนขนาดใหญ่ใส่หานเซิ่น แต่ราชาไป๋เข้ามาขวางเอาไว้


 


“ถ้ามีคนที่ข้าต้องการปกป้อง แม้แต่พระเจ้าก็ผ่านข้าไปไม่ได้” ราชาไป๋พูดอย่างภาคภูมิ


 


หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงคลื่นกระแทกที่น่ากลัวจากด้านหลัง เขาจึงใช้พลังเพื่อส่งตัวเองออกไป

 

 

 


ตอนที่ 2986 คิลสกายก็อต

 

หลังจากที่ผ่านอวกาศที่แตกร้าวมาแล้ว คลื่นกระแทกจากด้านหลังก็เบาลงไป ในตอนที่หานเซิ่นหันกลับไปมอง เขาก็ไม่เห็นเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นคนนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะถูกราชาไป๋หยุดเอาไว้


 


“อาวุธสปิริตที่เอ็กซ์ตรีมคิงสร้างขึ้นมานั้นทรงพลังยิ่งกว่าสปิริตของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ซะอีก นั่นเป็นอะไรที่น่าตกใจจริงๆ” หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ


 


เมื่อนึกถึงเรื่องที่สิ่งนั้นมาจากอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิง และการที่มันสืบทอดผ่านรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงวันนี้ ไม่รู้ว่ามีสปิริตของซีโน่เจเนอิคมากมายเท่าไหร่ที่ถูกใช้เพื่อสร้างมันขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าจะทรงพลังถึงขนาดนี้


 


พลังของมันเพียงพอจะต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่น หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นอะไรที่ทรงพลังเกินไปหน่อย


 


‘ทำไมราชาไป๋ถึงได้ปฏิบัติกับเราแบบนี้?’ หานเซิ่นคิด นั่นคือสิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุด


 


ก่อนหน้านี้หานเซิ่นประหลาดใจมากแล้วที่ราชาไป๋รีบเข้ามาในวิหารพระเจ้าเพื่อช่วยเขา ตอนนี้ราชาไป๋ยังต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นเพื่อปกป้องเขา นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด


 


‘จะยังไงก็ตาม ก่อนอื่นเราต้องรีบหนีไปจากที่นี่’ หานเซิ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขายังไม่กล้ากลับไปที่สเปชการ์เด้นในทันที เขาตัดสินใจเทเลพอร์ตจะไปที่ระบบจักรวาลร้าง


 


หานเซิ่นกลัวว่าเทพสปิริตคนนั้นจะตามเขาไปที่สเปชการ์เด้นได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเขาก็กลัวว่ามันคงจะจบไม่สวยแน่ๆ


 


หลังจากที่ออกมาจากการเทเลพอร์ต หานเซิ่นก็ตรงเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง เขาต้องการจะใช้พลังภายในระบบจักรวาลร้างเพื่อทำให้เทพสปิริตหาตัวเขาไม่เจอ หลังจากนั้นเขาก็จะหนีกลับไปที่สเปชการ์เด้นด้วยตัวตนของหานเซิ่น


 


แต่หลังจากที่หานเซิ่นเพิ่งจะเข้าไปในระบบจักรวาลร้างได้ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงที่ดังก้องเหมือนกับฟ้าร้อง อวกาศที่อยู่รอบๆถูกทำลายทำให้พวกมันแตกร้าวเหมือนกับใยแมงมุม เทพสปิริตคนนั้นฉีกผ่านมิติอวกาศและไล่ตามเขามาจนทัน


 


‘ไหนปีศาจสาวบอกว่าเทพสปิริตที่เข้าสิงร่างกายของสิ่งมีชีวิตเพื่อจุติลงมานั้นจะถูกจำกัดพลังด้วยร่างกายที่เข้าสิง และอย่างเต็มที่พวกเขาก็จะมีพลังแค่ขั้นทรูก็อตไม่ใช่หรอ แบบนั้นทำไมพลังของเทพสปิริตคนนี้ถึงได้เหนือกว่าระดับทรูก็อต’ หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


หานเซิ่นมองไปที่เทพสปิริตและถาม “ราชาไป๋อยู่ที่ไหน?”


 


“เมื่อข้า คิลสกายก็อตต้องการจะฆ่า แม้แต่พระเจ้าก็หยุดข้าไม่ได้ ส่วนเขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตในจักรวาล” คิลสกายก็อตกำลังถือค้อนขนาดใหญ่ ขณะที่ลอยตัวในอวกาศและมองมาที่หานเซิ่น


 


เมื่อหานเซิ่นได้ฟังโทนเสียงของคิลสกายก็อต เขาก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าราชาไป๋จะยังไม่ได้ถูกฆ่าตาย


 


คิลสกายก็อตยกค้อนในมือขึ้นและพูดด้วยความดูถูก “ผู้ที่สังหารเทพสปิริตสมควรตาย ตอนนี้ไม่มีใครปกป้องเจ้าได้อีกแล้ว”


 


คิลสกายก็อตใช้มือข้างหนึ่งถือค้อนยักษ์และแกว่งมันลงมา ต่อหน้าค้อนยักษ์นั่นมันก็เหมือนกับว่าทั้งอวกาศเป็นเพียงแค่แก้วบางๆ ทุกสิ่งทุกอย่างแตกกระจายด้วยการทุบของค้อนนั่น


 


ร่างกายของหานเซิ่นปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา เขาเข้าสู่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอีกครั้ง อวกาศที่แตกกระจายนั้นไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของเขา


 


หานเซิ่นแทงหอกสกายไวน์แรดิชก็อตเข้าไปหาคิลสกายก็อต แต่คิลสกายก็อตแกว่งค้อนเพื่อรับหอกสกายไวน์แรดิชก็อตด้วยสีหน้าดูถูก แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็แว็บหายไปพร้อมกับหอก เขาไปปรากฏตัวด้านหลังของคิลสกายก็อตและแทงใส่ที่ด้านหลังหัวของอีกฝ่าย


 


“ท่าตบขั้นสุดยอด!” หานเซิ่นยังคงอยู่ในโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด และเขาก็ใช้พลังของท่าตบขั้นสุดยอดจนถึงขีดจำกัด


 


ปลายของหอกแทงเข้าไปที่ด้านหลังของคิลสกายก็อต มันเกิดเป็นเสียงแตกหักของโลหะ มันเหมือนกับว่ามีโลหะไปติดเครื่องบด


 


แสงแห่งเทพกระจายออกไปทั่วเหมือนกับประกายไฟ ปลายของหอกสกายไวน์แรดิชแทงเข้าไปลึกแค่ห้านิ้วเท่านั้น พลังของท่าตบขั้นสุดยอดไม่พอที่จะทำลายโซ่สสารของคิลสายก็อต มันทำลายได้แค่โซ่สสารบางส่วนที่อยู่ด้านนอกสุดเท่านั้น


 


คิลสายก็อตแกว่งค้อนขนาดใหญ่ของเขา ขณะที่หานเซิ่นพยายามจะดึงหอกกลับมา ก่อนที่จะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเพื่อหนีออกไปจากที่นั่น


 


ภายใต้พลังของโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด อวกาศที่แตกร้าวนั้นไม่สามารถหยุดเขาจากการใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นได้ แต่หว่านเอ๋อร์ยังคงอยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตา เธอลุกโชนด้วยแสงสีทอง ซึ่งส่งผลให้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขาหยุดทำงาน


 


หานเซิ่นพยายามกัดฟันทน แต่เขาทนต่อไม่ไหว โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดถูกยกเลิกและเขาก็หลุดออกมาจากอุโมงค์อวกาศ


 


ถึงแม้หานเซิ่นจะหนีออกมาจากอวกาศที่แตกร้าวของคิลสกายก็อตได้ แต่เนื่องจากเขายังอยู่ภายในระบบจักรวาลร้าง เขาจึงหนีไปได้ไม่ไกล


 


ถ้าไม่มีโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด กาแล็กซี่เทเลพอร์ตก็ไม่สามารถใช้ในระบบจักรวาลร้างได้ เนื่องจากพายุแม่เหล็กและวังวนอวกาศ


 


หานเซิ่นพยายามจะหนีไปที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ พลังความมืดของที่นั่นควรจะส่งผลกระทบต่อเทพสปิริต มันเป็นสถานที่ที่เทพสปิริตไม่กล้าเข้าไป ส่วนตัวหานเซิ่นมีสปิริตของกิเลนศักดิ์สิทธิ์อยู่ ทำให้เขาไม่ได้รับความเสียหายจากพลังความมืด ที่นั่นจึงเป็นสนามต่อสู้ที่ดีที่สุดสำหรับหานเซิ่น


 


หลังจากที่หานเซิ่นบินไปได้ไม่ไกล เสียงอวกาศถูกทำลายโดยค้อนยักษ์ของคิลสกายก็อตก็ดังขึ้นอีกครั้ง รอยร้าวที่เหมือนกับใยแมงมุมปรากฏขึ้นอีกครั้งและขังหานเซิ่นเอาไว้


 


‘หว่านเอ๋อร์นะ! หว่านเอ๋อร์! ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการจะดูแลเธอ แต่เนื่องจากมันเป็นสถานการณ์ที่คับขัน ฉันจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป’


หานเซิ่นยกมือขึ้นและหอคอยแห่งโชคชะตาก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา หลังจากนั้นเขาก็โยนมันออกไป


 


เมื่อเห็นหอคอยแห่งโชคชะตาลอยออกไปเรื่อยๆ หานเซิ่นก็รู้สึกว่าร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดกลับมาใช้ได้อีกครั้ง อิทธิพลจากหว่านเอ๋อร์กำลังค่อยๆหายไป


 


“หอคอยแห่งโชคชะตา? เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่ใช่เทพสปิริต! เจ้ามีหอคอยแห่งโชคชะตาได้ยังไง?” เมื่อคิลสกายก็อตเห็นหานเซิ่นโยนหอคอยแห่งโชคชะตาออกไป เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก


 


แต่เมื่อมองดูดีๆ คิลสกายก็อตก็เห็นว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ เขามองไปที่หอคอยแห่งโชคชะตาและพูด


“ไม่สิ นี่ไม่ใช่หอคอยแห่งโชคชะตา มันเป็นแค่ของเลียนแบบเท่านั้น… เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่านี่จะเป็นหอคอยแห่งโชคชะตาที่ผู้นำเซเคร็ดเคยเลียนแบบขึ้นมา นี่มันยังไม่ได้ถูกทำลายไปหรอเนี่ย ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของผู้นำเซเคร็ด”


 


คิลสกายก็อตเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขากำค้อนยักษ์เอาไว้แน่น แต่เขายังไม่โจมตี พลังที่น่ากลัวเริ่มไปรวมตัวกันที่ค้อนขนาดใหญ่ มันมีลวดลายที่เก่าแก่และลึกลับปรากฎขึ้นทั้งสองด้านของค้อน


 


ร่างกายของหานเซิ่นเข้าสู่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอีกครั้ง แต่ในใจของเขากำลังรู้สึกกังวล


 


จากภายในหอคอยแห่งโชคชะตาที่ถูกโยนทิ้งไป ร่างกายของหว่านเอ๋อร์กำลังลุกโชนด้วยแสงสีทองและผมของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีทอง เธอเข้าสู่สถานะพิเศษเหมือนกับหานเซิ่น แต่มันแตกต่างไปจากของหานเซิ่น โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของหานเซิ่นไม่ได้ทำรายอะไรเขา มันแค่จะหายไปในตอนที่ร่างกายของเขาทนต่อไปไม่ไหวเท่านั้น


 


แต่หว่านเอ๋อร์นั้นต่างออกไป ในตอนที่เธอเข้าสู่โหมดผมทอง เธอจะสูญเสียพลังชีวิตไปทุกๆวินาที ถ้าเธออยู่ในโหมดผมทองนานเกินไป มันก็มีโอกาสที่พลังชีวิตของเธอจะหายไปจนหมด


 


สิ่งที่น่ากลัวที่สุดหลังจากที่เธอเข้าสู่โหมดผมทองก็คือเธอจะจำใครไม่ได้ทั้งนั้น เธอจะกลายเป็นปีศาจที่บ้าคลั่ง มันมีโอกาสที่เธอจะออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตาโดยที่แยกแยะไม่ออกมาว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู


 


“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม เจ้าไปลงนรกซะเถอะ!” สัญลักษณ์บนค้อนของคิลสกายก็อตเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ขณะที่เขาทุบมันไปใส่อวกาศ


 


สัญลักษณ์นั้นประทับลงไปบนอวกาศ และในวินาทีต่อมาสัญลักษณ์ก็แตกกระจาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในสัญลักษณ์ก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผงเช่นกัน ไม่สำคัญว่าสิ่งที่ถูกค้อนทุบจะเป็นดาวเคราะห์หรือดวงอาทิตย์ มันไม่มีการระเบิดหรือการปลดปล่อยพลังงานออกมา ในเวลาชั่วพริบตาทุกอย่างก็กลายเป็นเพียงอนุภาค

 

 

 


ตอนที่ 2987 หว่านเอ๋อร์ตื่น

 

เนื่องจากหานเซิ่นกำลังอยู่ในโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด พลังที่น่ากลัวของคิลสกายก็อตจึงผ่านร่างกึ่งโปร่งใสของเขาไป


 


หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปตรงหน้าคิลสกายก็อตและแทงหอกสกายไวน์แรดิชก็อตออกไปอีกครั้ง เขาจำเป็นต้องรีบลงมือ เนื่องจากหว่านเอ๋อร์คงจะทนได้อีกไม่นาน


 


หอกสกายไวน์แรดิชก็อตนำพาพลังของท่าตบขั้นสุดยอดไปที่คอของคิลสกายก็อต แต่มันเจาะเข้าไปได้เพียงแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น


 


หานเซิ่นเลือกตำแหน่งที่ไม่มีชุดเกราะ เพราะถ้าเขาแทงใส่ชุดเกราะ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงแย่ยิ่งกว่านี้


 


คิลสกายก็อตไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของหานเซิ่นได้ เขาพยายามแกว่งค้อนยักษ์ที่อยู่ในมือ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์


 


หานเซิ่นยังคงแทงหอกสกายไวน์แรดิชอย่างต่อเนื่อง เขาแทงเข้าไปที่บาดแผลเดิมซ้ำๆ เขาต้องการจะตัดคอของอีกฝ่ายให้ขาด


 


แต่หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าคิลสกายก็อตนั้นฟื้นตัวเร็วกว่าความเสียหายที่ได้รับ การโจมตีอย่างต่อเนื่องของเขาจึงไม่เกิดประโยชน์อะไรมาก ก่อนที่หานเซิ่นจะแทงหอกสกายไวน์แรดิชเข้าไปอีกครั้ง บาดแผลของคิลสกายก็อตก็เกือบจะหายดีแล้ว


 


‘พลังของเรายังไม่พอที่จะฆ่าเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นจริงๆ’ หานเซิ่นขมวดคิ้ว


 


หว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตากำลังจะตื่นขึ้นมา สิ่งเดียวที่ทำให้หานเซิ่นดีใจคือความจริงที่ว่าถึงแม้หอคอยแห่งโชคชะตาจะถูกพลังที่น่ากลัวของคิลสกายก็อต มันก็ไม่ได้ถูกทำลาย มันแค่ถูกส่งกระเด็นออกไป แต่มันก็มีเสียงแตกร้าวดังมาจากที่ไหนสักแห่งภายในหอคอย มันฟังดูเหมือนกับว่ามันพร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ หานเซิ่นไม่แน่ใจว่ามันจะทนได้อีกนานแค่ไหน


 


“ถ้าข้าไม่ได้ถูกจำกัดพลังโดยร่างกายที่จุติลงมาล่ะก็ ตอนนี้เจ้าก็คงจะถูกข้าฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว!”


คิลสกายก็อตมองไปที่หานเซิ่นอย่างเย็นชา เขาไม่ได้ทำการโจมตีอีกต่อไป เขาปล่อยให้หอกสกายไวน์แรดิชก็อตของหานเซิ่นแทงมาใส่ตัวเขา ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นยังสร้างบาดแผลที่สาหัสให้กับอีกฝ่ายไม่ได้


 


“ถึงแม้ข้าจะถูกจำกัดพลัง แต่เจ้าก็ทำร้ายข้าไม่ได้อยู่ดี มาดูกันสิว่าเจ้าจะทนได้อีกนานสักแค่ไหน และเมื่อพลังของเจ้าหมดลงแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ข้าจะฆ่าเจ้า” คิลสกายก็อตพูดอย่างเย็นชาจนทำให้คนที่ได้ฟังนั้นหนาวไปถึงกระดูก


 


หานเซิ่นไม่รู้ว่าโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดในฐานะขั้นทรูก็อต แต่สำหรับตอนนี้เขายังไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าอะไร


 


เนื่องจากโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดไม่ได้รับอิทธิพลจากหว่านเอ๋อร์อีกต่อไป มันจึงอยู่ได้เป็นเวลานาน ซึ่งถ้าหานเซิ่นต้องการจะหนีไปจากที่นี่ คิลสกายก็อตก็หยุดเขาไม่ได้


 


แต่ถ้าเขาหนีไป หว่านเอ๋อร์ก็คงจะไม่รอด แต่ถ้าเขาพาเธอไปด้วย โหมดเทพเจ้าสปิริตขึ้นสุดยอดก็จะหายไป นั่นทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีไป


 


นอกซะจากมันจะจำเป็นจริงๆ หานเซิ่นก็ไม่คิดจะทิ้งหว่านเอ๋อร์ เขาได้พาหว่านเอ๋อร์ไปไหนมาไหนด้วยเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ดังนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีความรู้สึกต่อเธอ


 


แถมมันยังมีความลับมากมายเกี่ยวกับหว่านเอ๋อร์ที่เขายังไม่รู้ หานเซิ่นนั้นได้ดื่มร่วมกับฉินซิวสามแก้วและให้สัญญากับอีกฝ่ายว่าจะดูแลหว่านเอ๋อร์ เขาไม่สามารถกลับคำพูดของตัวเองได้


 


“เมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ เราจะมัวมาสนใจเรื่องอื่นไม่ได้อีกแล้ว เราจำเป็นต้องใช้สปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเอาตัวรอดไปจากที่นี่” หานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่นอีก


 


หานเซิ่นรู้ว่าพลังของคิลสกายก็อตนั้นไม่ได้ไร้เทียมทานอย่างที่เขากล่าวอ้าง อย่างน้อยๆในตอนที่เขาจุติลงมา ร่างกายของเขาก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน ไม่อย่างนั้นหอกสกายไวน์แรดิชก็คงจะทำร้ายคิลสกายก็อตแบบนั้นไม่ได้ แต่ทว่าร่างกายของคิลสกายก็อตนั้นแข็งแกร่งกว่าที่สิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตจะมีได้ หานเซิ่นไม่สามารถทำลายร่างกายของอีกฝ่ายด้วยหอกสกายไวน์แรดิช


 


แต่ถ้าหานเซิ่นใช้สปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ มันก็มีโอกาสที่จะสำเร็จ แต่ถ้าเขาใช้สปิริตศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ความจริงเรื่องที่ว่าดอลลาร์คือหานเซิ่นก็จะถูกเปิดเผยออกมา โชคดีที่มันไม่มีใครรู้ว่าหานเซิ่นเป็นมนุษย์ ดังนั้นถึงเขาจะเปิดเผยตัวออกไป เทพสปิริตก็จะไม่ได้เล็งเป้ามาที่เขาในทันที ส่วนเรื่องในอนาคต หานเซิ่นก็คงได้แต่รอดูว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป


 


ขณะที่หานเซิ่นเตรียมตัวจะเรียกสปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ออกมา จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงแตกหักของอะไรบางอย่างดังขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้นถูกทำลายกลายเป็นผุยผงหมดแล้วด้วยพลังของคิลสกายก็อตและหานเซิ่น ดังนั้นมันไม่ควรจะเหลืออะไรให้แตกหักอีก


 


ดังนั้นในตอนที่หานเซิ่นได้ยินเสียงนั้น เขาก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา เขาหันไปมองและเห็นว่ามีรอยแยกเกิดขึ้นบนหอคอยแห่งโชคชะตา


 


ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบสนองอะไรได้ มันก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองส่องออกมาจากรอยแยกนั้น หลังจากนั้นหญิงสาวผมทองก็ลอยออกมา


 


เส้นผมสีทองของนางปลิวไสวเช่นเดียวกับเสื้อผ้าของนาง หญิงสาวคนนั้นคือหว่านเอ๋อร์ที่หลับอยู่หอคอยแห่งโชคชะตา ตอนนี้หว่านเอ๋อร์ได้กลายเป็นหญิงสาวผมทอง และร่างกายทั้งร่างของเธอก็ปลดปล่อยแสงสีทองออกมา ทำให้เธอดูเหมือนกับสิ่งที่อยู่ในความฝัน


 


หว่านเอ๋อร์ดูเหมือนกับหานเซิ่นที่อยู่ในโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด แต่มันแตกต่างออกไปเล็กน้อย


 


ดวงตาของหว่านเอ๋อร์เปิดออก เห็นได้ชัดว่าเธอตื่นจากการหลับใหลแล้ว แต่ดวงตาของเธอยังคงขาดโฟกัส มันทำให้เธอดูเหมือนกับซอมบี้


 


“หว่านเอ๋อร์… หว่านเอ๋อร์… เป็น…เป็นไปไม่ได้… นางยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง…”


ในตอนที่คิลสกายก็อตเห็นหญิงสาวผมสีทอง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มันเหมือนกับว่าเขากำลังมองเห็นผี


 


ก่อนหน้านี้ในตอนที่หานเซิ่นแทงใส่คิลสกายก็อต คิลสกายก็อตไม่ได้มีสีหน้าแบบนี้ เขายังคงมีใบหน้าที่ภาคภูมิ


 


แต่หลังจากที่ได้เห็นหว่านเอ๋อร์แค่แว็บเดียว คิลสกายก็อตก็ดูหวาดกลัว หานเซิ่นคิดว่ามันแปลกที่อีกฝ่ายแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา


 


หานเซิ่นไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไรที่คิลสกายก็อตจะจำหว่านเอ๋อร์ได้ เพราะเขาชื่อว่าคิลสกายก็อตนั้นต้องเป็นหนึ่งในเทพสปิริตที่จุติลงมาในสมัยก่อน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะเคยเห็นหว่านเอ๋อร์ที่เป็นน้องสาวของผู้นำเซเคร็ด แต่การที่คิลสกายก็อตดูหวาดกลัวเมื่อได้เห็นหว่านเอ๋อร์นั้นทำให้หานเซิ่นแปลกใจ


 


ในจังหวะที่หว่านเอ๋อร์ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา ดวงตาที่ขาดโฟกัสของเธอก็มองมาที่หานเซิ่น ซึ่งทำให้เขารู้สึกหนาวจนถึงกระดูก


 


หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็เบลอๆ ถึงแม้จะด้วยสายตาขั้นทรูก็อตของหานเซิ่น เขาก็มองตามการเคลื่อนไหวของเธอไม่ทัน


 


หานเซิ่นถอยออกไปด้านหลังโดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าหว่านเอ๋อร์ไม่ได้มาทางหาเขา เธอไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคิลสกายก็อต เธอยกมือขวาขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก มือของเธอเป็นเหมือนกับมีดที่ฟันลงมาจากที่สูง เส้นผมและเสื้อผ้าสีทองปลิวไสวขณะที่เธอฟันลงมา


 


คิลสกายก็อตดูตกใจ เขาแกว่งค้อนขนาดใหญ่ไปใส่หว่านเอ๋อร์ขณะที่ตัวเขาถอยออกไปด้านหลัง


 


มือของหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง เธอยังคงฟันลงมาโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่คู่ต่อสู้ทำ ค้อนขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับว่าสามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกตัดครึ่งอย่างง่ายดายราวกับว่าเป็นเต้าหู้


 


ใบหน้าของคิลสกายก็อตซีดเผือก เขาไม่สามารถถอยออกไปได้ทัน ใบหน้าของเขาถูกตัดตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงขากรรไกรด้วยปลายนิ้วของหว่านเอ๋อร์ มันเหมือนกับว่ามีเส้นสีแดงถูกเขียนลงบนใบหน้าของเขา

 

 

 


ตอนที่ 2988 ได้รับสิ่งประจำตัวพระเจ้า...

 

“แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้?” หานเซิ่นตกใจ แต่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น หลังจากที่คิลสกายก็อตได้รับบาดเจ็บ เขาก็ต้องการจะหนีไป แต่ก่อนที่เขาจะได้หันกลับหลังไป


 


ร่างกายของหว่านเอ๋อร์ก็เริ่มเบลอๆอีกครั้ง เธอกวัดแกว่งมือไปมาขณะที่เธอเคลื่อนไหวด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก มือของเธอห่อหุ้มไปด้วยแสงสีทอง ขณะที่เธอเคลื่อนที่ผ่านคิลสกายก็อต ในตอนที่คิลสกายก็อตหันกลับหลังเพื่อจะวิ่งหนี หว่านเอ๋อร์ก็หยุดมือและค่อยๆหันกลับมามองที่หานเซิ่น


 


คิลสกายก็อตวิ่งหนีไปได้แค่สามสิบฟุตก่อนที่มีเลือดจะไหลออกมาทั่วร่างกาย ไม่นานร่างกายของเขาก็แหลกเป็นชิ้นๆ


 


วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็เห็นแสงสีทองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่มันถูกหยุดเอาไว้ด้วยพลังของระบบจักรวาลร้าง ทำให้มันไม่เกิดความเศร้าของพระเจ้า หลังจากที่ร่างกายของคิลสกายก็อตกลายเป็นแสงสีทอง มันก็มีกระดูกแขนส่วนบนของเขาเหลือทิ้งเอาไว้ กระดูกนั้นมีความยาวประมาทสามฟุต รูปร่างของมันเหมือนกับค้อนและมีสีดำสนิท


 


หานเซิ่นคิด ‘ดูเหมือนว่าพลังของหว่านเอ๋อร์จะแตกต่างไปจากพลังของเรา เทพสปิริตที่เธอฆ่าตายทิ้งสิ่งประจำตัวพระเจ้าเอาไว้ ขณะที่เทพสปิริตที่เราฆ่าไม่ทิ้งอะไรเอาไว้เลย แม้แต่สิ่งประจำตัวพระเจ้าก็สลายไป’


 


แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่มีเวลาจะมาคิดถึงเรื่องนั้น หว่านเอ๋อร์เทเลพอร์ตมาตรงหน้าหานเซิ่น หานเซิ่นรวบรวมพลังอย่างลับๆและมองไปที่หว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาที่ระมัดระวัง


 


หว่านเอ๋อร์ผมทองนั้นอาจจะจดจำเขาไม่ได้ เมื่อคำนึงถึงพลังที่เธอเพิ่งจะแสดงออกมา เธอก็ไม่ใช่คนที่หานเซิ่นจะต่อสู้ด้วยได้


 


เมื่อหว่านเอ๋อร์มาถึงตรงหน้าหานเซิ่น เปลวไฟสีทองของหว่านเอ๋อร์และเปลวไฟสีขาวของหานเซิ่นก็เคลื่อนที่เข้าหากัน พลังทั้งสองหลอมเข้าด้วยกันราวกับว่าพวกมันกำลังเชื่อมต่อกัน


 


“พี่ชาย!” หว่านเอ๋อร์มองไปหานเซิ่นด้วยความแปลกใจและล้มลงไปทางหานเซิ่น


 


หานเซิ่นยื่นมือออกมารับตัวเธอเอาไว้ ซึ่งทำให้เปลวเพลิงสีทองและสีขาวของพวกเขาดับไป ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ


 


“พี่ชาย… หว่านเอ๋อร์คิดถึงพี่ชาย หว่านเอ๋อร์คิดถึงพี่ชายมาก”


หานเซิ่นมองไปที่หว่านเอ๋อร์และเห็นว่าหนังตาของเธอดูหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะมองมาที่หานเซิ่น แต่เธอไม่สามารถต่อสู้กับความง่วงนอนได้ ดวงตาของเธอปิดลงและเธอก็หลับไปในที่สุด


 


สีหน้าของหานเซิ่นดูไม่สู้ดีนัก สถานการณ์ของหว่านเอ๋อร์นั้นเลวร้ายมากๆ พลังชีวิตเธออ่อนแอจนเขาแทบจะสัมผัสถึงมันไม่ได้ มันดูเหมือนกับว่าเธอกำลังจะตาย


 


หานเซิ่นรีบเอาขวดจีโนฟลูอิดออกมาป้อนให้กับเธอ แต่มันก็ไม่ได้ผล เขาเรียกวิญญาณอสูรดอกบัวไลท์เวลล์ออกมา แต่มันก็ไม่สามารถช่วยหว่านเอ๋อร์ได้เช่นเดียวกัน


 


“ถ้าคิดถึงพี่ชายมากก็ต้องอดทนเอาไว้ ถ้าตายไป เจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นพี่ชายของเจ้าอีก” หานเซิ่นอุ้มหว่านเอ๋อร์ขึ้นและไปเก็บกระดูกของคิลสกายก็อตมา


 


หอคอยแห่งโชคชะตานั้นมีรอยร้าวตั้งแต่ด้านบนลงมาจนถึงด้านล่าง หานเซิ่นรู้ว่ามันไม่ได้ถูกทำลายโดยคิลสกายก็อต มันเป็นหว่านเอ๋อร์ที่ทำลายกำแพงของหอคอยเพื่อออกมาข้างนอก


 


หานเซิ่นอุ้มหว่านเอ๋อร์กลับเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาเพื่อเช็คสภาพภายในหอคอย ทุกอย่างยังคงอยู่ดีเว้นก็แต่จอมมารและราชครูกู่เยวียนได้หายตัวไปแล้ว


 


“ที่สุดแล้วจอมมารก็หนีไปได้ แต่นั่นไม่เป็นอะไร” หานเซิ่นวางหว่านเอ๋อร์ไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตาและเก็บหอคอยเข้าไปในทะเลจิต


 


ขณะที่กำลังถือกระดูกแขนของคิลสกายก็อตเอาไว้ในมือ หานเซิ่นก็คิดกับตัวเอง


‘เรามีสิ่งประจำตัวพระเจ้าของอีวิลโลตัสและพระเจ้าเกราะนภาอยู่ก่อนแล้ว นี่เป็นสิ่งประจำตัวพระเจ้าชิ้นที่สามที่เราได้รับมา แต่อีวิลโลตัสและพระเจ้าเกราะนภานั้นเป็นแค่เทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่น สิ่งประจำตัวพระเจ้าของพวกเขาไม่อาจเทียบกับสิ่งประจำตัวพระเจ้าของคิลสกายก็อตที่เป็นขั้นแอนนิฮิเลชั่นได้’


 


หานเซิ่นลังเลที่จะเปลี่ยนพวกมันเป็นอาวุธ เพราะมันต่างไปจากสิ่งมีชีวิตอื่น เขารู้ว่าสิ่งประจำตัวพระเจ้านั้นคือยีนเทพสปิริต หานเซิ่นรู้ในเรื่องนั้นจากเสียงประกาศที่ได้ยิน ถึงแม้เขาจะดูดซับยีนเทพสปิริตไม่ได้ แต่เขาก็เชื่อมาโดยตลอดว่าถ้าเขาดูดซับยีนอื่นๆได้ มันก็ต้องมีหนทางที่เขาจะดูดซับยีนของเทพสปิริตได้เช่นกัน แต่เขาอาจจะยังไม่ค้นพบมันเท่านั้น


 


มันเหมือนกับตอนที่เขาได้รับยีนขั้นสุดยอดภายในก็อตแซงชัวรี่ ในตอนแรกผู้คนไม่สามารถดูดซับพวกมันได้ ซึ่งยีนเทพสปิริตก็อาจจะเหมือนกัน


 


หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าเมื่อสิ่งประจำตัวพระเจ้าถูกเปลี่ยนเป็นอาวุธพระจำตัวพระเจ้าแล้ว เขายังจะดูดซับมันเข้าไปได้ไหม


 


‘คิลสกายก็อตนั้นแข็งแกร่งมากๆ แค่เขาเข้าสิงสิ่งมีชีชิตอื่นเพื่อจุติลงมา เขาก็เกือบจะไร้เทียมทานแล้ว ถ้าอยู่ในวิหารพระเจ้าเขาก็คงจะน่ากลัวยิ่งกว่านั้น ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่เราจะฆ่าคิลสกายก็อตกับพระเจ้าชั่วพริบตาได้ แต่ถ้าเรามีอาวุธประจำตัวพระเจ้าของคิลสกายก็อต โอกาสชนะของเราก็จะเพิ่มสูงขึ้น แต่หวังว่ามันจะเป็นชุดเกราะ แบบนั้นเราก็จะไม่ต้องกลัวที่จะถูกพระเจ้าชั่วพริบตาฆ่าตาย’ ถึงหานเซิ่นจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็รู้ว่าโอกาสที่สิ่งประจำตัวพระเจ้าของคิลสกายก็อตจะเป็นชุดเกราะนั้นน้อยมากๆ กระดูกแขนที่เขาได้รับมานั้นคงจะไม่มีทางเป็นชุดเกราะไปได้


 


แต่ไม่ว่ามันจะกลายเป็นอะไร การมีอาวุธประจำตัวพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่นอยู่ก็ควรจะช่วยเขาได้บ้าง


 


หานเซิ่นเอากระดูกแขนไปเก็บเอาไว้ก่อนที่เริ่มคิดว่าต้องทำอะไรต่อ เขาตัดสินใจจะลองไปเช็คที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ดู ในเมื่อตอนนี้เขาก็มาอยู่ในจักรวาลร้างแล้ว เขาอยากรู้ว่าเสี่ยวฮวาและแมวเก้าชีวิตนั้นกลับมาหรือยัง


 


ตอนนี้เขาเปลี่ยนกลับมาใช้ตัวตนของหานเซิ่น เมื่อเขาไปถึงปราสาทศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ได้เห็นก็ทำให้เขาตกตะลึง


 


ก่อนหน้านี้ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายโดยหานเซิ่น แต่ตอนนี้ซากปรักหักพังของปราสาทนั้นถูกย้อมไปด้วยเลือดสีดำ


 


เรดโกสต์ อสูรไร้ดวงตาและอีแร้งแก่นั้นนอนกองอยู่บนซากปรักหักพัก ตามร่างกายของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลและพลังชีวิตของพวกเขาก็ไม่เหลือแล้ว


 


ร่างของอสูรยักษ์ไร้ดวงตาถูกตัดขาดครึ่ง เรดโกสต์ก็ถูกตัดหัวและขนของอีแร้งแก่ก็ถูกถอนออกจนหมด มันมีเงาของคนๆหนึ่งยืนอยู่บนซากปรักหักพัง คนๆนั้นกำลังยกร่างของอาเหมยขึ้นไปในอากาศ


 


อาเหมยไม่มีพละกำลังจะดิ้นรน เธอพยายามจะแกะมือที่จับคอของเธออยู่ แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้


 


“นาย…ท่าน…” เมื่ออาเหมยเห็นหานเซิ่นเข้ามาในรัศมีของตะเกียง เธอก็เริ่มดูมีความหวังขึ้นมา เธอรวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อตะโกนบอกหานเซิ่น “ระวังเฒ่าแมว…”

 

 

 


ตอนที่ 2989 ความเปลี่ยนแปลงที่ปราสาทศ...

 

“เขา…” อาเหมยต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มีฝ่ามือกดหัวของเธอจากด้านบน เขาบิดหัวของเธอจนขาดก่อนที่จะโยนมันลงไปบนพื้นเหมือนกับเป็นขยะ


 


หัวของอาเหมยกลิ้งไปกับพื้น ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ดูเหมือนกับว่าเธอยังไม่อยากตาย


 


หานเซิ่นจ้องมองไปที่คนๆนั้นและถาม “เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมเจ้าถึงฆ่าพวกเขา?”


 


คนๆนั้นดูเหมือนกับมนุษย์คนหนึ่ง นอกจากนั้นเขายังดูหนุ่มมากๆ เขาดูเหมือนจะอายุประมานยี่สิบปีเท่านั้น เขาหล่อเหลาอย่างแปลกๆ และเขาก็มีออร่าที่ยากจะอธิบาย ดวงตาของเขามีขนาดเล็กมากๆ พวกมันดูเหมือนกับดวงตาของจิ้งจอก


 


“กลุ่มพวกไร้ประโยชน์ แม้แต่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้ แบบนั้นข้าจะเก็บพวกเขาเอาไว้เพื่ออะไร?”


ชายหนุ่มเลียริมฝีปากและยิ้มให้กับหานเซิ่น “เจ้าคือพ่อของเสี่ยวฮวาสินะ ข้าไม่คาดคิดว่าคนที่ไม่ได้มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์จะได้รับการยอมรับจากฉินซิว”


 


หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มและถามอีกครั้ง “เจ้าเป็นใคร?”


 


“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร แต่ข้าต้องขอบคุณเจ้า ถ้าเจ้าไม่ได้ทำลายปราสาทศักดิ์สิทธิ์และดับตะเกียงเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่ฉินซิวสร้างขึ้นมา ข้าก็คงจะฆ่าสุนัขเฝ้ายามทั้งสี่นี่ไม่ได้”


ชายหนุ่มยิ้มให้กับหานเซิ่นและพูดต่อ “ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องฆ่าเจ้า หลังจากนั้นข้าก็จะไปตามหาตัวเฒ่าแมวและลูกชายของเจ้าเพื่อฆ่าพวกเขาซะ ข้าจะฆ่าทุกคนที่ฉินซิวฝากความหวังเอาไว้”


 


เมื่อได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็ขมวดคิ้ว เมื่อดูจากคำพูดของชายหนุ่มคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นพวกเดียวกับแมวเก้าชีวิต


 


แต่ทำไมอาเหมยถึงเตือนให้เขาระวังแมวเก้าชีวิตก่อนที่เธอจะตาย?


 


หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มและถาม “เจ้าเป็นศัตรูของฉินซิวอย่างนั้นสินะ?”


 


“ข้าเป็น แต่ในขณะเดียวกันข้าไม่ได้เป็น” ชายหนุ่มเดินลงมาจากซากปรักหักพังของปราสาทศักดิ์สิทธิ์


 


“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม


 


ชายหนุ่มหัวเราะและพูด “ฉินซิวปฏิบัติกับข้าเหมือนกับลูกศิษย์ เขาสอนวิชาจีโนให้กับข้า เขามอบทรัพยากรให้กับข้า ข้าคงจะพูดว่าเขาเป็นศัตรูของข้าไม่ได้ ความบาดหมางของพวกเรามาจากความจริงที่ว่าเขาเกลียดชังข้า เขาเย้ยหยันข้า ข้าเชื่อว่าเขาคงจะไม่คาดคิดว่าในที่สุดเซเคร็ดจะถูกทำลายด้วยฝีมือของข้า”


 


มันฟังดูเหมือนกับการหักหลัง แต่ชายหนุ่มพูดมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ มันฟังดูเหมือนกับว่านั่นเป็นบางสิ่งที่เขาภาคภูมิ


 


หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มและพูด “ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด เจ้าคือคนทรยศของเซเคร็ด”


 


หานเซิ่นเคยได้ยินมาว่ามีหลายคนที่ทรยศผู้นำเซเคร็ดก่อนที่เซเคร็ดจะล่มสลาย แต่ผู้คนที่เขาเคยพบอย่างไนน์เทาซันด์คิงและคนอื่นๆนั้นจงรักภักดีต่อผู้นำเซเคร็ดจนถึงวินาทีสุดท้าย มันทำให้เขาลืมคนพวกนั้นไป


 


“อะไร? เจ้าต้องการจะแก้แค้นแทนฉินซิวอย่างนั้นหรอ?” ชายหนุ่มมองมาที่หานเซิ่น ใบหน้าของเขากำลังยิ้ม แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


“ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเซเคร็ด และข้าก็ไม่คิดที่จะแก้แค้นแทนฉินซิว” หานเซิ่นส่ายหัว


 


ในตอนที่ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้น เขาก็หัวเราะออกมาและพูด


“ฉินซิวนะ ฉินซิว… เจ้าเป็นฮีโร่ตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่คาดคิดเลยว่าคนที่เจ้าเลือกจะเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ เจ้ามันตาถั่วจริงๆ”


 


หลังจากที่หัวเราะเสร็จ ชายหนุ่มก็มองมาที่หานเซิ่นและพูด


“น่าเสียดาย ถึงเจ้ากับข้าจะไม่ได้มีความบาดหมางกัน แต่เจ้าคือคนที่ถูกฉินซิวเลือก การตัดหญ้าแต่ไม่ถอนรากถอนโคนนั้นจะส่งผลให้พวกมันงอกขึ้นมาอีกครั้ง ฉินซิวคงจะต้องเกลียดชังและต้องการจะแก้แค้นข้า แบบนั้นข้าจะปล่อยให้คนที่เขาเลือกมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”


 


“ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการจะแก้แค้นนั้นไม่ใช่ฉินซิว แต่เป็นเจ้าต่างหาก” หานเซิ่นพูด


 


รอยยิ้มของชายหนุ่มหายไป เขาเป็นเหมือนกับสายฟ้าที่พุ่งมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น เขายื่นออกมาจับคอของหานเซิ่น


 


มีดเหตุและผลปรากฏขึ้นในมือของหานเซิ่น ใบมีดนั้นลุกโชนด้วยพลังของสปิริตศักดิ์สิทธิ์ เขาฟันมันออกใส่มือของชายหนุ่ม


 


หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังที่ส่งผ่านมีดมาถึงตัวเขา ร่างกายของเขาสูญเสียการควบคุม ซึ่งทำให้เขากระเด็นถอยออกไปด้านหลัง ขาของเขาลากไปกับพื้นหินจนเกิดเป็นรอยสองรอย


 


ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชา “นั่นก็เพราะฉินซิวตายไปก่อน เขาจึงไม่มีโอกาสได้คิดเกี่ยวกับการแก้แค้น”


 


“จริงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นกำมีดเอาไว้แน่นและร่างกายของเขาก็รวมเป็นหนึ่งกับจักรวาล


 


“เจ้าไม่มีวันเข้าใจ เจ้าก็แค่คนโง่เขลาที่ถูกใช้โดยฉินซิว”


ชายหนุ่มดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “เจ้าคงจะไม่รู้สินะว่าฉินซิวเป็นคนยังไง เจ้าคงคาดฝันว่าเจ้าจะได้แทนที่เขาและกลายเป็นผู้นำเซเคร็ดคนใหม่สินะ ข้าบอกเจ้าได้เลยว่านั่นเป็นไปไม่ได้ มันไม่สำคัญว่าจะเป็นเจ้าหรือเป็นลูกชายของเจ้าที่ฝึกร่างกายศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าเป็นแค่หมากตัวหนึ่งบนกระดาน ฉินซิวจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ในสายตาของเขา ชีวิตของเจ้าไม่มีค่าเท่าเส้นผมเส้นหนึ่งของน้องสาวเขาด้วยซ้ำ หลังจากที่พวกเจ้าถูกใช้จนพอใจแล้ว พวกเจ้าก็จะถูกโยนทิ้งเหมือนกับเป็นขยะ”


 


หานเซิ่นพูด “ฟังดูเหมือนกับว่าฉินซิวเคยทำบางสิ่งที่เลวร้ายกับเจ้า”


 


ใบหน้าของชายหนุ่มดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขากัดฟันและยิ้มออกมา


“มันไม่มีอะไรมาก! เมื่อข้าเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเหมือนกับเจ้า ข้าเป็นแค่ตัวทดลอง”


 


“แต่ข้าแตกต่างไปจากเจ้า พวกเจ้าทุกคนเป็นแค่ตัวหมาก และพวกเจ้าก็เปลี่ยนแปลงชะตากรรมที่ถูกกำหนดเอาไว้ไม่ได้ แต่ข้านั้นต่างออกไป ข้าหนีจากชะตากรรมของการเป็นแค่ตัวหมาก ข้ากลายเป็นผู้เล่นและเอาชนะฉินซิว ตอนนี้ข้ากำลังช่วงชิงความหวังสุดท้ายของฉินซิว เซเคร็ดจะไม่มีวันได้กลับมายิ่งใหญ่ ตัวเขาที่อยู่ในนรกจะทำได้แค่ร้องไห้เสียใจอย่างสิ้นหวัง” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมา


 


“ความหวังสุดท้ายของฉินซิวคืออะไร? สปิริตศักดิ์สิทธิ์น่ะหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่มีดเหตุและผลที่กำลังลุกโชน


 


ชายหนุ่มมองเขาด้วยความดูถูก “ของเสร็จแค่ครึ่งเดียวแบบนั้นจะเป็นความหวังสุดท้ายของฉินซิวได้ยังไง? ที่ข้าต้องการคือยีนโปรโตรไทป์ ฉินซิวคงจะต้องมอบยีนโปรโตรไทป์ให้กับเจ้าหรือไม่ก็ลูกของเจ้าด้วยวิธีการบางอย่าง คนตายนั้นไม่มีทางเลือก ข้าแค่ต้องฆ่าพวกเจ้าทั้งคู่ และฉินซิวก็จะกลายเป็นผู้แพ้”


 


หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน “ยีนโปรโตรไทม์? มันคืออะไร?”


 


ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้หานเซิ่น ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากหานเซิ่นไม่ถึงสิบห้าฟุต และเขายังคงเดินเข้ามาเรื่อยๆ ขณะที่เขาเดินเข้ามา เขาก็พูดขึ้นว่า “น่าขำจริงๆ เจ้าเป็นตัวหมากของฉินซิว แต่เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งว่ายีนโปรโตรไทป์คืออะไร”


 


“ถ้าพวกเราเป็นตัวหมากเหมือนกัน เจ้าจะอธิบายมันได้ไหมล่ะ?” หานเซิ่นไม่ได้ขยับไปไหนขณะที่พูด


 


“หุบปาก!” ชายหนุ่มขึ้นเสียง “ข้าเป็นตัวสำรองที่ฉินซิวสร้างขึ้นมา ข้าคือคนที่เขาทุ่มเทอย่างหนัก ส่วนเจ้าเป็นใครกัน? เจ้าไม่เหมือนกับข้า”


เขาเร่งความเร็วขึ้นเหมือนกับผีเพื่อตรงเข้าไปหาหานเซิ่น


 


ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นมือของชายหนุ่มยื่นเข้ามา เขารู้สึกว่าทั้งอวกาศถูกพลิกเมื่อเขาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มคนนี้ กาลเวลานั้นช้าลงไป ซึ่งทำให้หานเซิ่นช้าลงไปด้วย


 


“วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าเหนือกว่าฉินซิว” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างชั่วร้ายขณะที่จับคอของหานเซิ่น

 

 

 


ตอนที่ 2990 ร่างจำลอง

 

มือของชายหนุ่มกำลังจะสัมผัสคอของหานเซิ่น แต่ทันใดนั้นก็มีมีดแสงมาบล็อกเอาไว้ มีดแสงและมือปะทะกัน มันทิ้งรอยเลือดเอาไว้บนมือของชายหนุ่ม


 


“วิชามีดใต้นภาของปราสาทนภาช่างวิเศษจริงๆ” ชายหนุ่มมองรอยเลือดบนมือตัวเองและยิ้มออกมา เขาสะบัดมือ หลังจากนั้นบาดแผลบนมือของเขาก็หายไป


 


หานเซิ่นจมอยู่ในวิชาใต้นภา เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน เขาแค่มองไปที่ชายหนุ่มขณะที่ฟันมีดลงมา


 


“ดูสิว่าเจ้าจะทนได้นานสักแค่ไหนกัน” ชายหนุ่มเปลี่ยนรูปแบบการโจมตี ซึ่งกาลเวลาและอวกาศเองก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน


 


มีดของหานเซิ่นช้าลง และตำแหน่งของเขาในมิติอวกาศก็ถูกสับเปลี่ยนเช่นกัน พลังธาตุกาลเวลาและอวกาศของชายหนุ่มนั้นคลายคลึงกับร่างกายศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน


 


เมื่อก่อนในตอนที่เสี่ยวฮวาเข้าร่วมการประลองของบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน เขาก็แสดงพลังแบบนี้ออกมาเช่นกัน


 


กาลเวลาและอวกาศของร่างกายหานเซิ่นบิดเบี้ยว แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่สามารถทำลายวิชามีดของหานเซิ่นได้ ถึงเขาจะทำให้หานเซิ่นช้าลงไป เขาก็ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้อยู่ดี


 


ถึงหานเซิ่นจะตกอยู่ภายใต้พลังกาลเวลาและอวกาศ เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก เขายังคงฟันออกไปในตำแหน่งที่ไม่มีใครอยู่


 


ในตอนที่ชายหนุ่มต้องการจะโจมตีไปที่ช่องโหว่ของหานเซิ่น มีดแสงก็จะปรากฏขึ้นมาในตำแหน่งนั้นและหยุดเขาเอาไว้


 


สีหน้าของชายหนุ่มดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ เขาสังเกตได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ มิติอวกาศรอบๆตัวหานเซิ่นกำลังบิดเบี้ยว แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีของเขาก็ยังถูกมีดแสงของหานเซิ่นหยุดเอาไว้อยู่ดี


 


“ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามีดีแค่นั้น แต่เจ้ากลับบอกว่าตัวเองเหนือกว่าฉินซิว น่าขำสิ้นดี!”  หานเซิ่นพูดขณะที่กวัดแกว่งมีดของเขา


 


จริงๆแล้วหานเซิ่นกำลังรู้สึกสับสน ปีศาจสาวและคนอื่นๆบอกว่ามีเพียงแค่เสี่ยวฮวาที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ แต่เห็นได้ชัดเจนว่ามันยังมีคนอื่นที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับฉินซิวอยู่อีก ร่างกายศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่สิ่งที่หายากเหมือนอย่างที่ปีศาจสาวชักจูงให้เขาเชื่อ


 


นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นพยายามจะยั่วโมโหชายหนุ่ม เขาหวังว่าชายหนุ่มจะหลุดปากเกี่ยวกับเรื่องร่างกายศักดิ์สิทธิ์ออกมา


 


“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น” ชายหนุ่มดูโมโห ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เส้นเลือดตามร่างกายของเขาก็เริ่มปูดขึ้นมา แม้แต่เส้นเลือดฝอยของเขาก็กลายเป็นเหมือนกับงูตัวน้อยในผิวหนัง


 


“เลือดสีฟ้า” หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ


 


ขณะที่เลือดของชายหนุ่มเปลี่ยนไป ออร่าของเขาก็ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เขาดูเหมือนกับผีจากขุมนรกที่จะกินทุกสิ่งทุกอย่าง


 


“ใช่ ข้ามีเลือดสีฟ้า ฉินซิวใช้ยีนของตัวเองเป็นแม่พิมพ์และรวมมันเข้ากับยีนที่ดีกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเกิดขึ้นมา ถึงแม้เขาจะไม่ยอมรับมัน แต่ความจริงเรื่องนั่นเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ข้าเหนือกว่าเขา ข้าควรจะเป็นผู้นำเซเคร็ดตัวจริง” ชายหนุ่มเริ่มดูเหมือนกับคนบ้า


 


ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจถึงเรื่องบางอย่าง เมื่อก่อนฉินซิวเคยพยายามที่จะสร้างร่างจำลองขึ้นมา แต่เขาล้มเลิกการทำแบบนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง


 


หานเซิ่นคิดว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในตัวทดลองที่ล้มเหลวของฉินซิวทอด เมื่อเขาลองมองดูดีๆ ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นดูคล้ายกับฉินซิวมากๆ


 


ถึงพวกเขาจะดูคล้ายกัน แต่เนื่องจากออร่าของฉินซิวนั้นเป็นอะไรที่พิเศษ ชายหนุ่มไม่ได้มีออร่าที่เหมือนกับฉินซิว หานเซิ่นจึงไม่ได้สังเกตเห็นถึงความคล้ายคลึงของพวกเขา


 


ตูม!


ขณะที่หานเซิ่นกำลังสังเกตชายหนุ่ม เขาก็เห็นออร่าของชายหนุ่มที่เริ่มจะกลายเป็นของแข็ง มันทำให้ร่างกายของชายหนุ่มดูเหมือนกับคริสตัลที่โปร่งใส


 


“นั่นมัน…นั่นมันออร่าของเทพสปิริต” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่ชายหนุ่ม ออร่าที่ออกมาจากตัวอีกฝ่ายนั้นเป็นออร่าพิเศษที่มีแค่เทพสปิริตเท่านั้น


 


“ใช่แล้ว ข้ามีทั้งยีนของฉินซิวและยีนของเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่น ข้าเหนือกว่าฉินซิว ข้าเป็นผู้นำที่แท้จริงของโลกใบนี้”


ร่างกายของชายหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ชุดเกราะที่เขาสวมใส่อยู่นั้นละเหยไปโดยออร่าของเขา และร่างกายที่เปื่อยเปล่าของเขาก็เผยออกมาให้เห็น


 


ร่างกายของชายหนุ่มดูเหมือนกับคริสตัล หานเซิ่นเห็นเลือดสีฟ้าที่ไหลผ่านร่างกายของอีกฝ่าย พลังเลือดสีฟ้าและเทพสปิริตรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ออร่าของชายหนุ่มดูแปลกมากๆ เขาดูเหมือนกับมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่มนุษย์ เขาดูเหมือนกับเทพสปิริต แต่ก็ไม่ใช่เทพสปิริต


 


“ถ้าเจ้าเก่งกาจขนาดนี้ ทำไมเจ้าไม่ยึดครองจักรวาลหลังจากที่ฉินซิวตายไปแล้ว?” หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความดูถูก


 


“นั่นเป็นความผิดของฉินซิว” ชายหนุ่มพูดอย่างบ้าคลั่ง


“ถ้าเขามอบยีนโปรโตรไทป์ให้กับข้า ข้าก็คงจะปกครองโลกใบนี้ คนของเซเคร็ดและเหล่าเทพสปิริตต้องมาอยู่แทบเท้าของข้า”


 


หานเซิ่นเห็นว่าสภาพจิตใจของชายหนุ่มนั้นกำลังไม่เสถียร เขาจึงรีบถามขึ้นมา “ยีนโปรโตรไทป์คืออะไร?”


 


“มันเป็น… มันเป็นความผิดของฉินซิว…” ชายหนุ่มพูดเหมือนกับคนบ้าและคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังที่น่ากลัวของเขาปะทุเหมือนกับภูเขาไฟ


 


โดยปกติแล้วในร่างกายจะมีแค่เลือดเท่านั้นที่เป็นสีฟ้า แต่ในตอนนี้เลือดสีฟ้าของชายหนุ่มดูเหมือนจะกำลังลุกไหม้ มันทำให้ทั้งร่างกายของเขากลายเป็นสีฟ้าที่โปร่งใส เปลวเพลิงบนตัวเขาเองก็เป็นสีฟ้าเช่นกัน


 


หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย เขากลัวว่าเสี่ยวฮวาอาจจะกลายเป็นเหมือนกับชายคนนี้ หานเซิ่นได้ใช้อำนาจทุกอย่างที่มีในสหพันธ์เพื่อค้นหาเสี่ยวฮวาในก็อตแซงชัวรี่ แต่มันก็ยังไม่มีข่าวอะไร นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกกังวล


 


“ฉินซิวนะ! ฉินซิว! เจ้าทำอะไรลงไป?” หานเซิ่นเริ่มจะคิดว่าฉินซิวนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าพวกเทพสปิริตซะอีก อย่างน้อยพวกเทพสปิริตก็มีกฎที่ต้องปฏิบัติตาม แต่ฉินซิวทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เขาไม่ได้สนใจถึงผลลัพธ์จากการกระทำ และไม่มีใครหยุดเขาได้ เขาไม่มีศีลธรรม


 


เขาทั้งฆ่าเทพสปิริต ทั้งใช้เทคโนโลยีเพื่อผสมยีนของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทั้งพยายามสร้างร่างจำลองของผู้คน แม้แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ยังถูกนำมาทำเป็นอาวุธ เขานั้นฝ่าฝืนกฎของธรรมชาติ


 


ฉินซิวได้ทำสิ่งที่น่ากลัวมากมาย ซึ่งมันน่ากลัวยิ่งกว่าที่เหล่าเทพสปิริตทำซะอีก


 


ชายหนุ่มที่ตอนนี้ดูเหมือนกับเทพสปิริตคริสตัลสีฟ้าจ้องมองมาที่หานเซิ่น


“อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับฉินซิวสมควรตาย” เขาพูดแต่ละคำอย่างช้าๆ หลังจากเขาก็ยื่นมือออกมาหาหานเซิ่น ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้มิติของอวกาศที่อยู่รอบๆบิดเบือนไป


 


หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเคลื่อนไปในพลังกาลเวลาและอวกาศ และด้วยเหตุผลบางอย่างเขาก็มาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ชายหนุ่มเอื้อมมือมาจับคอของเขาเอาไว้


 


“ตายซะ!” ชายหนุ่มเต็มไปด้วยจิตสังหาร มือของเขาเต็มไปด้วยแสงสีฟ้าที่เอ่อล้นออกมา เขากำลังจะบีบคอของหานเซิ่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)