Super God Gene 2931-2940
ตอนที่ 2931 ในความมืด
เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้า หยางยวิ๋นเซิงมองไปรอบๆและพูด
“ไนน์เทาซันด์คิงและมูนชาโดว์ก็อตผ่านความมืดนี่ไปได้ยังไงกัน?”
แสงจากตะเกียงนั้นนำไปสู่ทิศทางเดียวเท่านั้น พวกเขาเดินตามพวกมันมาจนกระทั่งถึงที่นี่ แต่พวกเขากลับไม่เห็นแม้แต่เส้นผมของไนน์เทาซันด์คิงและมูนชาโดว์ก็อต นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องผ่านความมืดนี้ไปแล้ว
“มูนชาโดว์ก็อตเป็นภรรยาของโครว์สกายด็อก” ราชครูกู่เยวียนพูด
“นางจะต้องรู้เกี่ยวกับความลับของเซเคร็ด มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรที่นางจะผ่านความมืดนี้ไปได้”
“ถ้าพวกเขาผ่านความมืดนี้ไปได้ มันก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะผ่านไปไม่ได้” หยางยวิ๋นเซิงพูด
“พวกเราควรจะต้องใช้กำลังของพวกเขาฝ่าความมืดไป”
“การใช้กำลังฝ่าไปดูเหมือนจะเป็นหนทางเดียว แต่พวกเราควรจะระมัดระวังตัวให้มาก” ราชครูกู่เยวียนพูด เขาสะบัดแขนเสื้อและเอาร่มคันหนึ่งที่ดูเหมือนกับกระดูกหยกออกมา
ราชครูกู่เยวียนกางร่มออกและร่มนั้นก็เริ่มจะปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา มันครอบคลุมรัศมีสามสิบฟุตรอบๆตัวพวกเขา
“นี่คือไชนิ่งอัมเบรลล่า” ราชครูกู่เยวียนพูด
“มันมีพลังใบเสมาธาตุแสง บางทีมันอาจจะได้ผลกับความมืดพวกนี้ น้องหานจะเดินไปพร้อมกับพวกเราไหม”
เขามองไปที่พวกปลาทองตัว ก่อนจะพูดต่อ “แต่ปลาทองสองตัวนี้มีขนาดใหญ่เกินไป ไชนิ่งอัมเบรลล่าคงจะครอบคลุมพวกมันไม่ได้ทั้งหมด ทำไมพวกเราไม่ทิ้งพวกมันเอาไว้ที่นี่ก่อน น้องหานคิดว่ายังไง?”
“ขอบคุณในความหวังดีของราชครู ในเมื่อข้าพาพวกมันมาถึงที่นี่ ข้าจะไม่ทิ้งพวกมันเอาไว้เบื้องหลัง ราชครูล่วงหน้าไปก่อนเลย ข้าจะหาหนทางอื่นเพื่อผ่านความมืดนี้ไป” หานเซิ่นยังไม่อยากจะทิ้งปลาทองพวกนี้ไป
มันไม่ใช่ว่าหานเซิ่นมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพวกมันทั้งสอง แต่เนื่องจากพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตของเซเคร็ด ดังนั้นพวกมันน่าจะรู้เกี่ยวกับเซเคร็ดมากกว่าทุกคนในที่แห่งนี้
ราชครูกู่เยวียนพยายามโน้มน้าม แต่หานเซิ่นยืนกรานที่จะพาปลาทองทั้งสองไปด้วย เขาจึงยกร่มขึ้นและเดินออกไปสู่ความมืดมิดร่วมกับหยางยวิ๋นเซิงและคนอื่นๆ
หานเซิ่นเห็นใบเสมาของไชนิ่งอัมเบรลล่าปะทะกับความมืดมิด แสงของร่มนั้นดูเหมือนจะถูกลดลงไป รัศมีของมันเหลือเพียงแค่หกฟุตรอบตัวพวกเขา ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆจำเป็นต้องเบียดกันเพื่อจะได้รับการป้องกันจากไชนิ่งอัมเบรลล่า
ใบเสมานั้นสั่นไหวในความมืดเหมือนกับว่ามันสามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเดินไปถึงแสงสว่างของตะเกียงถัดไปหรือเปล่า
ระยะทางระหว่างตะเกียงทั้งสองคือหกสิบถึงเก้าสิบฟุต แต่หลังจากที่ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆก้าวออกไปเพียงไม่กี่ก้าว พวกเขาก็หายไปในความมืดมิด
หานเซิ่นมองออกไปยังตะเกียงที่อยู่อีกฝากหนึ่งของความมืดมิด เขาเห็นเพียงแค่แสงสว่างเล็กๆที่ดูเหมือนกับหิ่งห้อย เขาไม่เห็นอะไรที่อยู่ใต้แสงสว่างของตะเกียง
‘ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆแทบไม่ต้องเตรียมการอะไร ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไปสู่ความมืดมิดตรงๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเตรียมตัวมาอย่างดี แต่เราจะผ่านความมืดนี้ไปพร้อมกับพวกปลาทองได้ยังไง?’ หานเซิ่นไม่ได้มีสมบัติที่มีพลังใบเสมาธาตุแสงเหมือนอย่างราชครูกู่เยวียน
หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะนำเอาดาบโคลด์ไลท์ออกมา เขาเดินไปตรงหน้าของความมืดและฟันออกไปด้วยดาบแสงสีชมพู
เมื่อดาบแสงพุ่งออกไปในความมืดมิด พวกมันก็หายวับไปในเสี้ยววินาที พวกมันไม่ได้ก่อให้เกิดการกระเพื่อมหรือปฏิกิริยาใดๆ
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาค่อยๆยื่นปลายดาบโคลด์ไลท์ออกไปสู่ความมืดมิด เมื่อปลายดาบสัมผัสกับความมืดเพียงแค่นิดเดียว หานเซิ่นก็รู้สึกได้ว่ามันถูกบิดเบี้ยวโดยพลังบางอย่าง ดาบเกือบจะหลุดมือของเขาไป
หานเซิ่นรีบดึงดาบโคลด์ไลท์ออกมาจากความมืดและสังเกตเห็นว่ามีรอยร้าวเกิดขึ้นบนดาบ
“นั่นเป็นความมืดที่น่ากลัวจริงๆ” หานเซิ่นตกใจที่ดาบโคลด์ไลท์ที่เกือบจะดีเทียบเท่ากับอาวุธขั้นทรูก็อตยังถูกทำให้เป็นแบบนั้น ถ้าความมืดนั่นถูกร่างกายของเขาล่ะก็ มันก็ยากจะจินตนาการได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าจะผ่านความมืดนี้ไปได้ยังไง แต่จู่ๆเป่าเอ๋อที่อยู่บนไหล่ของเขาก็พูดขึ้นมา
“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อเพิ่งได้ตะเกียงหินมาไม่ใช่หรอ? ทำไมพ่อไม่ลองเอามันออกมาใช้ดูล่ะ?”
“พ่อจะลองดู” หานเซิ่นได้คิดเกี่ยวกับการใช้ตะเกียงหินนั่นแล้ว แต่เปลวไฟของตะเกียงหินนั่นแตกต่างไปจากเปลวไฟในตะเกียงพวกนี่ เขาจึงไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า แต่มันไม่ได้เสียหายอะไรที่จะลองดู
หานเซิ่นนำตะเกียงหินออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา ตะเกียงหินนั้นเหมือนกับก่อนหน้านี้ เปลวไฟของมันมีขนาดพอๆกับหัวแม่มือเท่านั้น มันไม่ได้สว่างอะไรมาก
ขณะที่ถือตะเกียงหิน หานเซิ่นก็ยื่นมันออกไปใกล้กับความมืด ในบริเวณที่แสงของตะเกียงส่องออกไป ความมืดก็ถูกขับไล่ออกไปและเกิดเป็นพื้นที่ว่างขึ้น
“มันได้ผล!” หานเซิ่นดีใจอย่างมาก เขาถือตะเกียงหินและเดินออกไปข้างหน้า
ดวงไฟของตะเกียงหินไม่ได้สว่างอะไรมากนัก แต่ในความมืดนั้นมันสามารถส่องสว่างเป็นรัศมีหลายสิบฟุต ในรัศมีของตะเกียงหิน ฟันเฟืองจักรวาลที่แตกหักกลับคืนสู่สภาพปกติ
“ดูเหมือนว่าตะเกียงหินนี่จะดีกว่าตะเกียงบนเสาหินพวกนั้น เราไม่รู้ว่าตะเกียงหินนี่คืออะไรกันแน่ มันอัศจรรย์เกินคาด” หานเซิ่นเอามือลูบตะเกียงหิน เขารู้สึกหลงรักมันมากขึ้น
พื้นที่ส่วนใหญ่นั้นสว่างขึ้นมา มันจึงไม่เป็นปัญหาอะไรที่เขาจะพาปลาทองทั้งสองไปด้วย หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นนั่งบนหลังของปลาทองตัวใหญ่ และเขาให้มันว่ายไปข้างหน้าขณะที่เขาถือตะเกียงหินเพื่อทำให้บริเวณรอบๆสว่างไสว
พลังพิษสุนัขบ้าในตัวปลาทองตัวใหญ่ไม่ได้แพร่กระจายออกไปมากกว่าเดิม แต่มันก็ไม่ได้หายไปเช่นกัน โชคดีที่เจ้าปลาทองตัวใหญ่ยังคงเข้าใจคำพูดของหานเซิ่น มันไปตามทิศทางที่หานเซิ่นบอก ขณะที่เจ้าปลาทองน้อยตามพวกเขามาติดๆ มันดูหวาดกลัวที่จะต้องเดินทางผ่านความมืด
ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไป หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงร่ำไห้ในความมืด มันฟังดูเศร้ามากๆ มันทำให้ผู้คนที่ได้ฟังรู้สึกขนลุก
“พ่อ ดูเหมือนจะมีคนกำลังร้องไห้” เป่าเอ๋อพูดขณะที่มองไปในความมืด
“ไม่ต้องไปสนใจ มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา”
หานเซิ่นยังคงถือตะเกียงหินอยู่ในมือและบอกให้ปลาทองตัวใหญ่พาพวกเขาไปสู่ตะเกียงถัดไป ตะเกียงนั้นไม่ไกลจนเกินไป ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เดินทางเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ แต่ก็ยังไปไม่ถึงตะเกียงที่ฝากหนึ่ง
หานเซิ่นคิด ‘เซเคร็ดนี่แปลกประหลาดจริงๆ ในตอนที่เราเดินตามแสงสว่างของตะเกียง ระยะทางระหว่างตะเกียงนั้นแค่หกสิบถึงเก้าสิบฟุตเท่านั้น ถึงแม้มันจะมีตะเกียงตรงกลางที่หายไป ระยะห่างมันก็ควรจะแค่ร้อยยี่สิบถึงร้อยห้าสิบฟุต ตอนนี้พวกเราเดินทางในความมืดเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ แต่ก็ยังไปไม่ถึงตะเกียงถัดไป เห็นได้ชัดว่ามันมีปัญหากับมิติอวกาศของพื้นที่บริเวณนี้’
ทันใดนั้นความมืดรอบตัวพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นใบมีดที่แหลมคำนับไม่ถ้วน พวกมันตรงเข้ามาหาหานเซิ่นจากทุกทิศทาง
“มูนชาโดว์ก็อต!” หานเซิ่นจดจำที่มาของเงาพวกนี้ได้
“เจ้าจะต้องชดใช้กับความตายของลูกชายข้า”
เสียงที่เกรี้ยวโกรธของมูนชาโดว์ก็อตดังมาจากความมืด เธอเดินทางผ่านความมืดมิด และดูเหมือนว่าเธอจะควบคุมมันได้อีกด้วย
ตอนที่ 2932 นางฟ้าแห่งความตาย
หานเซิ่นเปิดใช้อาณาเขตกาลเวลา และทำให้ใบมีดเงาที่เกือบจะมาถึงปลาทองตัวใหญ่นั้นช้าลงจนเหมือนหยุดนิ่ง
เมื่อมูนชาโดว์ก็อตเห็นว่าใบมีดเงาของเธอไม่ได้ผล ดังนั้นเธอจึงเผยตัวเองออกมาจากความมืด เธอลอยตัวอยู่ด้านหลังใบมีดเงาและมองมาที่หานเซิ่นอย่างเกรี้ยวโกรธ
“ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
หานเซิ่นพูดกลับไปว่า “มูนชาโดว์ก็อต ข้าสงสารเจ้า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เจ้าควรไปซะ”
“ไปซะ? ข้าไปก็ได้ แต่ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าจะต้องไม่รอดชีวิตไปจากที่นี่”
มูนชาโดว์ก็อตพูดบางสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล หลังจากนั้นใบมีดเงาของเธอก็กลับไปสู่ความมืดมิดและหายไป
เมื่อหานเซิ่นเห็นมูนชาโดว์ก็อตจากไปแล้ว เขาก็ให้ปลาทองตัวใหญ่ว่ายไปต่อ พวกเขาเดินทางไปอีกไม่นาน ก่อนที่พวกเขาจะเห็นรอยแยกบนพื้น
หานเซิ่นไม่รู้ว่ารอยแยกนั้นกว้างขนาดไหน เพราะแสงของตะเกียงหินนั้นไม่เผยอีกฝากหนึ่งให้เห็น เขาเห็นเพียงแค่ความมืดมิด
หานเซิ่นมองลงไปในรอยแยกและเห็นแค่ความมืดเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่ารอยแยกนั้นลึกมากขนาดไหน
หานเซิ่นไม่ต้องการจะบินในสถานที่แห่งนี้ เพราะความเสี่ยงมันสูงเกินไป ดังนั้นเขาจึงมองไปด้านซ้ายและขวาก่อนที่จะตัดสินใจให้ปลาทองตัวใหญ่ว่ายตามรอยแยกด้านซ้ายไปเรื่อยๆ
พวกเขาเดินทางเป็นสิบไมล์ แต่รอยแยกก็ยังคงไม่สิ้นสุด หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันจะยาวไปถึงไหนกันแน่
“แปลกจริงๆ ทำไมเราถึงไม่เห็นราชครูกู่เยวียนกับคนอื่นๆ?”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ราชครูกู่เยวียนนั้นนำหน้าพวกเขาออกไปเพียงไม่นาน แต่จนถึงปานนี้ เขาก็ยังคงไม่เห็นราชครูกู่เยวียนกับคนอื่น นั่นมันไม่ถูกต้อง
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด ดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งอยู่ที่ขอบของรอยแยกขนาดใหญ่ มันเป็นสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะสีดำที่เหมือนกับชุดเกราะหนักของยุโรปยุคกลาง มันกำลังนั่งอยู่ที่ขอบของรอยแยกและก้มหัวลงไปข้างล่าง
“ชื่อของข้าคือหานเซิ่น ข้าแค่ผ่านมาทางนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่สิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ
สิ่งมีชีวิตในชุดเกราะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยหัวที่ก้มต่ำ
“มันตายแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อตรวจเช็คพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ ใครจะรู้ว่าในตอนที่ออร่าตงเสวียนสัมผัสกับชุดเกราะ จู่ๆชุดเกราะสีดำก็เรืองแสงขึ้นมา มีสัญลักษณ์จำนวนมากปรากฏขึ้นทั่วชุดเกราะ ในตอนที่สัญลักษณ์แสงส่องสว่างขึ้นมา บริเวณรอบๆก็ถูกปกคลุมด้วยใบเสมา พวกหานเซิ่นถูกขังเอาไว้ในใบเสมานั้น
สัญลักษณ์ของชุดเกราะสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ และมันมีลมปราณถูกปลดปล่อยออกมาจากสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ มันเป็นลมปราณที่รุนแรงจนทำให้หานเซิ่นรู้สึกเกรงกลัว
หานเซิ่นถือตะเกียงหินในมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างชกออกไปใส่ใบเสมา แต่พลังหมัดของเขาถูกสะท้อนกลับมา มันเกือบจะทำให้เขาร่วงลงจากหลังของปลาทองตัวใหญ่
“นางฟ้าแห่งความตายถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าจะต้องตาย”
มูนชาโดว์ก็อตอยู่ด้านนอกใบเสมา เธอมองมาที่หานเซิ่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“จะบอกว่านางฟ้าแห่งความตายนี่เป็นผลงานของเจ้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่มูนชาโดว์ก็อต
“ข้าไม่กล้าจะแตะต้องนางฟ้าแห่งความตาย” มูนชาโดว์ก็อตพูด
“มันเป็นผลงานของผู้นำเซเคร็ด มันเป็นเครื่องจักรที่คอยเฝ้าสวนศักดิ์สิทธิ์ ข้าแค่ใช้กลลวงเพื่อหลอกให้เจ้ามาเจอกับมัน”
“เครื่องจักร? มันมีพลังชีวิตขนาดนี้ มันจะเป็นเครื่องจักรไปได้ยังไง? มันเป็นสิ่งมีชีวิต”
หานเซิ่นมองดูสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะด้วยความแปลกใจ มูนชาโดว์ก็อตนั้นเรียกมันว่านางฟ้าแห่งความตาย
พลังชีวิตของมันแข็งแกร่งมากๆ มันดูไม่เหมือนกับเครื่องจักรเลยสักนิดเดียว
“เจ้าไม่รู้เรื่องอะไร ผู้นำเซเคร็ดนั้นรอบรู้ในทุกสิ่ง คนอย่างเจ้าไม่มีวันจะเข้าใจ มันเป็นเครื่องจักรมีชีวิต ถ้าผู้นำเซเคร็ดต้องการ แม้แต่ก้อนหิน เขาก็เปลี่ยนให้เป็นสิ่งมีชีวิตได้”
มูนชาโดว์ก็อตพูดต่อไปว่า “ข้าแค่หวังจะแก้แค้นให้กับลูกชายของข้าด้วยมือของตัวเอง”
“ทำไมเจ้าถึงทำขนาดนี้เพื่อลูกชายแบบนั้น?” หานเซิ่นถอยหายใจ
“ไม่สำคัญว่าเขาจะเลวร้ายแค่ไหน ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของข้า เจ้าฆ่าเขา ดังนั้นเจ้าต้องชดใช้” มูนชาโดว์ก็อตมีสีหน้าที่สับสนเล็กน้อย ขณะที่เธอพยายามจะทำการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
หานเซิ่นปรารถนาจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่เขาเห็นพลังของนางฟ้าแห่งความตายเรืองแสงอย่างสว่างไสว ทันใดนั้นก็มีปีกแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา
สัญลักษณ์บนชุดเกราะนั้นทำให้มันกลายเป็นชุดเกราะกึ่งโปร่งใสและด้วยปีกแสง มันก็ทำให้นางฟ้าแห่งความตายดูเหมือนกับนางฟ้าตัวจริงที่ลงมายังโลกมนุษย์ ออร่าที่น่ากลัวนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกหนาว มันดูเหมือนกับว่าถ้านางฟ้าแห่งความตายขยับปีกแสง มิติอวกาศและความมืดมิดก็จะถูกฉีกขาดในทันที
“ใครก็ตามที่มาที่สวนศักดิ์สิทธิ์จะต้องตาย” นางฟ้าแห่งความตายพูดอย่างเย็นชาราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก หลังจากนั้นเธอก็ยกแขนขวาขึ้นเหนือหัวราวกับเป็นมีด และเปลวไฟสีขาวก็ลุกโชนขึ้นมาจากมือของเธอ
“ที่นี่ไม่ใช่สวนศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย มันดูเหมือนสวนศักดิ์สิทธิ์ตรงไหนกัน”
หานเซิ่นมองไปรอบๆ นอกจากรอยแยกขนาดใหญ่แล้ว ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือหินที่พังทลาย
ถึงแม้สวนจะถูกทำลายไป เขาก็ควรจะเห็นซากของมัน ที่นี่ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นสวนอยู่เลย
เมื่อได้ยินที่หานเซิ่นพูด นางฟ้าแห่งความตายก็หยุดชะงักไป เธอก้มหัวลงอย่างครุ่นคิด
“นี่ไม่มีทางเป็นเครื่องจักรไปได้ มันจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิต”
หานเซิ่นไม่คิดว่านางฟ้าแห่งความตายจะเป็นเครื่องจักร เพราะเครื่องจักรไม่มีทางจะครุ่นคิดอย่างที่มันกำลังทำได้
มูนชาโดว์ก็อตเย้นหยัน “เจ้าอย่าด่วนดีใจไป รอยแยกขนาดใหญ่นั่นก็คือสวนศักดิ์สิทธิ์ ที่ที่เจ้ากำลังยืนอยู่ก็คือทางเข้าสวนศักดิ์สิทธิ์”
จริงอย่างที่มูนชาโดว์พูด นางฟ้าแห่งความตายคิดอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ที่นี่คือสวนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเจ้าต้องตาย”
หลังจากนั้นมือที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีขาวก็ฟันลงมาใส่หานเซิ่น
“พ่อ ปล่อยให้หนูจัดการเอง” หานเซิ่นกำลังจะเริ่มเคลื่อนไหว แต่ทันใดนั้นเป่าเอ๋อก็พูดขึ้นมา เธอกระโดดออกจากไหลของเขา ขณะที่เธออยู่ในอากาศ ร่างกายของเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ในชั่วพริบตาเธอดูเหมือนกับนางฟ้าแห่งความตายไม่มีผิด ชุดเกราะบนตัวของเธอนั้นส่องสว่างมากๆและปีกแสงสีขาวบนหลังของเธอก็ดูใหญ่โต
ปัง!
เป่าเอ๋อยกแขนของเธอขึ้นเช่นกัน เธอลอกเลียนแบบการโจมตีของนางฟ้าแห่งความตาย พลังทั้งสองปะทะกันกลางอากาศเกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่ที่ทำลายใบเสมาของนางฟ้าแห่งความตายเปิดออก พลังของทั้งสองฝ่ายนั้นเสมอกันและไม่มีฝ่ายไหนที่ได้รับบาดเจ็บ
“นั่นเป็นไปได้ยังไง? เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? นางเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าแห่งความตายได้ยังไงกัน?” มูนชาโดว์ก็อตมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยความตกใจ
หานเซิ่นรู้ว่ามันเป็นพลังของแว่นกันแดด แว่นกันแดดนั้นมีพลังที่จะเปลี่ยนผู้สวมใส่เป็นสิ่งมีชีวิตอื่นได้ แถมหลังจากที่เปลี่ยนร่าง ผู้สวมใส่ยังจะได้รับพลังของสิ่งมีชีวิตนั้นมาด้วย แต่น่าเสียดายที่แว่นกันแดดนั้นมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง มันไม่ใช่ว่าผู้สวมใส่จะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ แว่นกันแดดสามารถเปลี่ยนผู้สวมใส่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสแกนแล้วเท่านั้น แถมการสแกนของแว่นกันแดดก็ไม่ได้รวดเร็วนัก และนอกจากต้องใช้เวลาในการสแกน การจะเปลี่ยนร่างก็ใช้พลังงานที่สูง มันจึงมีเวลาที่จำกัดอีกด้วย
ตอนที่ 2933 สวนศักดิ์สิทธิ์
เป่าเอ๋อที่ใช้แว่นกันแดดเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าแห่งความตายนั้นเหมือนกับนางฟ้าแห่งความตายตัวจริงทุกอย่าง การต่อสู้จึงเป็นไปอย่างดุเดือดและยากที่จะบอกว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ
หานเซิ่นไม่ได้มัวดูการต่อสู้ของเป่าเอ๋อกับนางฟ้าแห่งความตาย ขณะที่เขานั่งถือตะเกียงหินอยู่บนหลังของปลาทองตัวใหญ่ เขาก็ใช้มืออีกข้างฟันมีดเหตุและผลออกไปในทิศทางของมูนชาโดว์ก็อต
มูนชาโดว์ก็อตต้องการจะหนีกลับเข้าไปในความมืด แต่เธอพบว่าถึงเธอจะรีบหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด แต่เธอก็เคลื่อนที่ไปได้แค่ระยะสั้นๆเท่านั้น มันเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ขยับเขยื้อนไปแม้แต่นิดเดียว
หานเซิ่นรู้ว่ามูนชาโดว์ก็อตหนีเก่ง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้อาณาเขตกาลเวลาเพื่อหยุดเธอเอาไว้ รัศมีของอาณาเขตกาลเวลานั้นค่อนข้างแคบ นอกซะจากศัตรูจะมาอยู่ใกล้ๆ มันก็ยากที่เขาจะจำกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้
โชคดีที่ก่อนหน้านี้มูนชาโดว์ก็อตคิดว่าหานเซิ่นคงจะถูกนางฟ้าแห่งความตายฆ่าตาย แถมมันยังมีใบเสมากั้นระหว่างพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเข้ามาใกล้ๆ เธออยากจะเห็นหานเซิ่นถูกฆ่าตายอย่างใกล้ชิด
แต่ในตอนที่เป่าเอ๋อเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าแห่งความตายและปะทะกับนางฟ้าแห่งความตายตัวจริง ใบเสมาก็พังทลายลง หานเซิ่นจึงใช้จังหวะนั้นเพื่อปลดปล่อยอาณาเขตกาลเวลาออกไปครอบคลุมมูนชาโดว์ก็อต
มูนชาโดว์ก็อตไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ แต่ในตอนที่มีดลมปราณของหานเซิ่นพุ่งไปถูกมูนชาโดว์ก็อต มันก็เหมือนกับว่าเขาฟันไปถูกเงา มีดลมปราณนั้นพุ่งผ่านตัวเธอไป เขาไม่สามารถสร้างความเสียหายกับเธอได้
หานเซิ่นลองฟันอยู่หลายครั้ง แต่ผลที่ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง เขาไม่สามารถแตะต้องร่างกายของมูนชาโดว์ก็อตได้
มูนชาโดว์ก็อตพูดเย้ยหยัน “อาณาเขตกาลเวลาที่ทรงพลังแบบนั้น เจ้าจะใช้มันได้อีกนานสักแค่ไหนกัน? ในตอนที่อาณาเขตกาลเวลาหายไป มันจะถึงเวลาที่ข้าจะแก้แค้นให้กับลูกชายของข้า”
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสแบบนั้น” หานเซิ่นตอบ เขาวางตะเกียงหินลงตรงหน้าและนำเอาโล่เมดูซ่าส์เกซออกมา
แสงประหลาดถูกส่องออกจากดวงตาของผู้หญิงบนโล่และผ่านเปลวไฟของตะเกียง แสงที่ถูกย้อมเป็นสีขาวนั้นพุ่งต่อไปหามูนชาโดว์ก็อตที่ถูกหยุดเอาไว้โดยอาณาเขตกาลเวลา เธอไม่สามารถเคลื่อนตัวหลบได้ เธอจำเป็นต้องรวบรวมพลังเพื่อต่อสู้กับมัน
แต่โล่เมดูซ่าส์เกซเป็นถึงอาวุธขั้นทรูก็อตและยังได้รับพลังเสริมจากเปลวไฟของตะเกียงหิน ทำให้เธอไม่สามารถต้านทานมันได้ มันแช่ร่างกายของมูนชาโดว์ก็อตให้แข็งกลายเป็นหิน
หานเซิ่นเลิกสนใจมูนชาโดว์ก็อตและหันมาดูเป่าเอ๋อที่กำลังต่อสู้กับนางฟ้าแห่งความตาย เขาสังเกตเห็นว่าเป่าเอ๋อกำลังได้เปรียบศัตรู เธอกำลังไล่ต้อนนางฟ้าแห่งความตายให้จนมุม
ในกรณีที่พลังและวิชาจีโนเหมือนกัน เป่าเอ๋อที่เรียนรู้วิชาการต่อสู้มาจากหานเซิ่นจึงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ การควบคุมจังหวะการโจมตีและความเข้าใจการต่อสู้ของเธอนั้นเรียกได้ว่าไร้ที่ติ อย่างน้อยๆมันก็เหนือกว่านางฟ้าแห่งความตาย เธอจึงเอาชนะนางฟ้าแห่งความตาย ซึ่งมีพลังเหมือนกันกับนางได้
เป่าเอ๋อฟันถูกอกของนางฟ้าแห่งความตาย เธอตัดชุดเกราะบริเวณอกของนางฟ้าแห่งความตายจนเปิดออก หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าในชุดเกราะของนางฟ้าแห่งความตายนั้นไม่ได้เป็นเนื้อหนัง มันเป็นแสงสีขาว
‘มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริงๆหรอเนี่ย’ หานเซิ่นคิด
‘ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้นำเซเคร็ดทำเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะสร้างเครื่องจักรที่ทรงพลังขนาดนี้ขึ้นมาได้ ถ้าเขาสร้างนางฟ้าแห่งความตายได้เป็นจำนวนมาก มันก็เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะยึดครองจักรวาลนี้’
นางฟ้าแห่งความตายได้รับบาดเจ็บ แต่มันยังไม่ยอมแพ้ ดูเหมือนกับว่านางฟ้าแห่งความตายไม่รู้จักความเจ็บปวดหรือความกลัว มันยังคงต่อสู้กับเป่าเอ๋อต่อไป
หานเซิ่นตัดหัวของนางฟ้าแห่งความตาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงไม่ตาย ไฟสีขาวลุกโชนจากคอของมันและมันยังคงต่อสู้กับเป่าเอ๋อต่อไป
เป่าเอ๋อฟันใส่อกของนางฟ้าแห่งความตายจนเปิดออกและเผยให้เห็นคริสตัลสีขาวที่อยู่ภายใน
เป่าเอ๋อบินเข้าไปหาศัตรูและดึงคริสตัลนั้นออกมา ทันใดนั้นเปลวไฟสีขาวของนางฟ้าแห่งความตายก็ดับไป ชุดเกราะนั้นแตกกระจายออกเป็นหลายๆส่วน
“พ่อ” เป่าเอ๋อบินกลับมาพร้อมกับคืนร่างเดิมของเธอ เธอดูเหนื่อยมากๆ ดูเหมือนว่าเธอจะใช้แว่นกันแดดมากเกินไป
หานเซิ่นรีบรับเธอไว้ เป่าเอ๋อเป็นเหมือนกับแมวในอ้อมแขนของเขา เธอเกือบจะหลับไปในทันที
หานเซิ่นแทบจะไม่เคยเห็นเป่าเอ๋อเหนื่อย ‘การใช้แว่นกันแดดดูจะกินพลังมาก แม้แต่เป่าเอ๋อก็ยังใช้มันเป็นเวลานานไม่ได้’
หานเซิ่นหยิบคริสตัลของนางฟ้าแห่งความตายมาจากมือของเป่าเอ๋อและสังเกตเห็นว่ามันเป็นคริสตัลที่มีหลายด้าน รูปร่างของมันคล้ายคลึงกับรูปไข่ มันเรืองแสงจากภายในและปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา
“สิ่งนี้ทำขึ้นมาจากอะไรกัน ถ้ามันไม่มีเสียงประกาศดังขึ้นมา มันก็คงจะไม่ใช่ยีนซีโน่เจเนอิค” หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าคริสตัลนี้คืออะไร ดังนั้นเขาจึงเก็บไปก่อน
ในตอนที่หานเซิ่นกำลังจะไปจากที่นั่น เขาก็นึกเกี่ยวกับสิ่งที่มูนชาโดว์ก็อตพูด เธอบอกว่ารอยแยกใหญ่นี้คือทางเข้าของสวนศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นคิด ‘ไม่รู้ว่าสวนศักดิ์สิทธิ์นั้นคือสถานที่แบบไหน แต่ถ้าผู้นำเซเคร็ดให้นางฟ้าแห่งความตายคอยเฝ้ามันเอาไว้ นั่นก็หมายความว่ามันจะต้องมีบางสิ่งที่สำคัญอยู่ ในเมื่อนางฟ้าแห่งความตายที่คอยเฝ้าทางเข้าตายไปแล้ว บางทีเราก็ควรจะเข้าไปดูว่าสวนศักดิ์สิทธิ์นั้นคืออะไร บางทีเราอาจจะพบเบาะแสบางอย่าง’
หานเซิ่นเข้ามาในเซเคร็ดเพื่อตามหาเสี่ยวฮวา นอกจากนั้นเขายังต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเซเคร็ดให้มากขึ้น ในเมื่อมันมีสถานที่ที่สำคัญมาอยู่ตรงหน้า เขาจะไม่ลองไปสำรวจดูได้ยังไงกัน
หานเซิ่นถือตะเกียงหินและส่องแสงลงไปในรอยแยกขนาดใหญ่ แสงนั้นลงไปไม่ถึงก้น ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถบองได้ว่ามันลึกขนาดไหน
หานเซิ่นถือตะเกียงหินและลงไปในรอยแยกอย่างระมัดระวัง หลังจากที่บินลงไปเป็นระยะสั้นๆ เขาก็สามารถยืนยันได้ว่ามันไม่มีอันตรายอะไร หลังจากนั้นเขาก็ให้พวกปลาทองบินตามลงมา
หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อที่กำลังหลับอยู่เอาไว้และขึ้นไปบนหลังของปลาทองตัวใหญ่ ข้างล่างนี้มันมืดสนิท ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่กล้าให้ปลาทองตัวใหญ่บินลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วเกินไป พวกเขาค่อยๆลงไปอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็เห็นแสงสว่างของบางสิ่ง
“ตะเกียง…” หานเซิ่นจ้องไปที่แสงสว่างสักพักและสังเกตเห็นว่ามันส่องสว่างมาจากตะเกียงสองอัน
หานเซิ่นให้ปลาทองตัวใหญ่บินเข้าไปหาตะเกียงทั้งสอง และเมื่อเข้าไปใกล้ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าระหว่างตะเกียงทั้งสองมีประตูบานหนึ่งอยู่ มันมีขนาดใหญ่เหมือนกับประตูทางเข้าของเซเคร็ด
หานเซิ่นสังเกตเห็นป้ายเหนือประตู ซึ่งอ่านได้ว่า “สวนศักดิ์สิทธิ์”
ประตูนั้นกำลังเปิดออก แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ในประตูนั้นไม่ได้พังทลาย เขาเห็นว่าภายในสวนศักดิ์สิทธิ์มีตะเกียงอยู่เป็นจำนวนมาก มันทำให้พื้นที่ข้างในนั้นสว่างไสวทั้งหมด
สวนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีทั้งศาลา เนินเขา ดอกไม้และต้นหญ้า มันดูงดงามมากๆ การต่อสู้ดูเหมือนจะมาไม่ถึงสถานที่แห่งนี้ มันอยู่ในสภาพดีอย่างน่าประหลาดใจ
ในตอนที่หานเซิ่นมองไปที่ศาลา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มันมีใครบางคนกำลังนั่งอยู่ในศาลา
ตอนที่ 2934 ศาลา
คนๆนั้นกำลังหันหน้าไปอีกทาง เขากำลังเอนหลังพิงรั้วของศาลา ดูเหมือนว่าเขากำลังชื่นชมดอกไม้ใบหญ้ารอบๆ
“ชื่อของข้าคือหานเซิ่น ข้าเข้ามาที่นี่โดยอุบัติเหตุ ถ้าการเข้ามาโดยพลการของข้าเป็นการล่วงละเมิดเจ้า ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย” หานเซิ่นพูด
หลังจากที่เผชิญหน้ากับนางฟ้าแห่งความตาย หานเซิ่นก็ไม่กล้าใช้ออร่าตงเสวียนสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ในสถานที่อันตรายแบบนี้เขาไม่ควรทำอะไรที่ไม่มั่นใจ
คนๆนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ทำอะไร มันเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินที่หานเซิ่นพูด
หานเซิ่นพูดอีกหลายครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น แต่คนๆนั้นก็ยังคงไม่ตอบสนองอะไร หานเซิ่นคิดว่ามันแปลกๆ ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในสวนและถาม
“เจ้ากำลังมีปัญหาบางอย่างงั้นหรอ? ต้องการความช่วยเหลือไหม?”
ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว เขาก็ไม่คิดจะจากไปโดยที่ไม่ได้สำรวจอะไรเลย ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าต้นไม้ ดอกไม้และต้นหญ้าในสวนนั้นเป็นอะไรที่พิเศษ แต่เมื่อเขามาดูใกล้ๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าพวกมันเป็นแค่พืชที่ธรรมดาๆ มันไม่ใช่พืชซีโน่เจเนอิคด้วยซ้ำ
หานเซิ่นเดินไปรอบเพื่อยืนยันถึงเรื่องนั้น สวนศักดิ์สิทธิ์นั้นงดงามมากๆ แต่สิ่งที่อยู่ภายในเป็นอะไรที่ธรรมดาๆ มันไม่เหมือนกับสวนที่หานเซิ่นจินตนาการเอาไว้
“ผู้นำเซเคร็ดสร้างนางฟ้าแห่งความตายที่น่ากลัวนั่นขึ้นมาเพื่อปกป้องที่แห่งนี่ แบบนั้นมันจะเป็นสถานที่ที่ธรรมดาๆไปได้ยังไง?” หานเซิ่นมองคนที่อยู่ในศาลาอีกครั้ง
คนๆนั้นยังคงไม่พูดอะไร เขาแค่นั่งอยู่เฉยๆ มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังชมวิวของสวน เขาดูจะไม่สนใจหานเซิ่นเลยแม้แต่นิดเดียว
“เจ้ามานั่งชมดอกไม้ตามลำพังแบบนี้ไม่น่าเบื่อหรือยังไง? ให้ข้านั่งเป็นเพื่อนเอาไหม?”
หานเซิ่นเดินเข้าไปที่ศาลา หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าคนๆนั้นเป็นผู้หญิง เธอสวมใส่ชุดหลวมๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้หานเซิ่นไม่รู้สึกตัวก่อนหน้านี้
มันมีโต๊ะหินตัวหนึ่งอยู่ในศาลา และบนโต๊ะมีสิ่งที่ดูเหมือนกับหม้อหิน ซึ่งในหม้อมีเนื้อกำลังถูกต้มอยู่
น้ำซุปในหม้อนั้นกำลังเดือดปุดๆ ในตอนที่หานเซิ่นเดินไปใกล้ เขาก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อ เขาอดไม่ได้ที่จะมีน้ำลายไหลออกมา
นอกจากหม้อหินแล้ว มันยังมีขวดไวน์วางเอาไว้ แต่มันไม่มีแก้วไวน์อยู่
“ดื่มคนเดียวมันจะสนุกอย่างนั้นหรอ? ทำไมเจ้าไม่ให้พวกข้าดื่มเป็นเพื่อน? การที่พวกข้าพ่อลูกมาพบกับเจ้าที่นี่คงจะต้องเป็นเพราะโชคชะตา แบบนั้นทำไมเจ้ากับข้าไม่มาดื่มด้วยกัน?”
หานเซิ่นเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ดังนั้นเขาจึงบอกให้ปลาทองตัวใหญ่และปลาทองตัวน้อยรออยู่ด้านนอก ขณะที่เขาอุ้มเป่าเอ๋อเดินเข้าไปในศาลา
ดวงตาของพ่อลูกสาวจ้องมองไปที่เนื้อในหม้ออย่างไม่กระพริบ พวกเขาไม่รู้ว่าเนื้อในหม้อนั่นเป็นเนื้อแบบไหน แต่กลิ่นของมันหอมมากๆ แม้แต่เป่าเอ๋อที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นของมัน
กว่าจะมาถึงที่นี่พวกเขาต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก ท้องของพวกเขานั้นว่างมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นเนื้อที่แสนอร่อยอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ไม่สามารถอดกลั้นความอยากเอาไว้ได้
แต่ถึงพ่อและลูกสาวต้องการจะกินเนื้อในหม้อ พวกเขาก็ไม่ใช่เจ้าของของมัน พวกเขาไม่กล้าจะกินมันโดยพละการ พวกเขาหันไปมองผู้หญิงในศาลาโดยต้องการจะรู้ว่าเธอเป็นใคร
หลังจากที่หานเซิ่นมองเธอจากด้านหน้า ในที่สุดเขาก็ได้เห็นใบหน้าของเธอ เมื่อได้เห็น เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
ผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่ได้มีชีวิต มันเป็นเพียงแค่รูปปั้นเท่านั้น แต่มันเป็นรูปปั้นที่ดูเหมือนจริงมากๆ รูปปั้นกำลังสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกับของมนุษย์ ถ้าพวกเขาไม่ได้มาเห็นใบหน้าของมัน พวกเขาก็คงจะไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือรูปปั้น
แต่สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นตกใจนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงในศาลาเป็นรูปปั้น มันเป็นเพราะใบหน้าของรูปปั้นดูเหมือนกับหว่านเอ๋อร์ผมทอง รูปร่างของมันเหมือนกับของหว่านเอ๋อร์ไม่มีผิด
“สวนศักดิ์สิทธิ์ของผู้นำเซเคร็ดมีรูปปั้นของหว่านเอ๋อร์อยู่ นั่นหมายความว่าหว่านเอ๋อร์เกี่ยวข้องกับผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? นี่หมายความว่าพี่ชายหว่านเอ๋อร์ก็คือผู้นำเซเคร็ด?” หานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นด้วยความแปลกใจ
เขาสังเกตเห็นว่ารูปปั้นหว่านเอ๋อร์กำลังถือแก้วไวน์อยู่ในมือ และในแก้วนั้นก็มีไวน์อยู่ หานเซิ่นได้กลิ่นของมัน
“เดี๋ยวก่อนนะ…” จู่ๆหัวใจของหานเซิ่นก็เต้นรัว
ถึงแม้แก้วไวน์จะเป็นส่วนหนึ่งของรูปปั้นอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ควรจะมีไวน์อยู่ในแก้วและขวดไวน์อยู่บนโต๊ะ นอกจากนั้นมันยังมีเนื้อที่กำลังถูกต้มอยู่ในหม้อที่มีน้ำเดือดปุดๆอีก
“นี่มันไม่ถูกต้อง ถ้ามันเป็นแค่รูปปั้นจริงๆ ไวน์และเนื้อพวกนี้มาจากที่ไหนกัน? นี่มีใครบางคนเข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์และวางไวน์กับเนื้อเอาไว้ที่นี่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปรอบๆพร้อมกับใช้ออร่าตงเสวียน
ถึงแม้สวนศักดิ์สิทธิ์ของเซเคร็ดจะมีชื่อเสียง แต่สถานที่จริงก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก หานเซิ่นสามารถสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างในสวนศักดิ์สิทธิ์ด้วยออร่าตงเสวียน แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตของใครได้เลย
‘คนที่อยู่ที่นี่สังเกตเห็นพวกเราเลยรีบหนีออกไปจากที่นี่โดยใช้ประตูหลังอย่างนั้นหรอ?’ ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดอยู่นั้น เป่าเอ๋อก็ได้วิ่งไปนั่งลงบนหนึ่งในเก้าอี้หินเรียบร้อยแล้ว เธอเอาช้อนคันหนึ่งออกมาจากไหนก็ไม่รู้และเริ่มตักเนื้อขึ้นมากิน
“มันรสชาติอร่อยมาก!” เป่าเอ๋อกินเนื้ออย่างมีความสุข ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของดีมากๆ
หานเซิ่นตัดสินใจจะกินด้วยเช่นกัน เขานั่งลงตรงหน้าโต๊ะหิน เป่าเอ๋อใช้ช้อนของเธอตัดเนื้อขึ้นมาจากหม้อและยกมันขึ้นมาที่ปากของหานเซิ่น
“พ่อควรจะลองกินมันดู มันอร่อยมากจริงๆ มันดีกว่าอาหารที่แม่ทำซะอีก”
“ไหนให้พ่อลองสิ” หานเซิ่นรู้ว่าเป่าเอ๋อนั้นชอบกิน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเธอจะกินทุกอย่างที่เห็น ถ้ามันมีปัญหาบางอย่างกับเนื้อในหม้อ เป่าเอ๋อก็จะเป็นคนแรกที่บ่นขึ้นมา ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้กังวลว่ามันจะมีปัญหากับอาหารในหม้อ
หานเซิ่นกินเนื้อเข้าไปคำหนึ่งและพบว่ามันนุ่มมากๆ มันเต็มไปด้วยไขมัน แต่มันก็ไม่ได้มากจนเกินไป มันละลายในปากแต่ก็ยังมีความกรุบกรอบ
“มันไม่เลวจริงๆ” หานเซิ่นเอยชมมันเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินเนื้อที่ดีขนาดนี้
“ยีนระดับเทพเจ้า+1…” ขณะที่หานเซิ่นชื่นชมมัน จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นมา
“โอ้มายก็อด… เนื้อในหม้อนี่เป็นของสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตอย่างนั้นหรอ? ใครกันที่ใจกว้างขนาดที่มาต้มเนื้อซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตและทิ้งมันไว้ที่นี่?” หานเซิ่นรู้สึกว่านี่มันไม่ถูกเท่าไหร่
แม้แต่ผู้คนที่ยิ่งใหญ่อย่างผู้นำเผ่าเวรี่ไฮและผู้นำปราสาทนภาก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยแบบนี้ พวกเขาจะไม่ต้มเนื้อซีโน่เจเนเอิคขั้นทรูก็อตและมอบมันให้กับคนอื่น ถึงแม้พวกเขาจำเป็นต้องไปจากที่นี่ พวกเขาก็จะเอาเนื้อติดไปด้วย
หานเซิ่นได้ใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อสแกนดูบริเวณรอบๆเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ไม่พบอะไร นอกจากพวกเขาแล้ว ในสวนก็มีแค่รูปปั้นของหว่านเอ๋อร์เท่านั้น
เป่าเอ๋อดูจะไม่สนใจว่าเนื้อและไวน์พวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เธอกำลังกินและดื่มอย่างสนุกสนาน
หานเซิ่นไม่พบอันตรายใดๆ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องแปลกที่อาหารพวกนี้ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่ แต่มันถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขาที่เนื้อพวกนี้สามารถเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าได้
ร่างของมังกรเกล็ดดำนั้นใหญ่เกินไป หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลาอีกนานสักเท่าไหร่กว่าที่เขาจะกินมันจนหมด แต่ทว่าต้องขอบคุณเนื้อในหม้อนี่ เขาแค่จำเป็นต้องกินมันเข้าไปคำเดียวเพื่อจะเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าหนึ่งยีน นี่เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขา
ตอนที่ 2935 เนื้อในหม้อ
หานเซิ่นเห็นเป่าเอ๋อกำลังกินเนื้อและดื่มไวน์อย่างตะกละตะกลาม เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “เหลือไว้ให้พ่อบ้าง”
“หนูเหลือเนื้อชิ้นใหญ่เอาไว้ให้พ่อ” เป่าเอ๋อตักเนื้อชิ้นใหญ่ขึ้นให้กับหานเซิ่น
“เป่าเอ๋อ หนูเป็นเด็กดีจริงๆ” หานเซิ่นใช้มือรับเนื้อเอาไว้
“พ่อควรจะลองดื่มไวน์นี่ด้วย มันรสชาติดีมากเหมือนกัน” เป่าเอ๋อส่งขวดไวน์ให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นยกมันขึ้นมาดื่มและพบว่ามันมีรสชาติหวานมาก ไวน์นี้ไม่ใช่แค่ยอดเยี่ยม มันยิ่งกว่าเหมาะสมที่จะดื่มคู่กับเนื้อชั้นดีพวกนี้
ขณะที่ดื่มไวน์เข้าไป หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นในหัว
“ยีนระดับเทพเจ้า+1”
‘โอ้มายก็อด! ไวน์นี่ก็เพิ่มยีนระดับเทพเจ้าให้กับเราเหมือนกัน?’
หานเซิ่นตกใจ หลังจากที่เขากินชิ้นเนื้อเข้าไปอีกชิ้น มันก็มีเสียงประกาศดังขึ้นมา ตอนนี้เมื่อเขาดื่มไวน์เข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นมาอีก
“เราโชคดีจริงๆ…” หานเซิ่นดีใจอย่างมาก
พ่อและลูกสาวกินดื่มกันอย่างรื่นเริง ในเวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็กินเนื้อในหม้อและดื่มไวน์จนหมด เป่าเอ๋อยกหม้อขึ้นมาทั้งหม้อและดื่มน้ำซุปทั้งหมดเข้าไปในอึกเดียว หลังจากนั้นเธอก็ยื่นลิ้นออกมาเลียของเหลวที่เปื้อนอยู่ใบหน้าของเธอจนหมด ดูเหมือนกับว่าเธอยังอยากจะกินอีก
ถึงแม้หานเซิ่นจะยังกินไม่เต็มอิ่ม แต่เขาก็เก็บยีนระดับเทพเจ้าจนครบหนึ่งร้อยแล้ว เขาจึงไม่โลกมากอีก
หานเซิ่นเอนหลังพิงรั้วของศาลาอย่างพึงพอใจ เป่าเอ๋อเอามือลูบท้องของเธอขณะที่เอนตัวถัดไปจากเขา
“ไวน์และเนื้อนี่ดีมากๆ แต่ไม่รู้ว่าเราจะทำมันขึ้นมาด้วยตัวเองได้ยังไง ถ้าทำได้ เราก็คงจะได้กินมันทุกๆวัน” หานเซิ่นพูด
“ถ้าหนูได้กินเนื้อและดื่มไวน์ดีๆแบบนี้ทุกวัน หนูก็ยินดีจะอยู่ที่นี่ตลอดไป” เป่าเอ๋อดูแอบหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พ่อจดจำรสชาติของพวกมันได้” หานเซิ่นพูด
“ในตอนที่พวกเรากลับไปที่บ้าน พวกเราจะจ้างพ่อครัวมาลองทำมันขึ้นมา”
หานเซิ่นคิดว่าถ้าพ่อครัวคนเดียวไม่สามารถจำลองรสชาตินี้ได้ เขาก็จะจ้างพ่อครัวฝีมือดีทุกคนในสหพันธ์ เพื่อจะได้มีโอกาสลิ้มรสชาตินี้อีกครั้ง
“ดีเลย แบบนั้นหนูก็จะได้กินเนื้อและดื่มไวน์รสชาติดีแบบนี้ทุกๆวัน” เป่าเอ๋อดีใจกับเรื่องนั้น
พ่อและลูกสาวนั่งเอนหลังพิงกำแพงและคิดเกี่ยวกับการได้กินเนื้อและดื่มไวน์ดีๆแบบนี้ตลอดไปในอนาคตข้างหน้า มันถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว พวกเขาไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง
มันถือเป็นเรื่องยากที่จะหาสถานที่ปลอดภัยแบบนี้ในเซเคร็ด พวกเขาจึงต้องการจะฟื้นฟูพลังงานของตัวเองให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป่าเอ๋อ แว่นกันแดนที่เธอใช้นั้นกินพลังงานจำนวนมาก มันจึงเป็นเรื่องดีที่เธอจะได้หยุดพัก
หลังจากที่เธอได้กินเนื้อเข้าไป สภาพของเธอก็ดูดีขึ้นมาก เธอไม่ได้ดูเหนื่อยล้าเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว
หานเซิ่นหลับตาลงขณะที่เอนหลังพิงกับรั้วของศาลา เป่าเอ๋อนอนหลับข้างหานเซิ่นขณะที่ลูบหน้าท้องของเธอ เธอดูจะอิ่มหนําสําราญ
ตลอดเวลาที่หานเซิ่นและเป่าเอ๋อกินดื่มกันอย่างรื่นเริงนั้น ปลาทองตัวใหญ่และปลาทองน้อยต้องรออยู่ด้านนอกศาลา ถึงแม้ปลาทองน้อยอยากจะมากินด้วย แต่หม้อหินนั้นมีขนาดเล็กเกินไป มันแทบจะไม่พอทำให้หานเซิ่นและเป่าเอ๋ออิ่มท้อง ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้แบ่งให้กับพวกมัน
หลังจากผ่านไปสักพัก จู่ๆจมูกของหานเซิ่นได้กลิ่นหอมของเนื้อโชยมาอีก เขาคิด ‘เนื้อนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงพวกเราจะกินหมดไปนานแล้ว แต่มันก็ยังคงมีกลิ่นหอมหลงเหลืออยู่’
ไม่นานก่อนที่สีหน้าของหานเซิ่นจะเปลี่ยนไป เขาได้ยินเสียงเดือดของน้ำ ถึงแม้มันจะไม่ได้ดังมาก แต่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
หานเซิ่นลืมตาขึ้นมาและมองไปที่หม้อหินที่อยู่บนโต๊ะหิน เขาเห็นว่าหม้อหินที่ถูกเป่าเอ๋อดื่มน้ำซุปไปจนหมดแล้วนั้นมีเนื้อและน้ำซุบมาเพิ่มอีก
“หม้อเนื้ออีกหม้อหนึ่ง!” เป่าเอ๋อทั้งตกใจและดีใจ
หานเซิ่นไม่ได้ดีใจเหมือนอย่างเป่าเอ๋อ สถานการณ์มันไม่ปกติ หม้อหินอยู่ข้างพวกเขาตลอดเวลา แบบนั้นมันจะมีเนื้อและน้ำซุบมาอยู่ในหม้อได้ยังไง?
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขารีบหยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาดู และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ขวดไวน์ที่ดื่มไปจนหมดแล้วนั้นมีไวน์มาเพิ่มอีก
“นี่มันอะไรกัน?” หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนสแกนสวนศักดิ์สิทธิ์อีกหลายครั้ง แต่เขาก็ยังคงไม่พบอะไร
สายตาของหานเซิ่นไปหยุดอยู่ที่รูปปั้นหยก มันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและมองออกไปด้านนอกสวนขณะที่ถือแก้วไวน์เอาไว้ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“นี่มันแปลกจริงๆ ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้ได้โดยที่เราไม่รู้สึกตัว?”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เป่าเอ๋อก็ได้ยกช้อนขึ้นมาและเตรียมจะตักเนื้อขึ้นมากินแล้ว
หานเซิ่นต้องการจะหยุดเป่าเอ๋อเอาไว้และบอกเธอว่าอย่าเพิ่งกิน แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากทางเข้าสวนศักดิ์สิทธิ์
“หานเซิ่น ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
หานเซิ่นหันหน้าไปมองและเห็นว่าคนที่เข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์คือหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าที่ติดตามราชครูกู่เยวียน ชื่อของเขาคือหยางยวิ๋นเซิง
“ทำไมนายมาคนเดียว? ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆอยู่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นมองไปที่หยางยวิ๋นเซิงด้วยความสับสน
หยางยวิ๋นเซิงดูขมขื่นขณะที่พูดขึ้นว่า “ข้าไม่อยากจะพูดเกี่ยวกับมัน ในตอนที่ราชครูกู่เยวียนพาพวกเราเข้าไปในความมืด พวกเราคิดว่าจะไปถึงตะเกียงที่อยู่ข้างหน้าได้ แต่ถึงพวกเราจะเดินไปหลายร้อยไมล์ พวกเราก็ยังคงอยู่ในความมืด หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงของบางสิ่งเข้ามาใกล้ มันโจมตีใส่ใบเสมาของไชนิ่งอัมเบรลล่า ราชครูกู่เยวียนจึงให้พวกเราถือร่มเอาไว้ ขณะที่เขาวิ่งออกไปจากการป้องกันของร่มเพื่อต่อสู้กับศัตรู”
หานเซิ่นไม่พูดอะไร เขารู้ว่ามันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ไม่อย่างนั้นหยางยวิ๋นเซิงก็คงจะไม่มาที่นี่ตามลำพัง
หยางยวิ๋นเซิงพูดต่อ “พวกเราทั้งสี่คนถือไชนิ่งอัมเบรลล่าเอาไว้ ขณะที่พวกเราพยายามจะไปให้ถึงแสงสว่างของตะเกียงต่อไป ก็มีบางสิ่งมาโจมตีใส่ใบเสมาของไชนิ่งอัมเบรลล่าอีกครั้ง และหลังจากที่ถูกโจมตีเข้าหลายครั้ง ในที่สุดไชนิ่งอัมเบรลล่าก็ถูกทำลาย ข้าไม่เห็นว่าสิ่งที่โจมตีพวกเราคืออะไรกันแน่ แต่พลังของมันส่งข้ากระเด็นออกไป มันทำให้ข้าตกลงไปในความมืดมิด ข้ารู้สึกราวกับว่าตัวเองตกลงไปในเหวลึก”
“พลังของความมืดนั้นเป็นเหมือนกับเครื่องบด ข้าพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อต้านมันเอาไว้ แต่ข้าป้องกันมันไม่ได้ แม้แต่สมบัติป้องกันตัวของข้าก็ถูกทำลายไป ในตอนที่ข้าคิดว่าต้องตายแน่ๆ ข้าก็หล่นลงมาในบริเวณที่มีแสงสว่างของตะเกียง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในความมืดไม่ได้แสดงตัวออกมาอีกครั้ง แต่ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังมองมาที่ข้าจากในความมืด แต่ดูเหมือนมันจะไม่กล้าเข้ามาในแสงสว่างของตะเกียง”
ขณะที่หยางยวิ๋นเซิงพูด ตัวของเขาก็สั่นรัว เขามองไปรอบๆสวนศักดิ์สิทธิ์ราวกับว่าเขายังรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังจ้องมองมาที่เขา
ตอนที่ 2936 การต่อสู้ในสวนศักดิ์สิทธิ์
“แสงของตะเกียงพาเจ้ามาที่นี่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ไม่ใช่ บริเวณที่ข้าหล่นลงไปนั้นมีตะเกียงแค่ตะเกียงเดียว รอบๆมันมืดสนิท ข้าคิดว่าคงจะต้องตายที่นั่น แต่มันมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น” หยางยวิ๋นเซิงพูด
“เรื่องประหลาดอะไร?” หานเซิ่นมองเขาด้วยความสนใจ
หยางยวิ๋นเซิงยิ้มแห้งๆขณะที่พูดขึ้นว่า “ข้าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ในความมืด”
“ผู้หญิงร้องไห้?” หานเซิ่นแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ แต่หลังจากนั้นมูนชาโดว์ก็อตก็ปรากฏตัวออกมา นั่นทำให้หานเซิ่นเชื่อว่ามันคงจะเป็นเสียงของมูนชาโดว์ก็อต
แต่ตอนนี้เมื่อหยางยวิ๋นเซิงได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยอีกคน มันก็เป็นอะไรที่แปลกเกินไปหน่อย
หยางยวิ๋นเซิงพูดต่อ “สิ่งที่ข้าจะบอกกับเจ้าต่อไปนี้อาจจะทำให้เจ้าหัวเราะเยาะ แต่ในตอนข้าที่กำลังสิ้นหวัง การได้ยินเสียงร้องไห้ทำให้ข้าคิดว่าถ้ายังไงต้องตายอยู่แล้ว ข้าก็ขอเลือกจะต้องตายขณะที่ต่อสู้ดีกว่าที่ต้องตายอยู่ที่นั่น ด้วยเหตุนั้นข้าจึงวิ่งตามเสียงร้องไห้ไป ข้าตั้งใจจะต่อสู้กับอะไรก็ตามที่อยู่ในความมืด”
“แต่มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ ข้าคิดว่าจะถูกฆ่าตายในความมืดนั้น แต่หลังจากที่ข้าวิ่งไล่ตามเสียงร้องไห้ไป พลังของความมืดที่บดขยี้ร่างกายของข้าก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนกันก่อนหน้านี้ พลังของข้าป้องกันพลังของความมืดเอาไว้ได้ ขณะที่วิ่งตามเสียงร้องไห้ไปเรื่อยๆ ข้าก็ได้มาเจอกับแสงสว่างของตะเกียงที่นี่ ในตอนที่ข้ามาถึงนั้น เสียงร้องไห้ของผู้หญิงก็ได้หายไป” หยางยวิ๋นเซิงพยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
‘นี่หยางยวิ๋นเซิงตามมูนชาโดว์ก็อตมาถึงที่นี่อย่างนั้นหรอ? ไม่มีทาง มูนชาโดว์ก็อตอยู่บนรอยแยกนั่น ถ้าหยางยวิ๋นเซิงไล่ตามเสียงร้องไห้ของมูนชาโดว์ก็อตมา เขาก็คงจะอยู่บนรอยแยกเช่นเดียวกัน และเขาก็ควรจะมาถึงที่นี่นานแล้วไม่ใช่เพิ่งจะมาถึงที่นี่ตอนนี้’
หานเซิ่นมองไปที่หยางยวิ๋นเซิงและถาม “ครั้งสุดท้ายที่เจ้าได้ยินเสียงของผู้หญิงมันเมื่อไหร่กัน?”
“เมื่อไม่นานนี้เอง” หยางยวิ๋นเซิงตอบ
หานเซิ่นคิด ‘ถ้าที่หยางยวิ๋นเซิงพูดเป็นความจริง ดูเหมือนว่าเสียงร้องไห้นั่นจะไม่ใช่ของมูนชาโดว์ก็อต’
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน จู่ๆเสียงร้องไห้ของผู้หญิงก็ดังขึ้นอีกครั้งจากด้านนอกของสวนศักดิ์สิทธิ์
“มันดังขึ้นอีกแล้ว” หยางยวิ๋นเซิงพูด “เสียงร้องไห้นั่น”
หานเซิ่นมองออกไปข้างนอกสวนศักดิ์สิทธิ์ ตะเกียงสองอันด้านนอกประตูนั้นไม่ได้สว่างมากนัก ด้านนอกของสวนจึงถูกปกคลุมไปด้วยความมืด พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้
ทุกคนกลั้นลมหายใจอยู่สักพัก ที่สุดแล้วเสียงร้องไห้ก็หายไป มันเหมือนกับว่าผู้หญิงที่กำลังร้องไห้นั้นไปจากที่นี่แล้ว
หลังจากนั้นหยางยวิ๋นเซิงก็ชี้ไปที่หม้อหินและพูด “นี่พวกเจ้าทำเนื้อนี้อย่างนั้นหรอ? ข้าขอกินด้วยได้ไหม? ข้าไม่อยากจะหิวตาย”
สถานที่แห่งนี้น่ากลัวมากๆ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าสามารถตายได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนั้นเขาอยากกินอาหารเพื่อปลดปล่อย
“เนื้อนี้เป็นของหนู!” เป่าเอ๋อกระโดดขึ้นยืนบนโต๊ะหินและกางมือสองข้างออกเพื่อปกป้องหม้อหินเอาไว้
หานเซิ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนมาถึงที่หน้าสวนศักดิ์สิทธิ์ คนๆนั้นกำลังเดินเข้ามาข้างใน
พวกเขาทุกคนหันไปมองและเห็นชายแก่ในชุดคลุมสีทองเดินเข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์ คนๆนั้นก็คือไนน์เทาซันด์คิง
“ที่นี่คือสวนศักดิ์สิทธิ์ คนนอกอย่างพวกเจ้าไม่ควรเข้ามาในนี้!”
ไนน์เทาซันด์คิงดูโกรธเมื่อเห็นหานเซิ่นและคนอื่นๆอยู่ที่นี่ แต่สายตาของเขาไปหยุดที่หานเซิ่นและคนอื่นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่สายตาของเขาจะมองไปทางอื่นราวกับว่าเขากำลังมองหาอะไรบางอย่าง
หยางยวิ๋นเซิงดูเป็นกังวล เขาเพิ่งจะรอดพ้นจากอันตรายมาถึงสถานที่ที่ปลอดภัย แต่เขาก็ได้มาเจอกับไนน์เทาซันด์คิงอีกครั้ง หยางยวิ๋นเซิงรู้ว่าไนน์เทาซันด์คิงไม่ได้ดีเหมือนอย่างหานเซิ่น
สายตาของไนน์เทาซันด์คิงไปหยุดอยู่ที่หม้อหินและรูปปั้นของหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ภายในศาลา เขาดูตื่นเต้นขึ้นมา แต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เล็ดลอดไปจากสายตาของหานเซิ่น
“พวกเจ้ายังไม่รีบหนีไปอีกอย่างนั้นหรอ? นี่พวกเจ้าอยากตายหรือยังไง?”
ไนน์เทาซันด์คิงจ้องมองไปที่หานเซิ่น ขณะที่เดินเข้ามาหาศาลา เครื่องหมายสีทองดำปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา ซึ่งทำให้เขาดูแปลกประหลาด มันเหมือนกับว่ามีตะขาบจำนวนมากห้อมล้อมร่างกายของเขาเอาไว้
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขายืนอยู่ตรงหน้าศาลาโดยไม่หนีไปไหน
หยางยวิ๋นเซิงรู้สึกหวาดกลัว ถึงแม้เขาจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่ไนน์เทาซันด์คิงเป็นยอดฝีมือจากยุคสมัยของเซเคร็ด มันไม่สามารถบอกได้ว่าเขาวิวัฒนาการไปมากแค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาอาจจะเป็นถึงขั้นทรูก็อตระดับท็อปของจักรวาล หยางยวิ๋นเซิงจึงรู้แก่ใจว่าตัวเขาไม่มีทางจะสู้กับไนน์เทาซันด์คิงได้
เมื่อเห็นไนน์เทาซันด์คิงเดินเข้ามาทีละก้าวๆ หยางยวิ๋นเซิงก็ตัวสั่นรัว แต่ไนน์เทาซันด์คิงไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขา สายตาของไนน์เทาซันด์คิงจ้องไปที่หานเซิ่นเพียงคนเดียว
ร่างกายของไนน์เทาซันด์คิงดูแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาของหยางยวิ๋นเซิง ไนน์เทาซันด์คิงเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดไม่สามารถถูกโค่นล้มได้ เขาคิดว่าไนน์เทาซันด์คิงจะส่งการโจมตีที่ทรงพลังออกไปใส่หานเซิ่น
แต่ไนน์เทาซันด์คิงกลับเดินไปอยู่ต่อหน้าของศาลาโดยที่ไม่ทำการโจมตีใดๆ เขาแค่พยายามข่มขู่หานเซิ่นด้วยพลังของเขาและพูด
“ข้ากลัวจะไปสร้างความเสียหายกับมรดกของท่านผู้นำ อย่าได้บังคับให้ข้าต้องฆ่าเจ้า”
เป่าเอ๋อหัวเราะออกมาและพูด “ลุงทำเป็นพูดดี แต่ที่จริงลุงคงจะกลัวพ่อของหนูทำร้ายลุงมากกว่า”
สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขาพูดเย้นหยันกลับว่า
“ข้าเดินทางติดตามผู้นำเซเคร็ดไปทั่วจักรวาลและสังหารยอดฝีมือขั้นทรูก็อตไปนับไม่ถ้วน ในยุคสมัยนั้นบรรพบุรุษของพวกเจ้ายังคงดื่มนมอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก การฆ่าพวกเจ้ามันง่ายนิดเดียว ข้าแค่อยากจะทำบุญโดยการปล่อยพวกเจ้าไป อย่าได้เข้าใจผิด”
หานเซิ่นยิ้มให้กับไนน์เทาซันด์คิง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
เป่าเอ๋อเมินเฉยต่อคำพูดของไนน์เทาซันด์คิงเช่นกัน เธอใช้ช้อนในมือตักเนื้อที่อยู่ในหม้อหินขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!” สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงเปลี่ยนไป เขาตะโกนขึ้นมาและรีบพุ่งเข้าหาศาลาหิน เขาเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าตัวเป่าเอ๋อ แสงสีทองดำที่เหมือนกับตะขาบบนร่างกายของเขาก็พุ่งออกไปหาเธอเช่นกัน
หานเซิ่นกระโดดมาขวางเอาไว้ ขณะที่ถือโล่เมดูซ่าส์เกซอยู่ในมือ เขาเปิดใช้พลังของมันและแสงประหลาดก็ถูกฉายออกไปใส่แสงสีทองดำ พวกมันทั้งหมดถูกแช่แข็งกลายเป็นหินกลางอากาศ
“พลังแช่แข็งนี้แข็งแกร่ง แต่สำหรับข้าแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่ของเด็กเล่น” ไนน์เทาซันด์คิงชักดาบออกมาจากเอวของเขา
ดาบนั้นดูแปลกประหลาดมากๆ หานเซิ่นเคยเห็นดาบที่หายากมามากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นดาบเล่มไหนที่แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อน
ดาบเล่มนี้มีความกว้างสองนิ้วและยาวสี่ฟุต มันดูเหมือนจะถูกทำขึ้นมาจากหยกเลือด สิ่งที่แปลกที่สุดคือการที่บนดาบนั้นมีดวงตาอยู่ ตั้งแต่ปลายดาบจนถึงด้ามจับมีดวงตาประหลาดเรียงแถวต่อกัน บางดวงตานั้นเปิดอยู่ ขณะที่บางดวงตาปิดอยู่ บางดวงตาเปิดมาครึ่งหนึ่ง พวกมันดูแตกต่างไปจากกันและกัน พวกมันทั้งหมดเรียงแถวกันอย่างแปลกประหลาดและน่าสยดสยอง พวกมันทำให้ผู้คนที่ได้เห็นรู้สึกไม่สบายใจ
“ภายใต้ดาบไนน์อายด์ของข้า ไม่มีอะไรรอดไปได้ ข้าเป็นคนที่เชื่อในศีลธรรมอันดี ข้าตั้งใจจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่ถ้าพวกเจ้าต้องการจะตาย แบบนั้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของข้า” ไนน์เทาซันด์คิงพูด หลังจากนั้นเขาก็ยกดาบไนน์อายด์ขึ้น
ตอนที่ 2937 สามคำถาม
ขณะที่ไนน์เทาซันด์คิงยกดาบหยกขึ้น ดวงตาบนดาบก็เปิดออกอย่างเต็มที่ ตาดำของดวงตานั้นกระพริบและปล่อยแสงที่ชั่วร้ายออกมา มันแพร่กระจายออกไปเหมือนกับวงแหวน
หลังจากที่โล่เมดูซ่าส์เกซถูกวงแหวนแสงจากดวงตา มันก็เหมือนกับว่าโล่เมดูซ่าส์เกซนั้นถูกสะกดจิต ดวงตาที่เคยเปิดออกค่อยๆปิดลง และไม่ว่าหานเซิ่นจะพยายามทำยังไง ดวงตาของผู้หญิงบนโล่เมดูซ่าส์เกซก็ไม่เปิดขึ้นมา
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นหานเซิ่นรู้สึกว่าดวงตาของตัวเขาเองก็เริ่มจะปิดลงเช่นกัน มันเหมือนกับว่าเขาเหนื่อยล้ามากๆและไม่สามารถลืมตาต่อไปได้อีกแล้ว ไม่สำคัญว่าเขาจะพยายามลืมตาขึ้นมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้ผล หนังตาของเขาปฏิเสธจะถูกเปิดออก
“ต่อต้านไปก็ไม่มีประโยชน์ ดาบแสงของดาบไนน์อายด์นั้นจะปิดการมองเห็นของทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้ ต่อหน้าดาบไนน์อายด์ ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนจะลืมตาขึ้นมาได้”
ไนน์เทาซันด์คิงยกดาบไนน์อายด์ขึ้นและพูดต่อ “มันไม่ใช่เพียงแค่นั้น ในตอนที่พวกเจ้าได้เห็นดวงตาบนดาบไนน์อายด์ พวกเจ้าก็ถือว่าตายไปแล้ว”
ขณะที่หานเซิ่นฟังเสียงของไนน์เทาซันด์คิง เขายังคงไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ พวกมันยังคงปิดสนิท เขารู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งเคลื่อนไหวในดวงตา
“อ้า!” หยางยวิ๋นเซิงส่งเสียงกรีดร้อง ขณะที่ใช้มือกุมดวงตาของตัวเอง ด้วยเหตุผลบางอย่างดวงตาทั้งสองของเขาระเบิดกลายเป็นรูสองรู
“ข้ามอบโอกาสให้พวกเจ้าได้หนีไป แต่พวกเจ้ากลับไม่ต้องการ!”
ไนน์เทาซันด์คิงมองไปที่หยางยวิ๋นเซิงอย่างเลือดเย็น หลังจากนั้นเขาก็หันสายตาไปที่หานเซิ่น เขาหวังจะได้เห็นดวงตาของหานเซิ่นระเบิด
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเลือดทั้งหมดในตัวของเขากำลังไหลไปที่ดวงตาและเตรียมจะระเบิดออกมา เขารู้ว่าดาบไนน์อายด์นั้นแปลกประหลาด แต่เขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาถูกพลังของมันเข้าแล้ว
ดวงตาของปลาทองตัวใหญ่และปลาทองน้อยปิดลงเช่นกัน ดวงตาของพวกมันกำลังบวมเหมือนกับลูกบอลลูนที่ถูกอัดลมเข้าไปเต็มที่ ดวงตาของพวกมันสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ
ถึงแม้หานเซิ่นจะมองไม่เห็น แต่ด้วยศาสตร์ตงเสวียน เขายังคงสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างได้ คนเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากดาบไนน์อายด์นั้นคือเป่าเอ๋อที่กำลังสวมแว่นกันแดดอยู่
ไนน์เทาซันด์คิงจ้องมองไปหานเซิ่นและรอคอยให้ดวงตาของเขาระเบิด
พลังของดาบไนน์อายด์นั้นไม่ใช่แค่ระเบิดดวงตาเพียงเท่านั้น ในตอนที่ดวงตาระเบิดออก เลือดและพลังชีวิตทั้งหมดจะรั่วไหลออกมาจากบาดแผลจนกระทั่งคนๆนั้นแห้งตาย
เมื่อรู้สึกว่าดวงตากำลังจะระเบิด หานเซิ่นก็ดึงสายธนูของธนูด็อกโครว์และยิงลูกธนูเขี้ยวออกไปใส่ดาบไนน์อายด์
เมื่อไนน์เทาซันด์คิงเห็นการกระทำของหานเซิ่น เขาก็ยกดาบไนน์อายด์ขึ้นมาและฟันใส่ออกไปใส่ลูกธนูเขี้ยวที่เข้ามา
ธนูด็อกโครว์นั้นมีชื่อเสียงมากๆ แต่นั่นเฉพาะตอนนี้มันอยู่ในมือของโครว์สกายด็อกเท่านั้น
ไนน์เทาซันด์คิงรู้จักโครว์สกายด็อกเป็นอย่างดี และเขาก็รู้ถึงพลังของธนูด็อกโครว์เป็นอย่างดีเช่นกัน
ลูกธนูเขี้ยวเดินทางผ่านอวกาศราวกับว่ามันเทเลพอร์ต ถึงอย่างนั้นดาบไนน์อายด์ก็ฟันลูกธนูกระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย มันไม่สามารถทำร้ายไนน์เทาซันด์คิงได้แม้แต่นิดเดียว
แต่วินาทีต่อมา จู่ๆร่างกายของหานเซิ่นก็ไปปรากฏข้างๆไนน์เทาซันด์คิง เขาแกว่งมีดเข้าใส่ไนน์เทาซันด์คิง
สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงเปลี่ยนไป การเทเลพอร์ตของหานเซิ่นนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ มันสายเกินไปแล้วที่เขาจะหลบ ดังนั้นเขาจึงแกว่งดาบไนน์อายด์ออกไปเพื่อรับมีดของหานเซิ่นเอาไว้
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” ในตอนที่มีดและดาบปะทะกัน ดาบไนน์อายด์ของไนน์เทาซันด์คิงถูกทำลายโดยหานเซิ่น ดวงตาบนดาบไนน์อายด์ปิดลงและแสงที่ชั่วร้ายก็ดับลงไป
หลังจากที่ดาบไนน์อายด์ถูกทำลายไปแล้ว มีดของหานเซิ่นก็ยังคงพุ่งต่อไปหาร่างกายของไนน์เทาซันด์คิง
มีเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นมา หานเซิ่นตัดชุดคลุมสีทองของไนน์เทาซันด์คิงจนขาด แต่ภายในชุดคลุมสีทองนั้นยังมีชุดเกราะสีเขียวเข้มอยู่
การฟันของหานเซิ่นสามารถทำลายดาบไนน์อายด์ได้ แต่มันไม่สามารถทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนชุดเกราะสีเขียวเข้มนั้นได้
ไนน์เทาซันด์คิงสะบัดมือใส่มีดเหตุและผลของหานเซิ่น เขาส่งหานเซิ่นและมีดกระเด็นออกไป
ร่างกายของหานเซิ่นชนเข้ากับเสาของศาลา เสาหินของศาลานั้นดูธรรมดาๆ แต่เมื่อหานเซิ่นกระเด็นไปชนกับมัน เสาหินนั้นไม่ได้บุบสลายเลยแม้แต่นิดเดียว ร่างกายของเขากระแทกลงไปกับพื้น ขณะที่กระอักเลือดออกมา
“อาวุธประจำตัวพระเจ้า?” หานเซิ่นลุกขึ้นมาและจ้องมองไปที่ชุดเกราะสีเขียวเข้มภายในเสื้อคลุมสีทอง
“ตาดีหนิ” ไนน์เทาซันด์คิงฉีกเสื้อคลุมสีทองและเผยให้เห็นชุดเกราะสีเขียวเข้มที่งดงาม นอกจากส่วนหัวและคอของเขาแล้ว ทุกซอกทุกมุมของเขาถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีเขียวเข้ม
บนชุดเกราะสีเขียวเข้มนั้นมีรอยบางๆอยู่ เมื่อหานเซิ่นสังเกตดูดีๆ เขาก็เห็นว่ามันเป็นดวงตาที่กำลังปิดอยู่ มันทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวขึ้นมา
“นี่คืออาวุธประจำตัวพระเจ้า ชุดเกราะต่อสู้เทาซันด์อาย ดาบไนน์อายด์เล่มนี้ก็เป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาโดยพยายามจะลอกเลียนแบบชุดเกราะต่อสู้เทาซันด์อายเท่านั้น พลังของมันยังเทียบกับของชุดเกราะต่อสู้เทาซันด์อายไม่ได้” ไนน์เทาซันด์คิงพูด
“ในเมื่อเจ้าเห็นชุดเกราะต่อสู้เทาซันด์อายของข้าแล้ว ข้าก็คงจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดไปไม่ได้ ตอนนี้ถึงเจ้าต้องการจะไปจากที่นี่แต่โดยดี มันก็สายเกินไปแล้ว”
สีหน้าของหานเซิ่นไม่เปลี่ยนแปลง เขาถือมีดเหตุและผลอยู่ในมือและพูด
“ดูสิว่าเจ้าจะใช้ชุดเกราะต่อสู้เทาซันด์อายฆ่าข้าได้ไหม”
ไนน์เทาซันด์คิงขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้เขาได้ดูการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน เขาจึงรู้ถึงพลังของมีดเหตุและผลที่หานเซิ่นกำลังถืออยู่
แม้แต่ความเสียหายของดาบไนน์อายด์ที่มีต่อหานเซิ่นก็ถูกมีดเล่มนั้นดูดซับเอาไว้ มีดเหตุและผลนั้นทรงพลังเกินกว่าที่ไนน์เทาซันด์คิงจินตนาการเอาไว้
‘ถ้าเราฆ่าเขาในการโจมตีครั้งเดียวไม่ได้ เขาก็จะใช้พลังของมีดเหตุและผลนั่นรักษาบาดแผลที่ได้รับ’ ไนน์เทาซันด์คิงคิด
หานเซิ่นพูดขึ้นมา “ไนน์เทาซันด์คิง สิ่งที่เจ้าต้องการในศาลานั่นคืออะไร? พวกเราไม่จำเป็นต้องต่อสู้กัน ถ้าเจ้ายอมตอบคำถามของข้า ข้าก็จะมอบสมบัติภายในศาลานี่ให้กับเจ้า”
“เจ้าพูดจริงอย่างนั้นหรอ?” ไนน์เทาซันด์คิงมองไปที่หานเซิ่นอย่างสงสัย เขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา
“ข้าพูดจริง แต่ถ้าเจ้าตอบคำถามของข้าไม่ได้ นั่นก็ถือว่าไม่นับ” หานเซิ่นพูด
“ถ้าเจ้าจงใจถามคำถามที่ข้าไม่รู้คำตอบ ข้าจะตอบเจ้าได้ยังไง?” ไนน์เทาซันด์คิงพูด
“ถ้าเจ้ามาที่นี่เพื่อสมบัติในศาลา เจ้าก็ต้องรู้เกี่ยวกับมันอย่างนั้นสินะ?” หานเซิ่นพูด
“ข้ารู้เกี่ยวกับมัน ข้าตอบคำถามนี้ของเจ้าแล้ว เจ้าจะมอบมันให้กับข้าได้หรือยัง?” ไนน์เทาซันด์คิงพูด
“นั่นคือหนึ่งในคำถามของข้า ข้ายังเหลืออีกสามคำถาม” หานเซิ่นพูด
“สามคำถามอะไร? เจ้าบอกข้ามาก่อน” ไนน์เทาซันด์คิงพูด
“คำถามแรกคือผู้หญิงที่เป็นต้นแบบรูปปั้นนี้คือใคร? คำถามที่สอง เธอมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้นำเซเคร็ด? คำถามที่สาม เซเคร็ดมียอดฝีมืออยู่ทั้งหมดกี่คนและพวกเขาอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นถามคำถามที่เขาอยากจะรู้
ตอนที่ 2938 น้องสาวท่านผู้นำ
ดวงตาของไนน์เทาซันด์คิงเป็นประกาย ไม่มีใครรู้ว่าไนน์เทาซันด์คิงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“คำถามพวกนี้เกี่ยวกับผู้นำเซเคร็ดทั้งหมด พวกมันเป็นความลับสุดยอด แม้แต่ขุนพลทั้งสิบก็ไม่รู้คำตอบของคำถามพวกนั้น”
“นั่นหมายความว่าเจ้าไม่ยินดีจะทำการแลกเปลี่ยนกับข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ไม่ใช่แบบนั้น ข้าพอจะรู้ความลับพวกนี้อยู่บ้าง แต่ถ้าข้าบอกเจ้าไปและเจ้าไม่พอใจกับคำตอบ แบบนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น?” ไนน์เทาซันด์คิงพูด
“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็ต้องต่อสู้กันต่อ” หานเซิ่นพูด
ไนน์เทาซันด์คิงนั้นแข็งแกร่ง และเขายังมีอาวุธประจำตัวพระเจ้าอยู่อีกด้วย ในจักรวาลนี้เขาจึงถือว่าเป็นยอดฝีมือระดับท็อป แต่ไนน์เทาซันด์คิงมีนิสัยขี้ระแวง เมื่อเขาเห็นถึงความแน่วแน่ของหานเซิ่น มันก็ทำให้เขากังวลยิ่งกว่าเดิม เขาจึงยังไม่คิดจะโจมตีหานเซิ่น
ไนน์เทาซันด์คิงคิด ‘ถึงแม้หานเซิ่นคนนี้จะเป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย แต่สมบัติและวิชาจีโนของเขาเป็นอะไรที่แปลกประหลาด เขามีวิชาจีโนที่ทำให้ขั้นทรูก็อตลดระดับลงมา เขายังใจเย็นและไม่รีบร้อนที่จะใช้มัน นี่เขามั่นใจว่าจะทำลายชุดเกราะต่อสู้เทาซันด์อายของเราได้อย่างนั้นหรอ?’
ต้องบอกว่าการต่อสู้เพื่อจุดดวงไฟในจีโนฮอลล์นั้นทำให้หานเซิ่นกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงไปทั่วจักรวาล ยอดฝีมือจากโบราณกาลหลายคนต่างก็หวาดกลัวคัมภีร์นภาอำพันของหานเซิ่น
ไนน์เทาซันด์คิงหัวเราะแปลกๆและพูด “ที่นี่คือสวนที่ท่านผู้นำรักมากๆ การไปทำลายมันถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เอาแบบนั้นก็ได้ ข้าจะตอบคำถามของเจ้า ถ้าเจ้ายังคงทำแบบนี้ หลังจากที่ข้าบอกความลับกับเจ้า เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้ที่ฆ่าเจ้า”
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินไนน์เทาซันด์คิงพูดแบบนั้น เขาไม่ได้รู้ว่ามันแปลกอะไร เขาพูดอย่างเป็นกันเอง
“ถ้าเจ้าไม่ตอบคำถามมั่วๆ ข้าจะมอบสมบัติในศาลากับเจ้า”
ในตอนที่หานเซิ่นพูดแบบนั้น ในใจของเขากำลังคิดว่า ‘สวนศักดิ์สิทธิ์นี้แปลกประหลาด เนื้อที่พวกเรากินเข้าไปกลับมาปรากฏในหม้ออีกครั้ง ไวน์ที่พวกเราดื่มเข้าไปก็กลับมาในขวด นั่นเป็นอะไรที่แปลกมากๆ’
ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้หานเซิ่นแปลกใจมากที่สุดคือตอนที่เขาเช็ดยีนระดับเทพเจ้าของตัวเอง เขาจำได้ว่าหลังจากที่กินเนื้อในหม้อเข้าไป ยีนระดับเทพเจ้าของเขาก็เต็มหนึ่งร้อยพอดี แต่ตอนนี้เขายังขาดยีนระดับเทพเจ้าหกยีน มันเหมือนกับว่าเขาถูกย้อนกลับไปก่อนที่เขาจะกินเนื้อในหม้อเข้าไป นั่นมันไม่ปกติ ถึงหานเซิ่นจะยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัยเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ แถมคำถามเหล่านั้นก็เป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจของหานเซิ่นมาเป็นเวลานานแล้ว
ไนน์เทาซันด์คิงเงียบไปชั่วครู่ เขาชี้ไปที่หม้อหินและพูด
“หม้อหินนั่นคือสิ่งที่ผู้นำเซเคร็ดเคยใช้กินอาหาร ถึงแม้มันจะไม่ใช่สมบัติที่มีชื่อเสียง แต่มันก็ไม่ใช่สมบัติที่แม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตจะมีได้ ถ้าเจ้าใส่เนื้อซีโน่เจเนอิคเข้าไปในหม้อ ยีนซีโน่เจเนอิคนั้นจะกลายเป็นพลังที่พวกเราดูดซับเข้าไปได้ มันจะทำให้สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการได้ง่ายยิ่งกว่าการกินจีโนฟลูอิดจำนวนมาก”
“มันทำได้แค่นั้น?” หานเซิ่นมองไปที่ไนน์เทาซันด์คิง
ไนน์เทาซันด์คิงหัวเราะและพูด “มันก็เป็นแค่เครื่องทำอาหาร มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะมีของแบบนั้นอยู่ สิ่งที่สำคัญจริงๆก็คือเนื้อที่อยู่ในหม้อ ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ ข้างในหม้อนี้มีเนื้อของหนึ่งในสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ มันเป็นยีนซีโน่เจเนอิคของกิเลนศักดิ์สิทธิ์”
“อะไรนะ? เนื้อที่อยู่ในหม้อนั่นเป็นเนื้อของกิเลนศักดิ์สิทธิ์?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของไนน์เทาซันด์คิง
“ใช่ มันคือเนื้อของกิเลนศักดิ์สิทธิ์” ไนน์เทาซันด์คิงพูดอย่างมั่นใจ
“ไม่มีทาง ข้าเคยไปเยือนอีสท์โฮลี่การ์เด้น ร่างของกิเลนศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ใต้อีสท์โฮลี่การ์เด้น มันจะมาถูกต้มอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาคิดว่าไนน์เทาซันด์คิงนั้นพยายามจะหลอกเขา
เมื่อได้ยินหานเซิ่นบอกว่าร่างของกิเลนศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ใต้อีสท์โฮลี่การ์เด้น ไนน์เทาซันด์คิงก็ดูแปลกใจเช่นกัน เขาคิดอยู่ชั่วครู่และพูด
“ข้าไม่ได้คาดคิดว่ากิเลนศักดิ์สิทธิ์จะรอดจากหายนะครั้งนั้น ถ้าเจ้าฟังข้าต่อไปและเจ้าจะรู้เองว่าข้าไม่ได้โกหก”
“ข้าฟังอยู่” หานเซิ่นพูด
ไนน์เทาซันด์คิงมองรูปปั้นในศาลาที่ดูเหมือนกับหว่านเอ๋อร์และพูด
“เจ้าถามว่าคนที่เป็นต้นแบบรูปปั้นนั่นคือใครและนางเกี่ยวข้องอะไรกับผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นสินะ?”
“โอ้? เจ้ารู้ว่าคนที่เป็นต้นแบบของรูปปั้นนี้คือใครอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“คนที่เป็นต้นแบบของรูปปั้นก็คือน้องสาวของท่านผู้นำ ส่วนชื่อของนางนั้น ข้าไม่รู้” ไนน์เทาซันด์คิงพูด
“ถ้านางคือน้องสาวของผู้นำเซเคร็ด นางก็ต้องเป็นคนที่สำคัญของเซเคร็ด แบบนั้นเจ้าจะไม่รู้ชื่อนางได้ยังไง?” หานเซิ่นไม่เชื่อ
ไนน์เทาซันด์คิงถอนหายใจและพูด “ท่านผู้นำรักน้องสางของเขามากๆ แต่นางมีร่างกายที่อ่อนแอ ท่านผู้นำกังวลว่าคนอื่นอาจจะทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงให้นางอยู่ในสวนศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การปกป้องของนางฟ้าแห่งความตาย แม้แต่สิบขุนพลหรือสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาข้างใน คนนอกจึงไม่รู้ว่าผู้นำเซเคร็ดมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง”
“ท่านผู้นำดีต่อน้องสาวมาก ตราบใดที่นางขอ ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นอะไร ท่านผู้นำก็จะหามันมาให้กับนาง ถึงแม้สิ่งนั้นจะเป็นหัวของพระเจ้าก็ตาม เขาทำทุกอย่างเพื่อทำให้แน่ใจว่าบนใบหน้าของน้องสาวที่เขารักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ เหตุผลที่ข้ารู้เกี่ยวกับนาง ก็เพราะนางเคยแอบออกไปจากสวนศักดิ์สิทธิ์ ข้าไปเจอกับนางเข้าโดยบังเอิญ นางบอกว่านางอยากออกมาเดินเล่นสักหน่อย นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ารู้ถึงการมีอยู่ของนาง ส่วนชื่อของนางนั้นข้าไม่กล้าจะถาม”
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นนางมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อที่อยู่ในหม้อ?” หานเซิ่นพูด
ไนน์เทาซันด์คิงถอนหายใจและพูด “ผู้นำของพวกเราดีต่อน้องสาวคนนี้มากๆ แต่นางมีร่างกายที่อ่อนแอและมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ถึงท่านผู้นำจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่มันก็ยังยากที่เขาจะรักษาชีวิตของนางเอาไว้ ในตอนที่นางแอบออกไปจากสวนศักดิ์สิทธิ์ ท่านผู้นำก็รู้ในทันที เขาแอบติดตามนางอย่างลับๆและรอจนกระทั่งนางหมดสติไปก่อนที่เขาจะพานางกลับเข้าไปในสวนศักดิ์สิทธิ์ ในตอนที่เขาพานางกลับไปนั้น ท่านผู้นำพูดอะไรบางอย่าง”
“เขาพูดว่าอะไร?” หานเซิ่นถาม
“ผู้นำบอกว่าดูเหมือนว่าจะมีแค่เนื้อของกิเลนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะยืดชีวิตของนางได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยืดออกไปได้แค่ไม่กี่ปี”
ไนน์เทาซันด์คิงหันไปมองเนื้อที่อยู่ในหม้อและพูดต่อ “มันผ่านมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่เนื้อที่อยู่ในหม้อก็ยังคงถูกต้มอยู่ เนื้อที่ถูกต้มอยู่ในหม้อเป็นเวลายาวนานขนาดนั้นจะต้องเป็นอะไรที่พิเศษ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าสันนิษฐานไปว่ามันคือเนื้อของกิเลนศักดิ์สิทธิ์”
หลังจากที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็คิดตัวเอง ‘นั่นหมายความว่าหว่านเอ๋อร์คือน้องสาวของผู้นำเซเคร็ดจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเธอถึงไปอยู่ในรูของต้นไม้ได้? นอกจากนั้นอายุขัยของเธอกำลังจะหมดตั้งแต่ในยุคสมัยของเซเคร็ดแล้ว ถึงเธอจะกินเนื้อของกิเลนศักดิ์สิทธิ์เพื่อยืดชีวิตไปอีกหน่อย มันก็ผ่านมาเป็นพันล้านปีแล้ว แบบนั้นทำไมเธอถึงยังคงมีชีวิตอยู่?’
“แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นล่ะ?” หานเซิ่นพูด
“ไม่มีหลังจากนั้น ข้าเคยเห็นนางแค่ครั้งเดียว และตั้งแต่วันนั้นเซเคร็ดก็เริ่มประสบกับปัญหามากมาย ไม่กี่ปีต่อมามันก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ข้าถูกส่งออกไปทำธุระให้กับท่านผู้นำ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ข้ารอดชีวิตมาได้ ส่วนเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเซเคร็ดนั้น ข้าไม่รู้” ไนน์เทาซันด์คิงส่ายหัว
ตอนที่ 2939 ผู้นำที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้
หานเซิ่นมองไปที่ไนน์เทาซันด์คิงและถาม “ถ้าเจ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซเคร็ดในอดีต แบบนั้นเจ้าจะตอบคำถามสุดท้ายของข้าได้ยังไง?”
ไนน์เทาซันด์คิงหัวเราะ “ข้าไม่รู้จริงๆว่าในเซเคร็ดนั้นยังมีสิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่มากเท่าไหร่ ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็ต้องอยู่ที่นั่น มันเป็นสถานที่เดียวที่พวกเราจะแยกตัวออกจากการต่อสู้”
หานเซิ่นมองไปที่ไนน์เทาซันด์คิงโดยไม่ได้พูดอะไร ถ้าเซเคร็ดมีสถานที่แบบนั้นอยู่จริงๆ ทำไมเซเคร็ดถึงได้หายสูญไปในแม่น้ำกาลเวลา
ไนน์เทาซันด์คิงรู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เขาหัวเราะและพูด
“ที่แห่งนั้นคือที่ที่ผู้คนของเซเคร็ดอยู่อาศัย แม้แต่เทพสปิริตก็เข้าไปในนั้นไม่ได้ การที่เซเคร็ดปกครองทั้งจักรวาลและฆ่าเทพสปิริตนับไม่ถ้วนโดยที่ยังดำรงชีวิตอยู่มาได้เป็นพันล้านปี ทั้งหมดก็เป็นเพราะปราสาทนั่น แม้แต่เทพสปิริตก็ทำได้แค่มองดูมัน ถ้ามันยังมียอดฝีมือของเซเคร็ดรอดชีวิตอยู่ ตอนนี้พวกเขาก็ต้องอยู่ในปราสาทนั่น”
“เผ่าพันธุ์ที่เรียกกว่าเซเคร็ดนี่นอกจากผู้นำเซเคร็ดและน้องสาวของเขาแล้ว มันยังมีใครอยู่อีกบ้าง?”
“ข้าตอบคำถามของเจ้าหมดแล้ว” ไนน์เทาซันด์คิงพูด
“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่าปราสาทนั่นอยู่ที่ไหน ดังนั้นมันจึงถือว่าเจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้า”
“ในเมื่อเซเคร็ดกลายเป็นแบบนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าปราสาทนั่นอยู่ที่ไหน?” ไนน์เทาซันด์คิงพูด
“นั่นหมายความว่าเจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามทั้งหมดของข้า” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“นี่เจ้าคิดจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับข้าอย่างนั้นหรอ?” ใบหน้าของไนน์เทาซันด์คิงดูมืดมัว
“ความจริงแล้วเจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเนื้อในหม้อนี่เป็นของกิเลนศักดิ์สิทธิ์จริงหรือเปล่า เจ้าไม่รู้ว่าน้องสาวของผู้นำเซเคร็ดชื่ออะไร และก็ไม่รู้ว่าปราสาทนั่นอยู่ที่ไหน ทำไมข้าต้องรักษาสัญญาด้วย ในเมื่อคำตอบที่เจ้ามอบให้กับข้ามันไร้ประโยชน์?” หานเซิ่นและไนน์เทาซันด์คิงจ้องหน้ากันโดยที่ไม่มีใครยอมใคร
“ดูเหมือนเจ้าไม่คิดจะรักษาสัญญาตั้งแต่แรกแล้ว”
ไนน์เทาซันด์คิงดูโกรธเล็กน้อย ดวงตาของชุดเกราะสีเขียวเข้มเริ่มจะเปิดออก เค้าโครงของดวงตานั้นกำลังเรืองแสงสีเขียวประหลาด
“มันไม่ใช่แบบนั้น คำตอบที่เจ้ามอบให้กับข้ามันไร้ประโยชน์ เจ้าเองก็คงจะตระหนักถึงเรื่องนั้นเช่นกัน เอาแบบนี้เป็นไง? ถ้าเจ้าตอบคำถามเกี่ยวกับเผ่าเซเคร็ดนี้อีกหนึ่งคำถาม ศาลานี่ก็จะตกเป็นของเจ้า” หานเซิ่นชี้ไปที่ศาลาขณะที่พูด
ดวงตาของไนน์เทาซันด์คิงดูน่ากลัว เขาจ้องมองไปที่หานเซิ่นและพูด
“ถ้าข้าตอบคำถามนี้แล้ว เจ้ายังบิดพลิ้วอีกล่ะก็ ถึงแม้จะต้องทำลายสวนนี้ไปด้วย ข้าก็จะฆ่าเจ้า!”
“พวกเราคริสตัลไลเซอร์รักษาสัญญาเสมอ ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือตอบคำถามของข้า” หานเซิ่นพูด
“เผ่าเซเคร็ดนั้นมีแค่ผู้นำเซเคร็ดคนเดียว มันไม่มีคนอื่น ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง?” ไนน์เทาซันด์คิงเริ่มเดินเข้าไปหาศาลา
“เดี๋ยวก่อน นั่นมันไม่ถูกสิ ผู้นำเซเคร็ดมีน้องสาวอยู่ แบบนั้นเผ่าเซเคร็ดจะมีอยู่แค่คนเดียวได้ยังไง? คำตอบของเจ้ามันไม่แปลกเกินไปหน่อยหรอ” หานเซิ่นพูดขณะที่หยุดการเดินของไนน์เทาซันด์คิงเอาไว้
“ใครบอกเจ้าว่าน้องสาวของผู้นำเซเคร็ดมาจากเผ่าเซเคร็ด?”
ไนน์เทาซันด์คิงหัวเราะก่อนที่จะพูดต่อว่า “ผู้นำเซเคร็ดเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ในจักรวาลแห่งนี้ มันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่เหมือนกับเขา มันไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนอีกที่จะถูกคำนึงว่าเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเซเคร็ด”
“สิ่งที่เจ้าพูดมันขัดแย้งกัน นี่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่น้องสาวทางสายเลือดของผู้นำเซเคร็ดหรือยังไง?”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขามองไปที่ใบหน้าของไนน์เทาซันด์คิง แต่มันไม่เหมือนว่าเขากำลังพูดโกหก
ถ้าเขาต้องการจะโกหก มันจะเป็นเรื่องง่ายกว่า ถ้าเขาโกหกว่าเผ่าเซเคร็ดนั้นมีผู้คนอยู่มากมาย เขาสามารถแต่งชื่อและจำนวนขึ้นมาได้ตามใจชอบ เพราะยังไงซะหานเซิ่นก็ไม่มีทางพิสูจน์ข้อมูลนั้นได้ แต่เขากลับมอบคำตอบที่แปลกประหลาดแบบนั้นให้กับหานเซิ่นแทน
“นางเป็นน้องสาวทางสายเลือดของเขา แต่เผ่าเซเคร็ดมีแค่ผู้นำเซเคร็ดคนเดียว นั่นคือทั้งหมดที่ข้ารู้ ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อมันหรือไม่”
ไนน์เทาซันด์คิงไม่คิดจะพูดอะไรอีก เขาเดินเข้าไปหาศาลาหิน ถ้าหานเซิ่นยังพยายามจะหยุดเขาเอาไว้ เขาก็จะเริ่มทำการโจมตี
“ข้าจะทำตามคำสัญญา ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในศาลานี่เป็นของเจ้าแล้ว” หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นและเดินออกไป
ดาบไนน์อายด์นั้นถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้พลังที่ส่งผลกระทบต่อดวงตาของปลาทองตัวใหญ่และตัวน้อยกับหยางยวิ๋นเซิงจึงหายไปด้วย แต่ดวงตาของหยางยวิ๋นเซิงที่ถูกระเบิดไปนั้นไม่สามารถฟื้นคืนกลับมา
หานเซิ่นไม่ได้เป็นศัตรูกับหยางยวิ๋นเซิง แต่เนื่องจากเขามีความบาดหมางกับเอ็กซ์ตรีมคิง เขาจึงไม่ได้ช่วยรักษาให้กับอีกฝ่าย หานเซิ่นออกไปจากศาลาหินและมองดูไนน์เทาซันด์คิงเดินเข้าไปข้างใน
ที่หานเซิ่นออกมาจากศาลานั้นไม่ได้เป็นเพราะเขาต้องการจะรักษาสัญญา แต่มันเป็นเพราะว่าหม้อหินนั่นแปลกประหลาดเกินไป เขาและเป่าเอ๋อกินเนื้อที่อยู่ข้างในไปจนหมด แต่มันกลับมีเนื้อปรากฏมาเพิ่มอีก
นอกจากนั้นยีนระดับเทพเจ้าที่หานเซิ่นได้มาจากการกินเนื้อในหม้อก็ถูกลบล้างไป มันเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อ ดังนั้นหานเซิ่นจึงอยากเห็นก่อนว่าไนน์เทาซันด์คิงจะทำอะไรกับมัน หลังจากนั้นมันก็ยังไม่สายเกินไปที่เขาจะต่อสู้กับไนน์เทาซันด์คิง
หานเซิ่นแค่พูดว่าเขาจะมอบสิ่งที่อยู่ในศาลาให้กับไนน์เทาซันด์คิง แต่เขาไม่เคยให้สัญญาว่าเขาจะไม่แย่งมันกลับคืนมา
เมื่อเห็นหานเซิ่นเดินออกไป ไนน์เทาซันด์คิงก็ดูดีใจ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่ต้องการจะต่อสู้กับหานเซิ่น
ไนน์เทาซันด์คิงเดินไปตรงหน้าหม้อหินและยื่นมือออกไป หลังจากนั้นชิ้นเนื้อที่อยู่ในหม้อหินก็ขึ้นมาจากน้ำและเข้ามาอยู่ในมือของเขา
“มันเป็นเนื้อของกิเลนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ” ไนน์เทาซันด์คิงตรวจดูมันก่อนที่จะกินมันเข้าไปอย่างตื่นเต้น
หลังจากที่กินมันเข้าไป ดวงตาของไนน์เทาซันด์คิงก็เป็นประกาย ดูเหมือนกับว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากมัน ทันใดนั้นไนน์เทาซันด์คิงก็อ้าปากกว้างและหันหน้าไปหาหม้อหิน เนื้อและน้ำซุบที่อยู่ในหม้อทั้งหมดบินเข้ามาในปากของเขาในคราวเดียว ไนน์เทาซันด์คิงกินมันจนหมดในเวลาไม่กี่วินาที
“ฮ่า! ฮ่า! เนื้อของกิเลนศักดิ์สิทธิ์เป็นของดีจริงๆด้วย” ไนน์เทาซันด์คิงหัวเราะเหมือนกับคนบ้า เห็นได้ชัดว่าหม้อเนื้อนั้นมอบผลประโยชน์มากมายให้กับเขา
หานเซิ่นแค่มองดูอยู่ห่างๆ เขาไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ ไนน์เทาซันด์คิงกินมันเข้าไปจนหมดเหมือนอย่างที่เขากับเป่าเอ๋อทำ ไนน์เทาซันด์คิงก็เพียงแค่กินเสร็จเร็วกว่าพวกเขาเท่านั้น
“ในเมื่อพวกเจ้ารักษาสัญญา ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป” ไนน์เทาซันด์คิงเดินออกมาจากศาลาและเดินไปที่ประตูหลังของสวนศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นมองดูไนน์เทาซันด์คิงเดินไปที่ประตูหลัง เขาเปิดมันและเดินออกไป เมื่อเห็นว่าไนน์เทาซันด์คิงไปแล้ว หานเซิ่นก็หันกลับมามองที่หม้อหิน เขาต้องการดูว่าเนื้อในหม้อจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งไหม
แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากประตูทางเข้าของสวนศักดิ์สิทธิ์ เขาขมวดคิ้วและหันไปมอง “ตอนนี้มีใครมาอีกล่ะ?”
ในตอนที่หานเซิ่นเห็นคนที่เข้ามา เขาก็อึ้งไป คนที่เดินเข้ามาจากประตูทางเข้าของสวนศักดิ์สิทธิ์ก็คือไนน์เทาซันด์คิงที่เพิ่งจะเดินออกจากประตูหลังไป
“ทำไมเจ้าถึงกลับมาที่นี่อีก?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน ประตูหลังและประตูหน้าไม่ควรจะเชื่อมต่อกัน
ไนน์เทาซันด์คิงเองก็ดูสับสนเช่นกัน “แปลกจริงๆ ข้าออกไปทางประตูหลัง ทำไมข้าถึงเข้ามาจากทางประตูหน้าได้?”
หานเซิ่นตกใจกับคำพูดของไนน์เทาซันด์คิง เขารีบไปดูหม้อหินในศาลา และเขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา ในเวลาชั่วพริบตาเนื้อและน้ำซุบที่ไนน์เทาซันด์คิงเพิ่งจะกินเข้าไปนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง
เขาเห็นว่าน้ำซุบในหม้อกำลังเดือดปุดๆ มันส่งกลิ่นหอมที่น่าเอร็ดอร่อยออกมา ภาพของมันควรจะทำให้เขารู้สึกหิว แต่หานเซิ่นกลับรู้สึกหนาวขึ้นมาแทน
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?” หานเซิ่นสับสน
ตอนที่ 2940 ไทม์ลูป
เมื่อไนน์เทาซันด์คิงเห็นหานเซิ่นกำลังมองไปที่หม้อหิน เขาก็เลยเหลือบไปมองมันด้วยเช่นกัน หลังจากที่เห็นเนื้อในหม้อ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขารีบวิ่งเข้าไปในศาลาและจ้องไปที่เนื้อในหม้อหิน
ยิ่งไนน์เทาซันด์คิงมองมันมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ขึ้นเท่านั้น หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็หันมาหาหานเซิ่นและถาม
“นี่พวกเจ้าเองก็กินเนื้อในหม้อหินนี้เข้าไปเหมือนกันใช่หรือเปล่า?”
หานเซิ่นพยักหน้า แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่ได้รับคำยืนยัน สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงก็ดูแย่ยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เขารีบวิ่งไปออกไปทางประตูหน้าของสวนศักดิ์สิทธิ์ในชั่วพริบตา
เมื่อไนน์เทาซันด์คิงวิ่งออกไปแล้ว เขาก็วิ่งกลับเข้าในสวนศักดิ์สิทธิ์จากประตูหลังในทันที เมื่อเทียบกับหานเซิ่นที่ยังคงดูสงบนิ่งแล้ว สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงดูแย่มากๆ มันเหมือนกับว่าเขากำลังจะร้องไห้
“เวรเอ้ย ข้าควรจะรู้ว่าสวนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะเข้ามา” ไนน์เทาซันด์คิงพูดอย่างโมโห
หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อเดินออกไปจากประตูหน้าของสวนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่เดินออกไปจากประตู เขาก็สังเกตได้ว่าตัวเองไม่ได้ออกไปข้างนอก พวกเขายังอยู่ในสวนศักดิ์สิทธิ์และด้านหลังของพวกเขาก็คือประตูหลังของสวนศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ไนน์เทาซันด์คิงที่กำลังโมโหสะบัดมือเพื่อปลดปล่อยคลื่นกระแทกออกไปในแนวนอน มันตัดหญ้าและดอกไม้ส่วนใหญ่ที่อยู่ในสวน มันเหมือนกับว่าเขาเป็นเชฟที่กำลังหั่นต้นหอมจีน หลังจากนั้นไนน์เทาซันด์คิงก็เบิกตากว้างขณะที่เขาจ้องไปยังสวนที่ย่อยยับ
หานเซิ่นรู้ว่าไนน์เทาซันด์คิงตั้งใจจะทำอะไร เขามองไปที่หญ้าและดอกไม้ในสวนที่ถูกตัดขาดเช่นเดียวกัน ผ่านไปไม่นานก่อนที่ภาพอันแปลกประหลาดเกิดขึ้นมา สวนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสวนกลับคืนสู่สภาพเดิมต่อหน้าต่อตาพวกเขา
ต้นหญ้าทุกต้นและดอกไม้ทุกดอกกลับคืนเป็นปกติ เหมือนกับว่าพวกมันไม่เคยถูกตัดขาด ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ถึงแม้หานเซิ่นและคนอื่นๆจะมองดูมันเกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นและมันเกิดขึ้นได้ยังไง
“เวรเอ้ย! มันคือไทม์ลูป” ใบหน้าของไนน์เทาซันด์คิงดูแย่ยิ่งกว่าเดิม ดวงตาของอาวุธประจำตัวพระเจ้าของเขาเปิดออก
เมื่อดูจากระยะไกล ไนน์เทาซันด์คิงในตอนนี้ดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่มีดวงตาสีเขียวทั่วตัว ดวงตาที่ชั่วร้ายวูบวาบด้วยแสงสีเขียว พวกมันปกคลุมทั้งร่างกายของไนน์เทาซันด์คิง
Bzzt!
ดวงตาที่อยู่บนชุดเกราะปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา มันทำให้ร่างกายของไนน์เทาซันด์คิงฉีกเข้าไปในช่องว่างของอวกาศ
วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็เห็นไนน์เทาซันด์คิงปรากฏตัวออกมาจากอีกด้านช่องว่างของอวกาศ เขายังคงอยู่ภายในสวนศักดิ์สิทธิ์
“โอ้ ไม่นะ… มันคือพลังเซเคร็ด! มันคือพลังเซเคร็ดของท่านผู้นำ…”
ไนน์เทาซันด์คิงดูหวาดกลัวมากๆ ร่างกายของเขากำลังสั่นรัว
เมื่อได้ยินคำพูดของไนน์เทาซันด์คิง จู่ๆหานเซิ่นก็นึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาได้ ในตอนที่เขาเข้าร่วมการประลองบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน เสี่ยวฮวาได้ใช้ชื่อของเซเคร็ดเพื่อเข้าร่วมการประลองด้วยเช่นกัน มันดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังที่สามารถควบคุมกาลเวลาและอวกาศ
หานเซิ่นไม่มีโอกาสได้เห็นมันด้วยตัวเอง แต่เขาได้ยินผู้คนบอกว่ามันเป็นพลังที่คล้ายคลึงกับของผู้นำเซเคร็ด
แต่พลังที่เสี่ยวฮวาใช้สามารถเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของกาลเวลาเท่านั้น มันไม่เหมือนกับที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ ซึ่งทำให้พวกเขาติดอยู่ในลูปที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ถึงแม้ไนน์เทาซันด์คิงจะไม่ได้พูดเกี่ยวกับพลังเซเคร็ด สถานการณ์ในตอนนี้ก็จะทำให้ผู้คนคิดถึงไทม์ลูปอยู่ดี กาลเวลาภายในสวนศักดิ์สิทธิ์วนซ้ำไปเรื่อยๆ เวลานั้นไม่ได้เดินไปข้างหน้า นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกอย่างรอบตัวพวกเขากลับคืนสู่สภาพเดิม
มันเหมือนกับเนื้อที่ถูกกินเข้าไป ด้วยผลของไทม์ลูป เนื้อจะถูกทำให้กลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ซึ่งก็คือการกลับไปอยู่ในหม้อหิน
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ไทม์ลูปธรรมดาๆ แม้แต่มิติของอวกาศก็วนลูปด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นในตอนพวกเขาเดินออกจากประตูไป พวกเขาก็คงจะไม่วนกลับเข้าในสวนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง มันเป็นเหมือนกับแถบเมอบิอุสที่จุดเริ่มต้นและจุดจบนั้นเชื่อมต่อกัน ซึ่งไม่ว่าพวกเขาจะออกจากทางประตูหน้าหรือประตูหลัง พวกเขาก็ไม่สามารถออกไปจากสวนศักดิ์สิทธิ์ได้
หานเซิ่นคิด ‘ถ้านี่คือไทม์ลูปจริงๆ มันก็หมายความว่าถ้าพวกเราไม่มีเพียงพอที่จะทำลายพลังกาลเวลาและอวกาศในสวนศักดิ์สิทธิ์ พวกเราก็จะออกไปจากที่นี่ไม่ได้’
สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงดูซีดไป และร่างกายของเขากำลังสั่นรัว ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นอิสระและเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับท็อปของจักรวาล แต่เมื่อก่อนเขาก็เป็นแค่ทาสรับใช้คนหนึ่งในเซเคร็ด ผู้นำเซเคร็ดยังคงเป็นบุคคลที่ทรงพลังในจิตใจของเขา หลังจากที่ได้รู้ว่าสวนศักดิ์สิทธิ์ถูกควบคุมโดยพลังของผู้นำเซเคร็ด เขาก็รู้สึกสิ้นหวัง
“ไนน์เทาซันด์คิง ในเมื่อพวกเราถูกขังอยู่ที่นี้ด้วยกันแล้ว แบบนั้นทำไมนายไม่บอกฉันเกี่ยวกับพลังเซเคร็ดนี่? พวกเราควรจะช่วยกันคิดหาทางออก ไม่แน่บางทีพวกเราอาจจะหนีออกไปจากที่นี่ได้” หานเซิ่นต้องการข้อมูลจากไนน์เทาซันด์คิงเพิ่ม
ไนน์เทาซันด์คิงพูด “เป็นไปไม่ได้… พวกเราไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้ พลังเซเคร็ดของท่านผู้นำนั้นขังได้แม้กระทั่งเทพสปิริต พวกเราทุกคนจะต้องตายอยู่ที่นี่”
หานเซิ่นรู้ว่าไนน์เทาซันด์คิงกำลังตื่นตระหนก เขาจึงพยายามพูดเพื่อทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
“ถึงแม้พลังเซเคร็ดจะน่ากลัว แต่ผู้นำเซเคร็ดไม่มีเหตุผลที่จะใช้พลังนั่นกับทั้งสวนศักดิ์สิทธิ์ นายบอกเองไม่ใช่หรือว่าผู้นำเซเคร็ดรักน้องสาวมากๆ ทำไมเขาถึงจะใช้พลังเซเคร็ดเพื่อขังน้องสาวของเขาเอาไว้?”
เมื่อไนน์เทาซันด์คิงได้ยินที่หานเซิ่นพูด ดวงตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
“ใช่แล้ว ท่านผู้นำจะไม่ขังน้องสาวของเขาเอาไว้ที่นี่โดยสมบูรณ์ นั่นหมายความว่ามันต้องมีหนทางที่พวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้”
แต่หลังจากนั้นสีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาดูหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
“ไม่! น้องสาวของท่านผู้นำเหลืออายุขัยอีกไม่มาก เหตุผลที่ท่านผู้นำใช้พลังเซเคร็ดเพื่อควบคุมสวนศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะเขาต้องการจะรักษาชีวิตของน้องสาวเอาไว้ในไทม์ลูปนี่ ในที่แห่งนี้นางจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
หานเซิ่นส่ายหัว “ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ในสวนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ควรมีแค่รูปปั้น? มันควรจะมีน้องสาวของผู้นำเซเคร็ดตัวจริงอยู่ด้วย”
ไนน์เทาซันด์คิงชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาหันไปมองรูปปั้นและพูด
“ไม่! มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? ทำไมถึงมีแค่รูปปั้นอยู่ที่นี่? น้องสาวของท่านผู้นำหายไปไหนกัน? สวนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้ถูกทำลายและพลังเซเคร็ดนั้นก็ยังอยู่ดี ถ้าน้องสาวของท่านผู้นำถูกขังเอาไว้ที่นี่ นางก็ควรจะยังอยู่ที่นี่”
“ไนน์เทาซันด์คิง ตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้านายรู้เรื่องอะไร ได้โปรดพูดออกมา หลายหัวดีกว่าหัวเดียว พวกเราจะช่วยกันคิด แบบนั้นมันดีกว่าการพยายามหาทางออกด้วยตัวคนเดียว” หานเซิ่นพูด
ไนน์เทาซันด์คิงเงยหน้าขึ้นมามองหานเซิ่น เขากันฟันและพูด
“ข้าได้บอกเรื่องที่รู้ไปจนหมดแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆข้าไม่ได้รู้อะไรมาก ข้าแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานของพลังเซเคร็ดมาเรื่องหนึ่ง ตำนานบอกว่าในเซเคร็ดนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดวิธีทำลายพลังเซเคร็ดขึ้นมาได้”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?” หานเซิ่นถาม
“หานหยี่เฟย” ชื่อที่ไนน์เทาซันด์คิงพูดออกมาทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น